NovelToon NovelToon

Skyforged

ตอนที่1 จุดเริ่มต้น

ณ หมู่บ้านนักประดิษฐ์และสร้างอุปกรณ์เวทย์มนต์ เป็นหมู่บ้านที่คอยส่งอุปกรณ์เวทย์มนต์ให้กับอาณาจักรอาร์ธิออร์ มาอย่างยาวนาน

เบล ลูซิส เด็กหนุ่มอายุ 14 ปี และน้องชายฝาแฝด เมล ลูซิส ถูกทาบทามจากกลุ่มอัศวินแห่งอาณาจักรอาร์ธิออร์ เนื่องจากเมลมีพรสวรรค์ในการใช้อาวุธอย่างยอดเยี่ยมและได้ไปเข้าร่วมกับพวกอัศวิน พวกเขาเป็นลูกของนักประดิษฐ์ผู้สร้างอุปกรณ์เวทย์มนต์ที่ทำให้บินได้ และเป็นครอบครัวสุดท้ายที่ยังคงรักษาความรู้ในการสร้างอุปกรณ์บินได้

เบลมีความฝันว่าสักวันหนึ่งเขาจะทำให้หมู่บ้านกลับมามีชื่อเสียงอีกครั้งด้วยสิ่งประดิษฐ์ของเขา แต่ความฝันนั้นกลับกลายเป็นเพียงความหวังลมๆ แล้งๆ เมื่อวันหนึ่ง หมู่บ้านถูกโจมตีโดยกลุ่มปีศาจและมอนสเตอร์จำนวนมาก นำทัพโดยหนึ่งในสี่ปีศาจที่แข็งแกร่งที่สุด มิโนทอร์ที่มีขนาดใหญ่และมีปีกคล้ายมังกร ชื่อว่า อาทารอท "ฆ่าพวกมนุษย์ให้หมด" เสียงของ อาทารอทดังก้อง ทำให้ชาวบ้านต่างกวาดกลัว

ทันใดนั้นพ่อแม่ของเบลได้ยินเสียงการโจมตีจากพวกปีศาจ จึงได้นำอุปกรณ์เวทย์เข้าต่อสู้ ขณะพยายามช่วยให้เบลหนี ชาวบ้านทั้งหมดก็ถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยม ไม่มีใครรอดชีวิต แม้แต่พ่อแม่ก็ตามในวินาทีสุดท้าย พ่อของเบลได้มอบสร้อยเวทย์บินได้ให้กับเขา และพูดด้วยเสียงอ่อนแรงว่า

"เบล... ลูกมีพรสวรรค์... จงมีชีวิตรอด... และนำสิ่งนี้ไปด้วย... อย่าตายนะ..."

หลังจากนั้น พ่อก็เสียชีวิตลง หมู่บ้านไหม้เป็นจุลไม่เหลือสิ่งใดมีเพียงเปลวเพลิงและกลิ่นเลือดเต็มไปหมด

เบลรู้สึกโกรธแค้นและเศร้าเสียใจจนพูดออกมาด้วยความเจ็บปวด

"ฉันจะจัดการพวกมันให้หมด!"

เบลวิ่งออกจากหมู่บ้านที่ถูกไฟไหม้ด้วยความหวาดกลัว หัวใจของเขาทุบตึกตักเหมือนจะระเบิดออกมา เสียงร้องโหยหวนของปีศาจและมอนสเตอร์ดังก้องไปทั่วหมู่บ้าน กลิ่นควันและเลือดคลุ้งไปทั่วอากาศ เขากอดสร้อยเวทย์บินได้ที่พ่อมอบให้แน่น ขณะที่น้ำตาไหลอาบแก้ม

"ฉันต้องรอด... ฉันต้องรอด..." เขาพึมพำกับตัวเอง

ทันใดนั้น เสียงฝีเท้าอันหนักหน่วงดังขึ้นข้างหลังเขา เบลหันไปมองและเห็นอาทารอท ปีศาจร่างยักษ์ที่มีปีกคล้ายมังกรกำลังเดินเข้ามา ดวงตาแดงก่ำของมันจับจ้องมาที่เบลราวกับจะกลืนเขาทั้งเป็น

"มนุษย์ตัวเล็ก... เจ้าคิดว่าจะหนีไปได้หรอก?" อาทารอทคำรามด้วยเสียงที่ทำให้พื้นดินสั่นสะเทือน

เบลรู้สึกขาสั่น แต่เขาก็จำคำพูดสุดท้ายของพ่อได้

"เบล... จงมีชีวิตรอด..."

เขาใช้สร้อยเวทย์บินได้อย่างรวดเร็ว พลังเวทย์มนต์พุ่งออกมาและครอบเวทย์มนต์รอบตัวของเขา เบลกระโดดขึ้นฟ้าในขณะที่อาทารอทตวัดกรงเล็บมาที่เขา แต่กรงเล็บนั้นเพียงเฉี่ยวเสื้อของเบลเท่านั้น

"เจ้าคิดว่าบินได้แล้วจะรอดหรอก?" อาทารอทคำรามอีกครั้ง มันกางปีกขนาดใหญ่และพุ่งขึ้นตามเบลทันที

เบลบินไปท่ามกลางซากปรักหักพังของหมู่บ้าน เขาพยายามหลบหลีกการโจมตีของอาทารอท แต่ปีศาจตัวนั้นเร็วและแข็งแกร่งเกินไป มันตวัดหางมาที่เบลอย่างแรง เบลหลบไม่ทันและถูกกระแทกจนหมุนติ้ว เขาร่วงลงไปยังพื้นดินอย่างแรง แต่ก็รีบลุกขึ้นและบินต่อ

"ฉันต้องไปให้ไกลกว่านี้..." เขาคิด

เบลมองไปรอบๆ และเห็นป่าใหญ่ที่อยู่ไกลออกไป เขาตัดสินใจบินไปทางนั้น และ พบชายแก่นิรนาม

"มาทำอะไรอยู่ที่นี่หาหนุ่มน้อย"ชายแก่พูด

ทันใดนั้นอาทารอทก็ปรากฏตัวต่อหน้าทั้ง2แล้วพูด

"เจอตัวสักทีได้เวลาตายแล้วมันเวลาเล่นสนุกกันแล้วฮ่าๆๆ"

"....ฮ่าๆ มาขำใส่ฉันหรอเป็นแค่มิโนทอร์ " ชายแก่พูด

อาทารอทเมื่อได้ฟังที่ชายแก่พูดก็เอาขวานยักษ์ขนาดมหึมา ฟาดฟันไปที่ชายแก่ด้วยความโมโหอย่างรุนแรง

จากการฟาดขวานของอามารอททำให้เกิดพายุซัดเบลกระเด็นกระแทกต้นไม้จนสลบไป

ชายแก่รับขวานของอาทารอทด้วยมือข้างเดียวและพูดว่า

"ทำได้แค่นี้เองหรอ สมกับเป็นแค่มิโนทอร์ จริงๆ"

อาทารอท สัมผัสได้ถึงแรงกดดันมหาศาลจากชายแก่นิรนาม จึงได้ทำการถอยออกและจากไป "คราวหน้าจะต้องจัดการแก่ให้ได้"

ชายแก่นิรนามได้แต่มอง อาทารอท บินจากไป

และได้พาตัวเบลที่สลบไปกับเขา

"ชั่งเป็นเด็กที่โชคร้ายจริงๆ"

--

จบตอน

ตอนที่ 2 ลูกศิษย์

ตอนที่ 2: ลูกศิษย์

เสียงไฟในเตาผิงลุกไหม้เบาๆ กลิ่นของเนื้อย่างลอยคลุ้งไปทั่วกระท่อมไม้เก่ากลางป่า เบล ลูซิส ลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความมึนงง ร่างกายของเขายังเต็มไปด้วยรอยแผลและความเหนื่อยล้าจากเหตุการณ์เลวร้ายในอดีต เมื่อหันไปมองรอบตัว เขาพบชายชราผู้หนึ่งนั่งอยู่ตรงข้าม

"ตื่นแล้วสินะ เจ้าหนู" ชายแก่พูดขึ้นโดยไม่หันมามอง

เบลมองชายแก่ด้วยความสงสัย ก่อนจะจำได้ว่าเขาถูกช่วยชีวิตจาก "อาทารอท"

"คุณเป็นใคร?"

ชายแก่หันมามอง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความหนักแน่นและผ่านสงครามมานับไม่ถ้วน "ชื่อข้าคือ ไคลน์ คนที่ช่วยชีวิตเจ้ายังล่ะ

"ทำไมคุณถึงช่วยผมไว้ล่ะ"เบลได้ถามไคลน์

ไคลน์หัวเราะเสียงต่ำ ฉันก็แค่ผ่านมาทางนั้นพอดีและฉันก็ไม่อยากมาเห็นใครตายต่อหน้าซะด้วยซิ

แต่ว่าคุณแข็งแกร่งมาเลยนะครับที่สามารถไล่ อาทารอท กลับไปได้

" เจ้านั้นมันก็เป็นแค่มิโนทอร์ มันไม่ใช่เรื่องยากหรอ ถ้าเจ้าแข็งกว่านี้ก็คงจัดการได้ไม่ยาก " ไคลน์พูด

เบลคุ้นคิดและได้ขอร้องไคนล์ ให้ช่วยฝึกฝน

"ช่วยฝึกฉันด้วย ฉันต้องการพลัง!"

ไคลน์มองเบลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า "ได้สิ ถ้าเจ้าอยากแข็งแกร่ง... ข้าจะฝึกเจ้า แต่ถ้าเจ้าตายข้าก็ไม่รับผิดชอบเรื่องนั้นแล้วกัน"

 

การฝึกฝนที่โหดร้าย

ตั้งแต่วันนั้น เบลถูกฝึกอย่างหนักทุกวัน ตั้งแต่เช้าจนถึงค่ำ ไคลน์ไม่ได้สอนแค่การใช้ดาบและอาวุธเท่านั้น แต่ยังสอน การเอาตัวรอด การต่อสู้แบบยุทธวิธี และการควบคุมอารมณ์ในการรบ

"นักรบที่แท้จริงไม่ใช่แค่คนที่แข็งแกร่ง แต่เป็นคนที่รู้ว่าเมื่อไหร่ควรต่อสู้ และเมื่อไหร่ควรถอย" ไคลน์กล่าวขณะโยนดาบไม้ให้เบล

เบลต้องฝึกต่อสู้กับไคลน์ทุกวัน แม้จะล้มลงกี่ครั้ง ไคลน์ก็ไม่เคยปรานี "เจ้าต้องเรียนรู้ด้วยตัวเอง ไม่มีใครช่วยเจ้าตลอดไป"

นอกจากการต่อสู้ ไคลน์ยังสอนให้เบล ล่าสัตว์ หาอาหาร และสร้างอาวุญ,กับดัก เพื่อให้เขาอยู่รอดได้

บททดสอบครั้งแรกที่หุบเขามาร

สองปีผ่านไป เบลอายุ 16 ปีแล้ว ร่างกายของเขาถูกหล่อหลอมจากการฝึกฝนอย่างหนักทุกวัน แต่ถึงแม้เขาจะเรียนรู้วิชาดาบและการต่อสู้จากไคลน์ เขาก็ยังไม่เคยเผชิญหน้ากับศัตรูที่แท้จริงมาก่อน

วันนี้ ไคลน์พาเขามายัง หุบเขามาร—สถานที่ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแดนต้องห้ามของนักเดินทาง หนทางเต็มไปด้วยโขดหินสูงชันและต้นไม้แห้งตาย กลิ่นเหม็นคาวเลือดและซากศพเน่าเปื่อยของสัตว์ป่าที่ถูกฉีกขาดเป็นชิ้นๆ ลอยตลบอบอวล

“วันนี้คือบททดสอบของเจ้า” ไคลน์กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ พร้อมกับชี้ไปยังเงาตะคุ่มขนาดมหึมาในเงามืด

เบลเพ่งมองไปและพบกับ ออร์คคลั่ง—อสูรร่างยักษ์สูงกว่าสามเมตร ผิวหนังของมันหยาบกร้านเต็มไปด้วยรอยแผลเก่า ดวงตาของมันเปล่งประกายสีแดงก่ำ ขณะที่มันยืนอยู่ท่ามกลางซากของสัตว์ที่ถูกฉีกกระชากจนเลือดไหลนองพื้น

“เจ้าต้องฆ่ามันด้วยตัวเอง” ไคลน์ประกาศ

เบลกำดาบแน่น แม้จะรู้สึกกดดัน แต่เขาก็ไม่มีทางเลือก เขาต้องผ่านบททดสอบนี้เพื่อก้าวไปข้างหน้า!

เบลพุ่งเข้าใส่ออร์คคลั่งทันที!

เคร้ง! เสียงโลหะปะทะกันดังก้องไปทั่วหุบเขา ดาบของเบลกระแทกเข้ากับขวานขนาดใหญ่ของออร์ค แรงปะทะรุนแรงจนร่างของเขาแทบปลิว

“อึก!” เบลกระเด็นไปกระแทกพื้น หินแหลมบาดแขนเขาจนเลือดไหลซิบ

ออร์คคลั่งคำรามลั่นก่อนจะกวัดแกว่งขวานอีกครั้ง แรงลมจากอาวุธของมันทำให้เศษหินและฝุ่นพุ่งกระจาย เบลพยายามกลิ้งตัวหลบ แต่ก็ช้าไปเพียงเสี้ยววินาที

ฉัวะ!

ขอบของขวานเฉือนผ่านไหล่ของเขา เลือดสีแดงสดสาดกระเซ็นออกมาเป็นสาย เบลกัดฟันแน่น รู้สึกได้ถึงความร้อนของเลือดที่ไหลอาบแผ่นหลัง

“ใจร้อนเกินไป เจ้ายังใช้ความแค้นในการต่อสู้” เสียงของไคลน์ดังขึ้นเตือนสติ

เบลกัดฟันแน่น สูดลมหายใจเข้าลึก เขาต้องสงบสติอารมณ์!

‘อย่าปะทะตรงๆ จงหาจุดอ่อนของศัตรู’

เขากวาดตามองร่างของออร์คและสังเกตเห็น แผลเป็นเก่าที่หัวเข่าของมัน!

เบลปรับแผนใหม่ เขาจะไม่สู้แบบตรงๆ อีกแล้ว!

เบลใช้ความเร็วของเขาวิ่งวนรอบออร์ค หลอกล่อให้มันโจมตีพลาด

ออร์คคลั่งคำรามลั่นก่อนจะเหวี่ยงขวานลงมาเต็มแรง!

ตึง! พื้นดินสั่นสะเทือนราวกับเกิดแผ่นดินไหว ขวานของมันกระแทกพื้นจนหินแตกกระจาย แต่เบลไวกว่ามัน

เขาอ้อมไปด้านหลังของมันและเงื้อดาบขึ้นสูง

ฉัวะ!

ปลายดาบของเขาฟันเข้าที่หัวเข่าของออร์ค เลือดดำทะลักออกมาเป็นสาย

“กรออออก!!” ออร์คคลั่งคำรามอย่างบ้าคลั่งก่อนที่ร่างของมันจะเสียสมดุลและทรุดฮวบลงกับพื้น

เบลไม่ปล่อยให้เสียโอกาส!

เขากระโดดขึ้นไปบนแผ่นหลังของมันก่อนจะเงื้อดาบขึ้นสูงสุดแรง

“ตายซะ!!!”

ฉึก!!

ปลายดาบของเบลดิ่งทะลวงลงกลางกะโหลกของออร์คคลั่ง เลือดสีดำพุ่งกระเซ็นออกมาเป็นละออง ร่างของมันกระตุกอย่างรุนแรง เล็บแหลมข่วนลงบนพื้นทิ้งร่องรอยลึก

เลือดทะลักออกจากบาดแผลจนเจิ่งนองพื้น กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่ว เบลหอบหายใจหนัก ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยคราบเลือด ทั้งของตัวเองและของออร์ค

เขาชนะแล้ว!

ไคลน์เดินเข้ามาใกล้ ยืนมองร่างไร้วิญญาณของออร์คที่จมกองเลือด ก่อนจะพยักหน้าอย่างพอใจ

“เจ้ากำลังก้าวสู่การเป็นนักรบที่แท้จริงแล้ว”

เบลเงยหน้ามองอาจารย์ของตนเอง แม้จะเหนื่อยล้า แต่ดวงตาของเขากลับเปล่งประกาย นี่ไม่ใช่แค่ชัยชนะ แต่มันคือก้าวแรกของเส้นทางที่เต็มไปด้วยเลือดและความตายของเขา

หุบเขามารเงียบสงัด …มีเพียงสายลมที่พัดพากลิ่นเลือดให้ฟุ้งกระจายไปทั่ว

"ทำได้ดีมากเบลถึงแม้จะบาดเจ็บสาหัส"ไคลน์พูดพร้อมอย่างพอใจ

"แต่จงระวัง เจ้ามีฝีมือ แต่ด้อยประสบการณ์ เพราะงั้นจงอย่าประมาทศัตรูที่อยู่ตรงหน้า" ไคลน์พูดตักเตือน

"ขอบคุณครับ อาจารย์ ผมจะพยายามให้มากกว่านี้"เบลกล่าวพร้อมก้มคำนับ

หลังจากการต่อสู้อันดุเดือดทั้งคู่ได้ไปตั้งแคมป์อยู่ที่หุบเขามารต่อ

ค่ำคืนในหุบเขามารเต็มไปด้วยสายลมหนาวที่พัดผ่านต้นไม้แห้งกรอบ ไฟจากกองฟืนลุกไหม้เสียงดัง "เปรี๊ยะๆ" ให้ความอบอุ่นท่ามกลางความมืดมิด เบลนั่งพิงต้นไม้ใหญ่ พลางใช้ผ้าพันแผลพันบาดแผลตามแขนและไหล่ของตัวเอง หลังจากการต่อสู้กับออร์คคลั่ง แม้จะเหนื่อยล้า แต่ดวงตาของเขายังเปล่งประกายจากชัยชนะที่เพิ่งผ่านมา

ตรงข้ามกับเขา ไคลน์กำลังนั่งเหลาเนื้อสัตว์ที่ล่าได้ เสียงมีดขูดกับกระดูกดังขึ้นเบาๆ ท่ามกลางความเงียบสงบของค่ำคืน

"เจ้าทำได้ดี เบล" ไคลน์เอ่ยขึ้น พลางโยนไม้เสียบเนื้อให้เบล

"ขอบคุณครับ อาจารย์" เบลรับเนื้อนั้นมา ก่อนจะย่างบนกองไฟ

ทั้งสองนั่งกินอาหารกันเงียบๆ เบลแอบมองไคลน์อยู่พักหนึ่ง เขาสังเกตเห็นรอยแผลเป็นนับไม่ถ้วนบนร่างกายของชายชรา รวมถึงสายตาที่เต็มไปด้วยความหนักแน่น มันเป็นสายตาของคนที่ผ่านสงครามและการต่อสู้นับไม่ถ้วน

ในที่สุด เบลก็อดไม่ได้ที่จะถาม

"อาจารย์... ท่านเคยผ่านอะไรมา ทำไมถึงเก่งขนาดนี้?"

จบตอน

อดีตของ .

ไคลน์เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจยาว ดวงตาของเขามองไปยังเปลวไฟที่เต้นไหวราวกับกำลังย้อนมองอดีตของตัวเอง

"ข้าเคยเป็นนักล่ามังกร แต่นั่นเป็นเรื่องเมื่อนานมาแล้ว" ไคลน์เริ่มเล่าเสียงเรียบ

"ข้าเกิดในอาณาจักรอาร์ธิออร์ ในตระกูลนักล่าที่เก่าแก่ที่สุด ครอบครัวของข้าทุกคนล้วนเป็นนักล่าผู้ยิ่งใหญ่ ข้าถูกฝึกตั้งแต่เด็ก เพื่อให้เป็นนักล่าที่แข็งแกร่งที่สุด"

เบลฟังอย่างตั้งใจ ไคลน์เว้นจังหวะก่อนจะพูดต่อ

"ข้าเคยต่อสู้กับสัตว์ร้ายมากมาย... ออร์ค, กอบลิน, ปีศาจเงา แต่ศัตรูที่ข้าล่ามากที่สุดคือ 'มังกร' "

เบลเบิกตากว้าง "มังกรเหรอครับ!?"

ไคลน์พยักหน้า "ใช่... ข้าเป็น 'นักล่ามังกร' "

เบลกลืนน้ำลาย มองไคลน์ด้วยความตกตะลึง เขาเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับนักล่ามังกรจากตำนานเก่าแก่ แต่เขาไม่เคยคิดว่าจะได้พบเจอตัวเป็นๆ

"ข้าใช้ชีวิตอยู่กับการตามล่ามังกร ฆ่าพวกมันเพื่อนำเขา เลือด และเกล็ดมาสร้างอาวุธหรือขายให้กับขุนนาง" ไคลน์กล่าวต่อ น้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยความขมขื่น

"แต่วันหนึ่ง... ข้าก็ได้พบกับ "ราชามังกร" มังกรที่มีขนาดใหญ่มหึมา ดูร้ายและมีสติปัญญา ตอนนั้นแหละที่ทำให้ฉันรู้สึกประหม่า นามของมังกรตัวนั้นคือ กาธารัส "

ไคลน์เงียบไปครู่หนึ่ง ดวงตาของเขาสั่นไหวเมื่อพูดถึงชื่อนั้น

"กาธารัส... ราชามังกรแห่งเหล่ามักรทั้งหลาย" เขากล่าวเสียงแผ่ว "มันไม่ได้เป็นเพียงแค่สัตว์ร้าย แต่มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่ฉลาดกว่ามังกรที่ข้าเคยเผชิญหน้า"

เบลกลืนน้ำลาย รอคอยให้ไคลน์เล่าต่อ

"ข้าได้เข้าปะทะกับกาธารัส... แม้ข้าจะไม่รู้ว่าจะชนะได้หรือไม่"

"เบล จงฟังสิ่งที่ข้าจะเล่าให้ต่อจากนี้ คือการต่อสู้ระหว่างข้ากับกาธารัส"

ไคลน์พูดด้วยสีหน้าจริงจัง

[กลางหุบเขามืดมิดที่ปกคลุมไปด้วยหมอกดำ กลิ่นกำมะถันและเถ้าถ่านอบอวลไปทั่ว ผืนดินแตกระแหงราวกับถูกเผาไหม้เป็นเวลาหลายร้อยปี บรรยากาศโดยรอบเงียบงันจนผิดธรรมชาติ มีเพียงเสียงลมหวีดหวิวราวกับเสียงคร่ำครวญของดวงวิญญาณที่ดับสูญ

ไคลน์ยืนอยู่บนยอดหินสูง มือของเขากำแน่นรอบคันธนูที่สร้างจากกระดูกมังกรโบราณ ขณะที่ดาบยาวที่สะพายอยู่บนหลังเปล่งแสงสีเงินจาง ๆ ดวงตาของเขาแน่วแน่ ทอประกายดุดันราวกับสัตว์นักล่าที่กำลังจ้องเหยื่อ

"ข้ารู้ว่าเจ้าอยู่ที่นี่ ราชามังกร"

เสียงของไคลน์ดังสะท้อนไปทั่วหุบเขาราวกับคำประกาศสงคราม ทันใดนั้น เสียงคำรามดังกึกก้องทำให้พื้นดินสั่นสะเทือน

"กร๊ออออออออออวววววว!!!!"

เปลวไฟสีดำพวยพุ่งขึ้นจากรอยแยกของหุบเขา หินผาสั่นไหวราวกับจะพังทลาย จากเงามืดขนาดมหึมาที่กำลังก่อตัวขึ้น

"ราชามังกร กาธารัส"

ร่างอันมหึมาสีดำสนิทโผล่ออกมาจากเงา เกล็ดของมันไม่ใช่เพียงเกราะป้องกันธรรมดา แต่มันหนาและแข็งราวกับโลหะที่หลอมรวมกับเวทมนตร์ชั่วร้าย ดวงตาสีแดงลุกโชนดั่งเปลวไฟจากขุมนรก เมื่อมันก้าวออกมาแต่ละก้าวส่งแรงสั่นสะเทือนไปทั่ว ปีกขนาดมหึมาสยายออกบดบังแสงจันทร์ทั้งมวล อำนาจมืดมหาศาลพุ่งออกมาจากร่างของมัน ราวกับพายุแห่งหายนะ

"ข้ามีนามว่า กาธารัส มนุษย์... เจ้ามาเพื่อท้าท้ายข้าใช่หรือไม่?"

เสียงของมันดังกึกก้องเหมือนฟ้าผ่า กระแทกเข้ามาในโสตประสาทราวกับคมมีดแทงทะลุหัวใจ

ไคลน์ไม่ตอบ เขายกธนูขึ้น ลูกศรเวทมนตร์สีฟ้าส่องประกายกลางอากาศก่อนจะพุ่งออกไป

ฟิ้ววววววว—!!!

ลูกศรพุ่งทะยานไปด้วยความเร็วสูง แต่ในพริบตาเดียว กาธารัสเพียงสะบัดปีกครั้งเดียวก็สร้างพายุเวทย์มหาศาลที่บดขยี้ลูกศรให้แตกเป็นเสี่ยง ๆ

"แค่นี้รึ? อ่อนแอนัก!!"

เปรี้ยงงงง!!!!

กาธารัสอ้าปากพ่นลูกไฟสีดำมหึมาออกมา เปลวเพลิงกลืนกินทุกสิ่งที่ขวางหน้า ไอร้อนมหาศาลทำให้ก้อนหินแตกกระจายเป็นเสี่ยง ๆ พื้นดินใต้เท้าไคลน์ละลายเป็นของเหลว

ตูมมมมมมม!!!!!

ไคลน์กระโดดถอยหลังอย่างฉับพลัน ร่ายเวทย์สร้างโล่พลังสีเงินขึ้นมาป้องกัน แต่พลังของมันรุนแรงเกินไป โล่แตกเป็นเสี่ยง ๆ ก่อนที่แรงระเบิดจะซัดร่างของไคลน์กระเด็นไปกระแทกกับก้อนหินด้านหลัง

"อึก…!"

เขากระอักเลือดออกมา แม้จะป้องกันบางส่วนได้ แต่คลื่นพลังนั้นรุนแรงราวกับจะฉีกกระชากร่างของเขาออกเป็นชิ้น ๆ

"มนุษย์... เจ้ามันก็แค่หนอนที่ไร้ค่า"

เสียงของกาธารัสดังกึกก้อง ดวงตาของมันมองไคลน์เหมือนกำลังมองเศษซากไร้ค่า มันยกกรงเล็บขนาดมหึมาขึ้นก่อนจะฟาดลงมา

"ตายซะ!!!"

ตูมมมมมม!!!!

พื้นหินแตกกระจายเป็นรอยลึกยาวหลายเมตร แต่ไคลน์หายไปแล้ว!

"หึ… คิดว่าข้าจะตายง่าย ๆ รึไง?"

เสียงของไคลน์ดังขึ้นจากด้านข้าง ก่อนที่ร่างของเขาจะพุ่งออกมาจากกลุ่มฝุ่นควัน ดาบสีฟ้าในมือของเขาเปล่งแสงแรงกล้า

"เจ้านี่แหละที่ต้องตาย!"

ไคลน์กระโจนขึ้นไปกลางอากาศ หมุนตัวพร้อมเหวี่ยงดาบลงมาด้วยแรงทั้งหมดของเขา

ฉัวะ!!!!

คมดาบตัดผ่านเกล็ดดำสนิทของกาธารัส เกล็ดบางส่วนแตกกระจาย เลือดสีดำสนิทไหลทะลักออกมา เสียงคำรามด้วยความเจ็บปวดดังสะท้อนไปทั่วหุบเขา

"กร๊อออออออววววววว!!!!!"

แต่เพียงเสี้ยววินาทีถัดมา กาธารัสสะบัดตัวอย่างรุนแรง อากาศรอบตัวมันบิดเบี้ยวจากพลังเวทย์มหาศาล ปีกของมันกระพือก่อให้เกิดพายุคลั่งซัดร่างของไคลน์กระเด็นไปกระแทกกับพื้น

โครมมมมมม!!!!

เสียงกระดูกหักดังขึ้น ร่างของไคลน์กระแทกกับหินอย่างรุนแรง เลือดไหลออกมาจากมุมปาก ขาทั้งสองข้างแทบจะขยับไม่ได้

กาธารัสหัวเราะเสียงต่ำ ร่างของมันค่อย ๆ ก้าวเข้ามาหาไคลน์ ดวงตาสีแดงของมันเปล่งประกายเจิดจ้า

"นี่รึคือสิ่งที่เจ้าคิดว่าจะมาหยุดข้า? เจ้าอ่อนแอเกินไป! มนุษย์ที่กล้าท้าทายข้า ไม่มีใครรอดชีวิต!"

มังกรยักษ์แสยะยิ้ม ก่อนจะอ้าปากขึ้น เปลวไฟสีดำก่อตัวเป็นก้อนพลังมหึมา ไอร้อนพวยพุ่งราวกับจะหลอมละลายทุกสิ่ง

นี่คือความแตกต่างระหว่างมนุษย์กับราชาแห่งมังกร

ไคลน์รู้ว่าเขาไม่อาจรอช้าได้อีก หากปล่อยให้มันโจมตีต่อไป นี่จะเป็นจุดจบของเขา!

แม้ร่างกายจะปวดร้าวจากบาดแผล แม้แขนขาจะสั่นสะท้านจากความเหนื่อยล้า แต่ดวงตาของเขายังคงเต็มไปด้วยประกายแห่งการต่อสู้

"ข้ายังไม่แพ้…!"

ไคลน์กัดฟัน รวบรวมพลังเวทย์ทั้งหมดที่มีในร่าง

"เวทย์ต้องห้าม – บ่วงตรวนจันทรา!"]

จบตอน.

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!