NovelToon NovelToon

รักราวดอกทานตะวัน

รักราวดอกทานตะวัน 1

   ตัวฉันมีชื่อว่า อารีฟ ฉันได้ไปเกิดในนิยายที่มีชื่อว่า "รักดวงตะวันทอดทิ้งจันทรา" ในนิยายเรื่องนี้ มีพระเอก คือองค์รัชทายาท หรือเรียกอีกอย่างว่า ดวงตะวันของอาณาจักร เขามีนามว่า เอลฟา ส่วนนางเอก นาเนีย เป็นผู้หญิงขายดอกไม้ ซึ่งเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในวังหลวง ส่วนพระรองหรือองค์ชายรอง หรือดวงจันทราของอาณาจักร มีนามว่า ลันเซีย เป็นพระรองผู้ที่ได้รักกับนาเนียก่อน แต่นางเอกกลับคิดกับเขาแค่เพื่อน เมื่อนาเนีย กับ เอลฟา ได้พบกัน กลับตกหลุมรักกันได้อย่างไม่มีเงื่อนไข ทั้งสองรักไคร่และฟันฝ่าทุกอุปสรรค์จนได้ครองคู่กันในที่สุด ส่วน ลันเซีย กลับต้องไปเป็นเจ้าเมืองทางใต้ของจักรวรรดิ์ ต้องโดดเดี่ยวและแบกรับความรู้สึกสูญเสียทั้งหมดไว้แต่เพียงผู้เดียว

  และแน่นอน ฉันได้เกิดใหม่เป็นเจ้าหญิง วิโอเน่ ที่อยู่อาญาจักรข้างๆ เป็นอาณาจักรเล็กที่ไม่มีความสำคัญในเรื่องและเป็นพันธมิตรกับอาณาจักรเอเลโซ่มานาน ซึ่งตอนนี้เนื้อเรื่องนั้น ดำเนินมาจนถึงตอนที่ฉันต้องไปเข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองการขึ้นครองราชของจักรพรรดิ์เอเลโซ่ที่ 2 แน่นอน ในงานนี้จะเป็นงานเต้นรำแรกของพระเอกกับนางเอก ฉันก็ไม่มีบทแล้ว ไม่รู้ว่าตัวประกอบเขาทำไรกันระหว่างตอนพระเอกนางเอกเต้นรำ

" วิโอเน่ เจ้าพร้อมจะเดินทางหรือยัง " เสียงพี่ชายของวิโอเน่พูดขึ้น เวเนีย เป็นพี่ชายที่ติดน้องสาวมาก ชอบไปเล่าเกี่ยวกับน้องสาวตัวเองในเอลฟา ฟัง และเอลฟาเคยบอกว่าอยากพบ วิโอเน่สักครั้ง ถ้าหากว่า เอลฟากับวิโอเน่พบกันก่อน นาเนีย เอลฟากับวิโอเน่อาจตกหลุมรักกันก็เป็นไปได้ และแน่นอนว่า มันจะไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะเอลฟา ได้พบกับนาเนียเมื่อตอนออกไปเที่ยวเล่นก่อนงานนี้เริ่มขึ้น 2-3 ปี

" ข้ารู้หรอกน่า " ฉันเอ่ยขึ้น พร้อมกับหยิบโบว์สีดำติดมือมาด้วย

" เมื่อไหร่เจ้าจะทิ้งโบว์สีดำนั้น " เวเนียกล่าวพลางคิ้วขมวด

" ก็ข้าชอบมันนิ หากท่านไม่ชอบมันก็เรื่องของท่าน " ฉันทำเสียงดุพลางมือท้าวสะเอว

" เห้อ งั้นก็แล้วแต่เจ้า มา เดี๋ยวข้าผูกให้ " เวเนียทำเสียงแผ่ว ก่อนจะจับโบว์สีดำไปผูกผมให้วิโอเน่

" ไปงานแบบนี้ ใครใช้ผูกผมกัน ผูกข้อมือก็แล้วกัน " ฉันกล่าวพลางยื่นมือที่กำโบว์อยู่ให้เวเนีย

 เมื่อมาถึงจักรวรรดิ์เอเลโซ่แล้ว ตัวประกอบแบบฉันกลับโดนพวกลูกดยุคแกล้งซะงั้น

" เธอเป็นใครกัน เป็นลูกดยุคคนไหนหรือ หรือเป็นลูกดยุคบ้านนอก " เสียงเด็กผู้หญิงคนหนึ่งพูดก่อนหัวเราะเยาะ

" วิโอเน่ ริชเซียน่า จำชื่อนี้ไว้นะ " ฉันพูดพลางมองหน้าเด็กคนนั้น นึกว่าใคร เดร่า ลูกดยุค ซาเรส ที่จะถูกปลดในวันนี้ต่อหน้าชนชั้นสูง เพราะติดต่อกับกบฏ

" ฉันไม่จำชื่อ วิโอเน่ ขยะเปียกหรอกนะ " เดร่ากล่าวพลางขำกับลูกดยุคคนอื่นๆ

" งั้นก็ดี ระวังขยะเปียกจะเป็นเธอละกัน " ฉันกล่าวพลางเดินไปหาพี่ชายที่โบกมือเรียกอยู่ไกลๆ

" คุยกับเพื่อนรุ่นเดียวกันหรอ " เวเนียกล่าว

" ไม่ใช่ " ฉันกล่าวพลางทำหน้าไม่สบอารมณ์

" นี่คือสหายข้า เอลฟา " เวเนียกล่าวเสียงใส

" สวัสดีค่ะ องค์รัชทายาท " ฉันกล่าวพลางก้มหัวเบาๆ

" ครับ คงเป็น วิโอเน่ สินะครับ น่ารักแล้วก็ดูสง่างามมากครับ " เขากล่าวพลางยิ้มเบาๆ

"ขอบคุณค่ะ พิธีใกล้เริ่มแล้วนะคะ คุณควรไปเตรียมตัวนะคะ " วิโอเน่เอ่ยเบาๆ ก่อนจะมองหน้าเอลฟา

" ครับ ไปก่อนนะเวเนีย " เสียงของเอลฟาก็เหมือนกับพระเอกทั่วไป เสียงหล่อเหลาชวนหลงไหล ซึ่งฉันไม่หวั่นไหวหรอกนะ ที่ทำให้หวั่นไหวได้ มีเพียงพระรองเท่านั้น! (เพราะพระเอกเป็นของนางเอก พระรองเป็นของทุกคนไงละ)

  เมื่อพิธีเริ่มและดำเนินมาถึง การมอบของขวัญให้กษัตริย์เอเลโซ่ที่ 2 แน่นอน ก็ต้องให้ฝั่งของอาณาจักรเอเลโซ่มอบก่อน อาณาจักรต่อไปถึงจะได้มอบ เมื่อเวลามาถึง

" ขอถวายบังคมแด่กษัตริย์เอเลโซ่ที่ 2 กษัตริย์แห่งริชเซียน่า เดริช ริชเซียน่า องค์รัชทายาทแห่งริชเซียน่า เวเนีย ริชเซียน่า เจ้าหญิง วิโอเน่ ริชเซียน่า มามอบของขวัญแด่กษัตริย์เอเลโซ่ที่ 2 ด้วยพระองค์เองขอรับ " เสียงของดยุคน้อยใหญ่ต่างซุบซิบกันใหญ่

" ถวายบังคมกษัตริย์เอเลโซ่ที่ 2 " เสียงของเดริช กล่าว

" อย่ากล่าวเช่นนี้เลยสหายข้า ปล่อยเด็กพวกนี้ไปสนุกสนานกับงานเถิด ข้ากับเจ้าเปรียบเสมือนพี่น้อง เติบโตมาด้วยกัน เอาๆ ไปสนุกสนานกันเถิด " เอเลโซ่ที่ 2 กล่าวหรือ เอเฟีย เลเอโซ่ กล่าวด้วยรอยยิ้ม

" ขอบพระทัยขอรับ " เวเนียกล่าว

" ขอบพระทัยเพคะ " วิโอเน่กล่าว

" ไปหา เอลฟากันเถอะ " เวเนียกล่าวชักชวน

" ท่านไปเถอะ ข้าทำโบว์สีดำหาย ข้าจะไปตามหามันน่ะ " ฉันพยายามมองรอบตัวมาสักพักแล้วก็ไม่เจอ

" หาเจอแล้วก็รีบกลับมาล่ะ " เวเนียกล่าวก่อนเดินออกไป

ฉันเดินตามหาโบว์นั้นจนไปเจอสวนหลังวังเข้า

ดอกไม้หลากหลายสีสันช่างสวยงาม ผีเสื้อบินราวใบไม้โปรยปราย สวยงามเกินพรรณนา

" เจ้าเป็นใคร มาที่นี่ทำไม มีจุดประสงค์ใด " เสียงของใครบางคนกล่าว เสียงนั้นดูดุดัน หนักแน่น แต่กลับดูนุ่มนวล

" ข้ามาหาโบว์สีดำ ดำไม่วาว ยาวประมาณ 1 ช่วงแขน ท่านได้พบเห็นบ้างหรือไม่ " ฉันตอบไปพลางหันซ้ายแลขวา

" มันสำคัญหรือไม่ หรือมีความหมายกับเจ้าหรือไม่ " เสียงนั้นถามขึ้นอีกครั้ง

" มันเป็นสิ่งแรกที่ข้าชอบ และมันเป็นสิ่งแรกที่ท่านแม่มอบให้ข้าและเป็นสิ่งแรกที่ท่านพ่อผูกผมให้ข้า ไม่ทราบว่า ความหมายมันมากพอหรือไม่ " ฉันตอบแต่สายตายังมองหาต้นเสียงนั้น

" มีแค่นี้หรือ " เสียงนั้นถามขึ้นอีก

" ใช่ มีแค่นี้ " ฉันตอบไป

" กลับไปที่งานซะ ที่นี่ไม่มีโบว์นั้นหรอก " เสียงนั้นตอบ

" แล้วท่านจะยื้อข้าไว้ทำไมเล่า " ฉันตอบอย่างโมโหป่นหงุดหงิดเล็กน้อย

ในหาโบว์ไม่เจอแล้วจึงได้แต่ตัดใจ แต่ก็นะ พระรองที่อยากเห็นก็ไม่ได้เห็น อารมณ์เสียจริงๆ

งานเฉลิมฉลองจบแล้ว ก็ต้องเป็นงานเต้นรำตอนดึก

" ข้าใส่สีดำแดงแบบนี้ จะไม่เป็นไรแน่หรือ " ฉันกล่าวพลางหมุนตัวไปมาหน้ากระจก

" มันก็ใส่ได้ทั้งนั้นแหละ เจ้าอย่าคิดมากเลยน่า วิโอเน่ เจ้าสวยที่สุดแล้ว " เวเนียกล่าว

" จริงหรือ ท่านนี่โกหกข้าอีกแล้ว " ฉันพูดพลางปล่อยผมลง

" ในสายตาข้า เจ้าคือเด็กสาวที่น่ารักและสวยที่สุด " เวเนียกล่าวพลางยิ้มกว้าง

" ไปกันเถอะ " ฉันพูดตัดบทก่อนจะรีบเดินไปที่ประตู

ในงานเต้นรำอันหรูหราชุดราตรีที่สวยงามต่างสบัดไปมา ราวกับเป็นที่อวดชุดที่สวยงามและแพงระดับหูฉีกจากร้านต่างๆ ราวกับดูศิลปะเคลื่อนที่

" ท่านพี่ ข้าขอออกไปข้างนอกสักครู่ได้หรือไม่ " ฉันกล่าวเป็นเริ่มเวียนหัวเวลาเห็นชุดหลากหลายสีสันเดินตัดกันไปมาตาลายไปหมด

" อย่าไปนานละ " เวเนียกล่าว

" เข้าใจแล้ว ไปไม่นานหรอก " ฉันกล่าวก่อนจะหันหลังเดินออกไป

 ฉันเดินไปที่สวนเมื่อตอนกลางวันอีกครั้ง แต่มันไม่เหมือนในนิยายเลย แทนที่จะเงียบสงบ กลับยังได้ยินเสียงดนตรีอยู่ แต่ไม่ดังเท่าไหร่ มีหิ่งห้อยตัวเล็กๆบินไปมา เห็นแต่เงาตะคุ้มๆเต็มไปหมด น่ากลัวแต่ก็ชวนให้อยากรู้อยากเห็น

" เจ้าอีกแล้วหรือ " เสียงเมื่อตอนกลางวันพูดขึ้น

" ท่านเป็นใครกัน " ฉันตอบโดยไม่ได้พยายามหาต้นเสียงที่ไม่มีทางเห็น

" เจ้าเจอโบว์ดำนั้นหรือไม่ "

" ไม่ ข้าหาไม่เจอ คงได้แต่ตัดใจแล้ว "

" หรือ ท่านจะช่วยข้าหาหรือ "

" เจ้าก็หาเองสิ เจ้ากลับเข้าไปในงานเต้นรำเถอะ "

" ทำไมละ ท่านไม่อยากมีคนคุยด้วยหรือไง "

" ข้า... ข้าไม่ได้อยากมีเพื่อน "

" ท่านแน่ใจหรือ ว่าท่านไม่อยากมีเพื่อนน่ะ "

" เจ้าอย่ารู้ดีนักเลย กลับเข้าไปในงานซะ "

" ก็ได้ๆ ข้าขอตัวก่อน " ฉันกล่าวก่อนเดินกลับเข้าไปในงานเต้นรำอีกครั้ง

เมื่อเข้าไปในงานเต้นรำอีกครั้ง เสียงดนตรีบรรเลง ผู้คนเต้นรำราวดอกไม้ สวยและสง่างาม

" วิโอเน่ ริชเซียน่า นี่ใช้โบว์ของท่านหรือไม่ขอรับ " เสียงชายคนหนึ่งดังอยู่ด้านหลังของวิโอเน่

" ข้าขอดูก่อนได้หรือไม่ " วิโอเน่จ้องมองหน้าอยู่สักพัก

" ได้ขอรับ " ชายคนนั้นค่อยๆยื่นให้

" นี่ไม่ใช่หรอก ท่านเอากลับไปเถอะ " ฉันปฏิเสธแล้วก็เดินออกมา แต่...

" ขอบพระทัยที่มอบโบว์ของพระองค์ให้กระหม่อม " เขาพูดเสียงดังกังวาน

" วิโอเน่ เกิดอะไรขึ้น " เวเนียเดินเข้ามาหาวิโอเน่

 ตามจริงแล้วในนิยาย วิโอเน่อายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี จึงต้องบอกว่าเป็นคนให้โบว์ไป แต่นั้นไม่ใช่กับฉัน

" นั้นไม่ใช่โบว์ของข้าหรอกนะ โบว์ของข้าน่ะ เป็นโบว์สีดำ ดำไม่วาว ยาวประมาณ 1 ช่วงแขน แต่ของท่านเป็นสีดำวาว ยาวน้อยกว่า 1 ช่วงแขน " ฉันจ้องเขาตาเขมง ฉันจะไม่ยอมให้ตัวเอง ตกต่ำแบบนิยายต้นฉบับหรอกนะ ต้องแต่งงานกับคนนี้แล้วโดนทำร้ายจนตายน่ะ

" แต่เมื่อครู่พระองค์พึ่งมอบให้กระหม่อมนะพ่ะย่ะค่ะ " ชายคนนั้นเริ่ม พูดติดๆขัดๆ

" นั้นไม่ใช่โบว์ของน้องสาวข้า ถึงข้าไม่ค่อยสังเกตุแต่ข้าก็จำได้ว่ามันไม่วาว " เสียงของเวเนียกล่าวเสียงเข้มขึ้น

" เจ้ามีจุดประสงค์ใดกัน จึงได้ทำเช่นนี้ " ฉันมองเขาพลางคิ้วขมวด

" ข้าเพียงแต่.. หลงรักท่านเมื่อแรกเห็น " ชายผู้นั้นกล่าวอย่างหน้าไม่อาย

" ท่านเอาไปหลอกสาวใช้ที่บ้านเถิด " ฉันกล่าวก่อนเดินออกไป

  คนที่ผูกโบว์สีดำไม่ได้มีแค่ฉันสักหน่อย อีกคนก็คือ นาเนีย เดเทอร์ ผู้ชอบผูกโบว์สีดำวาวไง ไม่ใช่ของฉันน่ะ มันถูกแล้ว

" วิโอเน่ ริชเซียน่า " เวเนียกล่าวขึ้น

" ทำอะไรของท่าน " ฉันมองด้วยความสงสัย

" ได้โปรดเต้นรำกับข้าด้วยเถิด " เวเนียกล่าวพลางโค้งอย่างสุภาพ

" ได้เพค่ะ องค์ชายเวเนีย " ฉันกล่าวพลางขำเบาๆ

 งานเต้นรำนั้นก็ได้ดำเนินต่อไปและจบลง

" ท่านอยู่หรือไม่ " วิโอเน่กล่าวขณะที่พึ่งวิ่งมาถึงที่สวน

" เจ้ามีอะไร งานจบลงไปแล้วไม่ใช่หรือ " เสียงนั้นกล่าว

" ใช่ ข้ามาบอกลาท่าน หลังจากนี้คงไม่ได้พบข้าอีกนาน" วิโอเน่ทำเสียงเศร้า

" อืม แล้วยังไงล่ะ " เสียงนั้นกล่าวตอบ

" ข้าขอให้ท่านโชคดีนะ ดูแลตนเองด้วยนะ ข้าไปนะ " วิโอเน่กล่าวก่อนรีบวิ่งกลับไป

" เจ้ายังคงเหมือนเดิมเลยนะ นาเนีย " เสียงนั้นกล่าว

    แน่นอนเรื่องราวของอาณาจักรเล็กๆอย่างอาณาจักรริชเซียน่าไม่ค่อยมีบทบาทที่ตัวฉันหรือใครเข้าไปยุ่งกับต้นฉบับ วันๆก็มีแต่นั่ง นอน กิน แต่งตัว ดูแลเอกสารนิดๆหน่อยๆ ก็มีแค่นี้

  สุดท้ายเรื่องก็ดำเนินมาจนถึงตอนจบ ที่พระเอกนางเอกจะได้ขึ้นครองราช ส่วนพระรองต้องน้ำตาตกในเพราะแค่ไม่ทำหน้าตาประหลาดๆเหมือนพระเอก นิยายเรื่องนี้มันโคตะระน้ำเน่าในน้ำเน่า และแน่นอนฉากจบที่แสนอลังการก็ต้องรวมตัวหลักและตัวประกอบมากมายอยู่แล้ว

" ขอถวายบังคมแด่กษัตริย์เอเลโซ่ที่ 3 กษัตริย์แห่งริชเซียน่า เดริช ริชเซียน่า องค์รัชทายาทแห่งริชเซียน่า เวเนีย ริชเซียน่า เจ้าหญิง วิโอเน่ ริชเซียน่า มาถวายพระพรด้วยพระองค์เองขอรับ "

" เชิญเถิด " กษัตริย์เอลฟากล่าวพลางยิ้มเบาๆ

" ข้าขอให้ท่านปกครองชาวเอเลโซ่ด้วยความเป็นธรรม " เดริชกล่าว

" ขอพระทัย กษัตริย์เดริช ผู้ซึ่งเป็นพระสหายของเสด็จพ่อ และพันธมิตรระหว่างอาณาจักรเอเลโซ่ และอาณาจักรริชเซียน่า " เอลฟากล่าวพลางยิ้มกว้าง

และก็ บลาบลาบลา~~~

" ต่อให้ใส่ชุดแบบนี้บ่อยๆก็ไม่ชินเลยแฮะ " ฉันกล่าวก่อนเดินไปยังสวนที่เคยเจอในตอนนั้น ก็นะ อยากรู้ว่าเขาคนนั้นเป็นใครกันแน่ และเติบโตมาเป็นเช่นไรบ้าง

" จักรพรรดินี ข้าควรบอกท่านก่อนที่ท่านจะเป็นจักรพรรดินีแล้ว แต่ตอนนี้ มันคงจะสายเกินไปแล้ว " เสียงนั้น ฉันจำได้ว่าเหมือนเสียงที่เคยพูดคุยกับฉัน ตอนนี้ฉันได้แต่ยืนนิ่ง

" ลันเซีย ท่านต้องการจะสื่อถึงสิ่งใด " นาเนียหรือจักรพรรดินีกล่าว น้ำเสียงเป็นกังวล

" ข้ารักท่านนาเนีย ข้ารักท่านก่อนเอลฟา ข้าพบท่านก่อนเอลฟา ข้า.. ข้ารู้สึกก่อนเอลฟา แต่ทำไม.. " ลันเซียกล่าวแต่นาเนียนั้นกลับ

" ข้ารู้ ข้าก็เคยรู้สึกกับท่านเช่นนั้น แต่เมื่อข้าได้พบเอลฟา ดวงใจข้าราวกับได้รับแสงจากดวงอาทิตย์ ที่สาดส่องมาที่ข้า ส่วนท่าน ราวกับดวงจันทรา ที่มอบเพียงแสงเล็กน้อย ไม่อาจทำให้ใจข้านั้นอบอุ่นได้ พอเถอะนะ ลันเซีย ท่านควรพบผู้ที่ดีกว่าข้า " นาเนียกล่าวออกมาจากใจ

" นาเนีย ท่าน.. " ลันเซียอยากรั้งนางไว้ แต่กลับทำได้เพียงแค่มองแผ่นหลังของนาเนียที่เดินออกไป

" มีฉากแบบนี้ด้วยสินะ ตอนจบของนิยายเรื่องนี้น่ะ ลันเซีย ท่านก็เป็นแค่อัศวิน ที่ปกป้องเขาทั้งร่างกาย และจิตใจ แต่กลับไม่ได้ครอบครอง ทำได้แค่มอง ตอนเขาเดินจากไป " ฉันพูดเบาๆก่อนจะเดินออกมา

" วิโอเน่ ไปดูการแต่งตั้งตำแหน่งใหม่ขององค์ชาย ลันเซีย กันเถอะ " เวเนียกล่าวขึ้น

" ลันเซีย ใครกัน ท่านไม่เคยพูดให้ข้าได้ยินเลยนี่น่า " ฉันกล่าวพลางยิ้มเบาๆ

" เป็นน้องชายของ เอลฟาน่ะ ตอนแรกนึกว่าเขาเกลียดเอลฟา และจะก่อกบฏ แต่ไม่ใช่เลย เขากลับจงรักภักดีต่อพี่ชาย และช่วยพี่ชายจากองค์ชายสามที่เป็นพี่น้องต่างมารดา " เวเนียกล่าว

" งั้นเขาก็ต้องเป็นคนดีมากๆสินะ " วิโอเน่กล่าวก่อนยิ้มเบาๆอีกครั้ง

  และแน่นอน เขาดีเสียจนเสียสละความรักที่มีต่อผู้หญิงคนหนึ่งให้พี่ชาย และไม่คิดจะโทษทั้งสองที่ไปตกหลุมรักกัน และทอดทิ้งเขาไว้ที่ทางใต้ แต่กลับกัน เขายังรักทั้งสองคน และคอยปกป้องทั้งสองจากภัยร้ายต่างๆ แบกรับความผิดหวัง และความโดดเดี่ยวไว้แต่เพียงผู้เดียว

" สวัสดีค่ะ องค์ชายลันเซีย " ฉันกล่าวทักทายเขาหลังจากที่เขาได้รับตำแหน่ง

" ครับ องค์หญิงแห่งริชเซียน่า " ลันเซียโค้งตัวเบาๆอย่างสุภาพ

" ทุกอย่างต้องดำเนินต่อไปนะคะ ทุกสิ่งทุกอย่างอาจทำให้เจ็บปวด แต่สำหรับบางคนมันอาจจะสวยงามและล้ำค่าก็ได้ ขอให้โชคดีกับการเดินทางครั้งใหม่นะคะ " ฉันกล่าวเพราะนึกถึงคำปิดท้ายตอนจบของนิยายเรื่องนี้

" ขอบพระทัยองค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ " เขาโค้งเบาๆอีกครั้ง

" อ๋อ! แล้วก็ เรียกฉันว่า วิโอเน่ เถอะค่ะ " ฉันกล่าวก่อนยิ้มให้

" ครับ วิโอเน่ " เขากล่าวก่อนเดินออกไป

และแน่นอน เมื่อนิยายจบ เราก็น่าจะได้ใช้ชิวิตอย่างสงบสุข

" สงบสุขซะที่ไหนล่ะ! ท่านพ่อ จะให้ข้าแต่งงานกับคนที่อายุราวพ่อเนี่ยนะ! " ฉันนี่จะซวยอะไรขนาดนี้เนี่ย

" ตอนนี้ ริชเซียน่าไม่ปลอดภัย ด้วยทรัพยากรต่างๆที่เรามีนั้น เราจำเป็นต้องเชื่อมสัมพันธ์กับอาณาจักรใหญ่ " เวเนียกล่าว

" ท่านจะส่งข้าไปตายหรือไง! กษัตริย์นั้นทั้งบ้าเลือดทั้งหัวรุนแรง มีหวังแต่งไป ข้าตายในห้องหอแน่! " ฉันตะโกนแทบคอจะแตก

" เตรียมตัวแต่งงานเถอะ ท่านพ่อได้ทำสัญญาแล้ว หวังว่าเจ้าจะทำเพื่ออาณาจักร " เวเนียกล่าวก่อนออกจากห้องไป

  แย่ที่สุด สถานะการณ์แบบนี้มันอะไรกันเนี่ย ฉันต้องไปแต่งงานกับคนแก่ที่บ้าและอันตราย ไม่มีทาง ต้องทำอะไรสักอย่างก่อนที่จะถูกส่งไปตายแล้วละ

    7 วันต่อมา

"เรื่องมันก็เป็นแบบนี้แหละเพค่ะ " ฉันกล่าวกับกษัตริย์เอลฟาด้วยน้ำเสียงเศร้าสลด

" ท่านจะของให้เราช่วยท่านในเรื่องใดหรือ " เอลฟากล่าว

  เขานี่มันทื้มจริงๆ ใครจะไปอยากแต่งงานกับคนที่อายุราวพ่อที่อาจจะฆ่าเราทิ้งล่ะ

" ข้าว่าเราควรซ่อนองค์หญิงไว้เพค่ะ หม่อมฉันกับองค์หญิง ก็น่าจะอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน หากหม่อมฉันต้องแต่งงานกับคนแบบนั้น คงตรอมใจตายแน่เพค่ะ " นาเนียกล่าวด้วยใบหน้าที่สวยงามดูเห็นอกเห็นใจวิโอเน่อย่างที่สุด

" แล้วจะซ่อนไว้ไหนดี ในวังก็ไม่ได้ หากเวเนียเดินทางมาอาจพบกันได้ " เอลฟากล่าว

" หากเป็นบ้านเกิดหม่อมฉัน ก็ชนบทเกินไป " นาเนียกล่าว

" ไม่มีที่อื่นอีกแล้วหรือเพค่ะ " ฉันกล่าวก่อนน้ำตาคลอเบาๆ

" คงไม่มีแล้วล่ะ "เอลฟากล่าวแผ่วเบา

" ยังมีอยู่ที่นึ่ง ที่ข้าคิดว่าเหมาะสมแก่การซ่อนตัว และสงบสุขเพค่ะ " นาเนียกล่าวก่อนยิ้มกว้าง

และแล้ว ที่นั่นก็คือ ทางใต้ของอาณาจักรเอเลโซ่

" ฉันมาถึงที่นี่ได้ยังไงนะ " ฉันถึงกับกุมขมับ

" ก็เพราะองค์หญิงไม่มีที่ไปแล้วนิค่ะ " ซูซาน สาวใช้คนใหม่ของฉัน เอลฟากับนาเนียนี่ใจดีจริงๆ

" เรียกฉันว่า เนโอเวีย เถอะ " ฉันกล่าวก่อนยิ้ม นาเนียเป็นคนบอกให้ฉันปลอมชื่อด้วย ซึ่งมันก็ต้องเป็นแบบนั้นเพื่อความเนียนอยู่แล้ว

   เมื่อรถม้ามาหยุดที่หน้าปราสาทแห่งหนึ่ง

" ยินดีต้อนรับท่านหญิง.. นาเนีย " ลันเซียกล่าวก่อนจะหยุดพูดไปเฉยๆ

" ฉันชื่อ เนโอเวีย ค่ะ " ฉันกล่าวก่อนยิ้มเบาๆ

" ท่านเป็น... " ลันเซียเหมือนอยากพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่พูด

" คิดว่าเป็นเลดี้ท่านหนึ่งก็ได้ค่ะ " ฉันกล่าวก่อนยิ้มเบาๆ

" ครับ คุณหญิงเนโอเวีย " ลันเซียกล่าว

" เรียก เนโอเวีย เถอะค่ะ " ฉันยิ้มเบาๆ

" ครับ เนโอเวีย ส่วนเรื่องเดินชมปราสาท ผมจะให้คิลเลอร์พาไปนะครับ ผมคงต้องขอตัวก่อน " ลันเซียกล่าวก่อนเดินเข้าไปในตัวปราสาท

" เขาคงจะคิดถึงนาเนียสินะ " ฉันพูดพึมพำเบาๆ

" อะไรนะคะคุณหนู " ซูซานถามขึ้น

" ฉันหมายถึงว่า เขาคงจะคิดถึงพี่ชายสินะ " ฉันแก้ตัวแบบทั้งควัน

 เมื่อชมปราสาทเสร็จแล้วก็ต้องบอกว่ากว้างอยู่พอสมควร ซึ่งให้พูดในฐานะ คนที่ไม่ใช่คนในนิยายแบบฉันคงไม่ชอบเท่าไหร่ มันเวอร์ไปซะทุกอย่าง และน่าเบื่อมากๆเลยล่ะ

" ซูซาน เราไปเดินตลาดกันเถอะ " วิโอเน่กล่าว

" ไปได้จริงๆหรือเพค่ะ " ซูซานถาม

" แล้วเราจะทำอะไรดีละ " วิโอเน่ถาม

" งั้น.. เรามาตัดผมทิ้งกันเถอะ ท่านพี่จะได้จำไม่ได้ " วิโอเน่กล่าวต่อ

" หม่อมฉันว่า ไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นหรอกเพค่ะ " ซูซานกล่าว

" แล้วจะให้ทำอะไรละ " วิโอเน่กล่าว

" งั้น.. ไปนั่งจิบน้ำชาที่สวนกันเถอะเพค่ะ " ซูซานกล่าว

" เอาสิ " วิโอเน่กล่าว

" ท่านชายมีความกังวลเรื่องใดหรือขอรับ " คิลเลอร์กล่าว

" เลดี้เนโอเวียอยู่ที่ไหน ในตอนนี้ " ยุ่งอยู่กับเอกสาร

" อยู่ที่สวนดอกไม้หลังปราสาทขอรับ " คิลเลอร์กล่าว

" เราต้องไล่เขากลับไป " วางงานทุกอย่างลง

เมื่อวิโอเน่นั่งจิบน้ำชาได้สักพัก ได้ยินเสียงนก เสียงกระรอก ร้องอยู่เป็นระยะๆ

" เอ่อ.. ทำไมท่านลันเซียถึงเริ่มฝึกดาบตรงสวนดอกไม้หรือเพค่ะ " ซูซานกล่าว

" เขาจะทำอะไรก็ชั่งเขาเถอะ " เพราะฉันรู้ดีอยู่แก่ใจยังไงละว่าเขากำลังไล่เรากลับ ต่อให้เขาฆ่าฉันตาย ฉันก็ไม่มีวันกลับไปแต่งงานกับไอ้แก่ตัณหากลับนั่นหรอก

" เลดี้เนโอเวีย! ระวังคมดาบขอรับ! " เสียงคิลเลอร์ตะโกนมาแต่ไกล

วิโอเน่ค่อยๆยืนขึ้น แล้วก็หันกลับมามองก่อนหลับตาราวกับรอเวลาสิ้นสุดของชีวิต

  เมื่อเป็นเช่นนั้น ลันเซียจึงต้องหยุดคมดาบไว้ที่คอของวิโอเน่ก่อนจะตัดเข้าเนื้อ

" รู้ว่าอันตราย ทำไมจึงไม่หลบ " ลันเซียกล่าวด้วยเสียงเรีบบๆ

" หากตายแล้ว คงหนีปัญหาทุกอย่างได้ ข้าจะวิ่งเข้าหาคมดาบเดี๋ยวนี้เสียให้มันจบสิ้นไป " วิโอเน่กล่าว

  เมื่ออยู่นานไป วิโอเน่ มักจะทำอาหารจากของที่ชาวเมืองทางใต้ส่งมาให้ลันเซียทานอยู่เป็นประจำ ลันเซียมักทำหน้าตาเหมือนคนเบื่อโลกตลอด ก็จริงสินะ โลกของลันเซียทั้งใบ มีเพียง นาเนีย และ เอลฟา นี่หน่ะ

" ซูซาน วันนี้ทำ ปลานึ่ง นะ " วิโอเน่กล่าว

" เพค่ะ หม่อมฉันจะเอาไปส่งเดี๋ยวนี้แหละเพค่ะ " ซูซานกล่าว

" ไม่ต้อง หากไม่ชอบ ก็ไม่ต้องกิน หากเรียกหา ถึงเอาไปส่งให้ " วิโอเน่กล่าว

" เพค่ะ " ซูซานกล่าวพลางสงสัยในใจ

  ไม่นาน คิลเลอร์ก็เดินมาหาซูซานให้จัดอาหารต่างๆส่งไป

" ถ้าอยู่แบบนี้ต่อไปได้ ก็คงดี " วิโอเน่กล่าว

  ฉันไม่น่าตกหลุมรักเขาเลย ในนิยายกับชีวิตจริงมันไม่เหมือนกันนิเนาะ หากเป็นเขาคนเดิม เขาจะร่าเริงและสดใสกว่านี้หรือเปล่านะ คิดแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ

 เมื่อนานวันไป ความชอบที่มีให้เขายิ่งลดลง ไม่มากก็น้อย ลันเซีย ถ้าเปรียบเขาเหมือนกับอาหาร เขาคืออาหารที่จืดสนิท ไม่มีหวาน ไม่มีเปรี้ยว ไม่มีขม ไม่มีอะไรผสมเลยแม้แต่น้อย หรือเป็นเพราะเขา มอบจิตวิญญาณให้กับนาเนีย ไปแล้วนะ

  ไม่นาน งานเฉลิมฉลองก็เริ่มขึ้น ต่างอาณาจักร ได้หลอมรวม ต่างต้องเดินทางมาที่อาณาจักรเอเลโซ่ ด้วยเรื่องที่น่าประทับใจ จักรพรรดินี นาเนีย ได้ตั้งครรภ์ บุตรองค์แรกแห่งเอเลโซ่ แน่นอน ฉันและลันเซียต่างก็ต้องไป

   ในระหว่างการเดินทาง ลันเซียเกิดไข้ขึ้นสูง จับสั่นได้ 2 วัน วันที่ 3 ถึงดีขึ้น ฉันคอยดูแลและป้อนยาตลอด ก็คนมันป่วยใจอะเนาะ ตนที่แอบชอบ ท้อง ละคนที่ทำท้อง เป็นพี่ชายแท้ๆของตัวเอง คงปวดใจน่าดู กว่าจะถึงก็วันงานพอดี ฉัน จากที่เป็นองค์หญิงจากริชเซียน่าดีๆ ก็ทรงกลายเป็นน้องสาวของจักรพรรดินี นาเนีย มีนามว่า เนโอเวีย ซะงั้น ละคิดหรอว่า เนเวียจะจำน้องตัวเองไม่ได้ นาเนีย กับ เอลฟา นี่ คิดอะไรง่ายๆจริงๆ

" วิโอเน่ กลับอาณาจักรเรากันเถอะ ข้าจจะคุยกับท่านพ่อให้เอง " เวเนียกล่าว

" ขออภัยด้วยท่านชาย ข้าคือ เนโอเวีย เป็นพระญาตของจักรพรรดินี นาเนีย เพค่ะ " วิโอเน่กล่าว

" วิโอเน่ หากเจ้าไม่กลับ ทหารของเสด็จพ่อจะตามหาเจ้าจนพบแล้วสังหารผู้ที่ช่วยเหลือเจ้า " เนเวียกล่าวก่อนจะจับที่ข้อแขนของวิโอเน่

" ปล่อยเดี๋ยวนี้ " ลันเซียจับไปที่ข้อมือของเนเวียก่อนกล่าวขึ้นด้วยเสียงที่เรียบเฉย

" เจ้านั้นแหละที่ควรปล่อย นี่คือองค์หญิงแห่งริชเซียน่า วิโอเน่ ริชเซียน่า ข้าคือองค์รัชทายาทแห่งริชเซียน่า เวเนีย ริชเซียน่า เจ้าเป็นผู้ใด จึงมีสิทธิ์มาสั่งข้าให้ปล่อยนาง " เวเนียกล่าวด้วยเสียงทุ้มลึก ดุดัน

" หากเป็นเราที่สั่งเล่า " เอลฟาเดินมาพร้อมจับไปที่ไหล่ของลันเซีย

" เมื่อครู่ ข้าเพียงแต่ดีใจที่พบวิโอเน่แล้วเท่านั้น " เวเนียปล่อยข้อมือของวิโอเน่ก่อนพูดด้วยเสียงอ่อนน้อมลงอย่างเห็นได้ชัด

" เวเนีย ข้าและเจ้าต่างเป็นสหาย เช่กเช่นเดียวกับบิดาของข้าและเจ้า นี่คือ ลันเซีย น้องชายของข้า และเป็น เซอร์ ลันเซีย เอเลโซ่ ท่านควรให้เกียรติเขาเช่นกัน " เสียงของเอลฟาดูดุดัน และมีอำนาจเหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด

" ใช่ ข้าจะไม่ปิดบังเจ้า นี่คือ องค์หญิง วิโอเน่ ริชเซียน่า แต่ในตอนนี้ นางคือ เนโอเวีย น้องสาวของจักรพรรดินี นาเนีย เจ้าควรให้เกียรตินาง ในฐานะองค์หญิงแห่งเอเลโซ่เช่นกัน " เสียงของเอลฟา ทำให้ฉันรู้สึกว่า เขาพึ่งพาได้ และฉันรู้สึกปลอดภัยขึ้นมา

" องต์หญิงแห่งเอเลโซ่ ไปเปลี่ยนชุดก่อนเถอะ งานเต้นรำใกล้เริ่มขึ้นเต็มทีแล้ว งั้นเราก็แยกย้ายกันตรงนี้ " เอลฟากล่าวก่อนจะปล่อยให้ฉันเดินไปกับลันเซีย ตอนนี้ฉันกล้าพูดได้เต็มปากเลยว่า ฉันเริ่มรู้สึกเข้าใจในตัวของนาเนียขึ้นมาบ้างแล้ว ว่าทำไมถึงเลือก เอลฟา มากกว่า ลันเซีย

" กระหม่อมขออภัยที่เคยล่วงเกินองค์หญิงในครั้งนั้นพ่ะยะค่ะ " ลันเซียกล่าวพลางคุกเข่าลงต่อหน้าวิโอเน่

" นายทำอะไรของนายเนี่ย ลุกขึ้นเถอะ " พยายามดึงแขนลันเซีย

" กระหม่อมใช้ดาบชี้ไปที่พระเศียร์ของพระองค์ กระหม่อม สมควรตาย " ลันเซียกล่าวพลางก้มหน้า

" ลุกขึ้น " ดึงแขนจนล้มทับลันเซีย

" องค์หญิงทรงไม่เป็นอะไรนะพ่ะยะค่ะ กระหม่อมทรงมีความผิด " เสียงของลันเซีย เรียบเฉย นิ่งสนิท

" โอ้ย.. งั้นท่านเซอร์ลันเซีย ไปเปลี่ยนชุดเถอะ " กุมขมับ

 ลันเซียเดินออกไปอย่างสงบนิ่ง เขายังดูเป็นแบบเดิม ทั้งใจมีเพียงนาเนีย และ เอลฟา คงไม่มีที่อื่นให้คนอย่างฉันหรอก ฉันเพ้ออีกแล้ว

 เมื่อฉันใส่ชุดแล้ว แน่นอน ชุดที่ใส่ เป็นสีดำแดงเช่นเคย และ โบว์ดำไม่วาว ยาว 1 ช่วงแขน แต่เป็นเส้นใหม่ ครั้งนี้ ฉันไม่ได้มัดไว้ที่แขนแล้ว ฉันมัดรวบผม ให้ดูเรียบๆ ไม่ให้ดูยุ่งเหยิง

 งานเต้นรำเริ่มขึ้น ชุดสีสันสวยงามแกว่งไกวไปตามเสียงดนตรีที่บรรเลง ผู้คนมากมายต่างพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน

  เมื่อมองนานๆ ตาลายจนจะอ้วก วิโอเน่ เดินออกไปที่สวนอีกครั้ง สวนแห่งนี้ ยังคงเป็นเช่นเดิม

" ท่านเป็นใครกัน " เสียงที่คุ้นเคยกล่าวขึ้น

" ข้าคือ วิโอเน่ แล้วท่านละ " วิโอเน่กล่าวก่อนนั่งลงใกล้ๆกำแพงหญ้า

" องค์หญิงแห่งริชเซียน่า เราเคยพบกันมาก่อนหรือไม่ " เขากล่าว

" เมื่องานเลี้ยง ตอนข้าอายุราว 7 ขวบ และงานแต่งตั้งจักรพรรดิ์ เอลฟา เอเลโซ่ " วิโอเน่กล่าว

" นั้นคือท่านหรอกหรือ " เสียงนั้นกล่าว

" ท่านคิดว่าข้าเป็นใครล่ะ ใช่จักรพรรดินีหรือไม่ " วิโอเน่กล่าว

" ข้าเพียงตัดสินจากโบว์สีดำ " เขากล่าวด้วยเสียงตะกุกตะกัก

" จักรพรรดินี นาเนีย น่ะ ท่านใส่โบว์สีดำก็จริง แต่เป็นสีดำวาว ยาวครึ่งช่วงแขน " วิโอเน่กล่าว

"เช่นนั้นเองหรือ " เขากล่าวก่อนขำออกมาเบาๆ

" ท่านเป็นใครกันแน่ หรือว่า เป็นอัศวินหรือ " วิโอเน่กล่าว

" หากตะวันดับแสง จันทราจะกระจ่างใส " เขากล่าว

 " วิโอเน่ ข้าตามหาเจ้าตั้งนาน " เนเวียกล่าวหลังจากเดินออกมาจากตัวปราสาท

" ท่านพี่ ข้าขอตัวก่อน " กำลังจะเดินกลับเข้าไป

" ฟังข้าเถอะวิโอเน่ " เนเวียกล่าว

" หากท่านกล้าพูดถึงเรื่องแต่งงานกับไอ้แก่นั้น ข้าจะตายให้ท่านดูแน่ " วิโอเน่กล่าวเสียงเข้ม

" ท่านพ่ออยากพบเจ้า เจ้าหายตัวไปนานกว่า 2 ปี ท่านพ่อย่อมเป็นห่วงเจ้า " เนเวียกล่าว

" เรื่องของท่านพ่อสิ ท่านคิดถึงตอนที่บังคับข้าแต่งงานได้หรือไม่ ท่านคิดหรือไม่ว่าท่านพ่อและท่านบังคับข้าเช่นไร " เสียงของวิโอเน่สั่นกลัวและน้ำตาคลอ

" ข้ารู้ วิโอเน่ ข้ารู้ ข้ารู้ว่าท่านพ่อทำผิด และข้าเองก็ผิดที่ไม่ปกป้องเจ้าวิโอเน่ " เนเวียกล่าว

" ผิดแล้วเนเวีย ท่านไม่รู้อะไรเลย " วิโอเน่กล่าวก่อนจะเดินผ่านเนเวียเข้าปราสาทไป

  เมื่องานเต้นรำเดินทางมาถึงตอนเที่ยงคืน เอลฟาที่หายหน้าหายตาไปนานก็โผล่มาอยู่บน บัลลังค์ ของเขา จู่ๆ เสียงแตรแห่งความยินดีกลับถูกเป่าขึ้นอีกครั้ง ผู้คนต่างสนใจสิ่งที่เกิดขึ้น

" เมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา ข้าดีใจเรื่องบุตรของข้าเสียจนลืมตัว ว่าสิ่งดีๆ ไม่ได้มีเพียงเรื่องบุตรของข้า หากแต่น้องชายของข้า เซอร์ ลันเซีย เอเลโซ่ กำลังจะหมั้นหมาย " เอลฟา กล่าวพลางยิ้มเบาๆและมองมาที่วิโอเน่ ชนชั้นสูงต่างซุบซิบกันใหญ่

" ลันเซีย เอเลโซ่ กำลังจะหมั้นหมายกับองค์หญิงแห่งริชเซียน่า วิโอเน่ ริชเซียน่า " เอลฟากล่าวเสริมหลังเว้นระยะไว้ครู่หนึ่ง

" ห๊ะ " วิโอเน่อุทานออกมาด้วยความงุนงง

" เชิญองค์หญิง เดินเคียงคู่กระหม่อม ด้วยเถิดพ่ะยะค่ะ " ลันเซียกล่าวพลางยื่นแขนมาก่อนยิ้มเบาๆ

" เอ่อ ค่ะ " วิโอเน่ควงแขนลันเซียก่อนเดินตามเขาขึ้นไปยืนเคียงข้างเอลฟา

" ข้ากล่าวเช่นนี้แล้ว มีผู้ใดจะคัดค้านหรือไม่ " เอลฟากล่าวด้วยรอยยิ้ม

 เมื่องานเต้นรำจบลง ผู้คนต่างแยกย้ายกลับเมืองและอาณาจักรของตน

" วิโอเน่ ท่านกลับไปกับลันเซียเถอะ ส่วนท่านพ่อ และพี่ชายของท่าน ข้าจะอธิบายกับพวกเขาเอง " เอลฟากล่าวอย่างสุภาพ

" ข้าขอบพระทัยเพค่ะ จักรพรรดิ์ " เสียงของวิโอเน่เต็มไปด้วยความปราบปลื้ม

" เชิญองค์หญิงวิโอเน่พ่ะยะค่ะ " ลันเซียกล่าวด้วยเสียงเรียบเฉยเช่นเคย

" ค่ะ เซอร์ลันเซีย " วิโอเน่กล่าวก่อนเดินขึ้นรถม้าไป

" กระหม่อมขอทูลลา " ลันเซียกล่าว

 เมื่อเดินทางถึงทางใต้ของอาณาจักร ลันเซียกลับไม่ค่อยพูดจาเหมือนเช่นเคย เขาเงียบกว่าเดิมมาก ฉันก็ได้แค่ทำสิ่งที่เคยทำให้เขา ฉันจำได้เสมอว่า เขายิ้มให้และควงแขนกันเพื่อเดินขึ้นไปด้วยกัน มันเหมือนฝันขนาดนั้น ฉันเริ่มคิดว่าเขาอาจจะเปิดใจให้ฉันบ้างแล้วแน่เลย

" จดหมายจากเมืองหลวงขอรับ " คิลเลอร์กล่าวขึ้น

" อยู่ไหน " เสียงของลันเซียดูตื่นเต้นและยินดีมาก

" นี่ขอรับ " คิลเลอร์ยื่นจดหมายสีกุหลาบให้กับลันเซีย

" ขอบใจ ออกไปได้แล้ว " ลันเซียกล่าวพลางหยิบจดหมาย

...********มีต่ออีกเล็กน้อย*********...

รักราวดอกทานตะวัน 2

 เมื่อได้อ่านสิ่งที่อยู่ในจดหมายแล้ว จดหมายกลับหลุดร่วงลงจากมือของลันเซีย ก่อนจะเดินไปที่หน้าต่างบานใหญ่ และทิ้งดิ่งลงไปที่สระน้ำด้านล่าง

" ลันเซีย! " เสียงของวิโอเน่ตะโกนขึ้นสุดเสียงพลางลุกขึ้นวิ่งไปที่ขอบสระ ก่อนจะกระโดดลงไปช่วยโดยทันที

 หลังเกิดเหตุการณ์นั้น ลันเซียกลับนอนอย่างไร้สติอยู่ที่เตียง ราวกับเจ้าชายนิทรา วิโอเน่คอยเฝ้าดูแลไม่ห่าง คอยอ่านหนังสือ คอยเช็ดตัว และคอยเปลี่ยนดอกไม้ในแจกันเสมอ วิโอเน่เคยสงสัยว่าทำไม ลันเซียถึงได้ตัดสินใจทิ้งตัวลงมา จนได้พบจดหมายฉบับนั้น เนื้อหามีอยู่ว่า

    ********************************************

แด่ดวงจันทราแห่ง เอเลโซ่

   เรา นาเนีย เอเลโซ่ ด้วยก่อนหน้า อาการที่ข้าเป็นไม่สู้ดีนัก จึงมิได้ยินดีกับพิธีหมั้นที่เกิดขึ้น ขอให้ดวงจันทราโปรดอภัย เวลานี้ เราได้ประสูติ เอเดน เอเลโซ่ โดยปลอดภัย เอเดน เอเลโซ่ นี้คือพระนามของหลานชายท่าน เราเป็นผู้เขียนจดหมายฉบับนี้เอง หากเราเขียนผิดพลาด ย่อมขออภัยจากท่าน ลันเซีย เอเลโซ่

^^^                                         หวังเพียงสหายจะสุขสบาย^^^

^^^                                                      จากนาเนีย^^^

^^^                                                  ถึง ลันเซีย เอเลโซ่^^^

     ********************************************

 หากจดหมายนี้ มอบให้ วิโอเน่คงพอจะเข้าใจ แต่หากมอบให้ลันเซียแต่เพียงผู้เดียวแล้ว ย่อมมีความหมายโดยนัยเป็นแน่ หากยังมีดวงจันทราอยู่ ดวงตะวันแรกแสงจะสว่างได้เช่นไร เมื่อเขารู้เช่นนั้นจึงเลือกทิ้งดิ่งลงจากหน้าต่างที่สูงขนาดนั้น เพื่อให้นาเนียได้สบายใจ และเพื่อให้พี่ชายเขาปลอดภัย หลานเขาเองก็เช่นกัน หากเขายังอยู่ หรือแม้แต่มีผู้สืบทอด แน่นอนว่าเขาอาจจะจงรักภักดี แต่ลูกหลานเขาละ นั้นจึงเป็นการกดดันโดยใช้ความหมายโดยนัยนั้นเอง

 วิโอเน่ ทำได้เพียงดูแลจนกว่าลันเซียจะมีสติขึ้นมาเท่านั้น

" น้ำที ข้าขอน้ำที " เสียงแหบๆของลันเซียกล่าวขึ้น

" ท.. ท่านลันเซียฟื้นแล้ว " เสียงคิลเลอร์กล่าวดังขึ้นกระทันหัน

" ไปตามท่านหญิงมา " คิลเลอร์ตะโกน

" พวกเราไปเตรียมของมา " คิลเลอร์กล่าวพลางวิ่งออกไป

" ลันเซีย " เสียงนั้นนุ่มนวลกล่าวขึ้น ก่อนที่ริมฝีปากของลันเซียจะถูกจูบลงเบาๆ

" ... " ลันเซียพยายามลืมตา แต่กลับทำไม่ได้ ได้แต่จดจำเสียงนั้นไว้

" ในเมื่อเขาฟื้นแล้ว ข้าก็คงต้องไปแล้ว ดูแลเขาต่อจากข้าด้วยนะ คิลเลอร์ " เสียงนั้นกล่าวขึ้นหลังจากมีเสียงชุลมุนในห้อง

" ท่านหญิง ท่านแน่ใจแล้วหรือ " คิลเลอร์กล่าว

" หากเป็นเมื่อก่อนข้าคงต้องอยู่ต่อจนกว่าเขาจะหายดีแน่นอน " เสียงนั้นกล่าว

" ข้าฝากดูแลเขาแทนข้าทีนะ " เสียงนั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย

" ขอรับท่านหญิง " คิลเลอร์กล่าว

 หลังจาก ลันเซียได้สติกลับคืนมา เขาต้องรักษาอีกนาน กว่าจะหายดีดังเดิม เขาพยายามนึกเท่าไรก็นึกไม่ออกว่า ตอนนี้เขาขาดอะไรไป เหมือนมีบางอย่าง ขาดหายไปจากชีวิตของเขา

" มีจดหมายจากเมืองหลวงขอรับ " คิลเลอร์ยื่นจดหมายมาให้กับลันเซีย

" เจ้าอ่านเถิด ข้าไม่มีเวลาอ่านหรอก "ก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารบ้านเมือง

" ถึง เซอร์ลันเซีย เอเลโซ่ ในนามเอลฟา เอเลโซ่ ขอเชิญท่านเดินทางไปพบที่วังหลวง เนื่องจากมีพิธีอภิเษกสมรสระหว่าง องค์หญิงแห่งริชเซียน่า และ องค์ชายแห่งคริสริว เนโดฟา คริสริว ขอให้เซอร์ ลันเซียเดินทางมาโดยเร็ววัน จากเอลฟา เอเลโซ่ " คิลเลอร์กล่าวเสียงแผ่วลง

" เจ้าเป็นอะไร " ลันเซียมองคิลเลอร์อย่างงงๆ

" เปล่าขอรับ กระหม่อมจะไปเตรียมรถม้านะขอรับ " คิลเลอร์กล่าว

 ช่วงนี้ อาการของเซอร์ลันเซียดีขึ้นมาก แต่กลับเสียความทรงจำบางส่วนไป และส่วนใหญ่ความทรงจำเหล่านั้นเกี่ยวกับองค์หญิงวิโอเน่ เขาจำอะไรเกี่ยวกับเธอแทบไม่ได้ แต่กลับจำทุกสิ่งทุกอย่างได้ดี จำแค่ใบหน้าและชื่อของเธอไม่ได้เท่านั้น แต่เหตุการณ์ทุกอย่างกลับจำได้ดี หากเขารู้ความจริงที่เกิดขึ้น เขาจะรู้สึกยังไงนะ

  ณ พระราชวัง

 " ลันเซีย ครั้งก่อน ข้าได้ยินว่าเจ้าทิ้งตัวลงจากยอดปราสาท ดีที่มีสระน้ำ เจ้าจึงรอดมาได้หรือ " เสียงของเอลฟาเต็มไปด้วยความห่วงใย

" รู้อยู่แล้วมิใช่หรือ จะขอความเห็นอะไรจากข้า " ลันเซียกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่ร้อนไม่หนาว

"เช่นนั้นก็ดี เจ้ามาพบวิโอเน่เป็นครั้งสุดท้ายหรือ " เอลฟาถาม

" นางคือใคร เหตุใดต้องมาพบครั้งสุดท้าย " ละยเซียกล่าว

" คู่หมั้นของเจ้าไง นางเคยส่งจดหมายบอกข้าว่า หากเจ้ายังคงนอนอยู่เช่นนั้น นางจะดูแลเจ้าจนแก่เฒ่า หากมีใครรักษาเจ้าฟื้น นางจะยอมทำตามคำขอของผู้นั้น ข้าแทบไม่เชื่อเลย นางจะทำเช่นนั้นจริง " เอลฟากล่าว

" ข้าขอตัว " ลันเซียกล่าวก่อนเดินออกไปที่สวน

ณ สวนดอกไม้

" ท้องฟ้า ทะเล ภูเขา ลำธาร ต่างเป็นของฟ้าดิน ร่างกาย จิตใจ จิตวิญญาณ ล้วนเป็นของตนเอง " วิโอเน่กล่าวอย่างเศร้าสร้อย

 ลันเซียได้ยินเสียงนั้นดึงดูดความสนใจเป็นอย่างยิ่ง เสียงนี้คล้ายกับคนที่ดูแลเขาในวันนั้น

" สุดท้ายแล้ว ท่านจะเป็นอย่างไร ล้วนอยู่กับโชคชะตา " วิโอเน่กล่าวก่อนเช็ดน้ำตาที่ไหลบนสองแก้ม

" ไม่ทราบว่า ท่านกำลังคร่ำครวญถึงผู้ใดกัน " ลันเซียกล่าวพลางเดินมาหา

" ข้า... ข้า " วิโอเน่มองหน้าแต่ไม่กล่าวอะไรออกมาแม้แต่น้อย

" หากทุกข์ระทมนัก เหตุใดต้องเอาแต่คร่ำครวญ " ลันเซียกล่าว

" หากท่านสบตากับคนผู้หนึ่งแล้ว ในใจยากจะลืม ท่านจะทำเช่นไร " วิโอเน่กล่าว

" หากเป็นเช่นนั้น ข้าจะไม่ปล่อยเขาไป จะรั้งนางไว้ ชั่วชีวิต " ลันเซียกล่าว

" เรื่องวันนี้ ขอองค์ชายอย่าถือสา นึกเสียว่าไม่เคยได้ยิน " วิโอเน่กล่าวก่อนเดินกลับเข้างานไป

" ใช่เจ้าหรือไม่นะ ข้าลืมเจ้าหรือไม่นะ " ลันเซียทำได้เพียงมองตามหลังของวิโอเน่

  ผ่านไปสักพักใหญ่ ที่ระเบียงชั้นสองของพระราชวัง

" หากแต่งไป ในใจของข้า ย่อมไม่อาจมีท่าน " วิโอเน่กล่าว

" เจ้าคิดจะทำอะไร งานแต่งนี้ได้ถูกกำหนดแล้ว ไม่ช้าก็เร็ว เจ้าย่อมหนีไม่พ้นมือข้า " เนโดฟา ชายอายุราว 30-40 ปีกล่วก่อนบีบไปที่แขนวิโอเน่อย่างแรง

" ปล่อยนะ ข้าเจ็บ " วิโอเน่พยายามแกะมือเนโดฟาออก

" วิโอเน่ หากเจ้ายังขัดขวางการแต่งงานนี้ ข้าจะไม่ปล่อยพี่ชายกับพ่อเจ้าอีก " ผลักวิโอเน่อย่างแรง

" เจ้า เจ้ามันคนใจจืดใจดำ " วิโอเน่กล่าวเสียงสั่น

" เจ้าไปพิจารณาตนเองก่อน หากเจ้ากล้านัก พ่อและพี่ชายเจ้าก็ไม่ต้องลืมตาขึ้นมาอีก " เนโดฟากล่าวก่อนจะเดินออกไปที่งาน ทิ้งให้วิโอเน่นั่งร้องไห้ จมปัดกับคำพูดเหล่านั้น

วันเวลาต่างร่วงเลยไป หลายสิ่งเริ่มผันเปลี่ยน การรักษาของลันเซียยิ่งเป็นไปด้วยความราบรื่น บางสิ่งบางอย่างที่เกี่ยวกับวิโอเน่ ยิ่งชัดเจนขึ้น จนกระทั่ง...

" คุณชายขอรับ มีอาหารจากชาวบ้านส่งมาขอรับ " คิลเลอร์กล่าว

" เอาเข้ามา ไปเตรียมน้ำชามาด้วย " มองเพียงหนังสือ

" ขอรับ " คิลเลอร์กล่าวก่อนเดินออกไป

" ปลานึ่ง ปลานึ่งอีกแล้ว เมื่อไหร่นางจะหยุดทำมาให้ข้าเสียที " ลันเซียมองไปที่อาหารก่อนพืมพำออกมา

" ไม่ต้อง หากไม่ชอบ ก็ไม่ต้องกิน หากเรียกหา ถึงเอาไปส่งให้ " เสียงนุ่มนวลนั้นดังขึ้นอีกครั้ง

" ใคร! เจ้าเป็นใครกัน " ลันเซียกล่าวก่อนมองไปรอบๆ

" คิดว่าเป็นเลดี้ท่านหนึ่งก็ได้ค่ะ " เสียงนั้นกล่าวอย่างสดใส

" เจ้าอยู่ที่ไหน " มองไปรอบๆตัว

" หากตายแล้ว คงหนีปัญหาทุกอย่างได้ ข้าจะวิ่งเข้าหาคมดาบเดี๋ยวนี้เสียให้มันจบสิ้นไป " เสียงนั้นกล่าวด้วยความเศร้า

" ช่วยด้วย " ลันเซียกล่าวก่อนเอามือปิดหู

" ลันเซีย! " เสียงนั้นดังก้องอยู่ในหูเขาไม่หยุด

เขาได้ยินเสียงนั้นซ้ำๆ เมื่อคิลเลอร์มาพบก็รีบตามหมอมาตรวจอาการของลันเซีย สิ่งลันเซียได้พบหรือได้เห็นนั้น หมออธิบายไว้ว่า มันคือความทรงจำของเขา ที่เริ่มจะเรียบเรียงใหม่ ทำให้ความทรงจำของเขา เริ่มกลับมาอีกครั้ง

 เมื่อยิ่งนานวัน ความทรงจำที่หลั่งไหลเข้ามานั้นยิ่งมาก เขาเริ่มจดจำหลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้นได้ ใช้เวลาทั้งหมดราว 1 เดือน ความทรงจำทั้งหลาย ก็กลับมาทั้งหมด

" ท่านชายขอรับ ท่านจะไปพบท่านหญิงวิโอเน่หรือไม่ขอรับ " คิลเลอร์กล่าว

" ก่อนจะไป ข้าอยากรู้ว่า ตอนที่ข้าหลับไหลอยู่ นางทำอะไรเพื่อข้าบ้าง " ลันเซียกล่าวก่อนวางงานทั้งหมดลง

" ท่านหญิง ท่านหญิงคอยเช็ดตัว ทำอาหารที่บดละเอียดคอยป้อนท่าน ท่านหญิงกล่าวว่า อาหารต้องละเอียดมาก หากไม่ละเอียด จะติดคอท่านได้ ท่านหญิงป้อนน้ำท่าน คอยเปลี่ยนที่นอนให้ท่าน สุดท้ายคือ คอยอยู่ข้างท่านจนหลับไป แม้ท่านหญิงไม่สบายเท่าไหร่ นางก็ฝืนตนเอง ปฏิบัติกับท่านอย่างดี " คิลเลอร์กล่าวก่อนน้ำตาซึม

" นางพยายามทุกอย่าง ทำทุกหนทางที่จะช่วยรักษาท่าน ข้าน้อยมองนาง เป็นท่านหญิงไปแล้วขอรับ " คิลเลอร์กล่าวพลางน้ำตาไหล

" นางทำดีต่อคนรับใช้ท่านอย่างดี เอกสารต่างๆ ก็จัดการอย่างเหมาะสม มีปัญหานางก็ช่วยทุกคนแก้ไข " คิลเลอร์กล่าว

" ทั้งที่ข้า เย็นชากับนางปานนั้น " ลันเซียกล่าวก่อนเหม่อไปชั่วขณะ

 ณ พระราชวังอาณาจักรคริสริว

" ข้าต้องเอาตัวนางกลับมาให้ได้ " ลันเซียกล่าว

" เจ้าวางใจเถอะ ข้าย่อมต้องช่วยเจ้า " เอลฟากล่าว

" เอลฟา ท่านเสด็จมาที่นี่ด้วยเหตุใด " เนโดฟากล่าว

" ข้ามาเพื่อนำองค์หญิงแห่งริชเซียน่ากลับไป รวมทั้งราชวงศ์ริชเซียน่าด้วย " เอลฟาเริ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา

" อะ..เอ่อ... หากเป็นราชวงศ์ริชเซียน่า กระหม่อมย่อมยกให้พระองค์ได้ แต่.. วิโอเน่นั้น นางเป็นราชินีแห่งคริสริว ข้ามิอาจให้ได้ " เนโดฟากล่าว

" นางมีสัญญาหมั้นหมายกับข้า เหตุใดท่าน ถึงเป็นเจ้าบ่าว " ลันเซียกล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น

 แน่นอน หากมาให้วันหลังแต่งงาน ย่อมได้ราชวงศ์ริชเซียน่ากลับไปได้ทั้งหมด แต่ตอนนี้ต้องเว้นวิโอเน่ไว้เพราะ.. หลังแต่งงาน วิโอเน่ไม่เคยให้เนโดฟาแตะต้องตัวแม้แต่ครั้งเดียว ได้พบนานๆทีในวันสำคัญ พอได้พบแล้วนางก็ไม่สนใจเขาแม้แต่น้อย ด้วยความรู้สึกอยากครอบครองมีมากกว่าความถูกต้อง สุมไฟแค้นเคืองนางในใจ เมื่อพบนางอีกก็มีปากเสียงบ่อยครั้ง ยิ่งนางไม่ให้แตะตัวแล้ว ความโมโหมีมาก จึงตบตีทำร้ายนางจนต้องให้หมอหลวงรักษา ยิ่งนางถูกเขาทุบตี ยิ่งไม่ให้เขาเข้าใกล้

 ดอกไม้ที่ซ้ำไปทั้งตัว จะให้พวกเขาพากลับไปได้อย่างไร หากพานางกลับไป ผู้คนในใต้หล่า ต้องตีตราเขาว่า ทำร้ายสตรี จากเรื่องเล็กย่อมกลายเป็นเรื่องใหญ่ในไม่ช้า

" ข้าจำได้ วันที่ข้าแต่งงานกับนาง เจ้าก็อยู่ในงานนั้น เหตุใดจึงไม่คัดค้าน พอข้าแต่งมาแล้ว พวกท่านจะให้ข้ายกภรรยาข้าให้พวกข้าอย่างนั้นหรือ " เนโดฟากล่าวด้วยความโมโห

" หากเป็นเช่นนั้น ก็คืนราชวงศ์อริชเซียน่าให้แก่เรา ส่วนองค์หญิงวิโอเน่ เราจะให้เจ้าส่งนางกลับมาในภายหลัง " เอลฟากล่าว

 เมื่อได้คนครบแล้ว ก็เตรียมเดินทางกลับ

" เราขอเตือนเจ้าไว้ หากองค์หญิงวิโอเน่บาดเจ็บตรงไหน บนตัวท่านต้องเจ็บกว่านาง ร้อยเท่าพันทวี " เอลฟากล่าว

" ข้าสัญญา ข้าจะไม่ล่วงเกินนางเด็ดขาด " เนโดฟากล่าว

" หากนางกลับมา มีรอยแผลแม้แต่น้อย ข้าจะเป็นคนนำทัพทำลายเจ้า " ลันเซียกล่าว

 ขณะที่ทุกคนทำลังจะเดินไปขึ้นม้านั้น ก็มีอะไรบางอย่างร่วงหล่นลงมาจากชั้นสอง กระแทกลงพื้น ทุกคนต่างตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น

" วิโอเน่! " ลันเซียตะโกนด้วยความผวา ก่อนรีบวิ่งไปประคองศีรษะของวิโอเน่ขึ้น

"ทำไม.. รอยซ้ำตามตัวเจ้า " ลันเซียมองตามร่างกายของวิโอเน่พลางน้ำตาคลอ

 ชายหนุ่มผู้นี้ล้วงผ่านสนามรบมามากมาย จิตใจแข็งแกร่งดุจหินผา กลับรักษาคนที่ตนรักไว้ไม่ได้ 1 เดือนที่ผ่านมา เขาไม่สามารถรับรู้ได้เลยว่านางพบเจออะไรมา ต้องอยู่อย่างเจ็บปวด ทรมานเท่าไหร่ จึงคิดจบชีวิตลงเช่นนี้

" คริสริว! ต่อไปนี้ อาณาจักรเอเลโซ่ ขอตัดขาดพันธมิตรกับคริสริว หากเอเลโซ่รบชนะ ฆ่าล้างคริสริวทั้งราชวงศ์! " เอลฟาประกาศขึ้นด้วยเสียงหนักแน่น ทรงพลัง

" ข้ามารับเจ้ากลับแล้ว " ลันเซียกล่าวพลางอุ้มร่างไร้ลมหายใจของวิโอเน่ขึ้นม้า

 เมื่อการประกาศสงครามเริ่มขึ้น แน่นอนว่าทั้งสองราชวงศ์ ไม่อาจเป็นมิตรได้อีก เมื่อถึงอานาเขตของเอเลโซ่แล้ว

 " ข้ามาช้าไป ข้ามารับนางช้าไป " ลันเซียกล่าวพลางกอดร่างวิโอเน่แน่น

" นางเข้มแข็งเด็ดเดี่ยว สิ่งที่นางเลือกนั้นคือสิ่งที่นางทบทวนดีแล้ว " เอลฟากล่าว

" ข้าต้องแก้แค้นให้นาง ข้าต้องล้างแค้นให้นาง " ลันเซียกล่าวพลางน้ำตาไหล

"ใครจะรู้ นางต้องทนมือทนเท้าของไอ้คนโรคจิตนั้น " ลันเซียกล่าวก่อนใช้มือลูบผมวิโอเน่เบาๆ

" ตอนนี้นางหลุดพ้นแล้ว นางหลุดพ้นจากความเจ็บปวดแล้ว " เอลฟากล่าวก่อนตบไหล่ลันเซียเบาๆ

" ตัวนางยังอุ่นอยู่ หรือควรเรียกหมอมาดูหรือไม่ " ลันเซียลูบแขนและแก้มของวิโอเน่เบาๆ

 เมื่อหมอมาถึง ก็ตรวจดูสักพัก ก่อนกล่าวขึ้นว่า

" ยังไม่ตายสนิทขอรับ หากรักษา ก็อาจจะเป็น เจ้าหญิงนิทรา โอกาสรอดนั้นริบหรี่ " หมอกล่าวก่อนทำหน้าลำบากใจ

" มีโอกาสน้อยแค่ไหน ข้าก็จะเสี่ยง ขอเพียงท่านหมอรักษา " ลันเซียกล่าวเมื่อคนเสียสติ

" ลันเซีย เจ้าใจเย็นๆก่อนเถิด เรื่องรักษาให้ท่านหมอจัดการเถอะ เจ้าออกมาคุยกับข้าก่อน " เอลฟากล่าว

" ขอรับ ท่านพี่ " ลันเซียกล่าวก่อนออกไปข้างนอก

" ลันเซีย เจ้าต้องคุมสติเจ้าให้ดี ตอนนี้นางยังไม่ตาย เจ้าไม่ดีใจหรือ " เอลฟากล่าว

" ท่านจะให้ข้าดีใจหรือ เหอะ หากข้ามาเร็วกว่านี้ ความจำข้ามาไวกว่านี้ นางย่อมไม่ต้องทุกข์ทนเช่นนี้ " ลันเซียกล่าว

" ข้าย่อมเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า ข้าย่อมไม่ให้มันตายดี ข้าจะทรมานมันช้าๆ จนกว่ามันสำนึกเข้ากระดูก " ลันเซียกล่าวพลางกัดฟันแน่นจนกรามเป็นสันชัดขึ้น

" หากเป็นเช่นนั้น เนโดฟา ข้ายกให้เขาจัดการ " เอลฟากล่าว

" ขอบพระทัยฝ่าบาท " ลันเซียกล่าวก่อนเดินเข้าำปดูอาการของวิโอเน่

" ท่านหมอ นางเป็นอย่างไรบ้าง " ลันเซียกล่าว

" โชคดีที่ไม่สูงนัก จึงทำให้กระดูกไม่หักไปทิ้มแทงอวัยวะสำคัญ ต้องรักษาไปสักระยะ ย่อมต้องหายดี แต่โอกาสที่นางจะตื่นมาพูดคุยด้วยนั้น น้อยเสียเหลือเกิน " ท่านหมอกล่าวพลางส่ายหน้าเบาๆ

" ไม่ว่าโอกาสจะน้อยเท่าไหร่ เราขอเสี่ยงดูสักครั้ง " เอลฟากล่าว

" ข้าจะพยายาม " ท่านหมอกล่าวก่อนพยักหน้าเบาๆ

 เมื่ออาณาจักรเอเลโซ่ได้ประกาศยุติพันธมิตรระหว่างอาณาจักรแล้ว สงครามระหว่างสองอาณาจักรจึงเกิดขึ้น การสู้รบนี้ เป็นไปได้ไม่นานมากนัก ก็เป็นฝ่ายอาณาจักรเอเลโซ่ ที่ประกาศชัยชนะออกมาอย่างเป็นทางการ ราชวงศ์คริสริวได้ถึงจุดสิ้นสุด อาณาจักรคริสริวได้ล่มสลาย

 เรื่องราวดำเนินไปจนถึงบทความหน้าสุดท้าย กษัตริย์แห่งเอเลโซ่ เอลฟา เอเลโซ่ ได้ครองคู่กับราชินีนาเนีย เอเลโซ่ มีองค์ชาย 3 พระองค์ และองค์หญิงอีก 2 พระองค์

 ส่วนเซอร์ลันเซีย เอเลโซ่ ได้กลับไปปกครองทางใต้ของอาณาจักรเอเลโซ่ และได้พาเจ้าหญิงวิโอเน่ไปดูแลที่ทางใต้

จบบริบูรณ์.

 ฉันอ่านพล่งเช็ดน้ำตาที่ไหลเต็มสองแก้ม

" ลูก! ลูกตื่นแล้วหรอ " เสียงหญิงวัยกลางคนกล่าวขึ้นก่อนที่จะทิ้งของในมือ วิ่งมากอดคนที่ลุกขึ้นนั่งอยู่บนเตียง

" ลูกอย่าทำแบบนี้อีกเลยนะ แม่จะยอมทุกอย่างแล้ว ไม่ว่าลูกอยากเรียนอะไร แม่จะไม่บังคับอีก แม่สัญญา " เธอกล่าวพร้อมร้องไห้ฟูมฟาย

" แม่ นี่มันเกิดอะไรขึ้น " ฉันกล่าว

 อารีฟถามก่อนจะมองไปรอบๆห้องในโรงพยาบาล ความทรงจำสุดท้ายที่เธอจำได้เกี่ยวกับโลกนี้คือ เธอกำลังทะเลาะกับแม่ เรื่องที่เธอสอบเข้าเรียนสถาปัตยกรรม แต่แม่อยากให้เธอเรียนครูคณิตศาสตร์ วันนั้นด้วยความโมโหและความน้อยใจ จึงวิ่งออกมาจากบ้าน หลังจากนั้น.. เธอก็จำไม่ได้อีก

" ต้องโทษแม่ แม่ดูแลหนูไม่ดีเอง วันนั้นหลังจากที่หนูวิ่งออกไป มีคนผลักหนูตกสะพาน กู้ภัยช่วยงมตามหาลูก ครึ่งชั่วโมงถึงเจอตัวหนู " แม่กล่วพลางสะอื้นร้องไห้

" หลังจากที่เอ่ตัวหนูมาส่งที่โรงพยาบาล หมอบอกว่า สมองของหนูเสียหาย อาจไม่ตื่นอีกเลย แม่ดีใจเหลือเกิน " แม่กล่าวก่อนกอดอารีฟแน่น

" หนูรักแม่นะ หนูรักแม่มากๆนะ " อารีฟกล่าวก่นแม่ตอบ

" แม่ หนูหลับไปนานแค่ไหนหรอ " อารีฟถาม

" หนูนอนแบบนี้อยู่ 3-4 เดือน เออ หนูยังจำเวย์ได้มั้ยลูก " แม่กล่าวถึงเพื่อนสมัยเด็ก ประถม มัธยม

" จำได้นะแม่ " อารีฟกล่าว

" เขาบอกแม่ ว่าเขาแอบชอบหนูมากนะ หากชาตินี้ไม่ได้คู่กับหนู เขาก็จะออกบวช เผื่อชาติหน้า จะได้เกิดมาได้คู่กัน " แม่กล่าวก่อนแล้วรูปถ่ายใบหนึ่งออกมา

" แม่อยากถามหนูว่า หนูจะทำยังไง " แม่กล่าวก่อนมองรูปถ่ายนั้น

อารีฟได้แต่นิ่งเงียบ ไม่รู้จะพูดคำใดออกมา ไม่รู้จะต้องอธิบายกับแม่ยังไง

 4 เดือนต่อมา

" วันนี้ขายได้กี่ชุดหรอลูก " แม่ที่พึ่งกลับมาจากสวนถามอารีฟ

" วันนี้ขายได้ 4-5 ชุดค่ะ ชุดวิคตอเรียสีดำแดง 1 ชุด สีฟ้าคราม 2 ชุด แล้วก็คอร์เซ็ท 3 ตัวค่ะแม่ " อารีฟกล่าวพลางยิ้ม

" ดีเลยลูก ถ้ามีอะไรให้แม่ช่วยก็บอกนะลูกนะ แม่เอาไข่ไก่ไปให้น้านวลก่อนนะ " แม่กล่าวก่อนหยิบตระกร้าไข่ที่เก็บมาเมื่อเช้าออกไป

 เวลาผ่านไปสักพัก ก็มีเสียงคนเดินมาที่หน้าบ้าน

" แม่ หนูว่า หนูจะเปิดร้านชุดราตรีดีมั้ย " กำลังเลือกผ้าอย่างตั้งใจ

" ผมเอาเสื้อมาเย็บน่ะครับ คุณจะช่วยเย็บให้ได้หรือเปล่าครับ " เสียงทุ้มต่ำดูเยือกเย็นแต่กลับรู้สึกเต็มไปด้วยความรู้สึก

" ได้ค่ะ " อารีฟกล่าวก่อนจะหันกลับไปที่ประตู

ต่างคนต่างสบตา ความรู้สึกทั้งด้วยความผูกพัน จึงจำกันได้ในทันที

" อารีฟ " เขากล่าวก่อนเดินตรงเข้าไปกอดอีกคนแน่น

" อะ..เอ่อ " อารีฟตกใจเล็กน้อยก่อนตบหลังอีกคนเบาๆ

" รู้หรือเปล่า ว่าเราเป็นห่วงขนาดไหนอ่ะ ถ้าเธอไม่ตื่นขึ้นมาอีกละ จะทำยังไง " อีกฝ่ายกล่าวด้วยเสียงสั่นเครือราวกับจะร้องไห้

" มันก็ไม่ขนาดนั้นมั้ย ห้ะ รันเวย์ นี่ตอนนี้เราก็ตื่นอยู่นี่ไง " อารีฟกล่าวพลางลูบหลังอีกคนเบาๆ

" ถ้าเธอไม่ตื่น เราจะอยู่ได้ยังไง ถ้าโลกนี้ไม่มีเธออีก เราก็ไม่อยากอยู่อีกแล้ว " อีกคนกล่าวก่อนร้องไห้ด้วยความอัดอั่น

" นี่ เมื่อก่อนก็เห็นไม่ชอบเวลาเราเข้าใกล้เลยนิ แบกขนมให้ก็ไม่กิน เลี้ยงข้าวก็ไม่ยอม เอาของขวัญให้ก็บอกว่าไม่ชอบนิ " อารีฟกล่าวด้วยความสับสน

" ถ้าบอกว่า ที่ทำไป เพราะไม่อยากยอมรับความรู้สึกตัวเองละ เรากลัว กลัวว่าจะมีวันหนึ่งที่เธอหายไป แล้วเราจะเสียใจ " เขากล่าว

" ครั้งก่อนเรามาช้าไปหนึ่งก้าว แต่เราสัญญา จะไม่ให้มีครั้งต่อไปอีก ที่เราจะปล่อยเธอไปเป็นของคนอื่นอีก " เขากระซิบที่ข้างหูของอารีฟ

" อะแฮ่ม! " เสียงแม่ดังขึ้นทำเอาทั้งคู่สะดุ้งผละออกจากกันแทบไม่ทัน

 ความรักของทั้งคู่ ไม่ใช่ตอนอวสาน แต่หากเป็นจุดเริ่มต้นของความรักอีกครั้ง แน่นอนว่า ในชีวิตนี้ เราไม่สามารถไปแก้ไขอะไรได้อีก มีเพียงการทำใจยอมรับความจริง เก็บเรื่องราวดีๆไว้เป็นความทรงจำ ส่วนเรื่องที่ไม่ดี ย่อมเป็นครูที่ดีที่สุด ทำวันนี้ให้ดีที่สุด ส่วนอดีตก็คงต้องปล่อยวาง อนาคตย่อมไม่แน่นอน ปัจจุบันย่อมสำคัญที่สุด

 สุดท้ายนี้ นักเขียน wasana_029 หวังเพียงว่า ผู้อ่านทุกท่านจะอ่านด้วยความรู้สึกสนุกสนาน ให้กับการใช้เวลาทุกวินาทีให้มีคุณค่าของท่าน มาอ่านนิยายเรื่องนี้ หากผิดพลาดประการใด ขออภัยไว้ ณ ที่นี้

^^^วาสนา.^^^

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!