"อีธาน" ชายหนุ่มธรรมดาที่ใช้ชีวิตไปกับงานประจำและการอ่านนิยายแฟนตาซีเพื่อหลีกหนีความน่าเบื่อของโลกแห่งความจริง คืนหนึ่ง ขณะเดินกลับบ้าน เขาถูกโจรวิ่งชนจนเสียหลักตกจากทางเท้า ก่อนจะถูกรถบรรทุกชนเข้าอย่างจัง
ในวินาทีสุดท้ายของชีวิต เขากลับไม่ได้คิดถึงเรื่องใด นอกจากความเสียดาย—เพราะนิยายแฟนตาซีเรื่องโปรดของเขายังอ่านไม่จบ! ก่อนที่สติจะดับวูบไป...
แต่เมื่อลืมตาอีกครั้ง เขากลับพบว่าตัวเอง นั่งอยู่บนรถไฟเวทมนตร์ พร้อมกับตั๋วที่ระบุว่า ปลายทางคือ "ฮอกส์มีด" เมืองแห่งโลกเวทมนตร์ที่เขาเคยรู้จักผ่านหนังสือและภาพยนตร์!
นี่มันอะไรกัน? เขากำลังฝัน หรือว่า... เขาได้ทะลุมิติเข้ามาใน "โลกของเวทมนตร์" จริงๆ กันแน่?
อีธานต้องค้นหาความจริงเกี่ยวกับการมาอยู่ที่นี่ และตัดสินใจว่าเขาจะใช้ชีวิตใหม่ในโลกนี้อย่างไร... ในโลกที่เต็มไปด้วยเวทมนตร์ อันตราย และความลับที่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อน!
อีธานยังคงตกตะลึงกับสถานที่ปลายทางที่ระบุบนตั๋วของเขา—ฮอกส์มี๊ด เมืองในโลกเวทมนตร์ที่เขาเคยรู้จักผ่านนิยายและภาพยนตร์
มันเป็นไปได้ยังไง?
ก่อนที่เขาจะทันได้ตั้งตัว รถไฟก็ชะลอความเร็วลง และหยุดนิ่งสนิทที่ชานชาลา อีธานหยิบกระเป๋าเดินทางของตัวเองขึ้นมา แล้วเดินออกจากขบวนรถ ทว่าทันทีที่ก้าวเท้าออกไป ความสงสัยก็เพิ่มขึ้นอีกระดับ—ทำไมไม่มีผู้โดยสารคนอื่นเลย?
เขาหันมองซ้ายขวา รอบตัวมีเพียงความเงียบงันและสายลมเย็นที่พัดผ่าน ไม่มีแม้แต่พนักงานรถไฟหรือคนเดินทางคนอื่น นี่มันอะไรกันแน่?
อีธานยืนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไปในตัวเมือง ตามความทรงจำที่เขามีเกี่ยวกับฮอกส์มีดจากนิยาย โลกนี้เหมือนกับเรื่องราวที่เขาเคยอ่านจริงๆ หรือมันเป็นเพียงความบังเอิญกันแน่?
ระหว่างเดินไปเรื่อยๆ ความทรงจำเกี่ยวกับร่างที่เขาอยู่ก็เริ่มแจ่มชัดขึ้น เขาจำได้ว่าตัวเองชื่อ อีธาน เมอเดอร์ เป็นเด็กกำพร้าที่พ่อแม่เสียชีวิตไปตั้งแต่ยังเด็ก ไม่มีพลังเวทมนตร์ใดๆ และเติบโตมาโดยไม่เคยเกี่ยวข้องกับโลกเวทมนตร์เลย
แต่ถ้าเป็นแบบนั้น... แล้วเขามาที่นี่ได้ยังไง?
อีธานนึกถึงเหตุการณ์สุดท้ายก่อนที่เขาจะมาถึงที่นี่—วันหนึ่ง หญิงวัยกลางคนในชุดคลุมสีขาวได้เดินเข้ามาหาเขาโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย เธอยื่นตั๋วรถไฟให้และพูดเพียงสั้นๆ ว่า
"เธอต้องมาให้ได้ล่ะ"
จากนั้น เธอก็หายตัวไปต่อหน้าต่อตา เหมือนกับว่าเธอไม่เคยอยู่ตรงนั้นมาก่อน อีธานจำได้ว่าเขายังคงมึนงงกับเหตุการณ์นั้น แต่ด้วยสัญชาตญาณบางอย่าง เขากลับตัดสินใจมาที่นี่
แต่…มาทำไม? แล้วเธอคนนั้นเป็นใคร?
ยิ่งคิดก็ยิ่งสับสน อีธานสลัดความคิดทั้งหมดออกไปชั่วคราวและเดินต่อไปในเมือง ก่อนจะสะดุดตากับร้านเก่าๆ เล็กๆ ที่ตั้งอยู่ตรงมุมตึก มันดูทรุดโทรมและเงียบสงัด ราวกับไม่มีใครใช้งานมานาน
บางอย่างในใจบอกให้เขาเข้าไป
อีธานผลักประตูเข้าไปข้างใน ร้านว่างเปล่า ไม่มีพนักงานหรือแม้แต่ลูกค้า มันดูร้างเกินกว่าจะเป็นร้านค้าในเมืองเวทมนตร์ที่ควรเต็มไปด้วยผู้คน
เขาเดินสำรวจภายในร้านอย่างระมัดระวัง จนกระทั่งมาถึงด้านหลังร้าน ที่นั่นมีเพียง กำแพงหินเก่าๆ ไม่มีประตู ไม่มีช่องลับ
"หรือว่าเรามาผิดที่?"
อีธานลองเอามือสัมผัสกับกำแพง และทันใดนั้นเอง!
กำแพงหินค่อยๆ แยกออกจากกัน
อีธานมองภาพตรงหน้าด้วยความตกตะลึง ด้านหลังของกำแพงนั้นคือเส้นทางที่ทอดยาวไปสู่หมู่บ้านเวทมนตร์ที่มีป้ายเขียนไว้ว่า—
"ฮอกส์มี๊ด"
— (จบตอนที่ 1) —
อีธานก้าวผ่านกำแพงหินและเข้าสู่ ฮอกส์มี๊ด อย่างเป็นทางการ เมืองแห่งเวทมนตร์ที่เคยเห็นแต่ในหนังสือและภาพยนตร์กลับอยู่ตรงหน้าเขาจริงๆ บ้านเรือนหลังคาจั่วสูงตกแต่งด้วยอิฐและไม้เก่า ถนนปูด้วยหินขรุขระ เสียงลมหนาวพัดแผ่วเบา พร้อมกับแสงไฟจากโคมไฟเวทมนตร์ที่ให้บรรยากาศลึกลับปนอบอุ่น
ดวงตาของอีธานเปล่งประกายด้วยความตื่นเต้น แต่นั่นก็อยู่ได้เพียงเสี้ยววินาที ก่อนที่ "ป๊อป!"
เสียงแตกดังขึ้นตรงหน้าเขา พร้อมกับร่างเล็กๆ ที่ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน
"นายน้อย!"
อีธานสะดุ้งเฮือก ก่อนจะกะพริบตาถี่ๆ กับสิ่งมีชีวิตที่ยืนอยู่ตรงหน้า—มันคือ เอลฟ์ประจำบ้าน ตัวเล็ก ผิวสีเทา ดวงตากลมโต และหูกางขนาดใหญ่ที่สั่นไหวตามอารมณ์ของมัน
"นี่มันอะไรกันอีกเนี่ย?"
"ข้าเฝ้ารอท่านมานาน นายน้อย!" เอลฟ์พูดเสียงสูง ก่อนจะรีบโค้งตัวต่ำ "ข้าจะพาท่านไปซื้อของที่จำเป็นสำหรับการเรียน ก่อนที่จะพาท่านไปที่โรงเรียน!"
อีธานขมวดคิ้ว "โรงเรียน?"
"ใช่แล้ว นายน้อย ท่านต้องไป ฮอกวอตส์ นี่เป็นคำสั่งที่ได้รับไว้!" เอลฟ์ตอบอย่างตื่นเต้น
ฮอกวอตส์?
โลกนี้… นี่มันไม่ใช่แค่นิยายที่เขาเคยอ่านอีกต่อไปแล้วใช่ไหม?
แต่ในเมื่อเขามาถึงขนาดนี้แล้ว อีธานก็ทำได้เพียงพยักหน้าตอบตกลงและเดินตามเอลฟ์ไป
—
ทั้งสองใช้เวลาสักพักเดินชมและซื้อของจากร้านค้าต่างๆ ในฮอกส์มี๊ด ตั้งแต่ชุดนักเรียน ไม้กายสิทธิ์ ตำราเรียน และอุปกรณ์เวทมนตร์อื่นๆ อีธานยังคงตกใจที่ทุกอย่างดูสมจริงราวกับเขาเป็นตัวละครในนิยายที่เขาเคยอ่าน
ระหว่างที่กำลังเดินไปยังร้านสุดท้าย อีธานอดสงสัยไม่ได้ จึงถามขึ้นว่า "ไม่มีนักเรียนคนอื่นมาซื้อของเลยเหรอ?"
เอลฟ์เงียบไปชั่วครู่ก่อนจะตอบ "เพราะนายน้อยมาถึงช้ากว่าคนอื่นสองสัปดาห์"
"หา?!"
อีธานหยุดเดินทันที ตกใจในสิ่งที่ได้ยิน
"นักเรียนคนอื่นได้รับจดหมายและเดินทางไปฮอกวอตส์กันหมดแล้ว นายน้อยเป็นคนสุดท้าย"
อีธานรู้สึกเหมือนสมองจะระเบิดไปแล้ว ทำไมเขาถึงมาช้ากว่าคนอื่น? แล้วมันจะส่งผลกระทบอะไรกับเขาไหม?
ก่อนที่เขาจะคิดไปไกลกว่านี้ เอลฟ์ก็หยุดเดินอยู่ตรงหน้ารูปปั้นพ่อมดโบราณที่ตั้งอยู่บริเวณหัวมุมถนน รูปปั้นดูเก่าแก่ แต่ยังคงไว้ซึ่งกลิ่นอายของเวทมนตร์
"นายน้อย โปรดยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ รูปปั้น แล้วพูดว่า 'ฮอกวอตส์'"
อีธานมองเอลฟ์อย่างงุนงง "แค่พูดงั้นเหรอ?"
"ใช่แล้ว นายน้อย นี่เป็นทางลับสำหรับท่าน!"
แม้จะงง แต่สถานการณ์นี้ไม่ปล่อยให้เขามีทางเลือกมากนัก อีธานจึงถอนหายใจ ก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้รูปปั้น และพูดออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ
"ฮอกวอตส์"
ทันใดนั้นเอง!
แสงสีทองสว่างจ้าปะทุออกมาจากรูปปั้น
สายลมหมุนวนรอบตัวอีธานอย่างรุนแรง ก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบลง
—
อีธานรู้สึกเหมือนตัวเองถูกดึงผ่านอุโมงค์ล่องหน จนกระทั่งแสงจ้าเริ่มจางลง และเขาพบว่าตัวเองยืนอยู่ใน…
ห้องโถงใหญ่ของฮอกวอตส์
บรรยากาศรอบตัวเต็มไปด้วยความเงียบงัน ไฟจากเชิงเทียนลอยอยู่กลางอากาศ โต๊ะอาหารยาวเหยียดตั้งเรียงราย แต่กลับไม่มีใครนั่งอยู่เลย
เงียบ…เงียบเกินไป
"นี่มันอะไรกัน?"
อีธานกวาดตามองไปรอบๆ ห้องโถงที่ควรจะเต็มไปด้วยนักเรียนและอาจารย์ แต่ตอนนี้เขากลับเป็นเพียง คนเดียวที่อยู่ที่นี่
เขามาถึงช้าขนาดไหนกันแน่?
— (จบตอนที่ 2) —
อีธานยังคงยืนนิ่งอยู่กลาง ห้องโถงใหญ่ รอบตัวเต็มไปด้วยความเงียบงัน โต๊ะอาหารยาวเหยียดถูกปกคลุมด้วยเงามืดจากแสงเทียนลอยตัวเหนือศีรษะ มันให้ความรู้สึกทั้งว่างเปล่าและขนลุกไปพร้อมกัน
"ที่นี่มันควรจะมีคนอยู่ไม่ใช่เหรอ?"
ก่อนที่อีธานจะได้คิดอะไรต่อ เสียงประตูไม้บานใหญ่ที่ปลายห้องโถงก็ถูกผลักเปิดออก พร้อมกับเสียงรองเท้ากระทบพื้นหินอย่างมั่นคง
หญิงวัยกลางคนในชุดคลุมสีดำสนิทเดินเข้ามาหาเขา
เธอมีผมสีเงินยาวรวบขึ้นอย่างเป็นระเบียบ ใบหน้าคมเข้ม และดวงตาสีฟ้าอ่อนที่ดูเฉียบขาด เธอหยุดยืนตรงหน้าอีธาน และพินิจพิเคราะห์เขาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสุขุม
"เธอคืออีธาน เมอเดอร์สินะ"
อีธานตัวเกร็งเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้า "ครับ"
หญิงวัยกลางคนพยักหน้าตอบอย่างพึงพอใจ "ฉันคือศาสตราจารย์ใหญ่แห่งฮอกวอตส์ และฉันจะเป็นคนคัดสรรบ้านให้เธอเอง"
อีธานขมวดคิ้วเล็กน้อย ปกติแล้วเด็กปีหนึ่งจะต้องมาพร้อมกับนักเรียนคนอื่นๆ และเข้ารับการคัดสรรบ้านพร้อมกัน แต่นี่เขาเป็นคนเดียวที่มาถึงช้ากว่าทุกคน ทำให้พิธีคัดสรรของเขาแตกต่างออกไป
ถึงอย่างนั้น… อีธานก็ไม่ได้หวั่นไหว เขาพยักหน้ารับด้วยความมั่นใจ "ครับ ศาสตราจารย์"
ศาสตราจารย์ใหญ่ยิ้มเล็กน้อย ราวกับรู้อยู่แล้วว่าเขาจะตอบแบบนี้ เธอเดินไปยังด้านหน้าของห้องโถง ก่อนจะสะบัดไม้กายสิทธิ์เบาๆ
พรึ่บ!
เก้าอี้ไม้ตัวหนึ่งปรากฏขึ้นตรงกลางห้อง
"มานั่งสิ" ศาสตราจารย์เอ่ยเรียบๆ
อีธานเดินไปนั่งอย่างว่าง่าย พลางสูดหายใจเข้าลึก
พรึ่บ!
คราวนี้ หมวกคัดสรร ปรากฏขึ้นจากอากาศและลอยมาอยู่เหนือศีรษะของเขา ก่อนจะค่อยๆ ทิ้งตัวลงครอบหัวของอีธาน
—
"โอ้ววว… น่าสนใจจริงๆ…" เสียงแหบพร่าของหมวกคัดสรรดังก้องอยู่ในหัวของเขา
อีธานเผลอกลืนน้ำลาย เขารู้ดีว่าหมวกคัดสรรสามารถอ่านจิตใจของผู้ถูกคัดสรรได้ และมันจะเลือกบ้านที่เหมาะสมกับลักษณะนิสัยและศักยภาพของคนคนนั้น
"ฉลาด… แต่ไม่ใช่ในแบบของเรเวนคลอ… กล้าหาญ… แต่ไม่ใช่ในแบบของกริฟฟินดอร์… อืมมม…"
อีธานเงียบฟัง ขณะที่หมวกยังคงพิจารณาตัวตนของเขา
"เจ้ามีความมุ่งมั่นที่แรงกล้า มีความทะเยอทะยาน… และเหนือสิ่งอื่นใด… เจ้าสามารถปรับตัวได้ดีในทุกสถานการณ์…"
"บ้านเดียวที่เหมาะกับเจ้าก็คือ…
สลิธีริน!!"
—
พรึ่บ!
หมวกคัดสรรถูกยกออกจากศีรษะของอีธาน ศาสตราจารย์ใหญ่ยิ้มบางๆ ราวกับรู้ผลอยู่แล้ว
"ยินดีต้อนรับสู่ฮอกวอตส์, มิสเตอร์เมอเดอร์" เธอกล่าวเสียงเรียบ ก่อนจะดีดนิ้วเบาๆ
"ป๊อป!"
เอลฟ์ตัวหนึ่งปรากฏขึ้นทันที มันสวมชุดผ้าสีเขียวเข้ม ซึ่งเป็นสีประจำบ้านสลิธีริน เอลฟ์โค้งตัวต่ำก่อนเอ่ยด้วยเสียงเคารพ
"ข้าจะพาท่านไปยังหอพักสลิธีริน นายน้อย"
อีธานลุกขึ้นยืนเต็มความสูง หันไปสบตากับศาสตราจารย์ใหญ่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้ารับคำ จากนั้นก็เดินตามเอลฟ์ออกไปจากห้องโถงใหญ่
"สลิธีรินงั้นเหรอ..."
อีธานไม่ได้แปลกใจนัก แต่มันก็ทำให้เขาตั้งคำถามกับตัวเอง
นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น… แล้วต่อจากนี้ล่ะ?
— (จบตอนที่ 3) —
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!