ปุกาศๆจากนักเขียนหน้าใหม่ทิวาคับขอแทรกเวลาก่อนอ่านนิดนึงนะคับ นิยายเรื่องนี่เป็นเหมือน play บทละครที่เป็นสคริปต์ แรงบันดาลในการเขียนสไตล์แบบนี้มาจาก Shakespeare ออริจินอลเรื่องนี้เป็นฉบับอิ้งที่เขียนจบเรียบร้อยแล้วคับ ตัวละครทั้งหมดเป็นผลไม้ทั้งนั้นคับ ลองทายเล่นๆดูว่าคนไหนแทนผลไม้อะไร นักเขียนวางแผนจะเขียนมังงะหลังจากเขียนเรื่องนี้จบ ภาษาไทยยังยึกยือๆพยาามแก้ที่สุดแล้วคับ ค่อยๆแผลไป ฝากเรื่องนี้ด้วยคับ
พระราชวังแห่งเวลโมร่ายืนตระหง่านเหนือผืนแผ่นดิน กำแพงสีดำสนิทของมันเป็นเครื่องเตือนใจถึงอำนาจอันแข็งแกร่งของราชวงศ์และกฎเกณฑ์ที่ถูกกำหนดด้วยกำปั้นเหล็ก ชนชั้นที่หนึ่งปกครองด้วยความหวาดกลัว ชนชั้นที่สองก้มศีรษะด้วยความคับแค้น และชนชั้นที่สามเดือดพล่านไปด้วยโทสะ
ภายในห้องบัลลังก์อันกว้างใหญ่และเย็นยะเยือก เสียงกระซิบของแผนการและการทรยศดังก้องอยู่ในเงามืด อาณาจักรนี้กำลังสั่นคลอน และไม่ว่าใครก็ตามที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ก็ต้องเผชิญกับพายุที่กำลังก่อตัวขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ห้องบัลลังก์
(แกรนนิตเอนกายพิงบัลลังก์หินดำอันสูงส่ง ขาข้างหนึ่งพาดทับอีกข้างอย่างผ่อนคลาย ปลายนิ้วเคาะเบา ๆ กับพนักวางแขน สีหน้าของเขาประดับด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน แววตาสะท้อนความเบื่อหน่ายขณะที่จ้องมองชายผู้คุกเข่าอยู่เบื้องหน้า แบรน ในขณะที่อีกฟากหนึ่งของห้อง โอรินยืนประจำที่ สายตาเฝ้าสังเกตทุกการเคลื่อนไหว ส่วนชายหนุ่มอีกคน—คุโร—ยืนอยู่ที่มุมห้อง แขนกอดอก สีหน้าไร้อารมณ์ แต่ดวงตากลับเต็มไปด้วยความคิดที่ซับซ้อน)
แกรนนิต: (ทอดถอนใจเบา ๆ ราวกับหมดความสนใจ) บอกข้ามา แบรน พวกกบฏเป็นอย่างไรบ้าง?
แบรน: (น้ำเสียงเรียบเฉย) ชนชั้นที่สามเริ่มเคลื่อนไหว พวกเขาสะสมอาวุธ พวกเขากระซิบถึงสงคราม
แกรนนิต: (หัวเราะเบา ๆ พลางเอนหลัง) ช่างน่าขัน พวกมันคิดว่าตัวเองมีโอกาสจริง ๆ หรือ?
คุโร: (น้ำเสียงแข็งกร้าวขึ้นเล็กน้อย) พวกเขามีโอกาส แกรนนิต และถ้าเราไม่ลงมืออย่างรอบคอบ เราจะได้เห็นเองว่าพวกเขามีมากแค่ไหน
(รอยยิ้มของแกรนนิตเลือนหายไปชั่วขณะหนึ่ง ดวงตาคมหันไปจับจ้องที่น้องชายของเขา ความเย็นชาในแววตาลึกขึ้นอย่างชัดเจน)
แกรนนิต: (เสียงต่ำและเยือกเย็น) เจ้าเริ่มพูดเหมือนพวกมันขึ้นทุกที
คุโร: (น้ำเสียงมั่นคง ไม่หวั่นไหว) ข้าสงสารอาณาจักรที่กัดกินประชาชนของตัวเอง เจ้าปกครองด้วยความหวาดกลัว แต่ความหวาดกลัวนั้นเปราะบางยิ่งนัก แค่รอยร้าวเล็ก ๆ... มันก็พังได้
(ความเงียบหนักอึ้งปกคลุมทั่วทั้งห้อง บรรยากาศรอบตัวเย็นยะเยือกขึ้นไปอีกขั้น แบรนมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเพลิดเพลินเล็กน้อย ส่วนโอรินขยับตัว รู้สึกถึงแรงกดดันที่เพิ่มขึ้น)
แบรน: (พูดขึ้นเบา ๆ ราวกับจะทำลายความตึงเครียด) ข้าไม่คิดว่ามันจะพังได้ง่ายขนาดนั้น เราปกครองมานานแล้ว และมันก็ยังยืนหยัดอยู่
คุโร: (ไม่สนใจคำพูดของแบรน เสียงของเขาเย็นเยียบกว่าเดิม) พวกเขากำลังจะอดตาย แกรนนิต ชนชั้นที่สามต่อสู้เพราะพวกเขาไม่มีทางเลือก และชนชั้นที่สอง... พวกเขาเฝ้ามอง เฝ้ารอ
แกรนนิต: (หัวเราะหยัน) แล้วเจ้าจะให้ข้าทำอย่างไร? คุกเข่าให้พวกมัน? ขอโทษที่เกิดมาสูงส่งกว่าหรือ?
คุโร: (กล่าวหนักแน่น) ฟังพวกเขา หากเจ้ากดพวกเขาไว้ใต้เท้าแบบนี้นานเกินไป วันหนึ่งพวกเขาจะลุกขึ้นมา และเมื่อถึงตอนนั้น—พวกเขาจะไม่หยุด จนกว่าเจ้าจะถูกฉุดลงจากบัลลังก์
(แกรนนิตลุกขึ้นยืนช้า ๆ ร่างสูงโปร่งของเขาเปล่งอำนาจออกมาในทุกการเคลื่อนไหว สายตาของเขาไม่ละไปจากคุโรแม้แต่วินาทีเดียว)
แกรนนิต: (เสียงนุ่ม แต่แฝงอันตราย) เจ้าเปลี่ยนไปนะ น้องชาย
คุโร: (เสียงแผ่วเบาแต่หนักแน่น) บางทีข้าอาจจะเพิ่งมองเห็นสิ่งที่เป็นจริง
(ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบงัน เสียงเพลิงจากคบไฟเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ยังเคลื่อนไหว ช่องว่างระหว่างพี่น้องทั้งสองกว้างขึ้นทุกขณะ โอรินขยับตัวอย่างอึดอัด ขณะที่แบรนเพียงยิ้มบาง ๆ สนุกกับความตึงเครียดตรงหน้าแต่รู้ดีว่าไม่ควรแทรกแซง)
แกรนนิต: (กล่าวเสียงเบา ราวกับสนุกกับสถานการณ์นี้) งั้นก็มารอดูกันเถอะ ว่าใครจะเป็นฝ่ายถูก
(คุโรจ้องมองแกรนนิต ดวงตาของเขาฉายแววทั้งความเสียใจและความท้าทาย เขารู้ดีว่าการเผชิญหน้านี้จะไม่ใช่ครั้งสุดท้าย อาณาจักรนี้เหมือนฟางเส้นสุดท้ายที่พร้อมจะดับเมื่อถูกจุดไฟ)
คุโร: (เสียงเบา เกือบจะพูดกับตัวเอง) “ข้าไม่ได้ขอแบบนี้ แกรนนิต ไม่มีใครในพวกเราที่ขอแบบนี้”
(แกรนนิตหันมามองเขาด้วยสายตาคมกริบ และช่วงหนึ่ง คุโรเกือบจะเสียใจที่พูดออกไป แต่คำพูดนั้นมันออกไปแล้ว และไม่สามารถย้อนกลับได้)
แกรนนิต: (โน้มตัวไปข้างหน้า เสียงต่ำ) “เจ้าพูดเหมือนกับว่าเจ้าคือเด็กไร้เดียงสา คุโร เราทุกคนเลือกทางนี้แล้ว ทั้งข้าและเจ้า... เราถูกเลี้ยงดูมาเพื่อสิ่งนี้ เจ้าจะมาแสร้งทำตัวเหนือกว่านี้ไม่ได้หรอก”
(คุโรขยับมือเกร็งแน่น บางคำพูดของพี่ชายทิ่มแทงหัวใจเขา แต่ว่าเขายืนหยัดอยู่)
คุโร: (เสียงมั่นคง) “ข้าไม่เคยอยากปกครองเหมือนเจ้า ข้าไม่เคยอยากเห็นผู้คนทนทุกข์เพียงเพื่อให้ข้าได้อำนาจ เจ้าคิดว่าเจ้าครอบครองอาณาจักรนี้ แต่เจ้าลืมไปแล้วว่าผู้คนคือผู้สร้างมันขึ้นมา”
(แบรนก้าวไปข้างหน้า เพื่อทำลายความเงียบที่ตึงเครียด เสียงของเขายังดูเบาสบาย ราวกับว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง)
แบรน: (ยิ้ม) “โอ้ ดูสิครับ น้องชายองราชามีจิตสำนึกแล้วเหรอ?”
(โอรินมองแบรนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหงุดหงิด ไม่ชอบเกมที่เล่นในเวลาที่สถานการณ์หนักหน่วงเช่นนี้)
โอริน: (เสียงกร้าว) “พอแล้ว แบรน ตอนนี้มันไม่ใช่เวลาสำหรับเกมพวกนี้”
(แบรนยกมือขึ้นในท่าทางยอมแพ้แต่ยังคงจับจ้องมองไปที่คุโรและแกรนนิต อย่างเพลิดเพลินในเกมแห่งการต่อสู้)
แบรน: (หัวเราะเบา ๆ) “โอ้ แต่สำหรับข้า มันคือเวลาเดียวที่เรามีไง โอริน เรื่องนี้มันคือการแสดงที่ยิ่งใหญ่ของการทรยศ”
(ความตึงเครียดในห้องเพิ่มสูงขึ้น จ้องมองระหว่างคุโรและแกรนนิตเต็มไปด้วยพลังอันหนาวเย็น แกรนนิตยังคงยิ้มเยาะ ในขณะที่คุโรไม่หลบสายตา เขาไม่ยอมแพ้ แม้ว่าเสียงกระซิบของการเปลี่ยนแปลงจะเริ่มเบาๆ ดังก้องในห้องนี้)
แกรนนิต: (เย็นชา) “เจ้าเคยคิดบ้างหรือว่ามีใครมาก่อนที่ท้าทายข้า คุโร? เจ้าก็แค่คนหนึ่งในกลุ่มคนที่ผิดหวัง”
คุโร: (ส่ายหัวพร้อมหัวเราะขมขื่น) “ไม่ แกรนนิต ข้าเป็นคนสุดท้ายที่จะท้าทายเจ้า”
(ในช่วงเวลานั้น ทั้งสองรู้กันดี ความขัดแย้งนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนของอาณาจักร ทุกสิ่งกำลังเดินไปสู่จุดที่ไม่สามารถย้อนกลับได้ และคุโรก็รู้ดีว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป มันจะจบลงด้วยการสูญเสียเลือดหรือเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งไปตลอดกาล)
(แกรนนิตในฐานะผู้วางแผน ค่อย ๆ นั่งลงกลับที่เดิม ท่าทางผ่อนคลาย แต่สายตาของเขากลับแข็งกร้าว)
แกรนนิต: (ด้วยท่าทางคำนวณเย็นชา) “ดีแล้ว งั้นเรามารอดูกัน ว่าความจงรักภักดีของเจ้า จะอยู่ได้แค่ไหน เมื่ออาณาจักรเริ่มลุกเป็นไฟ”
(คุโรเผยท่าทางที่แข็งแกร่งขึ้น ใบหน้าของเขาจับจ้องไปข้างหน้าอย่างมั่นคง เขาก้าวออกไปที่ประตู แต่หยุดชะงักก่อนจะเดินออกไป)
คุโร: (มองกลับไปอย่างสุดท้าย) “ข้าจะจำเจ้าไว้ แกรนนิต เมื่ออาณาจักรพังทลาย ข้าจะไม่ใช่คนที่ยังยืนอยู่”
(คุโรเดินออกจากห้องบัลลังก์ไป เสียงประตูปิดดังสนั่น ตามมาด้วยเสียงดังของความคิดที่ร้อนแรงในหัวของเขา การกบฏกำลังจะมาถึง เขารู้สึกได้ในกระดูกทุกชิ้น)
(ในขณะที่ประตูปิดลง แบรนยิ้มจาง ๆ และหันมองแกรนนิตอย่างที่รู้จักดี สายตาของแกรนนิตเต็มไปด้วยพายุในตัว)
แบรน: (พูดเบา ๆ ไม่แยแส) “มันจะจบลงไม่ดีใช่ไหมล่ะ?”
แกรนนิต: (เสียงต่ำและมืดมน) “ใช่ แบรน มันไม่เคยจบดีหรอก”
(และเมื่อโชคชะตาของพวกเขาถูกตัดสิน ความตึงเครียดระหว่างชนชั้นที่หนึ่งและชนชั้นที่สามเริ่มสะสมขึ้น ทุกคนในสนามรบรู้หน้าที่ของตัวเอง แต่ไม่มีใครสามารถทำนายได้ว่าเกมนี้จะจบลงอย่างไร)
(คุโรเดินจากห้องไป ทิ้งให้ความเงียบที่เต็มไปด้วยความตึงเครียดอยู่เบื้องหลัง ความสงบที่แผ่ขยายออกมาหลังจากที่เขาจากไป เหมือนกับมีเมฆดำคลุมห้องบัลลังก์ ทุกการเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นต่อจากนั้นเหมือนจะสะท้อนความไม่แน่นอนของอาณาจักร)
(แบรนยืนข้ามแขน สังเกตทุกอย่างด้วยท่าทีเบื่อหน่าย ขณะที่โอรินยังคงจับจ้องไปที่แกรนนิต รอคำสั่งจากเขา แต่ความเงียบยาวนานนั้นถูกทำลายโดยเสียงประตูเปิด)
(เซริสเดินเข้ามาในห้องบัลลังก์ ความมุ่งมั่นในแววตาของเธอสะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจที่ไม่ย่อท้อ เธอก้าวเข้ามาด้วยความสง่างาม ดวงตาของเธอจ้องไปที่แกรนนิต ราวกับจะยืนกรานบางอย่าง)
แบรน: (พูดหยอก) “โอ้, ถ้าไม่ใช่นักรบทองคำแล้ว ใครกันล่ะ เซริส? ข้าเดาว่ามาหาพี่ชายสุดหล่อของเจ้าที่บัลลังก์ใช่ไหม?”
(เซริสมองไปที่แบรนชั่วขณะ แต่สายตาของเธอกลับจดจ่ออยู่ที่แกรนนิต เธอก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง ท่าทางที่แสดงออกมาคือการคำนึงถึงความจริงจัง)
เซริส: (โน้มศีรษะเล็กน้อย) “ข้ามาเพื่อคุยกับพระมหากษัตริย์ ท่านแกรนนิต เพียงลำพัง”
(แบรนยกคิ้วขึ้นแต่ไม่ได้พูดอะไร ส่วนโอรินนั้นหรี่ตามองเซริสด้วยความระมัดระวัง เขารู้ดีว่ามีบางสิ่งกำลังจะเกิดขึ้น และมือของเขาก็ยังกุมแน่นรอการกระทำ)
แกรนนิต: (เอนตัวพิงบัลลังก์ ท่าทางเย็นชาแต่ยินดีต้อนรับ) “พูดมาเถอะ เซริส ข้าเชื่อว่าความสำคัญของคำพูดที่เจ้าจะนำมามีความหมายมาก”
(เซริสหรี่ตามองแกรนนิตชั่วขณะหนึ่ง รู้สึกเหมือนมีความลังเลแวบหนึ่งผ่านเข้ามา แต่เธอก็รวบรวมสติและทำให้สีหน้าของตัวเองเป็นกลางอย่างรวดเร็ว)
เซริส: (ด้วยความมั่นคง) “ชนชั้นที่สามกำลังแข็งแกร่งขึ้น พวกเขารวมกำลังได้มากขึ้นตั้งแต่การปะทะครั้งล่าสุด พวกเขาจะไม่รออีกต่อไป”
(ความเงียบเข้าครอบงำห้องเป็นครั้งที่สอง คำพูดของเซริสสะท้อนให้ทุกคนในห้องเริ่มตระหนักถึงสถานการณ์ที่ทวีความรุนแรงขึ้น โอรินขยับเท้าเล็กน้อย สายตาของเขายังนิ่ง มองไปที่แกรนนิตที่นั่งอยู่ในบัลลังก์ ส่วนแบรนยังคงยืนนิ่งด้วยท่าทางเบื่อหน่าย)
แบรน: (ด้วยเสียงประชดประชัน) “การกบฏอีกแล้ว? ช่างน่าสนุกจริง ๆ”
เซริส: (มองแบรนอย่างเยือกเย็น) “มันไม่ใช่เกม, แบรน นี่คือความจริง ถ้าเราไม่ลงมือเร็ว เราจะสูญเสียการควบคุมอาณาจักรนี้ และเจ้าจะได้รู้ถึงความเปราะบางของจักรวรรดิของเจ้าจริง ๆ”
(แบรนเริ่มหุบยิ้มลง สายตาของเขาทอดยาวไปยังเซริส ขณะที่เขารู้สึกถึงความจริงจังในน้ำเสียงของเธอ และแลกสายตากับโอรินที่ไม่ยอมพูดอะไร)
โอริน: (เสียงกร้าว) “แล้วเจ้าจะให้เราทำอะไรล่ะ? แกรนนิตไม่ฟังข้า แล้วทำไมเขาจะต้องฟังเจ้าล่ะ?”
เซริส: (ตอบกลับด้วยเสียงมั่นคง ท่าทางที่เด็ดเดี่ยว) “เพราะข้าเข้าใจความหมายของการปกป้องอาณาจักรนี้ เจ้ารู้แค่การเป็นหมากในเกมของเขา โอริน”
(โอรินขบกรามแน่น แต่อย่างไรก็ตามเขาก็ยืนเงียบ ไม่กล้าคัดค้านเธอในเวลานี้)
แบรน: (ยิ้มเยาะ) “ข้าเคยคิดว่าเราคือพี่น้องกันในสนามรบ แต่ดูเหมือนว่าเราจะเป็นแค่หมากในเกมของแกรนนิตซะมากกว่า”
(เขามองไปที่แกรนนิตที่ยังคงนั่งนิ่งบนบัลลังก์ ใบหน้าไม่แสดงความรู้สึกใด ๆ)
แกรนนิต: (ค่อย ๆ พูดออกมา เสียงเย็นชาแต่แฝงความอันตราย) “พอได้แล้ว พวกเจ้าเป็นหมากในอาณาจักรนี้ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ก็ตาม และสำหรับการกบฏ…” (เขาหันไปมองเซริสพร้อมกับยิ้มอย่างมีกลิ่นอันตราย) “ข้าแกรนนิต รู้ดีว่าจะจัดการกับมันยังไง และถ้าเจ้าคิดว่าข้าจะปล่อยให้อาณาจักรหลุดมือไป เจ้าคิดผิดมาก”
(เซริสขบกรามแน่น มือของเธอกำเป็นกำปั้น ท่าทางของเธอเต็มไปด้วยความท้าทาย เธอก้าวไปข้างหน้า ดวงตาของเธอสาดประกายราวกับจะเผาแกรนนิต)
เซริส: (เสียงขุ่นมัวแต่หนักแน่น) “มันไม่ใช่แค่ของเจ้าอีกต่อไป แกรนนิต เจ้าถูกเลี้ยงมาเพื่อปกครองมัน แต่ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าไปทำลายมัน ชนชั้นที่สามทนไม่ไหวแล้ว เราต้องเปลี่ยนแปลง หรือไม่เราก็จะต้องพินาศไปด้วยกัน”
(ห้องเงียบไปอีกครั้ง เสียงของเธอสะท้อนในอากาศ การเงียบทำให้ความตึงเครียดนั้นทวีขึ้น ทุกคนในห้องรู้ว่าเซริสพูดจากความจริงที่เธอเห็นและเข้าใจ ทั้งแบรนและโอรินต่างก็ไม่พูดอะไร ท่าทางของพวกเขาเต็มไปด้วยความตึงเครียด)
แกรนนิต: (เสียงต่ำ กระซิบออกมาอย่างโกรธจัด) “ข้าสร้างอาณาจักรนี้ด้วยเลือดของข้า ข้าจะไม่ยอมให้มันล่มสลายไป ขณะที่ข้ายังหายใจอยู่”
(ในช่วงเวลานี้ ความขัดแย้งระหว่างพี่น้องเริ่มเห็นได้ชัด ความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องที่เคยเป็นหนึ่งเดียวเริ่มแยกออกไปอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาเป็นหมากในเกมนี้ แต่ไม่รู้เลยว่าเกมนี้พวกเขากำลังเล่นด้วยกติกาที่ไม่สามารถควบคุมได้)
เซริส: (เสียงเย็น แต่แฝงความเศร้าเล็กน้อย) “แล้วเจ้าจะเห็นมันพังทลาย แกรนนิต เพราะมันไม่ใช่แค่ชนชั้นที่สามที่เจ้าต้องกลัวอีกต่อไป”
(คำพูดของเธอฝังลึกลงไปในใจของแกรนนิต ขณะที่เธอหมุนตัวออกจากห้องไป ก้าวเดินอย่างมั่นคง ราวกับทิ้งรอยแผลไว้ในห้องบัลลังก์ ห้องที่ตอนนี้เต็มไปด้วยความเครียดที่หนักหน่วงยิ่งกว่าเดิม)
(เมื่อประตูปิดลง ความเงียบเข้าครอบงำอีกครั้ง แบรนหันไปมองแกรนนิต ก่อนจะมองไปที่โอริน แต่ไม่ได้พูดอะไร โอรินก้าวไปข้างหน้า ท่าทางจริงจัง)
โอริน: (เตือนเสียงเบา) “เธอพูดถูกนะ แกรนนิต เจ้าจะยืนหยัดในอาณาจักรนี้ได้ด้วยความกลัวอย่างเดียวไม่ได้หรอก”
(แกรนนิตหันมองไปที่โอริน ดวงตาของเขาฉายแววโกรธจัด แต่เขาก็ไม่ได้ตอบกลับอะไร เขาหันไปมองที่ประตูที่เซริสจากไป ความท้าทายของเธอยังคงติดอยู่ในอากาศ)
แกรนนิต: (พูดกับตัวเองเบา ๆ) “ทุกคนจะเห็น อาณาจักรนี้จะยอมสยบใต้เท้าข้า หรือมันจะเผาไหม้ไป”
(และด้วยคำพูดนี้ ความตึงเครียดที่เต็มห้องยังคงอยู่ ความพายุที่แท้จริงเพิ่งเริ่มต้น)
---
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!