สหวีหย่าถิง ลูกสาวมาเฟีย สุดโหด แถบ ฉงชิ่ง มณทล เสฉวน ถูกชายปริศนา 2 คนลักพาตัวมาที่โกดังเพื่อเรียกค่าไถ่เงิน 20,000 ล้านจากครอบครัวของเธอ
สองข้อมือเสียดสีกันไปมาเพื่อเอาชีวิตรอดถึงเจ็บแค่ไหนก็ต้องอดทน จนรอยข้อมือทั้งสองถลอก หันไปมองจนปวดคอเมื่อหันกลับมา เธอก็ผงะตกใจ ชายคลุมหน้าทั้งสองตบหน้าเธอจนบวมช้ำ “ คุยกับพ่อแกหน่อยไหม”
สหวีหย่าถิง” พวกแกต้องการอะไร”
“เงินแค่20000 ล้าน จากพ่อแก “
สหวีหย่าถิง” ฮ่าๆๆๆ ฝันไปเถอะ”
เธอหยิบไฟเเช็คในกระเป๋ากางเกงด้านหลัง ในขณะนั้นเธอก็ปลดเชือกได้ รีบวิ่งหนีไป....แต่ทางหนีนั้นถูกปิดตาย ยังไงก็ไม่รอด พวกมันวิ่งไล่ล่าเธอ อย่างบ้าคลั่งจนขาเธอได้รับบาดเจ็บจากเศษขวดที่พวกมันโยนใส่เธอจนเดินไม่ได้ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว เธอไม่รอช้าเห็นถังน้ำมันข้างๆ รีบจุดไฟทันที
“ พวกแกฝันไปเถอะ แกจะไม่ได้อะไรเลย” ตูม!!!!
ค.ศ.317-420 ณ แคว้น 10
นางร้าย / หลี่ซิ่น อายุ 20 ปี ลูกสาวเชื้อพระวงศ์แห่งแคว้นเฉิงฮั่น มารดาของนางนั้นมีศักดิ์เป็นชายารองเท่านั้น แต่อวดตนเบ่งอำนาจบาตรใหญ่ในวังหลวง นิสัยเห็นแก่ตัว ถูกตามใจตั้งแต่ยังเยาว์วัย ถูกผิดไม่สนเพราะมารดาคอยให้ท้าย จนเติบใหญ่ ก็ยังร้ายเท่าทวีคูณ
สีหน้ารังสีอำหิตแผ่กระจ่ายดังกระทะร้อนในเตาไฟใช้เท้าในขณะมีโทสะ เตะประตูหน้าวังออกจากห้องท้องพระโรง แววตาข่มขู่นางกำนัลทุกคนที่เดินผ่าน ไม่มีผู้ใดกล้าสบตาแม้แต่ผู้เดียว ย่างเท้าเดินสับๆเข้าไปยังตำหนัก มารดาของตนอย่างร้อนใจ รีบดึงแขนมารดาของตนมานั่งโต๊ะ
(หลิวซิ่นเนียน (มารดา) แท้ ๆ ของ หลี่ซิ่น ดดีตนางกำนัลผู้ไต่เต้าขึ่นมาเป็นชายารอง )
“ ท่านแม่ ข้าไม่อยากแต่งงาน”
(แม่ตนได้ยินเช่นนั้นจึงบอกให้นางค่อยๆเล่า )
“ท่านพ่อให้ข้าแต่งงานกับชาย ปัญญาอ่อนแห่งแคว้น10 ที่ผู้คนร่ำลือกันว่า หน้าตาน่าเกลียด”
พอพูดจบประโยคแม่นาง โกรธจนพาลเขวี้ยงใบพัดใส่นางกำนัล
“ลูกแม่ ลูกไม่ต้องกลัว แม่จะทำทุกอย่างไม่ให้ลูกต้องแต่งงาน”
(นางขยับตัวเข้าโพกอดแม่ตนอย่างมีความหวัง)
หมู่บ้านยินๆ
เศษไม้เรียงกันสูงชันบนหลังหญิงสาวเดินย่างเท้าไต่ขึ้นภูเขาเพื่อนำเศษไม้กลับไปยังบ้านต้องผ่านเนินสูงชันและทางเดินที่ลำบาก ลำคอกระหายน้ำหายใจเริ่มติดขัดเหงื่อไหลย้อยหยดติ่งๆ ในแสงแดดสีทองที่ร้อนระอุ นางเหลือบไปเห็นต้นไม้ใหญ่ใกล้ลำธารจึงรีบเดินเข้าไปนั่งพักให้หายเหนื่อยจนนางเผอลหลับไปในที่สุด....1ชั่วโมงผ่านไป เสียงด่าทอแววเข้ามาในหูในขณะที่นางกำลังตื่นลืมตาอย่างงัวเงีย ฝ่ามืออรหันต์เหวี่ยงเข้าตบหน้าของนางจนเลือดออก
“ ท่านแม่ ตบข้าด้วยเหตุอันใด”
(นางหลัวหมิง / แม่เลี้ยงใจยักษ์สุดโหด)
สองแขนยืนเท้าสะเอวเท้าข้างช้ายเหยียบใบหน้าจนกลบดินชี้นิ้วจิกหัว
“ นางบ้า มาอู๋งานอยู่นี่เอง เกลียดค้านยิ่งนัก”
นางคอยๆ ยื่นมือ น้อยๆ คลานตัวมาจับข้อขานางแม่เลี้ยงใจมาร
“ ท่านแม่ข้าไม่หลับได้นอนทั้งคืน โปรดอย่าตีข้าเลย”
มือสรพิษจับคางจ้องหน้าถลึงสายตารังเกียจ
“หึ ข้าไม่สน แต่ว่าวันนี้เป็นวันดี รีบกลับเรือน สะ”
หลังจากนั้นนางแม่เลี้ยงหันหลังเดินกลับเรือน โดยไม่สนว่านางจะเป็นเช่นไร เจ็บปากก็เจ็บ ปวดขา ก็ ปวด ได้แต่โทษโชคชะตาที่ให้นางเจอแต่สิ่งเลวร้าย
เรือนแม่เลี้ยง
กลิ่นน้ำชาในห้องครัววันนี้ช่างหอมหวานเป็นพิเศษ มีแขกผู้สูงศักดิ์ลักษณะเสื้อผ้ากลีบดอกบัวปลายชายผ้าชั้นดี ริมฝีปากนวลแดง ประดับด้วยแหวนทองคำในทุกสัดส่วน นั่งถือใบพัดวีช้า ๆ มองไปรอบๆ เรือน ทันใดนั้นเจ้าของเรือนเดินยกกาน้ำชาพร้อมแก้วชั้นดี มาถวาย
“ถวายพระพรพระมเหสี มาเร่งด่วนเช่นนี้มีเรื่องอะไรให้หม่อมฉัน รับใช้เพ่ค่ะ “
ทั้งสองมองตาก็รู้ใจกัน หลิวซิ่นเนียน สั่งให้ทหารนำทองคำ สร้อยแหวนกำไร มากองไว้ตรงหน้าหลัวหมิง นางจ้องมองของทุกชิ้นที่มากมายเช่นนี้จนเอ๊ะใจว่าเหตุใดถึงนำมาให้นาง
“พระมเหสี เพค่ะ เหตุใดถึงนำของมีค่ามากมายเพียงมาให้ข้า”
หลิวซิ่นเนียนส่งยิ้มพร้อมแววตาบอกเป็นนัยๆพร้อมยิบยื่นสร้อยคอใส่มือ
“ ข้ามีงานให้เจ้าทำ”
นางรีบก้มหัวขอบพระทัย
“ พระมเหสีมีงานอะไรสั่งหม่อมฉันมาได้เลย เพค่ะ”
น้ำชากระดกลงคอ จ้องถ้วยชาแล้วเอ่ย
“ ข้าอยากได้หญิงสักคนมาแต่งงานแทนลูกสาวข้า”
พอพูดจบประโยคก็วางถ้วยชากระแทกโต๊ะ
“ ฝ่าบาทนะฝ่าบาท คิดเช่นไรก็ไม่รู้ให้ลูกสาวข้าแต่งงานกับ คนบ้า ไม่มีสติ”
หลัวหมิงได้ยินเช่นนี้จึงคิดแผนอันชั่วร้ายออกทันที
“ พระมเหสี หม่อมฉันมีลูกสาว แต่ว่าไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ นางก็สติไม่ค่อยสักเท่าไรไม่สู้คนด้วยเพค่ะ”
น้ำเสียงเอาอกเอาใจพร้อมขายลูกสาวบุญธรรมให้อย่างไม่ลังเล
“พรุ่งนี้ข้าจะมารับนาง”
โบกสะบัดใบพัดอย่างพอใจแล้วเดินขึ่นรถม้าพร้อมทหารคุ้มกันอีก2 เชือก เมื่อหลิวซินเนียนไปพ้นตาแล้วรีบเก็บสมบัติทั้งหลายซ่อนไว้ในบ้านเป็นอย่างดี
“ หึ วาสนาข้าจะรวยแล้ว “
มือยุกยิกจับไม่หยุดหย่อนมองซ้ายมองขวาหวาดระแวงกลัวว่าจะใครมาเห็น เก็บไว้กับตัวสัก 2-3 ชิ้น แล้วย้ายตู้เลื้อผ้ามาบังไว้.....
ในขณะนั้น ซุนอี๋นางเดินทางมาถึงบ้านด้วยสภาพร่างกายอิจโรย นางหิวข้าวมากรีบเปิดตู้อาหารที่ หลัวหมิง ทำไว้เมื่อไม่นานนางกินจนหมดไม่เหลือ เสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้ๆทำให้นางตกใจจนทำชามข้าวตกหล่นเสียงดัง
“ ห๊ะ นี่เจ้าเองรึ ข้านึกว่าหมาแมวที่ไหนมาค้นครัว “
นางรีบเก็บชามข้าวขึ่นมา หลัวหมิงเอ๊ะใจเลยเปิดตู้กับข้าวที่ตนนั้นทำไว้
“ อาหารข้า เจ้ากล้ากินหมดเลยรึ”
ซุนอี๋ในมือถือชามข้าวพร้อมเงยหน้าอธิบายไม่ทันไร ถูก กลัวหมิง นำเศษอาหารเน่าเหม็นเทลงใส่หัวนาง กลิ่นคาวคลุ้งไปทั่วตัว
“ เจ้ามันเหมาะกับอาหารชั้นต่ำ หึ แต่ว่าวันนี้ข้าอารมณ์ดี ไหนๆเจ้าก็กินไปแล้ว ก็แล้วไป”
หลัวหมิงเดินหันหลังจากไปด้วยสีหน้ายิ้มร่าเริงเบิกบานใจ จนซุนอี๋นั้นประหลาดใจ
“ ไปทำอะไรมา ถึงได้อารมณ์ดีเช่นนี้”
กะแอม! รีบใช้มือปิดปากเดินเข้าไปยังลำธารหลังบ้านเพื่อล้างเนื้อตัวที่เหม็นเน่าออกให้หมด
หลังจากชำระเนื้อตัวเศษอาหารที่เหม็นเน่าออก นางจึงกลับเข้ามาเปลี่ยนเสื้อผ้าภายในห้องนอนนางนั้นเต็มไปด้วย เศษไม้ที่ผุพัง เรือนหลังเก่าๆ อย่างกับคอกหมู ชีวิตนางหน้าสารยิ่งนักเจ้าช่างเปรียบเสมือนดอกไม้ไม่ทนแดด ตายแล้วก็ฟื้นเมื่อยามอากาศไม่ร้อน บัดนี้ ชะตาของเจ้านั้นใกล้จะสิ้นสุดแล้ว
รุ่งอรุณ 6.00
นางกำนัล2 คน รีบเดินทางมาที่เรือน หลัวหมิง พร้อมเครื่องปะหน้าทาตัว ชุดแต่งงานที่พร้อมสวมใส ในขณะที่ ซุนอี้นั้นนอนยังไม่ตื่นหลัวหมิงบุกเข้ามาปลุก พร้อมกับสาดน้ำหลายขัน ใส่นางจนเปียกไปทั้งตัว ไม่นานนักนางเริ่มรู้สึกตัว ด้วยความสงสัยเล็กน้อย
“ ท่านสาดน้ำใส่ข้าด้วยเหตุใด”
วันนี้เจ้าต้องรีบลุกจากที่นอนโสโครกใบนี้ ไปอาบน้ำแต่งตัว เสร็จแล้วมาหาข้าที่เรือน รีบๆนะ อย่าให้ข้ารอ ไม่งั้นเจ้าจะเจ็บตัวมากกว่านี้
25 นาที ผ่านไป นางเดินทางไปยังเรือนหลัวหมิงที่อยู่ไม่ไกลนัก..นางเห็นหญิงสาวนั่งรอใครสักคนจึงเดินเข้าไปถาม
“ ท่านทั้ง2 มารอผู้ใดรึ”
สตรีทั้งสองมองหน้ากันแล้วหันไปมองที่นาง
“ เจ้าใช่ซุนอี้หรือไม่”
ซุนอี้พยักหน้า” ใช่ข้านี้แหละซุนอี้ พวกท่านมีเรื่องอะไรรึ”
สายตา2คู่ เม้มปากขึ่นมองบนตั้งแต่หัวจรดเท้า
“ เจ้าก็พอใช้ได้ มานี่”
พวกนางทั้งสองจับซุนอี้นั่งโต๊ะ อย่างรวดเร็ว พร้อมมัดมือมัดเท้านางไว้ ไม่ให้นางหนีออกไป
“ พวกท่านทั้งสองเหตุใดต้องมัดมือมัดเท้าข้า จะทำอะไรข้า”
เสียงเครื่องแป้งกระแทกโต๊ะข่มขู่ให้เงียบปาก
“ วันนี้เป็นวันแต่งงานของเจ้า รู้หรือไม่ว่าเจ้าจะแต่งกับผู้ใด”
ซุนอี้ส่ายหน้ากลอกตาไปมาอย่างตื่นตระหนก
“ แต่งงานรึ แต่ข้าไม่อยากแต่ง หรือว่า ท่านแม่ข้าขายข้ารึ “
นิ้วมือเรียวยาว1นิ้ว ประทับที่ปากนางพร้อมส่ายหน้าอย่างเลือดเย็น
“ ไม่นะเจ้าอย่าคิดเช่นนั้น เจ้ากำลังจะสบาย เงียบปากสะ ถ้าอยากมีชีวิตรอดถ้าไม่ทำตาม ข้าจะสั่งให้ทหารนำเจ้าไปให้ทหารบำเร่อ ดีหรือไม่ “
ซุนอี้” อย่า! ข้ายอมแล้ว “
“ ดี งั้นมาแต่งหน้า จะได้เดินทางไปยังแคว้น10 “
ซุนอี้ไม่มีทางเลือกยอมจำนน จำใจตอบตกลง เพื่อว่าออกจากที่นี้ไปแล้ว ชีวิตนางอาจจะไม่ถูกกดขี่ เลยลองเสี่ยงสักครั้งที่ใช้ชีวิตตนเองเป็นการเดิมพัน
จากหญิงสาวชาวบ้านหน้าตาธรรมดาถูกผลัดหน้าแต่งตัว จากเนื้อตัวมอมแมมกลายเป็นเจ้าสาวชุดแดงที่สวยสง่าจนหยุดมองไม่ได้ แม้แต่นางกำนัล ทั้งสอง ยังตกตระลึ่งในความสวยของซุนอี้
“ หน้าตาสะสวย แต่โชคร้ายแต่งกับชายปัญญาอ่อน ข้าว่านำตัวนางขึ้นรถม้าเถิด “
ซุนอี้ได้ยินเช่นนั้นก็ไม่ปริปากเอ่ยใดๆ เพียงแต่นางคิดในใจว่า
“แต่งงานกับชายไรสติ ยังดีกว่าแต่งกับชายที่ ข่มเหงรังแกทุบตีและชอบมีเล็กมีน้อย ให้ชอกช้ำระกำใจ “
ทว่าเมื่อนางขึ้นรถม้าไปแล้ว แต่แม่บุญธรรมของนางไม่แม้จะมาบอกลา มัวแต่ชมเชยสมบัติอยู่ในเรือนมากกว่าที่จะไยดีต่อนาง
ระหว่างการเดินทางนั้น ซุนอี้นั่งครุ่นคิดว่าการแต่งงานของนางนั้นช่างเรียบง่าย ส่งแค่ตัวไป พิธีไม่ต้องยุ่งยาก ในเวลานั้นจู่ ๆนางก็หายใจติดขัด จนหัวใจหยุดเต้นกะทันหันโดยที่ทหารควบม้านั้นก็ไม่รู้ว่านางตายแล้ว ส่วนนางกำนัลทั้งสอง ก็ไม่ได้สนใจนาง คิดแค่ว่านางคงง่วงมาก แต่โชคชะตาไม่ใจร้ายกับนาง ส่งหญิงสาวสวี่หย่าถิงที่น้ำมันระเบิดในโกดัง ในโลกยุคสมัยใหม่ของเธอ มาในร่าง ซุนอี้ ผู้อ่อนแอไม่สู้คน
หัวใจดวงน้อยๆกลับมาเต้นเป็นจังหวะอีกครั้ง สะดุ้งลืมตาขึ้นมาในห้องไม้เล็กๆที่วิ่งไปอย่างรวดเร็ว เธอสับสนว่าคนตรงหน้าเป็นใครแต่งตัวประหลาดตา
“ พวกคุณที่นี้ที่ไหน “
นางกำนัลถอนหายใจ เฮือก ! “ นางบ้าที่ก็คือแคว้น10 โง่เสียจริง”
เธอมองร่างกายเสื้อผ้าหน้าผมเปลี่ยนไปหมด เธอเห็นกระจกที่อยู่ในเครื่องแป้งจึงเปิดออกมาส่องหน้าตัวเอง...ถึงกับร้องกริ๊ดลั่น
“หน้าฉัน!!!!!!”
เสียงดังกังวานทำให้ทหารควบม้าต้องหยุดรถม้า
“ เจ้าไร้สติไปแล้วรึ “
จู่ๆเธอก็มองออกไปนอกหน้าต่าง รอบตัวเธอนั้น มีแต่ป่า ภูเขามองไกลไปอีกหน่อย จะเป็นหมู่บ้านคล้ายสมัยยุคเก่า
“ หรือว่าข้าทะลุมิติมา”
ด้วยแรงกระชากของแขนนางกำนัลทั้งสองดันไหล่ ชุนอี้ให้หันกลับเข้ามาในรถม้า
“ อย่าทำตัวน่ารำคาญ นั่งอยู่เฉยๆ”
ซุนอี้” นางหน้างิ้วสองคนนี้ ช่างหน้าตบชะมัด “
“ เจ้าพูดอะไรข้าฟังไม่รู้ความ”
ซุนอี้” ปีนี้คือ ปีที่เท่าไร “
“ค.ศ.317-420 ไง คงจะเสียสติจริงๆ”
ซุนอี้ได้ฟังเช่นนั้นตนเลยรู้ตัวแล้วว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมา ในร่างสาวสวยที่กำลังจะเข้าหอ จู่ๆในเวลานั้นภาพในหัวของเจ้าของร่างเดิมก็ผุดขึ้นมาว่าอดีตนางผู้นี้นั้นใช้ชีวิตเป็นยังไง จนมาถึงภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวาน ก่อนจะมานั่งรถม้า เธอรับรู้ได้ถึงความรู้สึกที่แสนทรมานของเจ้าของร่างนี้ นางกำนัลมองนางที่กำลังเอามือกุมหัวส่ายหน้าหลับตาเหมือนคนผีเข้า จึงพลั้งมือเข้าไปตบหน้านาง
“ ใกล้ถึงเรือนคู่หมายเจ้าแล้ว นั่งดีๆสั่นอยู่ได้ “
ซุนอี้” อีหน้างิ้ว มึงตบกู “
“ พูดจาประหลาด ข้าฟังไม่เข้าใจ”
ซุนอี้” ฝากไว้ก่อน ฉันจะคิดบัญชีกับพวกแก”
“ บัญชีรึ ข้าไม่เคยติดหนี้เจ้า นางชั้นต่ำ”
รถม้าหยุดกะทันหันเกือบวิ่งเลยไปยังหน้าเรือนคู่หมาย
“ ลงสิ ข้าจะส่งตัวเจ้าเข้าไป”
สหวีหย่าถิงในร่างซุนอี้ค่อยๆเปิดผ้าม่านลงรถม้า มีผู้คนมายืนรอต้อนรับนางแค่ 2-3 คนนางกวาดสายตามองไปรอบๆ มีแต่คนเฝ้าเรือนเต็มไปหมดพกอาวุธ กันแทบทุกคน นางกำนัลเห็นซุนอี้ยืน งง เลยลากตัวนางเข้าไปในเรือนเพื่อพบพ่อของ เฝิงเส้าเฟิง นางยืนอยู่ต่อหน้าพ่อของคู่หมายไม่รู้จะทำตัวเช่นไร เลยก้มลงถวายบังคมเหมือนในซีรีส์ที่นางชอบดู
ซุนอี้” ถวายบังคม เพค่ะ “
โจรอี้หราน” ลุกขึ้นเถิด”
โจรอี้หรานจอมยุธรผู้ไม่เป็นสองรองใครในใต้หล้า มีคุณธรรม เมตตา จะโหดกับแค่คนชั่วเท่านั้น หลายปีก่อนตนมีสหายที่สนิทกันมาก แต่เกิดเรื่องบาดหมางกันจึงถูกสั่งตามล่าค่าหัวเพิ่มเป็นหลายเท่าตัว ตนจึงแกล้งตายยอมโดดลงหน้าผาต่อหน้า นักฆ่าที่ตามล่า จนสร้างตัวตนขึ้นมาใหม่โดยไม่มีผู้ใดสัยเลย ผู้คนรู้แค่ว่าเขาคือราชาแห่งแคว้น10
หลังจากนั้นซุนอี้ก็ค่อยๆลุกขึ้น ด้วยร่างกายเจ้าของเดิมไม่ได้พักผ่อนจึงทำให้เป็นลมหมดสติ
โจรอี้หราน” พวกเจ้าพานางเข้าไปห้องนอน”
เพคะ”
โจรอี้หราน”ไปตามหมอหลวงมาให้ข้า”
“เพคะ”
“ส่วนพวกเจ้าสองคนกลับไปได้แล้ว ไปบอกนายของเจ้า ว่าพิธีอันเป็นเสร็จสิ้นสมบูรณ์”
“ เพคะ หม่อมฉันทูลลา”
“ ท่านโจรอี้หรานนางผู้นี้ร่างกายอ่อนแอมาก นางคงหักโหมจากการทำงานหนัก ข้อเท้ายังมีอาการบาดเจ็บ รอยขีดข่วนตามร่างกายล้วนเป็นแผลใหม่ที่ยังไม่หายดี “
โจรอี้หรานยืนท่าทางดีใจเป็นอย่างมาก เพราะนางผู้นี้ไม่ใช่ลูกสาวที่หมายจะส่งมาให้
“ ท่านหมอหลวงท่านกลับไปพักผ่อน ข้าจะให้บ่าวรับใช้ค่อยปรุงยาตามที่ท่านสั่ง”
“กระหม่อมทูลลา”
แรงกระชากม้าหยุดกะทันหัน บุรุษรูปงามสูงโปร่งตาคมกระโจนลงบนตัวม้า เดินเข้ามาในเรือนเหมือนปกติในทุกวันๆ
“ ท่านพ่อ ท่านมาอยู่ที่เรือนข้าได้เช่นไร “
โจรอี้หราน” เจ้านึกสิ ว่าวันนี้เป็นวันอะไร”
เฝิงเส้าเฟิงมึนงง มองบนเล็กน้อยเดินคิดอยู่หลายคร่า
“ ข้านึกออกแล้ว วันนี้เป็นวันแต่งงานของข้า “
โจรอี้หรานได้ยินเช่นนั้น เหวี่ยงตัวสะบัดชายกระโปรงเดินออกไปด้วยสีหน้าดุดัน
“ วันนี้เป็นวันแต่งงานข้า แล้วนางผู้นั้นอยู่ที่ใดกัน”
กร๊อบ!! เสียงบิดลำคอด้วยอาการเหนื่อยล้าเล็กน้อย อ้าปากหาวยื่นแขนออกบิดลำตัวเดินเข้าห้องนอนของตน ตกใจเห็นสตรีนอนอยู่ที่นอนของตน จึงนึกขึ้นได้ว่านี้คือภรรยาที่แต่งงานด้วย
หน้าตาก็สวย ถูกจ้างเท่าไรกันถึงยอมแต่งงานกับคนไร้สติ “
ตน ค่อย ๆ โน้มตัวก้มลงจ้องหน้าหญิงสาวอย่างใกล้ชิด ซุนอี้ จู่ ๆ ก็ลืมตาขึ้นมาโดยไม่ทันให้เฝิงเส้าเฟิงตั้งตัว
“ไอ้บ้า “
เฝิงเส้าเฟิงร้องโอดครวญอย่างกับเด็ก 3 ขวบ
“ โอ๊ยข้าเจ็บ เจ้าทำข้าเจ็บ “
ดิ้นทุรนทุรายโดดไปมาทำหน้างอนเล็กน้อย
ซุนอี้ถึงกับกุมหน้าผาก
“นี้ข้ากำลังเลี้ยงเด็กอยู่ จริงด้วย “
นั่งถอนหายใจพร้อมเข้ายื่นมือไปปลอบโยนชายไร้สติให้ลุกมานั่งข้างๆ
“เจ้ามานี่ มานั่งข้าง ๆ ข้าเลิกร้องไห้ได้แล้ว ข้าไม่ได้ตั้งใจ “
เฝิงเส้าเฟิงพยักหน้าพร้อมกอดซุนอี้เอาหัวแนบท้องอย่างกับเด็กทารก
“เจ้าคือภรรยาข้า ข้าจะปกป้องเจ้าเอง”
ร้ายนักนะ เฝิงเส้าเฟิงใช้โอกาศนี้เตะเนื้อต้องตัวภรรยาตนเอง ซุนอี้ ใช้มือจับแก้มเบาๆ
“ ลุกขึ้นเถิด เจ้าออกไปเล่นข้างนอกก่อน ตอนนี้ข้าร่างกายอ่อนแอนักข้าต้องพักผ่อน “
เฝิงเส้าเฟิงรีบลุกขึ้น ยื่นฝ่ามือทั้งสองจับแก้มและหน้าผากภรรยา
“ ท่านไม่สบายจริงด้วย งั้นข้าจะอยู่เป็นเพื่อนเจ้า”
เฝิงเส้าเฟิงรีบกระโดดขึ้นเตียง ดึงผ้าห่มพร้อมเรียกภรรยาให้มานอนด้วยกัน
“เมีย มาสิ ข้าจะอยู่เป็นเพื่อน”
ซุนอี้ลังเลเล็กน้อยที่ต้องนอนกับชายแปลกหน้า
“ เอาสิ ผัว ไร้สติคงทำเรื่องอย่างว่าไม่เป็นหรอก”
นางตัดสินใจนอนร่วมเตียงเดียวกันกับเฝิงเส้าเฟิง จนทั้งสองหลับไปในที่สุด
3 ชั่วโมงผ่านไป
นิ้วมือกระดิกเริ่มรู้สึกตัวเหมือนมีอะไรมาทับที่หน้าอกจับ ๆ คล้ำ ๆ ดู รีบดีดลำตัวลุกขึ้นสะบัดแขนออกขาข้างซ้ายถีบเฝิงเส้าเฟิงตกเตียงโดยไม่ได้ตั้งใจ
“ โอ๊ย ตีนหนักจัง”
จากนั้นเฝิงเส้าเฟิงก็หันหน้ามาหัวเราะใส่เมียตน
“ ท่านอยากเล่นกับข้าก็ไม่บอก”
ซุนอี้ยกมือส่ายไปมาแล้วประคองเฝิงเส้าเฟิงมานั่ง
“ สามี ข้าไม่ได้ตั้งใจ ขาข้ามันชอบกระตุก “
เฝิงเส้าเฟิงมองไปที่ขาข้างซ้ายที่เมียตนนั้นบอกว่า มันกระตุก เลยยกข้าข้างนั้นขึ่นโดยที่ซุนอี้ไม่ทันตั้งตัว
“ ข้างนี้รึ มันกระตุก”
ซุนอี้ตกใจที่เฝิงเส้าเฟิงนั้นยกขาตนขึ่นจนชี้ตั้ง แถมยังโน้มตัวมาจ้องหน้าและถามไปพรางๆ
“ ใช่ข้างนี้หรือไม่ เมียทำไมไม่ตอบข้า
ซุนอี้สะบัดเบี่ยงลำตัวลุกขึ้น
“ ใช่ขาข้างนี่แหละ เจ้าอย่าไปจับมันบ่อยละ เดี๋ยวมันจะเตะก้านคอเจ้าโดยไม่รู้ตัว? “
เฝิงเส้าเฟิงถึงกับคิดในใจว่าเมียตนนั้น ดุ มาก เลยแกล้งยิ้มเฝือนๆเหมือนคนบ้า
“ข้าไม่จับมันแล้ว หากมันกำเริบข้าอาจตายได้”
ซุนอี้ยิ้มด้วยสีหน้าที่เหนื่อยๆ เหมือนราวกับว่าตนนั้นกำลังเลี้ยงเด็ก
“ เอาละ ข้าจะไปอาบน้ำ เจ้าออกไปเล่นข้างนอกก่อนเถิด”
จากนั้นเฝิงเส้าเฟิงเดินดุกดิกวิ่งซนออกไปข้างนอกตามที่เมียสั่ง
“ ไปเสียที เหนียวตัวจะแย่ ว่าแต่ห้องน้ำสมัยเก่าเป็นเหมือนในชี่รี่ไหมนะ”
จู่ๆนางกำนัลบ่าวรับใช้ก็เดินเข้ามา
“ องค์หญิงซุนอี้ หากจะอาบน้ำ หม่อมฉันจะเตรียมเครื่องปะผิวให้เพคะ “
นางยิ้มให้นางกำนัลแล้วถามด้วยความสงสัย
หากเจ้าไม่ทำหน้าที่นี้ จะเป็นเช่นไร” นางกำนัลรู้สึกงงกับคำถาม ผู้คนทั่วไปก็รู้ๆกันเหตุใด องค์หญิงซุนอี้ถึงไม่รู้
หากหม่อมฉันไม่ทำจะถูกโบยเพราะบกพร่องในหน้าที่ เพคะ “
ซุนอี้พยักหน้ายิ้มกลบเกลื่อน
“ ข้าถาม ไปงั้น อย่าได้สงสัยในสิ่งที่ข้าเพึ่งจะเอ่ยไป “
บ่าวรับใช้ได้ยินดังนั้นรีบเตรียมเครื่องปะชำระล้างร่างกายทันที
บรรยากาศด้านหลังเรือนเฝิงเส้าเฟิงมีลำธารไหลผ่าน น้ำใสสะอาดสีฟ้าอ่อนๆมองเห็นทะลุดินใต้น้ำ ด้านข้างมีห้องน้ำส่วนตัวอาบน้ำอย่างดี
“ โอ้โฮ ได้บรรยากาศมาก”
นางกำนัลมาได้ยินคำพูดแปลกประหลาดจึง ถามซ้ำว่าต้องการอะไรอีกหรือไม่
“องค์หญิง พูดว่าอะไร กระหม่อมไม่เข้าใจ หรือว่าองค์หญิงต้องการสิ่งใด บอกหม่อมฉันได้”
ซุนอี้” ข้าไม่ต้องการสิ่งใดเจ้าออกไปเถิดหากมีอะไร ข้าจะเรียกหา”
นางกำนัล/ ชงหยุน บ่าวรับใช้ที่เฝิงเส้าเฟิงไว้ใจ นิสัยดี รู้ผิดรู้ถูก ซื่อสัตย์ต่อเจ้านายเป็นอย่างมาก)
ในอ่างน้ำอาบน้ำใบใหญ่สีขาวขุ่นดังน้ำนม ปลายเท้าค่อยจุ่มลงน้ำอย่างช้าๆเผยให้เห็นขาเรียวๆขาวๆนวลผ่องที่ไม่เคยผ่านชายใดมาเลย
“ อาบน้ำสผมน้ำข้าวก็ดีเหมือนกัน มันรู้สึกแปลกใหม่ดี”
บรรยากาศกำลังไปได้ดีสักพักก็มีเสียงโวยวายมาจากในเรือน
“ปล่อยข้านะ ข้าจะไปหาเมียข้า เมียข้าอยู่ไหน”
ชงหยุนวิ่งไล่ตามองค์ชายจนหอบเหนื่อย ปวดขาแลจะวิ่งตามไม่ไหวแล้ว
“ ชงหยุน” โอ๊ะ วันแรกก็จะไม่ไหวแล้ว ท่านชายนะท่านชาย”
นางจึงได้แต่นั่งหายใจพะงาบๆ เหงื่อย้อยไหลตกพิงเสาหน้าเรือน
ซุนอี้” เสียงอะไร เกิดอะไรขึ้น “
เฝิงเส้าเฟิง” เอ๊ะ! เมียข้าอาบน้ำอยู่นี่เอง ข้าขออาบด้วยคนนะ “
ซุนอี้ตกใจ กริ๊ดลั่น!!! ด้วยความมือไวยิบไม้ที่อยู่ข้างๆเขวี้ยงใส่หัวเฝิงเส้าเฟิงจนสลบไปในที่สุด
“ ตายไหมนะ....ชงหยุน? มาหาข้าหน่อย”
ชงหยุนได้ยินซุนอี้เรียกหารีบลุกขึ่นไปหาทันที นางไม่ทันระวังเดิน สดุดล้มหน้าห้องน้ำพอก้มหันไปด้านหลังเจอเฝิงเส้าเฟิงนั่งสลบอยู่หน้าประตู ที่ศีรษะมีเลือดออกเล็กน้อย
“องค์หญิงฝีมือท่านใช่หรือไม่”
ซุนอี้พยักหน้าพร้อม ถือไม้เป็นหลักฐานให้บ่าวรับใช้ดู
“ ข้าไม่ได้ตั้งใจ ใครบอกให้เข้ามาในห้องอาบน้ำ “
ชงหยุน” องค์หญิงรีบอาบน้ำให้เสร็จ หม่อมฉันจะเรียกยามเฝ้าหน้าเรือนมาแบกร่างท่านเฝิงเส้าเฟิงกลับเข้าห้องนอน”
ซุนอี้ “ ได้! อีกประเดี๋ยวก็เสร็จแล้ว เจ้าออกไปก่อน “
ชงหยุน” เพค่ะ”
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!