NovelToon NovelToon

Magic Energy And Particle : Galactic​ War II

บทนำ

แนะนํา​ตัว​ละคร​

ฝ่ายสหพันธ์ดาวเคราะห์

สยาม เนรมิต ทหารใหม่ที่ได้สร้างผลงานอย่างยอดเยี่ยมจนได้รับฉายาพ่อมดแห่งปฏิหาริย์

เอมิลี คราวน์ แฟนเก่าของสยามสมัยที่เรียนอยู่โรงเรียนเวทมนตร์แอสทิสที่ 1 และเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งสถาบันห้องสมุด

ฟิลิปส์ หลุยส์ ปารีส รุ่นพี่ของสยามสมัยที่เรียนอยู่โรงเรียนเวทมนตร์แอสทิสที่ 1  เป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งสถาบันห้องสมุดและเป็นจอมเวทย์ที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวาล

คริสติน่า บอสตัน เพื่อนสมัยเด็กของสยาม ครอบครัวของสยามรับอุปการะเธอตอนอายุ 6 ปี เนื่องพ่อแม่ของศริสติน่าเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ความสัมพันธ์ของเธอและสยามจึงดูเหมือนพี่น้องมากกว่าเพื่อนสมัยเด็กเสียอีก

นาเวีย นอร์วิช เป็นแฟนของคริสติน่าและอดีดประธานนักเรียนของโรงเรียนเวทมนตร์แอสทิสที่ 1

ยูมิ นากามูระ รุ่นน้องของสยามสมัยที่เรียนอยู่โรงเรียนเวทมนตร์แอสทิสที่ 1  ตอนนี้เธอกำลังเรียนอยู่โรงเรียนนายร้อย

แฮรี่ เฉิน ประธานาธิบดีของสหพันธ์ดาวเคราะห์

บัดเรย์ วอร์เชสเตอร์ รัฐมนตรีกลาโหมของสหพันธ์ดาวเคราะห์

จอมพลปีเตอร์ สมิธ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของสหพันธ์ดาวเคราะห์

คาร์ลรอส เวเนเซีย ศาสดาคนปัจจุบันของนิกายมอริส

ฝ่ายจักรวรรดิกาแล็คซี่

จักรพรรดิชาร์ลที่ 12 กษัตริย์องค์ปัจจุบันของจักรวรรดิกาแล็คซี่

วิกเตอร์ คาร์ริน ศาสดาคนปัจจุบันของนิกายคาร์ริน

เจ้าชายวิลเลียม รัชทายาทลำดับที่ 1 และนายกรัฐมนตรีของจักรวรรดิกาแล็คซี่

เจ้าหญิงแคทเทอรีน รัชทายาทลำดับที่ 2 และรัฐมนตรีกลาโหมของจักรวรรดิกาแล็คซี่

จอมพลอเล็กซานเดอร์ มิวนิก ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของจักรวรรดิกาแล็คซี่

ฝ่ายสหพันธการค้าลูเซียน

จิล ลูเซียน ผู้นำสหพันธการค้าลูเซียนคนปัจจุบัน

เซบาสเตียน ผู้ช่วยของจิล

...****************...

ปี ค.ศ.2032 มีดาวเคราะห์น้อยขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 500 เมตร กำลังพุ่งชนโลก รัฐบาลทั้งโลกจึงร่วมมือกันสร้างยานอวกาศที่ใช้พุ่งชนดาวเคราะห์น้อยเพื่อให้มันเปลี่ยนทิศทางแต่กลับไม่ได้ผล สุดท้ายก็เลยปล่อยให้ชนโลกนักวิทยาศาสตร์ได้คาดการจุดตกไว้ว่ามันจะตกลงที่ชายฝั่งตอนเหนือของออสเตรเลีย และทำให้เกิดคลื่นสึนามิถล่มชายฝั่งของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ความเสียหายน่าจะไม่มากนักถ้ามีการเตรียมตัวอย่างดีเพราะตั้งแต่ที่ค้นพบมันนักวิทยาศาสตร์คาดการว่ามันน่าจะใช้เวลาประมาณ 45 วัน ในการเดินทางมาถึงโลก ทุกอย่างเตรียมพร้อมประชาชนอพยพเรียบร้อยคาดการว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นจะไม่มากนัก แต่ไม่ใช่อย่างที่คิดพอมันกระทบกับพื้นโลกแรงระเบิดของมันรุนแรงมากกระจายไปทั่วโลก โลกรุกเป็นไฟสีแดงทั้งดาวจากที่มันเคยเป็นสีน้ำเงิน คนที่ไม่ได้เตรียมพร้อมเพราะคิดว่าจะไม่ได้รับผลกระทบพวกเขาคิดผิดแรงระเบิดทำให้สิ่งมีชีวิต 99.5% ของโลกตายทันที ครั้งนี้มันรุนแรงยิ่งกว่าเมื่อ 65 ล้านปีที่แล้ว ถึงแม้ดาวเคราะห์น้อยดวงนี้จะมีขนาดเล็กกว่าเมื่อ 65 ล้านปีที่แล้วก็ตาม ประชากรมนุษย์จาก 8200 ล้านคน คาดการว่าเหลือประมาณ 40000 คน

นักวิทยาศาสตร์ที่ทำงานอยู่บนดวงจันทร์ต้องกลับโลกเพราะอาหารไม่พอและสำรวจความเสียหายที่เกิดขึ้นบนโลก

ผ่านไป 300 ปี สิ่งมีชีวิตก็กลับมาเติบโต ทุกอย่างเริ่มกลับมาเป็นปกติ หลังจากที่พวกเขาได้ออกมาจากหลุมหลบภัย พวกเขารู้สึกมีพลังบางอย่างเกิดขึ้นกับพวกเขา มันคือสิ่งมหัศจรรย์ที่พวกเขาเรียกว่า เวทมนตร์ มันมาจากดาวเคราะห์ที่ชนโลกและตัวดาวเคราะห์น้อยนี้มันไม่แตกกระจายตอนกระแทกกับพื้นโลก คนที่ค้นพบมันคนแรกคือ เรเซอร์ มารีน่า

หลักการของเวทมนตร์คือต้องรู้ส่วนประกอบและวิธีสร้างจะทำให้ใช้เวทมนตร์ได้สำเร็จ เช่น หากต้องการสร้างน้ำขึ้นต้องรู้ว่าโมเลกุลน้ำมีอะไรบ้าง กรณีที่จะสร้างบ้านขึ้นมาด้วยเวทมนตร์หากไม่รู้ว่าโครงสร้างโมเลกุลของบ้านคืออะไรก็สามารถสร้างบ้านได้โดยต้องมีวัสดุที่ใช้สร้างบ้านแต่ผู้ใช้เวทมนตร์ต้องรู้วิธีการสร้างบ้าน เช่น วิธีการตั้งเสา วิธีติดตั้งผนังบ้าน วิธีติดตั้งหลังคา เป็นต้น พลังเวทย์ของแต่ละคนนั้นขึ้นอยู่กับพละกำลังของร่างกาย ยิ่งแข็งแรงยิ่งมีพลังเวทย์เยอะ ผู้ใช้เวทมนตร์สามารถสืบทอดกันผ่านสายเลือดได้ถึงแม้จะเกิดบนดาวเคราะห์ดวงอื่นที่ไม่ใช้โลกโดยไม่จำต้องสัมผัสกับพลังเวทย์ของเรเวนที่เกิดขึ้นครั้งแรกๆบนโลก เพื่อให้ตัวเองเป็นผู้ใช้เวทมนตร์

เข้าได้ก่อตั้งศาสนจักรเรเวน ตั้งตามชื่อดาวเคราะห์น้อย ชื่อของดาวเคราะห์น้อยถูกตั้งตามชื่อผู้ค้นพบคนแรกก่อนที่มันจะพุ่งชนโลก พลังงานบางอย่างที่ออกมาจากดาวเคราะห์น้อยทำให้มนุษย์สามารถใช้เวทมนตร์ได้ แต่มีมนุษย์เพียง 30% ของมนุษย์ทั้งหมดบนที่ใช้เวทมนตร์ได้ หรือประมาณ 3 ล้านคน จาก 10 ล้านคนที่ยังมีชีวิตอยู่บนโลก

หลังจากที่มารีน่าได้ก่อตั้งศาสนจักรขึ้น เขาก็ได้ก่อตั้งสหพันธ์โลกขึ้นปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยโดยเขาให้เหตุผลว่า ‘ต่อไปนี้เวทมนตร์จะทำให้มนุษย์กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งและสามารถเดินทางไปอยู่ดาวเคราะห์อื่นได้’ ในขณะที่เรเวนกำลังวิจัยเวทมนตร์นั้นเข้าก็ค้นพบวิธีที่จะให้มนุษย์เดินทางระหว่างดวงดาวโดยใช้สิ่งที่เรียกว่า วาปไดฟ์ อารยธรรมของมนุษย์กลับมารุ่งเรืองพร้อมกับการไปตั้งอาณานิคมบนดาวต่างๆทั่วทั้งกาแล็คซี่ หลังจากที่มนุษย์ได้ตั้งอาณานิคมบนดาวต่างๆ ในปีค.ศ.2389 พวกเขาก็เปลี่ยนชื่อจากสหพันธ์โลกเป็นสหพันธ์ดาวเคราะห์ และได้เริ่มนับศักราชใหม่แทนการใช้ค.ศ. เริ่มนับที่ปีอวกาศที่ 1 

หลังจากนั้นในปีอวกาศที่ 521 เจมส์ มอริส เขาได้คิดค้นสิ่งที่เรียกว่า กำไลมอริส มันทำให้คนที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้สามารถใช้เวทมนตร์ได้ สิ่งนี้มันทำให้มนุษย์เกิดความขัดแย้งขึ้น เพราะเวทมนตร์เป็นสิ่งที่ผู้ถูกเลือกเท่านั้นที่สามารถใช้ได้ มีสองแนวคิดที่เกิดขึ้น กลุ่มแรกคือลัทธิคาร์ริน ก่อตั้งโดย เคนนี่ คาร์ริน เป็นกลุ่มคนที่มองว่าผู้ที่ไม่สามารถใช้เวทมนตร์ได้เป็นแค่พลเมืองชั้นสอง การที่ทุกคนใช้เวทมนตร์ได้เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง กลุ่มที่สองคือลัทธิมอริส ก่อตั้งโดย เจมส์ มอริส ผู้ที่สร้างกำไลมอริส ถึงแม้สหพันธ์จะปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย คนที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ก็ยังถูกมองเป็นพลเมืองชั้นสอง เขาเชื่อมั่นว่ามนุษย์ทุกคนเท่าเทียมกัน และกำไลมอริสจะทำให้ความเท่าเทียมเกิดขึ้น

ปีอวกาศที่ 529 ความขัดแย้งเริ่มบานปลายจนทำให้เกิดการต่อสู้ขึ้นและรุนแรงจนเป็นสงครามใหญ่

ปีอวกาศที่ 530 ทั้งสองฝ่ายประกาศสงคราม สงครามครั้งนี้เรียกว่า Galactic War I

ปีอวกาศที่ 842 สงครามที่สู้รบกันมา 300 ปี จบลงด้วยชัยชนะของลัทธิมอริส ส่วนลัทธิคาร์รินพวกเขาก็หนีไปอีกฝั่งนึงของกาแล็คซี่ และก่อตั้งจักรวรรดิกาแล็คซี่ 

ปีอวกาศที่ 1054 สหพันธ์ก็บังเอิญค้นพบรูหนอนซึ่งนำทางพวกเขาสู่ดินแดนของจักรวรรดิกาแล็คซี่ พวกเขาไม่ได้ต่อสู้กันและทำการเจรจาการค้าขึ้น พวกเขาไม่อยากให้เกิดความขัดแย้งเหมือนเมื่อ 500 ปีที่แล้ว

ปีอวกาศที่ 1673 เจ้าหญิงแอนนารัชทายาทลำดับที่ 3 ของจักรวรรดิกาแล็คซี่ได้เดินทางมาเจริญสัมพันธไมตรีกับสหพันธ์ดาวเคราะห์ที่ดาวโลกซึ่งเป็นดาวหลวงของสหพันธ์ เป็นครั้งที่มีราชวงค์จากจักรวรรดิมาเยือนที่สหพันธ์ ในขณะที่กำลังเจรจากันนั้น มีกลุ่มคนปริศนาเข้ามารอบสังหาญเจ้าหญิง การเสียชีวิตของเจ้าหญิงทำให้จักรวรรดิโกรธเป็นอย่างมากและประกาศสงครามกับสหพันธ์จึงเกิดเป็น Galactic War II 

วีรบุรุษจากดาวทะเลทราย

ที่ดาวเกียชโชเป็นดาวที่ปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งสหพันธ์พึ่งค้นพบได้ไม่นาน แต่ดาวดวงนี้มีแร่แพตตินัมเป็นจำนวนมาก จึงมีการทำเหมืองขึ้น และได้ส่งกองกำลังภาคพื้นดินที่ 1243 ไปประจำการและปกป้องดาวดวงนี้ไว้ ทหารที่ส่งมามี 14000 คน และในอนาคตจะมีการส่งกองยานอวกาศมาเพิ่มเพื่อเสริมการป้องกันดาวดวงนี้

ปีอวกาศที่ 2013 ร้อยเอกสยาม เนรมิต ได้มาประจำการที่ดาวเกียชโช  และเขาก็กำลังจะไปรายงานตัวกับผู้บัญชาการ และในห้องของผู้บัญชาการ มีชายผมขาว ตาสีฟ้า สูง 180 เซนติเมตร อายุประมาณ 50 ปี กำลังนั่งตรวจเอกสารอยู่

“ผมร้อยเอกสยาม เนรมิต จะมาประจำในตำแหน่งเสนาธิการของกองกำลังภาคพื้นดินที่ 1243 ครับ” สยามทำท่าวันทยาหัตถ์ ผู้บัญชาก็ได้ตอบรับด้วยท่าวันทยาหัตถ์

“ผมผู้บัญชาการของที่นี่ พันเอกคริสโตเฟอร์ โรนัลโด ยินดีที่ได้พบกับคุณนะวีรบุรุษแห่งเบียบาน”

“เช่นกันครับ”

“นั่งก่อนสิ”

“ครับ” จากนั้นสยามก็นั่งลงที่โซฟา คริสโตเฟอร์เดินไปชงกาแฟ

“คุณจะดื่มกาแฟไหมร้อยเอก”

“ครับท่าน” คริสโตเฟอร์ได้ยื่นแก้วกาแฟให้สยามและนั่งลงที่โซฟาตรงข้ามกับสยาม

“เล่าเรื่องสมรภูมิบนดาวเบียบานให้ฟังหน่อยสิ”

“มันเป็นสมรภูมิแรกของผม หลังจากที่ผมประจำการอยู่ดาวดวงนั้นได้ 4 เดือน กองทัพจักรวรรดิก็ได้บุกเข้ามา กองยานของพวกมันมีอยู่ 80000 ลำ ของฝั่งเรามีอยู่ 25000 ลำ ฝั่งเราตรวจจำการเคลื่อนทัพของจักรวรรดิได้ก่อนทำให้มีเวลาเตรียมตัว” สยามยกแก้วกาแฟขึ้นเพื่อดื่มมัน

“กองทัพของเราได้เรียกกำลังเสริมมาแต่ว่ากำลังเสริมมาไม่ทันที่พวกกองทัพจักรวรรดิจะโจมตี ทำให้พลเอกครีฟ ผู้บัญชาการในเวลานั้นได้ยกทัพหนีก่อนที่พวกกองทัพจักรวรรดิจะมาถึง แรกทิ้งทหารใหม่ที่พึ่งเข้ามาประจำการ สิ่งที่พลเอกเหลือไว้ให้มีเพียงแค่ยานประจันบาน 1 ลำ ยานลาดตระเวน 13 ลำ กับปืนใหญ่ต่อต้านอากาศยานอีก 100 กระบอก”

“แล้วตอนนั้นมีทหารเหลืออยู่กี่คนละ แล้วทำไมไม่หนีกันไปให้หมด”

“ทหารใหม่ตอนนั้นมีเหลืออยู่ 12000 คน ผู้บัญชาการต้องการให้เราถ่วงเวลาเพื่อที่จะหนีได้โดยที่กองทัพจักรวรรดิไล่ตามมาไม่ทัน”

“แย่เลยสินะทีนี้”

“ในตอนนั้นผมได้เรียกทุกคนมารวมกันที่โรงเก็บยาน และอธิบายแผนให้ฟัง”

“พวกทหารใหม่ฟังคุณด้วยเหรอ”

“ตอนนั้นพวกเขาไม่มีทางอื่นแล้วและผมก็สัญญาด้วยไว้จะช่วยพวกเขาให้รอดทั้ง 12000 คน” สยามยกแก้วกาแฟขึ้นเพื่อดื่มและเล่าต่อ

“แผนคือผมให้ทุกคนวางระเบิดนิวเคลียร์ไว้ในจุดที่กำหนดและล่อให้พวกมันมาลงจอดที่ดาว”

“แล้วคุณเอาระเบิดนิวเคลียร์มาจากไหน”

“ที่ดาวดวงนั้นมีเหมืองยูเรเนียมอยู่เลยใช้มันสร้างระเบิดนิวเคลียร์ด้วยเวทมนตร์”

“แล้วต้องใช้กี่ลูกล่ะ”

“10000 ลูก เพียงพอที่จะทำลายกองยานทั้งหมดของจักรวรรดิได้”

“แล้วพวกคุณสร้างทันด้วยเหรอ”

“ทันหวุดหวิดเลยครับ”

“แล้วจะล่อให้พวกมันมาโดนระเบิดนิวเคลียร์ยังไง”

“เกียรติยศและศักดิ์ศรี ผมได้ใช้ช่องสื่อสารกลางติดต่อไปที่พวกมันและบอกกับพวกมันว่า ‘จะใช้ยาน 14 ลำ ทำลายกองยานทั้ง 80000 ลำได้อย่างแน่นอน’ กองทัพจักรวรรดิรู้อยู่แล้วว่าเราถอนทัพหนีแทบหมดแล้ว แต่การพูดแบบนี้เป็นการหยามเกียรติพวกมัน การที่ผู้บัญชาการของมันเป็นขุนนางที่หยิ่งในศักดิ์ศรีทำให้ติดกับอย่างง่ายดาย”

“หลังจากที่ติดต่อพวกมัน ผมได้ใช้ เอนดูแลนซ์ ทำยานของมันได้หนึ่งและพูดว่า ‘เข้ามาสิ ไม่แน่จริงนี่หว่า’  พวกมันก็เลยเอายานทั้ง 80000 ลำ ลงมาที่พื้นดาว ผมได้ทำให้ยานลาดตระเวนทั้ง 13 ลำ และปืนใหญ่ต่อต้านอากาศยานยิงอัตโนมัติ จากนั้นก็ไปซ่อนตัวที่โรงเก็บยานใต้ดิน พอพวกมันทำลายยานและปืนใหญ่ทั้งหมด ทำให้ยิ่งเหลิงในชนะของต้น ในขณะที่มันเอายานทั้งหมดลงจอดและเอาทหารราบมาตามหาผู้รอดชีวิต ผมก็ได้จุดระเบิดนิวเคลียร์ กองยานทั้ง 80000 ลำ ของจักรวรรดิถูกทำลายทั้งหมดแต่เพื่อความแน่ใจผมและทหารทุกคนได้ขึ้นไปที่ยานประจันบานลำสุดท้าย สำรวจซากยานตามหาผู้รอดชีวิต จากนั้นกองยานที่เป็นกำลังเสริมก็เดินทางมาถึง พวกเขาตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เรื่องราวก็ประมาณนี้ครับ” สยามยกแก้วกาแฟขึ้นเพื่อดื่ม

“แล้วผู้บัญชาการคนนั้น...”

“ถูกศาลทหารสั่งจำคุกข้อหาหนีทัพไปแล้วครับ”

“จากเหตุการณ์นี้ทำให้คุณเลื่อนยศจากร้อยตรีเป็นร้อยเอกสินะ ทั้งทีเป็นทหารได้แค่ 4 เดือน แบบนี้ผมว่าคุณคงได้เป็นพลเอกได้ก่อนอายุ 28 แน่ๆ”

“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับท่าน”

การเคลื่อนทัพโดยบังเอิญ

ห้องบังคับการกองกำลังภาคพื้นดินที่ 1243 สยามได้เข้าไปรายงานตัวและทำงานที่เข้าได้รับมอบหมาย 

“ร้อยเอกตาซ้ายของคุณ...”

“...ครับ...มันเป็นตาปลอมผมเสียตาข้างซ้ายไปตั้งแต่ก่อนที่จะมาเป็นทหารแล้วครับ”

“งั้นเหรอ...”

“ท่านครับ ถ้าศัตรูบุกมากำลังเสริมจะมาช่วยทันไหมครับ” สยามถามขึ้นเพราะเขาตรวจสอบกำลังพลแล้วพบว่ามีปืนใหญ่ต่อต้านอากาศยาน 1412 กระบอก ยานลาดตระเวน 10428 ลำ และยานประจัญบาน 149 ลำ กับทหารราบอีก 52417 คน ซึ่งยังไม่เพียงพอต่อการปกป้องดาวดวงนี้

“ศูนย์บัญชาการที่อยู่ใกล้เราที่สุดก็อยู่ห่างจากที่นี่ประมาณ 100 ปีแสง ใช้เวลา 12 ชั่วโมง ในการเดินทางมาที่นี่ แต่คุณไม่ต้องกังวลมากนักหรอก เดี๋ยวทางกองทัพก็จะส่งคนและยุทโธปกรณ์มาเพิ่มและอีกอย่างที่นี่ค่อนข้างห่างไกลจักรวรรดิไม่เคยมาสำรวจที่นี่”

“แต่ถึงอย่างนั้น...”

“ยังมีคุณอยู่อีกคน”

“สมรภูมิแรกผมแค่ดวงดีเท่านั้นเองครับ”

“งั้นผมขอพึ่งดวงคุณหน่อยล่ะกัน ร้อยเอก”

กองยานที่ 46 ของจักรวรรดิ มียานทั้งหมด 46000 ลำ ผู้บัญชาการคือ พลเอกออกัส เอ็ดมันด์ และเสนาธิการพันเอกลู่ เซียง กองยานของพวกเขารบมาทั้งหมด 12 สมรภูมิ ไม่เคยพ่ายแพ้เลยสักครั้ง เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในกองยานที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวรรดิ

ออกัสและลู่ เซียงเจอกันครั้งแรกที่แคว้นไมเนอร์ซึ่งเป็นเขตปกครองของตระกูลเอ็ดมันด์ ตระกูลเอ็ดมันด์จึงรับลู่เซียงมาเลี้ยงและให้เป็นคนรับใช้ส่วนตัวของออกัส ออกัสเป็นคนที่ใจร้อน ชอบทำอะไรที่ไม่คิดหน้าคิดหลังแต่พอได้ลู่เซียงมาเป็นคนรับใช้ส่วนตัว ทำให้ออกัสใจเย็นลง มีการคิดวิเคราะห์ก่อนที่จะลงมือทำเสมอเหตุผลที่นิสัยของออกัสเปลี่ยนไปนั้นเป็นเพราะลู่เซียง ไม่ว่าลู่เซียงจะพูดอะไรที่อย่างก็จะเป็นอย่างที่พูดเหมือนกับได้เห็นอนาคต ออกัสได้เข้ากองทัพตามคำแนะนำของลู่เซียง พวกเขาใช้เวลาไม่นานก็ได้เลื่อนขั้นจนได้เป็นผู้บัญชาการกองยานตั้งแต่อายุ 28 ปี

ที่สระพานเดินเรือของยานประจัญบานแม็กนัส เรือธงของกองยานที่ 46 

“ลู่เซียงเขาว่ากันว่าเลข 13 เป็นเลขที่ไม่ดีคิดว่าศึกต่อไปเราจะแพ้รึเปล่า”

“ไม่มีทางเกิดขึ้นแน่นอนครับ ท่านออกัส”

“นั่นสินะตั้งแต่นายได้มารับใช้ฉัน ชีวิตฉันก็มีแต่เรื่องดีๆเข้ามาตลอด หวังว่ามันจะเป็นแบบนี้ต่อไปนะ”

“ขอรับท่านออกัส”

กองยานที่ 46 ได้ลาดตระเวนไปเรื่อยๆ จนได้ไปเจอกับดาวเกียชโช  ที่มีทหารของสหพันธ์ประจำการอยู่โดยบังเอิญ พวกเขาเลยโจมตีก่อนที่กองทัพของสหพันธ์จะตั้งตัว

“หวังว่าครั้งนี้จะชนะอย่างราบลื่นนะ” ออกัสพูดขึ้น

“ท่านผู้บัญชาการครับ พวกมันกำลังติดต่อเรียกกำลังเสริมมาแล้วครับ” ทหารคนนึงพูดขึ้น

“รีบตัดช่องทางสื่อสารของพวกมัน” ลู่ เซียงพูด

“เอายังไงต่อลู่ เซียง” ออกัสถามด้วยความกังวล

“ไม่ต้องห่วงครับท่าน กว่ากำลังเสริมของพวกมันจะมาถึงใช้เวลาอีกประมาณ 12 ชั่วโมง”

“งั้นเราก็รีบส่งกำลังภาคพื้นดินลงไปจัดการพวกที่เหลือรอด...”

“ไม่จำเป็นครับท่าน ตอนนี้เราได้ทำลายฐานทัพของพวกมันจนไม่สามารถตอบโต้เราได้อีก ตอนนี้เราดักซุ่มโจมตีกำลังเสริมที่จะมาช่วยพวกมันดีกว่า”

“เอาตามที่นายว่าล่ะกัน”

จากนั้นออกัสก็ได้สั่งให้กองยานของเขาซุ่มโจมตีจากหลังดวงจันทร์ของดาวเกียชโชกำลังเสริมของสหพันธ์คาดว่าน่าจะมีประมาณ 50000 ลำ ซึ่งมากกว่ากองยานของจักรวรรดิเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหามากนัก

หลังจากที่ได้ซุ่มรออยู่ประมาณ 1 ชั่วโมง ยานลาดตระเวนสเวนที่อยู่ด้านข้างของยานประจัญบานแม็กนัส ระเบิดไปต่อหน้าต่อตาพวกเขา จากนั้นก็มีการติดต่อสื่อสารมาทางช่องสากล

“ผมร้อยเอกสยาม เนรมิตเสนาธิการของกองกำลังภาคพื้นดินที่ 1243 จบจากโรงเรียนเวทมนตร์แอสทิสที่ 1 ของรุ่นและจบจากโรงเรียนนายร้อยลูน่าที่ 1 ของรุ่น ผมเคยนำทหารใหม่ที่มีแค่ 12000 คน สามารถทำลายกองยานที่ 70 ของจักรวรรดิและแน่นอนว่าปฏิหาริย์ก็จะเกิดขึ้นอีกครั้งที่นี่ ผมจะทำลายกองยานที่ 46 ของพวกคุณทั้งหมดด้วยเวทย์ปืนใหญ่เอนดูแลนซ์ก่อนที่กำลังเสริมจะมา”

“หนอยแน่ รีบส่งยานไป...”

“ใจเย็นๆครับท่านมันอาจจะเป็นกับดัก และหมอนั่นน่าจะไม่มีพลังเวทย์เพียงพอที่จะทำลายกองยานของเราทั้งหมดแน่นอน”

“ก็จริงอย่างที่นายว่า โทษที”

“เราไปให้ความสำคัญกับการซุ่มโจมตีกำลังเสริมของพวกมันดีกว่า พวกมันต้องการให้กองยานของเราลงไปเพื่อที่จะถ่วงเวลารอทัพเสริม”

“แล้วถ้ามันโจมตีมาที่ยานของเราล่ะลู่ เซียง”

“จากการโจมตีเมื่อกี้พลังเวทย์ของมันไม่เพียงพอที่จะทำลายยานประจัญบานที่มีเกราะหนาและเวทย์ปืนใหญ่มันน่าจะเป็นเวทย์เฉพาะทางที่ใช้ได้คนเดียว”

“แต่มันก็ไม่แน่ว่า...”

“งั้นเราส่งนายลาดตระเวน 1 ลำ กับทหารราบอีก 10000 นายลงไปที่ดาวก็พอครับ ไม่ต้องชนะแค่ขัดจังหวะการใช้เวทย์ปืนใหญ่ของพวกมันก็พอ”

“เอาตามที่นายว่าล่ะกัน ยานลาดตระเวนโอสลงไปที่พื้นดาวและจัดการพวกที่เหลือรอดซะ”

จากนั้นยานลาดตระเวน 1 ลำก็ลงไปที่พื้นดาวค้นหาแล้วกำจัดผู้รอดชีวิตอย่างระมัดระวังไม่ให้โดนกับดักของสหพันธ์

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!