ตอนที่ 1 เหตุผลโง่ๆ
“ผมไล่คุณออก! คาซามะ โทโอรุ!” เป็นอีกครั้งที่เขาถูกไล่ออก...และเหตุผลหรือสาเหตุที่ทำให้เขาต้องมาเจออะไรแบบนี้มันช่างไร้สาระ ย้ำว่าไร้สาระแบบสุดๆ ยิ่งกว่าเพื่อนคนหนึ่งสมัยอนุบาลด้วยซ้ำ!
“ครับ” คาซาม่าตอบสั้นๆ ทั้งยังให้เกียรติอดีตเจ้านายโดยการโค้งลาเล็กน้อย ก่อนจะรีบสาวเท้าออกจากห้อง ซ่อนความหงุดหงิดและความรู้สึกขุ่นมัวเอาไว้ในใจ
นี่มันรอบที่เท่าไรกันที่เขาต้องมาเจอเรื่องงี่เง่าอะไรแบบนี้ ชายหนุ่มรีบเก็บข้าวของใส่กล่องอย่างเร่งรีบ ไม่คิดจะส่งยิ้มหรือทักทายใครเช่นทุกครั้ง และไม่สนใจเสียงซุบซิบนินทารอบกายเช่นกัน จะพูดอะไรก็ช่าง จะมองแบบไหนก็แล้วแต่ เพราะต่อจากนี้ไปตัวเขาก็ไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้เจอคนพวกนี้อีกแล้ว
“แบบนี้เรื่องของคาซามะซังก็เป็นความจริงน่ะสิ...”
“ไม่น่าเลยเนอะ หน้าตาก็ดี ทำไมทำเรื่องเลวๆ แบบนั้นกับลูกท่านประธานได้”
“โรคจิตแน่ๆ แบบนี้ เสียดายของชะมัด” เสียงนินทาดังขึ้นเรื่อยๆ ไม่สนใจว่าเขาจะได้ยินหรือเปล่า ไม่สิ...บางทีอาจจะตั้งใจให้เขาได้ยินอยู่แล้วก็ได้ ถึงได้กล้าพูดต่อหน้าเขาแบบนี้
คาซาม่าไม่ตอบอะไร ได้แต่ก้มหน้าเก็บของทั้งหมดของตนลงกล่อง และเลือกที่จะเก็บความจริงเอาไว้กับตัวเอง เพราะเรื่องที่ฝ่ายหญิงจงใจปล่อยข่าวออกมาทุกคำ ทุกเหตุการณ์ ล้วนโกหก ไม่มีความจริงแม้แต่น้อย และผู้ชายอย่างเขาก็ไม่คิดจะแก้ข่าวลือพวกนั้น เลือกที่จะให้เกียรติหญิงสาวโดยการเก็บเงียบมาตลอด แต่สุดท้ายคนที่เจ็บตัวกลับเป็นเขาเสียเอง
“คนที่เสียหายมันผมต่างหาก...” คาซาม่าพึมพำกับตัวเอง มือบางคู่สวยทำหน้าที่ยกกล่องขึ้นแนบอก แล้วเดินจากห้องทำงานแสนคุ้นเคยนี้ไป
ไม่ว่าจะทำงานที่ไหนก็เหมือนกันหมด ไม่โดนไล่ออกก็โดนร้องเรียน ทั้งที่เขาไม่ได้ทำอะไร และไม่คิดจะทำอะไรคนพวกนั้นเลย กลับกันหญิงสาวพวกนั้นมากกว่าที่เข้าหาเขา เขาต่างหากที่เป็นฝ่ายเสียหาย ชายหนุ่มพ่นลมร้อนอีกครั้งอย่างเหลืออด
“ต้องหางานใหม่อีกแล้วเหรอเนี่ย...” เขาบ่นน้อยๆ ยิ่งคิดถึงเรื่องที่ผ่านมาก็ยิ่งหงุดหงิด อยู่ดีไม่ว่าดีก็ถูกไล่ออก เพียงเพราะเขาไม่ตามใจลูกสาวของเจ้านาย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหล่อนเอาเรื่องของเขาไปพูดอีท่าไหน ท่านประธานถึงเรียกเขาเข้าไปพบโดยตรง จากนั้นก็ด่าเขาถึงสามชั่วโมง
ทำเหมือนเขาไม่ใช่มนุษย์อย่างไรอย่างนั้น เฮ้อ...แบบนี้เขาคงหางานยากกว่าเดิมเป็นแน่ ข้อหาลวนลาม โดนใส่ร้ายว่าจับก้นลูกค้า พูดจาไม่สุภาพ แอบตามไปถึงบ้าน จ้องแต่จะทำเรื่องอย่างว่า? ขอโทษเถอะ เรื่องพวกนั้นเขาเป็นคนโดนเองต่างหาก อย่างลูกสาวท่านประธานก็ด้วย ไม่ใช่เธอหรอกเหรอที่แอบจับก้นเขา แอบตามเขากลับบ้าน มันกลับกันไปหมด ความจริงเขาคือผู้เสียหายนะ!
แล้วจะมีใครเชื่อล่ะ? จะให้เขาไปแจ้งความเหรอ? หรือปรึกษาคนอื่น? มันคงจะมีคนหน้าโง่เชื่อเขาหรอก คงคิดว่าเขาพูดเล่นมากกว่า คิดว่าเรื่องพวกนี้คือเรื่องตลก...เพราะเป็นผู้ชาย เรื่องพวกนี้จึงไม่มีใครเชื่อ เพียงเพราะเขาไม่ใช่ผู้หญิง...
คาซาม่ากลับมานั่งพักในคอนโดของเขา ใช้เวลาอยู่กับตัวเองโดยเก็บปัญหาเรื่องงานไว้กับตัว ไม่คิดจะเล่าให้ใครฟัง ในหัวพยายามหาทางออกเรื่องงานอย่างใจเย็น ก่อนจะหลุดถอนหายใจอยู่หลายครั้ง เมื่อพบว่าปัญหาในครั้งนี้มันใหญ่เกินกว่าเขาจะหาทางแก้ไขได้
แค่โดนไล่ออกก็หางานใหม่ยากพออยู่แล้ว ยิ่งข้อหาคือลวนลามลูกสาวท่านประธาน...อย่าหวังเลยว่าชาตินี้เขาจะหางานได้ง่ายๆ หรือเขาควรออกมาทำงานของตัวเองดีล่ะ? คิดเท่าไรก็คิดไม่ออกจริงๆ
ครืด ครืด
แรงสั่นจากมือถือบนหัวเตียงเรียกความสนใจอันน้อยนิดของชายหนุ่ม คาซาม่ามองชื่อบนหน้าจอเล็กน้อย หัวคิ้วที่เคยขมวดพลันหายไป ก่อนจะตามมาด้วยรอยยิ้มหวานอย่างที่ยากจะเห็นในช่วงนี้
“ครับแม่” เขาทักทายผู้เป็นแม่อย่างสดใส ไม่เหลือร่องรอยคนคิดมากแบบเมื่อครู่เลย
(โทโอรุ มีจดหมายมาที่บ้าน เป็นงานเลี้ยงรุ่นของโรงเรียนอนุบาล โรงเรียนประถม มัธยม มหา’ ลัย ลูกจะไปงานไหนดีจ๊ะ) ผู้เป็นแม่เอ่ยอย่างอารมณ์ดี คำถามของเธอทำเอาลูกชายไปต่อไม่ถูก เมื่อก่อนเขายังพออ้างได้ว่าติดงาน ติดประชุม ทั้งที่เขาจะโกหกแม่ก็ได้ แต่ไม่รู้เพราะอะไรครั้งนี้คาซาม่าอยากพบเพื่อนๆ ของตนสักครั้งจริงๆ
“ผมจะไปงานเลี้ยงรุ่นของโรงเรียนอนุบาลครับ” เขาตอบอย่างมั่นใจ มีเพียงเพื่อนกลุ่มนี้เท่านั้นที่เขาสามารถคุยได้อย่างสนิทใจ ไม่ต้องแกล้งวางตัวเป็นผู้ดี หรือพยายามทำตัวให้เก่งเพื่อให้เข้าพวก และยังเป็นกลุ่มเพื่อนที่ดีที่สุดในชีวิตของเขาอีกด้วย
(ดีจังเลย ชินจังเองก็มาหาลูกด้วยนะ แม่จำเขาแทบไม่ได้เลยล่ะ) เธอหัวเราะน้อยๆ แค่ได้ยินเสียงแม่แบบนี้ ความกังวลที่เคยมีก็ค่อยๆ ลดลงอย่างเชื่องช้าและหวังว่าความรู้สึกนี้จะหายไปก่อนที่เขาจะได้เจอเพื่อนๆ ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
คาซาม่าคุยกับผู้เป็นแม่ต่ออีกหน่อย ก่อนจะวางสายไปพร้อมหัวใจที่เปี่ยมสุข...แต่นั่นมันก็เพียงชั่วครู่เท่านั้น เมื่อรอบข้างเงียบสงบ ความรู้สึกขุ่นมัวก็กลับมาอัดแน่นในใจของเขาอีกครั้ง...
ในที่สุดวันงานก็มาถึง คาซาม่าเลือกแต่งตัวเรียบๆ แต่กลับดูดีตามแบบของเขา กลายเป็นเป้าสายตาของใครหลายคนในงาน ชายหนุ่มพยายามหาเพื่อนในกลุ่มของตนเมื่อครั้งยังเยาว์วัย แต่นั่นก็ผ่านมานานแล้ว หากเขาจะจำเพื่อนของตนไม่ได้ก็ไม่แปลก หวังว่าเพื่อนของเขาจะทำตัวเด่นเหมือนเมื่อก่อนนะ
“เนเน่มาแล้วค่ะ!!! ผู้หญิงหน้าตาดีทำกับข้าวอร่อยยังไม่มีแฟน” เสียงหวานตะโกนเรียกความสนใจทันทีที่ก้าวเข้ามาในงาน ร่างบางอยู่ในชุดเดรสสีขาวเสริมให้เส้นผมของเธอดูเด่นขึ้นหลายเท่า นี่แหละเพื่อนของเขาอย่างไม่ต้องสงสัย...คาซาม่ายิ้มน้อยๆ ยังไม่ทันได้เอ่ยทักอีกฝ่ายก็รีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามาหาเขาทันทีที่เขาและเธอสบตากัน
“คาซาม่าคุง! ปีนี้นายมาด้วยเหรอ! ฉันนึกว่านายจะไม่มีเวลาเสียอีก” หญิงสาวมองเพื่อนสมัยอนุบาล ดวงตากลมโตก้มมองอีกฝ่ายหัวจรดเท้าอยู่หลายครั้ง ก่อนจะจ้องใบหน้าของคาซาม่าอย่างจับผิด
“ฮั่นแน่...แอบติดต่อกับชินจังเหรอเนี่ย”
“เปล่า ฉันไม่ได้มาที่นี่ตั้งหลายปี จะไปติดต่อเจ้าบ้านั่นได้ยังไงเล่า ขนาดเบอร์เพื่อนๆ คนอื่นยังไม่มีเลย” คาซาม่ารีบปฏิเสธ
“เหรอ...ก็จริง ชินจังเองก็หายไปหลายปีเหมือนกัน พวกเราพยายามติดต่อกันตลอด แต่นายน่ะสิ ตั้งแต่ชั้นประถมก็ย้ายไปโรงเรียนชื่อดัง ไปหาที่บ้านก็ไม่ยอมออกมาเล่นด้วยกัน ใจร้ายชะมัด” เนเน่กอดอกมองเพื่อนของตนอย่างคาดโทษ
“ฮ่าๆ ขอโทษนะ”
“เดี๋ยวนี้ทำงานที่ไหนล่ะ? คงมีเงินเก็บเยอะเลยล่ะสิ มีแฟนรึยังคะ? คา-ซา-ม่า-คุง อัปเดตข่าวหน่อยสิ” เธอรีบหยิบสมุดขนาดเล็กขึ้นมาจดข้อมูล พร้อมหัวเราะคิกคักอย่างสดใส
“คือ...”
“อ้าวเนเน่จัง! คาซาม่าคุง? ใช่ไหม?”
“ยังไม่มีความมั่นใจเหมือนเดิมเลยนะเจ้าหัวข้าวปั้น หัดจำหน้าเพื่อนให้ได้บ้างสิยะ” เนเน่หันไปติเพื่อนอีกคนในกลุ่มของตน รู้ตั้งแต่ได้ยินเสียงไม่มีความมั่นใจว่าเป็นใคร โดยไม่ต้องหันกลับไปมองก่อน
“ก็...แบบว่า คาซาม่าคุงหล่อขึ้นจนฉันจำไม่ได้นี่นา...” มาซาโอะตอบ ดวงตาสีเข้มขยับไปซ้ายทีขวาที ดูไม่มีความมั่นใจในตัวเองเลย
‘ทุกคนยังเหมือนเดิมเลย...มีแต่ฉันสินะที่เปลี่ยนไป’ คาซาม่าอดคิดแบบนั้นไม่ได้จริงๆ เขาได้แต่มองเพื่อนรักทั้งสองพูดคุยกัน บ้างก็หัวเราะตาม บ้างก็ส่งยิ้มให้ พลางยกแก้วขึ้นจิบอยู่หลายครั้ง
“โบจังยังไม่มาเหรอ?” เนเน่ถามถึงเมื่องานเลี้ยงเริ่มมาได้สามสิบนาทีแล้ว กลับไร้วี่แววเพื่อนอีกคนของเธอ
“เขาติดวิจัยงาน เห็นบอกว่าจะตามมาทีหลัง” มาซาโอะตอบพร้อมส่งยิ้ม ท่าทีแบบนี้มันอะไรกันยะ อินเลิฟงั้นเหรอ? คิดว่าจะรอดพ้นจากสายตาสาวสวยคนนี้ไปได้รึไง!?
“กล้ามากนะที่แซงหน้าฉัน” เธอกดเสียงต่ำมองคนที่ดูเหมือนจะอ่อนแอที่สุดในกลุ่มอย่างไม่เชื่อสายตา ก่อนจะทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ
“พูดอะไรน่ะเนเน่จัง? ฉันไปแซงหน้าเธอตอนไหน” มาซาโอะเอียงคอมองอย่างสงสัย โดยมีคาซาม่าพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของเขา
“นายน่ะคบกับโบจังใช่ไหมล่ะ...ทำไมกันนะสาวสวยน่ารักๆ อย่างฉันถึงได้ไร้คู่แบบนี้”
“ดะ ดะ เดี๋ยวสิ! เนเน่จังนี่ล่ะก็...อย่าพูดเสียงดังแบบนั้นจะได้ไหม น่าอายออกจะตาย” เนเน่ตีไหล่มาซาโอะพลางกัดฟันพูดพร้อมจิกตามองอย่างเหลืออดเต็มที
“หยุดพูดก่อนที่ฉันจะซ้อมนายแทนน้องต่ายของฉัน”
“คาซาม่าคุงล่ะมีแฟนรึยัง?” มาซาโอะลอบกลืนน้ำลายแล้วรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันที ใครจะไปอยากโดนซ้อมกัน!
“ก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าเป็นของใคร...” เนเน่กอดอกแน่น คิ้วสวยเลิกขึ้นเล็กน้อยก่อนจะส่ายหัวไปมาอย่างเหนื่อยใจ เมื่อเห็นใบหน้าขาวนวลขึ้นสีเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ในมือ ถึงจะรู้อยู่แล้วว่าในงานส่วนใหญ่มักจะเสิร์ฟของแบบนี้ แต่ใครจะไปรู้ล่ะว่าคาซาม่าคุงเป็นพวกคออ่อนกัน
“โย่ว...ทำอะไรกันอยู่ มาซาโอะคุง โบจังรออยู่ข้างนอกแน่ะ ฝากฉันให้มาตาม...คาซาม่า?” เจ้าของคิ้วหนาสีเข้มมองร่างชายหนุ่มตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา ไม่คิดไม่ฝันว่าเขาจะมีโอกาสได้เจออีก คนที่เขาพยายามไปหาที่บ้านอยู่หลายครั้งตั้งแต่ประถมลากยาวไปถึงมัธยมปลาย...อีกฝ่ายก็ไม่ยอมออกมาเจอเขาเลย
จนกระทั่งเมื่อวานนี้ วันที่เขาตัดสินใจไปหาอีกฝ่ายที่บ้านอีกครั้ง ถึงได้รู้ว่าตอนนี้คาซาม่าทำงานอยู่ในตัวเมืองหลวง และในตอนนั้นคุณน้าก็ไม่สามารถให้คำตอบได้ว่าลูกชายสุดที่รักของเธอจะมาร่วมงานรึเปล่า เขาก็ทำใจเอาไว้แล้วครึ่งหนึ่งว่าอีกฝ่ายอาจไม่มารวมงานอย่างทุกปีที่ผ่านมา ยอมรับว่าการเจอคาซาม่าในงานครั้งนี้มันทำให้เขาทั้งตกใจและดีใจในเวลาเดียวกัน
“มาซาโอะคุง แวะส่งฉันที่บ้านก่อนนะ แล้วพวกนายค่อยไปเดตกันตกลงไหม” เนเน่รีบกอดแขนเจ้าของชื่อ เธอส่งสายตาให้กำลังใจชินโนซึเกะอยู่เงียบๆ แล้วรีบดึงมาซาโอะออกไปข้างนอกพร้อมกับเธอ
“ชินจัง? อึก...เหรอ?” คาซาม่าถามขึ้น ยามนี้มองอะไรไม่ชัดเหมือนก่อน สายตาพร่ามัวไปหมดจนเห็นหน้าของร่างสูงไม่ถนัดตา มีเพียงคิ้วหนาอันเป็นเอกลักษณ์ของชินโนซึเกะเท่านั้นที่เขาเห็น และจำมันได้ทันที
“โทรุจังสุดที่รักของฉัน ท่าจะเมาแล้วนะเนี่ย” ชินโนซึเกะเอ่ยกระซิบที่ข้างหูแดงก่ำนั้น ก่อนจะหัวเราะน้อยๆ ร่างสูงรีบคว้าข้อมือของอีกฝ่ายไว้ราวกับกลัวว่าคนตรงหน้าจะหายไปจากเขาอีก
“ใครเป็น...อึก...ที่รักของนายมิทราบ ยังชอบ...อึกพูดจาไร้สาระเหมือนเดิม” เจ้าบ้านี่ ทั้งที่เมื่อก่อนขนาดตัวพอๆ กับเขาแท้ๆ ตอนนี้ทำไมถึงได้สูงกว่า ทั้งมือและช่วงไหล่แตกต่างจากเขามากจริงๆ เป็นอย่างที่แม่เขาพูดเลย...หากเจอกันข้างนอกเขาคงจำไม่ได้ และถ้าในตอนนั้นคนคนนี้ไม่ได้เข้ามาทักมาซาโอะ เขาก็คงไม่รู้ตัว
“ครับๆ มานั่งพักตรงนี้ อยู่เป็นเพื่อนฉันหน่อยนะ...พี่สาวคนสวย ผมขอน้ำส้มแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์แก้วหนึ่งสิครับ ใส่ความรักของพี่ที่มีต่อผมมาด้วยเยอะๆ” ร่างสูงออกแรงดึงให้คาซาม่านั่งลงข้างกายพลางสั่งสิ่งที่ต้องการอย่างอารมณ์ดี
“ค่ะ ทราบแล้ว” คาซาม่าไม่รู้ว่าตอนนี้หญิงสาวทำหน้าแบบไหน รู้แค่เธอต้องอายในสิ่งที่ชินจังพูดแน่ๆ น้ำเสียงถึงได้สั่นมากขนาดนั้น ชิ! ...น่ารำคาญ
“ชินจัง! นายนี่นะอึก...ยังทำนิสัยเหมือนเด็กอยู่ได้”
“พี่สาวคนสวยครับ ขอเบียร์เย็นๆ อีกแก้วให้เขาด้วยนะครับ” ชินโนซึเกะไม่ได้รำคาญหรือโกรธคำพูดของคนเมา กลับส่งเสริมให้คนตัวเล็กข้างกายดื่มน้ำเมาเพิ่มอีกต่างหาก ท่าทีไม่ทุกข์ไม่ร้อนของชินจังไม่ต่างจากสมัยเด็กเลยสักนิด...
“ชินจัง...นายเชื่อไหมว่าคนอย่างฉันกำลังตกงาน” หากเป็นตอนที่เขามีสติครบถ้วนมากกว่านี้ คงไม่ยอมปริปากเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังแน่ หรือต่อให้เมาแบบตอนนี้เขาก็คงไม่เล่า...แล้วมันเพราะอะไรกันล่ะเขาถึงอยากระบายความรู้สึกนี้ให้คนคนนี้ได้ฟัง ทำไมเขาถึงรู้สึกว่ามีเพียงชินโนซึเกะเท่านั้นที่สามารถรับฟังปัญหาจากเขาได้
“มาทำงานกับฉันไหมล่ะ?” ร่างสูงถามกลับน้ำเสียทีเล่นทีจริง ดูไม่ทุกข์ร้อนกับปัญหาที่คนเมากำลังระบาย
“นี่ฉันตกงานจริงๆ นะ! อึก! ข้อหาอะไรนายรู้ไหม! ลวนลามผู้หญิง ทั้งที่ฉันเป็นฝ่ายถูกพวกเธอลวนลามด้วยซ้ำ” คาซาม่าตบโต๊ะเสียงดังไม่พอใจกับความอยุติธรรมนี้ พลางกัดกรามแน่นเตรียมรับเสียงหัวเราะที่จะเกิดขึ้นจากปากของชินโนซึเกะ เชิญ! จะหัวเราะเขาก็เชิญเลย! ทำมันซะตอนนี้นี่แหละ!
“ฉันเชื่อนาย...” แต่อีกฝ่ายกลับตอบเขาเสียงเข้ม โธ่โว้ย ตามัวจนไม่รู้ว่าอีกคนทำหน้าแบบไหนอยู่ แล้วแบบนี้จะรู้ได้อย่างไรว่าชินจังกำลังคิดอะไร...
“เชื่อเรื่องอะไรล่ะ? เรื่องที่ฉัน...อึก...ถูกไล่ออก หรือเรื่องที่ฉันลวนลามผู้หญิง” คาซาม่าไม่สนใจอะไรอีกต่อไปแล้ว คิดไปก็ปวดหัวเปล่าๆ มือบางรีบคว้าแก้วเบียร์ขึ้นดื่มจนหมดในครั้งเดียว
“เชื่อที่นายถูกลวนลาม จนพวกเธอไล่นายออก” ชินโนซึเกะไม่หยอกล้อสาวๆ เช่นทุกที เขาเอาแต่มองร่างเล็กที่ไหล่กำลังสั่นเทาด้วยความห่วงใย และไม่คิดจะซักถามอะไรให้มากความ ทำหน้าที่เป็นขอนไม้ฟังสิ่งที่อีกคนจะเอ่ยออกมาอย่างใจเย็น
“พี่สาว ผมของเบียร์อีกแก้ว” ร่างสูงยกมือเรียกพนักงานแล้วพยักหน้ารับทุกคำพูดของคาซาม่า ไม่ว่าเรื่องนั้นจะดีหรือร้าย จริงหรือหลอก ชินโนซึเกะก็เห็นด้วยไปเสียหมด เข้าข้างเพื่อนของตนทุกอย่างโดยไม่มีข้อแม้
“ตอนนี้ อึก...แม่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉัน...อึก...ตกงาน” ร่างบางเริ่มเซไปเซมานั่งไม่ติดเก้าอี้เช่นทุกที หรือว่าเขาจะสั่งเบียร์ให้มากเกินไปนะ?
“มาทำงานกับฉันสิ ฉันกำลังต้องการคนอยู่พอดี ถึงจะไม่ใช่พี่สาวหุ่นดี เนื้อนมไข่ก็เถอะ แต่ถ้าเป็นนายฉันก็โอเค” เขาหยักคิ้วหลิ่วตาให้อีกฝ่ายอย่างสนุกสนาน
“นายเลิกพูดเล่นแบบนั้นสักที” คราวนี้คาซาม่าเริ่มมีน้ำโหบ้างแล้ว ตอนนี้เขากำลังเครียดอยู่นะ อย่างน้อยก็ช่วยจริงจังหน่อยเถอะ! คนอย่างชินโนซึเกะจะไปช่วยอะไรเขาได้ คนที่วันๆ เอาแต่เที่ยวเล่น ไม่ก็ตามจีบพี่สาวคนนั้นทีคนนี้ที คนที่ไร้แก่นสารไปวันๆ อย่างชินจัง จะช่วยเขาได้อย่างไร
“ฉันพูดจริง งั้นเอางี้...” ชินโนซึเกะหยิบมือถือของตนออกจากกระเป๋ากางเกง เขารีบกดถ่ายวิดีโอทันที โดยเลือกใช้โหมดกล้องหน้าสำหรับถ่ายตัวเอง
“ฉันจะให้นายทำงานเป็นผู้จัดการของฉัน นายจะทำไหม?” ว่าแล้วก็รีบกดเปลี่ยนโหมดเป็นกล้องปกติ ก่อนจะหันไปทางร่างบางเล็กน้อย
“เออ...ถ้าจริง ฉันจะทำให้ก็ได้” น้ำเสียงหย่อนยานตอบกลับมา พร้อมใบหน้าที่เริ่มเอนลงฟุบบนโต๊ะคล้ายคนหมดแรง
“ตกลงตามนี้ งั้นคืนนี้นอนบ้านฉันก็แล้วกัน โทรุจัง”
ตอนที่ 2 หนุ่มขี้เมา
“อือ...” เสียงหวานหลุดครางเป็นระลอกเมื่อถูกสัมผัส ร่างบางบิดไปมาหวังจะหนีห่างจากมือหนานั้น
“ชู่ นายเสียงดังไปแล้วนะ...” เสียงคมเข้มแหบแห้งกระซิบที่ข้างหู พลางจัดการปลดเสื้อผ้าบนร่างเล็กอย่างเร่งรีบ
“ชิน...จัง” คาซาม่าพึมพำเรียกชื่ออีกฝ่าย ก่อนจะส่ายหน้าไปมาไม่มองคนบนร่างแม้แต่น้อย กลับนอนนิ่งไร้เรี่ยวแรงบนเตียงนุ่มในห้องกว้างของเพื่อนรัก
“ครับผม ฉันต้องถอดเสื้อนายก่อน...อดทนหน่อยนะ” น้ำเสียงไม่ร้อนไม่เย็นฟังดูอบอุ่น พร้อมสัมผัสอ่อนนุ่มลูบไล้ทั่วร่างของเขา ทำเอาเขารู้สึกสบายตัวอยู่ไม่น้อย
“อ๊ะ...” คาซาม่ากัดกรามแน่น ก่อนจะค่อยๆ ลืมตามองอีกฝ่าย ใช้เวลาอยู่นานกว่าเขาจะปรับภาพคนตรงหน้าให้ชัดขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่พร่ามัวมานาน
“ทำเสียงเซ็กซี่เชียวนะ ให้ตายสิ” ร่างบางไม่ตอบอะไร เขาพยายามกลั้นเสียงน่าอายเอาไว้ ดวงตาหวานเยิ้มจ้องมองอีกฝ่ายบนร่างของตนไม่ได้หยุด
นานเท่าไรแล้วนะที่เขาไม่ได้เจอกับเจ้าของคิ้วหนาสีเข้มคนนี้ นานเท่าไรแล้วที่เขาพยายามหนีความรู้สึกที่มี พยายามตอบรับความต้องการของครอบครัวสุดกำลัง และต้องใช้ความอดทนอย่างมาก เพื่อตามรอยเท้าของพ่อ...
“คาซาม่า? ...” ชินโนซึเกะเลิกคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะหลับตารับสัมผัสข้างแก้มของตน ปล่อยให้คนใต้ร่างลูบไล้ใบหน้าของเขา พลางยกยิ้มที่มุมปากอย่างสุดจะกลั้น
“ชินจัง...นายเปลี่ยนไปนะ?” ดวงตาคมเข้มกลับมาจ้องมองร่างบางอีกครั้ง นึกขำกับสภาพคนเมาคนนี้ ทั้งหน้าแดง ตาหวานปานน้ำเชื่อม และดูจะซื่อตรงกับตัวเองมากขึ้นแบบนี้ก็น่ารักดี แต่จะดีกว่านี้ถ้าเจ้าหนุ่มขี้เมาไม่ยั่วเขาด้วยเสียงครางหวานทรงเสน่ห์นั้น
“นายก็ด้วย ดู...เปราะบางนะ?” ชิโนซึเกะเลือกพูดอย่างที่เห็น ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงดูอ่อนแรงจนน่าสงสาร
ตลอดทางที่มาที่บ้านของเขา ร่างบางก็เอาแต่เล่าปัญหาชีวิต ทั้งเรื่องงาน เรื่องเงิน ไหนจะเรื่องครอบครัว เล่าซ้ำจนเขาจำได้ขึ้นใจ กว่าจะลากคนตัวเล็กเข้าบ้านได้ก็กินเวลาไม่น้อย ไม่ใช่ว่าเขาอุ้มคาซาม่าไม่ไหวหรือตัวคาซาม่าหนักเกินไปหรอก นั่นเพราะคนตัวเล็กเอาแต่ดิ้นไปดิ้นมาต่างหากเล่า!
แถมยัง...
“เฮ้อ...” ชินโนซึเกะถอนหายใจ พลางมองสภาพตัวเองที่เปลือยเปล่า เหลือเพียงท่อนล่างเอาไว้ ไม่ต่างจากคนใต้ร่างของเขา ก่อนจะก้มมองกองเสื้อผ้าข้างเตียงของตนเล็กน้อย
“ทำไมนายถอดเสื้อ?” มือบางเลื่อนลงลูบไล้แผงอกกว้างของเขา ตาคู่สวยไม่แม้แต่จะสบตาชินโนซึเกะ เอาแต่จ้องมองร่างกายเปลือยเปล่าของอีกฝ่าย ทำไมถึงได้ซนแบบนี้นะ
“นายอ้วกใส่เสื้อฉันน่ะสิ เลอะเทอะไปหมด ลำบากฉันมานั่งเช็ดตัวให้นายอีก” ร่างสูงไม่ว่าเปล่าออกแรงลูบไล้หน้าท้องแบนราบขึ้นลอนอย่างเบามือ ด้วยผ้าชุบน้ำสีขาวพลางระบายยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
“อือ...ชินโนซึเกะ...” เป็นอย่างที่คิดจริงๆ เจ้าของชื่อหัวเราะน้อยๆ มือหนาลากผ้าชุบน้ำลูบตามร่างกายของคาซาม่า
‘ยังความรู้สึกไวเหมือนเดิมเลย’ เขาทนต่อไปไม่ไหวแล้ว ชินโนซึเกะเลียมุมปากเล็กน้อย ก่อนจะโน้มตัวเข้าหาดอกไม้งามตรงหน้า แล้วก้มจูบตามซอกคอของคาซาม่า ค่อยๆ ชิมความหอมหวานนี้ทีละคำอย่างตั้งใจ
ขอเพียงอีกฝ่ายผลักเขาออก ไม่ว่าความต้องการของเขาจะมากแค่ไหน เขาก็พร้อมจะหยุดและไม่คิดบังคับคนตัวเล็ก เพราะเขาในตอนนี้คงห้ามตัวเองไม่ไหว ดังนั้นได้โปรดผลักไสเขาออกไปเหมือนที่ทำมาตลอดหลายปี หนีเขาอย่างที่เคยทำ...
“ถ้านายไม่ต้องการฉัน เหมือนที่ฉันต้องการนาย...ก็รีบผลักฉันออกแล้วต่อยหน้าฉันแรงๆ ...” ก่อนที่เขาจะทำมากกว่านี้ รู้ทั้งรู้ว่าเขาไม่ควรเอาเปรียบคนเมา และรู้ดีว่าคนตรงหน้าอาจจะไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขา ไม่ได้คิดเหมือนที่เขาคิด ทั้งที่รู้ดีแท้ๆ ...
ร่างสูงปิดผนึกเสียงน่าอายของคนใต้ร่างด้วยริมฝีปากร้อนระอุของเขา พลางตวัดลิ้นร้อนตักตวงความหวาน สำรวจโพรงปากสีสวยตลอดเวลา ค่อยๆ หลอกล่อให้คนตัวเล็กตอบรับสัมผัสของเขาอย่างใจเย็น พลางพันเกี่ยวความอ่อนนุ่มเพียงหนึ่ง แล้วหยอกเย้าให้อีกฝ่ายลองแตะปลายลิ้นของเขาก่อน
“อือ...” ราวกับสติที่มีขาดหายไป มือน้อยๆ โอบกอดรอบคอชินโนซึเกะเอาไว้ ไม่แม้แต่จะดันตัวออก กลับออกแรงดึงลำคอนั้นเข้ามาใกล้ๆ ตนมากขึ้น จากไม่ประสีประสาในตอนแรก มึนงงในช่วงต้น ยามนี้กลับตอบรับทุกสัมผัสของชายหนุ่มร่างสูง ไม่สนใจว่าตนจะเผลอหลุดครางเสียงน่าอายมากแค่ไหน รู้แค่ว่าตอนนี้เขาต้องการคนตรงหน้าไม่ต่างกัน
มันเป็นความรู้สึกที่แปลกประหลาด และเป็นเรื่องที่เขาเองก็หาคำตอบไม่ได้สักที...
ทำไมเขาถึงไม่รังเกียจยามถูกอีกฝ่ายสัมผัสกันนะ ไม่ว่าจะตอนเด็กหรือตอนนี้ อาจจะมีบ้างที่เขาโวยวายชินโนซึเกะ แต่เอาเข้าจริงตัวเขากลับไม่ได้รู้สึกโกรธมากอย่างที่เด็กผู้ชายด้วยกันควรจะเป็น
ทำไมคนที่คอยช่วยเขาถึงเป็นผู้ชายคนนี้ และทำไมถึงมีแค่คนคนนี้เท่านั้นที่ทำให้เขารู้สึกดีขึ้นได้ ลืมความเศร้าความเจ็บปวด จะตอนไหน...ก็มีแค่ชายคนนี้เท่านั้นที่ทำให้ใจเขาสงบลง
“อ่า...แบบนี้มันจะแย่เอานะคาซาม่าคุง” ชายหนุ่มร่างสูงค่อยๆ ถอนริมฝีปากจากอย่างอ้อยอิ่ง ก่อนจะระบายยิ้มมองใบหน้าแสนเย้ายวนของคนตัวเล็ก พลางใช้นิ้วเรียวเช็ดคราบน้ำหวานสีใสตามมุมปากอย่างเอาใจ
“...ชินโนซึเกะ...” จะมาโทษเขาทีหลังไม่ได้นะ ในเมื่อเชิญชวนเขาด้วยใบหน้าแดงก่ำน้ำเสียงแหบแห้งแสนสั่นเครือนั่น ไหนจะดวงตาหวานเยิ้มยามจ้องเขานั้นอีก...
“ครับผม...” ชินจังตอบกลับสั้นๆ มือหนาเริ่มงานของตัวเองอีกครั้ง ภายใต้ใบหน้าเปื้อนยิ้มซ่อนความต้องการมากมายเอาไว้ ชินโนซึเกะรีบปลดกางเกงของอีกฝ่ายออก ไม่ลืมที่จะปลุกอารมณ์ความต้องการของร่างบางให้มากขึ้นด้วยริมฝีปากของเขา
จุ๊บ จุ๊บ เสียงดูดเม้มดังขึ้นทุกครั้งที่ริมฝีปากอ่อนนุ่มสัมผัสยอดอกสีสวยชูชันอวดความงดงามของตนก่อนจะค่อยๆ ลากไล้ริมฝีปากของตนให้ต่ำลงทั่วร่างบาง มากกว่านี้...ต้องมากกว่านี้ ต้องทำให้คาซาม่าต้องการเขา ร้องขอจากเขา เท่านี้มันยังไม่พอ...
ชินโนซึเกะดันตัวขึ้นมองผลงานแสนภาคภูมิใจของตัวเอง รอยแดงทุกรอยคือความอดทนของเขาที่มี นึกขำที่คนอย่างเขาสามารถอดทนรออีกฝ่ายได้นานนับหลายปีแบบนี้
“ทานละนะครับ” เสียงเข้มกดต่ำด้วยอารมณ์ร้อนแรงเจือความต้องการอย่างกลั้นไม่อยู่ ดวงตาคมกริบจ้องมองราวกับราชสีห์จ้องเยื่ออันโอชะ ก่อนจะโน้มตัวครอบงำตัวตนของอีกฝ่ายเอาไว้และขบเม้มเบาๆ จากนั้นจึงเริ่มปลอบประโลมความร้อนแรงดุดันนั้นด้วยลิ้นร้อนอันอ่อนนุ่มของเขา
“อ๊ะ!” ใบหน้าหวานสะบัดไม่มา ก่อนจะรีบยกมือของตนขึ้นมาปิดปากพยายามกลั้นเสียงน่าอายเอาไว้ เรียวขาขาวนวลหุบทันทีที่ความอ่อนนุ่มลูบไล้ความต้องการของเขา
“อือ...” ชินโนซึเกะหลับตาแน่นรับแรงกระแทกเมื่อครู่เอาไว้ ยิ่งเขาดูดเม้มมากเท่าไร หรือทำให้อีกฝ่ายรู้สึกดีมากแค่ไหน ท่อนขาทั้งสองก็ยิ่งออกแรงรัดหัวเขาเสียแน่น ถึงจะดีใจที่คนตัวเล็กรู้สึกดีกับสัมผัสของเขา แต่แบบนี้เขาก็ทนไม่ไหวนะ
“ใจเย็นก่อน...” ร่างสูงเอ่ยปรามทันทีที่หลุดพ้นจากท่อนขาทั้งสอง ก่อนจะโน้มตัวกระซิบข้างหูอีกฝ่าย ให้ไอร้อนเป่าใบหูขึ้นสีนั่นเบาๆ พลางแทรกนิ้วของตนผ่านช่องทางรักเพียงหนึ่งของคาซาม่าทีละนิ้วอย่างใจเย็นแม้ใจของเขาในตอนนี้จะร้อนแรงยิ่งกว่าอากาศหน้าร้อนของเมืองไทยก็ตาม
“อ๊ะ...ชินจัง! อือ!” คาซาม่ากัดริมฝีปากไว้แน่น เมื่อถูกรุกล้ำเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัว ร่างบางรู้สึกแปลกประหลาด ทั้งอึดอัดแต่ก็รู้สึกดี ทุกครั้งที่ชินโนซึเกะสัมผัสเขาไม่ว่าจะส่วนไหนบนร่าง มันก็เกร็งไปหมด จนเขาควบคุมแทบจะไม่อยู่ เผลอเอ่ยเสียงน่าอายหวานชื่นออกมาเสียทุกครั้ง
“อย่าเกร็งสิ แบบนี้นายจะเจ็บเอานะถ้าไม่เตรียมให้พร้อมมากกว่านี้” ชินจังบอกเมื่อเตรียมการไม่ถึงไหน ช่องทางรักก็รัดแน่นเสียจนเขาขยับนิ้วไม่ได้ ครั้นเมื่อเห็นอีกฝ่ายกัดปากแน่นเช่นนี้ ตนก็ไม่คิดจะเร่งรัดอีกต่อไป เลือกที่จะรอให้อีกฝ่ายชินกับนิ้วเรียวของเขา
“อย่ากัดแบบนั้นสิ...เดี๋ยวก็ได้แผลหรอก” ร่างสูงกดจูบริมฝีปากหวานฉ่ำเบาๆ เตือนให้คาซาม่าคลายมันออก ไม่ใช่กัดแน่นจนริมฝีปากเริ่มซีดเผือดแบบนี้
“อ๊ะ! แต่ว่าอือ...” เขาไม่สนว่าเหตุผลที่ทำให้คาซาม่าเลือกกัดปากจะเป็นอะไร รู้เพียงเขาไม่ต้องการให้ทำเช่นนั้น รู้ตัวอีกทีเขาก็จูบอีกฝ่ายเสียแล้ว ต่างฝ่ายต่างผลัดกันมอบความหวาน ความอบอุ่นให้กันและกัน
“อื่อ!”
“ทนอีกนิดนะ...ของฉันมันสามนิ้ว...แค่นี้ยังไม่พอ...เก่งมาก อย่างนั้นแหละ” ชินจังทั้งชมทั้งปลอบ เขาค่อยๆ ขยับนิ้วเข้าออกอย่างเชื่องช้า ก่อนจะเพิ่มจำนวนนิ้วในช่องทางรักทีละหนึ่ง พร้อมพรมจูบดูดซับหยาดน้ำตาของคนตัวเล็กอยู่ตลอดเวลา
“ไม่เอาแล้ว...อ๊ะ...ชินจัง ใส่เข้ามาเลย! อือ...ไม่ไหว...แบบนี้ฉัน...อ๊ะ!” ยังไม่ทันได้พูดจบจากนิ้วเรียวกลับมีตัวตนร้อนระอุของอีกฝ่ายแทรกเข้ามาเสียแทน ชินจังดันความแข็งแกร่งของตัวเองเข้ามารวดเดียวจนหมด พลางกัดกรามแน่นรับแรงบีบรัดของคาซาม่า เวร! แน่นชะมัด!
“ฉันเตือนนายแล้วนะคาซาม่าคุง...นายไม่ฟังเอง” แถมยังพูดจาน่ารักๆ แบบนั้นอีก ต่อให้เขาอดทนเก่งแค่ไหนก็ต้องยอมแพ้ทั้งนั้น ถ้าคนที่พูดเป็นคนที่เขารัก
ใช่ เขารักผู้ชายตัวเล็กคนนี้ รักมานานมากแล้ว และยังรักแค่คนคนนี้มาโดยตลอด เขาอาจจะดูเหมือนเป็นพวกไม่สนใจโลก แซวผู้หญิงไปทั่ว หรือพูดจาชวนสับสน แต่ความเป็นจริงแล้วในใจของเขามีแค่คาซาม่าเท่านั้น
กว่าจะรู้ตัวข้างกายเขาก็ไม่มีชายใต้ร่างเสียแล้ว และไม่ว่าตัวเขาจะพยายามตามหาชายคนนี้มากแค่ไหน อีกฝ่ายก็ดูเหมือนจะถอยห่างจากเขาไปเรื่อยๆ ยิ่งวิ่งตามก็ยิ่งห่างออกไป และเพราะผู้ชายคนนี้ ทำให้เขาเปลี่ยนไปจากเดิม...
‘คาซาม่า ชินจังมาหานะลูก’ เขายังจำได้ ในวันที่เขาไปหาคาซาม่าที่บ้าน คำพูดนั้นช่างเย็นชาและห่างเหิน
‘ผมไม่มีเวลามาไร้สาระกับคนไม่ได้ความไม่ได้เรื่องแบบนั้นหรอกครับ ผมอยากมีอนาคตที่ดี ไม่อยากอดตาย’ ถึงจะรู้ดีว่าคาซาม่าเป็นคนใส่ใจการเรียนแบบนี้ แต่เขาไม่คิดว่าทุกครั้งที่เขาไป อีกฝ่ายจะพยายามหลบหน้าเขา ขังตัวเองอยู่แต่ในห้องไม่ยอมให้ใครเข้าไป จนกลายเป็นเขาที่ยอมออกห่างอย่างที่อีกฝ่ายต้องการ
เขาพยายามอยู่หลายปีเพื่อให้ลืมเรื่องพวกนี้ พยายามไม่สนใจคาซาม่าอีก แต่เขากลับทำไม่ได้ นี่สินะที่เขาว่ากันว่ารักแรกมักจะฝังแน่นในหัวใจเราเสมอ แถมยังแน่นมากซะด้วย...
แต่ก็ต้องขอบคุณคาซาม่า...เพราะคำพูดในวันนั้น เพราะหัวใจที่ไม่อาจตัดอีกฝ่ายได้ลงสักครั้ง มันทำให้เขามีทุกวันนี้ เปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อให้คู่ควรกับคนคนนี้...
“ชินจัง...ขยับได้แล้วล่ะ ฉันไม่เจ็บแล้ว...” เสียงหวานเอ่ยแผ่วเบา พลางเอื้อมมือลูบไล้แก้มสากของเขาอย่างเบามือ
“ฉันรักนายนะโทโอรุ...รักนายมาโดยตลอด” มือหนาจับมือบางเอาไว้พลางถูใบหน้าของตนกับฝ่ามืออ่อนนุ่มนั้น ก่อนจะเริ่มขยับกายเข้าหาคนตัวเล็ก เริ่มบรรเลงเพลงรักอย่างนิ่มนวล อยากให้อีกฝ่ายรู้สึกดีและคุ้นชินกับตัวตนของเขา แล้วสอดประสานฝ่ามือของตนกับคนตัวเล็ก ออกแรงดึงมือน้อยมาจุมพิตมอบความอบอุ่นให้พลางจับจ้องใบหน้าหวานนั้นตลอดเวลา
“อ๊ะ...ชินจัง...ฉัน...อือ”
...จากเพลงรักท่วงทำนองอ่อนหวานแสนอบอุ่น เริ่มเปลี่ยนจังหวะให้เร็วขึ้นและร้อนแรงขึ้น ชินโนซึเกะขยับสะโพกของตนเข้าออกช่องรักไม่ได้หยุด พร้อมมือหนาบีบรัดปรนเปรออีกฝ่ายในจังหวะเดียวกันกับเขา ให้ห้องกว้างแสนเงียบเหงาเต็มไปด้วยเสียงกระทบของก้อนเนื้อ และเสียงหวานครางกระเส่าปลุกความต้องการของเขาดังก้องไปทั่ว อ่า...เขาชอบเสียงพวกนี้ชะมัด
“อือ...ชินจัง...อยาก...จูบ...”
“ได้สิ...” ชินโนซึเกะรีบโน้มตัวเข้าไปหาทันที ยังไม่ทันได้แตะริมฝีปากสีอ่อนนั้น อีกฝ่ายก็อ้าปากรอเสียแล้ว ก่อนจะยื่นลิ้นน้อยๆ ออกมา พลางส่งสายตาออดอ้อน น่ารักจริงๆ นั่นแหละ
ชินจังเข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการ เขาใช้ปลายลิ้นของตนพันเกี่ยวความอ่อนนุ่มของอีกฝ่ายเอาไว้ แล้วขยับใบหน้าของตนเข้าไปใกล้ๆ จนไม่มีที่ว่างให้กับอากาศได้แทรกผ่าน แล้วใช้หน้าท้องของตนถูไถเอ็นร้อนของอีกฝ่ายตลอดเวลา
กว่าพวกเขาจะพากันถึงฝั่งก็กินเวลาไปนานกว่าที่คิด ดีแค่ไหนแล้วที่คาซาม่าไม่หลับกลางคัน ถึงจะหลับทันทีที่พวกเขาถึงปลายทางก็เถอะ...แต่แบบนั้นมันก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ? ชินโนซึเกะระบายยิ้ม มองร่างบางนอนหลับบนอกของเขา มือหนาโอบกอดเอวบางเอาไว้ พลางจูบซับหยาดเหงื่อตามกรอบหน้าให้อย่างรักใคร่
“พรุ่งนี้ฉันซื้อเบียร์มาติดห้องดีกว่า...” เพราะถ้าเป็นตอนที่มีสติอยู่ล่ะก็ ต่อให้ใช้วิธีไหนก็ตาม ร่างบางคงไม่คิดจะนอนหลับคาอกเขาแบบนี้เป็นแน่ และไม่ต้องพูดถึงฉากร้อนแรงเมื่อครู่ด้วย มีหวังเขาได้ตายตั้งแต่จูบอีกฝ่ายแล้วมั้ง...
“ฝันดีนะโทโอรุจัง...” รักแรกและรักเดียวของเขา...
ตอนที่ 3 ปวด #โทโอรุ
“อือ...” ผมร้องครางด้วยความเจ็บ รู้สึกเหนียวไปทั้งตัว โดยเฉพาะช่วงล่างที่เจ็บเป็นพิเศษ จนผมไม่อยากขยับไปไหนเลย หัวก็ปวดตุ้บๆ เหมือนถูกทุบอยู่ตลอดเวลาๆ
“ชู่...คนเก่งของฉัน นอนอีกหน่อยนะ...” เสียงเข้มแหบแห้งกระซิบที่ข้างหูทั้งน่าฟังและชวนให้จั๊กจี้ ก่อนสัมผัสแสนอบอุ่นจะกอดเกี่ยวรอบเอวของผมไว้แล้วดึงตัวผมเข้าไปใกล้ๆ เฮ้ย!! เดี๋ยวสิ! ผมรีบลืมตาขึ้นทันที พลางรีบเงยหน้ามองเจ้าของแผ่นอกกว้างจนน่าอิจฉา ได้แต่จ้องเขาตาไม่กะพริบ
“ชินจัง!” อึก! เจ็บๆ! ผมเอื้อมมือลูบสะโพกของตน กลับต้องตกใจยิ่งกว่าเดิมเมื่อร่างของผมเปลือยเปล่า ไร้เสื้อผ้าเช่นทุกที และที่สำคัญดันอยู่ในอ้อมกอดของเจ้าบ้าชินโนซึเกะด้วย!
“เจ็บไหม? ...” เจ้าของชื่อที่ผมเพิ่งเรียกถามกลับเสียงงัวเงียจนน่าหมั่นไส้ เขาค่อยๆ ลืมตามองผม พลางส่งยิ้มกว้างกลับมาให้ ตอนเด็กๆ ผมเคยคิดว่าเขาเป็นเพื่อนที่หน้าตาแย่ที่สุด! แต่ทำไมพอโตมาแล้วถึงได้ดูดีขนาดนี้กันนะ! แล้วนี่ผมเป็นอะไรไปเนี่ย ดูไม่เป็นตัวของตัวเองเลย เหมือนกับผมกำลังตกหลุมรักเจ้าบ้านี่อีกครั้งอย่างไรอย่างนั้น
ไม่ได้นะ เราจะชอบชินจังไม่ได้! อย่าลืมสิเจ้านี่มันชอบผู้หญิง ชอบพี่สาวหน้าอกตู้มๆ ขาเรียวและยิ้มสวยนะ! ถ้าไม่อยากเจ็บจนผิดหวังล่ะก็...เลิกคิดถึงเรื่องหมอนี่ได้แล้ว
“ขอโทษนะ เมื่อคืนฉันหนักมือไปหน่อย” ผมยังไม่ทันได้ถามอะไร เจ้าชินโนซึเกะก็กดจูบกลางหน้าผากของผมเบาๆ เขาแช่ค้างริมฝีปากเอาไว้อย่างนั้นอยู่นานก่อนจะค่อยๆ ถอนริมฝีปากออกไป
“นาย...” ที่ผมนิ่งเงียบไม่ผลักเขาออกไม่ใช่ว่าผมเต็มใจนะ แต่ผมกำลังคิดอยู่ต่างหากว่าผมกับเขาทำอะไรกันลงไป? ยิ่งคิดหัวของผมก็ยิ่งเจ็บ จำอะไรแทบไม่ได้เลย อย่างมากก็นึกออกเรื่องที่ผมเผลอเล่าเรื่องงานของตัวเองให้คนตรงหน้าฟังเท่านั้น หลังจากนั้นทุกอย่างเหมือนขาดหาย
“หืม...ฉันยังไม่ได้ช่วยล้างให้นายเลย นายดันมากอดฉันซะก่อน” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏบนใบหน้าของเขา
เขาเปลี่ยนไปมากจริงๆ ไม่เหมือนก่อน ทั้งใบหน้ายามยิ้ม ทุกอย่างที่เป็นเขาในตอนนี้มันดูดีไปหมด จนผมอดคิดไม่ได้ว่าคนอย่างเขาจะไม่มีแฟนเลยเหรอ หรืออาจจะมีแล้วแต่เจ้าตัวไม่เล่า
หมับ!
“อือ!” ผมร้องเสียงหลงเมื่อความคิดของผมถูกทำลายเพียงเพราะมือหนาแสนอบอุ่นกำลังลูบไล้สะโพกของผมเบาๆ ก่อนจะใช้นิ้วเรียวยาวของเขาสอดเข้ามาในร่างของผม เวรเอ๊ย!
“เจ็บเหรอ...ขอโทษนะฉันน่าจะทำมันตั้งแต่เมื่อคืน” ผมไม่สนว่าเขากำลังพูดอะไร รู้แต่ว่าตอนนี้ผมโคตรเจ็บเลย เหมือนแก้มก้นทั้งสองมันจะขาดออกจากกันให้ได้ นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย! ผมพยายามกลั้นเสียงแห่งความเจ็บปวดเอาไว้ โดยการกัดกรามไว้แน่นพร้อมมือทั้งสองที่กุมหมัดไว้ไม่ปล่อย
“ถ้าไม่เอาออกให้หมดนายจะแย่นะ” น้ำเสียงจริงจังยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ที่ผมเคยได้ยินจากเขาดังขึ้น ชินจังยังคงพยายามควักเอาอะไรบางอย่างออกอย่างตั้งใจ พร้อมก้มหอมเส้นผมของผมอยู่ตลอดเวลา ก่อนจะกระชับวงแขนให้แคบลงจนร่างของผมติดร่างเขาอย่างช่วยไม่ได้
“...เจ็บ” ผมตอบสั้นๆ ทั้งน้ำตา ทรมานอย่างที่ไม่เคยเป็น ได้แต่ร้องขอให้อีกฝ่ายหยุดทำแบบนั้นโดยการช้อนตามองหน้าเขา
“โธ่ นายเลิกทำหน้าแบบนั้นเลยนะ ฉันรู้ว่านายเจ็บ ไว้ฉันจะซื้อยามาให้” ชินจังตอบผม ผมไม่รู้ว่าเขากำลังหมายถึงเรื่องอะไร ได้แต่ปล่อยให้เขาจัดการอย่างที่เขาต้องการทำ กว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยผมก็เจ็บเจียนตาย!
แต่ก็ต้องยอมรับว่าหลังจากที่ชินโนซึเกะช่วยจัดการให้ความอึดอัดในช่วงล่างก็หายไปจนหมด รู้สึกดีขึ้นไม่น้อย เพียงแต่มันน่าอายเกินไปแล้วเจ้าบ้านี่!!!
และอีกเรื่องที่ผมคิดได้ เมื่อสัมผัสถึงของเหลว พร้อมคำขอโทษที่มากเกินพอดีจากอีกฝ่าย ได้แต่วิเคราะห์เรื่องราวที่ขาดหายไปอยู่ในหัวเงียบๆ จนได้ข้อสรุปออกมา...มันไม่มีทางเป็นอย่างอื่นจริงๆ นอกจาก...
“นายข่มขืนฉันใช่ไหมฮะ! ชินจัง!” ผมโวยวายเสียงดังต่างจากชินโนซึเกะที่ได้แต่หาวน้อยๆ ก่อนจะเลิกคิ้วมองผมพร้อมส่งรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ยิ่งกว่าสมัยอนุบาล นี่มันไม่ดีต่อหัวใจของผมเลยสักนิด เจ้าบ้าชินโนซึเกะ!
“โทรุจัง พวกเราเคยอาบน้ำด้วยกันออกจะบ่อย นอนก็เคยนอนด้วยกัน นายยังเคยใส่เสื้อผ้าของฉันด้วยนะ ยังต้องคิดมากเรื่องอะไรอีก?”
“เจ้าบ้าชินโนซึเกะ!!!” ต่อให้เมื่อก่อนผมมีความรู้สึกดีๆ ให้ แต่ไม่ได้หมายความว่าหลังจากที่พวกเรากลับมาเจอกันแล้วเขาจะทำแบบนี้กับผมได้สักหน่อย! ไม่ได้ เขาจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ! ผมล่ะอยากจะต่อยเข้าที่หน้าหล่อๆ ของเขาสักหมัดให้หายโมโห ถ้าไม่ติดว่าตอนนี้ไม่มีแรงล่ะก็! หน่อยแน่!
“ชู่...นายเสียงดังจัง เมื่อคืนฉันบอกนายแล้วนะ อีกอย่างนายเป็นคนเรียกร้องเอง” ชินจังเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม ที่ผมไม่รู้ว่ามันคือเรื่องจริงหรือเรื่องโกหกกันแน่
“...”
“นี่นายจำไม่ได้เหรอ? ฉันน้อยใจนะโทรุจัง” ใบหน้าคมถูไปมากับหัวของผมอย่างออดอ้อน ตัวโตขนาดนี้มันไม่เหมือนลูกแมวเลยนะ ออกเป็นเสือตัวใหญ่แกล้งเป็นแมวมากกว่า
“ฉัน...”
“จริงสิ ฉันให้คนเตรียมสัญญามาแล้วนะ นายเขียนชื่อตรงนี้ให้หน่อยสิ?” ชินโนซึเกะเอื้อมมือหยิบเอกสารบนหัวเตียง และยังคงกอดผมแน่นไม่ยอมปล่อย
“อื้อ...เดี๋ยวชิน...เหวอ!” อะไรของหมอนี่! อยู่ๆ ก็จับผมพลิกขึ้นมานอนบนตัวของเขา ร่างสูงค่อยๆ ขยับร่างของตนนั่งอิงหัวเตียง จากนั้นจึงได้ส่งปากกาและเอกสารให้กับผม
“นี่มันอะไร?” ผมเอียงคอถาม ยังไม่ทันได้หยิบเอกสารเหล่านั้นขึ้นมาดู เขาก็ส่งปากกามาให้ พลางชี้ไปยังช่องว่างที่เหลืออยู่ ก่อนจะมองผมอย่างกดดันด้วยดวงตาสีเข้มของเขา
“เร็วเข้า คนอื่นรออยู่”
“ฮะ? อ้อ ตรงนี้เหรอ?” อาจจะเป็นเพราะผมเพิ่งตื่น ทุกอย่างมันดูมึนๆ งงๆ ปนสับสน ไม่รู้ว่าควรจะเริ่มจากตรงไหนก่อนดี มันเหมือนเป็นสัญชาตญาณของคนทำงานอย่างผม เวลาเพื่อนร่วมงานส่งอะไรมาก็รับมาเซ็นๆ จดๆ แล้ววางไว้ค่อยแก้ โดยเลือกจากงานเร่งก่อน แล้วค่อยมาไล่อ่านทีหลังก่อนส่ง
“เอาล่ะ ทีนี้นายนอนต่ออีกหน่อยนะ เดี๋ยวฉันจะซื้อยามาทาให้ ค่อยเริ่มงานวันพรุ่งนี้แล้วกัน...หาว...ส่วนของที่หอพักนาย ฉันให้คนขนมาแล้วนะ”
“อืม...”
เดี๋ยวนะ?! ผมรีบหยิบเอกสารชุดหนึ่งที่ชินจังเหลือไว้ให้ขึ้นมาอ่าน ก่อนจะลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่กับข้อตกลงในนั้น นี่ผมเผลอทำอะไรลงไปเนี่ย! ตั้งใจว่าจะต่อว่าชินจัง แล้วให้เขายอมยกเลิกสัญญาที่ให้ผมเซ็น กลับต้องหน้าแดงร้อนเห่อยิ่งกว่าเดิม
“นายเป็นคนทำเองนะ...” ชินจังระบายยิ้ม ก่อนจะหยิบเสื้อผ้าในตู้ของตัวเองออกมาสวมใส่ ปกปิดร่องรอยที่ผมสร้างบนตัวเขา ทั้งรอยดูดเม้มด้านหน้า และรอยกดจิกบนแผ่นหลังเนียนขาวนั้น นี่มันเรื่องจริงเหรอเนี่ย...ผมรีบดึงผ้าห่มออกก้มมองร่างตัวเองก่อนจะสบถเสียงแผ่ว
“ไอ้บ้าชินจัง!” มีแต่รอยแดงเป็นจุดเล็กๆ เต็มไปหมด โดยเฉพาะต้นขาด้านในของผมที่ดูจะเด่นชัดกว่าทุกรอยที่มีบนร่าง ชัดเลยแบบนี้
“ชู่...นายเสียงดังไปแล้วนะคาซาม่าคุง เมื่อเช้าแม่นายโทรมา ฉันบอกแม่นายไปแล้วว่านายมาช่วยงานฉัน ท่านเป็นห่วงนายมากเลยนะ” ชินจังเดินตรงมาหาผม แล้วก้มลงหยิบมือถือบนพื้นข้างเตียงให้ผม ก่อนจะขยี้หัวผมเบาๆ สองสามครั้ง
“ไว้จะรีบกลับมา ที่รักนอนพักเถอะ”
“หมายความว่านาย...” ผมก้มมองตัวเองอีกครั้งพลางถอนหายใจ
“ใช่ เราเพิ่งผ่านศึกรักอันร้อนแรง เมื่อคืนนายสุดยอดมากเลย” อีกฝ่ายก้มหอมแก้มของผมซ้ายทีขวาที จากนั้นก็รีบเดินออกจากห้องไปเมื่อเห็นสีหน้าของผมเริ่มไม่ดี
“เฮ้อ นี่มันอะไรกันเนี่ย ทุกอย่างเหมือนฝันเลย” ผมพึมพำเบาๆ แล้วเอนกายลงนอน ตอนนอนยังไม่เจ็บเท่าตอนนั่ง...อะไรจะปวดขนาดนี้ ผมดึงผ้าห่มขึ้นปิดใบหน้าซ่อนความยินดีเอาไว้ไม่ให้ใครเห็น
เพราะดูเหมือนความรู้สึกที่ผมพยายามปิดซ่อนเอาไว้จะไม่ได้เลวร้ายแบบนั้น ทั้งร่องรอยนี้ ทั้งน้ำเสียงอ่อนโยนและสัมผัสอันอบอุ่นที่เขามอบให้ผม ทุกอย่างมันราวกับความฝันที่ผมเฝ้าตามหาและนึกถึง ในตอนนี้มันเป็นจริงแล้ว
“ฝันปะวะ?”
มันคงไม่ใช่ความฝันหรอกถ้ามันเจ็บขนาดนี้ แบบนี้ผมก็มีโอกาสใช่ไหม? ผมสามารถรักเขาได้อย่างที่เคยเป็นแบบเมื่อก่อนใช่ไหม? ไม่หรอก ชินจังคงทำลงไปเพราะเมามากกว่า คนอย่างเขาไม่มีทางมาชอบผู้ชายโดยเฉพาะผู้ชายอย่างผม ไม่มีทางและไม่มีวันด้วย...
มีแค่พี่สาวคนสวยเท่านั้นแหละที่เจ้าบ้านั่นสนใจ ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บแฮะ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!