NovelToon NovelToon

ก็แค่เด็กที่ถูกเก็บมาเลี้ยง

ตอนที่ 1 รับตัว

ตอนที่ 1 รับตัว

ท่ามกลางความวุ่นวายของการปกครองของยุค สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนยากไร้มากมาย ทั้งสภาพอากาศที่ไม่เป็นใจ เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาวจนร่างกายของใครหลายๆ คนปรับสภาพไม่ทัน ต่างพากันล้มป่วยมากขึ้นเรื่อยๆ

พืชผลที่ปลุกเท่าไรก็ไม่ได้ผลผลิตอย่างที่คาดไว้ ทำให้ใครหลายๆ คนเริ่มหวังพึ่งอย่างอื่น บ้างก็ออกจากเมืองไปทำการค้าที่อื่น บ้างก็ขายที่นาแลกเงินสักก้อนในการตั้งตัว ไม่ก็ขายลูกของตัวเองให้กับเศรษฐีที่ไม่มีลูกหรือพวกที่มีลูกยาก

คนในเมืองเริ่มไร้ศีลธรรมมากขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับโรคร้ายที่เริ่มระบาดไปทั่ว ประชากรหลายๆ คนเริ่มถอดใจกับเมืองเมืองนี้ ต่างพากันย้ายออกไปเรื่อยๆหากจะมีคนอยู่ ก็คงมีเพียงนักท่องเที่ยวและชาวบ้านที่คิดไม่ออกว่าจะออกไปทำอะไรเท่านั้น

“...” ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำเข้มมองชายวัยกลางคนที่เดินจูงมือเด็กน้อย เนื้อตัวมอมแมม ดวงตากลมโตสีฟ้าสดใส ตัดกับสีผมดำเข้มอย่างชัดเจน เรียกความสนใจจากเขาได้ไม่ยาก

“คุณผู้ชาย สนใจรับลูกของผมไปเลี้ยงไหม?” ชายวัยกลางคนรีบวิ่งมาหาเขาทันทีที่เห็นสายตาคู่คมจ้องมองมาที่เด็กชายข้างกายไม่หยุด

“หมายความว่าอย่างไงลุง?” ชายหนุ่มถามย้ำอีกครั้ง ก่อนที่จะมาเมืองนี้ เขาเคยได้ยินมาว่าคนที่นี่ขายทุกอย่างที่มีเพื่อให้ตัวเองมีชีวิตรอด แต่ไม่คิดว่าแม้แต่ลูกในไส้จะกล้าเอามาขายแบบนี้

“คุณผู้ชายคงจะไม่มีลูกใช่ไหม เด็กคนนี้นะ...เป็นเด็กผู้ชาย สืบสกุลให้คุณชายได้แน่นอน” ชายวัยกลางคนดันแผ่นหลังเล็กๆ ของเด็กน้อยมาตรงหน้า ก่อนจะกล่าวต่อด้วยรอยยิ้ม ราวกับกำลังแนะนำสินค้าให้เขาอย่างไรอย่างงั้น

“เด็กคนนี้เลี้ยงง่าย ไม่ซน เรียบร้อยและเชื่อฟัง ทั้งยังฉลาดเรียนรู้เร็ว รับรองคุณชายจะไม่ผิดหวัง” ชายวัยกลางคนพูดอีกครั้งดวงตาไร้ซึ่งความหวงแหน ความรัก ภายในดวงตาสีเทาหมองมีเพิ่งความเห็นแก่ตัวเท่านั้น เด็กน้อยคนนี้ช่างน่าสงสาร

“ลุงจะขายลูกของตัวเองงั้นหรอ?” ชายหนุ่มถามกลับอีกครั้ง

“ใช่ครับ” ชายวัยกลางคนรีบตอบทันที

“จะเอาเงินไปทำอะไร บอกได้รึเปล่า” เขาเริ่มถามกลับ ยอมรับว่าตัวของเขาถูกใจเด็กน้อยตรงหน้า และไม่อาจหาเหตุผลมาตอบคำถามที่เขาตั้งไว้ได้ คงจะมีเพียงคำว่าถูกตาต้องใจ ที่พอจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุดในตอนนี้เท่านั้น

“ซื้อยามาเสพนะสิ ช่วงนี้แพงเหลือเกิน” คำตอบของชายวัยกลางคนเรียกความหงุดหงิดในใจของเขามากมาย

แค่อยากจะเสพยา ถึงกับยอมทำทุกอย่างแม้กระทั่งขายลูกตัวเองก็ทำได้ โดยไม่สนใจความรู้สึกของเด็กน้อยเลยสักนิด

เขาคิดภาพออกได้เลยหากเขาไม่ซื้อเด็กคนนี้ไว้ ก็ต้องมีคนอื่นซื้อเด็กน้อยไปอยู่ดี ยิ่งรูปร่างหน้าตาของเด็กน้อยคงใช้เวลาไม่นานก็หาลูกค้ามาซื้อตัวเด็กน้อยไปได้ แต่ใครจะรับรองได้ละว่าเด็กน้อยคนนี้จะใช้ชีวิตอย่างสนุกสนานสมวัย

ใครจะรับประกันว่าเด็กคนนี้จะไม่ถูกขายต่อไปอีก จะได้ใช้ชีวิตปกติอย่างที่ควร ไม่มี! เขากลับมั่นใจว่าตัวเองจะดูแลเด็กน้อยได้ดีมากกว่าใคร ขืนปล่อยเด็กน้อยไปมีแต่จะสร้างทรงจำแย่ๆ ให้กับเด็กน้อยเปล่าๆ

“เท่าไรละ?” ชายหนุ่มถามกลับ ก่อนจะยกมือเรียกคนสนิทที่ยืนรออยู่ไม่ไกลให้เข้ามาใกล้ๆ

“หนึ่งแสนครับ” ชายวัยกลางคนรีบตอบทันทีก่อนจะใช้ชายเสื้อเก่าๆ เช็ดคราบสกปรกบนใบหน้ากลมๆ อย่างเร่งรีบ พร้อมกับใบหน้าที่ประดับรอยยิ้มตลอดเวลา

“จาบี...จัดการสิ” เขาสั่งเบาๆ ชายคนสนิทก็ขานรับก่อนจะส่งเงินหนึ่งแสนให้กับชายวัยกลางคนทันที

“ขอบคุณๆ” ชายวัยกลางคนรีบรับเงิน ก่อนจะดันหลังเด็กน้อยให้ไปหาเจ้าของชีวิตคนใหม่อย่างไร้เยื่อใย

“พ่อ...” เด็กน้อยหันไปมองผู้เป็นพ่อ เสียงใสเรียกผู้เป็นพ่อเบาๆ พร้อมหยาดน้ำใสไหลออกจากด้วยตาคู่สวย ยิ่งดูชายหนุ่มก็ยิ่งสงสาร

“เด็กน้อยมาหาพี่สิ...” เขาย่อตัวพลางกางแขนรับเด็กน้อย

“ไปสิ!! ฉันไม่ใช่พ่อแกอีกแล้ว! แล้วไม่ต้องกลับมาอีกนะ!” ชายวัยกลางคนชี้นิ้วไปหาเด็กน้อยก่อนจะหัวเราะ พลางนับธนบัตรเงินอย่างรวดเร็ว ก่อนจะรีบวิ่งจากพวกเขาไปอย่างเร่งรีบ

“จาบี...” ชายหนุ่มสั่งคนสนิทเบาๆ

“รับทราบครับนาย” จาบีรีบตอบรับก่อนจะวิ่งตามชายวัยกลางคนไปติดๆ

“อึก...อึก...พ่อทิ้งโซ่ไปแล้ว” เด็กน้อยเช็ดหยาดน้ำตาด้วยมือเล็กๆ ทั้งสอง

“มาหาพี่สิ...พี่จะอยู่กับน้องเอง” ชายหนุ่มเรียกเด็กน้อยอีกครั้งพร้อมยิ้มให้อย่างอบอุ่น ขัดกับตัวเขาทุกที ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเสือยิ้มยาก

“แง้ๆ ...” เด็กน้อยรีบวิ่งเข้าไปหาอ้อมกอดของชายตรงหน้าทันที พลางก้มหน้าร้องไห้กับอกกว้างของเขาไม่ได้หยุด ชายหนุ่มทำเพียงลูบแผ่นหลังเล็กๆ ที่สั่นไปมาด้วยความเสียใจอย่างช้าๆ

“ไม่เป็นไรนะ พี่อยู่ตรงนี้ เรากลับกันเถอะ ที่ที่ปลอดภัยกว่านี้” ชายหนุ่มยิ้มกว้างก่อนจะยกร่างเล็กด้วยมือข้างเดียว แล้วเดินออกจากจุดเดิมอย่างช้าๆ

“พี่ชื่อเรียว น้องชื่ออะไร หืม?” ชายหนุ่มคุยกับเด็กน้อยตลอดทาง พลางมองดวงตาสีฟ้าสดใสที่เรียกความสนใจจากเขาตั้งแต่แรกเห็น

“โซ่ครับ...” เด็กน้อยตอบอย่างเขินอาย

“คนเก่ง อีกเดี๋ยวก็ถึงรถแล้ว น้องของพี่จะได้พักสักที ดีไหม?” ชายหนุ่มถามพลางใช้มืออีกข้างปัดผมหน้าให้เด็กน้อยอย่างเอ็นดู ทั้งคู่คุยเรื่องสนุกมากมายจนกระทั่ง...

 

 

แปดปีผ่านไป

จากเด็กน้อยก็ค่อยๆ เติบโตขึ้นตามกาลเวลา ทั้งยังได้รับการเรียนดูเป็นอย่างดี ตามที่เรียวตั้งใจไว้ เด็กน้อยคนนั้น เติบโตมาตามแบบที่เขาต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้วิชาป้องกันตัวมากมาย ความรู้ที่จำเป็นและสมควร จนกลายเป็นคนในแบบที่ชายหนุ่มต้องการ

“พี่...เอาอีกแล้วนะ” โซ่มองชายหนุ่มที่นอนข้างกายเขาบนเตียงกว้างขนาดคิงไซส์สีขาว โดยมีมือหนาของเขากอดเอวของตนไว้หลวมๆ

“พี่ครับ...พี่เรียว” โซ่เขย่าตัวเจ้าของชื่อเบาๆ ก่อนจะมองใบหน้าคมเข้มที่หลับตาอยู่อย่างเคย

“หืม...ตื่นแล้วหรอ ตัวแสบ” เรียวตอบกลับก่อนจะออกแรงดึงร่างบาง เข้ามากอดไว้แน่น โดยที่ดวงตายังปิดสนิทอยู่อย่างเคย

“อือ พี่เรียว! ผมบอกแล้วไงครับว่าให้นอนห้องตัวเอง” โซ่กอดร่างสูงบาง ก่อนจะถูใบหน้าของตัวเองกับอกกว้าง

จุ๊บ จุ๊บ

ร่างสูงก้มจูบเส้นผมของคนในอ้อมกอดอย่างรวดเร็ว ก่อนจะตบหลังของโซ่เบาๆ

“นอนอีกหน่อยเถอะ เมื่อคืนพี่ทำงานดึกมากเลย” เขาตอบสั้นๆ ก่อนจะเรียกความสนใจจากร่างบางด้วยการบอกให้คนตัวเล็กรู้ว่าเขาอยู่ดึกแค่ไหน

“แล้วทำไมพี่ไม่นอนห้องตัวเองละ? แบบนี้โซ่ก็ตื่นไปเรียนไม่ทันนะสิ” โซ่เปลี่ยนคำเรียกแทนตัวเองทันทีเพื่อรับมือกับชายหนุ่มที่หาเรื่องให้เขาไปเรียนสาย

“เรียนอะไรทำไมพี่ไม่รู้” เรียวถามกลับทันทีแม้จะง่วงมากก็ตาม

“เรียนยิงปืนกับพี่จาบีครับ” ร่างบางรีบตอบก่อนจะดันอกกว้างเบาๆ

“พี่จาบี? ทำไมต้องเรียกมันว่าพี่” แรงกอดรัดแน่นขึ้นจนร่างของเขาทั้งสองแนบชิดกันยิ่งกว่าเก่า สร้างความเจ็บปวดให้คนตัวเล็กกว่าไม่น้อย ก่อนที่โซ่จะพยายามดันอกกว้างอีกครั้ง แต่ยิ่งออกแรงมากเท่าไร กลับยิ่งทำให้เขากอดรัดแน่นมากเท่านั้น

“พี่ถามว่าทำไมต้องเรียกมันแบบนั้น?” ชายหนุ่มกดเสียงต่ำอีกครั้ง พลางออกแรงกอดให้แน่นอีกอย่างไม่รู้ตัว

“พี่....”

ตอนที่ 2 คนเดียว

ตอนที่ 2 คนเดียว

“พี่...” ผมตอบเขาเบาๆ ไม่กล้าขยับตัวไปไหนอีก ยิ่งเขากอดผมแน่นมากเท่าไรผมก็ยิ่งอึดอัด อาการแบบนี้ของพี่เรียวไม่ใช่ครั้งแรก และไม่ได้มีอยู่แค่นี้

ครั้งนี้คงเป็นผมเองที่พลาดเรียกคนอื่นว่าพี่ เพราะความสนิทสนมที่ได้รับจากพี่จาบี คนสนิทของพี่เรียว เขาเป็นคนร่าเริงสดใส เป็นครูที่ดี และเป็นพี่ที่ดี จนผมให้ความเชื่อใจมากกว่าพี่เรียวซะอีก

“พี่ถามว่าทำไมน้องถึงเรียกมันแบบนั้น! ” เสียงเข้มเริ่มดังอีกครั้ง ก่อนที่อ้อมกอดจะค่อยๆ คล้ายออก ให้ผมได้สบตาของเขา สายตาคมเข้มมองมาที่ผมทั้งดุดัน น่ากลัว ราวกับสิงโตที่พร้อมจะขย้ำผมให้แหลกคามือของเขาได้อย่างง่ายดาย

“ขอโทษครับ ผมจะไม่ทำอีก” ผมตอบสั้นๆ พยายามที่จะสบตาเขาให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่อย่างงั้นคนตรงหน้าต้องโวยวายผมอีกแน่

ตั้งแต่ที่ชีวิตของผมถูกขายให้กับเขา ชีวิตของผมก็ไม่ใช่ของตัวเองอีกต่อไป ทุกอย่างในชีวิตทั้งเรื่องเรียน การศึกษา การกินอยู่ หรือแม้แต่อนาคตของตัวเอง คนที่ตัดสินใจเป็นพี่เรียวทั้งหมด ทุกอย่างต้องผ่านการเห็นชอบจากเขา

ถึงบ้างเรื่องผมอยากจะตัดสินใจเอง เลือกเองบ้างก็ตาม แต่สุดท้ายผมก็ต้องยอมเขาอยู่ดี การมีชีวิตอยู่ในบ้านหลังนี้ไม่ต่างอะไรจากกรงนกที่เขาสร้างให้

“....” พี่เรียวไม่ตอบอะไรผมอีกมีเพียงสายตาของเขาที่ยังมองผมอยู่

“ผมจะเรียกพี่เรียวว่าพี่คนเดียว ต่อจากนี้ไปจะไม่เรียกใครแบบนั้นแล้วครับ” ผมอธิบายเพิ่ม ก่อนจะหลบตาเขาเล็กน้อย พลางมองมือหนาที่ยังบีบต้นแขนของผมไว้แน่น ...เจ็บ...

“พี่เรียวผมเจ็บ” ผมหันไปสบตาเขาอีกครั้ง ก่อนจะมองต้นแขนของตัวด้วยความเจ็บปวด

“...เฮ้อ...พี่ขอโทษนะ แต่ครั้งนี้น้องผิดเองที่ทำให้พี่หงุดหงิด” ร่างสูงคล้ายมือออกก่อนจะดึงตัวผมเข้าไปกอดต่อไม่ต่างจากเดิมในตอนแรก

“ผมขอโทษนะครับ” ผมตอบเสียงแผ่ว หากอยากอยู่รอดมีชีวิตต่อ ผมก็แค่ยอมทำตามใจคนตรงหน้า เขาอยากให้ทำอะไรก็ทำ อะไรที่เขาไม่ชอบก็หยุด แบบนั้นผมถึงจะไม่เจ็บตัว

“อือ...เด็กน้อยของพี่ เจ็บมากไหม?” มือหนาลูบแผ่นหลังของผมเบาๆ พร้อมเสียงนุ่มที่กระซิบอยู่ข้างหูอย่างอ่อนโยน ต่างจากเมื่อครู่อย่างสิ้นเชิง

“ไม่หรอกครับแค่นี้สบายมาก” ผมทนได้...

“หืม? เอาเถอะนอนอีกหน่อยนะ เรื่องเรียนวันนี้เดี๋ยวพี่จัดการเอง” เขากระซิบบอกผมอีกครั้ง พร้อมคำสั่งเล็กๆที่ผมเดาไม่ออกว่านี้คือสิ่งที่เขาบังคับ หรือสิ่งที่เขาอยากให้ผมทำตามความสมัครใจของตัวเองกันแน่

การบังคับของพี่เรียวมันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น เพียงแต่ถ้าเป็นเรื่องที่เขาต้องการมากจึงๆ แล้วผมไม่ยอมทำ นั่นแหละเขาถึงจะลงมือ อย่างเมื่อกี้ก็บีบแขน มองผมดุๆ แต่ที่หนักที่สุดก็คือ...จับผมขังในห้องมืดๆ จนกว่าเขาจะหายโกรธ จนเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมกลัวที่แคบและที่มืด... เพราะฉะนั้นผมจะไม่ยอมให้เกิดเรื่องแบบนั้นอีกแน่

เสียงลมหายใจที่เข้าออกสม่ำเสมอบอกให้ผมรู้ได้ในทันที ว่าคนข้างกายของผมหลับลงไปแล้ว คงจะมีแต่ผมนี้แหละที่ไม่ยอมนอนตามที่เขาบอก แค่ทำหน้าที่เป็นหมอนข้างให้เขากอดเท่านั้น

ก๊อก ก๊อก

“คุณโซ่ จาบีเองครับ ลืมนัดที่เรามีให้กันแล้วหรอ”

อึก...

ผมได้แต่ลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ภาวนาไม่ให้พี่เรียวตื่นขึ้นมาเสียก่อน ไม่งั้นได้เกิดเรื่องแบบเมื่อกี้อีกแน่ พี่จาบีก็อีกคนร้อยวันพันปีไม่เคยมาตามผมถึงห้อง แต่ครั้งนี้กลับมาตาม ถ้าพี่เรียวไม่ตื่นก็คงจะดีนะ...

“หุบปากจาบี! ” ร่างสูงกระชับอ้อมกอดอีกครั้งก่อนจะดึงผ้าห่มผืนหนาให้ขึ้นมากอีกนิด พลางตะโกนบอกคนด้านนอกเสียงเข้ม

“นาย? ทำไมไปนอนในห้องคุณโซ่ละครับ! ” พี่จาบีถามกลับทันที

“เงียบได้แล้วจาบี! โซ่นอนอยู่” เขาตอบกลับลูกน้องคนสนิทอย่างหัวเสีย โชคดีที่ตลอดเวลาผมหลับตาตามที่เขาสั่งอยู่ก่อนแล้ว ไม่งั้นตัวผมคงจะโดนข้อหาอีกหลายกระทง

“นายครับ! คุณโซ่โตแล้วนะครับ จะไปนอนด้วยทุกวันแบบนี้ไม่ได้ อีกเรื่องนะครับนาย! ตอนนี้ถึงเวลาที่คุณโซ่ต้องเรียนกับผมแล้ว”

“ไอ้จาบี!!! ” และการท้าทายอำนาจมืดของพี่จาบีก็สำเร็จจนได้

“อือ...มีอะไรกันหรอครับพี่เรียว...” ผมแกล้งถูไถใบหน้าตัวเองกับอกกว้างเบาๆ ก่อนจะครางเสียงแผ่วราวกับคนเพิ่งตื่นนอน แม้ความจริงจะตื่นอยู่ตลอดเวลาก็ตาม

“หืม? ...น้องตื่นแล้วหรอ” เสียงนุ่มเอยกับผมเบาๆ หวังว่าจะลดความหงุดหงิดในใจของพี่เรียวได้บ้าง

“ครับ...พี่เรียว...” ผมเรียกชื่อของคนตรงหน้าอย่างออดอ้อนก่อนจะใช้มือทั้งสองคล้องคอคนตรงหน้า ไม่ลืมที่จะยิ้มหวานให้กับเขาอย่างเคย

“อะไรหืมเจ้าตัวแสบ จะอ้อนเอาอะไร?” พี่เรียวยกยิ้มอย่างพอใจก่อนจะขยับมือหนาไว้ที่เอวของผม

“เปล่าครับ ไม่ได้จะเอาอะไร แค่เห็นว่าพี่เรียวดูจะหงุดหงิด” ผมพูดพลางยิ้มหวาน

“ก็เพราะไอ้จาบีนั่นแหละ...” ร่างสูงขมวดคิ้วทันทีที่พูดชื่อของตัวการในครั้งนี้

“ไม่เอาสิครับ เดี๋ยวแก่ไว้น่ะ...” ผมใช้นิ้วเรียวจิ้มไปที่กลางหน้าผากของเขาเบาๆ เรียกรอยยิ้มจากเขาได้อีกครั้ง แบบนี้คงอารมณ์ดีขึ้นแล้วละมั้ง

“ทำไม แก่แล้วน้องจะไม่รักพี่หรอ?” รักหรอ? บ้างที่คำว่ารักของผมกับพี่เรียวอาจจะต่างกันก็ได้ คำว่ารักมีมากมายหลายความหมาย ไม่ว่าจะรักแบบครอบครัว รักแบบพี่น้องพ่อแม่ เพื่อนสนิท หรือจะเป็นรักแบบคนรัก สำหรับผมคำว่ารักที่ผมมีให้พี่เรียวคงจะเป็นอย่างหลังมากกว่า แต่พี่เรียวคงไม่ได้คิดแบบนั้นกับผมหรอก...

“ฮ่าๆ รักสิครับ” แปลก...ทั้งที่ผมกำลังหัวเราะอยู่ แต่หัวใจผมกลับเจ็บขึ้นมาจากคำว่ารักแค่คำเดียว

“คุณโซ่! ตื่นได้แล้วครับ วันนี้ต้องเรียนกับจาบีคนนี้ให้เรียบร้อยจบบทนะครับ! คุณโซ่! ”

ก๊อกๆ ๆ ๆ

“ไอ้จาบี!! ” พี่เรียวจูบที่หน้าผากผมเร็วๆ ก่อนจะดันตัวเองออกจากเตียงไปจัดการคนหน้าห้องอย่างเร่งรีบ พี่จาบี...ผมพยายามจะช่วยพี่แล้วนะแต่พี่ก็ยังจะท้าทายอำนาจมืดของพี่เรียวอยู่ได้ ผมจะคิดถึงพี่จาบีนะครับ...

“นาย! ? เหวอ! ตกใจหมดเลย ผมบอกแล้วไงครับว่าอย่านอนห้องคุณโซ่” พี่จาบียังบ่นไม่หยุด ส่วนผมก็ลุกขึ้นมานั่งข้างเตียง พลางมองสงครามขนาดจิ๋วตกหน้าอย่างเหนื่อยใจ

“ฉันจะทำอะไรก็เรื่องของฉัน นี้แกเป็นพ่อฉันรึไงฮะ! ” พี่เรียวตอกกลับอย่างหัวเสียพลางเท้าเอวมองลูกน้องของเขานิ่ง

“ไม่ครับ ผมเป็นลูกน้องผู้ซื่อสัตย์ต่อนาย นายสั่งไว้ให้สอนคุณโซ่ด้านการปกกันตัว และผมได้รับปากนายไว้ว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คุณโซ่จะต้องเรียนการปกกันตัวให้จบก่อนอายุสิบแปดให้ได้อย่างแน่นอน ตามคำสั่งของนาย และนายรู้ไหมครับว่าคุณโซ่ควรจะเรียนจบตั้งแต่ห้าวันก่อน ถ้าไม่ติดว่านาย! แอบมานอนห้องคุณโซ่แบบนี้ อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันเกิดครบสิบแปดปีของคุณโซ่แล้ว เพราะฉะนั้นครับนาย! คุณโซ่ต้องไปเรียนกับผมได้แล้วครับ” ทำไงดีอยู่ๆ ผมก็เห็นเงามรณะของพี่จาบีมาแต่ไกล หมดกันไอ้สิ่งที่ผมทำไปเมื่อกี้...

“จาบี...” เสียงเข้มเอยอย่างน่ากลัว...เอาแล้วไงพี่จาบีไปปลุกมารในตัวพี่เรียวแล้ว

“ครับนาย! ” พี่จาบีรีบยืนตรงเตรียมฟังคำสั่งของผู้เป็นนายทันที

“ฉันจะหักเงินเดือนแกสิบเปอร์เซ็นต์ เปลี่ยนไปเรียนตอนเย็นแทน แล้วไสหัวไปซะ!คนจะหลับจะนอน”

ปัง!

ก่อนจะปิดประตูหน้าห้องเสียงดัง พร้อมเสียงโวยวายของพี่จาบีดังมาไม่หยุด

“นายจะมาหักเงินผมไม่ได้นะครับ! นาย! ไหนนายบอกให้ผมทำไงครับ! นายครับ! ” พี่เรียวกัดกรามแน่นก่อนจะตะโกนกลับไปอีกครั้งเพื่อหยุดเสียงน่ารำคาญของพี่จาบี

“ถ้ายังไม่หยุดฉันจะหักอีกห้าเปอร์เซ็นต์”

ตอนที่ 3 ชอบที่สุด

ตอนที่ 3 ชอบที่สุด

หลังจากนั้นผมก็ไม่ได้ยินเสียงพี่จาบีอีกเลย ทุกอย่างกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง พร้อมร่างสูงที่เดินมาหาผมด้วยท่าทีงัวเงียกว่าเดิม

“เจ้าบ้านั้น กล้าดีอย่างไงมารบกวนเวลาของพี่” เขายังบ่นไม่หยุด ก่อนจะพาตัวเองขึ้นมาบนเตียงของผมอย่างช้าๆ พลางใช้มือหนาของเขาเกี่ยวเอวของผมให้เข้าไปใกล้ๆ

“พี่เรียว...นอนต่อเถอะครับ” ผมลูบเส้นผมสีน้ำตาลเข้มของเขาอย่างเบามือ มันทั้งนุ่มและหอมไม่ต่างจากทุกครั้งที่ผมได้สัมผัส

“น้องต้องนอนกับพี่ด้วย พี่นอนคนเดียวมันเหงานะ” พี่เรียวยิ้มให้ผม พลางดึงผมเข้าไปกอดอีกครั้งก่อนที่ร่างสูงจะเริ่มมอบความอบอุ่นในผมอย่างเคย

“ครับ” ผมตอบพร้อมรอยยิ้มไม่ลืมที่จะกอดคนตัวโตกว่าเช่นกัน

...

ทุกอย่างเป็นอย่างที่พี่เรียวสั่งไว้ไม่มีผิด ตกเย็นผมต้องมาฝึกกับพี่จาบีต่อ โดยมีพี่เรียวยื่นดูอยู่ไกลๆ เขาไม่ได้เข้ามาวุ่นวายหรือเข้ามาใกล้จุดที่ผมกับพี่จาบีฝึกอยู่ ร่างสูงทำเพียงยื่นมองพวกเราสองคนอยู่ห่างๆ เท่านั้น

“นายได้แกล้งอะไรคุณโซ่อีกรึเปล่าครับ” พี่จาบีถามก่อนจะทำท่าทางการยิ่งปืนที่ถูกต้องให้ผมดูประกอบการสอนของเขา

“ก็นิดหน่อย แต่ไม่มากเท่าไรครับ” ผมตอบพร้อมรอยยิ้มแล้วตั้งท่าตามแบบพี่จาบีทุกอย่าง พลางเริ่มเล็งเป้าสีดำที่อยู่ห่างออกไป

“นายชอบทำอะไรไม่คิด จาบีคนนี้ล่ะเป็นห่วงจริงๆ” พี่จาบีบ่นข้างหูไม่หยุด แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรเขามากนัก กลับมุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่เป้าตรงหน้าอย่างเดียว แล้วยิงใจกล้าเป้าทันทีที่มั่นใจ

ปัง!

“ดีครับ! ไอ้ลิงๆ ดูเป้าของคุณโซ่ดิ! ” ร่างสูงในชุดสูทสีดำตะโกนบอกเพื่อนของเขาเสียงดัง ก่อนจะหันมายิ้มให้ผม

“ถ้าออกมาตายถือว่าจบหลักสูตรเลยแล้วกันครับ” พี่จาบีตอบพร้อมรอยยิ้ม

“ตายครับ! ” คนดูเป้ารีบตอบก่อนจะวิ่งมาหาพวกผมพร้อมหลักฐานในมือ ผมไม่รู้หรอกว่าครูท่านอื่นเขาสอนกันแบบไหน แต่สำหรับที่นี่ หากยิงโดนจุดสำคัญเท่ากับตาย โดนจุดอื่นคือรอด ผมมองผลงานชิ้นสำคัญในมือพี่จาบีอย่างพึงพอใจ ไม่ต่างจากเขาที่ดูจะปลื้มมากกว่าผมซะอีก

“ในที่สุด...จาบีคนนี้ก็สอนคุณโซ่จบจนได้! เยสๆ ๆ ๆ” พี่จาบีจูบกระดาษเป้ายิงของผมรั่วๆ ก่อนจะกอดมันแนบอกอย่างทะนุถนอม จนผมอดที่จะหัวเราะกับท่าทางตลกๆของเขาไม่ได้

“ฮ่าๆ ครูดีก็เรียนดีแบบนี้แหละครับ” ผมตอบอย่างเอาใจก่อนจะยักคิ้วให้คนข้างๆ แค่นี้ก็จบไปอีกหนึ่งอย่าง

“ใครว่าละครับ! ถ้าคุณโซ่ไม่มาเรียนตั้งแต่สามสี่โมงแล้วอยู่ยาวถึงสองสามทุ่มแบบนี้ คงอีกสองสามวันกว่าจะจบ” พี่จาบีทำหน้าจริงจังเวลามองผม แต่กลับยิ้มหน้าบานเวลามองเจ้ากระดาษสำหรับซ้อมยิง แปลกคนจริงๆ

“ก็ผมกลัวว่าพี่เรียวจะหักเงินเดือนของครูผมนะสิ” ผมเฉลยสาเหตุที่วันนี้ยอมอยู่ดึกและซ้อมหลายชั่วโมงแบบนี้ ก่อนจะจัดการใส่เซฟตี้ปืนที่ละจุดตามคำสอนของพี่จาบีอย่างใจเย็น

“พอเลยครับ พูดเรื่องนี้แล้วผมปวดใจ...เอาเป็นว่าคุณโซ่ไปพักเถอะครับ ที่เหลือผมกับไอ้ลิงจัดการเอง” พี่จาบีดันหลังผมทันทีที่ผมวางปืนบนโต๊ะ

“เดี๋ยวครับๆ” ผมพยายามยันตัวเองไม่ให้ไปตามแรงดันของคนข้างหลัง แต่ดูอย่างไงก็สู้แรงมากกว่าของเขาไม่ได้อยู่ดี

“ไม่ได้ครับๆ เด็กดีต้องนอนแต่หัวค่ำ วันนี้ก็ดึกมากแล้วเดี๋ยวนายจะตามมาด่าผมเอา” พี่จาบีตอบพร้อมรอยยิ้ม ทั้งที่อีกไม่กี่วันผมก็จะครบสิบแปดแล้วเนียนะ ตอนนี้ก็ไม่ได้เด็กสักหน่อย!

“แต่ว่า....ผมยัง”

“น้องควรนอนได้แล้ว เดี๋ยวผิวน้องจะเสียหมด” คนที่ผมคิดว่าอยู่ไกลคงไม่ได้ยินเรื่องที่พวกเราคุยกัน และไม่น่ามาหาผมทันทีได้ กลับยืนอยู่ตรงหน้าผม ราวกับรู้เวลาที่ผมเรียนเสร็จอย่างไงอย่างงั้น

“นาย? ผมสอนคุณโซ่จบหลักสูตรตามแบบจาบีเรียบร้อยแล้วนะครับ” พี่จาบีรีบอวดผลการสอนของเขาทันที โดยการส่งกระดาษเป้ายิงให้พี่เรียว แต่ร่างสูงกลับไม่สนใจที่จะรับกระดาษแผ่นนั้นมาดูเลยสักนิด

เขาเพียงสบตาผมนิ่งก่อนจะใช้มือหนาของเขาเช็ดเหงื่อให้ผมอย่างเบามือ ท่ามกลางสายตาของลูกน้องคนสนิทโดยไม่สนใจเลยว่าจะถูกมองอย่างไง

“น้องเหนื่อยไหม? กินข้าวก่อนดีกว่าจะได้หลับสบาย หรือว่าน้องอยากกินนมอุ่นๆ กันละ” เสียงนุ่มเอยอย่างใจเย็น พร้อมรอยยิ้มแสนอบอุ่นที่มอบให้ผมอยู่เสมอ ในฐานะน้องชายของเขา

“นมอุ่นๆ แล้วกันครับ ผมไม่ค่อยอยากอาหารเท่าไร” ความจริงคือผมอยากอยู่ห่างจากพี่เรียวให้ได้มากที่สุด เพื่อตัดความรู้สึกที่เกินพอดีของผมออกไป

“น้องไม่อยากอาหาร? จาบี...” น้ำเสียงนุ่มแปลเปลี่ยนเป็นเข้มขึ้นทันที ก่อนจะเรียกชื่อลูกน้องคนสนิทของเขาที่อยู่ไม่ห่างจากผมนัก ความจริงตั้งแต่ที่พี่เรียวพูดกับผม พี่จาบีก็ถอยหลังไปสองสามเก้าแล้ว ยิ่งพี่เรียวไม่สนใจผลงานของเขามากเท่าไร พี่จาบีก็ยิ่งเงียบเพราะคิดมากเรื่องเงินเดือนมากเท่านั้น

“ครับนาย! ” เสียงเข้มรีบตอบกลับผู้เป็นนายทันที

“ไล่พ่อครัวชุดนี้ออกพรุ่งนี้เอาชุดใหม่เข้ามาแทน” คนตรงหน้าพูดออกมาเสียงดังฟังชัด ผมไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นสักหน่อย ทำไมกลายเป็นแบบนี้ไปได้ละ!

“พี่เรียว! ไม่ใช่แบบนั้นนะครับคือผมไม่ได้ไม่อยากกินเพราะมันไม่อร่อยนะ” ผมรีบห้ามเขาทันที ไม่รู้สาเหตุที่เขาคิดแบบนั้นด้วยซ้ำไป แต่จะให้คนอื่นมาเดือดร้อนเพียงเพราะผมพูดแบบนั้นไม่ได้

“แล้วเพราะอะไรกันละหืม? น้องของพี่ถึงไม่ยอมกินอะไรเลย” ร่างสูงประคองใบหน้าของผมด้วยมือของเขา ดวงตาคู่คมมองมาที่ผมช่างอบอุ่นเหลือเกิน ไม่ได้ผมจะคิดแบบนี้ต่อไปไม่ได้ ผมเป็นแค่น้องชายเขานะ ไม่มีสิทธิ์คิดอะไรเกินเลยกว่านั้น! ต้องทำอะไรสักอย่างแล้วทั้งเรื่องความรู้สึกนี้ และเรื่องอาหารด้วย

“จาบี...” ผมเรียกชื่อครูของผมเบาๆ เป็นสัญญาที่เราสองคนตกลงกันไว้ ถ้าผมต้องการความช่วยเหลือ แค่เรียกชื่อของเขาเบาๆ เท่านั้น เขาจะรีบช่วยผมทันทีที่ได้ยิน

“คุณโซ่ลดน้ำหนักครับ! ” พี่จาบีรีบตอบ จะหาเหตุผลที่ดีกว่านี้ไม่ได้รึไงกัน...

“ลดน้ำหนัก? จริงหรอ?” พี่เรียวสบตาพี่จาบีเล็กน้อยก่อนจะมองผมเช่นเดิม

“ครับ อาหารที่พวกพ่อครัวทำอร่อยมากเลย จาบีเห็นผมอ้วนขึ้นเลยบอกให้ลดน้ำหนัก...ใช่ไหมจาบี” ผมถามกลับทันทีแม้อยากจะหันไปสบตาพี่จาบีแค่ไหน แต่ติดที่มือหนาของคนตรงหน้ายังประคองใบหน้าผมอยู่

“ครับใช่แล้วครับ”

“อ้วน? น้องอ้วนตรงไหนกัน ไม่ต้องลดแล้ว พี่ว่าน้องผอมไปด้วยซ้ำ” ร่างสูงจับผมหมุนตัวไปมาพลางใช้สายตามองร่างกายของผมตั้งแต่หัวจรดเท้าอยู่หลายครั้ง

“จาบี ว่าแต่แกกล้าดีอย่างไง...”

“พี่เรียว! คือผม...อยากกินอาหารฝีมือพี่จังเลย ได้ไหมครับ? น่ะน่า” ผมพูดขัดจังหวะ เขา พลางกุมมือเขาไว้แล้วส่ายไปส่ายมาเบาๆ เพราะผมรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าในสิ่งที่พี่เรียวกำลังจะบอกพี่จาบี ไม่โดนหักเงินเดือนก็โดนด่า ส่วนต้นเหตุคงหนีไม่พ้นผมอีกนั่นแหละ ที่ขอให้พี่จาบีช่วย

“เอางั้นหรอ? งั้นเดี๋ยวพี่ทำให้เองนะ ไปกันเลยไหม” พี่เรียวยกยิ้มอย่างพอใจ มือหนาปัดผมหน้าให้ผมเบาๆ ก่อนจะจูงมือผมให้เดินไปกับเขา

“เฮ้อ...รอดไปกู เงินเดือนของกูปลอดภัยแล้ว” พี่จาบีบ่นเบาๆ ตามท้าย ก่อนจะรีบกลับไปช่วยเพื่อนของเขาเก็บของตามเดิม

พวกเราเดินมาเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงห้องครัวที่เปิดสว่างตลอดเวลา ในครัวแต่เป็นโทนสีขาวสะอาดตา พ่อครัวสองสามคนกำลังวุ่นกับการเตรียมอาหารเย็นให้คนในบ้านมากมายหลายชีวิต จึงทำให้วุ่นเป็นพิเศษ

“นาย!! มาทำอะไรครับ อยากได้อะไรให้เด็กมาบอกพวกผมก็ได้ ไม่ต้องมาเองหรอกครับ ในครัวมันร้อน” พ่อหัววัยกลางคนลนลานทำอะไรไม่ถูก เมื่อเห็นนายใหญ่ของบ้านเดินเข้ามาในครัว โดยมีผมยื่นอยู่ข้างๆ พร้อมมือหนาของเขากุมไว้หลวมๆ

“ไม่มีอะไร ฉันแค่จะทำอะไรกินนิดหน่อย” เขาตอบเสียงแข็งตามแบบฉบับเจ้านาย พลางปรายตามองวัตถุดิบที่ถูกจัดเตรียมไว้บนโต๊ะอย่างเป็นระเบียบ

“พวกผมทำไม่อร่อยหรอครับ นายครับอย่าเพิ่งไล่พวกผมออกเลยนะ ผมมีเมียต้องเลี้ยง ลูกกำลังเรียนอนุบาล บ้านยังสร้างไม่เสร็จ รถยังต้องผ่อน” หัวหน้าพ่อครัวยกมือไหว้ท่วมหัว นั้นไงกลายเป็นเรื่องใหญ่อีกแล้ว

“หุบปาก...ก่อนที่ฉันจะไล่พวกแกออกพร้อมๆ กัน ออกไปได้แล้ว อีกสักพักค่อยเข้ามา” คำสั่งเพียงครั้งเดียวของเขาหยุดทุกอย่างในครัวลงทันที พร้อมพ่อครัวทั้งสามและลูกมืออีกสองสามคนรีบเดินออกไปอย่างรวดเร็ว

พี่เรียวไม่ได้พูดอะไรต่อ เขามองผมเล็กน้อยก่อนจะลูบหัวผมเบาๆ แล้วเริ่มสำรวจวัตถุดิบในครัวของตัวเอง ก่อนจะหยิบไข่ไก่ ปูอัด หมูสับ และสุดท้าย...มาม่า

“น้องชอบปูอัดใช่ไหม? พี่จะใส่ให้เยอะๆ เลย” พี่เรียวแกะห่อพลาสติกสีใสอย่างช้าๆ ก่อนจะตั้งน้ำร้อนในหม้อขนาดเล็กสำหรับสองที

“ครับ ชอบที่สุดเลย...” ผมยิ้มหวานให้พ่อครัวจำเป็นอย่างเขา แต่ที่บอกว่าชอบไม่ได้หมายถึงปูอัดอย่างที่เขาคิด สิ่งที่ผมชอบที่สุดก็คือเขานั่นแหละ มากกว่าชอบเสียอีก ความรู้สึกมากมายที่ไม่สามารถบอกออกมาได้ ได้แต่บอกออกไปอ้อมๆเท่านั้น โดยที่เจ้าตัวไม่มีวันรู้เลย

“รอพี่ก่อนนะ พี่จะต้มสุดฝีมือเลย” ร่างสูงยิ้มกว้างพลางเริ่มจัดการต้มมาม่าให้ผมทันที

ผมเฝ้ามองแผ่นหลังที่ขยับไปมานั้น ใช้ดวงตาและสมองจดจำการกระทำเล็กๆ น้อยของเขาให้ขึ้นใจ ในฐานะเด็กที่เขาเก็บมาเลี้ยง ในฐานะที่เขายกให้เป็นน้องชาย เป็นนายน้อยของบ้าน และไม่สามารถเป็นอะไรได้มากกว่านี้อีก

“เรียบร้อยแล้ว” ร่างสูงยกถ้วยมาม่ามาให้ผม ก่อนจะยกอีกถ้วยของตัวเองตามมาติดๆ

“น่ากินจังนะครับ” ผมมองถ้วยมาม่าของตัวเองที่มีปูอัดเรียงอยู่เต็มถ้วย ไม่มีที่ว่างให้ผมเห็นเส้นมาม่าหรือหมูสับเลย

“ใช่...น่ากิน แต่ก็ต้องอดทนรอตั้งสามนาที” พี่เรียวยิ้มให้ผมก่อนจะจัดการมาม่าของเขาที่มีทั้งไข่ไก่ ทั้งหมูสับ ดูน่ากินกว่าของผมตั้งหลายเท่า

แต่ถ้าผมยังไม่ยอมกินละก็ คงจะกลายเป็นมาม่าอืดพร้อมปูอัดแตกๆ ไม่เป็นชิ้นแน่ๆ สุดท้ายก็ต้องกลั้นใจจัดการถ้วยของตัวเองอยู่ดี

เรื่องนี้คงสอนให้ผมจำไปอีกนานแสนนาน อย่าบอกพี่เรียวว่าชอบอะไรไม่งั้นจะกลายเป็นแบบนี้ มาม่าที่มีแต่ปูอัด...

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!