พอ\=เจ็ท
นอ\=ฟิว
ในคืนที่ท้องฟ้าถูกปกคลุมด้วยเมฆดำ ไม่มีแสงดาวและพระจันทร์ ท้องถนนที่เงียบสงบของเมืองเล็กๆ ดูราวกับหลุดออกมาจากความฝันอันเย็นเยียบ รถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งแล่นฝ่าความมืดด้วยความเร็วสูง ไฟหน้าของมันฉายแสงเจิดจ้าตัดผ่านม่านหมอกในยามค่ำคืน คนขับคือชายหนุ่มวัยยี่สิบปลายๆ ชื่อ เจ็ท ผู้มีดวงตาเย็นชาและแฝงไปด้วยความลึกลับ ส่วนคนซ้อนท้ายคือ ฟิว เด็กหนุ่มวัยรุ่นผู้มาพร้อมความดื้อรั้นและความอยากรู้อยากเห็นไม่สิ้นสุดกำลังมุ่งหน้าไปยังสถานที่ที่ถูกเล่าขานว่า "บ้านนรก"
'เจ็ท มึงแน่ใจใช่ไหมว่าต้องมาที่นี่' ฟิวถามพลางมองไปยังแสงไฟริบหรี่ที่ปลายถนน มันนำไปสู่บ้านเก่าทรุดโทรมที่มีข่าวลือว่าคนที่เข้าไปไม่มีใครรอดกลับมา
"กูไม่เคยแน่ใจในชีวิตมากเท่านี้" เจ็ทตอบเรียบๆ เขาจอดรถลงตรงหน้ารั้วเหล็กขึ้นสนิม
บ้านหลังนั้นตั้งตระหง่านเหมือนเฝ้ารออะไรบางอย่าง หน้าต่างแตกกระจาย ประตูไม้บิดเบี้ยว เสียงลมหวีดหวิวลอดผ่านช่องว่างของกำแพง
'กูจะเจออะไรในนี้มั้ยเนี่ย' ฟิวถามอีกครั้ง คราวนี้เสียงของเขาแฝงความกลัว
เจ็ทเดินนำเข้าไปโดยไม่ตอบ เขาเพียงชักไฟฉายและมีดพกออกมา
ภายในบ้าน
บ้านทั้งหลังมืดสนิท กลิ่นเหม็นอับชวนให้คลื่นไส้ พื้นไม้ส่งเสียงลั่นเอี๊ยดอ๊าดทุกครั้งที่พวกเขาก้าวเท้า เสียงลมข้างนอกเหมือนจะเงียบลง ราวกับบ้านหลังนี้กำลังปิดกั้นพวกเขาออกจากโลกภายนอก
'มึง... ดูนี่สิ' ฟิวชี้ไปที่กำแพง มีรอยขีดเขียนประหลาดเหมือนถูกขูดด้วยเล็บมนุษย์ คำว่า "อย่าหันหลังกลับ" ถูกสลักไว้ด้วยตัวอักษรหยาบๆ
"มันแค่พยายามขู่เรา" เจ็ทพูดนิ่งๆ แต่ดวงตาของเขาเริ่มมองซ้ายขวาอย่างระวัง
ฟิวไม่ได้พูดอะไรอีก แต่หัวใจของเขาเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมาจากอก
เสียงแรกที่ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป
"ปัง!"
เสียงเหมือนประตูถูกกระแทกจากชั้นบน เสียงนั้นหนักแน่นจนทำให้ฝุ่นร่วงหล่นลงมา
ฟิวสะดุ้งเฮือก 'อะไรน่ะ' เขากระซิบเสียงสั่น
เจ็ทยกไฟฉายขึ้นส่องไปที่บันได "มึงอยู่ใกล้ๆ กูไว้"
เสียงฝีเท้าดังขึ้นจากชั้นบน หนัก... ช้า... และจงใจ
เจ็ทเริ่มก้าวขึ้นบันได ไฟฉายในมือส่องไปยังจุดที่เสียงดังมา แต่ก่อนที่พวกเขาจะขึ้นไปถึงชั้นสอง เสียงแหลมสูงเหมือนกรีดร้องของผู้หญิงก็ดังลั่น
ฟิวรีบยกมือปิดหู 'นี่มันเหี้ยอะไรเนี่ย'
ทันใดนั้น ประตูห้องหนึ่งบนชั้นสองเปิดออก เสียงแกรกๆ ของเล็บที่ขูดกับไม้ดังก้อง เงาดำใหญ่โตปรากฏอยู่ในกรอบประตู มันมีดวงตาสีแดงสดที่เหมือนกำลังมองทะลุเข้ามาในจิตใจของทั้งสองคน
"อยู่ข้างหลังกูดีๆ" เจ็ทพูด แต่เสียงของเขาเริ่มมีความตึงเครียด
เงานั้นก้าวออกมาช้าๆ มันสูงเกือบชนเพดาน แขนขายาวเกินมนุษย์ มีกรงเล็บแหลมคมที่ส่องประกายอยู่ในแสงไฟฉาย
"มันไม่ใช่แค่เงา... มันกำลังหิว" เจ็ทกล่าวเบาๆ
ฟิวหันไปมองเจ็ทด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวและความสับสน ในขณะที่เงาดำนั้นยังคงยืนอยู่กลางห้อง ปล่อยให้เสียงหัวเราะแหบแห้งก้องไปทั่วทุกมุมของบ้านเก่า
'มึง... มันจะฆ่าพวกเรา' ฟิวร้องเสียงสั่น เขารู้ว่าหนีไปไหนไม่ได้แล้ว ประตูทุกบานถูกปิดลงจากแรงลึกลับ บานหน้าต่างก็หลุดจากขอบไปแล้ว ไม่เหลือทางหนี
เจ็ทยืนตรงเงียบ ดวงตาเขาจ้องมองเงาดำนั้น ไม่ได้แสดงท่าทีตกใจแต่อย่างใด เขารู้ว่าเวลาของพวกเขากำลังจะหมดลง “ฟิว... กูเคยเจอมันมาก่อน” เขาพูดเสียงต่ำ
ฟิวชะงัก 'อะไรนะมึงเคยเจอมัน' เขาไม่เข้าใจ 'มันคืออะไร'
เจ็ทไม่ตอบ เขาหันไปหามุมห้อง มองหาสิ่งที่อาจจะช่วยพวกเขาออกไปจากสถานการณ์นี้ได้ ดวงตาของเขาไม่วางจากเงาดำที่ยืนอยู่ตรงกลางห้อง ร่างสูงใหญ่สั่นสะท้านไปด้วยพลังลึกลับ
*พวกเจ้าคิดว่าจะหนีไปไหน* เงาดำพูดอย่างเย็นชา ดวงตาสีแดงฉายแสงสว่างออกมา ราวกับกำลังจะเผาทุกสิ่งที่สัมผัส
'มันต้องการอะไรจากเรา' ฟิวถาม แต่คำตอบกลับมาคือเสียงหัวเราะที่ก้องลั่น
มันไม่ใช่แค่การฆ่า... พวกเจ้ามาที่นี่เพราะมัน เงาดำนั้นเริ่มเคลื่อนที่ช้าๆ มันลอยมาหาพวกเขา ราวกับมองหาจังหวะที่จะเข้าจู่โจม
เจ็ทรู้ทันทีว่าไม่มีทางหนีอีกแล้ว สิ่งที่เขาต้องทำคือทำให้มันหยุดลง แต่เขารู้ดีว่าแค่มีดในมือจะไม่พอ เขาต้องทำบางอย่างที่เสี่ยงอันตรายสุดๆ
“มึง... เราต้องสู้” เจ็ทตัดสินใจเสียงหนักแน่น
'สู้ มึงบ้าป่ะ มันคือปีศาจ' ฟิวตอบเสียงสั่น ไม่สามารถทำใจยอมรับได้ แต่เมื่อเขามองไปที่เจ็ทที่เตรียมตัวลุย เขารู้ว่าถ้าไม่ทำอะไรพวกเขาก็จะตาย
“มันไม่ใช่ปีศาจธรรมดา...” เจ็ทกระซิบ “มันคือสิ่งที่ฉันตามหามานาน มันไม่สามารถฆ่าเราได้ง่ายๆ ถ้าเราทำถูกต้อง”
ฟิวไม่เข้าใจ 'ทำถูกต้อง ทำยังไง'
เจ็ทชะงักไปครู่หนึ่ง เขาจ้องมองเงาดำที่เริ่มยิ้มอย่างชั่วร้าย “มันมาจากอีกมิติหนึ่ง... มันตามหาผู้ที่กล้าเข้าไปในบ้านนี้เพื่อที่จะ... เปลี่ยนพวกเขาให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของมัน”
ก่อนที่ฟิวจะพูดอะไรต่อ เสียงกรีดร้องของสิ่งนั้นดังขึ้น กรงเล็บยาวแหลมพุ่งมาทางพวกเขาด้วยความเร็ว เจ็ทรีบกระโดดขวางฟิวและใช้มีดพับปัดกรงเล็บนั้นออกไป
“ระวัง!” เจ็ทร้องเตือนขณะที่ตัวเขาถูกกระแทกจนเซถอยหลังไป
ฟิวเกือบจะตกใจ แต่เขารู้ว่าถ้าไม่ทำอะไรพวกเขาก็จะไม่มีโอกาสรอด
“ฟิว... ทำตามที่บอก” เจ็ทบอกเสียงหนักแน่น ขณะพยายามลุกขึ้น
ฟิวมองไปรอบๆ เขาเห็นว่ามีบางสิ่งที่อาจช่วยพวกเขาได้—สายไฟเก่าที่ผูกอยู่ในมุมห้อง ดูเหมือนจะสามารถใช้เป็นเครื่องมือได้ เขารีบวิ่งไปที่มุมห้องนั้นและดึงมันออกมา
'เจ็ท กูมีแล้ว” ฟิวตะโกน
เจ็ทมองฟิวที่กำลังถือสายไฟในมือ “ดีมาก ตอนนี้... เตรียมพร้อมที่จะหนี"
ทันใดนั้น เงาดำพุ่งมาทางพวกเขาอีกครั้ง ฟิวและเจ็ทพยายามใช้สายไฟรัดมันไว้ แต่เงาดำนั้นไม่ยอมหยุด มันบิดตัวและร่างกายกลายเป็นเมือกดำเหนียวที่ทำลายทุกสิ่งที่สัมผัส
*พวกเจ้าคิดว่าจะหนีได้งั้นหรือ* เสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ฟิวกลับได้ยินเสียงบางอย่างดังออกมาจากปากของมัน
*เจ้าคงไม่เข้าใจ... ข้าเป็นส่วนหนึ่งของบ้านนี้(
และแล้วเจ็ทก็นึกออก “มันคือบ้านที่สร้างพลังให้มัน... บ้านนี้มีพลังที่หล่อเลี้ยงมันมา!”
เจ็ทตัดสินใจใช้สายไฟนั้นผูกกับสิ่งที่เขาพบในมุมห้อง—เหล็กเก่าที่วางไว้เหมือนสัญลักษณ์บางอย่างที่อาจจะปลดปล่อยพลังได้ เขาทำการเชื่อมต่อสายไฟให้เป็นวงจรไฟฟ้าและพยายามทำให้มันหลอมรวมพลัง
“ตอนนี้... ให้มันเจอพลังจากโลกนี้!” เจ็ทตะโกนขณะกดปุ่มสุดท้าย
"ฟู่ม!" ไฟฟ้ารุนแรงกระจายออกไป ร่างของเงาดำเริ่มสั่นคลอนก่อนที่จะเริ่มแตกสลาย
ฟิวตะโกน 'มันจะตายไหม'
เจ็ทตอบอย่างมั่นใจ “เราหยุดมันได้แล้ว... แต่มันจะไม่จบแค่นี้หรอก”
เมื่อเงาดำถูกทำลาย สิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น... ประตูทุกบานในบ้านกลับเปิดออกเอง สัญญาณการเปิดเผยบางอย่างถูกปลดล็อก สาระสำคัญบางอย่างถูกปล่อยออกมา และพวกเขารู้ดีว่า... การต่อสู้เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น
พอ\=ภพ
นอ\=อุ่นใจ
ภพ และ อุ่นใจ เป็นเพื่อนร่วมชั้นในโรงเรียนมัธยมศึกษา ทั้งสองมีความสนใจและความสามารถที่แตกต่างกัน แต่ด้วยความเข้าใจและความเมตตาต่อกัน ทำให้พวกเขาเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน
ภพ เป็นนักเรียนที่มีความสามารถในการเรียนและกีฬา เขาเป็นคนเงียบและไม่ชอบแสดงออก แต่ในใจเขามีความรู้สึกที่ลึกซึ้งและความเข้าใจโลกที่กว้างขวาง มีวิสัยทัศน์ที่ดีแต่กับเป็นคนที่เข้ากับเพื่อนได้ยากแต่กับกันเข้ากับอุ่นใจได้ง่าย
อุ่นใจ เป็นนักเรียนที่มีความสามารถในการศิลปะและการเขียน เธอเป็นคนอ่อนโยนและเมตตาต่อผู้อื่น แต่เธอก็ยังมีความกลัวในการแสดงออกและความไม่มั่นใจในตนเองจนคิดมากในหลายๆเรื่องภายนอกดูเฟรนลี่เข้ากับง่ายแต่ความจริงกลัวการเข้าหาคนมากๆสุดท้ายก็เข้าหาภพเพราะดูแตกต่างไปกับคนอื่น
ถ้าถามว่าเรามารู้จักกันได้ไงคงจะวันหนึ่งเราสองคนได้รักมอบหมายให้ทำงานร่วมกันในโครงการศิลปะ ผมได้รับมอบหมายให้เขียนบทความ ในขณะที่อุ่นใจได้รับมอบหมายให้วาดภาพ พวกเราทำงานร่วมกันจนได้เห็นมุมของอีกฝ่ายเอาผมเอ็นดูอุ่นใจจนอยากจะรับเป็นลูกด้วยซ้ำแต่อีกใจถ้าได้เป็นแฟนก็ดีเหมือนกันแต่มันคงเป็นแค่ความคิดของผมไม่รู้ว่าอุ่นใจคิดอะไรเหมือนกันอาจจะคิดแค่เพื่อนที่ทำงานร่วมกันก็ได้ผมได้แต่คิดไปเรื่อยแต่กลับอุ่นใจก็คิคเหมือนภพเพราะรู้สึกว่าภพมีความแตกต่างไปกับคนอื่นจนทำให้รู้สึกดีมากๆ
พวกเราสองคนได้คุยกันไปเรื่อยๆจนต่างฝ่ายต่างรู้กันว่าความรู้สึกครั้งนี้เหมือนกันเลยเริ่มเปิดใจต่อกันและแสดงออกต่อกัน จนตัดสินใจที่จะคบหากัน มันเป็นการตัดสินใจที่ดีมากๆ พวกเราได้คบกันมาเรื่อยๆจนถึงวันที่พวกเราจบการศึกษา เราสองคนสัญญาว่าจะไม่ทิ้งกัน....
จนมาวันหนึ่งผมกับอุ่นใจตกลงกันว่าจะเดินทางแยกกันเพราะผมไปส่งไม่ได้เพราะมีงานที่ต้องจนไม่มีเวลานะตอนนั้นอุ่นใจก็เข้าใจเลยจะเดินทางไปเองผมก็โอเคบอกอุ่นใจให้เดินทางดีๆ ผ่านไปหลายชั่วโมงก็ไม่มีข้อความของอุ่นใจจนผมคิดมากว่าอุ่นใจจะงอนผมมั้ยผมก็เลยทักไปหาหลายข้อความแล้วผมก็กลับมาทำงานผ่านไปหลายนาทีก็ไม่ตอบกลับซักทีจนมีสายหนึ่งโทรมาแล้วถามว่า "สวัสดีค่ะใช่ญาติของคุณอุ่นใจมั้ยคะ คือตอนนี้ได้เกิดอุบัติเหตุรถชนกับเสาไฟฟ้าจนเสียชีวิตคาที่ค่ะ" ผมได้ยินประโยคนี้ไปทำให้ผมร้องไห้ออกมาไม่หยุดเราสองคนสัญญาว่าจะไม่ทิ้งกันไงแต่ทำไมเธอทิ้งผมไปก่อนแล้วล่ะ...
ผ่านไปหลายปี
มันก็นานแล้วเหมือนกันที่เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นแต่ผมก็รักเค้าเหมือนเดิมทุกวันครบรอบผมจะเอาดอกไม่ที่อุ่นใจชอบไปไว้ที่หน้าหลุมศพแล้วพูดคุยกับเค้าเรื่องชีวิตของผมนิดหน่อย และผมจะตอบตอนกลับทุกรอบว่า "จะรักตลอดไปไม่ว่าจะอย่างไร"
พอ\=คิน
นอ\=ภาค
"สายลม" เคยเป็นสิ่งที่คินมองว่าไร้ทิศทาง มันพัดพาเขาไปทั่วทุกมุมโลก แต่เขาไม่เคยรู้สึกถึง "บ้าน" สักครั้ง จนกระทั่งเขาได้พบกับ "ภาค" ชายหนุ่มที่เปรียบเสมือนเข็มทิศในชีวิตของเขา
การพบเจอ
คิน นักดนตรีหนุ่มผู้รักอิสระ เดินทางมาที่หมู่บ้านชนบทเล็กๆ เพื่อหนีจากความวุ่นวายของชีวิตในเมืองใหญ่ ขณะที่เดินเล่นริมแม่น้ำ เขาได้เจอกับภาค สถาปนิกผู้มีบุคลิกเคร่งขรึม ภาคมาที่นี่เพื่อฟื้นฟูบ้านโบราณที่เคยเป็นมรดกของครอบครัว
ครั้งแรกที่พบกัน คินกับภาคมีความเห็นไม่ตรงกันเกี่ยวกับการออกแบบบ้าน คินมองว่าบ้านควรสะท้อนจิตวิญญาณของอดีต แต่ภาคเชื่อว่าความสมบูรณ์แบบคือความทันสมัย แม้จะเริ่มต้นจากการถกเถียง แต่ทั้งสองกลับรู้สึกได้ถึงบางสิ่งที่ดึงดูดให้พวกเขาอยากเรียนรู้กันและกัน
ในวันต่อมา คินและภาคพบกันบ่อยขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ คินพาภาคไปรู้จักกับวิถีชีวิตชาวบ้าน เช่น การทำอาหารพื้นบ้าน การเล่นดนตรีพื้นเมือง และการนั่งมองดาวบนทุ่งนา ความต่างของพวกเขาเริ่มเติมเต็มซึ่งกันและกัน
คินเริ่มสอนภาคให้ผ่อนคลายจากตารางชีวิตที่ตึงเครียด ส่วนภาคช่วยให้คินมองเห็นมุมที่มั่นคงและเป้าหมายในชีวิต
นานวันเมื่อคินเริ่มสนิทกับภาคมากขึ้น เขาพบว่าภาคมีความเจ็บปวดที่ซ่อนอยู่ ภาคเคยสูญเสียน้องชายจากอุบัติเหตุเมื่อหลายปีก่อน ทำให้เขารู้สึกผิดและพยายามชดเชยด้วยการทำงานหนักเกินไป
คินก็ได้เริ่มเปิดใจเล่าเรื่องของตัวเองว่าชีวิตการเดินทางไม่ใช่ความสุขที่แท้จริง แต่เป็นการหนีจากความผิดหวังในอดีตเช่นกัน เขาเคยล้มเหลวกับวงดนตรีที่สร้างมาด้วยความฝัน
สายลมแห่งความเปลี่ยนแปลง
เมื่อเวลาผ่านไป คินแต่งเพลงที่ชื่อ "สายลมสองภาค" เพื่อเล่าถึงมิตรภาพและการเดินทางร่วมกัน เพลงนี้ช่วยให้ภาคเปิดใจและเริ่มเห็นคุณค่าในสิ่งเล็กๆ รอบตัว
ในขณะเดียวกัน คินต้องเผชิญกับโอกาสใหญ่ที่เข้ามา บริษัทดนตรีในเมืองเสนอสัญญาให้เขา แต่การยอมรับข้อเสนอนี้หมายถึงการจากลา
มันมาถึงจุดเปลี่ยนของชีวิต...
คินและภาคทะเลาะกันครั้งใหญ่ เพราะภาครู้สึกว่าคินจะทิ้งทุกอย่างไปอีกครั้ง ขณะที่คินมองว่าภาคไม่เข้าใจความฝันของเขา
ในที่สุด คินเลือกที่จะจากไป แต่เมื่อเขาเริ่มเดินทาง เขากลับรู้สึกว่าความสัมพันธ์กับภาคคือสิ่งที่เติมเต็มชีวิตเขาอย่างแท้จริงเขารู้สึกว่าเขาคงเลือกทางที่ผิดที่สุดท้ายต้องทิ้งภาคไป
หลายเดือนต่อมา ภาคยังคงใช้ชีวิตที่หมู่บ้าน โดยบ้านโบราณใกล้เสร็จสมบูรณ์ วันหนึ่งเสียงดนตรีลอยมาจากริมน้ำ เมื่อภาคออกไปดู เขาพบว่าคินกลับมา พร้อมกีตาร์ตัวเก่าที่เขารัก
"ผมเดินทางมาทั่วทุกภาคของโลก แต่สุดท้าย...ผมว่าที่นี่คือบ้าน"
ภาคยิ้ม และนี่คือจุดเริ่มต้นของบทใหม่ในชีวิตของทั้งคู่ สายลมที่เคยไร้ทิศทางของคิน บัดนี้พัดพาเขากลับมาสู่ที่ที่เขาควรอยู่
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!