เสียงลมหวีดหวิวพัดผ่านใบไม้ในป่ารกชัฏ ชายหนุ่มคนหนึ่งนอนแน่นิ่งอยู่กลางพื้นดิน ใบหน้าของเขาซีดเซียวเหมือนคนเพิ่งฟื้นจากความตาย
“อืม… ทำไมปวดหัวแบบนี้…” ชายหนุ่มลืมตาขึ้นช้าๆ ก่อนจะมองรอบตัวด้วยสายตาสับสน
“นี่มันที่ไหน?” เขาพึมพำ เสียงของเขาแหบพร่า
ทันใดนั้น เสียงกลไกประหลาดก็ดังขึ้นในหัว
> “ติ๊ง! ยินดีต้อนรับสู่ระบบผู้แข็งแกร่งแห่งยุทธภพ!”
“ระบบ? ผู้แข็งแกร่ง? นี่มันอะไร? ฉันกำลังฝันอยู่เหรอ?” เขาขมวดคิ้ว แต่ก่อนจะได้คิดอะไรมาก เสียงนั้นก็พูดต่อ
> “เจ้าถูกเลือกให้เกิดใหม่ในยุทธจักร! เป้าหมายของเจ้าคือการเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดในยุทธภพ! ข้าคือระบบที่จะช่วยให้เจ้าบรรลุเป้าหมายนี้!”
ชายหนุ่มนิ่งไปชั่วครู่ ความทรงจำค่อยๆ ไหลย้อนกลับมา ชื่อของเขาในชาติก่อนคือ "ลูคัส" พนักงานบริษัทธรรมดาที่ถูกตู้เย็นตกใส่หัวจนตายอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ตอนนี้เขาอยู่ในโลกใหม่ แถมยังมีเสียงประหลาดในหัว
“เจ้าบอกว่าจะช่วยข้า? แล้วจะช่วยยังไง?” ลูคัสถามกลับด้วยน้ำเสียงแปลกใจ
> “ข้าจะมอบภารกิจให้เจ้า หากเจ้าทำสำเร็จ เจ้าจะได้รับรางวัลที่จะช่วยให้เจ้าฝึกฝนและเอาตัวรอดในยุทธภพนี้ได้”
> “และภารกิจแรกของเจ้าคือ…”
ทันใดนั้น ข้อความโปร่งแสงก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า
> "ภารกิจที่ 1: ฝึกวิทยายุทธ์พื้นฐานให้สำเร็จภายใน 7 วัน! มิฉะนั้น เจ้าจะถูกลดค่าความแข็งแกร่งจนกลายเป็นคนไร้ค่า!"
"ลดค่าความแข็งแกร่งจนกลายเป็นคนไร้ค่า?! มันจะโหดไปแล้ว!" ลูคัสโวยวาย
> “นี่เป็นโอกาสของเจ้า! หากสำเร็จ เจ้าจะได้รับทักษะพื้นฐาน ‘ลมปราณแรกเริ่ม’ และ 10 เหรียญยุทธจักร!”
“เอาล่ะๆ ไม่มีทางเลือกสินะ…” ลูคัสถอนหายใจ เขาลุกขึ้นยืน แม้จะยังปวดหัวและรู้สึกแปลกๆ กับร่างกายนี้
ขณะที่เขากำลังสำรวจตัวเอง เสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามา ลูคัสหันไปมอง พบว่ากลุ่มชายฉกรรจ์ประมาณห้าคนกำลังเดินมาทางเขา สีหน้าของพวกเขาดูไม่เป็นมิตร
“เฮ้ เจ้านั่น! เจ้ากล้าบุกเข้ามาในเขตของเราได้ยังไง?” ชายฉกรรจ์คนหนึ่งตะโกนพลางชักดาบออกมา
ลูคัสใจเต้นรัว “นี่มันเรื่องบ้าอะไรอีก!?”
> “คำเตือน: ศัตรูกำลังเข้าใกล้ ระบบแนะนำให้เจ้าหนี หรือหากต่อสู้ ควรใช้ก้อนหินที่พื้นเป็นอาวุธ!”
“ก้อนหิน?! เจ้าคิดว่าข้าจะทำอะไรได้ด้วยก้อนหิน?” ลูคัสสบถ
แต่ไม่มีเวลาให้คิดนาน ชายฉกรรจ์คนหนึ่งพุ่งเข้ามาหาเขาพร้อมกับฟาดดาบใส่ ลูคัสเบี่ยงตัวหลบอย่างหวุดหวิดและหยิบก้อนหินขึ้นมาตามคำแนะนำ
“เจ้านี่ช่างบ้าบิ่นนัก!” ลูคัสสบถก่อนจะปาใส่หน้าศัตรูอย่างสุดแรง
ก่อนที่สถานการณ์จะเลวร้ายกว่านี้ เสียงแหลมคมของกระบี่ดังขึ้นกลางอากาศ
ฉัวะ!
ชายฉกรรจ์คนแรกถูกฟันจนล้มลง หญิงสาวในชุดกระโปรงยาวสีฟ้าปรากฏตัวขึ้น เธอถือกระบี่ในมือและมีแววตาเย็นชา
“เจ้าอ่อนแอเกินไป ข้าเห็นเจ้าแล้วอดสงสารไม่ได้” เธอพูดเสียงเรียบ
ลูคัสมองเธอด้วยความประหลาดใจ “ใครกัน… เจ้าเป็นใคร?”
“ข้าคือ ลี่ชูเหยียน จอมยุทธ์จากพรรคฟ้าคราม เจ้าคงต้องขอบคุณข้าที่ช่วยชีวิตเจ้าไว้”
> “ติ๊ง! การพบเจอลี่ชูเหยียนเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางแห่งยุทธจักรของเจ้า! ภารกิจลับ: พิชิตใจลี่ชูเหยียน!”
ลูคัสได้ยินคำสุดท้ายของระบบก็แทบจะร้องไห้ “เจ้าบอกให้ข้าพิชิตใจหญิงสาวเย็นชาแบบนี้? เจ้าบ้าไปแล้ว!”
หลังจากสถานการณ์ชุลมุนจบลง ลี่ชูเหยียนถอนกระบี่กลับเข้าฝักอย่างสง่างาม เธอหันมามองซ่งหลิน (หรือในอดีตคือลูคัส) ด้วยสายตาที่เหมือนกำลังประเมินเขา
“เจ้าคนซื่อบื้อเช่นเจ้า คิดอย่างไรถึงกล้ามาเดินเตร็ดเตร่ในเขตนี้คนเดียว?” น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความเย็นชา
ซ่งหลินอ้ำอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจตอบด้วยรอยยิ้มเจื่อน “ข้า… เอ่อ… ข้าแค่หลงทางน่ะ...”
“หลงทาง? ที่นี่คือป่าทมิฬ เขตอันตรายที่เต็มไปด้วยโจรร้ายและสัตว์อสูร เจ้าไม่รู้เลยหรือ?”
“เอ่อ... รู้...” ซ่งหลินพูดเบาๆ ก่อนจะได้ยินเสียงในหัวของเขาดังขึ้นอีกครั้ง
> "ติ๊ง! ภารกิจใหม่: ตอบคำถามลี่ชูเหยียนโดยไม่ถูกด่าว่าโง่เขลา! หากล้มเหลว เจ้าจะเสียค่าความน่าเชื่อถือ!"
“อะไรอีกเนี่ย!?” ซ่งหลินคิดในใจอย่างตื่นตระหนก ก่อนจะรีบหาคำตอบที่ดูไม่ไร้สาระ
“ข้า… ข้ามาเพราะได้ยินว่ามีสมบัติอยู่ในป่านี้ ข้าคิดจะลองเสี่ยงดู...”
ลี่ชูเหยียนเลิกคิ้วมองเขา “สมบัติ? เจ้าคิดว่าคนไร้พลังเช่นเจ้าจะหามันเจอหรือ?”
ซ่งหลินได้แต่ยิ้มแห้งๆ ระบบก็ดังขึ้นในหัวอีกครั้ง
> "ติ๊ง! เจ้าได้รับคำด่าว่า ‘คนไร้พลัง’ ความน่าเชื่อถือ -10!"
“เดี๋ยวก่อน! นี่ระบบหรือศัตรูในคราบเพื่อน?” ซ่งหลินบ่นในใจ
ลี่ชูเหยียนถอนหายใจ “ช่างเถอะ ข้าคงปล่อยเจ้าไว้ที่นี่ไม่ได้ ไม่เช่นนั้นเจ้าคงตายเพราะความโง่เง่า…”
เธอเดินนำหน้าไป โดยไม่ได้ถามซ่งหลินว่าจะตามมาหรือไม่
“นี่! เดี๋ยวก่อนสิ! ข้ายังไม่ได้บอกว่าจะไปกับเจ้าเลย!” ซ่งหลินร้องเรียก แต่ขากลับก้าวตามเธอไปโดยไม่รู้ตัว
> "ติ๊ง! เจ้าตัดสินใจเดินทางร่วมกับลี่ชูเหยียน! ความสัมพันธ์: เป็นเพื่อนร่วมทางชั่วคราว!"
ระหว่างการเดินทาง ซ่งหลินได้แต่จ้องมองหญิงสาวตรงหน้า เธอมีรูปลักษณ์งดงามที่ยากจะละสายตา แต่เขาก็รู้ว่าตัวเองคงไม่มีโอกาสเข้าใกล้เธอได้ง่ายๆ
“เจ้าจ้องอะไร?” ลี่ชูเหยียนถามโดยไม่หันกลับมา น้ำเสียงของเธอเย็นเฉียบ
“เอ่อ… ไม่มีอะไร! ข้าแค่สงสัย… เจ้าเก่งขนาดนี้ ทำไมถึงมาช่วยคนอย่างข้าล่ะ?” ซ่งหลินรีบเบี่ยงเบนความสนใจ
“ข้าไม่ได้ช่วยเจ้าเพราะเห็นว่าเจ้ามีค่าหรอก” ลี่ชูเหยียนตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ “ข้าแค่ไม่อยากให้โจรชั่วพวกนั้นได้ประโยชน์จากการปล้นคนอ่อนแอเช่นเจ้า”
คำพูดนั้นทำให้ซ่งหลินสะอึกไปครู่หนึ่ง “นี่มันคำชม หรือดูถูกกันแน่?”
> "ติ๊ง! เจ้าถูกลี่ชูเหยียนดูถูก ความน่าเชื่อถือ -5!"
“ข้าไม่รู้ว่าเจ้าคิดอะไรอยู่ แต่ถ้าเจ้าต้องการมีชีวิตรอดในยุทธภพ เจ้าต้องเลิกทำตัวเป็นภาระ และเริ่มฝึกฝนอย่างจริงจัง” เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
ซ่งหลินพยักหน้าอย่างขมขื่น “เข้าใจแล้ว ข้าจะพยายาม…”
ในค่ำคืนแรกของการเดินทาง ลี่ชูเหยียนสั่งให้ซ่งหลินเริ่มฝึกพื้นฐานของวิทยายุทธ์
“นั่งสมาธิ และโคจรลมปราณในร่างเจ้า ข้าจะดูว่าเจ้ามีพรสวรรค์หรือไม่” เธอสั่งอย่างเคร่งครัด
“ลมปราณ? โคจร? ข้าไม่รู้ว่าต้องทำยังไง…”
“เจ้าก็แค่ทำตามที่ข้าบอก หายใจเข้าออกช้าๆ และพยายามสัมผัสพลังในร่างกายเจ้า”
ซ่งหลินทำตามคำสั่ง เขานั่งไขว่ห้าง หลับตา และเริ่มหายใจเข้าออกช้าๆ
> "ติ๊ง! เจ้าเริ่มต้นฝึกฝนลมปราณ! ภารกิจ: โคจรลมปราณรอบแรกสำเร็จ!"
อย่างไรก็ตาม ทุกครั้งที่เขาพยายามโคจรลมปราณ มันกลับรู้สึกเหมือนบางอย่างในร่างกายขัดขวาง
“ข้าไม่รู้สึกอะไรเลย… หรือข้าจะไร้พรสวรรค์จริงๆ?” ซ่งหลินพูดขึ้นอย่างหมดหวัง
ลี่ชูเหยียนถอนหายใจ “เจ้ามันโง่เง่าเกินไป… ข้าจะช่วยเจ้าอีกครั้ง” เธอนั่งลงข้างๆ และวางมือบนหลังเขา
พลังลมปราณจากลี่ชูเหยียนถูกส่งผ่านเข้ามาในร่างของซ่งหลิน ทำให้เขารู้สึกถึงกระแสพลังบางอย่างเป็นครั้งแรก
“นี่มัน… ข้ารู้สึกได้แล้ว!” ซ่งหลินร้องอย่างดีใจ
“อย่าดีใจเร็วเกินไป เจ้าแค่สัมผัสมันได้ ยังไม่สามารถควบคุมมันได้”
ซ่งหลินตั้งสมาธิต่อ เขาค่อยๆ โคจรพลังในร่างกายอย่างช้าๆ จนในที่สุด เสียงของระบบก็ดังขึ้น
> "ติ๊ง! เจ้าสำเร็จการโคจรลมปราณครั้งแรก! ได้รับค่าประสบการณ์ 50 หน่วย และวิชาลมปราณระดับพื้นฐาน!"
“สำเร็จแล้ว!” ซ่งหลินยิ้มกว้าง
ลี่ชูเหยียนมองเขาด้วยสายตาที่ประหลาดใจ “เจ้านี่ก็ไม่ไร้ค่าทั้งหมด… แต่ยังต้องฝึกอีกมาก”
คืนแรกในยุทธภพ
หลังจากฝึกฝนลมปราณจนสำเร็จขั้นพื้นฐาน ซ่งหลินรู้สึกเหนื่อยล้าอย่างมาก เขาเอนตัวพิงต้นไม้ หายใจแรงพลางเช็ดเหงื่อออกจากหน้าผาก
“แค่พื้นฐานก็ดูดพลังชีวิตไปเยอะขนาดนี้เลยเหรอ?” เขาพึมพำ
> “ติ๊ง! เจ้าสำเร็จภารกิจแรก: โคจรลมปราณรอบแรก! ได้รับรางวัล: 10 เหรียญยุทธจักร และ ‘ตำราฝึกฝนขั้นต้น’”
เสียงระบบดังขึ้น ซ่งหลินกะพริบตาเมื่อเห็นหนังสือเล่มเล็กปรากฏขึ้นในมือ เขารีบเปิดอ่านและพบว่ามันเต็มไปด้วยเทคนิคพื้นฐานที่สามารถช่วยให้การฝึกฝนของเขาก้าวหน้าเร็วขึ้น
“โอ้! นี่มันสุดยอดเลย!”
ลี่ชูเหยียนที่นั่งอยู่ข้างๆ มองมาที่เขาด้วยสายตาเย็นชา “เจ้าดีใจเกินไปแล้ว มันก็แค่ขั้นพื้นฐานเท่านั้น”
ซ่งหลินหัวเราะแห้งๆ ก่อนจะเก็บตำราเข้าชุดเสื้อของเขา “ข้ารู้ๆ แต่สำหรับคนที่ไม่เคยฝึกฝนอะไรมาก่อน นี่มันความก้าวหน้าครั้งใหญ่เลยนะ”
ลี่ชูเหยียนไม่ตอบอะไร เธอเพียงหลับตาและนั่งสมาธิ ฝึกโคจรลมปราณของตัวเองต่อ
ซ่งหลินหันมองรอบๆ ป่าแห่งนี้มืดสนิท มีเสียงแมลงร้องและเสียงลมพัดผ่านกิ่งไม้ ทำให้บรรยากาศดูเงียบสงบแต่แฝงไปด้วยความน่ากลัว
> "ติ๊ง! ภารกิจใหม่: เอาตัวรอดจากค่ำคืนแรกโดยไม่ถูกสัตว์อสูรโจมตี!"
ซ่งหลินสะดุ้ง “เดี๋ยว! สัตว์อสูร?”
ในขณะที่ซ่งหลินกำลังสงสัย เสียงฝีเท้าหนักๆ ดังขึ้นจากพุ่มไม้ด้านหลัง
กรร…!
เสียงคำรามต่ำดังขึ้น พร้อมกับเงาสีดำที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
ซ่งหลินรีบหันไปมองและพบว่ามี หมาป่าเงาทมิฬ ตัวหนึ่งกำลังจ้องมองเขาด้วยดวงตาแดงก่ำ ฟันของมันแหลมคมและมีไอเย็นกระจายออกมาเบาๆ
“ระบบ! เจ้าช่วยข้าหน่อยได้ไหม!?” ซ่งหลินตะโกนในใจ
> “คำแนะนำ: เจ้าสามารถใช้ก้อนหินเพื่อขัดขวาง หรือไม่ก็วิ่งหนีให้เร็วที่สุด!”
“อีกแล้วเรอะ!? ทำไมข้ามีแต่ทางเลือกแย่ๆ แบบนี้!”
หมาป่ากระโจนเข้าหาเขาอย่างรวดเร็ว ซ่งหลินแทบไม่มีเวลาคิด เขาคว้าก้อนหินจากพื้นแล้วปาใส่หน้ามันเต็มแรง
ปั้ก!
หมาป่าชะงักไปชั่วขณะ ก่อนจะคำรามอย่างเกรี้ยวกราดยิ่งขึ้น
“โอ้โห! มันแค่โกรธขึ้นไปอีก!” ซ่งหลินร้องลั่น
ทันใดนั้น ลี่ชูเหยียนที่กำลังนั่งสมาธิก็ลืมตาขึ้น เธอขมวดคิ้วก่อนจะถอนหายใจแล้วลุกขึ้นยืน “เจ้ามันช่างหาสารพัดเรื่องมาให้จริงๆ”
เธอชักกระบี่ออกมาอย่างรวดเร็ว และในพริบตาเดียว กระบี่ของเธอก็วาดเส้นแสงสีฟ้าสะท้อนแสงจันทร์ออกมา
ฉัวะ!
ก่อนที่ซ่งหลินจะกะพริบตาทัน หมาป่าเงาทมิฬก็ถูกฟันขาดเป็นสองท่อน เลือดสาดกระเซ็นลงพื้น
> "ติ๊ง! เจ้าได้เห็น ‘กระบี่สายลมจันทรา’ ของลี่ชูเหยียน ค่าความเคารพ +10"
ซ่งหลินอ้าปากค้าง “...ข้าควรฝึกให้หนักขึ้น”
เช้าวันใหม่
หลังจากเหตุการณ์เมื่อคืน ซ่งหลินตื่นขึ้นมาพร้อมกับความปวดเมื่อยไปทั้งตัว
ลี่ชูเหยียนกำลังยืนอยู่ใกล้กองไฟ มองเขาด้วยสายตาเฉยเมย “เจ้าตื่นแล้วสินะ”
ซ่งหลินยืดตัวก่อนจะพยักหน้า “ใช่… ข้าควรฝึกฝนให้มากขึ้น ไม่งั้นข้าคงรอดไม่ได้แน่ๆ”
ลี่ชูเหยียนพยักหน้าช้าๆ “อย่างน้อยเจ้าก็เข้าใจเรื่องนี้”
> "ติ๊ง! ภารกิจเสร็จสิ้น: เอาตัวรอดจากค่ำคืนแรก! ได้รับรางวัล: 20 เหรียญยุทธจักร และ ‘เทคนิควิ่งหลบระดับพื้นฐาน’”
ซ่งหลินยิ้ม “ดีเลย! อย่างน้อยข้าก็ไม่ต้องวิ่งหนีแบบสะเปะสะปะอีกแล้ว!”
“เราออกเดินทางกันเถอะ” ลี่ชูเหยียนพูดพร้อมกับเดินนำไปก่อน
ซ่งหลินมองเธออยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มบางๆ แม้ว่าเขาจะยังอ่อนแอ แต่เขาก็มั่นใจว่าการเดินทางครั้งนี้จะทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้น
“ยุทธภพ... จงเตรียมตัวไว้เถอะ! ข้าจะเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดให้ได้!”
รุ่งเช้าในป่าทมิฬ
ซ่งหลินเดินตามลี่ชูเหยียนออกจากป่าทมิฬ แสงอาทิตย์อ่อนๆ ส่องผ่านกิ่งไม้ ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นเช้าวันใหม่ที่สดใส… ถ้าหากว่าเขาไม่ปวดเมื่อยไปทั้งตัว
“อ๊าก… ข้าปวดไปหมด” ซ่งหลินบ่นพร้อมยืดเส้นยืดสาย “นี่แค่ฝึกขั้นพื้นฐานแท้ๆ ทำไมมันหนักขนาดนี้”
ลี่ชูเหยียนเดินอยู่ข้างหน้าโดยไม่หันกลับมา “เพราะเจ้ามันอ่อนแอ”
ซ่งหลินสะดุ้ง “โอ๊ยยย เจ้าไม่ต้องพูดตรงขนาดนั้นก็ได้!”
> "ติ๊ง! เจ้าถูกลี่ชูเหยียนดูถูกอีกครั้ง ค่าความเคารพ -5!"
“บ้าเอ๊ย! ระบบ! เจ้าจะหักค่าความเคารพของข้าไปถึงไหน!?”
> "คำแนะนำ: หากเจ้าต้องการให้ลี่ชูเหยียนเคารพเจ้า จงแสดงความแข็งแกร่งของตัวเอง"
ซ่งหลินกลอกตา “ง่ายๆ แค่แข็งแกร่งขึ้นสินะ? ฟังดูไม่ยาก… ถ้าไม่นับว่าเจ้าให้ข้าเริ่มจากศูนย์!”
หลังจากเดินทางมาครึ่งวัน ในที่สุดซ่งหลินก็เห็นเมืองแห่งแรกที่พวกเขาจะไปถึง เมืองชิงหลัว
ที่นี่เป็นเมืองขนาดกลาง ตั้งอยู่ใกล้ชายแดนของยุทธภพ มีโรงเตี๊ยม ตลาด และสำนักยุทธ์หลายแห่ง เป็นจุดพักของจอมยุทธ์ก่อนออกเดินทางสู่ดินแดนอันตราย
ซ่งหลินยิ้มกว้าง “ในที่สุด! อารยธรรม! อาหาร! ที่นอนนุ่มๆ!”
ลี่ชูเหยียนหันมามองเขาด้วยสายตาเย็นชา “ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่สร้างปัญหานะ”
“เฮ้! ข้าออกจะเป็นคนเรียบร้อย เจ้าคิดว่าข้าจะทำอะไรได้?”
> "ติ๊ง! ภารกิจใหม่: หาที่พักและอาหารในเมืองชิงหลัวโดยไม่ทำให้ตัวเองเป็นเป้าหมายของปัญหา!"
ซ่งหลินนิ่งไปชั่วขณะก่อนจะถอนหายใจ “ทำไมระบบต้องมีเงื่อนไขแบบนี้ด้วย…”
หลังจากเข้ามาในเมือง ซ่งหลินและลี่ชูเหยียนก็มุ่งหน้าไปยัง โรงเตี๊ยมเมฆาขาว ซึ่งเป็นโรงเตี๊ยมขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงเรื่องอาหารอร่อย
“ขอห้องหนึ่งห้อง และอาหารสองที่” ลี่ชูเหยียนพูดกับเจ้าของโรงเตี๊ยม
ซ่งหลินได้ยินก็ตาโต “สองที่? เจ้าจะเลี้ยงข้าหรือ!?”
ลี่ชูเหยียนเลิกคิ้วมอง “ไม่ เจ้าจ่ายเอง”
“…ข้าไม่มีเงิน” ซ่งหลินพูดเบาๆ
> "ติ๊ง! คำเตือน: เจ้าควรหาวิธีจ่ายค่าอาหาร มิฉะนั้น อาจต้องล้างจานเป็นค่าแรง!"
ซ่งหลินหน้าซีด “ระบบ! เจ้าช่วยข้าไม่ได้เลยรึไง!?”
> "ทางเลือกที่ 1: ทำงานชั่วคราวเพื่อแลกเงิน"
"ทางเลือกที่ 2: เดิมพันประลองยุทธ์"
"ทางเลือกที่ 3: ขโมยเงิน (ขอแนะนำว่าอย่า)"
“…ข้ามีตัวเลือกจริงๆ แค่สองข้อสินะ”
ซ่งหลินเดินออกจากโรงเตี๊ยมแล้วมุ่งหน้าไปที่ลานประลองยุทธ์ขนาดเล็กซึ่งเป็นสถานที่สำหรับจอมยุทธ์มาทดสอบฝีมือกัน
“หากเจ้าชนะในการประลอง เจ้าจะได้รับรางวัลเป็นเงินทอง”
ซ่งหลินลังเล “แต่ข้ายังอ่อนแออยู่นะ… ขืนขึ้นไปประลองคงโดนอัดเละ…”
ขณะที่กำลังครุ่นคิด ชายหนุ่มคนหนึ่งก็เดินเข้ามาหา เขาแต่งกายหรูหรา หน้าตาโอ่อ่า แต่สีหน้ากลับเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง
“เฮ้ เจ้า! ดูจากท่าทางแล้ว เจ้าเป็นแค่จอมยุทธ์มือใหม่ใช่ไหม?”
ซ่งหลินเหลือบมองชายคนนั้นก่อนจะพยักหน้า “ใช่ มีอะไรหรือ?”
“ข้าคือ เซี่ยหวัง จากสำนักกระบี่วายุ เจ้าสนใจจะเดิมพันกับข้าหรือไม่?”
ซ่งหลินเลิกคิ้ว “เดิมพันยังไง?”
เซี่ยหวังยิ้มกริ่ม “ข้าจะประลองกับเจ้า ถ้าเจ้าชนะ ข้าจะให้เงินเจ้า 50 เหรียญยุทธจักร แต่ถ้าเจ้าสู้แพ้ เจ้าต้องล้างเท้าให้ข้าเป็นเวลา 3 วัน!”
ซ่งหลินสะอึก “เจ้ามันบ้าหรือไง!?”
> "ติ๊ง! ภารกิจลับ: เอาชนะเซี่ยหวัง! หากล้มเหลว เจ้าจะเสียเกียรติอย่างใหญ่หลวง!"
ซ่งหลินสูดลมหายใจลึก “บ้าชะมัด… แต่ข้าต้องการเงิน!”
เซี่ยหวังก้าวขึ้นไปบนลานประลอง หยิบกระบี่ของเขาขึ้นมาอย่างมั่นใจ “เจ้าพร้อมหรือยัง?”
ซ่งหลินกลืนน้ำลาย เขาหันไปกระซิบกับระบบในใจ
“ระบบ! เจ้าช่วยอะไรข้าได้บ้าง!?”
> "คำแนะนำ: เจ้าสามารถใช้ ‘เทคนิควิ่งหลบระดับพื้นฐาน’ เพื่อหลบการโจมตี และหาโอกาสสวนกลับ"
ซ่งหลินขมวดคิ้ว “เข้าใจแล้ว! ข้าต้องถ่วงเวลาแล้วหาจังหวะดีๆ!”
เซี่ยหวังยิ้มเยาะ “เจ้าคิดจะวิ่งหนีอย่างเดียวหรือ? ข้าจะทำให้เจ้ารู้ว่ายุทธภพนี้ไม่ได้มีที่ยืนให้พวกอ่อนแอ!”
เขาฟาดกระบี่ลงมาด้วยความรวดเร็ว แต่ซ่งหลินใช้ทักษะวิ่งหลบของเขาหลบออกข้างอย่างฉิวเฉียด
> "ติ๊ง! เจ้าหลบการโจมตีได้! ค่าประสบการณ์ +10!"
เซี่ยหวังขมวดคิ้ว “หนีเก่งนักนะ… แต่ดูซิว่ามันจะช่วยเจ้าได้นานแค่ไหน!”
การประลองยังคงดำเนินต่อไป และซ่งหลินต้องใช้ทุกอย่างที่เขามีเพื่อเอาชนะให้ได้!
ลานประลองกลางเมืองชิงหลัว
เซี่ยหวังจับกระบี่แน่น ดวงตาของเขาฉายแววเย้ยหยัน "
ซ่งหลินยืนหอบอยู่ห่างออกไปสองก้าว เสื้อของเขาเต็มไปด้วยฝุ่นและรอยขีดข่วน แม้จะใช้ "เทคนิควิ่งหลบระดับพื้นฐาน" เพื่อหลบการโจมตีมาได้หลายครั้ง แต่ร่างกายของเขาก็เริ่มอ่อนล้า
> "ติ๊ง! พลังงานของเจ้าลดลง 20%! แนะนำให้หาทางโจมตีกลับ!"
"ระบบ! ข้ามีแค่ทักษะหลบหลีก จะให้ข้าตอบโต้ยังไง!?" ซ่งหลินบ่นในใจ
> "คำแนะนำ: ใช้ความเร็วและไหวพริบของเจ้าเพื่อสร้างโอกาสโจมตี"
“...ช่วยบอกให้ชัดกว่านี้ได้ไหม!?”
เซี่ยหวังไม่ปล่อยให้ซ่งหลินได้พัก เขาพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูง กระบี่ของเขาฟาดลงมาด้วยแรงมหาศาล
ฟึ่บ!
ซ่งหลินเบี่ยงตัวหลบไปด้านข้างฉิวเฉียด
“เจ้ามันก็แค่หนูวิ่งหนีไปมาเท่านั้น!” เซี่ยหวังคำราม ก่อนจะเปลี่ยนกระบวนท่า กระบี่ของเขาพลิ้วไหวราวกับสายลม
ซ่งหลินเห็นแล้วขนลุก "หมอนี่ไม่ใช่กระจอกเลย!"
> "ติ๊ง! เซี่ยหวังใช้ ‘กระบวนท่าวายุหมุน’ เจ้าจะถูกโจมตีแน่นอนหากไม่หาทางตอบโต้!"
"ให้ตายเถอะ! ข้าคงต้องเสี่ยงแล้ว!"
ซ่งหลินรู้ดีว่าเขาไม่มีทักษะโจมตี แต่เขาเริ่มสังเกตจังหวะของเซี่ยหวัง ทุกครั้งที่อีกฝ่ายฟาดกระบี่ลงมา จะมีช่วงเสี้ยววินาทีที่การเคลื่อนไหวหยุดชะงัก
“ถ้าข้าสามารถใช้ความเร็วของข้ากับจังหวะนั้นได้…”
ซ่งหลินสูดลมหายใจลึก ก่อนจะเริ่มเคลื่อนที่ไปมาในสนาม
> "ติ๊ง! เจ้าใช้กลยุทธ์ ‘ล่อศัตรูให้เหนื่อย’ ค่าความฉลาด +5"
เซี่ยหวังเริ่มแสดงสีหน้าหงุดหงิด “เจ้านี่มันกวนประสาทนัก!”
เขาเร่งความเร็วแล้วพุ่งเข้าหาซ่งหลินด้วยกระบวนท่าสุดท้าย
"ตอนนี้แหละ!"
ซ่งหลินก้มตัวหลบการฟาดกระบี่ ก่อนจะยื่นขาออกไป…
ตุบ!
เซี่ยหวังเสียหลักสะดุดล้มหน้าคะมำ!
ทั่วลานประลองเงียบกริบ ก่อนที่เสียงหัวเราะจะดังขึ้นจากผู้ชมรอบๆ
“ฮ่าๆๆ! เจ้าใช้แค่ท่าขัดขาเหรอ!?”
“ข้าไม่เคยเห็นใครชนะการประลองแบบนี้มาก่อน!”
เซี่ยหวังเงยหน้าขึ้น ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอับอาย เขากัดฟันแน่นก่อนจะตะโกน “เจ้าเล่นสกปรก!”
ซ่งหลินยิ้มกว้างพลางยกมือขึ้น “ข้าไม่ได้ทำผิดกฎ เจ้าตกลงเดิมพันกับข้าเองนี่!”
> "ติ๊ง! เจ้าเอาชนะเซี่ยหวังในการประลอง! ได้รับรางวัล: 50 เหรียญยุทธจักร และ ‘เทคนิคต่อสู้ขั้นต้น’"
> "ติ๊ง! เจ้าได้รับฉายา: ‘จอมยุทธ์สายขัดขา’"
“เดี๋ยวนะ! ฉายานี่มันอะไร!?” ซ่งหลินร้องลั่น
ลี่ชูเหยียนที่ยืนดูอยู่ตั้งแต่ต้นพยักหน้าช้าๆ “อย่างน้อยเจ้าก็รู้จักใช้สมอง”
ซ่งหลินยิ้มแห้งๆ ก่อนจะเดินไปหยิบเงินเดิมพันจากเซี่ยหวัง
“ข้าชนะแล้ว ตามข้อตกลง เจ้าเป็นคนจ่าย”
เซี่ยหวังกำหมัดแน่นก่อนจะโยนถุงเงินให้เขา “หึ! เจ้าโชคดีเท่านั้นแหละ! แต่ข้าจะเอาคืนแน่!”
> "คำเตือน: เจ้าอาจมีศัตรูเพิ่มขึ้นในอนาคต!"
ซ่งหลินสะดุ้ง “ระบบ! เจ้าบอกข้าก่อนจะให้ข้าสร้างศัตรูได้ไหม!?”
หลังจากชนะเดิมพัน ซ่งหลินและลี่ชูเหยียนก็กลับไปที่ โรงเตี๊ยมเมฆาขาว
ซ่งหลินยื่นเงินให้เจ้าของโรงเตี๊ยมอย่างภาคภูมิใจ “ข้าขอห้องหนึ่งห้อง และอาหารดีๆ สักมื้อ!”
เจ้าของโรงเตี๊ยมรับเงินไปพร้อมพยักหน้า “ตามสบายเลยจอมยุทธ์สายขัดขา”
“…ไม่ต้องเรียกข้าแบบนั้นก็ได้”
หลังจากรับประทานอาหารและได้ที่พัก ซ่งหลินนั่งลงบนเตียงไม้ในห้องของเขา เขาเปิดหน้าต่างออกและมองออกไปยังเมืองที่สว่างไสว
“ยุทธภพ… ไม่ง่ายอย่างที่คิดเลยแฮะ”
เขาหยิบ ‘เทคนิคต่อสู้ขั้นต้น’ ที่ได้รับขึ้นมาอ่าน ข้างในมีรายละเอียดเกี่ยวกับการใช้มือเปล่าในการต่อสู้ รวมถึงพื้นฐานของกระบวนท่าโจมตี
“ถ้าข้าฝึกสิ่งนี้ ข้าจะสามารถสู้ได้ดีขึ้น…”
เขากำหมัดแน่นและยิ้มออกมา
"เอาล่ะ! ต่อจากนี้ ข้าจะไม่ใช่แค่คนที่วิ่งหนีอีกต่อไป!"
ในห้องพักของโรงเตี๊ยมเมฆาขาว ซ่งหลินนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงไม้ ดวงตาจับจ้องไปที่ตำรา ‘เทคนิคต่อสู้ขั้นต้น’ ที่ระบบมอบให้
"นี่คือก้าวแรกของข้าในการเป็นจอมยุทธ์ตัวจริง!"
> "ติ๊ง! ภารกิจใหม่: ฝึกฝน ‘เทคนิคต่อสู้ขั้นต้น’ ให้สำเร็จภายในคืนนี้! รางวัล: ค่าพลังร่างกาย +2 และปลดล็อกกระบวนท่าต่อสู้แรก"
“ต้องทำให้ได้แล้วสิ” ซ่งหลินสูดลมหายใจลึกก่อนจะเริ่มฝึก
ซ่งหลินลองทำตามตำรา เริ่มจากการควบคุมการทรงตัว และฝึกท่าพื้นฐานของการต่อสู้มือเปล่า
ก้าวหลบ: ขยับเท้าให้มั่นคง พร้อมตั้งการ์ด
หมัดตรง: ใช้แรงจากสะโพกส่งพลังไปที่กำปั้น
หมัดฮุก: โจมตีศัตรูจากด้านข้าง
ศอกกระแทก: ใช้ข้อศอกเป็นอาวุธในการจู่โจม
ซ่งหลินซ้อมซ้ำไปมาจนเหงื่อซึมเต็มตัว
> "ติ๊ง! ความก้าวหน้าของเจ้า: 40%"
“โอ้โห! นี่ข้ายังฝึกไม่ถึงครึ่งเลยเรอะ!?”
เขากัดฟันแน่น "ถ้าข้าหยุดตอนนี้ ข้าก็ไม่มีวันแข็งแกร่งขึ้นแน่!"
ขณะที่ซ่งหลินกำลังฝึก เสียงฝีเท้าดังขึ้นหน้าห้อง
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เขาหันไปมองก่อนจะได้ยินเสียงของลี่ชูเหยียน “เจ้าตื่นอยู่หรือไม่?”
“แน่นอน! ข้ากำลังฝึกอย่างหนักเลย!”
เงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่ลี่ชูเหยียนจะพูดต่อ “ดีแล้ว อย่างน้อยเจ้าก็ไม่ขี้เกียจ… ข้ามีเรื่องต้องการคุยกับเจ้า”
ซ่งหลินเดินไปเปิดประตู เขาพบลี่ชูเหยียนยืนกอดอกอยู่ สีหน้าของเธอยังคงเรียบนิ่ง
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าเซี่ยหวังที่เจ้าสู้ด้วยวันนี้เป็นใคร?”
ซ่งหลินขมวดคิ้ว “ก็แค่จอมยุทธ์จากสำนักกระบี่วายุไม่ใช่หรือ?”
“เขาเป็นบุตรชายของรองเจ้าสำนักกระบี่วายุ และพวกนั้นไม่ปล่อยให้ความพ่ายแพ้ของเซี่ยหวังเป็นเรื่องเงียบหายแน่”
ซ่งหลินหน้าซีด “เดี๋ยวนะ… นี่ข้ากำลังมีปัญหาใหญ่กว่าเดิมเหรอ!?”
ลี่ชูเหยียนพยักหน้า “ใช่ และข้าอยากให้เจ้าระวังตัวไว้ให้ดี”
ซ่งหลินตระหนักได้ว่า หากเขายังอ่อนแออยู่แบบนี้ การถูกไล่ล่าโดยสำนักกระบี่วายุเป็นเรื่องแน่นอน
"ไม่มีทางเลือก! ข้าต้องฝึกให้หนักขึ้น!"
เขากลับไปฝึกต่อด้วยแรงผลักดันใหม่ หมัดของเขาเริ่มหนักขึ้น การเคลื่อนไหวเริ่มแม่นยำขึ้น
> "ติ๊ง! เจ้าสำเร็จ ‘เทคนิคต่อสู้ขั้นต้น’! ค่าพลังร่างกาย +2 ปลดล็อกกระบวนท่าแรก: หมัดพายุ!"
“สุดยอด! ข้าเริ่มมีทักษะโจมตีจริงๆ แล้ว!”
ซ่งหลินยิ้มกว้าง "สำนักกระบี่วายุ ข้าไม่กลัวพวกเจ้าหรอก!"
แต่ในขณะที่เขาคิดแบบนั้น... เงาสีดำปรากฏตัวขึ้นบนหลังคาโรงเตี๊ยม
กลางดึกในเมืองชิงหลัว พระจันทร์ส่องแสงสลัวเหนือหลังคาโรงเตี๊ยมเมฆาขาว ลมเย็นพัดผ่านทำให้บรรยากาศดูเงียบงันและอึดอัด
บนหลังคาโรงเตี๊ยม เงาดำสายหนึ่งเคลื่อนตัวอย่างไร้เสียง
ภายในห้องของซ่งหลิน เขายังคงกำหมัดแน่น ฝึกท่าต่อสู้ที่เพิ่งได้มา แต่ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกถึง แรงสังหารบางอย่าง
"หืม? ทำไมข้ารู้สึกแปลกๆ เหมือนมีใครกำลังจับตาดูข้าอยู่...
> "ติ๊ง! คำเตือน: เจ้าถูกล็อกเป้าโดยศัตรูที่ไม่รู้จัก!
"บ้าเอ๊ย! นี่มันอะไรกัน!
ฟึ่บ!
เสียงเคลื่อนไหวบนหลังคาทำให้ซ่งหลินสะดุ้ง เขารีบกระโดดหลบไปด้านข้างโดยสัญชาตญาณ และในเสี้ยววินาทีนั้นเอง
ฉัวะ!
ดาบเล่มหนึ่งฟาดลงมาเฉียดเตียงของเขาไปเพียงเสี้ยววินาที!
“โอ๊ย! ใครมันมาฆ่าข้าตอนนี้เนี่ย!
เงาปริศนาปรากฏตัวขึ้นจากหน้าต่างที่ถูกฟันเป็นเสี่ยงๆ เขาสวมชุดดำสนิท ปิดหน้าปิดตา มีเพียงดวงตาที่เปล่งประกายด้วยเจตนาฆ่า
“ซ่งหลิน เจ้าทำให้พวกเราต้องขายหน้า” น้ำเสียงเย็นเยียบเอ่ยขึ้น
"เดี๋ยว! นี่มันเกิดอะไรขึ้น ข้าเพิ่งเข้ามายุทธภพไม่กี่วันเองนะ
> "ติ๊ง! ศัตรูที่มาโจมตีเจ้าคือ ‘เยี่ยนซาน’ มือสังหารจากสำนักกระบี่วายุ! พลังรบ: ระดับกลาง เจ้าต้องหาทางเอาตัวรอด!
“ข้าต้องหาทางหนีก่อน! ซ่งหลินคิด แต่เยี่ยนซานไม่เปิดโอกาสให้
ฉับ!
ดาบของเขาพุ่งมาด้วยความเร็วสูง ซ่งหลินไม่มีทางเลือกนอกจากใช้ "เทคนิควิ่งหลบระดับพื้นฐาน เพื่อหลีกเลี่ยง
> "ติ๊ง! เจ้าหลบการโจมตีได้! ค่าประสบการณ์ +10!
ซ่งหลินถอยหลังไปจนหลังติดผนัง ก่อนจะเหลือบไปเห็นเก้าอี้ตัวหนึ่ง
“เอาวะ! เจ้าบังคับให้ข้าสู้เองนะ!
เขาคว้าเก้าอี้ขึ้นมาฟาดใส่เยี่ยนซานอย่างเต็มแรง
ปั้ก!
เยี่ยนซานสะดุ้งเล็กน้อย “เจ้าใช้เก้าอี้เป็นอาวุธเรอะ!
ซ่งหลินหอบหายใจ "เจ้ามันโจมตีข้าในบ้านข้านะ! แล้วจะให้ข้าใช้กระบี่สู้เรอะ ข้ายังไม่มีด้วยซ้ำ!"
> "ติ๊ง! เจ้าคิดนอกกรอบ ใช้เก้าอี้เป็นอาวุธ ค่าความฉลาด +5
เยี่ยนซานหรี่ตา “ช่างเถอะ ข้าจะรีบจัดการเจ้าแล้วกลับไป”
เขาเร่งฝีเท้าเข้าประชิดตัวอย่างรวดเร็ว ซ่งหลินพยายามหลบแต่ไม่ทัน ถูกเตะเข้าที่สีข้างจนเซไปกระแทกกำแพง
“อั่ก!”
> "พลังชีวิตของเจ้าลดลง 20%
“โอ๊ย! ข้าจะตายตั้งแต่ภาคแรกไม่ได้!”
ขณะที่เยี่ยนซานกำลังจะจบชีวิตซ่งหลิน เสียงของใครบางคนก็ดังขึ้น
“หยุดมือเดี๋ยวนี้!”
เยี่ยนซานหันขวับไปตามเสียง และทันใดนั้นเอง เงาสีฟ้าพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว
ฉัวะ!
ประกายกระบี่ส่องวาบในความมืด ก่อนที่เยี่ยนซานจะต้องถอยหลังไปสองก้าว
ซ่งหลินลืมตาขึ้นและเห็น ลี่ชูเหยียนยืนอยู่ตรงหน้าเขา กระบี่ในมือของเธอส่องแสงเย็นเยียบ
“เจ้าโง่ ทำไมเจ้าถึงปล่อยให้มือสังหารมาถึงตัวเจ้าได้ง่ายขนาดนี้?” ลี่ชูเหยียนถามด้วยน้ำเสียงตำหนิ
ซ่งหลินหัวเราะแห้งๆ “ข้าไม่ได้ตั้งใจ! ข้ากะจะนอนแล้วโดนจู่โจมต่างหากล่ะ!”
เยี่ยนซานขมวดคิ้ว “ลี่ชูเหยียน… ศิษย์แห่งพรรคฟ้าคราม? ทำไมเจ้าถึงปกป้องเขา?”
ลี่ชูเหยียนเหลือบตามองซ่งหลินเล็กน้อยก่อนจะตอบเรียบๆ “เรื่องของข้า”
เยี่ยนซานจ้องเขม็ง “หึ! ข้าจะถอยวันนี้ก็ได้ แต่เจ้าจงจำไว้ซ่งหลิน สำนักกระบี่วายุไม่ลืมความอัปยศนี้แน่!”
เขาพุ่งตัวออกไปทางหน้าต่าง หายไปในเงามืดของราตรี
หลังจากการต่อสู้จบลง
ซ่งหลินถอนหายใจยาว "โอ้โห! ข้าเพิ่งมายุทธภพได้ไม่กี่วันก็มีนักฆ่ามาเยี่ยมถึงห้องแล้วเรอะ!
ลี่ชูเหยียนหันมามองเขาด้วยสายตาเฉยเมย “เพราะเจ้าไปทำให้ลูกชายของรองเจ้าสำนักกระบี่วายุอับอาย เจ้าคิดว่าจะไม่มีผลตามมาเลยหรือ?”
ซ่งหลินกลืนน้ำลาย “ข้าแค่ต้องการเงินกินข้าวเท่านั้นเอง!”
> "ติ๊ง! เจ้ารอดจากการลอบสังหารของเยี่ยนซาน! ได้รับค่าประสบการณ์ +50
“อย่างน้อยข้าก็ได้ค่าประสบการณ์…” ซ่งหลินพึมพำ
ลี่ชูเหยียนส่ายหน้า “พรุ่งนี้เราออกเดินทาง ข้าไม่อยากให้เจ้าถูกลอบฆ่าอีก”
ซ่งหลินเบิกตากว้าง “เดี๋ยว! นี่ข้าต้องออกจากเมืองอีกแล้วเรอะ!?”
ลี่ชูเหยียนไม่ได้ตอบ เธอเพียงเดินออกจากห้องไป ปล่อยให้ซ่งหลินได้แต่มองตาม
"ให้ตายเถอะ! ยุทธภพนี่มันโหดร้ายจริงๆ!
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!