NovelToon NovelToon

ลมบูรพาพัดหวน

Episode 1 เกริ่นนำ

หลังจากเหตุการณ์ ที่วัดกวนอิมจบลง สำนักเซียนต่าง ๆ ก็กลับสู่สภาวะปกติ เว่ยอู๋เซี่ยนพำนักอยู่ที่สกุลหลานกับ หลานวั่งจี หลานซิเฉินถอนตัวออกจากตำแหน่งประมุขตระกูล เป็นหลานฉี่เหรินรักษาการณ์แทน

หลายปีหลังจากนั้น หลานซิเฉินยังคงเก็บตัวไม่ยุ่งเกี่ยวกับกิจการในตระกูลหลาน ประมุขตระกูลหลานต่อจากนั้นตกอยู่กับ หลานจิ่งอี๋

เว่ยอู๋เซี่ยนเมื่ออยู่ในสกุลหลาน วันๆ นอกจากก่อกวนหลานวั่งจี ดื่มสุราบ้างออกไปเที่ยวเล่นด้านนอกบ้าง นานวันเข้ากลับรู้สึกไม่มีอะไรทำ ได้แต่ติดตามหลานวั่งจีไปศึกษาตำราบ้าง อบรมผู้เยาว์ ของสำนักต่าง ๆ ที่ยังคงส่ง

บุตรหลานในสกุลมาที่ อวิ๋นเซินปู้จื้อฉู่ ในทุกปี ในตอนแรกเว่ยอู๋เซี่ยนยังคงสงบเสงี่ยมนั่งฟังหลานวั่งจีท่องบ่นกฎในสกุลให้ผู้เยาว์ที่มาเล่าเรียน นาน ๆ ไปกลับอดไม่ได้ที่จะสอดคำ บ้างก็เล่าเรื่องราวเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่ได้ยินมาบ้าง พบเห็นมาบ้างให้ผู้เยาว์ทั้งหลายฟัง

สุดท้ายแล้วชั่วโมงการเรียนของ หลานวั่งจีกลับกลายเป็น การนั่งฟังตำนานในยุทธภพไปเสีย สำหรับผู้เยาว์ทั้งหลายการนั่งฟัง เว่ยอู๋เซี่ยนเล่าเรื่องราวต่าง ๆ กลับสนุกสนานน่าสนใจกว่า การท่องกฎในสกุลหลานเสียอีก นานวันเข้าถึงกลับมีการเรียกร้องให้มีการสอนเรื่องราวต่าง ๆ ในยุทธภพ

แยกขึ้นมาต่างหาก ซึ่งหลานจิ่งอี๋ ในตอนนั้นที่เพิ่งรับตำแหน่งประมุขสกุลยิ่งไม่ขัดข้องจากนั้น การอบรมในอวิ๋นเซินปู้จื้อฉู่จึงเพิ่มบทเรียน เรื่องประวัติสำนักเซียนในยุทธภพมาอีกหนึ่งวิชา โดยมีเว่ยอู๋เซี่ยนเป็นอาจารย์

 

 

เจียงเฉิงหลังจากแยกย้ายกับจินหลิง ก็กลับไปที่อวิ๋นเมิ่ง หลายปีผ่านไปยังคงครองตัวเป็นโสดเห็นว่าหลังจากนี้ยังคงไม่มีวี่แว่วที่จะหาคู่ครอง ความสัมพันธ์ระหว่าง เจียงเฉิงกับเว่ยอู๋เซี่ยนนับว่าดีขึ้นไม่น้อย

ถึงแม้ไม่อาจกลับไปเป็นเหมือนในอดีตแต่ก็นับว่าดีขึ้นมาก เว่ยอู๋เซี่ยนกลับไปเคารพป้ายวิญญาณที่หอสกุลเจียงทุกปี ปีไหนหากช้าไปวันสองวัน เจียงเฉิงถึงกลับส่งคนมาสอบถาม เรือนนอนที่ เว่ยอู๋เซี่ยนเคยอยู่ก็มีการก่อสร้างขึ้นมาใหม่ ใหญ่โตกว่าเดิม

โดยประมุขเจียงให้เหตุผลว่าเพื่อรับรอง หานกวงจวิน ไม่ให้สกุลเจียงขายหน้าสกุลหลาน ซึ่งไม่เกี่ยวกับ เว่ยอู๋เซี่ยนสักนิด

จินหลิงโดยการ สนับสนุนโดยเปิดเผยของป้อมสัตตบงกช ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นประมุขสกุลจิน ถึงแม้ในหลายปีแรกยังคงมีเสียงคัดค้านอยู่บ้าง แต่นับวันการจัดการต่างๆ ในสกุลโดยจินหลิง กลับทำได้อย่างไม่บกพร่อง

นานไปเสียงคัดค้านกลับไม่ค่อยมีแล้ว จินหลิงในภายหลังแต่งงานกับ บุตรีสกุลโอวหยาง ให้กำเนิด บุตร 2 คน บุตรี 1 คน สกุลจินแห่งหลันหลิงถึงแม้ไม่อาจส่องแสงเจิดจ้าเหมือนในอดีต แต่ก็ส่องแสงอันอบอุ่นเป็นที่พึ่งพิง ในหมู่สำนักเซียนต่างๆ หอสังเกตการณ์ที่จินกวงเหยาริเริ่มไว้นับว่ามีประโยชน์อยู่ไม่น้อย จินหลิงในภายหลังยังคงสร้างเพิ่มเติมในที่ห่างไกลอีกหลายแห่ง

สกุลเนี่ยแห่งชิงเหอ ยิ่งมายิ่งไม่คล้ายสำนักเซียน เนี่ยหวายซังหันมาทำการค้า มีการนำสินค้าแปลกใหม่จากต่างแดนมากมายมาจำหน่าย ร้านค้าของสกุลเนี่ยวางจำหน่ายไปในเมืองใหญ่หลายเมือง ทำเงินให้กับสกุลเนี่ยไม่น้อย หนําซ้ํา เนี่ยหวายซังยังเอาผลกำไรบางส่วนมาช่วยสร้างหอสังเกตการณ์เพิ่มเติม นี่นับว่าแบ่งเบาภาระของ สกุลเซียนอื่น ๆ ที่จะต้องสบทบกับสร้างได้อย่างมาก คำครหาในเรื่องนี้จึงไม่ใคร่มีมากนัก

เวินหนิงหลังจากออกเดินทางไปกับหลานซือจุยเพื่อจัดการเรื่องสุสานสกุลเวิน ก็เดินทางล่าราตรีไปทั่วแผ่นดิน สุดท้ายกลับพบเจอคนของสกุลเวินที่หลงเหลือหลบซ่อนอยู่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ แถบฮุ่ยโจว ราว 30 คน ทั้งหมดล้วนเป็นคนในหน่วยแพทย์ที่หนีออกมาก่อนยุทธการยิงตะวันจะเริ่มขึ้น เวินหนิงเพื่อคุ้มครอง คนในสกุลเวินที่เหลืออยู่จึงนำคนเหล่านั้น ไปลงหลักปักฐานอยู่ในเขตมณฑลเจียงซู เมืองซูโจว ไม่ไกลจากกูซูสักเท่าไร

หลานซือจุยในภายหลังขอลาออกจากสกุลหลาน เพื่อกลับไปใช้แซ่เวินตามเดิม เรียกว่า เวินซือจุย แต่หลานวั่งจี เพียงอนุญาตให้กลับไปใช้แซ่เวิน ไม่อนุญาตให้ลาออกจากสำนักสกุลหลาน ดังนั้นเวินซือจุยยังคงถือเป็นศิษย์นอกสกุลของสำนักสกุลหลานอยู่

Episode 2 เจียงหนาน

เจียงหนาน

เมืองอู๋ซีอยู่ในเขตปกครองของเจียงหนานห่างจาก กูซูของสกุลหลานโดยใช้เวลาเดินเท้าราว 10 วัน เมืองอู๋ซีล้อมรอบไปด้วยคลองน้อยใหญ่ล้วนเชื่อมต่อกับ ทะเลสาบ ไท่หู ที่ยามนี้ดูสงบเงียบ พื้นน้ำสีเขียวกระจ่างสะท้อนแสงแดดยามเช้า มีชาวบ้านบ้างพายเรือออกมาตกปลา บ้างออกมาเก็บดอกบัว ผลกระจับ ดูไปน่าสนุกสนานนัก อากาศปลายฤดูชิวเทียน (ฤดูใบไม้ร่วง) เริ่มเย็นลงแต่ยังไม่หนาวเกินไป กลับรู้สึกเย็นสบาย อีกทั้งกว่าจะเข้า ฤดูตงเทียน (ฤดูหนาว) น่าจะยังอีกเดือนกว่าๆ

เว่ยอู๋เซี่ยนในวัยเกือบห้าสิบยังคงดูคล่องแคล่ว ใบหน้างดงาม ดวงตามีแววซุกซน รูปร่างนอกจากผอมไปบ้าง ดูไปไม่ต่างจากคนในวัยไม่ถึงสามสิบสักเท่าไร ยังคงดูซุกซนไม่ต่างจากเมื่อ สามสิบปีที่แล้ว

เว่ยอู๋เซี่ยนนั่งดื่มสุราอยู่ในห้องรับรองของโรงเตี๊ยม คล้ายรอผู้ใดอยู่ ห้องข้างมีเสียงผู้คนสองคนสนทนาเรื่องทั่วไป เสียงไม่เบาไม่ดัง ด้วยพลังการฝึกปรือของเว่ยอู๋เซี่ยนหากต้องการแอบฟังกลับไม่ยากนัก โรงเตี๊ยมนี้บรรยากาศไม่เลว มิเพียงมีสุราดี อาหารที่ทำมาแม้ไม่อาจกล่าวได้ว่าดีเยี่ยมกลับมีรสชาดสดใหม่ตัวโรงเตี๊ยมตั้งอยู่ริมทะเลสาบไท่หู อากาศเย็นสบาย เห็นทีเสร็จเรื่องคราวนี้คงต้องหาโอกาสกลับมาพร้อมหลานจ้าน เสียงสนทนาในห้องข้างยังคงดังอยู่ไม่ขาด

“นี่ท่านทราบหรือไม่ว่า สองสามวันมานี้หมู่บ้านซีเช่า (ชุมชนทอผ้า) เกิดเรื่องประหลาด” เสียงชายผู้หนึ่งเอ่ยขึ้น

“เรื่องอันใด ข้าอยู่ที่นี่หลายวันไม่เห็นมีผู้ใดกล่าวถึง”

“นี่ท่านไม่ทราบก็ไม่เห็นประหลาด เหตุคราวนี้หากมิใช่เกิดกับตัวท่าน คงมีเพียงพวกสำนักเซียนทั้งหลายที่ให้ความสนใจ

หลายวันมานี้มิเพิยงมีเหตุการณ์คนขโมยศพ ขุดสุสาน ยังมีคนพบเห็นศพเดินได้”

“ที่อู๋ซี มิใช่มีสำนักเซียนของสกุลฟ่าง เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องของเจ้าหน้าที่ทางการ คนธรรมดาทั่วไปไหนเลยรับมือ ศพเดินได้พวกนั้น”

“เหอะ สกุลฟ่างรับมือได้อันใด สำนักเซียนสกุลฟ่าง นอกจากเขียนยันต์ไล่ผี ดูลายมือ หลอกลวงเงินจากชาวบ้านไม่รู้ความ กระทั่ง ฟ่างเฉิงฟู่ ผู้นำสกุลตอนนี้เกรงว่าไม่มีปัญญาจัดการ”

“แต่ก็นับว่า ฟ่างเฉิงฟู่ยังไม่โง่เง่าจนเกินไป ข้าได้ยินข่าวมาว่า สกุลฟ่างได้ส่งจดหมายขอความช่วยเหลือไปที่ สำนักเซียนใหญ่ ที่กูซูตั้งแต่เมื่อหลายวันก่อน”

“ที่กูซู มิใช่มี สำนักเซียนสกุลหลาน ฟังว่า สกุลหลาน เป็นหนึ่งใน 4 ผู้นำสกุลเซียนร้อยสกุล ศิษย์ของสกุลหลานล้วนมีพลังฝีมือเข็มแข็ง ซ้ำยังอ่อนน้อมถ่อมตน มีมรรยาทอันดี ไม่ทำตัวอวดเบ่งว่าเป็นศิษย์สำนักใหญ่ แล้วท่านทราบหรือไม่ว่าสกุลหลานส่งผู้ใดมาจัดการเรื่องนี้”

“ข้าก็เพียงได้ยิน ผู้คนในสกุลฟ่างเอ่ยถึง มิได้เห็นกับตา เห็นว่าผู้มามีเพียงสองคน เพิ่งมาถึงเมื่อยามเหม่า (05.00 - 06.59 น.) ตอนนี้พำนักอยู่ในเรือนรับรองสกุลฟ่าง แต่ว่ามีชือเรียก ฉายาอันใดล้วนไม่ทราบแน่ชัด”

“นี่ นายท่านทั้งสอง” ผู้รับใช้ที่เพิ่งนำสุรามาให้ กล่าวขึ้นหลังได้ยินชายสองคนกล่าวถึงแขกรับเชิญของสกุลฟ่าง

“สกุลฟ่าง เพิ่งส่งคนมาจับจองโต้ะเลี้ยงแขกเที่ยงวันนี้ ดูท่าจะเลี้ยงตอนรับศิษย์สกุลหลานสองคนที่เพิ่งมาถึง” ผู้รับใช้กล่าวพลางวางขวดสุราลงที่โต้ะที่คนทั้งสองนั่งอยู่

“ตอนนี้เข้ายามอู่ แล้ว (11.00 - 12.59 น.) อีกเพียงครึ่งชั่วยามก็จะเที่ยงพอดี หากนายท่านต้องการชมดูว่าผู้มาเป็นใคร ก็สั่งสุราเพิ่มเติม กับแกล้มอีกสักสองอย่างรับรองไม่ทันสุราหมดก็เที่ยงพอดี” ผู้รับใช้ย่อมหวังใช้ผู้คนดื่มกินให้มากไว้ ที่กล่าวเพียงต้องการขายสุรา

“เหอะเจ้านี่นะ เอาเถอะที่เจ้ากล่าวก็มีเหตุผล โรงเตี๊ยมทำการค้าขาย ข้าสองคนไม่ควรนั่งปล่าว งั้นเจ้าก็เอาสุรามาเพิ่มอีก แล้วก็กับแกล้มอีกสักสองอย่าง ก็แล้วกัน”

“ขอรับ หากคนของสกุลฟ่าง มาถึงข้าจะรีบมาแจ้งให้นายท่านทั้งสองทราบ” ผู้รับใช้กล่าวจากนั้นจึงรีบออกไปนำ สุราอาหารมา

เว่ยอู๋เซี่ยน แอบฟังมาจนถึงตอนนี้กลับอยากรู้ว่าศิษย์สกุลหลานสองคนที่มาเป็นใคร เว่ยอู๋เซี่ยน ออกมาจากกูซูเมื่อหลายวันก่อนก็เพราะว่า จดหมายขอความช่วยเหลือของ ฟ่างเฉิงฟู่ นอกจากนี้ยังนำผู้เยาว์ของสกุลหลานมาอีกหลายคน เพียงระหว่างทางเรื่องราวคล้ายไม่ถูกต้อง เมื่อมาถึงเมืองอู๋ซีจึงยังไม่ได้ไปที่สกุลฟ่าง ส่วนเหล่าผู้เยาว์ของสกุลหลานล้วนออกไปสืบข่าวในบริเวณใกล้เคียง ส่วนศิษย์สกุลหลานสองคนที่ถูกเอ่ยถึงว่าอยู่ที่สกุลฟ่าง เว่ยอู๋เซี่ยนแน่ใจว่าในกลุ่มที่ออกมาด้วยกัน ไม่สมควรมีผู้ใดขัดคำสั่งเขา แล้วตรงไปที่สกุลฟ่างอย่างแน่นอน

ยามเที่ยง

“นายท่านทั้งสอง คนของสกุลฟ่างมาถึงแล้ว” ผู้รับใช้วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามากล่าว

“แล้วคนของสกุลหลาน สองคนนั้นรู้หรือไม่ว่าเป็นท่านใดมาถึง”

“ข้าได้ยิน นายท่านฟ่างเรียกว่า หานกวงจวิน กับอีกคนเรียกว่า อี้หลิง เหล่าจู”

“หา เจ้าว่ากระไร” เว่ยอู๋เซี่ยนที่ยังคงแอบฟังอยู่ถึงกลับอดไม่ได้ ตะโกนเสียงดังออกมา

Episode 3 สองเซียนพิสุทธิ์

“น้องชาย เจ้าว่าคนของสกุลหลาน ที่มาเรียกว่าอะไรนะ” เว่ยอู๋เซี่ยนที่ตอนนี้ ออกมาจากห้องส่วนตัวของตัวเอง นั่งลงที่เก้าอี้ว่างตัวหนึ่ง ร่วมโต้ะกับ ชายอีกสองคนที่นั่งอยู่ก่อนหน้า

“เออ ข้าได้ยิน นายท่านฟ่างเรียกว่า หานกวงจวินท่านหนึ่ง กับอีกท่านหนึ่งเรียกว่า อี้หลิง เหล่าจู” ผู้รับใช้กล่าวซ้ำอีกครั้ง

“พี่ชายท่านนี้ หรือว่าท่านรู้จัก กับท่านเซียนทั้งสองด้วย” ชายที่นั่งใกล้กับ เว่ยอู๋เซี่ยนเอ่ยถาม

“เพียงเคยได้ยินผู้คนเอ่ยถึงเท่านั้น ข้ายังไม่มีวาสนาได้กราบพบ” เว่ยอู๋เซี่ยนกล่าวพลางคิดว่าจะทำอย่างไรจึงสามารถหาหนทางไปแอบดู “หานกวงจวิน กับ อี้หลิง เหล่าจู” ที่ว่าโดยไม่ถูกพบเห็น

“นั่นก็ใช่ ฟ่างเฉิงฟู่นับว่ามีหน้ามีตานัก ถึงกับเชื้อเชิญ สองเซียนพิสุทธิ์มาที่อู๋ซีได้”

“สองเซียนพิสุทธิ์ หมายถึงสองท่านนี้” ชายอีกคนที่ด้านตรงข้ามกับ เว่ยอู๋เซี่ยนกล่าวถามขึ้น

“เจ้าไม่เคยได้ยินนาม สองเซียนพิสุทธิ์”

“ข้าไม่ใช่ลูกศิษย์ หลานศิษย์ในสำนักเซียน คนที่รู้จักนอกจากเจ้าแล้วก็ไม่ผู้ใดรู้เรื่อง สำนักเซียนอันใด”

“เจ้าก็อย่ามัวอมพะนําอยู่ ดูท่าคุณชายท่านนี้ก็อยากรู้เรื่องไม่น้อย”

“หรือว่า คุณชายท่านก็สนใจด้วย ดูไปท่านก็คล้ายศิษย์สำนักเซียนที่ไหนสักแห่ง”

“ยอมมิใช่ ข้าเพียงรู้วิชาฝีมือเล็กน้อย ยามเดินทางไกลสมควรมี วิชาต่อสู้ติดตัวไว้บ้าง” เว่ยอู๋เซี่ยนกล่าวจากนั้นจึงรินสุราให้ กับชายสองคนที่ร่วมโต้ะ

“เจ้านำสุรามาเพิ่มอีก” เว่ยอู๋เซี่ยนยื่นเงินให้กับผู้รับใช้ จากนั้นจึงกล่าว “ตอนเจ้าออกไป ให้จดจำลักษณะ การแต่งกาย หน้าตาของ หานกวงจวิน กับ อี้หลิง เหล่าจู ข้าอยากรู้นักว่า ท่านเซียนทั้งสองมีหน้าตาอย่างไร”

“ขอรับ” ผู้รับใช้กล่าวจากนั้นจึงออกไปนำสุรามาเพิ่ม เพียงแต่คราวนี้อ้อมไปอีกด้านเพื่อมองดู หานกวงจวิน กับ อี้หลิง เหล่าจูโดยละเอียด

“เอาเถอะ เห็นแก่น้ำใจของคุณชายที่เลี้ยงสุรา ข้าเรียกว่า หวังซา ส่วนคนนี้ เรียกว่า ป้านยี้ ข้าสองคนมาหาซื้อผ้าทอที่ อู๋ซี” ชายที่เรียกตัวเองว่าหวังซากล่าว

“ยินดีที่ได้พบ ข้าแซ่ ยี้ว ชื่อคำเดียวว่า ชาง” เว่ยอู๋เซี่ยนเพียงนึกชื่อวุ่นวายขึ้นมาได้หนึ่งชื่อ

“อ่อ ที่แท้พี่ ยี้วชาง ยินดีที่ได้พบ”

“เอาล่ะ ข้าจะเล่าต่อ สองเซียนพิสุทธิ์ เป็นฉายานามที่สำนักเซียนเรียกหา หานกวงจวิน กับ อี้หลิง เหล่าจู”

“ท่านทั้งสอง เป็นเซียนในสกุลหลาน มีพลังเซียนสูงล้ำ ฐานะในสกุลสูงส่ง ฟังว่า ผู้นำสกุลหลานคนปัจจุบัน ยังเป็นผู้เยาว์ของท่าน ยังมิต้องกล่าวถึง ผู้นำเซียน คนปัจจุบัน หัวหน้าสกุลจิน เมื่อพบหน้า อี้หลิง เหล่าจู ยังต้องกราบกรานเคารพ” หวังซาผู้นี้ยิ่งเล่ายิ่งออกรสชาติ

“ยังมี ท่านทั้งสองมักออก ช่วยเหลือผู้คนในที่ห่างไกล ที่ไม่มีคนในสกุลเซียนไปถึง ออกปราปภูตผีปีศาจ ช่วยเหลือชาวบ้านโดยไม่หวังผลตอบแทน หากพบเห็น ผู้หนึ่ง ก็ต้องพบเห็นอีกผู้หนึ่ง”

“กล่าวได้ว่า หากพบ หานกวงจวิน ก็ต้องมี อี้หลิง เหล่าจูอยู่ไม่ไกล”

“ดูไป พี่ซารู้เรื่องของสำนักเซียนไม่น้อย นับถือ ๆ” เว่ยอู๋เซี่ยน ยกถ้วยสุราขึ้นคำนับหวังซา

“ตอนยังเยาว์ ข้ามีโอกาสได้เข้าไปคลุกคลีกับสกุลเซียน ไม่เล็กไม่ใหญ่อยู่หลายปี พอรับรู้เรื่องราวมาบ้าง”

“พี่ซา ใช่เคยพบเห็น หานกวงจวิน กับ อี้หลิง เหล่าจู มาก่อนหรือไม่” เว่ยอู๋เซี่ยน เอ่ยถาม

“เฮ้อ ข้าก็ไม่ต่างจากท่าน เป็นข้าไม่มีวาสนาได้กราบพบ”

“คุณชายข้ากลับมาแล้ว” ผู้รับใช้ที่ออกไปสืบข่าวกลับมาพร้อมกับสุราอีกสองขวด

“รบกวนเจ้าแล้ว ใช่พบเห็น หานกวงจวิน กับ อี้หลิง เหล่าจู หรือไม่ ทั้งสองดูเป็นอย่างไร” เว่ยอู๋เซี่ยนเอ่ยถาม พร้อมกับยัดเงินเข้าไปในมือของอีกฝ่าย

“นายท่านฟ่างเลี้ยงแขกในห้องรับรองพิเศษ นอกจากผู้ที่ได้รับเชิญ ไม่ว่าใครก็เข้าไปไม่ได้”

“แต่ว่าข้าไม่ใช้แขกแต่เป็นผู้รับใช้ ข้าเข้าไปยกสุรา อาหารอยู่สักพักยังพอจดจำผู้คนได้บ้าง”

“ท่านเซียนทั้งสองที่มา ดูคล้ายกับรูปวาดเซียนที่อยู่หน้าประตูในสำนักเซียน ท่านที่เรียกว่า หานกวงจวินใส่ชุดยาวสีขาว ไว้เครายาว รูปร่างสูงโป่รง เค้าหน้าสุภาพ อีกท่านที่เรียกว่า อี้หลิง เหล่าจูใส่ชุดยาวสีดำ ข้างเอวห้อยขลุ่ยเลาหนึ่ง ใบหน้าคล้ำไว้เครายาวห้าแฉก ดูน่าเกรงขาม แต่เกรงว่าทั้งสองท่าน น่าจะอายุมากกว่าปู่ของข้าสะอีก ไม่รู้ว่าจะสู้กับพวกศพพวกนั้นได้หรือไม่”

“แล้วมี อย่างอื่นอีกหรือไม่” เว่ยอู๋เซี่ยนยิ่งฟังยิ่งอยากเอาสุรากรอกปากตัวเอง

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!