ในยุคที่โลกถูกปกครองด้วยความสมดุลของแสงและเงา ดวงจันทร์ไม่ได้เป็นเพียงแสงสว่างยามค่ำคืน หากแต่เป็นสัญลักษณ์แห่งพลังอันลึกลับและยิ่งใหญ่ มีคำกล่าวขานถึง “จันทราพิสุทธิ์” พลังที่เกิดจากแก่นแท้ของแสงจันทร์บริสุทธิ์ ซึ่งเชื่อกันว่าสามารถกำหนดชะตากรรมของโลกได้
ตำนานเล่าถึง “ผู้พิทักษ์จันทรา” ผู้ที่ได้รับพลังนี้และมีหน้าที่รักษาสมดุลของแสงและเงา ผู้พิทักษ์เป็นทั้งแสงนำทางและเกราะป้องกันจากเงามืดที่คืบคลาน แต่เมื่อพันปีก่อน ผู้พิทักษ์คนสุดท้ายได้หายตัวไปอย่างลึกลับ ทิ้งให้โลกเข้าสู่ยุคแห่งความมืด เงาแห่งความโกลาหลค่อยๆ คืบคลานเข้ามาแทนที่ ความหวังของผู้คนค่อยๆ เลือนหาย ดินแดนที่เคยเจริญรุ่งเรืองกลับกลายเป็นเพียงเงาแห่งอดีต
ในมุมหนึ่งของโลกอันกว้างใหญ่ ท่ามกลางป่าที่ไม่มีใครกล้าย่างกราย เด็กหนุ่มผู้หนึ่งลืมตาขึ้นมาท่ามกลางความมืด เขานอนอยู่บนพื้นดินที่เย็นเฉียบ ล้อมรอบด้วยต้นไม้สูงใหญ่และหมอกหนาทึบ เด็กหนุ่มไม่รู้ว่าเขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร และจำอะไรไม่ได้เลยนอกจากชื่อของตัวเอง “ลูซิล ฟรอสท์” กับความรู้สึกแปลกประหลาดที่เหมือนมีบางสิ่งในตัวเขารอการปลุกให้ตื่น
เขาลุกขึ้นอย่างเชื่องช้า ท่ามกลางความเงียบที่มีเพียงเสียงลมพัดผ่าน เสียงแหลมบางอย่างแทรกเข้ามาในความมืด มันฟังดูเหมือนเสียงกระซิบของคนหลายคน แต่ไม่ชัดเจนพอที่จะจับความหมายได้ ลูซิลหันมองรอบตัว แต่สิ่งที่เขาเห็นกลับทำให้หัวใจเต้นรัว—เงาดำรูปร่างคล้ายมนุษย์ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นจากหมอก
เงาดำเหล่านั้นไม่ได้เคลื่อนไหวแบบธรรมดา พวกมันดูเหมือนกำลังมองหาอะไรบางอย่าง และในทันทีที่สายตาของลูซิลสบกับเงาดวงหนึ่ง มันก็พุ่งเข้ามาหาเขาด้วยความเร็วที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง
แสงจันทร์ที่เคยส่องสว่างกลับดูเหมือนดับลงในชั่วพริบตา แต่ในวินาทีสุดท้ายก่อนที่เงาจะเข้าถึงตัวเขา บางสิ่งในร่างกายของลูซิลก็ถูกปลุกขึ้นมา พลังงานสีเงินเปล่งประกายจากมือของเขา เผาเงาดำจนสลายไปในอากาศ
ลูซิลยืนมองมือตัวเองด้วยความสับสน พลังนั้นคืออะไร? ทำไมเขาถึงใช้มันได้? และที่สำคัญ—เขาเป็นใครกันแน่?
คำถามเหล่านี้วนเวียนในหัวของเขา แต่ไม่มีคำตอบใดให้เขาได้ค้นพบ เสียงกระซิบจากเงาดำยังคงดังก้องอยู่ในหู ราวกับคำเตือนที่ลึกลับและน่ากลัว
ท่ามกลางค่ำคืนอันหนาวเหน็บและหมอกหนาทึบ ลูซิลเริ่มต้นการเดินทางของเขา การเดินทางที่เต็มไปด้วยคำถาม ความลับ และอันตรายจากเงามืดที่เฝ้ารอ การค้นหาคำตอบเกี่ยวกับตัวตนและพลังของเขาจะนำพาไปสู่ชะตากรรมที่เขาไม่อาจหลีกเลี่ยง
แสงจันทร์ที่เคยส่องสว่างกลับถูกบดบังด้วยเงามืดที่คืบคลาน ความลับของ “จันทราพิสุทธิ์” และชะตากรรมของโลกกำลังจะถูกเปิดเผยในไม่ช้า...
แสงจันทร์สาดส่องผ่านม่านเมฆหนาแน่นเหนือป่าเงา พื้นดินเต็มไปด้วยความชื้นและกลิ่นดินชื้นที่อบอวลไปทั่ว เสียงกิ่งไม้ที่ลั่นเอี๊ยดอ๊าดในสายลมราวกับเสียงกระซิบของผู้คนที่มองไม่เห็น ลูซิล ฟรอสท์ ลืมตาขึ้นมาในความมืด เขาไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน และความทรงจำทั้งหมดในหัวก็ว่างเปล่า
“ที่นี่...คือที่ไหน?” ลูซิลพึมพำ เขารู้สึกถึงความเย็นของพื้นดินที่ซึมเข้าสู่ผิวหนัง และสังเกตเห็นรอยสัญลักษณ์เรืองแสงบนหลังมือซ้ายของเขา
รอยสัญลักษณ์นั้นดูเหมือนวงกลมที่ล้อมรอบด้วยลวดลายซับซ้อน คล้ายกับพระจันทร์เต็มดวงในค่ำคืนอันมืดมิด มันเปล่งแสงสีเงินออกมาเบา ๆ ราวกับกำลังบอกอะไรบางอย่างกับเขา
ก่อนที่เขาจะทันได้ตั้งคำถาม เสียงฝีเท้าดังขึ้นจากด้านหลัง ลูซิลหันขวับไป เสียงนั้นดังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ท่ามกลางเงาไม้สูงตระหง่าน เงาร่างสูงใหญ่ปรากฏขึ้น พร้อมดวงตาสีแดงที่ส่องประกายในความมืด
“เงามืด...” เสียงกระซิบดังมาจากป่ารอบตัว ลูซิลถอยหลังโดยไม่รู้ตัว หัวใจเต้นแรงจนแทบทะลุออกจากอก
“ต้องวิ่ง...” ความคิดนั้นพุ่งเข้ามาในหัว ลูซิลหันหลังและออกวิ่งเต็มกำลัง แต่ผู้ล่าเงาที่ไล่ตามเขามีความเร็วเหนือมนุษย์ มันพุ่งตัวเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ
ลูซิลสะดุดรากไม้ล้มลง เขาพยายามลุกขึ้นแต่ความกลัวทำให้ร่างกายเขาสั่นสะท้าน ผู้ล่าเงาเดินเข้ามาใกล้ มันส่งเสียงคำรามต่ำและยื่นกรงเล็บแหลมคมมาทางเขา
ทันใดนั้น รอยสัญลักษณ์บนมือซ้ายของลูซิลก็ส่องแสงเจิดจ้าออกมา พลังบางอย่างแผ่กระจายไปทั่วบริเวณ แสงนั้นทำให้ผู้ล่าเงากรีดร้องและถอยหนี ลูซิลรู้สึกถึงความร้อนที่ไหลผ่านเส้นเลือด ราวกับว่าพลังงานบางอย่างในตัวเขาถูกปลุกขึ้น
“เกิดอะไรขึ้นกับข้า?” เขาพึมพำ รู้สึกถึงพลังที่ค่อย ๆ สงบลง รอยสัญลักษณ์บนมือเริ่มหรี่แสงลงจนกลับสู่ความมืดอีกครั้ง
เขามองรอบตัว ผู้ล่าเงาหายไปแล้ว แต่เขาก็รู้ดีว่ามันจะไม่จบเพียงแค่นี้
ลูซิลเดินต่อไปในป่า ความมืดทำให้ทุกย่างก้าวของเขาเต็มไปด้วยความระมัดระวัง ทันใดนั้น เขาเห็นแสงไฟสลัว ๆ อยู่ไกลออกไป
เมื่อเข้าใกล้ เขาพบว่ามันเป็นค่ายพักแรมเล็ก ๆ มีชายหญิงสองคนกำลังนั่งอยู่ข้างกองไฟ พวกเขาดูเหมือนนักเดินทางที่ผ่านเส้นทางนี้
“ใครน่ะ?” ชายคนหนึ่งพูดขึ้นพร้อมชักดาบออกมา เขามีร่างกายกำยำและท่าทางดุดัน
“ข้า...ข้าไม่ได้เป็นศัตรู” ลูซิลยกมือขึ้นแสดงความบริสุทธิ์ใจ “ข้าหลงทางในป่านี้”
หญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างกองไฟลุกขึ้น เธอสวมเสื้อคลุมที่มีลวดลายพระจันทร์และถือไม้เท้าในมือ “เจ้ามีรอยสัญลักษณ์ของจันทรา...” เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงแปลกใจ “เจ้าเป็นใครกันแน่?”
“ข้าไม่รู้” ลูซิลตอบตามตรง “ข้าจำอะไรไม่ได้เลย”
ชายกำยำและหญิงสาวมองหน้ากัน ก่อนที่เธอจะกล่าว “ถ้าเช่นนั้น จงมาพักกับพวกเรา ข้าเชื่อว่าเจ้ามีอะไรบางอย่างที่สำคัญกับโลกนี้”
ลูซิลพยักหน้า แม้จะไม่รู้ว่าเขาควรเชื่อใจพวกเขาหรือไม่ แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น
คืนนั้น ลูซิลหลับไปพร้อมกับความสับสนในใจ เขาไม่รู้เลยว่า การพบกับคนแปลกหน้าทั้งสองนี้จะเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของเขาไปตลอดกาล
ลูซิลตื่นขึ้นมาท่ามกลางแสงแดดที่ลอดผ่านยอดไม้ ใบหน้าของเขาเปื้อนดินและความเหนื่อยล้าจากเหตุการณ์เมื่อคืนยังคงอยู่ เขากวาดตามองรอบค่ายพักแรม พบว่าชายกำยำและหญิงสาวที่ช่วยเขาไว้เมื่อคืนกำลังจัดเตรียมเสบียง
“ตื่นแล้วหรือ?” ชายกำยำเอ่ยพลางยื่นขนมปังแห้งให้ “เจ้าดูเหมือนคนที่ไม่เคยผ่านป่ามาก่อน”
ลูซิลรับขนมปังมากัดคำเล็ก ๆ เขายังไม่รู้ว่าควรพูดอะไร
หญิงสาวในชุดคลุมเดินเข้ามาใกล้ เธอถือไม้เท้าประดับด้วยคริสตัลที่เปล่งแสงเล็กน้อย “เจ้าชื่ออะไร?” เธอถาม น้ำเสียงอ่อนโยนแต่แฝงด้วยความอยากรู้
“ลูซิล” เขาตอบ หลังจากนึกชื่อที่เขาจำได้ออกเพียงแค่นั้น
“ข้าคืออีร่า ส่วนคนนี้ชื่อวาเลน เราเป็นนักเดินทางที่ออกสำรวจพื้นที่รอบหุบเขาแห่งแสงจันทร์” เธอแนะนำตัวพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ
“หุบเขาแห่งแสงจันทร์?” ลูซิลถามอย่างสงสัย
“ใช่” วาเลนตอบ “มันเป็นสถานที่ที่มีตำนานมากมาย บางคนบอกว่ามีขุมพลังลึกลับซ่อนอยู่ บางคนก็บอกว่ามันเป็นแค่เรื่องเล่า”
“แต่ที่นี่ก็ไม่ใช่สถานที่สำหรับคนธรรมดา” อีร่ากล่าวแทรก “เจ้าโชคดีที่ยังมีชีวิตรอดจากผู้ล่าเงาเมื่อคืน”
คำพูดนั้นทำให้ลูซิลสะดุ้ง เขาจำได้ถึงความน่ากลัวของมัน ดวงตาสีแดงและเสียงคำรามที่ยังคงติดอยู่ในหัว
“เจ้ามีอะไรบางอย่างที่ดึงดูดพวกมัน” อีร่ากล่าว เธอจ้องไปที่รอยสัญลักษณ์บนมือของลูซิล “นั่นคือเครื่องหมายของจันทรา เจ้ารู้ไหมว่ามันคืออะไร?”
ลูซิลส่ายหน้า “ข้าไม่รู้เลยว่ามันมาได้อย่างไร”
หลังจากพูดคุยกัน วาเลนและอีร่าตัดสินใจให้ลูซิลร่วมเดินทางไปกับพวกเขา แม้ว่าเขาจะเป็นคนแปลกหน้า แต่พวกเขาเชื่อว่ารอยสัญลักษณ์บนมือของเขาเกี่ยวข้องกับสิ่งที่พวกเขาตามหา
การเดินทางผ่านป่าดำเนินไปอย่างเงียบสงบในช่วงแรก แต่ลูซิลเริ่มสังเกตเห็นบางสิ่งในป่า เงาดำเคลื่อนไหวอยู่ในระยะสายตา มันไม่เข้ามาใกล้แต่ก็ไม่ห่างเกินไป
“มีบางอย่างตามเราอยู่” ลูซิลพูดเบา ๆ
“ผู้ล่าเงา” อีร่าพูดพลางจับไม้เท้าของเธอแน่น “พวกมันไม่ยอมปล่อยเป้าหมายง่าย ๆ โดยเฉพาะเป้าหมายที่มีเครื่องหมายอย่างเจ้า”
“เราต้องเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้” วาเลนกล่าวเสียงหนักแน่น เขาดึงดาบออกจากฝัก
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!