NovelToon NovelToon

รักครั้งนี้ขอเป็นพี่ได้ไหม

Chapter 1 ชายแปลกหน้า

ค่ำคืนยามรัตติกาลนภามืดสนิทมีเพียงแสงสว่างจากดวงจันทร์ที่ประจักอยู่บนท้องฟ้า แสงสว่างจากท้องถนน ผู้คนในเมืองมากมาย ดูแล้วชุลมุนแต่ละคนต่างเดินไปตามทางในสิ่งที่ที่ตนเองอยากจะไป ได้สบตากับใครบ้างสักนิด แต่นั่นคงเป็นเพียงช่วงเวลาเดียวเพราะถ้าหากเดินผ่านกันไปแล้ว ดวงตาคู่นั้น ความรู้สึกที่ได้พบเจอกัน คงไม่ได้รู้สึกอีกแล้วซึ่งนั่นเป็นความจริงสำหรับทุกคนๆที่ต่างแปลกหน้าแปลกตากัน ภายในเมืองที่ชุกชลมีทั้งด้านที่มีสีสันแสงสีเสียงแต่ก็มีด้านที่คงจะมีแค่แสงสว่างจากจันทราก็เท่านั้น

ช่วงห่างระหว่างตึกกว้างพอที่จะทำให้คนคนหนึ่งรู้สึกอ้างว้างในขณะนั้น เก้าอี้พักนั่ง ข้างที่สูบบุหรี่กับลังเก็บของที่อยู่ด้านหน้าเก้าอี้ตัวนั้นมีหญิงสาวคนหนึ่ง นั่งก้มหน้าชุดที่สวมใส่เป็นเพียงชุดธรรมดาทั่วไป ไม่มีสิ่งที่น่าดึงดูดเลยสักนิด เธอนั่งก้มหน้าพร้อมกับเอามือมาบังหน้าของตัวเองก่อนจะมีน้ำสีใสไหลลอดออกมา น้ำตาที่รินไหลให้กับความโศกเศร้าของเธอนัยต์ตาเธอดูหม่นหมอง ดวงตาสีน้ำเงินให้ความรู้สึกเย็นชา

ความรู้สึกของเธอปลกคลุมตัวเองมากพอ พอที่จะไม่ได้ยินเสียงอะไรรอบข้างเลยกว่าจะรู้ตัวเค้าคนนั้นก็มายืนอยู่ข้างเธอซะแล้ว

“คุณน่าจะต้องการผ้าเช็ดหน้านะ”

เสียงทุ้มอ่อนนุ่มดังขึ้นมาเรียกสติของหญิงสาว เธอเหลือบมองผ้าเช็ดหน้าจากมือของชายคนนั้น

“ข...ขอบคุณค่ะ”

สาวร่างบางปาดน้ำตาออกอย่างรวดเร็วก่อนจะรับผ้าเช็ดหน้าจากมือของเขา เธอหันไปมองคนที่ยืนพิงกำแพงพร้อมกับมือที่กำลังจุดบุหรี่อยู่ สีผมดำสนิทนัยน์ตาสีดำที่ดูว่างเปล่า กับเสื้อเชิ้ตพร้อมกั๊กสีดำดูเหมือนยูนิฟอร์มของพนักงานเสริฟร้านอาหารแห่งนี้

“คุณเลิกกับแฟนมาเหรอ”

“..........”

“ถ้าเป็นเรื่องจริง ระหว่างที่คุณร้องไห้คุณคิดว่าเค้าคนนั้นทำอะไรอยู่ล่ะ”

“...เค้าเป็นคนแรกที่ทำให้ฉันรู้สึกว่ารักมันเป็นอย่างไร มันทั้งมีความสุข ทั้งเศร้า ทั้งความคาดหวัง และความยินดี ถึงแม้จะไม่ใช่ฉันก็ตาม”

“อืม คุณดูเป็นคนที่ดีจังเลยนะครับ”

สิ้นสุดประโยคนั้น ชายคนนั้นทิ้งบุหรี่ของเขาลงก่อนจะโน้มตัวมาใกล้กับใบหน้าของหญิงสาวที่นั่งอยู่ มือข้างขวาที่ท้าวพะนักพิงของเก้าอี้ จังหวะที่ทั้งคู่ได้สบตากันพร้อมกับแสงสว่างจากไฟหลังร้านสีเหลืองที่ชวนอบอุ่น 

“มีคนเคยบอกกับผมไว้ว่า อย่าไปเสียดายความสัมพันธ์ที่เขาไม่รู้สึกโชคดีที่มีเราอยู่”

“เพราะงั้นอย่าร้องไห้เลยนะครับ”

“...ทำไม!? ถึงมาทำดีกับฉันล่ะคะ”

“ขอโทษทีนะครับที่พูดจาอะไรแปลกๆ ผมแค่ไม่อยากเห็นคุณร้องไห้มันก็แค่นั้น...”

ในตอนนั้นฉันไม่รู้ว่าทำไมเค้าถึงถามกับฉันแบบนั้นทั้งๆที่เราไม่ได้รู้จักกันเลย แต่คนคนนี้รู้สึกถูกชะตาอย่างบอกไม่ถูก อาจจะเป็นจังหวะที่เรารู้สึกไม่ดีและก็บังเอิญที่เขาอยู่ตรงนั้นพอดี หญิงสาวทำได้เพียงคิดทบทวนทั้งหมดก่อนที่ชายคนนั้นจะเดินหันหลังไป

แผ่นหลังกว้างกับส่วนสูงที่ดูสง่างาม ไม่รู้แม้กระทั่งชื่อของเขา ไม่รู้ว่าเขาทำแบบนั้นไปทำไม รู้แค่เพียงว่าเขาทำให้น้ำตาและความโศกเศร้าของฉันหายไปช่วงเวลาหนึ่ง ถึงจะเป็นแค่ช่วงเวลาเดียวนั่นก็ทำให้ฉันได้หยุดพักหายใจ

Chapter 2 สายตา

<ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด......>

เสียงของนาฬิกาปลุกดังขึ้นเป็นสัญญานแห่งการเริ่มวันใหม่ในทุกวันแสงอรุนยามเช้าสาดส่องเข้ามาในห้องนอนของสาวร่างบางผ้านวมที่พันอยู่รอบตัวเธอเผยให้เห็นเพียงเส้นผมที่ลอดออกมาจากผ้านวมก็เท่านั้นร่างกายของเธอขดไปมาเพราะแอร์ในห้องนอนที่เปิดจนเย็นเฉียบพร้อมกับเสียงที่น่ารำคาญของนาฬิกาปลุก 

สาวร่างบางม้วนตัวออกไปจากผ้านวมได้สำเร็จก็รีบคว้ามือไปปิดนาฬิกาปลุกทันที ก่อนที่เธอจะบิดร่างกายให้รู้สึกดีขึ้น พร้อมไปปิดผ้าม่านที่แสงอรุณยามเช้าสาดเข้ามาอีกด้วย

“อึก สงสัยเมื่อคืนกลับดึกไปปวดหัวชะมัดเลย” เธอพึมพำออกมาด้วยเสียงที่งัวเงียก่อนจะรีบไปล้างหน้าล้างตาเพื่อให้เธอตื่นจากการนอนสักที

“ฮัลโหลค่ะ สั่งอาหารหน่อยค่ะขอเป็นชุดอาหารเช้าที่หนึ่งค่ะ”

“ครับ ชั้น 16 ห้อง 2 ใช่ไหมครับ”

“ใช่ค่ะ”

หลังจากที่เธอสั่งอาหารจากคอนโดที่ตนเองอยู่แล้วสาวร่างบางก็นั่งเล่นโซเชียลไปสักพัก ก่อนที่เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ของเธอจะขัดจังหวะขึ้น

“ฮัลโหล เฟรม เเกอยู่ห้องใช่ปะ”

“อืมใช่ มีไรเหรอ”

“ก็วันนี้เรานัดทำโปรเจกกันไม่ใช่แงะ”

“หะ!? อ๋อ..เออจริงด้วย”

“แกโอเคปะเนี่ย เสียงดูเหมือนป่วยๆเลย”

“ปวดหัวนิดหน่อยแต่ไม่เป็นไร-”

ไม่ทันที่สาวร่างบางจะคุยกับเพื่อนที่อยู่ปลายสายให้จบก็มีเสียงแทรกขึ้นมาที่ไม่ต้องบอกก็รู้ได้ว่าใครที่อยู่กับ ปลาย เพื่อนสนิทของเธอ

“ปลายๆ เฟรมป่วยแงะ เป็นไงบ้างอ่ะ กินไรยัง ให้ฉันซื้อยาไปให้ไหม”เสียงที่ร้อนรนและกระวนกระวายเช่นนี้คือเพื่อนของเธออีกคนหนึ่ง

“โอ้ยย!! ไอ้กาลมึงจะโวยวายอะไรนักหนาเนี่ย”

“เฟรมมันไม่ได้เป็นอะไรมาก”

“555 เออใช่ๆฉันไม่ได้เป็นไร”

สาวร่างบางหัวเราะออกมาพร้อมกับยิ้มให้กับปลายเสียงที่พยามบอกให้ กาล เพื่อนผู้ชายคนเดียวในกลุ่มใจเย็นลง

หลังจากคุยกันได้สักพักทั้งคู่ก็มาถึงหน้าห้องของสาวร่างบางเพื่อมาทำโปรเจคถึงพึ่งจะเข้ามหาลัยมาได้แค่ปีเดียวเท่านั้นแต่สำหรับคณะสถาปัตย์ที่พวกเธอเรียนก็คงไม่ยอมให้มีเวลาว่างกันเลย และในระหว่างนั้นพนักงานบริการของคอนโดนี้ ก็ขึ้นมาส่งอาหารมื้อเช้าให้กับสาวร่างบางพอดี

“ทั้งหมดเท่าไหร่เหรอคะ”

“109 บาทครับ”

สาวร่างบางเดินไปที่หัวเตียงเพื่อจะหยิบเงินในกระเป๋าตังให้กับพนักงานบริการ แต่กลับไม่พบกระเป๋าตังที่ตั้งอยู่เธอจึงค้นดูรอบๆด้วยความร้อนลน

“เฟรม มีไรป่าว”

“กระเป๋าตังฉันหายไปไหนไม่รู้ว่ะ”

“งั้นฉันจ่ายให้ก่อนละกัน”

“เอ่ออ คือขอบคุณนะ”

“ว่าแต่เธอไปทำหายที่ไหนล่ะ” กาลที่กำลังเก็บเงินหลังจากจ่ายให้กับพนังงานบริการลงกระเป๋าตังถามขึ้นมา

สาวร่างบางครุ่นคิดอยู่พักนึงก่อนที่ เรื่องเมื่อคืนจะแวบเข้ามาในความทรงจำของเธอหลังจากที่เธอได้เจอกับชายคนนั้นเธอก็รีบเดินออกไปเพราะในตอนนั้นมันดึกมากแล้ว และในระหว่างนั้นเธอคงจะทำกระเป๋าตกไว้

“น่าจะเป็นร้าน Promise the moon ร้านอาหารที่ฉันไปเมื่อคืนนั่นแหละ”

“งั้นเหรอ”

-จะว่าไปผ้าเช็ดหน้าก็ยังไม่ได้คืนให้ผู้ชายคนนั้นเลยนี่หน่า- สาวร่างบางคิดในใจก่อนที่จะหันไปมองลิ้นชักที่อยู่ข้างโต๊ะที่มีผ้าเช็ดหน้าอยู่

และหลังจากนั้นทั้งสามคนก็นั่งทำโปรเจคกันไปยาวๆถึงแม้วันนี้จะเสร็จเพียงครึ่งเท่านั้น แต่อย่างน้อยก็ได้ทำทั้งสามคนเป็นเพื่อนกันตั้งแต่มัธยมปลายจนถึงมหาลัยเดียวกันก็ทำให้มีความผูกพันไม่มากก็น้อย เสียงเพลงที่เปิดไว้ระหว่างทำงานให้ความรู้สึกสนุกถึงแม้จะเหนื่อยกันมากแค่ไหน แต่ก็มีความสุขดีที่ได้ทำงานร่วมกัน

“เออจริงสิ ร้านอาหารที่เธอไปเมื่อคืนฉันว่าพี่ดรีม น่าจะรู้จักนะ ลองถามพี่เขาดูไหม” ปลายพูดขึ้นมาหลังจากที่ตนเองนั่งคิดถึงร้านอาหารที่เพื่อนอย่างเฟรมพูดถึง

“งั้นฉันลองโทรหาพี่เขาก่อนละกัน”

<ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด.....>

“อะ รับแล้ว”

“ไง นานๆทีจะโทรหาพี่นะเจ้าน้องรหัสคนนี้นี่”

“เอ่ออ คือว่าพี่ดรีมรู้จักร้าน promise the moon ไหมคะ?”

“พอดีหนูทำกระเป๋าตังหายน่ะค่ะอาจะทำตกไว้ที่นั่น”

“อ๋อ ตอนนี้พี่อยู่ร้านนี้พอดีน่ะพึ่งได้มากินข้าวเที่ยงเอง”

“งั้นเหรอคะ”

“เดี๋ยวพี่ถามเพื่อนพี่ให้นะ มันเป็นพนักงานร้านนี้น่ะ”

“ค่ะ รบกวนด้วยนะคะ”

เสียงปลายสายเงียบไปสักพัก สาวร่างบางใจจดใจจ่ออยู่กับโทรศัพท์เพราะเธออยากได้กระเป๋าตังคืน

“ใช่กระเป๋าสีฟ้าที่มีสติกเกอร์ดวงจันทร์ติดอยู่ไหมครับ”

เสียงทุ้มอ่อนนุ่มพูดขึ้นมายังปลายสาย สาวร่างบางอึ้งไปสักพักเมื่อเสียงนั้นพูดขึ้น

“เอ่ออ น้องได้ยินไหมครับ”

“.........”

ใช่คนที่เจอเมื่อคืนไหมนะ ทำไมฉันถึงพูดอะไรไม่ออกเลยล่ะความคิดในหัวของสาวร่างบางตีกันไปจนหมดความรู้สึกแบบนี้มันอะไรกัน

“....ช่ะใช่ค่ะของหนูเองค่ะ”

สาวร่างบางตะกุกตะกักตอบออกไปเมื่อรู้สึกว่าตนเองเงียบไป เมื่อเสียงปลายสายตอบดังนั้นทำให้ใบหน้าของชายร่างสูงเลิกคิ้วขึ้นพร้อมยิ้มออกมา

“ครับ งั้นก็-” ไม่ทันที่ชายร่างสูงจะตอบกลับไปก็โดนแย่งมือถือจากเพื่อนของตนหรือว่าพี่รหัสอย่างดรีมที่อยู่ๆก็รู้สึกแปลกๆเมื่อเห็นใบหน้าของ เหนือ 

“อะไรของมึงเนี่ย ไอ้เหนือทำหน้าตาแบบนั้นหมายความว่าไร”

“กูไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย”

เสียงเถียงกันระหว่างพี่รหัสกับชายร่างสูงทำให้สาวร่างบางและเพื่อนๆของเธอต่างพากันงง ก่อนที่เสียงจะถูกตัดออกไป และเปลี่ยนเป็นข้อตวามที่ถูกส่งมาแทน

12:45

น้องเฟรมรบกวนมาที่ร้านได้ไหม : พี่ดรีม

เดี้ยวพี่เลี้ยงข้าวเอง : พี่ดรีม

และในที่สุดทั้งสามคนก็มาถึงร้านอาหารแบบงงๆแต่จริงก็คือได้ทานอาหารฟรีเลยรีบออกจากห้องโดยไม่ได้คิดอะไรมาก บรรยากาศโดยรอบดูอบอ้าวมากจริงๆแสงแดดจัดจนแถบจะสุกเลยก็ว่าได้ เป็นเพราะว่าทั้งสามอยู่ในห้องแอร์มาตั้งนานด้วยไม่แปลกที่จะปรับตัวไม่ทัน

-แดดร้อนชะมัดเลย คิดถูกหรือคิดผิดที่ออกมาจากคอนโดวะเนี่ย- ทั้งสามคนคิดแบบนั้นก่อนที่จะรีบเดินเข้าร้านอาหารไป

พอได้เข้ามาในร้านอาหารก็ทำให้รู้สึกดีขึ้นมาหน่อย ลูกค้าในร้านเยอะพอที่จะไม่มีที่นั่งก็ไม่แปลกแต่ทั้งสามก็ต้องสดุดตากับพี่ดรีมที่โบกมือจากมุมของร้านอย่างตื่นเต้น

“มาๆ นั่งกันก่อนพี่เลือกอาหารไว้ให้แล้วนะรับลองว่าถูกใจทุกคนแน่นอน”

“ครับ/ค่ะ จะทานให้อร่อยเลย”

เพื่อนสนิทของสาวร่างบางนั่งกินอย่างเอร็ดอร่อยก่อนที่จะสังเกตได้ถึงสาวร่างบางที่นั่งหันซ้ายทีหันขวาทีเหมือนกำลังมองหาอะไรอยู่

“เฟรมมีไรป่าว”

“อ๋อ..ป่าวๆไม่มีไร”

-เป็นอะไรของเรากันเนี่ย- สาวร่างบางคิดในใจก่อนที่จะตัดสินใจลุกออกไปเพื่อไปหาบางอย่าง

“หนูขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ”

ทุกคนที่อยู่ร่วมโต๊ะ ก็พากันมองแต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมีเพียงแค่พี่รหัสที่ยิ้มตอบรับก็เท่านั้น

สาวร่างบางเดินมาที่หลังร้านและหยุดอยู่ที่เก้าอี้ตัวเดิมที่เธอเคยนั่งก่อนจะมองไปรอบๆแต่ก็ไม่เห็นอะไร อยู่ๆสีหน้าของเธอก็ผิดหวังขึ้นมา

“เฮ้ออ หายไปไหนกันนะ”

“หาอะไรอยู่หรอครับ”

เสียงจากด้านหลังของสาวร่างบางดังขึ้นทำให้เธอหันไปสบตากับชายร่างสูงที่อยู่ตรงนั้น นัยน์ตาจ้องกันสายลมที่พัดผ่านมา ความรู้สึกบางอย่างเริ่มก่อตัวขึ้นครั้นเรา สบตากัน

Chapter 3 แสงเหนือ

“ใช่กระเป๋าตังใบนี้หรือป่าวครับ”

“อ๋อ ใช่ค่ะ ขอบคุณนะคะ”

สาวร่างบางตอบรับอย่างง่ายดายก่อนจะรับกระเป๋าตังจากชายร่างสูงคนนั้นเขาพยักหน้ายิ้มตอบรับก่อนที่จะหันหลังเดินออกไป

-จะไปแล้วงั้นหรอ ทำไงดีล่ะ-เสียงของสาวร่างบางที่เอาแต่คิดก่อนที่เธอจะตัดสินใจรั้งเขาคนนั้นไว้

“เด..เดี๋ยวก่อนค่ะ ใช่คนที่เจอเมื่อคืนไหมคะ”

“ครับ ใช่พี่เอง”

“นี่ค่ะ ผ้าเช็ดหน้าที่ให้ไว้แต่น้องซักให้แล้วนะคะ”

ชายร่างสูงยื่นมือออกไปเพื่อรับผ้าเช็ดหน้าจากมือของสาวร่างบางพร้อมกับพยักหน้าตอบรับพลางพูดกับสาวร่างบางต่อเพื่อไม่ให้บทสนทนามันเงียบ

“น้องชื่ออะไรเหรอครับ”

“เฟรมค่ะ”

“เป็นน้องรหัสของดรีมมันใช่ไหม”

“ใช่ค่ะ”

“อ๋อ พี่ชื่อ เหนือ นะน้องน่าจะได้ยินที่ดรีมมันพูดแล้วตอนคุยโทรศัพท์กัน”

สาวร่างบางพยักหน้าตอบกลับไปพร้อมกับรอยยิ้มอ่อนๆที่ปรากฏบนใบหน้าของเธอ ชายร่างสูงที่เห็นดังนั้นก็เขยิบเข้ามาหาเธอพร้อมกับก้มมองใบหน้าของหญิงสาวอย่างตั้งใจ ระยะห่างของส่วนสูงมันลงตัวพอดีที่จะทำให้คนที่สูง 170 อย่างเฟรมดูตัวเล็กลงไปเลยเมื่อยืนเทียบกับคนที่ตัวสูงถึง 187 อย่าง เหนือ

“อื้ม พอน้องยิ้มแบบนี้แล้วน่ารักขึ้นเยอะเลยนะ”

“คะ!? คือ..”

สาวร่างบางที่โดนกระทำแบบนั้นเลิ่กลั่กขึ้นมาทันที ความที่เธอทำตัวไม่ถูกต่อหน้าคนแบบนี้ที่เพิ่งรู้จักกันได้ไม่นาน ทำให้ชายร่างสูงที่เห็นดังนั้นก็ได้เกิดความเอ็นดูเธอ รอยยิ้มแสนละมุนของเหนือถูกมอบให้กับเฟรมผู้หญิงตรงหน้าของเขา

“เฮ้ยย!! แยกๆพอเลยพอเลยมึงทำอะไรกับน้องรหัสของกูววว หะ!!”

พี่รหัสอย่างดรีมที่เดินผ่านมาหลังร้านพอดีเพื่อที่จะมาตามเหนือแต่ก็ต้องมาเจอกับภาพแบบนั้น ด้วยความหวงน้องรหัสเป็นอย่างมากเธอจึงรีบเข้าไปเพื่อขัดขวางก่อนที่จะเกิดไรขึ้นมากกว่านี้ (มามี้ท่านหนึ่ง)

“อะไรของมึงเนี่ย กูยังคุยกับน้องเค้าไม่จบเลย”

“ไม่ กูไม่ให้คุย...ว่าแต่คุยเรื่องไรวะ”

“โว๊ะ!! มึงนี่มัน”

สาวร่างบางที่ยืนอยู่หลังพี่รหัสได้แต่หัวเราะกับท่าทีของทั้งสองคนที่ได้สนทนากัน ไออุ่นจากแดดได้สาดส่องเข้ามาพร้อมลมเย็นๆที่ผัดโชยเข้ามาใบหน้าของทั้งสามที่มีแต่รอยยิ้มบนหน้าความสุขเล็กๆน้อยๆ

<ตู๊ด..ตู๊ด...ตู๊ด...>

“ฮัลโหล เฟรม”

“เธออยู่ไหนอ่ะไม่ได้เกิดเรื่องไม่ดีใช่ไหม”

“ฉันอยู่หลังร้านอ่ะ เดี้ยวจะเข้าไปและ”

“งั้นแค่นี้ก่อนนะ”

“โอเค โอเค”

เพื่อนผู้ชายที่เป็นห่วงเธอโทรมาหาเพราะเห็นว่าสาวร่างบางไปนานมากแล้ว พี่รหัสและชายร่างสูงที่เห็นดังนั้นได้หยุดชะงักลงก่อนจะหันมามองหน้ากันอย่างสงสัย

“โหห เฟรมถ้ามาช้ากว่านี้อาหารจะหมดเอานะ” เพื่อนสนิทอย่าง ปลาย พูดขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนของตนเดินมาพร้อมกับพี่รหัสและชายอีกคนพร้อมกับมือที่ตักอาหารใส่จานตัวเองอย่างไม่หยุดหย่อน

“อย่างน้อยก็มีอยู่ กินด้วยดิ”

“อะ นี่ฉันตักเอาไว้ให้แล้ว” กาลยื่นจานอาหารมาให้กับเฟรม สาวร่างบางที่เห็นดังนั้นก็พยักหน้าตอบรับ

หลังจากที่ทานอาหารเที่ยงกันเสร็จเรียบร้อยพี่ดรีมก็แนะนำพี่เหนือให้กับเพื่อนๆของฉันได้รู้จัก แถมบทสนทนาที่คุยด้วยกันก็ผ่านไปได้ด้วยดีก่อนที่จะแยกย้ายกันไปพี่เหนือจึงถามคำถามต่อ

“เห็นว่าพวกน้องกำลังทำโปรเจคที่จารย์เขาสั่งอยู่ใช่ไหม”

“ใช่ค่ะ/ครับ” ทั้งสามตอบอย่างพร้อมเพียง

“ให้พวกพี่ช่วยไหม”

“แคก แคก....” พี่ดรีมที่กำลังดื่มน้ำอยู่สำลักออกมาก่อนจะหันไปมองหน้าของเหนือที่ตอนนี้ยิ้มร่าออกมาเธอดึงแขนเสื้อของเขาก่อนที่จะกระซิบในสิ่งที่ตนคิด

“มึงงานเราก็ยังไม่เสร็จเลยนะ”

“แล้วมึงไม่อยากช่วยน้องรหัสของมึงแงะ”

คำตอบนั้นทำให้พี่รหัสไปไม่ถูกเลยทีเดียว ถึงแม้งานของตนจะกองเป็นภูเขาแต่งานของน้องรหัสต้องมีส่งและเสร็จเท่านั้นน!!

“...เอ่อคือถ้าพี่ดรีมไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรนะคะ”

“ใคร๊ ใครเขาบอกกันว่าพี่ไม่สะดวก สำหรับน้องเฟรมพี่ว่างได้เสมอค่ะ”

“งั้นก็รบกวนด้วยนะคะ”

ชายร่างสูงที่เห็นดังนั้นเอามือขึ้นมาเท้าคางก่อนจะเอียงหัวเล็กน้อยพร้อมยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเลห์นัยต์ตาจ้องไปที่สาวร่างยางที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม สิ่งที่เขาได้ตัดสินใจช่วยถึงแม้เขาแทบจะไม่มีเวลาเลยก็ตามก็คงเพราะ.....

“มึงงง ไอ้เหนือเพื่อนมึงอ่ะมันสร้างเรื่องให้กูอีกและ”

“อะไร ทำไม ยังไง?”

หลังจากที่น้องๆทั้งสามคนกลับไป เพื่อนของชายร่างสูงก็มาพอดีพวกเขาจึงคุยกันต่อกับเรื่องที่เพื่อนอย่าง บอนซ์ มาไม่ทัน

“ก็มันจะให้พวกเราไปช่วยน้องรหัสกับเพื่อนน้องทำโปรเจค”

“ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอวะ”

“ดี มันก็ดีแหละ แต่มึงอ่ะคงไม่ได้ไปแค่ช่วยงานใช่ไหม”

ดรีม ผู้หญิงแกร่งคนเดียวในกลุ่มหันมาชี้หน้าเหนืออย่างจับผิด ความที่เซนส์ของผู้หญิงมันแรงมากชายร่างสูงที่เห็นดังนั้นได้แต่ยิ้มมุมปากพร้อมกอดอกของตัวเองด้วยท่าทีที่มั่นใจ

“หรือว่า...มึงสนใจน้องเขา” บอนซ์เสริมขึ้นเมื่อเห็นปฏิกิริยาแปลกๆจากเพื่อนของเขา เพียงอึดใจเดียวเหมือนที่มาแค่มองตาก็รู้ใจ

“เชี่ยยย จริงป่ะเนี่ย” คำอุทานหลุดออกมาจากเพื่อนทั้งสองคน ก่อนที่จะรีบปิดปากของตนเพราะพึ่งรู้ตัวว่าทั้งสองรีแอคดังเกินไป

“เฮ้ออ ไอ้เหนือมึงปล่อยน้องเขาไปมีอนาคตเถอะ”

“กูนี่ไง อนาคตของน้องเขา”

ชายร่างสูงทำหน้าอย่างทะเล้นก่อนจะก้มหน้าจิ้มมือถือต่อเขาพิมพ์ข้อความตอบกลับที่ส่งมาได้ไม่นานเพื่อนทั้งสองคนที่เห็นก็ได้แต่ส่ายหน้าให้กับท่าทีของชายร่างสูง

“เออว่าแต่มึงไม่เป็นไรแล้วแงะวะเรื่องเมื่อวานอ่ะ”

“......”

“อืม...ไม่เป็นไรแล่ว”

เพื่อนสาวอย่างดรีมได้แต่มองหน้าของเพื่อนผู้ชายที่บทสนทนาดูตึงขึ้นมา

“พอดีคืนนั้นกูได้เจอ-”

ไม่ทันที่บทสนทนาจะไปต่อพี่ชินที่เป็นหัวหน้าในพนักงานเสริฟก็ขัดขึ้นมาซะก่อน

“แหม เหนืออยู่นี่นี่เอง”

“เมื่อคืนก็หายไปทั้งคืนเลย”

“คร้าบบ ขอโทษทีครับพอดียุ่งๆนิดหน่อย”

“งั้นกูไปทำงานก่อนนะ”

ชายร่างสูงบอกลาเพื่อนๆก่อนที่จะเตรียมตัวไปทำงานต่อ ในทุกวันเสาร์และอาทิตย์เขาก็จะมาทำงานพิเศษในช่วงเช้าแต่ถ้าเป็นวันธรรมดาเขาก็จะรับจ็อบทำแค่เฉพาะช่วงกลางคืนเท่านั้น ยังดีที่พี่ชินเป็นคนรู้จักกับพ่อและแม่ของเขาเลยทำงานได้สะดวกหน่อย

บรรยากาศในห้องเงียบซะจนไม่มีบทสนทนาอะไรเลยมีเพียงแค่ สาวร่างบางกับเพื่อนชายของเธอที่นั่งทำงานอีกอันอยู่ส่วนเพื่อนสาวอย่างปลายที่พ่อได้กินของอร่อยก็หนังตาหย่อนลงไปเลยเธอจึงนอนอยู่บนเตียงของสาวร่างบางจนกระทั่ง กาล ได้ถามกับ เฟรมที่นั่งอยู่ตรงข้ามกัน

“.....เออ เฟรขอถามไรหน่อยดิ”

“อืมม มีไรอ่ะ”

สาวร่างบางผละหน้าตนเองออกจากหน้าจอคอมพิวเตอร์พร้อมกับหันไปสนใจ กาล ที่กำลังจะถามกับเธอ

“เธอรู้จักพี่ เหนือ อยู่แล้วรึเปล่าอ่ะ”

“ไม่รู้ว่าจะใช้คำว่ารู้จักได้ไหม ก็แค่คนที่บังเอิญเจอกันเฉยๆและพอรู้อีกทีก็กลายเป็นคนรู้จักในวันนี้เฉยเลย”

“อ่อ ว่าแต่เจอกันได้ไงหรอ”

“หืม?!”

สาวร่างบางที่นึกว่าหมดคำถามแล้วก็เลยจะหันมาสนใจหน้าจอคอมต่อ กลับต้องเอียงหัวด้วยความสงสัยเล็กน้้อยที่เพื่อนถามอย่างนั้นแต่ก็คงต้องตอบไปเพราะใบหน้าของกาลดูจริงจังมาก

“เจอกันเมื่อคืนอ่ะ”

สาวร่างบางนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจพูดออกไปให้กาลได้รู้

“....กาล”

“ว่า”

“ฉันไม่ได้คบกับพี่ว่านแล้วนะ”

“แล้วเธอโอเคไหม”

เพื่อนผู้ชายอย่างกาลถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงก่อนจะเดินไปนั่งข้างๆสาวร่างบาง

“ถ้าตอบว่า โอเค ก็คงแปลกล่ะนะ”

“คิดว่าจบแบบนี้มันดีแล้วรึเปล่า”

“....ฉันอยู่ในจุดที่เลือกอะไรได้ด้วยหรอ”

สาวร่างบางตอบกลับคำถามกาลพลางน้ำตาคลอเบ้าจะเอ่อล้นออกมาทุกวินาที เธอเอามือขึ้นมาบังหน้าอีกเช่นเคย กาลที่นั่งอยู่ข้างๆกำลังที่จะเอามือมาปลอบเธอแต่สายเรียกเข้าของโทรศัพท์ก็ขัดจังหวะพอดี สาวร่างบางรีบปาดน้ำตาพร้อมดูโทรศัทพ์ว่าใครโทรมาก็พบก็เลขที่ไม่คุ้นก่อนที่เธอจะขอตัวออกไปรับโทรศัพท์ที่ระเบียงห้อง

“ฮัลโหลค่ะ”

“เอะ นึกว่าจะไม่รับซะแล้ว”

“พี่เหนือเหรอคะ”

“......”

ถึงแม้สาวร่างบางจะปาดน้ำตาออกแต่ก็ยังหลงเหลือความรู้สึกนั้นอยู่ดี ทำให้คนที่อยู่ปลายสายอย่างเหนือรู้ได้ทันที ก่อนจะถามด้วยเสียงทุ้มอ่อนนุ่มเหมือนกับครั้งนั้น

“ร้องไห้งั้นเหรอครับ”

“......”

น้ำตาที่คลอเบ้าอยู่กับเอ่อล้นออกมาไม่มากก็น้อยเมื่อได้ยินคำถามนั้น ก่อนที่เธอจะรีบกลบเกลื่อน

“ฮึก ฮึ ปล่าวค่ะ ไม่ได้ร้อง”

“อืมมม เอาผ้าเช็ดหน้าไปให้ไม่ได้ด้วยสิ”

“ฮะ ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ได้ร้องจริงๆ”

“ให้พี่อยู่เป็นเพื่อนไหม”

“เอ่ออ คือ..”

สาวร่างบางไม่ทันจะตอบออกไปแต่เสียงที่ดังแทรกมาที่ปลายสายก็ขัดขึ้นก่อน เสียงของพี่ชินที่ตามตัวเหนือให้ไปเสริฟ์อาหารดังขึ้น

“เหมือนพี่จะไม่ว่างนะคะ”

“เออะ โทษทีด้วยนะน้อง”

“น้องโอเคขึ้นแล้ว”

“ถ้าไม่เป็นไรก็ดีแล่ว พี่คงห้ามไม่ให้น้องร้องไห้ได้แต่ถ้าน้องร้องไห้แล้วมันจะทำให้น้องดีขึ้นก็ร้องออกมาเถอะครับ”

“ค่ะ ขอบคุณนะคะ”

“อื้ม แล้วก็นี่เบอร์พี่นะ เมมไว้ด้วยนะครับ”

“รับทราบค่ะ”

สิ้นสุดการโทร บรรยากาศข้างนอกระเบียงในตอนใกล้4โมงเย็นแสงแดดอุ่นๆกับลมเย็นๆที่พัดโชยมา ไม่รู้ทำไมการที่พี่เขาโทรมาในเวลาแบบนี้มันทำให้ฉันรู้สึกดีมากกว่าเดิม เหมือนไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว สาวร่างบางเมมเบอร์ของชายร่างสูงไว้ เธอพิมพ์ไปพลางยิ้มออกมาด้วยความสุขที่เหมือนกับฟ้าหลังฝน สำหรับฉันคงจะเป็นฝนหรือพายุที่โหมกระหน่ำแต่อย่างพี่เหนือคงจะเป็นแสงแดดไม่ก็ดวงอาทิตย์ ที่ทั้งร้อนและอบอุ่นเมื่อเข้าใกล้อย่างบอกไม่ถูก

ในคราวที่ฝนตกเราคงมองไม่เห็นดวงอาทิตย์เลยแต่มันอยู่กับเราตลอดและจะโผล่มาหลังจากฝนที่ค่อยๆซาลงมาแสงแดดชวนอบอุ่นที่อยากอยู่ใกล้

ก่อนที่เธอจะเมมชื่อในโทรศัพท์ว่า แสงเหนือ

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!