NovelToon NovelToon

แสงในเงามืด

บทที่1: เสียงในใจ

ความฝันของฉันเริ่มต้นจากเสียงที่สะท้อนอยู่ในใจทุกครั้งที่ฉันหลับตาลง... เสียงของความหวัง เสียงของความต้องการที่ยังคงถูกเก็บซ่อนไว้ในมุมที่มืดมิดที่สุดของจิตใจ ฉันรู้สึกว่าเส้นทางที่ฉันต้องเดินไม่ใช่เส้นทางที่ใครๆ คาดหวัง แต่เป็นเส้นทางที่ตัวฉันเองต้องการเดินไป

"ทำไมต้องเป็นแบบนี้?" ฉันถามตัวเองเสมอๆ เมื่อความคาดหวังจากคนอื่นหนักอึ้งเกินกว่าที่จะทนรับได้ ความคาดหวังที่ไม่ได้มาจากการถามสิ่งที่ฉันอยากจะเป็น แต่กลับเป็นการตั้งคำถามที่ว่า "ทำไมไม่ทำเหมือนที่คนอื่นทำ?" หรือ "ทำไมไม่เรียนในสิ่งที่เราบอกให้เรียน?"

พ่อแม่ของฉันไม่เคยถามเลยว่า "ลูกอยากทำอะไร?" หรือ "ลูกต้องการเป็นอะไร?" พวกเขาตั้งเป้าหมายให้ฉันเหมือนกับทุกคนที่ต้องการประสบความสำเร็จในโลกใบนี้ พวกเขาคาดหวังให้ฉันเรียนหนังสือดีๆ ทำงานที่มีความมั่นคง และมีอนาคตที่ชัดเจน แต่... มันไม่ใช่สิ่งที่ฉันต้องการเลย

ฉันอยากเป็นนักร้อง นักแสดง อยากสร้างช่อง YouTube และมีแฟนคลับที่ชื่นชมในตัวฉัน ไม่ใช่แค่เป็นคนทำงานที่ถูกกำหนดโดยระบบของสังคมและค่านิยมที่คนอื่นสร้างขึ้น แต่ทุกครั้งที่คิดถึงความฝันนั้น เสียงในใจของฉันกลับเงียบลง ฉันรู้ดีว่าถ้าพูดออกไป มันจะทำให้ทุกคนในบ้านผิดหวัง

“ทำไมต้องทำอะไรที่ไม่มั่นคง? ทำไมต้องเลือกทางที่มันมีความเสี่ยง?” เสียงเหล่านั้นดังขึ้นในหัวของฉันจนไม่มีที่ว่างให้ความฝันของตัวเองแทรกเข้าไปได้

เมื่อตอนเด็กๆ ฉันก็เคยมีความฝันเหมือนคนอื่นๆ อยากเป็นนักกีฬา อยากเป็นหมอ แต่ทุกครั้งที่เริ่มคิดว่าอยากทำอะไรใหม่ๆ พ่อแม่จะบอกว่า “ไม่ต้องคิดมากหรอก เรียนให้ดีๆ เดี๋ยวก็ได้ทำงานดีๆ เอง” พวกเขาบอกว่าทางที่ปลอดภัยคือทางเดียวที่ฉันควรเลือก

การเดินตามเส้นทางที่พ่อแม่เลือกให้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก สำหรับหลายๆ คนมันเป็นเรื่องธรรมดาที่จะต้องทำตามสิ่งที่ครอบครัวคาดหวัง แต่มันไม่ใช่สำหรับฉัน ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองถูกบังคับให้เดินบนเส้นทางที่ไม่เคยเป็นตัวของตัวเอง มันเหมือนกับการเดินในเงามืดที่มีแสงสว่างน้อยมากจนไม่สามารถมองเห็นทางที่แท้จริงได้

วันหนึ่ง ฉันตัดสินใจไปคุยกับแม่เกี่ยวกับความฝันของตัวเอง ถึงแม้ฉันจะกลัว แต่ในใจฉันรู้ดีว่าไม่พูดออกไปก็ไม่ต่างจากการยอมแพ้ให้กับความฝันนั้นตลอดไป

“แม่ค่ะ... หนูอยากจะเป็นนักร้อง นักแสดงค่ะ” ฉันพูดออกไปด้วยเสียงที่สั่นเครือ

แม่หันมามองฉันด้วยท่าทางที่เครียด “อย่ามาพูดเรื่องไร้สาระนะ ลูกต้องเรียนให้จบก่อน” น้ำเสียงของแม่ไม่ค่อยมีความเข้าใจเลย

“แม่... หนูรักสิ่งนี้จริงๆ อยากให้แม่เข้าใจ” ฉันพูดต่อ แต่กลับถูกตัดบทด้วยคำพูดที่คุ้นเคย “มันเป็นไปไม่ได้หรอก ลูกต้องไปเรียนให้ดี ทำงานที่มั่นคง และมีชีวิตที่ดีเหมือนคนอื่นๆ”

คำตอบของแม่ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนกับถูกทิ้งอยู่ในที่มืด ไม่มีทางออก และไม่มีทางที่ใครจะเข้าใจ

ในคืนนั้น ฉันหลับตาลงอีกครั้ง พร้อมกับเสียงที่ดังขึ้นในหัว “ทำไมต้องเป็นแบบนี้? ทำไมต้องทำตามที่คนอื่นคาดหวัง?” แต่คำตอบก็ยังคงเงียบหายไป เหมือนทุกๆ ครั้งที่ฉันถามตัวเอง

ฉันยังคงเดินทางต่อไปในเงามืดนั้น ไม่รู้ว่าจะเจอแสงที่แท้จริงเมื่อไหร่ แต่ในใจฉันยังมีแสงที่สว่างอยู่เสมอ แม้จะอ่อนแอลงบ้างจากการถูกกดทับด้วยความคาดหวัง แต่ฉันจะไม่ยอมให้เสียงในใจเงียบหายไป

บทที่ 2: ความเงียบที่แผ่ขยาย

ทุกวันที่ฉันตื่นขึ้นมา เหมือนกับการยืดเวลาการหลบหนีจากความเป็นจริงไปอีกหนึ่งวัน วันหนึ่งที่พยายามจะหลบหลีกเสียงที่บอกให้ฉันเดินตามเส้นทางที่ไม่มีความฝันของตัวเองอยู่ในนั้น เสียงของพ่อแม่ที่คอยบอกให้ฉันทำในสิ่งที่พวกเขาคาดหวัง ฉันรู้สึกเหมือนกับการถูกขังอยู่ในกรอบที่ไม่สามารถขยับไปไหนได้

“วันนี้ก็เหมือนทุกวัน...” ฉันคิดในใจ ขณะเดินไปยังห้องเรียนในมหาวิทยาลัยที่แม่เลือกให้ฉันเรียน ฉันไม่เคยรู้สึกเหมือนตัวเองในที่แห่งนั้น รู้สึกเหมือนเป็นแค่ผู้ชมที่นั่งอยู่ในที่ที่ไม่มีเสียงของตัวเอง

คำถามที่ค้างคาอยู่ในใจของฉันทุกวันคือ "ทำไมต้องทำแบบนี้?" มหาวิทยาลัยที่ฉันเรียนอยู่ไม่ใช่ที่ที่ฉันต้องการจริงๆ และสิ่งที่เรียนก็ไม่ใช่สิ่งที่ฉันรัก ถึงแม้จะเป็นสิ่งที่พ่อแม่ชอบและเห็นว่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับอนาคตของฉัน แต่มันกลับเป็นเหมือนกรงที่ขังฉันเอาไว้

ในช่วงเวลาว่างหลังเลิกเรียน ฉันมักจะหาที่เงียบๆ นั่งฟังเพลง หรือบางครั้งก็เปิดดูวิดีโอการแสดงจากนักร้องและนักแสดงที่ฉันชื่นชอบ มันเป็นช่วงเวลาที่ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองได้เป็นตัวของตัวเอง แม้จะเป็นแค่ในโลกของการฝันก็ตาม

“ถ้าได้เป็นนักร้องหรือทำ YouTube คงจะดี...” ฉันคิดพลางมองไปยังหน้าจอที่แสดงภาพนักร้องที่ทำตามฝันของตัวเองจนประสบความสำเร็จ ฉันรู้สึกอิจฉาพวกเขา เพราะพวกเขาทำในสิ่งที่รักและสามารถทำให้ชีวิตมีความหมาย

แต่เมื่อฉันกลับมายังโลกความจริง เสียงของพ่อแม่ก็ดังขึ้นในหัว “ลูกต้องเรียนให้ดีๆ ไม่ใช่มานั่งฝันแบบนี้หรอก”

วันนั้นฉันกลับบ้านด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด ฉันบอกตัวเองเสมอว่าไม่ควรฝันให้มากเกินไป เพราะมันทำให้ฉันรู้สึกเหมือนกำลังทำผิด แต่ในขณะเดียวกัน ฉันก็ไม่สามารถหยุดฝันได้ เพราะมันคือสิ่งเดียวที่ทำให้ฉันรู้สึกว่าตัวเองยังมีชีวิตอยู่

เมื่อถึงบ้าน ฉันพยายามจะเข้าไปในห้องและทำการบ้านให้เสร็จ แต่แม่กลับมาหาฉันและเริ่มพูดถึงเรื่องการเรียนอีกครั้ง

“ลูกต้องทำให้ดีกว่านี้นะ อย่าเอาแต่ฝันไปวันๆ ต้องจริงจังกับการเรียนบ้าง” เสียงของแม่แฝงไปด้วยความเครียดและความผิดหวัง

ฉันพยักหน้าและตอบไปอย่างที่เคยทำ “ค่ะ” แต่ในใจกลับร้อนรนและหวั่นไหว ความฝันที่แท้จริงของฉันยังคงถูกฝังอยู่ลึกๆ ในใจ

ท่ามกลางความเงียบที่แผ่ขยายในห้องนอนของฉัน ฉันพยายามบอกตัวเองว่าอย่าหวังมากเกินไป ไม่ควรฝันในสิ่งที่ไม่มีวันเป็นจริง แต่เสียงในหัวของฉันกลับบอกว่า “อย่าให้ใครมาหยุดฝันของเรา”

ในความมืดของห้องนอนที่เงียบสงัด เสียงในใจฉันยังคงดังอยู่ มันไม่ได้แผ่วเบา แต่กลับดังขึ้นเรื่อยๆ มันเหมือนกับการก้าวไปข้างหน้าท่ามกลางความกลัวและความกังวลที่มีอยู่ในใจ

“จะมีวันไหนที่ฉันจะได้ทำในสิ่งที่รักจริงๆ หรือ?” คำถามนี้ยังคงวนเวียนอยู่ในใจฉันทุกคืน

การต่อสู้กับความคิดในหัวไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ฉันก็รู้ดีว่าไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ความฝันของฉันจะไม่มีวันหายไป ฉันต้องหาทางออกจากกรอบที่พ่อแม่สร้างขึ้นให้ได้ แม้ว่ามันจะยากลำบากแค่ไหนก็ตาม

บทที่ 3: การตัดสินใจในความกลัว

วันแล้ววันเล่า ฉันยังคงเดินอยู่ในเส้นทางที่พ่อแม่เลือกให้ โดยไม่ได้ถามความคิดเห็นของฉันเลย ความรู้สึกในตัวฉันมันยังคงขัดแย้งระหว่างสิ่งที่พ่อแม่อยากให้ฉันเป็นกับสิ่งที่ฉันต้องการเป็น ฉันพยายามเก็บทุกความรู้สึกไว้ในใจ พยายามบังคับตัวเองให้ยอมรับสิ่งที่ไม่ได้เป็นตัวของตัวเอง

ในวันหนึ่งระหว่างที่ฉันนั่งอยู่ในห้องเรียน มองออกไปนอกหน้าต่าง มองดูต้นไม้ที่เขียวขจี รู้สึกถึงความเงียบสงบที่แฝงอยู่ท่ามกลางความวุ่นวายรอบตัว เหมือนเป็นช่วงเวลาที่ฉันได้แยกตัวออกจากโลกแห่งความจริงที่เต็มไปด้วยข้อกำหนดต่างๆ

โทรศัพท์ในกระเป๋าดังขึ้น เสียงที่คุ้นเคยทำให้ฉันต้องหยิบมันออกมา มองเห็นข้อความจากแม่ที่ส่งมา

“เรียนหนักๆ นะลูก อย่ามัวแต่ฝันไปวันๆ คิดถึงอนาคตตัวเองบ้าง”

ฉันอ่านข้อความนั้นแล้วใจหาย รู้สึกเหมือนถูกบังคับให้เลือกทางที่ไม่ใช่ของตัวเอง แต่สิ่งที่ฉันอยากได้กลับยังคงถูกกักขังไว้ในใจ ความฝันของฉันที่อยากจะเป็นนักร้อง นักแสดง หรือแม้กระทั่งการทำ YouTube กำลังถูกทิ้งไว้อย่างไร้ค่าในมุมมืดของหัวใจ

หลังจากเรียนเสร็จ ฉันกลับมาที่บ้าน ในบ้านที่เงียบเหงา มีเพียงเสียงโทรทัศน์จากห้องนั่งเล่นที่ดังอยู่ตลอดเวลา พ่อกับแม่ยังคงนั่งอยู่ที่มุมเดิม แม่ถามฉันอย่างเคยชิน

“วันนี้เรียนเป็นยังไงบ้าง? คิดถึงอนาคตตัวเองบ้างไหม?”

ฉันรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ความรู้สึกผิดเริ่มเข้าครอบงำ จึงตอบไปเพียงแค่ “ก็พอได้ค่ะ”

“ทำไมถึงยังไม่ตั้งใจเรียน? ที่เรียนอยู่นี้มันสำคัญมากนะ” แม่พูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยพอใจ

ในใจของฉันเต็มไปด้วยความสับสน ฉันอยากจะพูดออกไปว่า “แม่ครับ/ค่ะ ฉันไม่ชอบมันเลย ฉันอยากทำอย่างอื่นที่ฉันรัก” แต่ว่ามันเหมือนกับคำพูดนั้นจะติดอยู่ในลำคอ ฉันไม่สามารถพูดออกไปได้เลย

ตอนนั้นเองที่พ่อเงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดออกมาด้วยเสียงที่ดังกว่าเดิม “พวกเรามีความหวังกับลูกนะ เราอยากเห็นลูกมีอนาคตที่ดี อย่าทำให้พวกเราเสียใจ”

ฉันมองหน้าพ่อและแม่ แล้วตอบกลับไปในน้ำเสียงที่เบาหวิว “ผม/ฉันจะพยายามครับ/ค่ะ” แต่ในใจกลับรู้สึกเหมือนถูกบีบคั้นอย่างหนัก

หลังจากนั้น ฉันเดินขึ้นไปในห้องของตัวเอง พยายามจะหาทางหลบหนีจากคำพูดของพ่อแม่ ความคิดที่วกวนอยู่ในหัวก็คือ การใช้ชีวิตที่เต็มไปด้วยความกดดันและคาดหวังจากคนรอบตัว

“แล้วเมื่อไหร่ฉันจะได้เป็นตัวของตัวเอง?” ฉันถามตัวเองเบาๆ ขณะนั่งอยู่บนเตียง มองไปนอกหน้าต่างที่ตอนนี้เริ่มมืดไปแล้ว

ในขณะที่กำลังนั่งอยู่ในความเงียบของห้องนอน จู่ๆ โทรศัพท์ก็ดังขึ้นเป็นข้อความจากเพื่อนคนหนึ่งที่ฉันเคยคุยเรื่องการทำ YouTube และการเดินตามความฝัน

“เฮ้! สู้ๆ นะ! เราเชื่อในตัวเธอ อย่าหยุดฝันเด็ดขาดนะ”

ข้อความนั้นทำให้ฉันรู้สึกเหมือนมีใครสักคนที่เข้าใจและเชื่อในตัวฉัน ความรู้สึกที่ขาดหายไปนานกลับมาอีกครั้ง ฉันเริ่มคิดถึงสิ่งที่อยากทำจริงๆ แล้วหันไปมองกระดาษที่ฉันเคยเขียนแผนการทำงานเกี่ยวกับการทำ YouTube ไว้หลายเดือนก่อน

เสียงในใจดังขึ้นอีกครั้ง "ถ้าไม่เริ่มตอนนี้จะเริ่มเมื่อไหร่?"

คำถามนั้นทำให้ฉันเริ่มคิดอย่างจริงจัง ฉันรู้ดีว่าการเลือกที่จะเดินตามความฝันไม่ใช่เรื่องง่าย แต่หากยังไม่ลองเริ่มในวันนี้ วันพรุ่งนี้อาจจะไม่มีโอกาสให้เริ่มอีกแล้ว

คืนนี้ฉันจึงตัดสินใจในใจว่า ถึงเวลาที่ฉันจะต้องเผชิญหน้ากับความกลัว และเริ่มทำตามสิ่งที่ตัวเองอยากทำอย่างจริงจังเสียที แม้จะต้องเสี่ยงกับการต่อต้านจากพ่อแม่และความไม่เข้าใจจากคนรอบข้าง แต่ฉันเชื่อว่าการได้ทำในสิ่งที่รัก จะทำให้ฉันมีความสุขและสามารถมีชีวิตที่เป็นตัวของตัวเองได้ในที่สุด

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!