NovelToon NovelToon

Return​ Of​ The​ Cursed​ Devil​

บทนำ:

Return of the Cursed Devil : บทนำ​

หนังสือเล่มที่3และจุดเริ่มต้น

ณ​ สรวงสวรรค์​

เขตแดนอันมนุษย์​มิอาจย่างกราย  อันเป็นที่ซึ่งเหล่าทวยเทพ​ทั้งหลาย ต่างอาศัย​กันอยู่​ ​อย่างผาสุกสมบูรณ์​พร้อมไปด้วยสรรพสิ่ง

เป็นแขตแดนอันศักดิ์สิทธิ์​ที่สื่อถึงความยิ่งใหญ่​และความเจริญ​ยิ่งอย่างน่าเกรงขาม​

เหล่าตัวตนที่อยู่ที่นี่ได้นั้นไม่จำเป็นที่จะต้องพูดถึงสถานะ​ให้มากความ​ เหล่าผู้คนน้อยใหญ่ต่างก็รู้กันดีถึงพลังอำนาจ​ และบารมีอันล้นเหลือของพวกเขา​เหล่านั้น

จนมิอาจพรรณนาออกมาเป็นคำพูดได้​ สิ่งเหล่านี้จึงนับว่าเป็นตำนานที่เล่าขานกันมาอย่างเนิ่นนาน​  ของเหล่ามนุษย์​ผู้ต่อยต่ำบนผืนแผ่นดินของโลกใบนี้เลยทีเดียว

ว่าตัวตนเหล่านี้นั้นคือ"เทพ"

ด้วยความน่าเหลือเชื่อในอำนาจและพลัง​ของตัวตนที่เรียกว่าเทพนี้​ จึงทำให้เหล่ามนุษย์​ยุคก่อนอดีตกาล​ก่อนอภิมหาสงคราม​ครั้งนั้น ต่างเชื่อกันว่าเรื่ิองราวเกี่ยวกับเทพบนสรวงสวรรค์​นั้น​ ไม่มีอยู่จริง​ มันเป็นแค่นิทานหรือเรื่องราวที่ถูกร้อยเรียงขึ้นมา  ยังไง​ยังงั้น​

แต่จริงๆแล้วมันหาใช่อย่างนั้นไม่​ สิ่งเหล่านี้มีอยู่จริง​ และเหล่าเทพหลายตนต่างอาศัยอยู่กับมนุษย์เลยก็มี​

จนปัจจุบัน​แทบจะทุกที่​ จึงเกิดเผ่าพันธุ์​หนึ่งขึ้นนั้นก็​คือ​ เหล่าตัวตนครึ่งเทพ​ หรือมนุษย์ครึ่งเทพ

ซึ่งพวกเขาเหล่านี้นั้นก็คือผู้ที่สืบเลือดเนื้อเชื้อไข​เดียวกับสิ่งมีชีวิตอย่างเทพ​ จึงทำให้พวกเขามีความสามารถ​ทางกายภาพที่สูงส่ง​เยี่ยงเทพตามสายเลือดของตน

ถึงจะบอกว่าแทบจะทุกที่แต่การจะหาตัวตนเหล่านั้นให้เจอมันก็ยากแสนยาก ที่จะได้เจอตัวเป็นๆสักครั้งนึง

กลับมาเรื่องเดิมกันดีกว่า

อย่างที่รู้กันดีว่า"ตำนาน" นั้นคืออะไร​ 

มันคือเรื่องเล่าจากอดีตกาลใช่หรือไม่?

แล้วตำนานที่มนุษย์​เล่าขานนั้นเป็นเช่นไร

ตัวตนน้อยใหญ่ไม่ว่าจะสูงส่งหรือต้อยต่ำ​ ต่างต้องรู้ถึงเรื่องเหล่านี้​ เพราะมันก็แค่เรื่องพื้นๆที่จะต้องรู้กันทั่วไปกันแทบทั้งนั้น

และเรื่องราวที่เล่าต่อกันมาจากบรรพชนรุ่นก่อนนั้น​ก็มีมาอย่างช้านาน​ อาจจะตั้งแต่ยุคตนกำเนิดของโลกาและจักรวาลเลยก็ว่าได้

ตำนานเหล่านี้​นั้น​ บ้างก็ลี้ลับ​ บ้างก็โศกเศร้า​ บ้างก็อัศจรรย์​ ทั้งหมดทั้งมวลล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องราวที่มนุษย์​ต่างอนุมาน​ขึ้น​ จากสิ่งที่คิด​ สิ่งที่เห็น​ หรือสิ่งเป็นอยู่

เมื่อรู้กันดีอยู่แล้วว่าตำนานบนผืนแผ่นดินของโลกนั้น​ ที่มวลมนุษย์​ต่างเล่าขานกันมานั้นเป็นเยี่ยงไร

แล้วตำนานที่สูงส่งยิ่งกว่านั้นอย่าง

"ตำนานบนสรวงสวรรค์"

จะเป็นเช่นไรกัน!?

บรรยายมาถึงขนาดนี้แล้วจะให้มาหยุดเอากลางทันแล้วดำเนินเรื่องเลย​ ก็เห็นทีว่าจะไม่ได้​ งั้นก็ขอเล่าต่อเลยแล้วกัน

เหล่าทวยเทพทั้งหลายต่างเล่าขานกันมาอย่างเนิ่นนาน ซึ่งเรื่องราวเหล่านี้​ เรื่องราวอันน่าอัศจรรย์​จนพิศวง​ทั้งลึกลับ​ และน่าหวาดหวั่น​ สั่นคลอน​ทั่วทั้งอานาจักรแห่งสรวงสวรรค์​  แม้น​แต่ยมโลกหรือโลกมนุษย์​ก็ไม่วายเว้น

เมื่ิอในวันที่แสนจะรื่นรมย์​สงบสุขวันหนึ่ง​

ท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้ม​เหล่าเมฆา​สีหม่นหมองอันสื่อถึงลางร้ายเข้าปกครุมท้องนภาจนมืดทึบ​ ครานั้นเหล่าแสงสว่างจากดวงตะวันก็มิอาจสาดส่องลงมาได้ 

ขณะที่บรรยากาศ​เริ่มหมองหม่น​ บนท้องนภาอันมืดครึ้ม​นั้นก็ได้ปรากฏ​ ดวงแสงสีทองอร่ามดวงเล็กๆดวงหนึ่ง​ กำลังทอแสงสว่างไสวออกมาราวกับรุ่งอรุณ​ยามเช้า​อันดวงตะวัน​ได้สาดส่องลงมา​ยังผืนปฐพี

พร้อมกับอำนาจและกลิ่นอายของสิ่งที่เป็นโบราณ​กาลอันศักดิ์สิทธิ์​เหนือยิ่งกว่าสรวงสวรรค์​เป็นไหนๆ​

จนถึงขั้นที่เหล่าทวยเทพตั้งชื่ออันมีเกียรติ​ให้เจ้าสิ่งนี้ว่า​ "ดวงแสงเปิดสวรรค์​สร้างภพ"

เมื่อแสงสว่างเริ่มคงที่​ รอบๆดวงแสงก็เกิดการเปลี่ยนแปลง​อย่างฉับพลัน​

เหล่ามวลพลังของทุกสรรพสิ่ง​ เริ่มทยอยมนุนวนและหลั่งไหล​เข้าไปในดวงแสงดวงนั้นเป็นเส้นสาย​ ราวกับว่าเป็นหลุมดำอันศักดิ์สิทธิ์​ที่ดูดกลืนทุกสรรพสิ่ง​อย่างบ้าคลั่ง​ก็มิปาน​ ทั้ง​ เวทย์มนตร์​ พลังชีวิต​ พลังธาตุ​ พลังวิญญาณ​ พลังเซียน​

ทั้งหมดทั้งมวลล้วนถูกดูดกลืนเข้าไปในดวงแสงดวงนั้นอย่างบ้าคลั่ง​ เกิดเป็นคลื่นพลังอันหนาแน่น​ตลบอบอวล​ไปด้วยพลังที่ราวกับจะทำลายได้แม้กระทั่ง​สรวงสวรรค์​

เหล่าพลังทั้งหลายเริ่มปั่นป่วนม้วนตลบอย่างวุ่นวาย​ และไม่มีทีท่าว่าจะหยุด

จู่ๆทันใดนั้น​ ดวงแสงอันศักดิ์สิทธิ์​ก็หยุบตัวลงอย่างฉับพลัน​ แล้วขยายตัวและกระจายออกไปอย่างรุนแรง​ ด้วยพลังอันมหาศาลจนเกิน

กว่าจะบรรยาย​ออกมาเป็นคำพูด

เกิดการระเบิด​ขึ้นอย่างหนักหน่วงราวกับ​การระเบิดของดาวเคราะห์​ดวงหนึ่ง​ หาใช่จะเป็นอย่างอื่นไม่

ก่อเกิดเป็นคลื่นกระเพื่อม​ซัดหอบเอาพลังอันมหาศาลออกไปเป็นวงกว้าง​ กระจายไปทั่วทั้งท้องนภาของสรวงสวรรค์​อย่างบ้าคลั่ง​โดยมีดวงแสงศักดิ์​สิทธ์​เป็นศูนย์กลาง​

ด้วยผลกระทบ​อันเป็นการสั่นคลอน​สรวงสวรรค์​ก่อเกิดเสียงกู่ร้องของท้องฟ้าดังสนั่น​ ผืนปฐพีเริ่มสั่นคลอน​ ผืนแผ่นดิน​เริ่มแยกห่าง พายุคลั่ง​เริ่มก่อตัวขึ้นไปทั่ว​ทุกสารทิศ​ของสรวงสวรรค์​ โหมกระหน่ำซาดซัดผืนป่า​ ต้นไม้ใบหญ้า​ปริวว่อนไปทั่วทั้งท้องนภา​

เสียงหวีดหวิว​ของสายลมดังโหยหวนราวกับดวงวิญญาณ​นับแสนนับล้านที่คุ้มครั่ง​ส่งเสียง​กรีดร้องอย่างทรมาน​

ปรากฏ​การภัยพิบัติ​ทางธรรมชาติ​ต่างๆเริ่มเกิดขึ้นทันทีหลังจากดวงแสงทำการระเบิดพลัง

กลายเป็นหายนะครั้งมโหฬาร​ที่ได้เกิดขึ้นในตอนนี้

หมู่สัตว์ศักดิ์สิทธิ์​ไม่เว้นแม้แต่ทวยเทพ​ ต่างเกิดความกลหลวุ่นวายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน​

เหล่าทวยเทพทั้งหลายที่ถูกลูกหลงเมื่อพลังเหล่านี้ทะล่วงผ่านร่าง​ ตัวตนที่แข็งแกร่งก็ถึงกับทรุดตัว​ลง​ บางถึงกับกระอักเลือด​ บางตัวตนที่อ่อนแอ่ถึงกับสิ้นชีพ​ ไม่ต้องรวมถึงสิ่งมีชีวิต​ที่อ่อนแอ่กว่านั้น​ เหล่าสัตว์น้อยใหญ่ต่างล้มตายกันเป็นเบือ​ ก่อเกิดเป็นภาพอันน่าสยดสยอง​อย่างไม่เคยมีมาก่อน

เหล่าม่านพลังคุ้มครองอันแข็งแกร่ง​ที่ต้านท้านได้แม้กระทั่ง​แรงระเบิดของดาวเคราะห์​ ต่างสูญสลาย​หายไปราวกับว่ามันไม่เคยมีอยู่ในสถานที่แห่งนี้

เมื่อเช่นนั้นบ้านเมืองโบราณ​สถานหรือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์​ต่างๆ​ ก็พังพินาศ​ลงอย่างไม่มีชิ้นดี​ เศษซากของมหาวิหารต่างลอยละลิ่วไปตามแรงของพายุคุ้มคลั่ง​กระจัดกระจาย​อย่างระเนระนาด​อยู่บนท้องฟ้า

เมื่อเหตุการเช่นนี้เกิดขึ้นมีหรือที่เหล่าตัวตนหรือทวยเทพ​ชั้นสูงจะนิ่งเฉย​

เทพเจ้า​หลายต่อหลายองค์ถึงแม้จะอกสั่นขวัญผวา​ไปด้วยความกลัว​ ต่างก็พยายาม​ที่จะหยุดคลื่นพลังศักดิ์สิทธิ์​นี้สุดชีวิตเพื่อปกป้องตัวตนที่อ่อนแอ่กว่าแต่ก็หาเป็นผลไม่

คลื่นพลังศักดิ์สิทธิ์​ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด​ แม้นเหล่าทวยเทพ​นับแสนนับล้านองค์จะทุ้มเทกันสุดกำลังเข้าต่อต้านกับมันด้วยพลังทั้งหมดที่มี

ณ​ ตำหนักของจอมราชันย์​เทพเจ้า​

ตัวตนผู้อยู่จุดสูงสุดของสรวงสวรรค์​

ชายชราหนวดเครายาว​ สวมชดุอาภรณ์​สูงศักดิ์สีขาวเหลื้อมทอง​ นั่งอยู่บนบัลลังก์​อันศักดิ์สิทธิ์​ที่เคลือบด้วยแร่อัญมณี​อันเรอค่าดูน่าเกรงขาม​

บัดนี้ตัวตนผู้อยู่เหนือสรวงสวรรค์​ที่ทั้งเย็นชาราวน้ำแข็งที่แช่แข็งได้แม้กระทั่งโลก​ มีความเคร่งครึมเป็นที่สุดไม่สทกสะท้านกับอำนาจพลังกอัดใ​ดเลย 

ตอนนี้กำลังสั่นเทิ้มไปด้วยความกลัว​ เหงื่อเริ่มผุดพรายออกมาทั่วทั้งกาย​ หัวใจ​เริ่มสั่นระรัวอย่างรุนแรง​ราวกับจะหลุดออกจากร่าง​เมื่ออยู่ต่อหน้าพลังนี้

คลืน!!โครม!!

เสียงแผ่นดินไหว​ดังสนั่นไปทั่วทั้งตำหนักเกิดเป็นแรงสั่นสะเทือน​ที่เนืองแน่น​ไปด้วยพลังของสิ่งโบราณกาล

ถึงแม้น​ ณ​ ที่แห่งนี้นั้นจะมีพลังมากมายเพียงใดของจอมราชันย์​เทพเจ้า​ ก็ไม่วายที่จะโดนลูกหลงของพลังนี้

ทันทีทันใดที่ชายชรารับรู้ถึงพลัง​นี้ พลันใบหน้าซีดเซียว​อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

ชายชราผู้สูงศักดิ์​ขบคิดอยู่พักใหญ่เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังนี้​ พร้อมมองดูหายนะที่เกิดขึ้นกับสรวงสวรรค์​อย่างลนลานด้วยพระเนตรแห่งพระเจ้าแล้วกล่าวออกมาอย่างหวาดผวาว่า

"ไม่น่าเชื่อว่ามันจะเกิดขึ้น.. นี่คือพลังระดับนั้น... มันคือพลังระดับนั้นอย่างแน่นอน"

โลกมนุษย์​  ยมโลก​ และขอบเขตบริเวณ​สรวงสวรรค์​ทั้งหมด​ล้วนแล้วแต่ได้รับผลกระทบแทบทั้งสิ้น

ทุกที่ต่างรับรู้ซึ่งการมาถึงของมัน

เมื่อคลื่นกระเพื่อม​อันศักดิ์สิทธิ์นั้น​เริ่มจางหาย​ ทุกสิ่งทุกอย่าง​ราวกับว่าจะหยุดนิ่ง​ เหล่าตัวตนน้อยใหญ่ผู้สูงศักดิ์​หรือผู้ต่ำต้อย​ ต่างแหงนหน้าจ้องมองท้องฟ้าอย่างหวาดผวา

เหล่าทวยเทพที่จ้องมองอยู่ใกล้กับดวงแสงศักดิ์​สิทธ์​ต่างคิดว่า​มันคงจบแล้วแต่ไม่มันยังไม่จบ

เมื่อจู่ๆเหล่าเมฆาที่มืดมัวต่างแหวกออกเป็นวงกว้าง พร้อมกับการปรากฏของของสิ่งหนึ่งที่อยู่กึ่งกลางของท้องฟ้าอันแสงสว่าง​สาดส่องลงมา​ราวกับตัวเอกที่ยืนอยู่ใจกลางเวที พร้อมแสงไฟจากสปอร์ตไลท์​ที่ส่องลงมา

เหล่าเมฆาต่างหลบหลีก​ ราวกับว่าของสิ่งนี้คือสิ่งศักดิ์สิทธิ์​ที่ค้ำจุลได้แม้กระทั่งจักรวาล​เลยก็ว่าได้

มันแผ่อำนาจพลังศักดิ์สิทธิ์​ที่เหลือยิ่งกว่าดวงแสงเปิดสวรรค์​สร้างภพเมื่อตะกี้​นี้เสียอีก แต่ก็ไร้ซึ่งเจตนารมณ์​ที่คิดจะทำลายล้าง

เหล่าทวยเทพที่เห็นพลันตาเบิงกว้างมองสิ่งสิ่งนี้ด้วยความตกตลึงงงงัน

บางตนที่ยืนอยู่ถึงกับทรุดตัว​ลงเมื่อเห็นสิ่งๆนี้

"นี่หน่ะหรือร่างที่แท้จริงของสิ่งที่สั่นคลอดสรวงสวรรค์"

"ไม่จริงน่าสิ่งนี่มัน.."

"ข้าแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองจริงๆ"

"ข้าก็ด้วย"

เหล่าทวยเทพ​ต่างเสียงดัง​เอะอะ​โวยวาย​กันอย่างทั่วหน้าด้วยอารมณ์​ที่ซับซ้อน​อย่างบอกไม่ถูก คำกล่าวต่างๆถูกลั่นออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า​ แทบไม่มีผู้ใดเลยที่เอ่ยชื่อของสิ่งนั้นออกมา​

สายตา​ของทุกตัวตนจ้องมองไปที่สิ่งๆนั้นด้วยดวงตาที่ไม่แม้แต่จะกระพริบ

จนท้ายที่สุดแล้วก็มีเทพชั้นสูงผู้หนึ่งที่เอ่ยชื่อของมันขึ้น

" มันคือหนังสือ... หนังสือจากท่านผู้นั้น"

ทุกผู้ทุกนาม​ต่างเกิดความรู้สึงที่ซับซ้อน​ขึ้นเมื่อทุกสิ่งทุกอย่าง​จบลง​

หลังจากเหตุการณ์​ในครั้งนี้​ สรวงสวรรค์​ได้เกิดความเสียหาย​ครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ครั้งถูกสร้าง

เหล่าทวยเทพ​ต่างล้มตายกันเป็นเบือ​ ซากศพ​นับล้านชีวิตถูกลูกหลงของพลังแทบทั้งสิ้น

หลังจากที่หนังสือเล่มนั้นตกลงสู่ผืนดิน​

ลักษณะ​ของหนังสือเล่มนี้นั้นดูน่า​เกรงขาม​เป็นอย่างมากทั้งปกเหลื่อม​ทอง​ ที่แกะสละอย่างสวยงามไว้ล้อมบริเวณปก​ และทอแสงอ่อนๆสีทองออกจากรอยแกะสลัก​ จนทำให้มันดูน่ายกย่อง​เทิดทูล​ขึ้นไปอีก

โดยมีกึ่งกลางของปกหน้าเป็นรูปทรงกลมปริศนา​ที่มีนัยยะบางอย่างปรากฏ​อยู่แต่ไม่มีผู้ใดเข้าใจ

ท่านจอมราชันย์​แห่งเทพเจ้าก็ได้นำมันไปเก็บไว้อย่างดีที่สุด​ ภายในหอสมุด​แห่งนักปราชญ์​ แยกห่างจากหนังสืออื่นๆทั้งมวล

ตั้งไว้ตรงใจกลางหอสมุด​ โดยมีชั้นหนังสือตั้งล้อมไว้สี่ทิศเป็นกงกลม​ และมีสี่เส้นทางเปิดที่ปล่อยโล่งไว้​ เพื่อให้ผู้สันจรได้เข้าชม

มันตั้งอยู่อย่างมีเกียรติ​บนผลึกสีสดใส​ ที่ยกสูงขึ้นและห้อมล้อมเอาไว้ด้วยผลึก​อันเลอค่า ราวกับราชาที่นั่ง​อยู่บนบัลลังก์​อย่างภาคภูมิ

โดยที่ท่านจอมราชันย์​เทพเจ้า​ ได้สั่งห้ามมิให้ใครผู้ใดได้อ่านมันแม้นแต่ผู้เดียว​

เนื่องด้วยภายในหนังสือได้มีกฏๆนึง​ ที่ว่าเมื่อใครผู้ใดที่อ่านหนังสือ​เล่มดังกล่าวจบ​ กาลเพลาต่อมาจะมีการกำเนิดของหนังสือเล่มใหม่เกิดขึ้น​

และหนังสือเล่มต่อมานั้นจะตกเป็นสมบัติของผู้ที่อ่านเล่มเก่าจบ

ด้วยเหตุนี้ท่านจอมราชันย์เทพเจ้าจึงได้สร้างกฎขึ้นมาว่า​ "เมื่อใครผู้ใดอ่าน​ คนผู้นั้นจะถูกลงทัณฑ์​จากข้าผู้นี้"

ถึงแม้นท่านจอมราชันย์​เทพเจ้า​จะกล่าว​ไปถึงขนานนั้นแต่ก็ไม่วายเว้น​ ยังมีบุคคลที่อ่่านมันอยู่ดี

บุคคลผู้นั้นที่ได้แอบอ่านหนังสือ​เล่มนี้​ เขาพบว่าจนแทบจะทั้งชีวิตของแล้ว​ แต่เขาก็ยังอ่่านมันไม่จบสักที

ใช้เวลาหลายร้อยปี​ในการอุทิศ​ตนในการอ่านให้จบ

ถึงหนังสือเล่มนี้จะดูเหมือนเป็นหนังสือปกหนาที่มีไม่ถึงพันหน้า​ แต่เมื่อได้อ่านก็กลับพบว่ามันมีมากมายกว่านั้นอย่างไม่รู้จบ

และเมื่อใดที่อ่านจนสุดหนังสือแล้วจะพบว่ามันได้กลับมาเริ่มใหม่ที่หน้าแรกแต่มันต่อเนื่องจากหน้าสุดท้ายของเมื่อตะกี้​ที่อ่าน

จนวันหนึ่งชายผู้นั้นที่ได้อุทิศตนกับการอ่านมานับร้อยๆปีก็เปิดมาถึงหน้าสุดท้าย​ที่ไม่มีการเริ่มใหม่อีกแล้ว

เขาไม่รู้ว่าเขาทำไปได้ยังไงกันที่อ่านเรื่องราวในหนังสือเล่มนี้มานับร้อยปีได้

ภายในหนังสือเล่มนี้ได้บันทึกเรื่องราวของบุคคลผู้หนึ่งเอาไว้​ ซึ่งจากการคาดการณ์​ของผู้อ่าน​

เขาได้คิดว่าเรื่องที่ถูกบันทึกไว้นี้เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นเมื่อครั้งอดีตกาลนานมาแล้ว

ซึ่งมีึความ​เป็น​ไปได้ว่าหนังสือเล่มนี้จะมีต้นเรื่องมาจากตัวของผู้แต่งเอง

เมื่อคำสุดท้ายถูกอ่าน​

เหตุการณ์​ทุกอย่างก็เกิดขึ้นอีกครั้ง​ แต่ครั้งนี้ได้เกิดแค่แรงสั่นสะเทือน​เท่านั้น

มันไม่ได้​เกิดเป็นเหตุการณ์​ที่ใหญ่โตแบบครั้งก่อน​ ครั้งนี้นั้นมันเบาบางมากขนาดที่ผู้ที่รู้เหตุการณ์​มีแค่สองตัวตนเท่านั้น

นั่นก็คือท่านจอมราชันย์​เทพเจ้าและตัวของผู้อ่านเอง

เมื่อท่านจอมราชันย์​เทพเจ้า​รู้ถึงการมีอยู่ของเล่มที่สองก็ถึงกับต้องกุมขมับ​ และเรียกบุคคลผู้เป็นเหตุนั่นคือผู้อ่านมาลงทัณฑ์​

แต่ท่านจอมราชันย์​เทพเจ้า​นั้นไม่ได้ใจร้ายใจมารขนาดนั้น​ เขานั้นมีเมตตาเป็นอย่างมาก

แค่เพียงทำการยึดหนังสือเล่มต่อมาของผู้อ่านเท่านั้น​ เพื่อเก็บไว้ในหอสมุดแห่งนักปราชญ์​ต่อ

ซึ่งในขณะนั้นผู้อ่านก็ถึงกับสั่นสะท้าน​ในจิตใจ​ เมื่อท่านจอมราชันย์​เทพเจ้าเรียกเขาเข้าพบ

แต่เมื่อเหตุการณ์​เป็นเช่นนี้​ ท่านผู้อ่านเองก็รู้สึกโล่งอกเป็นอย่างมาก

และเมื่อหนังสือเล่มที่สองโผล่ขึ้น​ ท่านผู้อ่านก็ได้รับสมญานาม​ใหม่จากจอมราชันย์​เทพเจ้าว่า"นักอ่านเทพปราชญ์"

เมื่อเล่มสองได้ถือกำเ​นิด​ เล่มสามเล่มสี่ก็ผุดขึ้นมาตามกาลที่มีผู้อ่าน​อ่านจบ​

และได้ถือกำเนิดนักอ่่านเทพปราญผุดขึ้นตามมานับสิบคนเมื่อหนังสือแต่ละเล่มถูกอ่านจบ

นานนับหลายกาลต่อมา

มีเด็กน้อยผู้หนึ่งกำลังอ่านเรื่องราวของเล่มที่สามบทที่ศูนย์​อย่างสนุก​สนาน​

ใช้แล้วล่ะปัจจุบัน​นั้นมีบทที่หนึ่ง..ที่สอง..ที่สาม..ที่สี่ตามมา​ เพื่อแยกเนื้อหาจากเล่มเดียวให้ออกมาหลายเล่ม​

ซึ่งหนังสือแต่ละเล่มนั้นถ้าเยอะๆหน่อยก็อาจจะมีมากกว่าพันบทเลยก็มี

ซึ่งปัจจุบัน​หอสมุด​แห่งนักปราชญ์​นั้นยิ่งใหญ่เป็นอย่างมาก​ เผลอๆอาจแค่ตัวอาคารก็กินเนื้อที่ไปเป็นไมล์​เลยก็ว่าได้

และเหล่าหนังสือ​ที่โผล่ออกมาจากดวงแสงนั้นได้ถูกแต่งตั้งชื่อขึ้นว่า"สารบัญ​ตำนานบุคคล"

และเหตุที่ต้องตั้งชื่ออย่างนี้นั้นเพราะ​หนังสือแทบทุกเล่มนั้น​ ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับบุคคลทั้งสิ้น

ซึ่งหนังสือ​เล่มหลักที่โผล่ออกมาจากดวงแสงนั้นได้ถูกจัดว่างไว้​ ตรงใจกลางของห้องต่างๆ​ ที่จะมีการจัดตั้งแบบเดียวกับเล่มแรก​

โดยมีชั้นหนังสือที่ตั้งไว้ห้อมล้อมหนังสือ​เล่มหลักสี่ทิศ​

โดยหนังสือแต่ละเล่มที่ว่างอยู่ตรงชั้นว่างทั้งสี่ทิศนั้น​ จะเป็นบทต่างๆของหนัง​สือเล่มหลักทั้งสิ้นว่างไว้ตรงชั้นอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย

"ข้าว่าเล่มสาม น่าจะสนุกที่สุดแล้วล่ะถ้าเทียบกับเล่มอื่นๆ" เสียงอันเยาว์วัย​ดังขึ้นอย่างไม่รู้ตัว​ มันเป็นเพียงเสียงอันไร้เดียงษาของเด็กน้อยที่อยู่บริเวณแถบที่นั่งอ่านหนังสือที่เป็นโซฟาอย่างดี​ พร้อมกับโต๊ะแบบเรียบง่าย

"เงียบหน่อยเจ้าหนู​ เจ้ากำลังลบกวนผู้อ่านท่านอื่นอยู่นะ" สาวสวยผู้เป็นบรรณาลักษณ์​ห้องสมุดรูปร่างดูสะโอดสะอง​ดึงดูดสายตาผู้คน

ติเด็กน้อยอย่างอ่อนโยน​ พร้อมกับสายตาหลายคู่ที่จ้องมองมาที่เด็กน้อยอย่างไม่คิดอะไรมาก

"ข้าขอประทานอภัย"

เด็กน้อยกล่าวอย่างสำนึกผิด​ พร้อมลุกขึ้นโค้งคำนับต่อทุกคนบริเวณนั้นอย่างน่าเอ็นดู​

ผู้คนบริเวณนั้นก็ไม่ได้ถือสาอะไรเพราะเห็นเขาเป็นแค่เด็ก​ และหันกลับไปอ่านหนังสือ​ของตนต่อ​ บ้างก็แอบขบขันอยู่ในใจ​ บ้างก็ถึงกับส่ายศีรษะ​ กับความไร้เดียงสาของเด็กน้อยผู้นี้

"ไม่เป็นไรแล้วล่ะ​เจ้าหนู​ คราหน้าอย่าทำอีกล่ะ" บรรณารักษ์สาวกล่าวกะเด็กน้อยอย่างอ่อนโยนอีกครั้ง

"ครับ" หลังจากกล่าวจบเด็กน้อยก็กลับไปอ่านหนังสือ​ต่อ..

จบปฐมบทสารบัญ​ตำนานบุคคล

ต่อจากนี้จะเป็นการเล่าเรื่องของเล่มที่สามในสารบัญตำนานบุคคล​

ในชื่อเรื่อง​"เทพอสูรต้องคำสาป"

ตอนที่0​ แค้นและการชำระ

Return of the Cursed Devil​ : ตอนที่​ 0​ แค้นและการชำระ

เขตแดนแห่งวิญญาณ​ โซเซสฟราเวียร์

ณ​ สถานที่​อันมืดมน​ ที่ราบลุ่ม​อันกว้างใหญ่​ พร้อมทั้งผืนป่าสีดำทมิฬและเทือกเขา​สูงชั้นหลายลูก​ ที่กำลังส่งกลิ่นอายด้านลบที่รุนแรงยิ่งออกมาอยู่ตลอดเวลา​ ราวกับวิญญาณ​นับล้านที่หิวกระหายพร้อมที่จะเขมือบ​ทุกสิ่งในทันตา

ผู้ใดที่เข้าใกล้จะสึกเหมือนกับว่าพลังของตนกำลังบั่นทอนลดลงเรื่อยๆ​ ถ้าบุคคลผู้นั้นค่อนข้างอ่อนแอก็จะมีอาการหายใจติดขัด​ พร้อมทั้งหัวใจที่เริ่มสั่นระรัวไปด้วยความกลัวจนถึงขีดสุด​ ราวกับว่ากลิ่นอายรอบๆนี้จะฆ่าตนให้ตายยังไงยังงั้น​

บวกกับสถานการณ์​อันตึงเคลียดของสงคราม​จึงทำให้ทุกสิ่งอย่างดูหมองหม่นสุดขีด ทั้งกลุ่มหมอกควันสีหม่นหมอง​ ที่คละคลุ้งอยู่​เต็มทั่วทั้งน่านฟ้า​

เสียงตูมต้ามของระเบิดที่ดังออกมาแทบจะตลอดเวลา​ กลิ่นคาว​เลือดอันน่าสะอิดสะเอียน​ที่ลอยฟุ้งกระจาย​ไปตามลม​ จนผู้คนที่ได้กลิ่นแทบจะอ้วกในทันทีทันใด

ลำแสงพลังต่างๆนานาที่พุ่งผ่านกันไปมาในหลายๆทิศทาง​ และลูกธนูที่พุ่งออกจากคัน​จนเต็มทั่วทั้งอากาศ​ ก่อเกิดเป็นความวุ่นวาย​อันไม่จบไม่สิ้นทั่วทั้งน่านฟ้า

เสียงเพล้งของดาบที่ดังกึกก้องสนั่น​หวั่นไหว​ไปทั่วทั้งบริเวณ

สมรภูมิ​รบในขณะนี้เต็มไปด้วย​ หลุมยักษ์บนพื้นดินอันกว้างขวางหลายหลุม​ อันเกิดจากตัวตนระดับสูงของแต่ระเผ่าพันธุ์ที่ห่ำหั่นกัน

และเหล่ากองทัพนับแสนนับล้านของเผ่าพันธุ์​ต่างๆที่กำลังปะทะกันอย่างดุเดือด​และบ้าคลั่ง​ ทั้งบนภาคพื้นและฟากฟ้า​

ซากศพ​ของตัวตนนับหมื่นที่นอนตายอย่างไม่น่าดู​ ระเนระนาด​ไปทั่วทั้งผืนแผ่นดินพร้อมกับกลิ่นคาวและแอ่งเลือดที่เกิดขึ้นอย่างไม่รู้จบ

ภายในท่ามกลางสงครามอันดุเดือดเลือดพล่านนั้น

อ้าาาา~!!

เสียงกรีดร้อง​โหยหวนของเด็กหนุ่มผู้หนึ่งที่กำลังคลุ้มคลั่ง​อย่างควบคุมไม่ได้​ ดังสนั่นสั่นสะเทือน​ไปทั่วทั้งสมรภูมิ​ จนแทบจะไม่มีตัวตนใดเลยที่ไม่ได้ยินเสียงนี้

เสื้อคลุมสีมืดมน​พัดกระพือขึ้นตามไอคลืนพลังที่โหมกระหน่ำ​ซัดสาด​พลังออกมาจากเด็กหนุ่มพร้อม​พวยพุ่งขึ้นสู่ท้องนภาอย่างบ้าคลั่ง​  คล้ายกับจะเป็นเสาทมิฬ​ที่คำจุนฟ้า

ไอคลืนพลังทมิฬ​ที่อัดแน่นไปด้วยพลังแห่งวิญญาณ​ที่รุนแรง​ยิ่งกว่า​เทือกเขา​พงไพรแห่งเขตแดนซากสงคราม​ยิ่ง​นั้น กำลังขยายตัว​ออกไปเลื่อยๆโดยมีเด็กหนุ่มเป็นศูนย์กลาง​

พลังนี้ทำให้ทุกตัวตนในบริเวณโดยรอบ​นับสิบไมล์​ต่างสั่นสะท้านเมื่อได้รับรู้ถึงการมีอยู่ของพลังนี้​ ถึงแม้จะไม่รู้ก็ตามว่าพลังนี้เป็นพลังอะไรกันแน่​ มันทั้งลึกลับ​ ทั้งหดหู่​ ทั้งเศร้าหมอง​ แต่ก็เปี่ยมล้น​ไปด้วยความโกรธ​แค้น

เด็กหนุ่ม​ที่กำลังกรีดร้องอย่างทุกข์ทรมานพร้อมกับน้ำที่ไหลรินออกจากเบ้าอย่างช้าๆ​นั้น บัดนี้กำลังเกิดการแปลเปลี่ยนอย่างน่าประหลาดขึ้น

เมื่อจากเลือนผมสีขาวดุจหิมะ​ก็กำลังแปลเปลี่ยนเป็นสีดำทมิฬ​ที่พลิวไหวอย่างหดหู่

จากนัยน์ตา​สีม่วงอันมืดมนบัดนี้ก็บังเกิดเป็นวังวนสีหม่นหมองอัน​มืดทึบดำสนิทไร้ซึ่งแสงเล็ดรอด​ ให้ความรู้สึกถึงความเวิ้งว้างอันไม่รู้จบของจักรวาล

เมื่อเวลาผ่านไปไม่นานนักเสียงร้องครวญคราง​เริ่มเงียบลงพร้อมไอคลืนทมิฬ​ที่เริ่มหยุดการขยายตัว

ร่างที่ไร้สติกำลังลุกขึ้นอย่างโซซัดโซเซ​พร้อมกับพลังที่อยู่ในจุดศูนย์  แต่กลับปล่อยจิตสังหารที่สะท้านฟ้าสะท้าน​ดินออกมา​ จนตัวตนใกล้ๆโดยรอบต่างหายใจไม่ทั่วท้อง​ พร้อมกับหัวใจที่สั่นระรัว​ด้วยความหวาดผวา

เว้นแต่ชายหนุ่ม​ผู้หนึ่งผู้ซึ่งมีเลือนผมปิดปังดวงตา​ ทรงผมดูกระซัดกระเซิงยาวไปถึงกลางหลัง​ พร้อมกับสวมชุดคลุมสีเทา​

และที่สำคัญคือชายผู้นี้มีปีกเทวทูต​สีทมิฬ​ถึงแปดปีก!! ซึ่งมันแทบจะอยู่ในจุดสูงสุดของเหล่าเทวทูต​เลยหล่ะ​

เขาจ้องมองลงมาจากบนอากาศ​เหนือศีรษะ​ของเด็กหนุ่มไม่มากนัก​ ด้วยทรงผมที่ปิดบังดวงตาเผยให้เห็นแต่​ ปากที่กำลังหัวเราะคิกๆอยู่​ เขาพยายามที่จะกลั่นขำแต่ก็กลั่นไว้ไม่อยู่​ จนเผลอหลุดขำออกมาอยู่ดี

"คิก.​คิก.คิก.. เจ้าคิดจะทำอะไรงั้นหรือ? ถึงได้ลุกขึ้นมาพร้อมปล่อยจิตสังหารใส่ข้าผู้นี้​ ทั้งๆที่เจ้ามีพลังเพียงแค่ศูนย์​เท่านั้น​ คิก.คิก.คิก.. มันน่าขำสิ้นดีเลยหล่ะเจ้าว่าไหม?"

เสียงพูดของชายผู้นี้ดังกึกก้องไปทั่วทั้งบริเวณ​ ​ แม้จะไม่ได้ตั้งใจฟัง​ แต่ก็มีเสียงที่ดังเข้าสู่สมองอย่างฉับพลัน​ แสดงถึงอำนาจของพลังที่เปล่งออกมาจากวาจา

เด็กหนุ่มไม่ได้สนใจต่อคำพูดของชายผู้นี้เลยแม้แต่น้อย​ ภายในหัวคิดแต่แค่..

"ต้องแก้แค้น..... ต้องแก้แค้นเท่านั้น.... ต้องแก้แค้น...ต้องแก้แค้น..ต้องแก้แค้น.ต้องแก้แค้นต้องแก้แค้นต้องแก้แค้นต้องแก้แค้น~~" ดังอยู่อย่างนี้ในหัวแบบไม่จบไม่รู้สิ้น

เด็กหนุ่ม​แหงนหน้าขึ้นพร้อมจ้องมองชายผู้นั้นด้วยนัยน์ตา​ที่มืดมนดุจจักรวาลที่เวิ่งว้างอันไร้แสง​ ให้ความรู้สึกกดขี่​ถึงขีดสุด

ในขณะเดียวกันชายผู้นั้นก็หยุดขำพร้อมสดุ้งอย่างฉับพลัน​เมื่อเห็นซึ่งนัยน์ตา​ดวงนั้น​ ที่ทั้งมืดมน​ ทั้งเล้นลับ​ และไม่อาจคาดเดา​ได้

'อะไรกันข้าผู้นี้เกิดกลัว​ขึ้นมางั้นหรือ​ ไม่ใช่สิมันชักจะเริ่มแปลกๆแล้วหล่ะ!!'​ ชายหนุ่มคิดขึ้นอย่างหวาดกลัว​ พร้อมดวงตาที่เบิกกว้าง

นัยน์ตา​สีเหลือง​ทองสว่างโร่ขึ้น​พร้อมจ้องเขม็ง​ลงไปที่ภายในร่างของเด็กหนุ่ม

ทันใดนั้นสิ่งที่แปลกประหลาดก็เกิดขึ้นกับตัวของเด็กหนุ่ม​ผู้นั้น เมื่อตัวเลขพลังที่อยู่ตรงจุดศูนย์  ดันพุ่งพรวดขึ้นอย่างหวบหาบ

จุดศูนย์​สู่สิบ..สู่ร้อย..สองร้อย..สามร้อย..สี่ร้อบ...สู่พัน..สู่หมื่น.และสู่แสนในที่สุด​ ดูเหมือนมันจะไม่จบเพียงแค่นี้

ไอความมืดที่หนาแน่นได้แผ่พุ่งออกจากร่างของเด็กหนุ่มอีกครั้งมันทั้งเกรี้ยวกราด​และดุร้าย​ รุนแรงยิ่งกว่าครั้งแรก​ ราวกับไอความมืดนี้จะสยบได้แม้แต่เทพ​ จนก่อให้เกิด​การบิดเบี้ยว​ของมิติอย่างเลือนลาง

"ทำใมกัน.. ทำใมกัน.. ทั้งๆที่เธอไม่ได้ผิด.. ทั้งๆที่เป็นคนดีถึงขนาดนั้น.. ทั้งๆที่ทุกอย่างกำลังจะดีขึ้นแท้ๆ​ แต่มันกลับ.. แต่มันกลับแย่ลงเรื่อยๆ​ ทำใมกัน..ทำใมกัน.ทำใมกัน~" เด็กหนุ่มก้มหน้าลงพึมพัมกับตัวเองอย่างเคียดแค้น

พร้อมมือทั้งสองข้างที่กำหมัดแน่น​ เลือดไหลรินออกจากมือข้างขวาอย่างไม่หยุดยั้ง​เรื่อยๆ​

ทันใดนั้น

" ศาสตร์​เลือด"

เมื่อเสียงของเด็กหนุ่มดังขึ้น​ ตัวตนทั้งหลายที่กำลังหั่มหั่น​กันอยู่นั้น​ ถึงกับผงะเมื่อได้ยินคำกล่าวนี้​ ถึงเสียงนี้จะฟังดูคล้ายกับจะเบาแต่มันกลับดังสนั่นไปทั่วทั้งบริเวณ​ ทะล่วงแก้วหูเข้าสู่สมอง

เมื่อสิ้นเสียงของเด็กหนุ่มเหล่าแอ่งเลือดทั่วทุกสารทิศ​รอบๆบริเวณ​นั้นเริ่มสั่นไหว​ และเคลื่อนที่เป็นเส้นสายกันอย่างรวดเร็ว​

พร้อมพุ่งเขามารวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อนเลือดสุดพิศวงใต้ฝ่ามือข้างขวาที่ถูกแบออก​

กลุ่มก้อนเลือดที่ใหญ่โตขึ้นมาได้ระดับหนึ่ง​ มันเริ่มหมุนวนม้วนตลบไปมาอย่างเกรี้ยวกราด​ ราวกับทะเลคลั่งที่อยู่ในลูกแก้วทรงกลม

จากนั้นมันเริ่มยืดตัวออกเป็นเส้นสายและรวมกันอีกครั้งปรากฏ​เป็นรูปทรงคล้ายดาบ​ที่ยาวประมาณ​เมตร​กว่าๆ

มันแผ่กลิ่นอายแห่งความตายที่เอ่อล้นออกมาอย่างรุนแรง​ แสดงถึงความอันตราย​ที่ไม่ควรเข้าใกล้

พูดเหมือนจะนานแต่เหตุการณ์​นี้กลับเกิดขึ้นภายในไม่กี่อึดใจ

เมื่อเห็นเหตุการณ์​ที่เกิดขึ้นตรงหน้า​ ชายหนุ่ม​เริ่มมีสีหน้าที่ซีดเซียว​ราวกับเห็นผี

'แย่แล้ว!! นี่ข้าดันมาปลุกมังกรเข้าให้แล้วหรือ!? ​ เหมือนว่าพลังของเจ้านี่จะขึ้นสูงถึงระดับเทพมารแล้ว​ อีกไม่นานพลังของมันจะเพิ่มขึ้นจนอยู่ในระดับเดียวกับข้าแน่'​

"ไม่ได้การหล่ะ"

ชายหนุ่มปลดปล่อย​พลังทั้งหมดที่มีออกมาเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ คลื่นพลังจากเขาขยายอำนาจกระเพื่อมออกไปเป็นวงกว้าง​

พร้อมกับดาบศักดิ์​สิทธ์​ที่ตัวดาบนั้นมีแสงสว่างอันโชติช่วง​ได้ปกคลุมไว้ปานแสงแห่งพระเจ้าที่ทำลายล้างเหล่าปีศาจร้าย  บัดนี้มันได้ถูกคว้าไว้ด้วยมือข้างหนึ่งของชายหนุ่มแล้ว

เมื่อระลอกคลื่น​พลังของเขาได้ขยายตัวออกไป​   ผู้คนในรัศมีสิบไมล์​ ต่างสั่นสะท้าน​กับพลังอำนาจนี้​ และไม่มีใครที่ไม่รู้ว่าพลัง​นี้นั้นคือพลังอำนาจของ"ทวยเทพขั้นสูง"

ซึ่งตัวตนเหล่านี้นั้นสามารถทำลายเมืองทั้งเมืองให้พินาศ​ได้ภายในการโจมตีเพียงครั้งเดียว

แต่ไม่ทันไรที่เทพขั้นสูงผู้นั้นได้ขยายพลังออกไป​ เด็กหนุ่มผู้นั้นก็หายตัวไปต่อหน้าต่อตา

เพล้ง!!

ดาบเลือดฟาดฟันลงมาจากเบื้องบนดังสนั่น​ พร้อมเลือดที่ซาดกระเซ็นออกจากตัวดาบ

ด้วยพลังโจมตีของเด็กหนุ่มนั้นยังถือว่าด้อยนักเมื่อเทียบกับชายหนุ่ม​เทพขั้นสูงผู้นี้

เขารับการโจมตีของเด็กหนุ่มได้อย่างสบายๆพร้อมทั้งสบัดดาบโจมตีอย่างรวดเร็ว​ไปที่เด็กหนุ่ม

ตูม!!

ด้วยแรงสบัดดาบอันมหาศาลจึงทำให้เด็กหนุ่ม​ที่มีพลังอ่อนด้อย​นั้น​ ถูกทำให้กระเด็นลงสู่พื้นเบื้องล่าง

เกิดเป็นหลุมลึกกว้างหลายร้อยเมตร​ พร้อมทั้งกลุ่มควันที่คละคลุ้ง​ฟุ้งกระจาย​ออกมา​

อ้าาาา~

เสียงโหยหวนอันเศร้าโศก​พร้อมทั้งน้ำตาของเด็กหนุ่มได้ดังขึ้นอย่างคลุ้มคลั่ง​ไม่ได้สติ​อีก​ครั้ง พร้อมพุ่งขึ้นจากหลุมในทันทีทันใด หมายที่จะเอาชีวิตชายหนุ่มเทพขั้นสูงผู้นั้น

มันเป็นไม่ได้ที่มนุษย์​อย่างเขาจะสังหารเทพ​ ยิ่งเป็นทวยเทพขั้นสูงแล้วนั้นยิ่งไปกันใหญ่​ แต่ด้วยการที่เขานั้นต้องสูญเสียคนสำคัญไป​ จึงทำให้เขานั้นถูกความเคียดแค้น​กลืนกิน​ จนมิอาจหวนกลับ​ จิตใจพังทลาย​ลง​

ร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผล​และอาบไปด้วยเลือด​ อันเกิดขึ้นจากการโจมตีเพียงครั้งเดียว​ กำลังปลดปล่อย​จิตสังหารที่แรงกล้าออกมาพร้อมกับการฟาดฟันดาบออกไปด้วยแรงที่แทบจะไม่มี

ย๊าาาาา!!

เสียงแห่งความโศกเศร้า​ได้ดังขึ้นอีกครั้ง

พร้อมคลื่นดาบสีเลือดปนดำที่พุ่งขึ้นไปหมายที่จะปลิดชีพชายหนุ่มผู้เป็นเทพขั้นสูง

ในขณะเดียวกัน

"คิก.คิก.คิก.ดูเข้าสิ เจ้ามนุษย์​ที่แสนจะอ่อนแอคิดจะสังหารเทพคิก.คิก.คิก"

"ฝันไปเถอะ!!"

เขาแผดเสียง​ที่ก้องกังวานออกมา​พร้อมแววตาที่ดุร้าย จนทำให้เหล่าตัวตนที่อยู่ในรัศมี​ของเสียงนี้ถึงกับเลือดกระชูดออกจากหู​ ส่วนตัวตนที่อ่อนแอนั้นถึงกับดับดิ้นเลยทีเดียว

ด้วยความเร็วที่เหนือกว่าอย่างมหาศาล​ จึงทำให้การโจมตีโต้กลับนั้นไม่ใช่เรื่องยาก

ด้วยพลังอันมหาศาลที่ฟันแทยงออกไป​ ปรากฏ​เป็นคลื่นดาบศักดิ์สิทธิ์​สีทองอร่ามได้พุ่งออกไปด้วยความเร็วดุจแสง

ทะลวงผ่านคลื่นพลังของเด็กหนุ่มไปอย่างง่ายดาย​ จนคลื่นพลังเหล่านั้นมอดดับไปอย่่างไร้ร่องรอย

มันทยานพุ่งลงไปด้วยความเร็วอันเป็นขีดสุด​ จนผ่านร่างของเด็กหนุ่มอย่างฉับพลัน​

ตูมมม!!

เสียงการทำลายล้างดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วทั้งบริเวณ​ พร้อมกับการปรากฏ​ของหลุมขนาดมหึมา​ขึ้น

พลังเหล่านั้นได้ทำลายผืนปฐพีเบื้องล่างจนพังพินาศ​ จนไม่เหลือสิ่งมีชีวิตให้เห็น​ หรือเศษซากก็ไม่เหลือ

พูดเหมือนจะนานแต่เหตุการเหล่านี้กลับเกิดขึ้นภายในพริบตา

บนอากาศ​

ช่วงวินาทีที่คลื่นดาบได้ตัดผ่านร่างของเขาไปนั้น​

น้ำพุเลือดได้พุ่งกระชูดขึ้นจากรอยขว้างเป็นทางยาว​ อึดใจต่อมาร่างนั้นก็ขาดเป็นสองส่วน​ และล่วงหล่นลงมาสู่พื้น

"เฮ้อ~.. ช่างน่าเบื่อเสียจริง"

ชายหนุ่ม​เทพขั้นสูงสบถออกมา​ด้วยความไม่พอใจ

'ข้าคิดว่าเจ้ามนุษย์​นั่นจะแข็งแกร่ง​กว่านี้ส่ะอีก​ แต่เจ้ามันกลับ... เฮ้อ~ หรือข้าดูผิดไปจริงๆงั้นหรือ?.. งั้นข้าคงต้องฆ่าต่อไปเรื่อยๆสินะ​ ถึงจะเจอคนที่คู่ควรแก่การต่อสู่กับข้า.คิก.คิก.คิก'​

เขามองดูซากศพของเด็กหนุ่มพร้อมคิดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์​

ภายในหัวของเด็กหนุ่ม​ในตอนนี้ก็ยังหมกหมุ่น​อยู่กับแต่เรื่องการแก้แค้น​อย่างไม่จบไม่สิ้น​ แม้นชีวิตจะหาไม่ก็อยากที่จะแก้แค้นให้จงได้

"แค้นนัก.แค้นนัก.แค้นนัก.แค้นนัก.แค้นนัก​ แค้นนัก​แค้นนักแค้นนักแค้นนักแค้นนักแค้นนักแค้นนักแค้นนักแค้นนักแค้นนักแค้นนัก~"

ในขณะนั้นนั่นเอง

ภายในสถานที่​อันมืดสนิท​ได้มีเสียงๆนึงพูดออกมา

"เจ้าอยากแก้แค้นงั้นหรือ"

"ถ้าเป็นอย่างนั้นสนใจทำพันธสัญญา​กับข้าหรือไม่"

"เพื่อแลกกับพลังและอำนาจอันล้นเหลือของข้า"

"ถ้าเจ้าคิดจะทำพันธสัญญา​กับข้าล่ะก็ พึ่งตอบตกลง​ และเลือกสิ่งที่เจ้าจะนำมาแลกกับข้าเสีย"

เสียงของหญิงสาวดังขึ้นอย่างกึกก้องอยู่ในหัว​ เสียงนี้ฟังดูเรียบๆแต่กลับแฝงไปด้วยความเล้นลับและความน่ากลัว​อย่างแปลกประหลาด ราวกับเสียงของยมทูต​ที่กำลังชี้​ชะตาชีวิตให้ก็มิปาน

"ตกลง.. ข้าขอแลกอายุขัยทั้งหมดที่มี​ เพื่อแค้นนี้ข้าเสียได้ทุกอย่าง"เขากล่าวอย่างเคียดแค้น​

เด็กหนุ่มนั้นไม่จำเป็นต้องคิด เขานั้นไม่เหลืออะไรอีกแล้ว​ เพื่อที่การจบสิ้นซึ่งแค้นนี้​ เขานั้นย่อมเสียได้ทุกอย่างแม้นชีวิตก็ตาม

"พันธสัญญา​เสร็จสิ้น"

หลังจากสิ้นสุดเสียงของหญิงสาว

บางสิ่งบางอย่าง​ก็เกิดขั้น

เมื่อร่างกาย​ที่ขาดเป็นสองท่อนนั้น​ ได้เริ่มประติดประต่อกลายเป็นร่างเดิมอีกครั้ง​ ด้วยอำนาจของสิ่งแปลกประหลาดสีแดงดำอันเต็มไปด้วยกลิ่นอายของวิญญาณ​และความตาย

เหล่าอวัยวะ​ภายในกลับคืนสู่สภาพเดิม​ พร้อมเหล่าเลือดที่กำลังเคลื่อนที่อย่างเป็นเส้นสายเข้าสู่ร่่างกาย

เมื่อร่างกายกลับคืนสู่สภาพดังเดิม​ กลิ่นอายบนร่างกายก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง​

จากกลิ่นอายที่เนืองแน่นไปด้วยความเคียดแค้น​ ​บัดนี้ได้ผันเปลี่ยนไปเป็นกลิ่นอายที่อบอวล​ไปด้วยความน่าหวาดกลัวสุดขีดแทน

"กลิ่นนี้มัน... "

ชายหนุ่ม​ผู้เป็นเทพขั้นสูงเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่น​อันแปลกประหลาด​นี้ ก็ถึงกับขนลุกซู่​ขึ้น​ พร้อมกับเสียงของหัวใจที่เต้นระรัวและแรงขึ้นเรื่อย​ๆ อย่างหวาดผวา

"ไม่ผิดแน่..มันคือกลิ่นของพันธสัญญา"

"แล้วตัวตนใดกันที่มีกลิ่นอายแบบนี้ได้​ ต่อให้ผู้ทำพันธสัญญาจะแลกทั้งชีวิต​ก็ตามเถอะ ก็​มิอาจจะทำให้กลิ่น​อายแบบนี้ออกมาได้แน่"

"อย่างที่ข้าคิดไว้อย่างไม่มีผิดเพี้ยน​ ข้าได้ปลุกมังกรเข้าให้แล้ว! ไม่ใช่สิ!! นี่มันคือ...!! "

แต่ไม่ทันที่เทพขั้นสูงผู้นี้จะพูดจบ​

ทันใดนั้นเสียงๆนึงก็ดังขึ้นจากพื้นเบื้องล้าง

" สาปอสูร'กลืนกิน' "

เสียงนี้ดังเข้าสู่สมองของชาย​หนุ่ม​เทพขั้นสูงผู้นั้นอย่างฉับพลัน​ มันดังกึกก้อง​อยู่ในหัวอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

เมื่อได้ยินดังกล่าวแล้วนั้นมันราวกับว่าหัวใจของเขาตอนนี้มันอยู่ที่ตาตุ่ม​ไปเป็นที่เรียบร้อย​แล้ว​ พร้อมหน้าที่ขาวซีดราวกับกระดาษ

หลังจากสิ้นสุดเสียงนั้นได้ไม่นานเกินรอ

ห้วงมิติเริ่มบิดเบี้ยว​ ปรากฏ​วงวนในรอบทิศทาง​ สภาพอากาศ​เริ่มสั่นคลอนท้องนภา

ท้องฟ้า​สี​คราม​กำลังคลุ้มคลั่ง​ ก่อเกิดเสียงร้องคำรามอย่างโหยหวน​ แสงสายฟ้าแปลบปลาบ​เริ่มก่อตัว​ เกิดเป็นภัยพิบัติ​ที่กลืนกินทั้งน่านฟ้า

เสียงโหยหวนของสิ่งมีชีวิต​อันน่าสยดสยอง​ดังสนั่นขึ้นจากห้วงมิติที่กำลังบิดเบี้ยว

ทันใดนั้นบางสิ่งที่น่าหวาดกลัวอย่างขนลุกขนพอง​ก็ปรากฏ​

ดวงตาที่หิวโหย​นับร้อยนับพันคู่​ กำลังจ้องมองออกมาจากห้วงมิติที่ดำมืด​ อันโชยกลิ่นคาวเลือดที่น่าสะอิดสะเอียน​ออกมา

เสี้ยววินาทีนั้นนั่นเอง

อ้ากกกกกกกก!!

เหล่าปากของสิ่งมีชีวิต​จากห้วงมิติอันดำมืดนับไม่ถ้วน ที่ชโลมไปด้วยเลือด​ กลด​ และของเหลวที่ดำ

กำลังแย่งกันกัดกินและฉีกกระชากร่างของเทพขั้นสูงผู้นั้น​ จากทุกๆส่วนของร่างกาย​ มือ​ เท้า​ แขน​ ขา​ ร่างกาย​ และศีรษะ​

ทุกๆส่วนของร่างกายต่างถูกกลืนกินด้วยอำนาจแห่งสาปอสูรอย่างไม่เหลือแม้แต่เศษซากให้จดจำ​ แม้นจะกล่าวจะว่ายอมแพ้แต่ก็ไม่ทันไปเสียแล้ว

ชายหนุ่ม​ได้นำเหล่าสัตว์​อสูรต้องสาปออกจากมิติอันดำมืดนั้น

เหล่ากองทัพ​ของตัวอสูรแปลกประหลาดนับไม่ถ้วน​ ได้เคลื่อนทัพทำลายล้างไปทั่วทั้งดินแดนแห่งนี้รามไปถึงสรวงสวรรค์​

ทุกๆที่ที่เคลื่อนผ่านต่างก็ไม่หลงเหลือเศษซากของสิ่งมีชีวิตแม้แต่ตัวเดียว​ ไม่เหลือแม้แต่ผืนป่า​ ไม่เหลือ​แม้แต่พลังงานแห่งชีวิต ทุกที่เรียบเตียนไม่เหลือสิ่งใดเลย

ก่อเกิดเป็นโศกนาฏกรรม​อันมโหฬาร​แห่งยุคของโลก....

ตอนที่1​ โชคชะตา​แสนอาภัพ

Return of the Cursed Devil​ ตอนที่1​ โชคชะตา​แสนอาภัพ

โชคชะตา​อันโหดร้ายของเด็กน้อย ผู้ที่ถูกทั้งพ่อและแม่ขายตัวเองให้กับแก๊งมาเฟีย

เพื่อแลกกับเงินไม่กี่หมื่น

ผู้ที่ปกติก็อยู่ไม่เป็นสุขอยู่แล้วจากการโดนกลั่นแกล้ง​จากนักเลงข้างถนน และแทบจะทุกครั้งที่ถูกกลั่นแกล้ง​ก็มักจะมีเลือดตกยางออก​อยู่เสมอ​ ไม่ก็มีรอยฟกช้ำเป็นประจำ

มันทั้งเจ็บปวดและทุกข์​ทรมาน​เป็นอย่างมาก​ ทุกๆวันของเขานั้นไม่ได้ไปโรงเรียน​และไม่ได้เรียนหนังสือ

มั่วแต่จะต้องมาหาเงินเลี้ยงพวกพ่อแม่ขี้ยา​ ที่วันๆไม่ได้ทำอะไร​ เอาแต่เสพยากับดื่มเหล้า​

ทุกๆวันของเขานั้นจะต้องทำงานหามรุ่ง​หาม​ค่ำอย่างเหน็ดเหนื่อยเพื่อเอาเงินไปให้พ่อแม่ที่ถ้าลูกไม่หาเงินมาให้ก็ถึงกับจะต้องลงไม้ลงมือทุบตีอย่างรุนแรง​จนร่างกาย​มีรอยฟกช้ำไปทั่วทั้งตัว

บางครั้งก็ถูกกดเงินค่าแรงหรือไม่ไม่ได้เงินเลยก็มี​ เมื่อเป็นอย่างนั้นเขาจึงต้องอาศัยช่วงกลางคืนมาแอบวิ่งราว​ ไม่ก็โขมยมาจากที่ต่างๆ

พวกเขานั้นไม่เคยสนใจใยดีอะไรลูกของตัวเองเลย​ แม้จะบาดเจ็บ​หรือล้มป่วยก็ไม่ทุกข์​ร้อนใดๆขอแค่หาเงินมาให้ก็พอ

จนมาวันหนึ่งวันที่แก่งมาเฟียมาขอซื้อลูกของพวกเขา​ด้วยเหตุผลบางอย่าง พวกเขานั้นรีบตอบทันควันว่าขาย​ โดยไม่คิดหรือรู้สึกอะไรเลย​ ต่อหน้าต่อตาของลูกชายของเขา

"พ่อครับแม่ครับ จะขายผมไปจริงๆงั้นเหรอ!!" เด็กน้อยกล่าวอย่างน้ำตา​คลอ​พร้อมกับความรู้สึกที่ไม่อยากจากที่นี่ไป​ ถึงแม้อยากจะจากไปแค่ไหนก็ตาม

"อย่าขายผมไปเลยนะครับ​ เดี๋ยว​ผมจะหาเงินมาให้เยอะกว่านี้​ ผมจะตั้งใจทำงานกว่านี้​ ผมจะทำทุกอย่างให้ดีมากกว่านี้​ ขอร้องหล่ะ! อย่าขายผมขายเลยนะครับ!!" เขาโอดครวญ​อ้อนวอน​ต่อผู้เป็นบิดาและมารดาของตนอย่างสิ้นหวังอยู่นาน

แต่สิ่งที่พวกเขาตอบ​ มันกลับทำให้เด็กน้อยเจ็บปวดใจยิ่งกว่าเดิม

"ใสหัวไปให้พ้นซะ!! ไอ้เด็กเวรนี่!! จากนี้ไปเอ๊งจะได้ไปจากพวกข้าสักที​ นับแต่นี้ไปพวกข้าจะได้หมดเวรหมดกรรม​ไม่ต้องมาเลี้ยงดูเอ๊งอีก!! " ชายวัยกลางคน​ตะคอกใส่เด็กน้อยอย่างรุนแรง​ด้วยความรู้สึกที่เกรียดชัง

ส่วนหญิงสาว​ที่อยู่ข้างๆก็ไม่ได้แยแส​เด็กคนนี้ที่กำลังอ้อนวอนเขาเลยแม้แต่น้อย​ ไม่แม้แต่จะชายตามองด้วยซ้ำ

แม้นเขาจะบอกว่าเลี้ยงดูแต่จริงๆ​แล้วเขากลับทุบตีทารุณ​ต่างๆ​ ข้าวปลาอาหารก็เทลงกับพื้นปล่อยให้กินเยี่ยงหมาจรจัด

ไม่ส่งเสียให้เรียน​ ไม่ดูแลตอนป่วย​ ปล่อยให้อยู่รับใช้เยี่ยงทาสในบ้านโทรมๆหลังหนึ่งเท่านั้น

"นี่ผมเป็นตัวอะไรในสายตาของพวกท่านกันแน่!!?" เด็กน้อยตะคอกด้วยน้ำตาที่ไหลรินอย่างเสียขวัญ​ พร้อมกับกลุ่มคนชุดดำที่พาตัวเขาไป

เขาพยายาม​ดิ้นรน​สุดชีวิต​เพื่อที่จะหนีไปให้พ้นจากแก๊งมาเฟียและพ่อแม่ที่สุดแสนจะอมหิตของเขา

จนท้ายที่สุดแล้วเขาก็หนีรอด​ มาแอบซ่อนตัวอยู่ในท้อระบายน้ำแห่งหนึ่งได้สำเร็จ

ส่วนพ่อแม่ของเขาหลังจากที่ขายลูกตัวเองไปแล้ว​  ก็ไม่เคยหวนรำลึกถึงลูกชายของตนเลย​ ไม่แม้นจะเป็นห่วง​เป็นใย ราวกับว่า​ไม่มีสายสัมพันธ์​หรือเยื่อใย​อันดีต่อกันเลย อยู่อย่างสุขสบาย​กับเงินเล็กๆน้อยๆโดยการขายลูกตัวเอง

ส่วนพวกแก๊งมาเฟียที่เร่งกำลังตามหาเขาอยู่​นานมากแล้วนั้น แต่ก็กลับไม่พบร่องรอย​อะไรเลย ก็รู้สึกขุ่นเคืองขึ้นมา

พวกเขานั้นเป็นแก๊งมาเฟียใต้ดิน​ที่มีชื่อเสียง​ด้านลบอยู่พอสมควร​มีหรือจะยอมให้เสียเงินไปกับครอบครัวไร้ค่าครอบครัว​นึง​

แก๊งมาเฟียที่ไม่ได้ของตามที่ตกลงเลยส่งคนกลับไปฆ่าสองสามีภรรยา​คู่นั้นแทนเพื่อคืนหนี้สิ้นและค่าเสียเวลาของพวกเขากลับมา...

ภายในบ้านโทรมๆหลังหนึ่ง

ศพของคู่สามีภรรยา​ที่เละเทะไม่เป็นท่า​ ทั้งเครื่องในที่กระจัดกระจาย​ไม่เป็นทิศเป็นทาง ทั้งใบหน้าที่เหวอะหวะ​ไม่เป็นรูปเป็นร่าง​ และทั้งเลือดที่สาดกระเด็นกระดอนไปทั่วทั้งบ้าน

ซากศพ​นี้แลดูแล้วไม่น่าจะเป็นฝีมือของมนุษย​์อย่างแน่นอน​ที่ทำมัน​ ราวกับว่ามีสัตว์​อสูรร้ายมาทำการซีกกระชาก​ร่างเสียซะมากกว่า...

ใต้เมือง

เด็กน้อยอาศัยนอนในห้องเก็บขยะเก่าๆภายในท้อระบายน้ำ​ โดยการหาของกินจากถังขยะรอบๆเมือง​ ไม่ก็ตระเวณปล้นไปทั่ว​เพื่อประทังชีวิต​ มันทั้งยากลำบาก​ และแสนที่จะทรหด​ แต่เขาก็ทนกับมันตลอดมา​ เพื่อมีชีวิตอยู่...

เหตุการณ์​เหล่านี้วนเวียนเรื่อย​มาตลอดหลายปีจนเขาอายุได้15ปี​

ณ​ ทวีป​มาเชีย​ร์น​ ชายแดน​ของเมืองแห่งความหลากหลาย​ อัลเทียโน่  สถานที่อันขึ้นชื่อเรื่องอสูร​ สัตว์ประหลาด​ ปีศาจร้าย​ และภูติผี

แถบชายแดนแทบทั้งหมดของเขตเหนือล้วนเป็นที่ตั้งของเหล่าแก๊งใต้ดิน​ ไม่ก็เป็นที่หลบหนีของเหล่าอาชญากรผู้ก่อการร้าย​

มิหนำซ้ำยังมีตลาดมืดที่ใหญ่เป็นอันดับต้นๆของโลกอีกด้วย

ไร้ซึ่งกฎหมาย​ ไร้ซึ่งความยุติธรรม​ ที่นี่ใช้กฎแห่งธรรมชาติ​ปลาใหญ่กินปลาเล็ก​ ผู้ที่มีอำนาจคือความถูกต้อง

ภายในตัวเมือง​ ได้มีเหตุการที่ชุลมุน​วุ่นวาย​เกิดขึ้น..

"หนีเร็วพวกเรา!! พวกอสูรมันโผล่มาอีกแล้ว"

ชายวัยกลางคน​ตะโกนขึ้นเสียงดัง​ เพื่อเรียกเหล่าพวกพ้องของตนให้หนีจากเหล่าอสูรนับไม่ถ้วน

ที่โผล่ออกมาจากทั่วทุกสารทิศ​ ใต้ดิน​ ท้องฟ้า​ ถนน​ ตึก​ ทุกๆที่เต็มไปด้วยเหล่าอสูรหน้าตาแปรกประหลาด

บางก็มีดวงตา​นับไม่ถ้วนตามร่างกาย​ บางก็ไร้ดวงตา​ บางก็มีแขนขานับไม้ถ้วนตามร่างกาย​ บางก็ไม่มี​ อวัยวะ​สะเปะสะปะ​ กระดูกจัดวางไม่เป็นทิศเป็น​ทาง

แทบทั้งสิ้น​ต่างมีองค์ประกอบ​ตามร่างกายที่ไม่สมบูรณ์​หรือไม่ก็เกินเลยจนล้นพ้น​ ทำให้พวกมันดูอัปลักษณ์เป็นอย่างมาก

ไม่นานนักหลังจากเหล่าอสูรปรากฏ​ตัว​ เหล่าผู้แสวงหา​ในโชคลาภ​ ไม่ก็เหล่านักสู้นักล่าหรือแม้กระทั่งเหล่าผู้ต้องการหาอสูรผู้ผูกพันธสัญญา​กับตนก็ต่างพากันมาที่นี้

การผูกพันธสัญญา​กับอสูรนั้นก็คือการแลกเปลี่ยนระหว่างกายเนื้อกับอสูรเพื่ิอแลกกับพลังที่จะได้รับ

พลังนั้นขึ้นอยู่กับอสูรว่าแข็งแกร่งหรืออ่อนแอ​ และยังขึ้นอยู่กับสิ่งที่แลกเปลี่ยนด้วย

ยิ่งสิ่งแลกเปลี่ยนมีผลต่อความเป็นตายมากเท่าไรยิ่งได้รับสิ่งแลกเปลี่ยนที่มากขึ้นเท่านั้น

แล้วถ้ายอมแลกชีวิตกับพลังล่ะจะเป็นอย่างไร!?

คำถามนี้ยังคงมีอยู่เรื่อยมาทั้งๆที่มีคนเคยทำมันแล้วนับไม่ถ้วน​ก็ตาม แต่ก็ไม่มีใครเลยที่สามารถ​รอดกลับมาจากความตายเพื่อจะเล่าเรื่องนี้ได้..

นี่แหละ​คือความพิศวง​ของพันธสัญญา..

ตรงปากท้อระบายน้ำกลางเมือง

"ไอ้พวกอสูร​เวรในครั้งนี้แม่งเยอะกว่าครั้งก่อนเสียอีก"

เด็กหนุ่มโผล่ขึ้นมาจากปากท้อระบายน้ำกลางเมือง​ เพื่อที่จะออกมาสังเกตุ​สิ่งที่เกิดขึ้นด้านบน​

เขาผู้นี้มีชื่อว่าคิริน​ เขาเป็นเด็กหนุ่มที่ไร้ที่อยู่อาศัย​ไร้ซึ่งสังกัด​หรือแก่ง อยู่อย่างโดดเดี่ยว...

หลังจากที่ได้สอดส่อง​ดูรอบๆอยู่สักพัก​ เขาก็พบว่าภายในเมืองเกิดการจราจลขึ้น​ พร้อมทั้งอสูรที่เดินไปเดินมาอยู่ทั่วทั้งเมือง...

"ข้าหวังว่าข้างล่างนี้คงจะไม่มีพวกอสูรเวรตะไรเหมือนข้างบนหรอกนะ​ ไม่งั้น.." เขาพูดออกมาด้วยท่าทีที่สบายๆราวกับว่าเรื่องพวกนี้เป็นเหตุการณ์​ปกติของเขา

เมื่อลงมาถึงเบื้องล่างเขาก็พบกับอสูรตัวหนึ่งมันมีลักษณะ​คล้ายงูแต่ไม่มีดวง​ตา ลำตัวเป็นสีขาวยาวหลายสิบเมตร​

" เฮ้อ~สิ่งที่ข้าหวังมันไม่เป็นจริงซะแล้วสิ"

'ใครจะไปรู้ล่ะ​ ว่าบางทีเจ้านี่อาจจะเหมาะกับการทำพันธสัญญา​กับข้าก็ได้'​

"เฮ้! ไอ้งูหน้าโง่​ แกมาได้พอดิบพอดีเลยนะ อยากลองทำพันธสัญญา​กับข้าไหมล่ะ!?? ​ "

พูดยังไม่ทันขาดคำเขาก็เจอกับอสูรเขาส่ะแล้ว​ และดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้รู้สึกกลัวแต่อย่างไร​ แต่กลับดูถูกใจเจ้าอสูรตัวนี้ซะมากกว่า

"ถึงข้าจะไม่อยากให้แกมาอยู่ที่นี่ก็ตามเถอะ​ แต่จะทำไงได้ล่ะว่างั้นไห..."

ยังไม่ทันได้พูดจบเจ้าอสูรตัวนั้นก็อ้าปากขนาดใหญ่ของมันออก​ พร้อมเขมือบร่างทั้งร่างของเด็กหนุ่มลงไปภายในคำเดียวอย่างง่ายดาย​ โดยไม่แม้นจะสนใจคำพูดของเขาเลยแม้แต่น้อย

แต่จู่ๆก็มีบางอย่างเกิดขึ้น​ เมื่อมีมีดปริศนา​พุ่งออกมาจากลำตัวของอสูรตัวนั้น​ มันตัดผ่านร่างของอสูรไปมาอย่างรวดเร็วจนมองตามแทบไม่ทัน

ต่อมาเหล่าเศษชิ้นส่วนเนื้อของอสูรงูไร้ตาก็กระจุยกระจาย​ออกมาพร้อมกับเลือดที่พุ่งกระฉูด​ราวกับน้ำพุ...

"จะต้องมีพวกจากองค์นั่นมาตรวจอีกแน่ถ้ามีศพของไอ้พวกนี้ นี่แหละ​เหตุผลที่ข้าไม่อยากจะพบเจอเจ้าพวกอสูรแถวนี้​เลย ถ้าเป็นไปได้ข้าอยากจะเจอพวกภูติผีดี​กว่า จะได้ไม่ต้องมาเจอเหตุการณ์​แบบนั้น​ แถมยังได้ดวงวิญญาณ​อีก"

คิรินเดินออกมาจากกองซากศพ​ของอสูรด้วยร่างที่ชโลมไปด้วยเลือด​ พร้อมบ่นพึมพัมออกมาอย่างยกใหญ่ และในมือที่กำดวงวิญญาณ​สีฟ้าเอาไว้ เหตุการณ์​เหล่านี้คือสิ่งปกติที่เด็กหนุ่มจะต้องเผชิญ​เป็นประจำทุกวัน..

" เฮ้อ~ ข้าก็อยากจะทำพันธสัญญาบ้างจัง​ มันจะเป็นยังไงกันน๊า~เมื่อทำพันธสัญญา​แล้วเนี่ย​ เห็นพวกนักล่าเขาก็ทำกันแทบทุกคน​เลย น่าอิจฉา​ชะมัดยาด!"

เขาถอนลมหายใจออกมาเฮือกนึงด้วยความรู้สึกที่เหนื่อย​หน่ายอย่างบอกไม่ถูก

ในขณะนั้น​นั่นเอง

วูป! ฟิ้วว~

เสียงของบางสิ่งบางอย่างที่ทะลวงผ่านกำแพงออกมา​ พร้อมเสียงหวีดวิวของลมที่ดังขึ้นเบาๆ​

"ข้านั้นได้ยินไม่ผิดสินะ พันธสัญญา​ใช่ไหม!? ถ้าเจ้าถามข้าล่ะก็ ข้านั้นไม่มีให้เจ้าหรอก​ แต่ข้านั้น​มีของบางอย่างที่น่าสนใจอยากจะมาแลกกับเจ้าหน่ะ"

วิญญาณ​ผีพ่อค้าพร้อมกับสัมภาระที่เป็นกระเป๋าขนาดใหญ่ลอยตามมา​ โผล่ออกมาจากกำแพง

'วิญญาณ​ผีสินะ'​

คิรินแสยะยิ้มอยู่ในใจเมื่อพบกับสิ่งที่เขาต้องการ

"ว่ามา"

คิรินเอ่ยอย่างเย็นชา​โดยไม่ทักทาย​ เขานั้นไม่ได้สนใจในสิ่งที่วิญญาณ​พ่อค้าต้องการจะแลก​ แต่เขากลับเกิดความสนใจในสิ่งอื่นมากกว่า...

" ข้านั้นมีอาวุธภูติหายากมาให้  เพื่อแลกกับดวงวิญญาณ​ดวงนั้น" เขาใช้คำพูดที่น่าดึงดูดเพื่อให้เด็กหนุ่มเกิดความสนใจ

แต่

" ไม่อะข้าไม่สนใจอาวุธ​พวกนั้น และข้าก็หิวแล้วด้วยตอนนี้"

หลังจากพูดจบเด็กหนุ่มก็เขมือนดวงวิญญาณ​เข้าปากโชว์​ไปในทันทีพร้อมกลืนลงท้องอย่างรวดเร็ว​

รู้ไว้ก่อนนะว่ามนุษย์​นั้นไม่สามารถ​กลืนกินดวงวิญญาณ​ได้​ เพราะถ้าเกิดกลืนกินลงไปแล้วจะเกิดผลสะท้อนของพลังที่กระจายออกมาจากดวงวิญญาณ​ จนทำให้ร่างกายโป่งพองพร้อมกับบางส่วนที่บิดเบี้ยว​อย่างไม่เป็นรูปเป็นร่าง​จากนั้นก็ระเบิดออกและตายลง...

หลังจากที่เขากลืนดวงวิญญาณ​นั้นลงไปร่างกายของเขาก็เกิดแสงสีฟ้าอ่อนห่อหุ้ม​ร่างเอาไว้ช่วงขณะ​ จากนั้นก็จางลงและสลายหายไป

" ห๊า~ นี่เจ้าบ้าไปแล้วเหรอ​ มนุษย์ที่ไหนกันเข้ากลืนดวงวิญญาณ​ลงไปหน้าตาเฉยขนาดนั้น"

วิญญาณ​พ่อค้าถึงกับ​อ้าปากค้างพร้อมเข้าไปเขย่าร่างของเด็กหนุ่มและโวยวาย​ออกมายกใหญ่

"ก็มีที่นี่ไง"

เขาตอบทันทีทันใด​อย่างไม่คิดมาก...

'ข้ายังหิวอยู่เลย เจ้าดวงวิญญาณ​งูนั่นยังไม่ทำให้ข้าอิ่มได้จริงๆด้วย ข้าคงต้อง..'

ในขณะที่วิญญาณ​พ่อค้ากำลังบ่นเด็กหนุ่มอยู่นั้น​ เด็กหนุ่มก็เลียริมฝีปาก​ด้วยความหิวโหยพร้อมง้างมีดสั้นที่อยู่ในมือ​

"เอ่ะ!! นี่เจ้ากำลังจะทำอะไรของเจ้านะ​ มันคงไม่ใช่ว่าเจ้าเห็นข้าเป็นอาหารหนอกระมั้ง.. "

เมื่อเห็นดังนั้นพ่อค้าก็ถึงกับผงะก้าวถอยหลังอย่างไม่รู้ตัวพร้อมความกลัวที่แสดงชัดเจนทางสีหน้า​

"โทษทีนะ​ ตอนนี้ข้าหิวมาก​แล้ว ข้าคงต้องฆ่าเจ้าแล้วหล่ะ​ เพื่อสนองความอยากของข้าในตอนนี้ ขอบคุณสำหรับอาหาร"

พูดจบคิรินก็ตั้งท่าและกวัดแกว้งมีดอย่างรวดเร็ว​ ตัดเฉือนวิญญาณ​พ่อค้าจนขาดสบั้นออกจากกัน​ พร้อมเลือดสดๆที่สาดกระเด็น​กระดอนไปในทิศทาง​ต่างๆ

"ม้ายยย!!!

เสียงโหยหวนดังอยู่สักพัก​ ไม่นานนักร่างวิญญาณ​พร้อมเลือดก็สลายหายไปกับความว่างเปล่า พร้อมกับการปรากฏ​ของดวงวิญญาณ​สีฟ้าขึ้นในมือของเด็กหนุ่ม​อีกครั้งและกระเป๋าสัมภาระ​ขนาดใหญ่ที่ตกลงมาจากอากาศสู่พื้น

เขาเขมือบดวงวิญญาณ​เข้าปากพร้อมกลืนลงท้องในทันทีอย่างรวดเร็วโดยไม่รอท่า​

จากนั้นแสงสีฟ้าอ่อนก็ห่อหุ้ม​ร่างของเขาอีกครั้งและจางหาย​ไปเช่นเดิม

และดูเหมือนว่าทุกครั้งที่เขากลืนดวงวิญญาณ​เขาไป​ เขาจะไม่รู้สึกถึงแสงที่ห่อหุ้ม​ร่างกายของเขาเลยสักครั้ง

แล้วเจ้าแสงนี่มันคืออะไรกันแน่!?

และทำใมมันถึงห่อหุ้ม​ร่างของเขาด้วย?...

"แหวะ!! ดวงวิญญาณ​เนี่ยไม่ค่อยอร่อยเลยแฮะ​ พวกเศษอาหารข้างถนนยังอร่อยกว่านี้อีก"

คิรินบ่นพึมพัมแล้วเดินจากไปพร้อมกับกระเป๋า​สัมภาระ​ขนาดใหญ่​ที่ลากมาด้วย​ โดยที่ทิ้งกองซากอสูรไว้เบื้องหลัง

แต่จู่ๆก็มีบางอย่างเกิดขึ้น

ตึกๆ!! ตึกๆ!!

เสียงของหัวใจที่สั่นแรงผิดปกติพร้อมอาการวิงเวียนที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหัน

'โอ๊ยยย!! แม่งโครตเจ็บเลย!! นี่มันอะไรกัน'​

เขากุมศีรษะ​ด้วยความเจ็บปวด​ พร้อมร่างกาย​ที่เริ่มโซซัดโซเซ​อย่างควบคุมไม่อยู่​และล้มลงในที่สุด

ตึก!!

ดวงตาเริ่มพร่ามัว​ภาพเบื้องหน้าเริ่มไม่ชัดเจน​พร้อมสติที่เลือนลาง​ และล้มลงนอนกองลงกับพื้น

'ไม่ไหวแล้ว... '​

ความคิดเริ่มวูบดับสติไร้ซึ่งการตอบสนอง​ หลับลงกับพื้นโดยไม่ทราบสาเหตุ...

มันเกิดอะไรขึ้น!!?

เป็นเพราะดวงวิญญาณ​นั่นหรือป่าว?

หรือว่ามีพวกอสูรลอบทำร้าย?

ตอนที่2​ ผูกพัทธสัญญา​

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!