NovelToon NovelToon

Coyenants War: สงครามพันธสัญญา

บทนำ

 

สวัสดี...ผมชื่อ summer ถ้าเราพูดถึงมนุษย์...

 

  มนุษย์นั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าทึ้ง ไม่ว่าจะเป็นทางด้านสติปัญญาหรือด้านพละกำลัง มนุษย์ทุกคนไม่ได้มีสองสิ่งนี้เท่าเทียมกัน บางคนอาจจะแข็งแรง บางคนอาจจะฉลาด หรือบางคนอาจจะไม่มีสองสิ่งนี้เลย ผมไม่ได้หมายถึงคนที่ไม่มีสมองหรือไม่มีแรงที่จะเดินนะ แต่มีสิ่งหนึ่งที่มนุษย์ทุกคนจะต้องพบเจอและหลีกเลี่ยงมันไม่ได้นั้นก็คือ ''ความตาย'' ไม่ว่าคุณจะเก่งแค่ไหนสุดท้ายคุณก็จบที่คำว่าตายอยู่ดี.

สิ่งที่ผมจะพูดต่อจากนี้ มันอาจจะดูเหลือเชื่อไปหน่อย แต่สิ่งนี้นั้น มันได้เกิดขึ้นจริงในปัจจุบัน ใช่แล้วการกำเนิดใหม่ของเหล่าคนสำคัญๆ ในประวัติศาสตร์แต่เป็นในรูปแบบวิญญาณ.

 

เนื่องจากการค้นพบวัตถุปริศนาของเหล่านักโบราณคดีและการเปิดผนึกวัตถุนั้นโดยไม่ได้ตั้งใจ ทำให้ นักวิทยศาสตร์ นักรบในอดีต นักศิลปะ ผู้คนสำคัญในอดีต เหล่าทวยเทพและอื่นๆที่ยังไม่ค้นพบ ที่น่าจะหายไปจากโลกใบนี้ กลับฟื้นคืนชีพมาในรูปแบบวิญญาณ นักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์ ได้เรียกวัตถุชิ้นนี้ว่า ผลึกแห่งวิญญาณ เขาได้สันนิษฐานว่า วัตถุใบนี้ใช้เก็บข้อมูลของเหล่าผู้คนในอดีตไว้.

โอ้ว...ดูเหมือนเวลาของผมใกล้จะหมดแล้วซิ งั้นรีบสรุปเลยก็แล้วกัน ซึ่งใครเป็นคนสร้างและจุดประสงค์ที่สร้างวัตถุชิ้นนี้ขึ้นมานั้นยังไม่สามารถหาคำตอบได้.

การค้นพบครั้งนี้นั้น ทำให้โลกใบนี้เปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง วิญญาณที่ถูกเรียกมา จำเป็นต้องทำพันธสัญญากับมนุษย์เพื่อที่จะได้ไปสู่สุคติ หากทำพันธสัญญาเสร็จสินมนุษย์คนนั้นก็ จะได้รับพลัง พิเศษตามความสามารถของวิญญาณที่ ทำพันธสัญญา จะเก่งหรืออ่อนแอก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของวิญญาณและไม่ใช่ว่าทุกคนจะทำพันธสัญญาได้ คนที่สามารถทำได้นั้น จำเป็นต้องเกิดหลังเหตุการณ์ค้นพบผลึกแห่งวิญญาฌ คนที่ยกเลิกพันธสัญญาไปแล้ว จะไม่สามารถทำได้อีก มนุษย์ทุกคนบนโลกใบนี้ล้วนอยากลิ้มลองการ ทำพันธสัญญากันทุกคน โดยที่ไม่คำนึงถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นเลย.

แต่ผมก็เป็นอีกคน ที่อยากทำมัน เช่นเดียวกัน ถ้าผมทำได้อะนะ.

 

 

 

 

พันธสัญญาที่ล้มเหลว

เสียงนาฬิกาปลุกที่คุ้นเคยดังขึ้นในห้อง ของsummerกริ่ง กริ่ง กริ่ง"ไม่เอาน่า เมื่อคืนฉันอยู่จนดึกจนดึ่นเลยนะ ขออีกหน่อยเถอะน่า" เสียง นาฬิกาปลุกยังคงดังอยู่เหมือนเดิม "โธ่โว้ย! ไม่คิดจะยอมให้เลยใช่มั้ยเนี้ย"

ติ้ก เสียงปิดนาฬิกาปลุก summerถอนหายใจเบาๆ ก่อนที่จะลุกออกจากเตียง แล้วเดินไปที่ห้องน้ำ ล้างหน้าล้างตา อาบน้ำเสร็จก็ใส่ชุดนักเรียน

"วันนี้เอาขนมปังแผ่นเดียวก็แล้วกัน"

summerเดินออกจากบ้านเพื่อไปโรงเรียน ในระหว่างที่เดิน ไปโรงเรียน เขาก็พูดกับตัวเองไป

ผมชื่อ summer

อายุ19ปี เป็นคนสัญชาติไทย ย้ายมาอาศัยอยู่ที่เมือง Assault เป็นเมืองที่สร้างขึ้มมาใหม่หลังเหตุการณ์การค้นพบครั้งยิ่งใหญ่ของโลก ผมคงไม่ต้องบอกหรอกนะว่าเมือง ที่ผมอาศัยอยู่มันอยู่ในทวีปไหนหรือส่วนไหนของโลก เมืองทุกเมืองที่สร้างขึ้นมาใหม่ จะมีครอบครัวของคนที่สามารถทำพันธสัญญาได้ เข้ามาอาศัยอยู่ ในเมืองก็จะมีทั้งคนธรรมดา คนที่ทำพันธสัญญาได้ และคนที่ทำพันธสัญญาไปแล้ว

ซึ่งผมก็เป็นอีกคนหนึ่งที่สามารถทำพันธสัญญาได้ และคนที่ผมอยากจะทำด้วยก็คือนักวิทยาศาสตร์ชื่อดัง อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ทั้งๆที่ผมไม่รูเกี่ยวกับพลังของเขาเลย แต่ผมก็รู้สึกอยากจะทำพันธสัญญากับเขา คงจะเป็นเพราะผมชอบผลงานและทฤษฎีของเขาละมั้ง ยังไงซะ...ก็ขออย่าให้ใครทำพันธสัญญากับเขาก่อนผมก็แล้วกัน ผมเงยหน้าขึ้งมองดูก่อนเมฆบนท้องฟ้าสีคราม ตั้งแต่ที่เกิดเรื่องขึ้น มันก็ผ่านมาตั้งหลายปีแล้ว มีเหตุการณ์มากมายที่เกิดขึ้นตลอดทุกวัน ทุกเดือน ทุกปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นการทำความดีของเหล่าผู้คนที่ทำพันธสัญญา...ไม่ก็การทำความผิดของเหล่าผู้คนที่ทำพันธสัญา จะบอกว่าเรื่องพวกนี้ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องธรรมดาเลยก็ว่าได้ ยังไงซะ ผมก็ไม่ได้สนใจเรื่องพวกนั้นอยู่แล้ว แต่ว่า...

"อะไรกันเนี้ย...ไม่เห็นเจอนักเรียนสักคน มันจะเงียบเกินไปแล้วนะ" ผมยืนดูหน้าโรงเรียนอยู่สักพัก

"เอาเถอะ วันแบบนี้มันก็มีละนะ" ผมพูดพลางเป็นการปลอบใจตัว ก่อนที่จะเดินเขาโรงเรียน

มีหญิงสาวคนหนึ่งมองมาที่ summer

"อ้าว summerคุง วันนี้เธอมาเร็วกว่าปกตินะ" หญิงคนนั้นตะโกนเรียก summer

summerมองไปที่เสียง แล้วเห็นผู้หญิงคนนั้น ก็ถอนหายใจเบาๆ ทำไมต้องมาเจออาจารย์ชูก้าตั้งแต่เช้าด้วยละเนี้ย เขาพูดในใจ อาจารย์ชูก้าเป็นอาจารย์ที่มักจะสอน ห้องsummerอยู่บ่อยๆ เธอเป็นคนที่ร่าเริง ขยันในการทำงาน อาจารย์ชูก้าเป็นคนที่มีสิทธิในการทำพันธสัญญา แต่เธอไม่อยากทำเท่าไหร่ เหตุผลเพราะมันดูเหมือนจะไปเบียดเบียนผู้อื่น...อีกอย่างเธอมักจะเรียกsummerว่า summerคุง ตลอด ตอนที่เห็นเขา

"อรุณสวัสดิ์จ้า วันก็ยังอากาศดีเหมือนเดิมนะ"

"อรุณสวัสดิ์ครับ อาจารย์ชูก้า ขอถามอะไรแปลกๆหน่อยนะครับ คือว่าตอนนี้กี่โมง"

"อืม...กี่โมงหรอ ก็ยังไม่ถึงเจ็ดโมงเลยนะ summerคุงนอนดึกจนลืมแล้วหรอ นอนดึกมันไม่ดีนะ"

"ดูเหมือนว่า...นาฬิกาที่บ้านผมจะเร็วไปชั่วโมงหนึ่ง" summerพยายามนึกว่า ทำไมนาฬิกาที่บ้านของเขา ถึงเร็วไปหนึ่งชั่วโมง แสดงว่า นี้น่าจะเป็นผลมาจากการที่เราสร้างอัญมณีเรียกวิญญาณเม็ดนั้นขึ้นมาซินะ summerพูดในใจ

อาจารย์ชูก้ายื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ summer

"summerคุงนอนดึกเพราะกำลังทำการทดลองอะไรอยู่หรือป่าว"

"ปะ...ป่าวครับ ผมแค่ตั้งนาฬิกาปลุกเร็วกว่าปกติเฉยๆ"

 

"อย่างงั้นหรอ นึกว่าเธอจะฝืนตัว ทำอะไรซักอย่างแล้วซะอีก"

"ผมไม่ฝืนตัวทำอะไรที่มันไม่จำเป็นหรอก ถ้างั้นผมขอตัวนะครับ"พอsummerพูดจบก็บอกลาอาจารย์ชูก้า ยังไงซะ ก็บอกเรื่องที่เราสร้างอัญมณีเรียกวัญญาณ ให้อาจารย์ฟังไม่ได้หวังว่าห้องสมุดคงจะเปิดแล้วนะ เขาคิดในใจก่อนที่จะเดินเข้าอาคารเรียน

ในระหว่างที่summerเดินไปห้องสมุด มีอาจารย์คนหนึ่งกำลังจะเดินสวนกับเขา summerหยุดเดินแล้วกล่าวทักทายอาจารย์

"อรุณสวัสดิ์ครับ อาจารย์อะพอลโล"

"อรุณสวัสดิ์ summer วันนี้เธอคึกอะไรทำไมถึงมาโรงเรียนตั้งแต่เช้าละ"

"คือว่า...ผมตั้งนาฬิกาปลุกเร็วกว่าปกตินะครับ"

"อือ...ฉันคิดว่าตอนนี้ห้องสมุดน่าจะเปิดแล้ว ถ้าเธออยากจะอ่านอะไร ก็รีบอ่านก่อนที่จะถึงคาบเรียนละ"

พออาจารย์อะพอลโลพูดเสร็จ ก็เดินไปอีกทาง

summerถอนหายใจเบาๆ อาจารย์อะพอลโลเป็นอาจารย์ประจำชมรมเรนเจอร์ เขาเป็นคนที่ไม่พูดมาก แต่อย่าให้แกบ่นก็แล้วกัน ไม่งั้นคุณคงจะได้ฟังการเทศนายาวแน่ อาจารย์อะพอลโลทำพันธสัญญาไปแล้ว เขาทำกับนักวิทยาศาสตร์ชื่อ...ชื่ออะไรผมก็จำไม่ได้แล้วเหมือนกัน แต่ความสามารถนี้ น่าจะเกี่ยวกับดาวเคราะห์นะ แต่ว่า...นี้ผมอ่านหนังสือบ่อย จนอาจารย์ทั้งโรงเรียนรู้แล้วหรอเนี้ย เอาเถอะยังไงตอนนี้ ห้องสมุดก็เปิดแล้ว รีบไปดีกว่า ผมเดินไปในอาคารที่ไม่มีนักเรียนสักคน เดินไปเรื่อยๆจนถึงหน้าห้องสมุด

หวังว่าคงจะให้เข้าไปนะ summerพูดในใจ

แล้วเดินเข้าห้องสมุดพร้อมกับพูดขออนุญาตเข้าห้อง เพื่อว่ามีอาจารย์อยู่ในห้องสมุด มันจึงจะได้ไม่เป็นการเสียมารยาท

"ฉันนึกแล้วว่าต้องเป็นนาย" มีเสียงของหญิงสาวปริศนาดังขึ้นข้างหลังsummer

"ใครนะ!" summerตกใจกับเสียงนั้นมาก ก่อนที่จะรีบหันหลังกลับไปดู ว่าเป็นเสียงของใคร

"วันนึ้นายมาเร็วเกินไปนะ summer"

"อาจารย์คิเรน มาไม่ให้ซุ่มให้เสียงเลยนะครับ" summerตอบกลับ

"นายนั้นละ ทำไมวันนี้ถึงมาโรงเรียนเร็วจัง"

"เอ่อ คือว่า..." summerพูดยังไม่ทันจบ อาจารย์คิเรนก็พูดแทรกขึ้น

"ช่างมันเถอะ นายมาก็ดีแล้ว ฉันกำลังจะไปซื้อกาแฟอยู่พอดี นายช่วยเฝ้าห้องสมุดจนกว่าฉันจะกลับมาทีนะ อยากจะอ่านอะไรก็อ่านเลย ไปละ" อาจารย์คิเรนพูดเสร็จ ก็รีบเดินไปอีกทางที่summerพึ้งเดินมาทันที

"คะ...ครับ สุดท้ายก็โบ้ยงานมาให้เราสินะ"

อาจารย์คิเรน เธอเป็นผู้หญิง เป็นอาจารย์อีกคนที่summerรู้จักตั้งแต่ม.ต้น เพราะผมเป็นคนที่ใช้45%ของชีวิตไปกับการ อ่านหนังสือ ทำให้ผมมักจะมาที่นี้บ่อยๆ โดยเฉพาะเวลาว่าง อาจารย์คิเรนเป็นอีกคน ที่สามารถทำพันธสัญญาได้ แต่เธอไม่ทำ เธอบอกว่ามันเป็นเรื่องไรสาระ เอาเถอะครับ ยังไงความคิดของคนเรามันก็ไม่เหมือนกันอยู่แล้ว ไม่เป็นไรแค่ผมได้อ่านหนังสือก็พอแล้ว summerเดินไปดูหนังสือที่คิดว่าจะอ่านตั้งแต่เมื่อวานที่ชั้นว่างหนังสือ

แล้วสะดุดตาเข้ากับหนังสือนวนิยายเล่มหนึ่ง พูดได้เติมปากเลยว่า ตั้งแต่ที่summerมาอยู่ที่โรงเรียนAssault ไม่มีหนังสือนวนิยายเล่มไหนที่จะไม่ถูกเขาเปิดอ่านมาก่อน summerแปลกใจเล็กน้อย แต่ก็นึกว่า คงเป็นหนังสือเล่มใหม่ละมั้ง จึงหยิบหนังสือเล่มนั้นขึ้นมา พร้อมกับเปิดอ่านเนื้อหาข้างใน

 

"นักท่องประวัติศาสตร์และกาลเวลา" เนื้อเรื่องจบในเล่มเดียว เกี่ยวกับเด็กหนุ่มม.ปลายที่สร้างเครื่องย้อนเวลาขึ้นมา แต่ยังไม่สมบูรณ์ จึงไปของบกับโรงเรียนแต่โรงเรียนกลับหาว่าเป็นเรื่องเพ้อเจ้อ เด็กคนหนึ่งจะไปสร้างเครื่องย้อนเวลาได้ยังไง ทำให้เด็กหนุ่มกลับบ้านด้วยความโมโห จึงไปปรับระบบเครื่องย้อนเวลาโดยไม่รู้ตัว พอตื่นเช้าขึ้นเด็กหนุ่มกลับได้ไปอยู่ในปีพ.ศ.2430 เขาได้ลงไปเช็คเครื่องย้อนเวลาที่ห้องใต้ดิน พบว่าระบบกำลังทำงานอัตโนมัส ระบบได้บอกให้เด็กหนุ่มหาอุปกรณ์วิทยาศาสตร์ตามแต่ละปีมา10อย่าง ถึงจะได้กลับยุคปัจจุบัน ถ้าหากทำอะไรนอกเหนือจากการส่งอุปกรณ์วิทยาศาสตร์กับเครื่องย้อนเวลา จะไม่สามารถกลับไปยุคเดิมได้ ทำให้เด็กหนุ่มจำเป็นต้องหาอุปกรณ์วิทยาศาสตร์มา10อย่าง เพื่อที่จะกลับยุคของตนเอง การเดินทางข้ามเวลาจึงได้เริ่มต้นขึ้น!

อือ...ดูเหมือนเรื่องย่อของนวนิยายเล่มนี้ มันจะสามารถดึงดูดผมได้เลยละ ส่วนตัวผมเป็นคนชอบอ่านนวนิยายที่เกี่ยวกับนักวิทยาศาสตร์อยู่แล้ว

เรื่องวิทยาศาสตร์กับประวัติศาสตร์...ฟังดูมันก็ไม่น่าแย่นะ อ่านเล่มนี้ก็แล้วกัน ผมหยิบหนังสือเล่มนั้นมา เดินไปที่โต๊ะ แล้วนั่งอ่านหนังสือ ผมรู้ว่าเวลาในการอ่านหลังสือของผม มันมีไม่มาก แต่ถ้าได้อ่านซักครึ้งเล่มผมก็พอใจแล้ว ผมจึงอ่านด้วยความตั้งใจ

ในระหว่างที่summer กำลังอ่านหนังสืออยู่ มีชายปริศนาคนหนึ่งแอบยืนดูsummer อ่านหนังสือ เขาเข้ามาในห้องสมุดก่อนอาจารย์คิเรนด้วยซ้ำ และยังเป็นคนที่เอาหนังสือเล่มใหม่ ไปวางไว้ในชั้นอ่านหนังสืออีกด้วย

นึกว่าแต่จะไม่อ่านแล้วซะอีก ยังไงซะ...หนังสือเล่มนั่นก็เป็นสิ่งที่แนะนำฉันไปในตัวละนะ หวังว่านายคงจะเข้าใจในสิ่งที่ฉันเขียนนะ ชายปริศนาพูดในใจ

พอพูดเสร็จร่างของเขาก็หายไปใน ชั่วพริบตาโดยที่summer ไม่รู้ตัวเลย

เวลาผ่านไปเลื่อยๆ จนตอนนี้ ผมไม่รู้ว่ากี่โมง ผมอ่านหนังสือจนเกือบจะครึ้งเล่มแล้ว ก่อนที่ผมจะเปิดอ่านจากหน้าที่205ไปหน้า206ก็มีเสียงเคาะกระจกดังขึ้น

มันทำให้ผมเปลี่ยนจากการอ่านหนังสือ ไปมองเสียงนั่นแทนโดยไม่ต้องพูดเลย ผมมองซ้ายมองขวา เพื่อหาว่าเสียงนั้นมันเกิดจากอะไร ก่อนที่จะมีอีกเสียงออกมา

"นี้มันใกล้จะถึงเวลาเรียนแล้วนะ summer" เสียงอาจารย์คิเรนบอกเตือน เรื่องเวลาของsummer

"ถ้าเข้ามาในห้องสมุดแล้ว ก็น่าจะเรียกกันหน่อยนะครับ" ผมตอบกลับ พร้อมถอนหายใจเบาๆ

"ก็เห็นนายตั้งใจอ่านหนังสือ ก็เลยไม่อยากขัดความสุข...ถ้าอยากอ่านให้มันจบค่อยมาอ่านตอนเที่ยงก็ได้นิ"

"ครับ ครับ" summerลุกออกจากโต๊ะ เดินเอาหนังไปเก็บไว้ที่เดิม แล้วเดินออกจากห้องก่อนที่จะเดินออกก็บอกล่าอาจารย์คิเรน

ไว้ตอนเที่ยงมาอ่านให้มันจบก็แล้วกัน summerพูดในใจ แต่ทันใดนั้น ก็รู้สึกเหมือนมีมือข้างหนึ่งมาพลักหลัง จนแทบจะล้มไปข้างหน้า แต่เขาก็พยุงตัวขึ้นมาทัน

"ใครนะ!?" จบคำพูด summerหันหลังไปดูคนที่มันกล้าทำแบบนี้

"ว่าไง คุณหนอนหนังสือ" ชายคนที่ปรากฏอยู่ข้างหน้าsummer ตอบกลับด้วยความสนิทสนม

"โรเบิร์ต! นี้นาย...บอกแล้วไงว่าฉันแค่ชอบอ่านหนังสือ"

"รู้แล้วรู้แล้ว ชายผู้รักการอ่านนี้เอง ใช่มั้ยคุณหนอนหนังสือ"

summerถอนหายใจเบาๆ โรเบิร์ต เพื่อนสนิทของผม รู้จักกันมาตั้งแต่ม.ต้น ถ้าถามผมว่าเป็นเพื่อนสนิทกันได้ยังไง...อย่าถามเลยดีกว่า...เขาเป็นคนอารมณ์ดี ขี้เล่นและมักจะเรียกผมว่าคุณหนอนหนังสือ คุณก็น่าจะรู้ว่าชีวิตผมอยู่กับหนังสือตั้ง45% คงจะไม่แปลกที่จะมีคนเรียกผมแบบนี้ ถึงแม้มันจะรู้สึก...ก็นะ คุณคงไม่อยากให้ใครมาเรียกคุณตอนกินข้าวเที่ยงหรือไม่ก็ตอนไปทำธุระในห้องน้ำว่าเจ้าหนอนหนังสือหรอกใช่มั้ย

โรเบิร์ตเป็นสมาชิกระดับที่1 ของชมรมเรนเจอร์ การทำพันธสัญญาระหว่างวิญญาณ เขาทำกับ

"ฮัตโตะริ ฮันโซ" เกิดวันที่ค.ศ.1542เสียชีวิตวันที่ 23ธันวาคม ค.ศ. 1596 บางครั้งรู้จักในชื่อ ฮัตโตะริ มะซะนะริ  หรือ ฮัตโตะริ มะซะชิเงะ เป็นบุตรของ ฮัตโตะริ ยาสึนางะ ที่เป็นหัวหน้าของกลุ่มนินจาอิงะ แต่ไม่รู้แน่ชัดว่าฮันโซ ฝึกวิชานินจาเมื่อใด ตระกูลเขารับใช้ตระกูลมะสึไดระ หรือ ที่รู้จักกันในตอนหลังว่าตระกูลโทะกุงะวะ พลังที่ได้จากการทำพันธสัญญาของโรเบิร์ต เขาสามารถสร้างอุปกรณ์ อาวุธที่เกี่ยวกับนินจาได้ การสร้างแต่ละครั้งจำเป็นต้องรู้จักองค์ประกอบและโครงสร้างของอาวุธชิ้นนั้น ก่อนถึงจะสามารถร้างขึ้นมาใช้งานได้ ผมรู้ได้ยังไงนะหรอ เอิ่ม...ลองยกตัวอย่างว่า ถ้าคุณเปิดได้สกินสวยๆในเกมที่คุณชอบคุณจะเอาไป บอกใคร ระหว่าง พ่อ แม่ หรือเพื่อนสนิทละ คุณคงจะรู้นะ

อีกอย่าง เขายังใช้คาถานินจาได้1คาถาอีกด้วย

ซึ่งโรเบิร์ตได้เลือกคาถาหายตัว ผมไม่รู้เหตุผลเหมือนกัน ว่าทำไมโรเบิร์ตต้องเลือกคาถาหายตัวด้วย เอาเถอะถ้าเขาไม่บอก ผมก็ไม่คิดจะถามอยู่แล้ว

"ใกล้จะถึงคาบเรียนแล้วรีบไปกันเถอะ"โรเบิร์ตพูดขึ้น"มัวโอ้เอ้อยู่ เดี๋ยวก็โดนอาจารย์ชูก้าดุเอานะ"

"เออ" ผมตอบโรเบิร์ต ไปแค่คำเดียว ก่อนที่จะเดินนำหน้าไปชั้นเรียน คุณคงจะสงสัยใช่มั้ยว่าทำไมเราถึงไม่ได้ เข้าแถวหน้าเสาธง คำตอบง่ายๆเลย เพราะโรงเรียนนี้ มีนักเรียนที่มาจากต่างประเทศเยอะ การปฏิบัติของแต่ละโรงเรียนที่จากมา มันก็ไม่เหมือนกันอยู่แล้ว

โรงเรียนAssaultก็มีกฎเป็นของตัวเองเหมือนกัน และการที่ไม่ต้องเข้าแถวหน้าเสาธงก็เป็นกฎของโรงเรียนเช่นเดียวกัน ไม่ใช้ว่าความร้อนที่เมืองนี้ จะร้อนเหมือนประเทศไทยนะ ผมและโรเบิร์ตเดินมาถึงห้องเรียนของตัวเอง ก่อนที่จะเดินไปนั้งที่โต๊ะประจำ

ลืมไปเลยผมอยู่ม.ปลายปี3 ห้องA

โต๊ะที่ผมนั้ง อยู่แถวที่สามข้างหน้าต่าง ส่วนโรเบิร์ต ก็นั้งอยู่ข้างหลังผม จากนั้นไม่นานอาจารย์ชูก้าก็เดินเข้ามาให้ห้อง การเรียนการสอนก็เริ่มตนขึ้น ผมคงไม่ต้องบอกหรอกนะ ว่าในระหว่างที่ผมเรียนมันเกิดอะไรขึ้นหรือผมเรียนเนื้อหาอะไร เอาเป็นว่าเนื้อหาที่ผมเรียนมันก็เหนือนเนื้อหาทั่วไปนั้นละ พอเรียนเสร็จหนึ่งคาบอาจารย์คนใหม่ก็จะเข้ามาสอน นักเรียนไม่ต้องเดินไปไหน รอนั้งเรียนอย่างเดียวดีปะละ

เรียนจนถึงตอน12.00น. ก็ถึงเวลาพักกลางวัน ผมและโรเบิร์ตไปกินข้าวที่โรงอาหาร อีกอย่างที่ผมลืมพูดไป ที่เมืองนี้เขาไม่ได้ใช้สกุลเงินเป็นบาท แต่ใช้เป็นQแทน (เป็นสกุลเงินที่ใช้ในเมืองAssaultเท่านั้น 1Qก็เท่ากับ10บาทไทย) อาหารก็จะมีตั้งแต่9Q ขึ้นไป ส่วนพวกขนมนมเนย ของกินเล่น น้ำ ก็มีตั้งเเต่1Q จนถึง 6Q วันนี้ผมกินข้าวผัดกระเพาไข่ดาวเป็นอาหารกลางวันราคาอยู่ที่10Q ถือว่าเป็นอาหารอีกอย่างที่มีราคาถูกสำหรับผมนะ ส่วนโรเบิร์ตเขาเป็นคนทีไม่ได้เลือกกินมาก แต่สิ่งที่เจ้านั้นซื้อมาคือ Unagi ข้าวหน้าปลาไหลย่างซอสเต็มตัว ราคา48Q ซึ่งมันเป็นราคาที่ผม...นะ ก็อย่างว่าละ โรเบิร์ตเป็นสมาชิกระดับที่1ของชมรมเรนเจอร์นี้น่า ของตอบแทนที่เขาทำงานให้กับชมรมก็เป็น คูปองกินอาหารฟรีในโรงเรียนที่มีราคาตั้งแต่9Q ถึง 25Q ถ้าผมจำไม่ผิดคูปองนี้น่าจะใช้ได้แค่3วัน ผมก็ไม่ได้คิดที่จะอิจฉาโรเบิร์ตหรอกนะ เพราะดูจากงานที่เขาทำให้ชมรมแล้ว ก็ถือว่าคุ้มใช้ได้เลยละ เดี๋ยวถ้ามีเวลาจะมาอธิบายเรื่องชมรมเรนเจอร์ให้ฟัง

ผมและโรเบิร์ตกินข้าวกลางวันเสร็จ ก็ไปที่ห้องสมุด ผมตั้งหน้าตั้งตาที่จะไปอ่านหนังสือนวนิยายเล่มนั้นให้มันจบ พอไปถึงห้องสมุด

โชคดีมากที่อาจารย์คิเรนไม่อยู่ เพราะถ้าหากว่าเธออยู่ ผมคงจะเสียเวลาในการอ่านหนังสือไปไม่มากก็น้อย ผมเดินไปหยิบหนังสือเล่มเดิม มาอ่านต่อคิดว่า จะอ่านให้จบก่อนที่จะถึงคาบบ่าย

ในระหว่างที่ผมอ่านหนังสือ โรเบิร์ตก็ถามเรื่องจุ้จี้จุกจิกไปทั่ว บางครั้งผมก็ตอบ แต่บางครั้งก็เงียบ

ผมใช้เวลาอ่านหนังสือจนจบ ก็ถึงตอนบ่ายพอดี ผมรีบปลุกโรเบิร์ตที่นอนอยู่บนโต๊ะ แล้วเอาหนังสือไปเก็บไว้ที่เดิม ก่อนที่จะไปเรียนคาบบ่ายต่อ

"เมื่อคืนไม่ได้นอนมาหรือไง?" ผมถามโรเบิร์ต

"ก็ใช่นะสิ เมื่อคืนฉันทำงานตั้งแต่สองทุ่มจนถึงตีหนึ่ง

กว่าจะจัดการเจ้าบ้านั้นได้ ก็เอาซะอาวุธที่มีในหัวแทบจะหายไปหมด ฉันคิดว่า ต้องหาคู่หูมาช่วยสู้ซักคนแล้วละ" โรเบิร์ตตอบกลับ

"ช่างเป็นคนที่น่าสงสาร จริงๆ"

"ถ้างั้น นายก็รีบทำพันธสัญญาสิ summer"

"พูดมากน่า" ผมตะคอกเสียงใส่โรเบิร์ต มันทำให้เขาเงียบไปเลย พอมาถึงห้อง ผมเดินไปนั่งโต๊ะประจำคาบบ่ายก็เป็นคาบที่ไม่แตกต่างจากคาบเช้าเท่าไหร่ แค่มันจะทำให้รู้สึกง่วงเท่านั้นเอง เรียนจนถึงคาบสุดท้าย ก็มีเสียงประกาศจากโรงเรียนดังขึ้น

"ตอนนี้คาบเรียนสุดท้ายได้จบลงแล้ว ขอให้นักเรียนทุกคน เก็บอุปกรณ์การเรียนและรีบกลับบ้านโดยเร็ว

หากใครมีกิจกรรมอะไร ที่ต้องอยู่ต่อ ก็ขอให้แจ้งอาจารย์ก่อน ตอนนี้ขอให้สมาชิกชมรมเรนเจอร์ ทุกคน มาพบอาจารย์ที่หอประชุมด้วย" เสียงประกาศจบลงเพียงเท่านี้

"เอาละ นักเรียนทุกคนอย่าลืมไปทบทวนบทเรียนที่อาจารย์ สอนให้ในวันนี้ละ" พอพูดเสร็จอาจารย์ ก็เดินออกจากห้องไป นักเรียนทุกคนเก็บสมุด หนังสือและอุปกรณ์การเรียนของตัวเอง ตัวผมก็เก็บเช่นเดียวกัน

บางคนก็ออกจากห้องไปแล้ว แต่บางคนก็ยังคุยกับเพื่อนอยู่

"นี้มันก็ใกล้จะถึงเทมอที่สองแล้วนะ นายยังไม่คิที่จะเขาชมรมอีกหรือไง" โรเบิร์ตเดินมานั่งที่โต๊ะข้างผม

"รู้ไปมันก็ไม่มีประโยชน์อะไรหรอก อีกอย่างตอนนี้นายก็ควร ไปเข้าชมรมได้แล้วนะ อยากจะฟังอาจารย์อะพอลโลเทศนาให้ฟังมากนักหรือไง" ผมตอบกลับ

แล้วให้นิ้วชี้จิ้ม ไปที่หน้าพากของโรเบิร์ต

"ครับ ครับ ครับ" โรเบิร์ตพูดเสร็จ เขาก็หายตัวไป

"นึกว่าแต่จะไม่ได้อยู่คนเดียวซะแล้ว" ผมพูดในใจ

พอเก็บของเสร็จ ผมก็เดินออกจากโรงเรียนเพื่อกลับบ้าน ในระหว่างที่เดินกลับ ผมได้นึกถึงคำถามของโรเบิร์ตเรื่อง การเข้าชมรม สาเหตุที่ผมยังไงเข้าชมรมนะหรอ อืม...ตามความรู้สึกเลยนะ มันไม่มีชมรมไหนที่หน้าสนใจไปมากกว่าชมรมเรนเจอร์แล้ว ผมจึงใช้เวลาศึกษาหาความรู้เกี่ยวการทำพันธสัญญาเพื่อให้ ได้ ในสิ่งที่ต้องการ ซึ่งผมก็บอกไปแล้วว่า ผมอยากทำพันธสัญญากับ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ถึงแม้ผมจะไม่รู้เกี่ยวกับพลังของเขาก็เถอะ ส่วนเรื่องชมรมเรนเจอร์

การที่จะเข้าชมรมได้ เราจำเป็นต้องทำพันธสัญญากับวิญญาณก่อน ชมรมจะรับแต่คนที่มีสมรรถนะทางร่างกาย ความสามารถในการต่อสู้ ความสามารถในการสร้างสิ่งของและคนที่พึงพอใจที่จะเข้าชมรมเท่านั้น ตั้งแต่ที่มีการทำพันธสัญญากับวิญญาณเกิดขึ้น ทุกๆเมืองก็มักจะมีการก่อความวุ้นวายหรือไม่ก็การก่อจลาจลของผู้ทำพันธสัญญา บางคนก็ทำเพื่อความสนุกของตัวเอง แต่บางคนก็ทำเพื่ออะไรบางอย่าง เพราะแบบนี้จึงทำให้โรงเรียนต้องรีบประกาศให้นักเรียนทุกคนกลับบ้าน การตั้งชมรมเรนเจอร์ขึ้นมาก็เพื่อเป็นกองกำลังต่อตานกับคนที่ก่อความวุ้นวาย หรือจะพูดให้เข้าใจง่ายๆเลยก็คือ ให้นักเรียนชมรมเรนเจอร์เป็นตำรวจประจำเมืองแทน เพราะตำรวจธรรมดา คงจะไม่สามารถทำอะไรกับพวกที่ทำพันธสัญญาได้(นี้ผมใช้คำรุนเเรงไปมั้ยเนี้ย)

นักเรียนที่อยู่ชมรมเรนเจอร์จะถูก แบ่งออกเป็นสองแผนก แผนกที่หนึ่งจะได้ รับงานจากอาจารย์ตามความเหมาะสมกับระดับความสามารถของตัวเอง ซึ่งความความสามารถแบ่งออกเป็น 3ระดับ

ระดับที่1 สามารถทำงานคนเดียวได้ โดยไม่ต้องขอคำอนุญาติจากอาจารย์ เพราะเป็นระดับที่มีพลังและความสามารถที่ไว้วางใจได้ ต้องทำ 30งานขึ้นไปถึงจะได้ระดับที่1 ซึ่งโรงเรียนAssault มีสมาชิกระดับที่1อยู่ 3คน(นับโรเบิร์ตไปแล้ว)

ระดับที่2 สามารถทำงานคนเดียวได้ แต่ต้องได้รับคำอนุญาติจากอาจารย์ก่อน ส่วนมากระดับนี้มักจะ ทำงานร่วมกันเป็นกลุ่มกับระดับที่3 ต้องทำ 12งานขึ้นไปถึงจะได้ระดับที่2 มีสมาชิกระดับที่2อยู่ 5คน

ระดับสุดท้ายระดับที่3 ถือว่าเป็นระดับของสมาชิกใหม่ ห้ามไปทำงานคนเดียวต้องไปเป็นกลุ่มเท่านั้น

และจะได้รับงานที่ไม่อันตรายมาก มีสมาชิกระดับที่3อยู่ 6คน

ถ้าทุกระดับ ทำงานสำเร็จก็จะได้รับสิ่งตอบแทนที่โรงเรียนกำหนดไว้ไห้ ส่วนแผนกที่สอง

เป็นแผนกคนประดิษฐ์สิ่งของ ตามชื่อเลยคนที่อยู่แผนกนี้มีหน้าที่แค่สร้างสิ่งของให้กับสมาชิกที่ไปทำงานเท่านั้น ไม่มีระดับ ไม่ต้องไปออกรบ เพราะคนที่จะสามารถเข้ามาในแผนกนี้ได้นั้น นับว่ามีฝีมือในการสร้างทุกคน มีสมาชิกทั้งหมด 7คน

ผมไม่รู้ว่า ตัวเองคิดไปนานแค่ไหน แต่ต่อนนี้ผมเดินมาถึงหน้าบ้านที่ดูเหมือนปราสาทขนาดเล็กของตัวเองแล้ว ผมไม่อยากยืนอยู่นานๆให้ป้าข้างบ้านมองหรอกนะ รีบเข้าบ้านดีกว่า

อีกอย่างผมอยู่บ้านคนเดียว อ๋อ! ใช่แล้วผมลืมได้ยังไงเนี้ย วันนี้เป็นวันที่ผม จะทำพันธสัญญาเป็นครั้งแรกและเดียว ทุกเวลามีค่าผมไม่ควรที่จะทำให้พิธีนี้ผิดพลาด

ตี 2:00น. ผมลงไปชั้นใต้ดินของบ้าน ดันโต๊ะออกจากที่ที่มันควรอยู่ ปรากฏให้เห็นวงเเหวนที่ใช้ทำพิธีเรียกวิณญาญบนพื้น

"เตรียมการเรียบร้อย เวลาถูกต้อง รวมกับตอนนี้เป็นเวลาตี 2 ซึ่งเป็นเวลาที่วิญญาณนักวิทยาศาสตร์ออกมามากที่สุดและของแลกเปลี่ยนที่เป็นอัญณี ถือว่าเป็นของแลกเปลี่ยนที่สูงเช่นเดียวกกัน จะต้องเรียก ไอน์สไตน์ มาได้แน่นอน!!" ผมพูดด้วยความมั่นใจ แล้วหยิบอัญมณีขึ้นมาดู

"ต้องเรียกวิญญาณออกมาแล้วซินะ" ผมพูดในใจ ก่อนที่จะซูดอากาศหายใจ

"ธาตุคือเงินและเหล็กกล้า รากฐานคือความรู้และความคิด บรรพชนคือปรมาจารย์แห่งการสร้าง ปิดทวานแห่งจตุรทิศ จงออกมาจากหนทางของวิญญาณและทางสามแพร่ง ข้าขอให้คำศักดิ์ว่า ข้าจะเป็นความยุติธรรมบนโลก จงจุติลงมาจากวังวนของวิญญาณ!!!" ทันใด ที่คำพูดของsummerจบลง ก็มีสายฟ้าสีแดงเกิดขึ้นบนวงแหวน ของทุกอย่างในห้องใต้ดินปลิวกระจัดกระจายไปทั่ว พร้อมกับอัญมณีที่อยู่ในมือsummerหายไป

summerหอบ แฮ่ก แฮ่ก

"เยี่ยม!" มันสมบูรณ์แบบมาก ผมได้ไอน์สไตน์แล้วแน่นอน!! ผมมองซ้ายมองขวา เพื่อหาวิญญาณที่อัญเชิญออกมา

"เอ๋ะ? ไม่เห็นจะมีอะไรออกมาเลย" ตูม!!! เสียงกระจัดกระจายสิ่งของ ดังขึ้นข้างบนห้องใต้ดิน

"เกิดอะไรขึ้นเนี้ย?!" summer รีบวิ่งขึ้นไปเปิด ประตูห้องใต้ดิน แต่เปิดเท่าไหร่ก็เปิดไม่ออก จึงถีบประตูออกมา แล้วมองไปสิ่งของที่กระจัดกระจาย

summer ตะลึงกับสิ่งที่เห็นมาก เพราะมีชายใส่ชุดสูทสีดำ ผมสีน้ำตาลเข้ม นั่งที่โซฟา ชายคนนั้นมองมาที่summerแล้วยิ้มให้เล็กน้อย

summerยืนคิดอะไรบางอย่างอยู่สักพัก "เฮ้ย!! วันนี้นาฬิกาในบ้านเรามันเร็ว ไปหนึ่งชั่วโมงนี้น่า หรือก็คือตอนนี้เวลาตี1 ไม่ใช้ช่วงเวลาที่ไอน์สไตน์ออกมา" เขาคุกเข่านั่งลงทันทีเมื่อพูดจบ "นี้เราพลาดในสิ่งที่ใหญ่หลวงไปซะแล้ว โธ่โว้ยทำไม ทำไม ทำไม" summerของไปที่ชายใส่ชุดสูท

"ว่าแต่...นายเป็นใคร"

"เปิดปากปุปก็ถามแบบนี้เลยหรอ นี้ฉันคงโดนคนที่ไม่ชอบนักวิทยาศาสตร์เรียกมาสิท้า ไม่ไหว ไม่ไหว เห็นว่าของแลกเปลี่ยนดี แล้วนึกว่าจะเป็นคนที่เหมาะสมกับพลังของฉันซะอีก"

"ขอถามอีกครั้ง นาย เป็น ใคร"

"ยังจะมีคนในยุคนี้รู้จักฉันหรือป่าวนะ ฉันชื่อ นิโคล่า เทสล่า เป็นนักวิทยาศาสตร์ ผู้พัฒนาไฟฟ้ากระแสสลับ"

"ผู้พัฒนาไฟฟ้ากระแสสลับ นิโคล่า เทสล่า ชื่อนี้

มัน..." summerคิดอยู่สักพักก่อนที่จะพูดขึ้น

"

"นักวิทยาศาสตร์ที่โลกลืมนิ!!"

จุดเริ่มต้น

เทสล่า หัวเราะออกมาเบาๆ

"อะไรกัน มีคนเรียกฉันด้วยฉายาแบบนั้นด้วยหรอ USA คิดจะปิดบังเรื่องของฉันไปถึงเมื่อไหร่กัน"

"ทำพันธสัญญากับนักวิทยาศาสตร์ที่โลกลืมเนี้ยนะ นี้มันแย่กว่าคำว่าล้มเหลวอีก" summer ผู้ด้วยความหมดหวัง

เทสล่าถอนหายใจเบาๆก่อนที่ จะลุกออกจากโซฟา แล้วค่อยๆเดินมาหาsummer

"ก่อนที่ จะมาเป็นนักวิทยาศาสตร์ได้ ฉันก็เคยทำงานผิดพลาดมาเยอะ ทั้งล้มเหลว ทั้งโดนผู้คนหลอก" เดินก้าวที่1

"แล้วยังเคยทำงานหามรุ่มหามค่ำเพื่อแลกกับ 2ดอลลาร์ ประทังชีวิต" เดินก้าวที่2

"และฉันไม่เคยออกมาแสดงความเสียใจให้ใครเห็น" เดินก้าวที่3

"ทั้งๆ ที่เราเหล่าวิญญาณก็เคยมีชีวิตเป็นของตัวเองมาก่อน ทำผลงานและวีรกรรมไว้มากมาย" เดินก้าวที่4

"เมื่อเราจากไปอีกภพภูมิหนึ่งแทนที่จะได้อยู่ตรงนั้น กลับโดนมนุษย์ที่ยังมีชีวิตอยู่ ปลุกขึ้นมาเพื่อ แค่สนองความต้องการของตัวเองเนี้ยนะ" เดินก้าวที่5

"ถ้านายอยากจะยกเลิกพันธสัญญาก็เชิญ เพราะยังไง ฉันก็ไม่ได้มีความหมายอะไรกับนายนิ แค่ยกเลิกพันธสัญญาแล้วปล่อยให้ฉันไปเป็นวิญญาณต่อ ก็ได้" เทสล่าเดินมาหยุดที่ตรงหน้าของsummer ตัวของเขานั้นถือว่าสูงกว่าsummer

summer เงยหน้าขึ้นไปมองที่หน้าของเทสล่า ก่อนที่จะพูดขึ้น

"อย่ามาล้อเล่นนะ!" เขาตะโกนลั่น! "ฉันเสียเวลา จัดเตรียมของพวกนี้นานมากเลยนะ แล้วคิดว่าฉันจะยกเลิกแค่นี้หรือไง!"

"ถึงแม้จะไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ..." summerกัดฟันตัวเอง ก่อนที่จะพูดขึ้นอีกครั้ง "แต่ฉันก็จะทำต่ออยู่ดี!!"

เทสล่า ตากว้างทันทีเมื่อได้ยินคำตอบของsummer ก่อนที่เขาจะก็ยิ้มมุมปากเล็กน้อย

"โฮ๋ ตกใจเลยนะเนี้ย นึกว่าแต่จะหมดกำลังใจกับคำพูดแค่นี้แล้วซะอีก เอาเซ้!! ชักจะน่าสนใจแล้วละซิ"

"คุกเข่าลง แล้วมาทำสัญญาให้เสร็จ"พอsummerพูดจบ เทสล่า ก็คุกเข่าลงตามคำสั่งของเขา

"ข้า นามว่า Another Summer (จริงๆแล้วsummer มีชื่อไทยเป็นของตัวเองอยู่ แต่เขาใช้ชื่อนี้ในเมืองAssaultเท่านั้น) ผู้อัญเชิญวิญญาณ หากวิญญาณที่ข้าเรียกออกมา ไม่ขัดข้องก็จงยอมรับพันธสัญญาที่จะเกิดขึ้นด้วย"

"ข้า วิญญาณที่ถูกเรียก นาม นิโคล่า เทสล่า ยอมรับพันธสัญญาที่จะเกิดขึ้น" เทสล่ายื่นมือขวา ไปหาsummer "หากท่านผู้อัญเชิญต้องการพลังและจบการทำพันธสัญญา ก็ขอให้จับมือข้า"

summer คิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะตัดสินใจจับไปที่มือของเทศล่า ทันใดที่มือของทั้ง2สัมผัสกัน ก็มีแสงสีทองมาโอบล้อมร่างของเทสล่า ทำให้ร่างเขาค่อยๆหายไปเรื่อยๆ เทสล่ายิ้มเล็กน้อยก่อนที่ร่างกายของเขาจะสะลายไปจนหมด summerล้มลงกับพื้นทันที

เมื่อแสงสี่ทองนั้นหายหมด ก่อนที่เขาจะถอนหายใจยาวๆ

"จบลงซักที" summer ยกมือทั้ง2ข้างของตัวเองขึ้นมาดู "ไม่นึกเลย การทำพันธสัญญาครั้งแรกและครั้งเดียวในชีวิต มันจะแย่ขนาดนี้" เขาเอามือทั้ง2ข้างมาปิดหน้าตัวเอง

"นักวิทยาศาสตร์ที่โลกลืมเนี้ยนะ ยิ่งคิดก็ยิ่งแย่ไปกว่าเดิมอีก..."

"อะไรกัน นึกว่าแต่นายยอมรับฉันแล้วซะอีก" เสียงของเทสล่า พูดขึ้นข้างๆหู summer

summerดีดตัว ลุกขึ้นทันทีเมื่อได้ยินเสียง เขามองซ้ายมองขวาหาต้นเสียงและร่างของเทสล่า แต่มองเท่าไหร่ ก็ไม่มีวี้แววของคน มีแต่สิ่งของที่กระจัดกระจายอยู่เติมไปหมด

"พันธสัญญาก็จบไปแล้วนิ ทำไมถึงได้ยินเสียงของวิญญาณอีก!?" summer พูดขึ้นเพื่อ ถามเทสล่า

"นายคงจะได้ยินเสียงของฉัน...แต่มองไม่เห็นสินะ"

เทสล่า เงียบไปสักพักหนึ่ง "น่าจะเป็นผลมาจากการทำพันธสัญญาที่ไม่พึงพอใจ"เทสล่าตอบ

"นี้จะบอกว่าฉันทำพันธสัญญา โดยที่ไม่ยอมรับในตัวนายยังงั้นหรอ" summer ถามอีกครั้ง

เสียงของเทสล่า หายไป อยู่ซักพัก

"ดูเหมือน สิ่งที่นายพูดก่อนจะจบพันธสัญญาน่าจะมาจากความคิดซะมากกว่านะ ส่วนที่บอกว่าไม่พึงพอใจก็เป็นเพราะจิตใต้สำนึกของนายมันไม่ยอมรับฉันยังไงละ ถึงแม้จะเปลี่ยนความคิดได้แต่ จิตใต้สำนึกมันเปลี่ยนยาก...ที่แย่ไปกว่านั้นก็คือ สิ่งที่เกิดขึ้น ทำให้ความรู้เกี่ยวกับพลังและความทรงจำบางส่วนของฉันมันหายไป จะพูดง่ายๆเลย ตอนนี้ฉันไม่รู้ว่านายมีพลังอะไร"

"หมายความว่า ฉันทำพันธสัญญาไปแล้วแต่ไม่ได้พลังเนี้ยนะ" summer ถามเทสล่า

"ป่าว ไม่ได้หมายความแบบนั้น...แค่จำไม่ได้ว่าพลังที่ฉันให้นายไปมันคืออะไร แต่ช่างมันเถอะ เรื่องนี้ไม่ได้สำคัญอะไรกับฉันอยู่แล้ว วิญญาณก็ต้องนอนนะ

goodnightละ เจ้าหนู"

"เดี๋ยวก่อนซิ!! เทสล่า" ไม่มีเสียงใดๆ

ตอบกลับsummer

"ไปนอนจริงๆ หรอเนี้ย" summerถอนหายใจเบาๆ

"รอถามตอนเช้าก็ได้วะ" เขามองไปที่สิ่งของ ที่มันกระจัดกระจายอยู่เต็มพื้น แล้วพูดกับตัวเอง "ตอนนี้ เคลียร์ของที่มันกระจัดกระจาย ก่อนเข้านอนก็แล้วกัน" พูดจบ summerก็รีบทำความสะอาด จัดของให้อยู่ที่ ที่มันควรอยู่ พอคิดว่าทำทุกอย่างเสร็จ เขาก็ไปนอน

พูดถึงเรื่องการทำพันธสัญญา ผมเคยพูดไปแล้วว่าคนที่ทำพันธสัญญาได้ต้องเกิดหลังเหตุการณ์เท่านั้น ขั้นตอนในการทำพันธสัญญา

ต้องมีของแลกเปลี่ยนในการเรียกวิญญาณ ถ้าไม่มีของแลกเปลี่ยน ตอนที่ทำการเรียก วิญญาณจะไม่ตอบรับคำขอ จะต้องมีวงแหวนที่ใช้ทำพิธีเรียกวิณญาญบนพื้นบ้านตรงไหนก็ได้ หากมีวิญญาณตนไหนยอมรับในของแลกเปลี่ยน เขาก็จะปรากฎตัวออกมา ต่อจากนั้น ทั้ง2 ฝ่าย ก็จะยอมรับซึ้งกันและกัน คุณคงรู้ มันไม่มีใครสนใจหรอกว่าจะได้ วิญญาณแบบไหน พวกเขาสนใจเพียงแค่การทำสัญญาและพลังแค่นั้นละ

แต่!!! กรณีของsummerมันไม่ใช่ เขาตั้งเป้าหมายไว้สูงเกินไป พอมันผิดพลาดก็ไม่อยากได้ ถ้ายกเลิกพันธสันญาญ สิ่งที่เขาทำมาทั้งหมดก็จะเป็นศูนย์และเขาก็ไม่สามารถทำรอบที่2ได้อีก

ถือว่าsummer เป็นคนแรกของโลกที่ทำพันธสัญญาโดยไม่พึงพอใจและน่าจะเป็นคนเดียวด้วยนะ ที่ทำแบบนี้ ช่างหน้าสงสารจริงๆ ตัวฉ...ยังบอกไม่ได้

เช้าวันรุ้งขึ้น summerไปโรงเรียนตามเวลาปกติ

"ดูเหมือน ฉันจะออกห่างจากตัวนายได้ไม่เกิน12เมตร นะ summer" เทสล่าพูดขึ้น

"เมื่อวานฉันไม่ได้ฝันไปหรอเนี้ย" summerพูดด้วยเสียงเหมือนคนไม่ได้นอนมาทั้งคืน"อยากให้เสียงที่ได้ยิน เป็นแค่ความคิดจัง"

"ถ้าอยากให้รีบไปขนาดนั้น ก็ทำให้จิตใต้สำนึกของตัวเอง ตอมรับฉันซิ"

"ให้ยอมรับนักวิทยาศาสตร์ที่โลกลืมเนี้ยนะ แค่คิดก็ยอมรับไม่ได้แล้ว" summer ตอบอย่างรวดเร็ว

เทสล่าหัวเราะออกมาเล็กน้อย "ถ้างั้นฉันคงต้องอยู่กับนายอีกนานเลยละ...นี้summerมีคนอยู่ข้างหลังนาย"พอเทสล่าพูดจบ summerค่อยๆหันหลังไปดู ปรากฏว่าเจอโรเบิร์ตกำลังทำท่าทางที่จะพลักหลังเขา

"summer! เอิ่ม...ฉันไม่ได้คิดจะพลักนายเลยนะ"

โรเบิร์ตรีบตอบsummer ก่อนที่เขาจะรีบเก็บมือทั้ง2ไว้ข้างหลัง "วะ...วันนี้นายมาตามเวลาปกติ ปรับนาฬิกาปลุกแล้วหรอ"

summerมองโรเบิร์ต ด้วยสายตาที่พิจารณาเขาเล็กน้อย ก่อนที่จะตอบกลับไป "อืม พอดีเมื่อวานทำพันธสัญญาก็เลยปรับเวลาไปแล้ว"

"ห๋ะ!!อะไรนะ นายทำพันธสัญญาแล้ว!!!" โรเบิร์ตตะโกนสุดเสียง จนทำให้นักเรียนที่เดินอยู่หันมามองทั้ง2คน

"จะตะโกนทำไม!? กลัวคนอื่นไม่ได้ยินหรือไง"

"โทษที โทษที" โรเบิร์ตทำตัวลุกลี้ลุกลนเหมือนไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อดี "ละ...แล้วนายทำกับใครละ"

"ก็ต้องเป็นนักวิทยาศาสตร์อยู่แล้ว และคนที่ฉันทำด้วยก็คือ...นิโคล่า เทสล่า" summerตอบกลับ

"นักวิทยาศาสตร์นิโคล่า เทสล่า!!!...ใครวะ?" โรเบิร์ตตะโกนสุดเสียงอีกครั้ง ทำให้นักเรียนมองมาหาพวกเขาเป็นรอบที่2

"แล้วนายจะตะโกนทำเพื่อ! นี้กลัวว่าคนอื่นจะไม่ได้ยินเป็นรอบที่2หรือไง"

"นี้!" มีเสียงหนึ่ง ตะโกนดังขึ้นข้างหลังsummer "นายเป็นคนที่ทำพันธสัญญากับคนที่ชื่อ นิโคล่า เทสล่า สินะ" โรเบิร์ตและsummer หันหลังไปดูต้นเสียง แล้วเจอกับชายร่างท้วม ยืนห่างจากพวกเขาอยู่ประมาณ6เมตร "นายคงจะเป็น Another Summer ม.ปลายปี3 ห้องA ใช่มั้ยละ"

"ใช่ มีปัญหาอะไรกับฉันหรือไง" summerตอบกลับ

ชายร่างท้วมหัวเราะเบาๆ "ไม่ต้องมาทำไขสือ ฉันชื่อ ไคโร ไมอามี่ อยู่ชั้นเดียวกับนาย ห้องD ทำพันธสัญญากับ "โทมัส อัลวา เอดิสัน" เข้าเกิดวันที่11 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1847 และเสียชีวิตในวันที่18 ตุลาคม ค.ศ.1931 เป็นนักประดิษฐ์และนักธุรกิจชาวอเมริกัน ผู้ซึ่งประดิษฐ์อุปกรณ์ที่สำคัญต่าง ๆ มากมาย ได้ฉายา "พ่อมดแห่งเมนโลพาร์ก" เป็นหนึ่งในผู้ริเริ่มนำหลักการของ การผลิตจำนวนมาก และ กระบวนการประดิษฐ์ มาประยุกต์รวมกัน พลังที่ได้จากการทำพันธสัญญา ไคโรสามารถสร้างสิ่งของทางวิทยาศาสตร์ตามจิตนาการของตัวเองได้ แต่ต้องหาวัสดุและอุปกรณ์มาเอง ถึงจะสามารถสร้างได้ เขาเป็นสมาชิกของชมรมเรนเจอร์ อยู่ในแผนกคนประดิษฐ์สิ่งของและเขายังมียศเป็นหัวหน้าของแผนกนี้อีกด้วย

"ถึงแม้เรื่องของนักวิทยาศาสตร์ทั้ง2คนจะจบลงไปแล้ว" ไคโรพูดขึ้น "แต่ตอนี้พวกเขาทั้ง2ได้มอบพลังให้กับเรา เพราะฉนั้น...summer! เรามาตัดสินกันว่า ใครกันแน่ จะเป็นที่หนึ่ง"

ฟังดูยังไงก็ไม่เข้าท่า summerคิดใจ ก่อนที่จะหันไปหาพูดกับโรเบิร์ต "โรเบิร์ตนายช่วยทำอะไรซักอย่างหน่อยสิ"

โรเบิร์ตหัวเราะ คิก คิก คิกแลัวตอบsummerไปว่า "ปัญญาของนาย ก็ต้องแก้ไขด้วยตัวเองสิ คุณหนอนหนังสือ" เขายกนิ้วโป้งให้summer ก่อนที่ตัวของโรเบิร์ตจะหายไป

"......" summerพูดอะไรไม่ออกซักกะคำ เขาค่อยๆหันหน้าไปหาไคโรอย่างช้าๆ

"ช่างเป็นเพื่อนที่ดีจริงๆ" เทสล่าพูดขึ้น

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!