เงาอันเยือกเย็นของค่ำคืนปกคลุมคฤหาสน์วอลคอฟ ต้นไม้ใหญ่ที่เรียงรายเป็นแนวยาวเคลื่อนไหวไปมาตามแรงลมที่พัดผ่าน บรรยากาศรอบบริเวณดูเงียบสงัด แต่สำหรับคนในโลกมาเฟีย ความเงียบไม่ใช่สัญญาณของความสงบสุข มันกลับเป็นสัญญาณเตือนภัยที่อาจมาถึงเมื่อใดก็ได้
ภายในโถงใหญ่ของคฤหาสน์ เสียงรองเท้าหนังของลูกน้องมาเฟียดังก้องบนพื้นหินอ่อน พวกเขาต่างปฏิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัด ในการคุ้มครองเจ้าของคฤหาสน์แห่งนี้ "ดิมิทรี วอลคอฟ" มาเฟียที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก
ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่กำลังยืนอยู่หน้าหน้าต่างบานใหญ่ที่เปิดออกเล็กน้อย ดวงตาสีเทาของเขาจ้องมองออกไปยังความมืดเบื้องหน้าในท่าทางนิ่งสงบ เขาไม่เคยไว้ใจในความเงียบ ทุกการเคลื่อนไหวของโลกใบนี้อยู่ในสายตาของเขา
เสียงเคาะประตูดังขึ้นเบา ๆ ก่อนที่วลาดิเมียร์ ผู้เป็นรองหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการจะเดินเข้ามาอย่างสุภาพ
"บอดี้การ์ดคนใหม่มาถึงแล้วครับ" วลาดิเมียร์รายงาน ดิมิทรีไม่พูดอะไรเพียงแต่พยักหน้ารับ ก่อนจะหันหลังกลับมามอง
ร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มคนหนึ่งก้าวเข้ามาในห้องโถง ดวงตาสีฟ้าของเขาประสานกับดวงตาของดิมิทรีทันที ใบหน้าของเขางดงามเกินกว่าที่จะมองว่าเป็นชายธรรมดา ความงดงามนั้นไม่ได้อ่อนหวานจนเกินไป แต่กลับแฝงความคมชัดที่ทำให้ดูสง่างาม
ชายหนุ่มสวมชุดสูทสีกรมท่าที่ตัดเย็บมาอย่างประณีต เขาเดินเข้ามายืนตรงหน้าดิมิทรีอย่างสงบนิ่ง
"คีรัน นาคามูระ รายงานตัวครับ" ชายหนุ่มแนะนำตัวด้วยน้ำเสียงที่มั่นคง
ดิมิทรีพิจารณาคีรันด้วยสายตาเฉียบคม เขาไม่ได้แสดงอารมณ์ใด ๆ บนใบหน้า แต่สายตาของเขากลับเหมือนกำลังประเมินทุกอณูของคนตรงหน้า
"นายรู้ใช่ไหม ว่าหน้าที่นี้ไม่ได้มีแค่การถือปืนยืนบังฉัน" ดิมิทรีเอ่ยขึ้นในที่สุด น้ำเสียงของเขานิ่งจนแทบไม่มีอารมณ์ใด ๆ ปรากฏ
"ครับ ผมเข้าใจดี หน้าที่ของผมคือการปกป้องคุณด้วยชีวิต ไม่ว่าต้องเผชิญกับอะไร ผมพร้อมครับ" คีรันตอบอย่างหนักแน่น
คำตอบนั้นทำให้ดิมิทรีนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ
"ดี... ฉันหวังว่านายจะไม่ทำให้ฉันผิดหวัง"
ค่ำคืนแห่งเงามืด
เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง ความมืดปกคลุมทั่วบริเวณคฤหาสน์ แสงไฟจากโคมไฟหน้าทางเข้าส่องสว่างเพียงเล็กน้อย ลูกน้องของดิมิทรียังคงลาดตระเวนตามพื้นที่ต่าง ๆ ด้วยความระมัดระวัง
คีรันในชุดสูทสีกรมท่าเดินตรวจตราอยู่รอบ ๆ คฤหาสน์ มือของเขาแตะอยู่บนด้ามปืนที่เหน็บอยู่ข้างลำตัว ความระมัดระวังคือสิ่งที่เขาถูกฝึกให้ยึดถือเป็นอันดับแรก
เสียงลมพัดผ่านต้นไม้ทำให้เขาหยุดเดิน ดวงตาสีฟ้าของเขากวาดมองไปยังความมืดรอบ ๆ ความรู้สึกบางอย่างกำลังกระซิบบอกเขาว่ามีบางสิ่งผิดปกติ
เขาหยิบวิทยุสื่อสารออกมา "ตรวจสอบบริเวณทิศตะวันตก มีความเคลื่อนไหวแปลก ๆ"
ก่อนที่เขาจะทันได้พูดอะไรต่อ เสียงกระสุนปืนดังขึ้นอย่างกะทันหัน กระจกหน้าต่างด้านข้างถูกยิงจนแตกกระจาย คีรันรีบพุ่งตัวไปหลบหลังเสา มือข้างหนึ่งดึงปืนพกออกมาพร้อมยิงโต้กลับ
"มีศัตรูโจมตี! ทุกคนไปยังตำแหน่งของตัวเอง!" คีรันออกคำสั่งเสียงดัง
เขารีบวิ่งกลับไปยังห้องประชุมใหญ่ ซึ่งเป็นที่ที่ดิมิทรีอยู่ ขณะเดียวกัน กระสุนยังคงพุ่งผ่านอากาศใกล้ตัวเขาอย่างต่อเนื่อง
เมื่อเขาเปิดประตูห้องประชุม ดิมิทรียังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวใหญ่ ท่ามกลางความโกลาหล ดวงตาสีเทาของเขามองตรงไปที่คีรัน
"คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม?" คีรันถาม ขณะที่ปืนยังคงอยู่ในมือ
"นายคิดว่ากระสุนนัดสองนัดจะทำอะไรฉันได้งั้นหรือ?" ดิมิทรีตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา แต่ดวงตาของเขากลับแฝงความชื่นชมในความรวดเร็วของคีรัน
ทันใดนั้น ประตูด้านหลังห้องถูกถีบเปิดออก ศัตรูในชุดดำพร้อมอาวุธครบมือบุกเข้ามา คีรันรีบยิงสวนกลับทันที
การเผชิญหน้า
คีรันเคลื่อนไหวราวกับเงา เขาใช้ทั้งปืนและทักษะการต่อสู้ระยะประชิดจัดการศัตรูทีละคน แม้จะเป็นสถานการณ์ที่กดดัน แต่เขายังคงรักษาความนิ่งได้อย่างน่าทึ่ง
ดิมิทรียังคงนั่งมองอยู่ในมุมหนึ่ง เขาไม่ได้แสดงความกลัวหรือความตื่นตระหนกใด ๆ ราวกับมั่นใจว่าคีรันจะสามารถจัดการทุกอย่างได้
เมื่อเสียงปืนเงียบลง ศัตรูทั้งหมดล้มลงกับพื้น คีรันยืนนิ่งอยู่กลางห้อง หอบหายใจอย่างหนัก แผลที่แขนของเขามีเลือดไหลออกมา แต่เขาก็ยังยืดตัวตรง
ดิมิทรีเดินเข้าไปใกล้ มองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป
"นายทำเกินหน้าที่ไปหรือเปล่า? ฉันไม่ได้ขอให้นายเสี่ยงชีวิต"
"แต่มันคือหน้าที่ของผมครับ" คีรันตอบเสียงหนักแน่น
ดิมิทรีนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยเบา ๆ "ฉันไม่ต้องการให้ใครตายเพราะฉัน จำไว้ว่าฉันต้องการคนที่อยู่เคียงข้าง ไม่ใช่เพื่อสละชีวิต"
คำพูดนั้นทำให้คีรันเงยหน้าขึ้นมองดิมิทรี หัวใจของเขาเต้นแรงโดยไม่รู้ตัว
"ครับ ผมจะอยู่ข้างคุณ... ตลอดไป"
แสงแดดเช้าวันใหม่เริ่มส่องผ่านหน้าต่างกระจกบานใหญ่ในห้องทำงานของดิมิทรี วอลคอฟ แสงอ่อนๆ สะท้อนกับผนังห้องที่ตกแต่งอย่างเรียบหรูและสงบ มุมห้องที่มืดครึ้มยังคงแสดงให้เห็นถึงความราบเรียบสงบในทุกวัน เมื่อดิมิทรีมาถึงที่ทำงานเขาก็มักจะเข้ามาพร้อมกับความเงียบสงัด ไม่มีเสียงใดๆ ยกเว้นเสียงฝีเท้าที่ดังขึ้นจากการเดินไปมาบนพื้นไม้ที่เงียบเชียบ
ดิมิทรี วอลคอฟไม่เคยเปิดเผยอารมณ์ของตัวเองให้ใครเห็น แต่ก็มีบางครั้งที่ภายในใจของเขากลับเต็มไปด้วยความเครียด เขาเคยชินกับความหนักหน่วงของการเป็นผู้นำในโลกของมาเฟียที่เต็มไปด้วยการต่อสู้ การฆ่า และการทรยศจากคนใกล้ตัว แม้จะมีเงินทองมหาศาลและอำนาจที่เกรียงไกร แต่สิ่งที่เขาหามันกลับหายไปจากชีวิตคือ "ความสงบ" ที่เขาไม่เคยสัมผัสจริงๆ
วันนี้ไม่ต่างอะไรจากวันก่อนๆ เขานั่งลงที่โต๊ะทำงานในห้องส่วนตัวซึ่งถูกตกแต่งด้วยโทนสีดำและทอง ซึ่งเป็นสีที่เขาชื่นชอบ บนโต๊ะมีเอกสารสำคัญๆ ที่ต้องเคลียร์หลายฉบับเกี่ยวกับแผนการขยายอาณาจักรมาเฟียของเขา แต่ในขณะนั้นความคิดของเขากลับล่องลอยไปที่สิ่งอื่น
คีรัน นาคามูระ บอดี้การ์ดส่วนตัวของเขาเดินเข้ามาในห้องหลังจากเสร็จสิ้นการตรวจตราความปลอดภัยรอบๆ คฤหาสน์ วอลคอฟ มีบางอย่างในท่าทางของเขาที่ดิมิทรีสังเกตเห็นได้มาตลอด—มันเหมือนกับเขารู้สึกห่วงใย แม้คีรันจะเป็นคนที่ไม่แสดงอารมณ์มากนัก แต่ดิมิทรีกลับสัมผัสได้ถึงความใส่ใจในทุกการกระทำของเขา
“เช้าวันนี้ไม่เห็นนายไปที่ห้องนอนเลยเหรอ?” คีรันถามขณะที่ยืนอยู่ที่ประตู เขายังคงใส่ชุดสูทเช่นเคย แม้จะไม่ได้เป็นผู้ที่ต้องเข้าไปในการประชุมใหญ่ แต่วิธีการแต่งตัวของเขาก็ดูเหมือนจะทำให้ทุกคนรู้สึกถึงความน่าเกรงขามไม่แพ้กัน
“ทำไม? นายคิดว่าฉันควรจะนอนบ้างหรือ?” ดิมิทรีตอบกลับโดยไม่หันมามองเขา สายตาของเขายังคงจดจ่อกับเอกสารที่อยู่ในมือ
คีรันรู้ดีว่าคำถามนี้คงไม่ได้คาดหวังคำตอบที่ใส่ใจ เขาจึงแค่ยืนอยู่ข้างๆ อย่างเงียบๆ รู้ว่าผู้เป็นนายกำลังทำงานหนักอย่างที่เคยทำทุกวัน เขาเข้าใจว่าดิมิทรีไม่เคยคาดหวังให้ใครมาถามถึงสุขภาพ หรือความเหนื่อยล้า แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะเป็นห่วง
“แค่คิดว่านายอาจจะพักบ้าง...ในบางครั้ง...” คีรันพูดเบาๆ ขณะที่จ้องมองไปยังแผนงานที่ถูกวางไว้บนโต๊ะ ทำให้เขารู้สึกถึงความเหนื่อยล้าของดิมิทรีที่ไม่เคยแสดงออกมา
ดิมิทรีหันไปมองเขาแวบหนึ่ง ดวงตาคมกรดุจเหล็กเย็นเอ่ยคำตอบแฝงความรู้สึกที่ลึกซึ้งบางอย่างที่คีรันไม่อาจเข้าใจได้ในทันที
“พัก? เมื่อไหร่ฉันจะมีเวลาพักล่ะ?” ดิมิทรีถามเสียงเย็นชา แต่ในนั้นยังแฝงไปด้วยการเหนื่อยล้าที่ไม่สามารถพูดออกมาเป็นคำพูดได้
คีรันเงียบไปชั่วขณะ เขารู้ว่าดิมิทรีไม่เคยแสดงความอ่อนแอให้ใครเห็น แม้ว่าเขาจะเคยมีคำถามหลายครั้งในใจว่าผู้ชายคนนี้คิดยังไงกันแน่กับชีวิตที่ต้องอยู่ท่ามกลางความโหดร้าย แต่เขาก็เข้าใจดีว่านั่นคือสิ่งที่ทำให้ดิมิทรีเป็นเขาที่วันนี้
“การทำงานของคุณมันหนักเกินไปแล้วครับ ผมเป็นห่วง...” คีรันตอบเสียงเบา แววตาของเขาแสดงถึงความห่วงใยอย่างชัดเจน
ดิมิทรีไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เขาหยิบเอกสารขึ้นมาสำรวจอีกครั้ง ราวกับว่าคำพูดของคีรันนั้นไม่ได้มีผลกระทบใดๆ ต่อเขาเลย แต่ว่าคีรันก็รู้สึกได้ถึงบางสิ่งที่เปลี่ยนไปในแววตาคู่นั้น
ในช่วงบ่าย ดิมิทรีและคีรันเดินออกจากห้องทำงานและเข้าไปยังห้องประชุมที่มีการพูดคุยเกี่ยวกับแผนการต่างๆ ขององค์กรมาเฟีย อาณาจักรที่ดิมิทรีสร้างขึ้นมาต้องการความมั่นคง แม้จะมีความตึงเครียดจากศัตรูที่คอยคุกคามทุกย่างก้าว แต่วันนี้สิ่งที่ทำให้เขาต้องเครียดมากที่สุดคือเรื่องของคีรัน
หลังจากการประชุมเสร็จสิ้น ดิมิทรีและคีรันเดินไปทางสวนสาธารณะที่อยู่ภายในคฤหาสน์ การเดินไปข้างหน้าด้วยกันนั้นไม่ต่างอะไรจากการเดินทางในความสัมพันธ์ที่ยังไม่สามารถเข้าใจได้เต็มที่ คีรันเริ่มรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงบางอย่างที่เกิดขึ้นกับตัวเอง ความรู้สึกที่ไม่เคยมีมาก่อน กำลังเริ่มต้นก่อตัวขึ้นในใจ
“นายคิดว่า... การที่เราต้องอยู่ในโลกนี้...” ดิมิทรีเริ่มพูดขึ้น ท่ามกลางความเงียบที่ทั้งสองคนมีร่วมกัน
คีรันมองไปที่ดิมิทรีในขณะที่เขาหยุดเดิน ดิมิทรียังคงยืนอยู่ภายใต้ต้นไม้ใหญ่ พื้นหญ้าเขียวขจีดูเหมือนจะส่องแสงระยิบระยับภายใต้แสงแดด
“โลกที่เต็มไปด้วยการต่อสู้ การฆ่า การทรยศ... มันไม่เหลือที่ว่างสำหรับการมีความสุขจริงๆ” ดิมิทรีพูดเสียงเบา
คีรันได้ยินคำพูดนั้นและรู้สึกถึงน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความเศร้า ความรู้สึกนั้นกระทบใจเขาอย่างไม่อาจควบคุมได้
“ผมจะอยู่ข้างคุณครับ” คีรันตอบเบาๆ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความมั่นคงที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง
คำตอบนั้นทำให้ดิมิทรีหันมามองคีรันอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน แม้แววตาของเขาจะยังคงเย็นชาและห่างเหิน แต่สิ่งที่เขาเห็นในดวงตาคู่นั้นมันบอกเขาได้อย่างชัดเจนถึงความจริงใจที่ซ่อนอยู่
"ขอบคุณ" คำขอบคุณที่ดิมิทรีกล่าวออกมานั้นเป็นอะไรที่คีรันไม่ได้คาดหวัง แต่มันกลับทำให้เขารู้สึกถึงการยอมรับบางอย่างจากนายใหญ่ที่เขาทำหน้าที่รับใช้
ในเช้าวันใหม่ ดิมิทรี วอลคอฟ ยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานในห้องของเขา มีเอกสารวางกระจัดกระจายอยู่บนโต๊ะ สะท้อนให้เห็นถึงภารกิจอันซับซ้อนที่ต้องดำเนินการในแต่ละวัน เขากลับรู้สึกเหมือนอยู่ในคุกแห่งความรับผิดชอบที่ไม่มีวันหลุดพ้น แม้จะมีอำนาจมากมายในมือ แต่การถูกบังคับให้ต้องรับภาระขององค์กรมาเฟียที่มีศัตรูอยู่ทุกซอกทุกมุมก็ไม่ต่างอะไรกับการเดินบนเส้นด้ายที่บางเฉียบ
เสียงประตูห้องทำงานเปิดออก และคีรันก็เดินเข้ามาโดยไม่รอคำอนุญาต เขายังคงสวมชุดสูทสีดำที่คุ้นตา ดวงตาของเขาแสดงความมุ่งมั่น และยังคงเป็นสิ่งที่ดิมิทรีรู้สึกได้เสมอ แม้คีรันจะเป็นแค่บอดี้การ์ด แต่สายสัมพันธ์ที่ยากจะอธิบายนั้นทำให้ดิมิทรีไม่สามารถละเลยเขาได้
“ทุกอย่างเรียบร้อยไหม?” ดิมิทรีถามเสียงเบา เขานั่งเงียบ ๆ มองคีรันด้วยท่าทางที่ยากจะอ่านออก
“ครับ ทุกอย่างเรียบร้อยตามแผน” คีรันตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย เขายืนอยู่ตรงประตูห้อง มองดิมิทรีอย่างเงียบ ๆ สายตาของเขาแฝงไปด้วยความใส่ใจที่ดิมิทรีคงไม่เคยรู้ตัว
ถึงแม้ว่าคีรันจะยืนอยู่ห่างจากเขา แต่ความรู้สึกของดิมิทรีกลับเหมือนมีบางสิ่งดึงดูดให้เขาหันกลับไปมองที่นายบอดี้การ์ดหนุ่มผู้นี้ ความเงียบสงัดที่ทั้งสองคนมีร่วมกัน กลับไม่ทำให้ดิมิทรีรู้สึกอึดอัดแต่อย่างใด เขากลับรู้สึกได้ถึงการอยู่เคียงข้างจากคีรัน แม้ว่าความรู้สึกนั้นจะไม่เคยได้รับการยอมรับจากปากของเขาเลยก็ตาม
“มีอะไรที่ต้องรายงานเพิ่มเติมหรือเปล่า?” ดิมิทรีถามอีกครั้ง หลังจากที่เขาเริ่มรู้สึกว่าอารมณ์ภายในตัวเองเริ่มไม่คงที่ เขารู้สึกถึงความตึงเครียดที่ไม่สามารถอธิบายได้ แม้จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นจริง ๆ แต่บางครั้งการอยู่ใกล้คีรันกลับทำให้เขารู้สึกเหมือนมีบางสิ่งที่กำลังจะเปลี่ยนไป
คีรันยืนนิ่งไปเล็กน้อย เขาเริ่มรู้สึกว่าบางสิ่งในดิมิทรีกำลังจะเปลี่ยนแปลง เขาพยายามหาคำตอบจากท่าทีที่ดูไม่คุ้นเคยของนายใหญ่ แต่ก็ไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นสิ่งใด
“มีครับ... แต่ผมอยากให้คุณฟังจากผม” คีรันตอบเสียงนุ่มนวล แต่มีความจริงจังอยู่ในนั้น
ดิมิทรีขมวดคิ้วมุ่น สายตาของเขามองไปที่คีรัน เขาสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในท่าทางของบอดี้การ์ดหนุ่มที่อยู่ข้าง ๆ ราวกับว่าเขากำลังพยายามจะบอกอะไรบางอย่างที่สำคัญ
“พูดมาเถอะ” ดิมิทรีพูดเสียงเรียบ ๆ แม้จะไม่ได้แสดงอาการตกใจ แต่เขาก็รู้สึกว่าคีรันกำลังจะเปิดเผยอะไรบางอย่างที่ไม่ใช่แค่เรื่องของงาน
คีรันสูดหายใจลึก ๆ ก่อนที่จะพูดต่อ
“เรื่องของการขยายอำนาจของเรามันเริ่มมีปัญหา เรื่องจากกลุ่มศัตรูที่เพิ่มขึ้น เราอาจจะต้องเตรียมการเพิ่มเติมในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า” คีรันหยุดไปครู่หนึ่ง แล้วเดินเข้ามายืนใกล้โต๊ะทำงานของดิมิทรี เพื่อให้แน่ใจว่าพระเอกจะได้ยินคำพูดที่สำคัญ
“ทำไมถึงเป็นตอนนี้?” ดิมิทรีถามเสียงเย็นชา ความเย็นชาในน้ำเสียงนั้นไม่ได้สะท้อนถึงความไม่พอใจ แต่กลับเป็นการซ่อนความรู้สึกบางอย่างที่เขาไม่อาจแสดงออกมาได้
คีรันยิ้มเล็กน้อย เขารู้ดีว่าในความเย็นชาของดิมิทรีนั้นแฝงไปด้วยความกังวล เขาเริ่มรู้สึกว่าได้รู้จักนายของเขามากขึ้น แม้ว่าเขาจะเป็นคนที่ห่างเหินและไม่เปิดเผยอารมณ์ แต่การตอบสนองจากดิมิทรีเมื่อได้ยินเรื่องนี้กลับทำให้คีรันเห็นถึงความวิตกกังวลที่ซ่อนอยู่ภายในใจ
“ตอนนี้พวกเขารู้ว่าคุณเริ่มขยายอำนาจ เราคงจะต้องเตรียมการตอบโต้ให้พร้อม” คีรันตอบอย่างจริงจัง ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่ดิมิทรี ราวกับกำลังรอคำตอบจากนายใหญ่ที่นั่งอยู่ตรงหน้า
ดิมิทรียังคงเงียบไปครู่หนึ่ง เขาเพ่งมองไปที่เอกสารบนโต๊ะ ราวกับว่ามันจะช่วยให้เขาคลี่คลายสถานการณ์นี้ออกไปได้ แต่นานเข้าเขาก็ต้องยอมรับว่า คำพูดของคีรันนั้นไม่สามารถมองข้ามไปได้
“นายคิดว่าเราควรทำยังไงต่อไป?” ดิมิทรีถามเสียงเรียบ แต่ลึกลงไปในคำถามนั้นมีความรู้สึกที่ไม่สามารถบอกได้
คีรันยืนนิ่งไปครู่หนึ่ง เขารู้สึกถึงแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นในตัวเขาเช่นกัน แต่นั่นคือสิ่งที่เขาต้องทำเพื่อรักษาอาณาจักรที่ดิมิทรีสร้างขึ้นมา
“เราต้องเริ่มเก็บข้อมูลเกี่ยวกับศัตรูที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืดครับ... และเตรียมการป้องกันให้ดีที่สุด” คีรันตอบเสียงหนักแน่น
ดิมิทรีพยักหน้าเบา ๆ แม้ภายในใจของเขาจะรู้สึกถึงความกังวล แต่เขาก็ไม่สามารถแสดงออกมาได้ ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่เขาต้องจัดการเพียงลำพัง
“ดี... เตรียมแผนการให้พร้อมในสัปดาห์หน้า” ดิมิทรีกล่าวก่อนจะลุกขึ้นจากโต๊ะทำงาน แล้วหันไปมองคีรันที่ยังยืนอยู่ข้าง ๆ
คีรันพยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนที่จะพูดเสียงเบา
“ครับ...”
สองชายหนุ่มยืนอยู่ในห้องทำงานของดิมิทรี ความเงียบเริ่มกลับมาอีกครั้ง ท่ามกลางความตึงเครียดในหัวใจของทั้งสองคน พวกเขารู้ว่าโลกของมาเฟียจะไม่เคยให้ที่ว่างสำหรับความอ่อนแอ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าในใจลึก ๆ พวกเขาจะไม่รู้สึกถึงความต้องการที่จะมีอะไรบางอย่างที่มากกว่าการต่อสู้และความตาย
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!