ลมหนาวพัดเอื่อยผ่านลานหญ้ากว้างในหมู่บ้านเล็กๆ บนภูเขา “อิงฟ้า” หญิงสาวที่หลงใหลในความงดงามของดวงดาว มักใช้เวลายามค่ำคืนอยู่ใต้ต้นสนใหญ่ ชื่นชมแสงดาวระยิบระยับบนฟากฟ้า คืนนี้เธอไม่ได้มาเพียงเพื่อดูดาว แต่เพื่อพับดาวกระดาษดวงสุดท้ายในกล่องไม้ใบเล็ก
มือเรียวหยิบกระดาษสีเงินแผ่นสุดท้ายขึ้นมา เสียงฝีเท้าแผ่วเบาดังขึ้นจากด้านหลัง เธอหันไปมองก็พบชายหนุ่มในเสื้อกันหนาวสีเทา "ภูผา" เพื่อนสนิทที่เคยเล่นซนด้วยกันในวัยเด็ก หลังจากเขาย้ายออกไปเรียนในเมืองใหญ่ พวกเขาก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย
“ยังชอบดูดาวเหมือนเดิมเลยนะ” ภูผาทัก น้ำเสียงอ่อนโยนนั้นทำให้อิงฟ้ายิ้มออกมา
“ใช่ ฉันยังชอบเหมือนเดิม” เธอตอบพลางมองกล่องไม้ในมือ “แต่นี่จะเป็นดาวดวงสุดท้ายที่ฉันพับแล้ว”
ภูผาขมวดคิ้วเล็กน้อย “ทำไมถึงหยุดล่ะ?”
อิงฟ้าหลุบตาลงเล็กน้อยก่อนตอบ “มันเป็นคำขอของแม่ก่อนที่แม่จะจากไป แม่อยากให้ฉันพับดาวพันดวงเพื่อขอพร ฉันก็หวังว่าพรนั้นจะช่วยให้ชีวิตฉันมีความสุข”
ภูผานิ่งไปครู่หนึ่งก่อนนั่งลงข้างเธอ เขาหยิบดาวกระดาษดวงหนึ่งขึ้นมาดู “แล้วเธอขอพรว่าอะไรล่ะ?”
“ความสุข... ฉันอยากมีชีวิตที่มีความสุขเหมือนที่แม่หวังไว้” เธอยิ้มบางๆ แต่ในแววตายังคงมีความเศร้าซ่อนอยู่
ภูผามองเธอด้วยสายตาอ่อนโยน ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ถ้าความสุขคือสิ่งที่เธอขอ ฉันอยากเป็นคนช่วยเติมเต็มมันให้เธอ”
หัวใจของอิงฟ้าเต้นแรง เธอเงยหน้ามองเขา แววตานั้นเต็มไปด้วยความจริงใจ “นายจะทำแบบนั้นได้จริงๆ เหรอ?”
“ฉันสัญญา” เขายิ้มพลางจับมือเธอเบาๆ
อิงฟ้าหัวเราะเบาๆ ก่อนจะพูด “ถ้าพรของฉันสำเร็จ ฉันอยากแบ่งปันความสุขนั้นกับนาย”
ทั้งสองนั่งเคียงข้างกัน อิงฟ้าหยิบกระดาษสีเงินขึ้นมาและค่อยๆ พับมันเป็นดาวดวงเล็กด้วยความตั้งใจ เมื่อดาวดวงสุดท้ายถูกวางลงในกล่อง เธอหลับตาและอธิษฐานในใจ
ท้องฟ้าคืนนั้นส่องแสงระยิบระยับราวกับร่วมยินดีกับพรของเธอ แม้คำขอจะยังไม่รู้ผล แต่ทั้งอิงฟ้าและภูผาต่างรู้ดีว่า การมีใครสักคนที่พร้อมอยู่เคียงข้างและเติมเต็มความสุขในหัวใจ อาจเป็นพรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพวกเขาแล้ว
ใต้แสงดาวและสายลมหนาว ความรักเริ่มเบ่งบานเหมือนดอกไม้กลางฤดูหนาว...💫❤️
เวลาผ่านไปหลายวันหลังจากคืนที่ภูผาสัญญาว่าจะเติมเต็มความสุขให้อิงฟ้า ชีวิตในหมู่บ้านเล็กๆ ยังคงดำเนินไปอย่างเรียบง่าย แต่คืนนี้กลับไม่เหมือนเดิม ฝนโปรยปรายลงมาแทนลมหนาวที่เคยพัดโชย อิงฟ้ายืนอยู่ริมหน้าต่างบ้าน มองเม็ดฝนที่ตกกระทบหลังคาไม้
เสียงเคาะประตูดังขึ้น
“อิงฟ้า! เปิดประตูหน่อย!” เสียงของภูผาดังมาจากนอกบ้าน
เธอรีบวิ่งไปเปิดประตู พบเขายืนเปียกปอน เสื้อกันหนาวสีเทาเปียกชุ่มจนแนบลำตัว ใบหน้าของเขาเปื้อนรอยยิ้มแม้จะตัวสั่นเพราะความหนาว
“นายมาทำอะไรกลางฝนแบบนี้?” อิงฟ้าถามพร้อมกับดึงเขาเข้ามาในบ้าน
“ฉันมีบางอย่างจะให้เธอ” ภูผาหยิบถุงกระดาษใบเล็กออกมาจากกระเป๋าเสื้อ เขายื่นมันให้เธอ
“อะไรน่ะ?”
“เปิดดูสิ”
อิงฟ้าค่อยๆ เปิดถุงออก ข้างในมีดาวกระดาษหลากสีจำนวนหนึ่ง เธอเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ
“นี่นาย...พับดาวพวกนี้เหรอ?”
ภูผายิ้มเก้อๆ “ใช่ ฉันไม่เก่งเท่าเธอหรอก แต่ฉันอยากช่วยเธอเติมเต็มคำขอพรของแม่ ถึงเธอจะพับครบแล้ว แต่ฉันคิดว่าเพิ่มอีกสักหน่อยก็คงไม่เสียหาย”
อิงฟ้าจ้องมองดาวในมือ น้ำตาคลอเบ้า เธอไม่เคยคาดคิดว่าภูผาจะใส่ใจขนาดนี้
“ขอบคุณนะภูผา” เสียงของเธอสั่นเล็กน้อย
“ไม่ต้องขอบคุณหรอก ฉันแค่อยากเห็นเธอยิ้ม”
อิงฟ้าหัวเราะเบาๆ ก่อนจะจับมือเขา “นายเปียกหมดแล้ว เดี๋ยวไม่สบายหรอก ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน เดี๋ยวฉันเอาผ้าเช็ดตัวมาให้”
.
... หลังจากฝนหยุดแล้ว...
.
คืนนั้นหลังฝนหยุดตก ท้องฟ้ากลับมาเปิดโล่งอีกครั้ง ดาวดวงน้อยใหญ่ส่องแสงระยิบระยับเหมือนทุกคืน แต่ครั้งนี้มันดูงดงามเป็นพิเศษสำหรับอิงฟ้า
ทั้งสองนั่งอยู่ใต้ต้นสนใหญ่ตามเคย อิงฟ้าถือถุงดาวกระดาษของภูผาไว้แนบอก เธอมองท้องฟ้าก่อนจะพูดขึ้นเบาๆ
“ภูผา นายเคยคิดไหมว่าดวงดาวมันจะฟังคำอธิษฐานของเราได้จริงๆ หรือเปล่า?”
“ฉันไม่รู้หรอก” เขาตอบ “แต่ฉันรู้ว่าคำอธิษฐานของเธอสำคัญกับฉัน และไม่ว่ามันจะเป็นจริงหรือไม่ ฉันก็อยากอยู่เคียงข้างเธอเสมอ”
อิงฟ้าหันมองเขา แววตาที่เคยเศร้าของเธอเริ่มเปล่งประกาย เธอคิดในใจว่า ดาวดวงสุดท้ายของเธออาจไม่ใช่ดาวกระดาษที่พับ แต่เป็นชายหนุ่มที่นั่งเคียงข้างเธอในคืนนี้
.
.
แม้ท้องฟ้าจะเปลี่ยนไป แต่ดาวดวงเดิมยังคงอยู่ข้างเธอเสมอ...
ภูผามองอิงฟ้าอย่างครุ่นคิด ก่อนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ดาวบนฟ้ามีเป็นล้านดวง แต่บางครั้งเราก็แค่มองหาดวงเดียวที่สำคัญที่สุด ไม่จำเป็นต้องพับดาวให้ครบอีกหรอก ชีวิตของเธอไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนดาวกระดาษ แต่มันขึ้นอยู่กับสิ่งที่เธออยากทำต่อจากนี้”
อิงฟ้าฟังคำพูดนั้นอย่างเงียบๆ ใบหน้าของเธอแฝงรอยยิ้มบาง แต่ในดวงตายังคงมีคำถามที่ไม่ได้เอ่ยออกมา “แต่ถ้าฉันไม่รู้ว่าต้องเดินไปทางไหนต่อจริงๆ ล่ะ?”
“งั้นก็ลองเริ่มเดินไปด้วยกัน” เขาตอบพลางยื่นมือออกไปหาเธอ “ถึงจะไม่รู้ปลายทาง แต่เธอจะไม่ต้องเดินคนเดียว”
อิงฟ้าหันไปมองเขา รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอค่อยๆ ชัดเจนขึ้น “นายพร้อมจะเดินไปกับฉันจริงๆ เหรอ?”
ภูผายิ้มกว้าง “แน่นอน ฉันเคยสัญญาไว้แล้วไม่ใช่เหรอว่าจะช่วยเติมเต็มความสุขของเธอ?”
... เช้าวันถัดมา...
รุ่งเช้าในหมู่บ้านเล็กๆ เสียงนกร้องปลุกผู้คนให้ตื่นจากการหลับใหล อิงฟ้ายืนอยู่หน้าบ้านมองพระอาทิตย์ขึ้น เธอถือกล่องไม้ที่บรรจุดาวกระดาษพันดวงไว้ในมือ ก่อนจะเงยหน้ามองภูผาที่เดินเข้ามาพร้อมกับกาแฟร้อนในมือ
“วันนี้มีแผนอะไรหรือเปล่า?” เขาถาม
อิงฟ้าพยักหน้าเบาๆ “ฉันอยากเอากล่องดาวนี้ไปวางไว้ที่ยอดเขานั่น ที่ที่แม่เคยบอกว่าเป็นจุดที่มองเห็นดาวใกล้ที่สุด”
ภูผายิ้ม “งั้นไปกันเถอะ ฉันจะช่วยเธอถือเอง”
การเดินทางขึ้นยอดเขาเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของทั้งคู่ อิงฟ้าเล่าเรื่องราวในวัยเด็กที่เธอเคยวิ่งเล่นที่นี่กับแม่ ส่วนภูผาก็เล่าเรื่องชีวิตในเมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย
เมื่อถึงยอดเขา อิงฟ้าวางกล่องไม้ลงบนก้อนหินใหญ่ เธอหลับตาและอธิษฐานเงียบๆ ภูผายืนอยู่ข้างเธอโดยไม่เอ่ยคำใด แต่เพียงอยู่ใกล้ก็พอให้เธอรู้สึกอบอุ่น
“ฉันขอให้แม่ได้รับรู้ว่าฉันมีความสุขแล้ว” เธอพูดเบาๆ
ภูผาหันมามองเธอ “แล้วตอนนี้ดาวดวงไหนสำคัญที่สุดสำหรับเธอ?”
อิงฟ้าหันมามองเขา แววตาเต็มไปด้วยความซาบซึ้ง เธอยิ้มและตอบเบาๆ “ดาวดวงนี้แหละ...”
เธอแตะที่อกของภูผาเบาๆ หัวใจของเขาเต้นแรงกับคำตอบนั้น
สมมติว่านั่งดูดาว
...ใต้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดาว ความรักของพวกเขาคือแสงที่ส่องนำทางกันและกัน...
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!