NovelToon NovelToon

ขอบเขตมนุษย์ Retreat

บทที่ 1 เส้นทางที่ไม่อาจเลือก

'ประตูเหล็กปิดดังสนั่น ราวกับเสียงคำรามของสัตว์ร้ายที่กลืนกินทุกสิ่งทุกอย่าง’

เด็กชายวัยสิบสี่ปี เอริค วาล์น หยุดนิ่งอยู่กลางห้องสอบสวน ดวงตาสีเทาอ่อนมองตรงไปยังชายสองคนในชุดเครื่องแบบสีเทาเข้ม ทั้งคู่มีสีหน้าเย็นชาเหมือนรูปปั้นโลหะที่ไร้ชีวิต ห้องนั้นไร้สีสัน พื้นผิวของผนังเป็นโลหะเรียบเย็นจนทำให้รู้สึกเหมือนอยู่ในกรงขัง อากาศที่นี่หนักอึ้งจนเหมือนทุกลมหายใจคือภาระ

ชายคนแรกชื่อ มาสเตอร์ ไวล์น เขาเป็นผู้คัดเลือกอาวุโสของสาธารณรัฐมนุษย์ หน้าที่ของเขาคือประเมินเด็กทุกคนในเขตเพื่อกำหนดอนาคตของพวกเขา ชายอีกคนคือผู้ช่วยของไวล์น โครห์น เอ็มบรัส ผู้ที่มักจะเป็นคนทำหน้าที่จับตาดูพฤติกรรมและรายงานความผิดปกติของเด็กแต่ละคนต่อรัฐ

"เอริค วาล์น" เสียงของไวล์นเรียบเย็น แต่ทรงพลัง "บอกหน่อยสิว่าเธออยากทำอะไรเพื่อรับใช้มนุษยชาติ"

เอริคไม่ตอบทันที เขาก้มมองมือของตัวเองที่วางอยู่บนโต๊ะโลหะ มือสั่นอย่างควบคุมไม่ได้

ในช่วงเวลานั้น เขารู้ดีว่าเขาควรพูดคำตอบที่ถูกต้อง คำตอบที่ทุกคนในสาธารณรัฐต้องตอบ แต่ในหัวใจของเขามีคำถามมากมายที่ไร้คำตอบ เหตุใดเขาต้องยอมรับในระบบที่บังคับทุกสิ่งทุกอย่าง เหตุใดทุกชีวิตจึงถูกปฏิบัติราวกับเครื่องจักร

"ฉันถามว่าเธออยากทำอะไรเพื่อมนุษยชาติ" ไวล์นพูดย้ำ เสียงนั้นเริ่มแสดงความรำคาญ

"ผมอยากเป็นทหารครับ" เอริคตอบในที่สุด แต่ไม่ทันที่คำพูดของเขาจะจบ ไวล์นกลับหัวเราะเยาะเบาๆ

"ทหารเรอะ เด็กอย่างเธอเนี่ยนะ"

โครห์นซึ่งยืนอยู่ด้านหลังไวล์นพ่นลมหายใจอย่างสมเพช "ทหารของสาธารณรัฐไม่ได้เหมือนในเรื่องเล่าในโรงเรียน ทหารที่นี่ไม่ได้มีไว้เพื่อฝันหวานหรือเล่นสนุก"

เอริคกลืนน้ำลายอึกใหญ่ เขารู้ว่าคำตอบของเขาไม่เป็นที่พอใจ เขาเคยเห็นเพื่อนบ้านบางคนถูกจับกุมเพียงเพราะวิจารณ์รัฐบาล เขารู้ว่าความฝันของเขาเป็นเรื่องไร้ค่าในสายตาของรัฐ

แต่ความฝันนั้นมาจากที่ไหน มันมาจากพ่อของเขา ไคล์ วาล์น ชายผู้เคยเป็นทหาร เขาสูญเสียทุกอย่างในสงครามกับเอเลี่ยน พ่อเคยเล่าให้ฟังถึงความกล้าหาญและการเสียสละเพื่อมนุษยชาติ แต่ในสายตาของเอริค มันไม่ใช่เรื่องราวของชัยชนะ หากแต่เป็นเรื่องราวของความเจ็บปวดที่ไม่จบสิ้น

เขาจำได้ว่าคืนหนึ่ง พ่อเมามายและพูดขึ้นว่า "ไม่มีใครอยากเป็นฮีโร่จริงๆ หรอกเอริค คนที่รอดกลับมาอย่างพ่อคือคนขี้ขลาด คนที่ไม่กล้าตาย... เข้าใจไหม"

"ถ้าเธออยากเป็นทหารจริง เธอจะต้องผ่านการประเมินจิตใจ" ไวล์นพูดพร้อมส่งสายตาที่เหมือนมองทะลุความคิดของเอริค "และฉันพนันได้เลยว่าเธอไม่ผ่าน"

คำพูดนั้นทำให้เอริครู้สึกเหมือนถูกตบหน้า แต่เขายังคงเก็บอารมณ์ไว้ พร้อมหุบมือมาทิ้งไว้บนตัก

"หรือเธออยากเป็นอย่างอื่น นักวิทยาศาสตร์ วิศวกร หรือ... พวกที่ไม่มีค่าอะไรเลย" ไวล์นถามด้วยน้ำเสียงประชด

"ผมจะทำอะไรก็ได้ที่คุณสั่ง... ตราบใดที่มันมีประโยชน์ต่อมนุษยชาติ" เอริคตอบด้วยน้ำเสียงเรียบ แต่ในใจของเขามันเต็มไปด้วยความโกรธที่ถูกบังคับ

ไวล์นหัวเราะเบาๆ "ดี งั้นเราจะได้เห็นกันว่าเธอมีค่าแค่ไหน"

หลังจากการสอบสวนจบลง เอริคถูกพาออกจากห้อง แต่ในใจของเขาเต็มไปด้วยคำถาม เขาเดินกลับบ้านพร้อมกับแม่ ดาเรีย วาล์น ที่พยายามปลอบใจเขา

"แม่ครับ ทำไมเราต้องเชื่อฟังพวกเขาทุกอย่าง" เขาถามขณะที่เดินข้างแม่

ดาเรียหยุดเดิน เธอหันมาจับมือเขาแน่น "เพราะถ้าเราไม่เชื่อฟัง เราก็ไม่มีชีวิตอยู่ต่อ"

คืนนั้น เอริคนั่งมองดวงดาวนอกหน้าต่าง ความฝันของเขายังคงชัดเจน เขาอยากเป็นทหาร อยากเปลี่ยนแปลงบางสิ่ง แต่เขารู้ว่าความคิดแบบนี้อาจนำพาเขาไปสู่จุดจบที่อันตราย

"บางครั้ง เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นเหมือนเครื่องจักรที่ติดตั้งความฝันไว้โดยที่ไม่สามารถควบคุมมันได้"

ในขณะเดียวกัน เขาไม่รู้เลยว่าการสอบสวนในวันนี้ไม่ได้เป็นเพียงการประเมิน แต่เป็นจุดเริ่มต้นของบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่และอันตรายยิ่งกว่า

บทที่ 2 สิ่งในเงามืด

'โลกนี้ไม่ได้หมุนด้วยความยุติธรรม แต่มันหมุนด้วยแรงของอำนาจและความกลัว' เขาคิดกับตัวเอง ขณะขยับไล่ความปวดเมื่อยบนเก้าอี้

เอริคมองไปรอบๆ ห้องเรียนที่อัดแน่นไปด้วยเด็กชายหญิงวัยเดียวกับเขา กลิ่นของเหงื่อและความตึงเครียดอบอวลอยู่ในอากาศ ห้องเรียนของโรงเรียนฝึกอบรมแห่งเขต สามสิบเก้า เป็นที่ที่ทุกคนถูกหล่อหลอมให้เป็น "ส่วนหนึ่งของระบบ" ไม่มีคำถาม ไม่มีการต่อต้าน และไม่มีที่ว่างสำหรับความล้มเหลว

เขามีเวลาเตรียมตัวให้พร้อมอีกสามปี กว่าจะถึงเวลาพิสูจน์ตัวเองในฐานะทหารของเผ่าพันธุ์ และถูกย้ายไปประจำการในระบบสุริยะอื่นที่ดีกว่าดาวล้าหลังดวงนี้ ฉะนั้นการผ่านโปรแกรมคัดกรองทางจิตใจจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะมันจะเป็นตั๋วเที่ยวเดียวสำหรับอนาคตเขา

"ในฐานะมนุษย์ เราคือสายพันธุ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในกาแล็คซี่!" เสียงของครูฝึก ผู้บัญชาการลุคาน ดังก้องในห้องเรียน เขาเป็นชายร่างสูงใหญ่ หน้าตาเหี้ยมเกรียมที่ดูเหมือนจะสร้างจากเหล็กและไฟ เสียงของเขาเหมือนค้อนที่ทุบลงบนความกลัวของทุกคน

"พวกเธอทุกคนมีหน้าที่เพื่อมนุษยชาติ!" เขาตะโกนพร้อมชี้นิ้วไปที่แผนภาพสามมิติกลางห้อง บนจุดแสงสว่างเหล่านั้นแสดงภาพของระบบสุริยะและดาวเคราะห์อาณานิคมมากมาย ภายใต้การควบคุมของสาธารณรัฐ "จำไว้ ไม่ว่าจะเป็นทหาร นักวิทยาศาสตร์ หรือแค่คนงานขุดเหมือง ทุกคนมีค่าเท่ากันในสายตาของรัฐ ตราบใดที่พวกเธอทำตามหน้าที่"

เอริคนั่งนิ่งอยู่กลางห้อง เขาจดบันทึกในสมุดตามที่ครูฝึกสั่ง ภาควิชาศักยภาพพลเรือนเป็นส่วนที่เขาเกลียดที่สุด ในใจของเขาเต็มไปด้วยคำถาม เขาเริ่มรู้สึกถึงความไม่สมบูรณ์แบบของระบบนี้ ทำไมทุกคนต้องยอมจำนน ทำไมคนที่ต่อต้านจะต้องถูกมองว่าเป็นศัตรู

"วาล์น!" เสียงตะโกนของลุคานทำให้เอริคสะดุ้ง "เธอคิดอะไรอยู่ หรือว่าฉันพูดอะไรไม่ชัดเจน"

"เปล่าครับ ผมกำลังจดบันทึก..." เอริคตอบพลางหลบสายตา

"ดี! เพราะถ้าเธอไม่ฟัง ฉันจะส่งเธอไปฝึกงานในเหมืองดาวเคราะห์ทันที!" ลุคานพูดพลางหัวเราะเสียงเยาะ เด็กคนอื่นๆ ในห้องหัวเราะตามไปด้วย แต่เอริคกลับกัดฟันแน่น เขารู้ว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์ตอบโต้

ในช่วงพักกลางวัน เอริคนั่งอยู่คนเดียวใต้ต้นไม้ในลานฝึกอบรม เขาไม่ได้อยากสุงสิงกับใคร เด็กคนอื่นๆ ดูเหมือนจะยอมรับในระบบนี้อย่างไม่มีข้อสงสัย

แต่ทันใดนั้น เด็กชายคนหนึ่งเดินเข้ามาหา ไรอัน เอ็มบรัส ลูกชายของผู้ช่วยเจ้าหน้าที่คัดเลือกที่เคยพบในวันประเมิน ไรอันดูแตกต่างจากเด็กคนอื่น ดวงตาของเขาฉายแววฉลาดและขี้เล่น เขานั่งลงข้างเอริคโดยไม่พูดอะไร

ลมหายใจของเขามีกลิ่นมิ้นท์และโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ มันใกล้มากเสียจนทำให้เอริทเสียวสันหลังวาบ

"นายเป็นอะไรหรอ ดูเหมือนคนอยากหนีไปจากที่นี่เลยนะ" ไรอันพูดขึ้นหลังจากเงียบไปพักหนึ่ง

เอริคมองหน้าเขาอย่างไม่ไว้ใจ "ฉันไม่ได้อยากหนี... แต่ฉันแค่ไม่เข้าใจ ทำไมพวกเขาถึงต้องบังคับให้เราคิดเหมือนกันหมด"

"แล้วคิดว่าตัวเองเป็นเด็กคนเดียวที่นี่หรือยังไง" ไรอันยิ้มมุมปาก "นายไม่ใช่คนเดียวหรอกที่คิดแบบนั้น แต่ถ้าพูดออกไป นายจะไม่มีวันได้ใช้ชีวิตมีความสุขในนี้แน่"

เอริครู้สึกสะดุ้งเล็กน้อย ไรอันเหมือนรู้ทุกอย่าง แต่เขาไม่ได้แสดงออกชัดเจน

"นายคิดอะไรอยู่เหรอ" เอริคถาม

ไรอันหัวเราะเบาๆ "ฉันแค่คิดว่านายเป็นคนที่น่าสนใจ ถึงขนาดว่าฉันแค่มองแวบเดียวก็รู้ความคิดความอ่านทั้งหมดเชียว หรือบางทีนะ เราควรคุยเรื่องนี้กันอีกทีหลังเลิกเรียน นายคิดว่าไง"

และเมื่อเวลานั้นมาถึง ไรอันพาเอริคไปยังมุมลับหลังโรงฝึก มันเป็นที่ที่ไม่มีใครสนใจและถูกปล่อยให้รกร้าง

"เอริค ฉันรู้ว่านายไม่ชอบระบบนี้ และฉันก็ไม่ต่างจากนาย" ไรอันเริ่มต้นอย่างตรงไปตรงมา

สีหน้าของเด็กหนุ่มตรงหน้าเกือบทำให้เขาหัวใจหยุดเต้น นี่อาจเป็นการลองเชิงหรือการกลั่นแกล้งอะไรสักอย่าง เขาเองก็ไม่แน่ใจ

"แล้วนายคิดจะทำอะไร ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้หรอก" เอริคพูดด้วยน้ำเสียงปลงตก

"บางทีเราอาจจะเปลี่ยนไม่ได้ตอนนี้ แต่ใครจะรู้ล่ะในอนาคต" ไรอันตอบพลางดึงแผ่นกระดาษเล็กๆ ออกมาจากกระเป๋า มันเป็นสัญลักษณ์บางอย่างที่เอริคไม่เคยเห็นมาก่อน เส้นขีดสีเหลืองวาดทับกันคล้ายรูปสามเหลี่ยมบนพื้นหลังสีดำ

"นี่คืออะไร" เอริคถาม

"มันคือเครื่องหมายของกลุ่มต่อต้าน กลุ่มที่เชื่อว่าสาธารณรัฐไม่ได้เป็นสิ่งที่มนุษย์ต้องการจริงๆ" ไรอันตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง

เอริคมองสัญลักษณ์นั้นด้วยความลังเล เขารู้ว่ามันอันตรายหากจะเกี่ยวข้องกับสิ่งนี้ แต่ลึกๆ ในใจของเขากลับรู้สึกว่ามันอาจเป็นคำตอบที่เขาตามหา

ในขณะเดียวกัน ภายในห้องทำงานของมาสเตอร์ไวล์น เขากำลังนั่งดูข้อมูลบนจอภาพ "เด็กสองคนนี้ เอริคและไรอัน พวกเขาน่าสนใจทีเดียว เอริค อาชีพที่เลือกคือทหาร และการมีศักยภาพในยีนส์กลายพันธุ์นั้นก็ช่างน่าทึ่ง ส่วนของไรอัน..."

"คุณจะให้เราจับตามองพวกเขาไหมคะ" ผู้ช่วยถาม

"แน่นอน จับตามองทุกการเคลื่อนไหว แต่ยังไม่ต้องทำอะไร เราอาจได้ประโยชน์จากพวกเขา ในแบบที่พวกเขาคาดไม่ถึง" ไวล์นยิ้มมุมปาก ราวกับว่าเขาได้เริ่มวางหมากในเกมที่ใหญ่กว่าที่เด็กทั้งสองจะจินตนาการได้ “จริงสิ ช่วยนัด อาจารย์ โครห์น เอ็มบรัส ให้มาเข้าพบฉันพรุ่งนี้เช้าด้วยนะ บอกเขาว่าฉันมีเรื่องอยากคุยเกี่ยวกับไรอัน ลูกชายของเขา”

คืนนั้น เอริคนอนไม่หลับ ความคิดวนเวียนอยู่กับสิ่งที่ไรอันพูดและเครื่องหมายลึกลับนั้น เขาไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรต่อไป แต่เขารู้ว่าเส้นทางที่เขาเลือกจะไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว

"ในโลกที่ทุกอย่างถูกควบคุม บางครั้ง ความกล้าหาญอาจไม่ใช่การต่อสู้ แต่คือการเลือกที่จะเดินไปในเงามืดเพื่อตามหาคำตอบ"

เอริคเขียนประโยคนั้นลงบนไดอารี่ประจำวัน

บทที่ 3 มุมที่ลึกกว่าความจริง

"ในโลกที่ทุกคนมีอิสระในการรักและเลือกเส้นทางของตัวเอง แต่แท้จริงความคิดกลับเป็นสิ่งที่ต้องซ่อนเร้นมากที่สุด"

เอริคครุ่นคิดถึงสิ่งที่ได้เห็นในวันก่อนหน้า เขาไม่แน่ใจนักว่าทำไมไรอันถึงแสดงเครื่องหมายแปลกประหลาดนั้นให้ดู หรือเหตุใดจู่ๆ ไรอัน เด็กชายที่มักเป็นที่ชื่นชอบของทุกคน กลับเลือกเขาเป็นคู่สนทนา แต่สิ่งหนึ่งที่เขามั่นใจคือ นั่นไม่ใช่เพียงเรื่องบังเอิญ

วันนี้เป็นอีกวันเรียนปกติในชั้นเรียน “ประวัติศาสตร์ของการขจัดภัยคุกคาม” วิชาบังคับของสถาบัน ทุกครั้งที่นั่งในห้องนี้ เอริคมักรู้สึกเหมือนอากาศรอบตัวหนักอึ้งอย่างประหลาด

ครูสเตลล่า หญิงวัยกลางคนผู้สง่างามแต่เย็นชา ยืนอยู่หน้าชั้นเรียนด้วยสีหน้าเรียบเฉย

“เปิดหนังสือหน้า หนึ่งสามสอง วันนี้เราจะพูดถึง ปฏิบัติการขจัดเผ่าพันธุ์ซาเทิร์น ซึ่งเป็นหนึ่งในภารกิจที่ประสบความสำเร็จที่สุดของสาธารณรัฐมนุษย์...”

'เพราะพวกเขาไม่ทันตั้งตัวด้วยซ้ำ ตอนยานรบสองหมื่นลำลอยอยู่เหนือชั้นบรรยากาศ' เอริคคิดในใจเงียบๆ

เอริคเหลือบมองรูปท่านผู้นำคนก่อนบนกระดานหน้าห้องอย่างอดใจไม่ได้ ก่อนสลัดความคิดเพื่อกลับมาสนใจยังภาพถ่ายในหน้าหนังสือ มันแสดงให้เห็นภาพของสิ่งมีชีวิตต่างดาวที่ถูกตราหน้าว่าเป็น "ผู้ต่อต้านความก้าวหน้าของมนุษย์" กองศพกองกันสูงเทียบเท่าตึกสามชั้น และอาณานิคมที่ถูกเผาจนเหลือเพียงซากปรักหักพัง

เขารู้สึกวูบในท้อง ภาพเหล่านั้นทำให้เกิดความรู้สึกบางอย่างที่เขาไม่สามารถอธิบายได้ มันทั้งโกรธ อับอาย และหวั่นกลัว

“นักเรียนคนใดช่วยอธิบายให้ฉันฟังได้ไหม ทำไมการปฏิบัติการครั้งนี้ถึงสำคัญ” ครูสเตลล่าถาม ดวงตาคมกริบกวาดมองไปทั่วห้อง

ไรอันยกมือขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งปกติสำหรับเขาที่จะแสร้งทำตัวให้เป็นที่รักของทุกคน

“เพราะสายพันธุ์ซาเทิร์นต่อต้านการปกครองของมนุษย์ พวกมันปฏิเสธที่จะส่งทรัพยากรและวางแผนโจมตีด่านหน้าของเรา สาธารณรัฐจึงจำเป็นต้องกำจัดภัยคุกคามทั้งหมด เพื่อความปลอดภัยของมนุษย์ในอนาคต” ไรอันตอบด้วยเสียงเรียบนิ่ง

ครูสเตลล่ายิ้ม “ยอดเยี่ยม ความมั่นคงของมนุษย์ต้องมาก่อนทุกสิ่ง และนั่นคือเหตุผลที่เราทุกคนต้องเรียนรู้และเข้าใจ เพื่อไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย...”

หลังเลิกเรียน เอริคเดินตามไรอันไปที่หอสมุดประจำสถาบัน ก่อนจับแขนเสื้ออีกฝ่ายดึงมาหลบมุมกล้อง

“นายตอบแบบนั้นได้ยังไง” เอริคถามทันทีที่ประตูห้องสมุดปิดลง

“ก็นั่นเป็นสิ่งที่พวกเขาอยากได้ยินไม่ใช่หรือ” ไรอันตอบพลางยักไหล่ แต่ดวงตาของเขากลับดูเหมือนซ่อนบางอย่างไว้

“แล้วนายคิดยังไงล่ะ” เอริคถามเสียงเบา

ไรอันหยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจยาว “ฉันไม่รู้ ฉันแค่รู้สึกว่ามันมีอะไรสักอย่างไม่สมเหตุสมผล แต่ในที่แบบนี้ นายจะพูดความจริงออกไปไม่ได้หรอก เอริค”

เอริคเงียบไปพักใหญ่ เขารู้สึกไม่ต่างกัน แต่ไม่กล้าพูดอะไรออกไป

คืนนั้น เอริคนั่งอยู่หน้ากระจกในห้องพักของเขาเอง ใบหน้าของเขามืดหม่นด้วยแสงสลัวจากหลอดไฟ

"ทำไมฉันถึงรู้สึกไม่เหมือนคนอื่น ทำไมสิ่งที่พวกเขาสอนถึงดูน่ารังเกียจ"

เขาพึมพำในใจ ดวงตาจ้องมองตัวเองในกระจก มันเหมือนกับว่าเงาสะท้อนกำลังถามคำถามกลับไป

“นายกลัวอะไร”

คำถามนั้นดังขึ้นในหัวของเขาเอง เอริคไม่แน่ใจนักว่ามันคือความจริงที่เขากลัว หรือว่ามันคือความเป็นไปได้ที่เขาอาจจะไม่ใช่ส่วนหนึ่งของสิ่งที่เขาเติบโตขึ้นมา

ในขณะที่ความคิดกำลังฟุ้งกระจาย เสียงเตือนของระบบส่งข้อความดังขึ้น เขาหันไปหยิบจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ที่ถูกส่งเข้ามา

มันมาจากพ่อ

“ถึงเอริค ลูกชายของพ่อ, พ่อหวังว่าลูกจะสบายดี พ่อแค่เป็นห่วงเล็กน้อย ลูกอย่าให้ความคิดอะไรที่ไม่ควรอยู่ในหัว มันจะทำให้ลูกลำบาก โลกนี้โหดร้าย แต่จำไว้นะเอริค ทุกสิ่งที่สาธารณรัฐทำ มันเพื่อปกป้องลูกและทุกคนด้วยความรัก”

เอริควางจดหมายลง มันเป็นข้อความที่อ่อนโยนและจริงใจ แต่ในขณะเดียวกัน มันเหมือนคำเตือนที่ซ่อนคำขู่ไว้เงียบๆ

เขาหันกลับไปมองกระจกอีกครั้งคราวนี้ดวงตาของเขามั่นคงกว่าเดิม

"บางที ฉันต้องหาคำตอบเอง…”

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!