**เรื่อง: เจ้าอัปสรา**
**ตอนที่ 1: เสียงเพลงกลางแสงจันทร์**
ท่ามกลางความสงบเงียบของยามราตรีในตัวเมืองเชียงใหม่ “ธีร์” ชายหนุ่มวัยยี่สิบหกปี นักประวัติศาสตร์ผู้คลั่งไคล้ศิลปะการรำโบราณ ยืนอยู่หน้าวัดร้างเก่าแก่แห่งหนึ่งที่น้อยคนนักจะรู้จัก สถานที่แห่งนี้ไม่เพียงแต่เคยเป็นที่เคารพของคนรุ่นก่อน แต่ยังเล่าลือกันว่าครั้งหนึ่งเคยเป็นที่ฝึกฝนของเหล่าอัปสรา นักรำผู้มีความงามและศิลปะในตัวอย่างโดดเด่น
“นี่แหละ…ที่ที่คนสมัยก่อนใช้ฝึกการรำอัปสราจริง ๆ หรือ?” ธีร์พูดกับตัวเองพลางมองไปยังศาลาร้างที่ซ่อนตัวอยู่กลางป่าเล็ก ๆ ข้างวัด เขาได้ยินเรื่องราวจากผู้เฒ่าผู้แก่ในหมู่บ้านใกล้เคียงว่าวัดแห่งนี้มีความสำคัญทางจิตวิญญาณ และบางครั้งในคืนเดือนหงาย คนที่โชคดีอาจได้ยินเสียงเพลงบรรเลงแว่ว ๆ มาจากในศาลาร้างนั้น ธีร์ยิ่งสนใจในเรื่องนี้มากขึ้นทุกครั้งที่ได้ฟัง
เมื่อเดินเข้าสู่ศาลาร้าง เสียงฝีเท้าของเขากระทบกับพื้นไม้เก่าจนเกิดเสียงเอี๊ยดอ๊าดชวนขนลุก ธีร์มองไปรอบ ๆ แสงจันทร์ที่ส่องลอดผ่านช่องหน้าต่างในศาลาสะท้อนเป็นประกายงดงาม ทุกอย่างดูเงียบสงัดจนเขาแทบได้ยินเสียงลมหายใจตัวเอง
“จะมีจริงเหรอ…เสียงเพลงรำที่ว่า…” เขาพึมพำก่อนจะก้าวเดินช้า ๆ ไปยังกลางศาลา
แล้วจู่ ๆ ลมเย็นวูบหนึ่งพัดผ่านไป เสียงดนตรีเบา ๆ ที่ฟังดูคล้ายเสียงขลุ่ยโบราณเริ่มดังขึ้นจากที่ไกล ๆ ธีร์หันไปมองรอบตัวด้วยความสงสัย เสียงเพลงนั้นแผ่วเบาแต่แฝงไปด้วยมนต์ขลังจนเขารู้สึกเหมือนถูกดึงดูด
ทันใดนั้น เขาเห็นเงาร่างของชายหนุ่มคนหนึ่งที่ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าศาลา ชายหนุ่มผู้สวมชุดรำโบราณสีขาว ร่างนั้นดูสง่างาม ราวกับกำลังร่ายรำไปตามจังหวะเพลงในยามราตรี
ธีร์ยืนตะลึง ชายหนุ่มในชุดรำนั้นดูอ่อนช้อยงดงาม ท่าทางการรำของเขาสะกดให้ธีร์หยุดนิ่ง เฝ้ามองอย่างหลงใหล ราวกับอยู่ในโลกแห่งความฝัน เขารู้สึกเหมือนกำลังได้ชมภาพจากอดีตชาติที่กลับมามีชีวิตอีกครั้ง
ชายหนุ่มปริศนาเคลื่อนไหวไปอย่างช้า ๆ ทุกท่วงท่าราวกับเต็มไปด้วยความหมาย จนเมื่อเขาหันมามองตรงที่ธีร์ ชายหนุ่มก็หยุดรำ เงยหน้าขึ้นเผยรอยยิ้มบาง ๆ ที่ดูเยือกเย็นแต่แฝงด้วยความอ่อนโยน
“เจ้ามาทำอะไรที่นี่หรือ?” เสียงนุ่มทุ้มของชายหนุ่มดังขึ้น แม้จะดูคล้ายเสียงก้องแต่ก็ทำให้ธีร์รู้สึกถึงความเป็นจริง
ธีร์สะดุ้ง เขาพยายามจะตอบแต่กลับรู้สึกเสียงหายไป “เอ่อ...ผมแค่...มาค้นคว้าศึกษาเกี่ยวกับการรำโบราณ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก
ชายหนุ่มปริศนาหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะก้าวเข้ามาใกล้ “การรำที่เจ้าค้นหาคือการรำอัปสราใช่หรือไม่? ข้า…คือหนึ่งในอัปสราที่เจ้ากำลังตามหา”
ธีร์มองไปที่ดวงตาของชายหนุ่มที่ดูมีความลึกซึ้ง แววตานั้นสื่อถึงความรู้สึกบางอย่างที่เขาไม่อาจเข้าใจได้ ธีร์จ้องมองด้วยความรู้สึกเหมือนถูกสะกดราวกับเขาได้จมดิ่งลงไปในอดีตที่ชายหนุ่มคนนี้อาจเคยมีชีวิตอยู่
“ท่านชื่ออะไรหรือครับ?” ธีร์เอ่ยถามเสียงเบา
ชายหนุ่มยิ้มเล็กน้อย ก่อนตอบ “ข้าชื่ออรุณ”
เมื่อได้ยินชื่อ ธีร์รู้สึกเหมือนชื่ออรุณนั้นไม่ใช่แค่ชื่อของใครสักคน แต่มันมีพลังที่สะท้อนถึงอะไรบางอย่างในใจของเขา ความรู้สึกที่บอกไม่ถูกว่าทำไม แต่เขารู้ได้ทันทีว่า อรุณ…คือคนที่เขาอยากรู้จักให้มากขึ้น ไม่ใช่แค่ในฐานะวิญญาณหรือภาพลวงตา แต่ในฐานะคนคนหนึ่งที่อาจมีส่วนเชื่อมโยงกับชีวิตเขาในทางใดทางหนึ่ง
และเมื่อเขาคิดได้ดังนั้น เสียงเพลงรำก็เงียบลง พร้อมกับร่างของอรุณที่เริ่มเลือนหายไปในความมืด ราวกับเป็นแค่เงาลาง ๆ ที่ปรากฏขึ้นเพียงชั่วขณะ ธีร์ยืนอยู่เพียงลำพังในความเงียบงัน แต่ภายในหัวใจของเขาเหมือนถูกเติมเต็มด้วยบางสิ่งที่ลึกล้ำเกินจะบรรยาย
เสียงของอรุณและภาพรำอัปสราของเขาในคืนนี้จะกลายเป็นสิ่งที่ธีร์ไม่มีวันลืม...
**เรื่อง: เจ้าอัปสรา**
**ตอนที่ 2: รอยสลักจากอดีต**
เช้าวันถัดมา ธีร์ตื่นขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกประหลาดที่ยังคงหลงเหลือจากคืนก่อน เขายังคงจดจำรอยยิ้มและท่วงท่ารำของอรุณได้ชัดเจน ราวกับว่าเหตุการณ์นั้นไม่ใช่แค่ภาพลวงตา เขารู้สึกเหมือนถูกดึงดูดให้กลับไปยังศาลาร้างอีกครั้ง เพื่อหาคำตอบเกี่ยวกับชายหนุ่มผู้มีนามว่า "อรุณ"
หลังจากเก็บข้าวของและเตรียมกล้องถ่ายรูป ธีร์ตัดสินใจกลับไปที่วัดร้างอย่างไม่ลังเล ภายในใจของเขาเต็มไปด้วยคำถามมากมาย — อรุณคือใคร? เขาเป็นอัปสราหรือเพียงแค่ภาพในความฝัน?
เมื่อธีร์มาถึงศาลาร้าง แสงอาทิตย์ส่องสว่างพาดผ่านช่องหน้าต่างทำให้ภายในศาลาดูโปร่งใสขึ้น แต่บรรยากาศกลับเงียบเหงา ต่างจากยามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยมนต์ขลังและความลึกลับ เขาเดินไปตามทางเดินไม้และพบกับผนังที่มีลวดลายสลักลึก ฝีมือการแกะสลักงดงามเป็นภาพของหญิงและชายกำลังร่ายรำ
“นี่คงเป็นอัปสราในอดีต...” ธีร์คิดในใจ มือของเขาแตะสัมผัสรอยสลักอย่างเบามือ พลันความรู้สึกแปลกประหลาดก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง เหมือนรอยสลักนี้มีพลังที่ซ่อนอยู่ซึ่งดึงดูดให้เขาเข้าใกล้กับอดีตมากขึ้น
ทันใดนั้น เสียงกระซิบแผ่วเบาดังขึ้นจากข้างหลัง “เจ้า…กลับมาอีกแล้วหรือ”
ธีร์สะดุ้งและหันไปมองทันที ภาพเงาของอรุณปรากฏขึ้นอีกครั้ง ร่างของเขาชัดเจนขึ้นในยามกลางวัน ราวกับว่าตัวตนของเขากำลังค่อย ๆ กลับมามีชีวิต อรุณยิ้มให้ธีร์อย่างอ่อนโยน เขาดูเหมือนจะอ่านความคิดของธีร์ออกว่าเขามาที่นี่เพื่อหาคำตอบ
“ข้า…ต้องการรู้จักท่านให้มากกว่านี้” ธีร์พูดขึ้นเบา ๆ
อรุณนิ่งเงียบก่อนจะเอื้อมมือไปสัมผัสที่รอยสลักบนผนัง “ข้าเคยเป็นนักรำในอดีตชาติ ข้าและเหล่าอัปสราที่นี่ใช้ชีวิตและฝึกฝนศิลปะการรำอันงดงาม แต่วันหนึ่ง ข้าได้ทำผิดพลาดครั้งใหญ่ ข้าถูกลงโทษให้ต้องกลายเป็นเพียงเงาที่ไม่อาจหลุดพ้นจากสถานที่แห่งนี้”
ธีร์มองอรุณด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเศร้า เขาสัมผัสได้ถึงความทุกข์ทรมานในดวงตาของอรุณ “ความผิดพลาดนั้น…มันคืออะไรหรือครับ?”
อรุณยิ้มบาง ๆ ก่อนจะถอนหายใจ “ข้าเคยแอบรักใครบางคนซึ่งเป็นสิ่งต้องห้าม เขาคือองค์ชายที่คอยมาเยี่ยมชมการฝึกฝนของข้า เราทั้งคู่รู้ดีว่าความรักนี้ไม่อาจเกิดขึ้นได้ แต่เรายังคงพบกันอย่างลับ ๆ ทุกคืนที่แสงจันทร์ส่องลงมา…จนกระทั่งวันหนึ่ง เราถูกพบเห็น ความรักที่บริสุทธิ์กลับกลายเป็นบาปในสายตาของผู้อื่น ข้าถูกจองจำวิญญาณและถูกสาปให้รออยู่ที่นี่จนกว่าจะมีใครที่สามารถเข้าใจและปลดปล่อยข้าได้”
ธีร์รับฟังด้วยความรู้สึกสะเทือนใจ อรุณต้องทนทุกข์อยู่ในวัดร้างแห่งนี้นานแค่ไหนแล้ว? เขารู้สึกถึงความเศร้าลึกซึ้งในดวงตาของอรุณ ความรักของเขากับองค์ชายคนนั้นช่างเต็มไปด้วยความหวังและความทุกข์ที่ยากจะปล่อยวาง
“แล้วข้าจะช่วยท่านได้อย่างไร?” ธีร์ถามด้วยความหวัง เขาอยากช่วยอรุณให้หลุดพ้นจากคำสาปนี้
อรุณมองธีร์ด้วยความอ่อนโยนและเต็มไปด้วยความขอบคุณ “เจ้ามีจิตใจที่บริสุทธิ์ ข้าเชื่อว่าเจ้าคือคนที่ข้ารอคอยมาแสนนาน หากเจ้าสามารถค้นหาสิ่งที่ข้าสูญเสียไป และนำกลับมาให้ข้า ข้าก็จะสามารถหลุดพ้นได้”
ธีร์ตั้งใจฟังอย่างเคร่งเครียด “สิ่งที่ท่านสูญเสีย…คืออะไรครับ?”
อรุณนิ่งเงียบก่อนจะเอ่ยคำตอบที่คลุมเครือ “สิ่งนั้น…คือ ‘หัวใจ’ ของข้า”
ธีร์นิ่งอึ้ง ความหมายของคำว่า “หัวใจ” ที่อรุณพูดถึงนี้ทำให้เขาต้องขบคิด เขาไม่แน่ใจว่ามันคืออะไร แต่สิ่งหนึ่งที่แน่ชัดคือเขาพร้อมที่จะช่วยเหลืออรุณ แม้จะเป็นการเดินทางที่เต็มไปด้วยปริศนาและอุปสรรคก็ตาม
เสียงดนตรีแว่ว ๆ ดังก้องในใจของธีร์อีกครั้ง ราวกับเป็นเสียงเพลงที่รอคอยเขาให้เดินไปตามเส้นทางที่แสนลึกลับนี้ แล้วร่างของอรุณก็ค่อย ๆ เลือนหายไป ทิ้งไว้เพียงกลิ่นหอมของดอกไม้และความเศร้าในแววตาของชายหนุ่มที่ยังคงตราตรึงในใจของธีร์
ในใจของธีร์รู้ดีว่าการเดินทางเพื่อค้นหา "หัวใจ" ของอรุณกำลังเริ่มต้นขึ้นแล้ว…
**เรื่อง: เจ้าอัปสรา**
**ตอนที่ 3: ตำนานที่เลือนหาย**
วันต่อมา ธีร์เริ่มสืบหาคำตอบเกี่ยวกับ “หัวใจ” ที่อรุณพูดถึง เขาตัดสินใจเดินทางไปยังพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นซึ่งเก็บรักษาข้อมูลทางประวัติศาสตร์ของเชียงใหม่ไว้ ที่นั่นเขาได้พบกับ “อาจารย์ดำรง” นักวิชาการท้องถิ่นผู้มีความเชี่ยวชาญด้านศิลปะการรำและประวัติศาสตร์ของวัดโบราณในแถบนี้
“อาจารย์ดำรงครับ ท่านเคยได้ยินตำนานเกี่ยวกับนักรำอัปสราที่ถูกจองจำในวัดร้างแถวนี้บ้างไหมครับ?” ธีร์ถามพลางยื่นสมุดโน้ตที่เขาบันทึกเรื่องราวการพบอรุณไว้
อาจารย์ดำรงเงยหน้ามองธีร์ ก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ “อา…ตำนานนี้ใช่ไหม ฉันเคยได้ยินจากปู่ย่าตายาย เป็นเรื่องเล่าถึงอัปสราหนุ่มที่เคยมีความรักต้องห้ามกับองค์ชาย และถูกลงโทษด้วยการจองจำวิญญาณในศาลาร้างในวัดแห่งนั้น”
ธีร์ฟังอย่างตั้งใจ ทุกคำที่อาจารย์พูดสะท้อนถึงสิ่งที่อรุณเล่าไว้กับเขาเมื่อคืนนี้ “แล้ว…ท่านรู้ไหมครับว่าเขาถูกจองจำเพราะอะไร?”
“ตามตำนานบอกว่าเขาสูญเสียหัวใจที่แท้จริงไป” อาจารย์ดำรงกล่าว “หัวใจที่ว่า ไม่ใช่แค่หัวใจในร่างกาย แต่เป็นหัวใจที่หมายถึง ‘ความรักที่บริสุทธิ์’ ที่เขามีต่อองค์ชาย การจองจำวิญญาณของเขาคือการพรากหัวใจแห่งความรักนั้นไปจากเขา ทำให้เขาต้องรอคอยจนกว่าจะมีคนพบและนำหัวใจนั้นกลับมา”
คำพูดของอาจารย์ดำรงทำให้ธีร์รู้สึกแน่ใจขึ้น “แล้ว…ข้าจะสามารถนำ ‘หัวใจ’ นั้นกลับมาให้เขาได้อย่างไรครับ?”
อาจารย์ดำรงนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบ “ถ้าตำนานนั้นเป็นจริง อาจจะต้องไปหาที่ต้นกำเนิดแห่งความรักของเขา สถานที่ที่เขาและองค์ชายเคยพบกัน…หรืออาจจะเป็นสิ่งของที่มีความหมายต่อความรักนั้น ซึ่งอาจจะยังคงหลงเหลืออยู่”
ธีร์พยักหน้าด้วยความเข้าใจ เขาต้องค้นหาสิ่งที่เป็นเสมือน “หัวใจ” ของอรุณในอดีต เขาตั้งใจว่าจะกลับไปที่วัดร้างอีกครั้งเผื่อจะค้นพบเบาะแสบางอย่าง
เมื่อกลับไปถึงวัด ธีร์พบว่าบรรยากาศเงียบสงบเหมือนคืนก่อน แสงจันทร์ส่องผ่านต้นไม้ที่ขึ้นแซมกันอย่างหนาทึบ เขาเดินไปยังศาลาร้างและนั่งลงตรงพื้นไม้เก่าที่อรุณเคยปรากฏตัว ธีร์หลับตาลง ตั้งใจจะสื่อสารกับอรุณอีกครั้ง
“อรุณ…ท่านยังอยู่ที่นี่หรือเปล่า?”
เสียงกระซิบเบา ๆ ดังขึ้นใกล้ ๆ “เจ้ากลับมาอีกแล้วหรือ…ธีร์”
ธีร์เงยหน้าขึ้นก็พบว่าอรุณปรากฏอยู่ตรงหน้า แสงจันทร์สะท้อนให้เห็นใบหน้าของเขาอย่างชัดเจน รอยยิ้มแผ่วเบาที่ปรากฏบนใบหน้านั้นเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและแฝงไปด้วยความเศร้า
“ข้ามาเพื่อช่วยท่าน อรุณ” ธีร์พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ข้าต้องหาหัวใจของท่านเพื่อให้ท่านหลุดพ้นจากคำสาป ข้าจำเป็นต้องรู้ว่าหัวใจของท่านคือสิ่งใด”
อรุณมองธีร์ด้วยความลึกซึ้ง ก่อนจะเอ่ยตอบ “หัวใจของข้าอยู่ที่รักแท้ของข้ากับองค์ชาย…สถานที่ที่เราพบกันครั้งแรก และที่ที่เราสัญญากันว่าจะรักกันตลอดไป”
ธีร์คิดตามคำบอกของอรุณ ความหมายของสถานที่นั้นอาจอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ และอาจเป็นสถานที่ที่มีความสำคัญกับความรักของทั้งคู่ แต่ที่สำคัญคือ เขาต้องค้นหาสิ่งที่สื่อถึงความรักของพวกเขา
“ข้าสัญญาว่าจะช่วยท่านพบกับความสงบ” ธีร์เอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
อรุณมองธีร์ด้วยแววตาที่ซ่อนความหวัง “ข้ารอเจ้ามานานแสนนาน…และข้าหวังว่าเจ้าจะเป็นคนที่ช่วยข้าหลุดพ้น”
และก่อนที่อรุณจะเลือนหายไป เขายื่นมือออกมาจับมือธีร์เบา ๆ ความเย็นจากสัมผัสนั้นแผ่ซ่านเข้ามาในใจ ธีร์รับรู้ถึงความผูกพันบางอย่างที่ลึกซึ้งเกินคำอธิบาย
“ราตรีสวัสดิ์…ธีร์” อรุณกล่าวเสียงเบา ก่อนร่างของเขาจะจางหายไปในแสงจันทร์ที่ส่องผ่านช่องหน้าต่าง
ธีร์มองมือที่อรุณเคยสัมผัส เขารู้สึกถึงแรงกระตุ้นในใจที่อยากจะช่วยให้วิญญาณของอรุณได้พบกับความสงบ ไม่ใช่เพียงเพราะหน้าที่ของเขาในฐานะนักประวัติศาสตร์ แต่เป็นความผูกพันที่เขาเองก็ไม่อาจปฏิเสธได้
การเดินทางของธีร์ในการค้นหาความรักและ “หัวใจ” ของอรุณกำลังจะเริ่มต้นขึ้น และไม่ว่าจะพบกับสิ่งใดก็ตาม เขารู้ดีว่าเขาจะไม่หยุดจนกว่าจะพาอรุณกลับไปสู่แสงสว่างแห่งความสุข
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!