เพื่อน ( ต้อง ) รัก
บทนำ
เสียงฝีเท้าหนักแน่นของผมกระทบลงกับพื้นหินอ่อนอย่างต่อเนื่องเพราะความเร่งรีบ
เมื่อเช้าวันใหม่ที่ควรจะสดใสของผมกำลังจะกลายเป็นเช้าอันน่าเศร้าสลด
เพราะว่าเปิดเทอมวันแรกก็เหมือนกับว่าผมจะมาสาย
ผมว่าผมต้องสายแน่ๆ แล้วหละ
เพราะว่าป่านนี้แล้วผมยังไม่ถึงห้องเรียนเลย
และเสียงที่ตามมาก็คือเสียงจากฝ่ามือของผมเอง
ผมก็แค่ผลักประตูเข้าไปในห้องเรียน
ผมรีบยกมือขึ้นแล้วขานรับเสียงดังเมื่ออาจารย์ขานชื่อผมเพื่อเช็คชื่อพอดี
อาจารย์หันมามองผมด้วยหางตานิดหน่อนก่อนจะส่ายหัวไปมาเบาๆ เมื่อเห็นว่าผมส่งยิ้มอย่างเจี๋ยมเจี้ยมไปให้จากนั้นผมก็รีบชิงเดินเข้ามาในห้องโดยก้มหลังอย่างนอบน้อมตอนที่เดินผ่านเธอเข้ามา
แอบดีใจเบาๆ ที่อย่างน้อยผมก็แค่เกือบสาย
เช็คชื่อทันพอดีก็ยังถือว่าไม่สายนั่นแหละน่า
อาจารย์
ถ้าคุณคิมหันต์เลขที่หนึ่ง
อาจารย์ป้าหน้าเหี่ยวพูดขึ้นพลางขยับแว่นสายตาเลนส์หนากรอบสีทองบางเฉียบขึ้นเล็กน้อยถึงปานกลาง
ซึ่งพอผมพูดจบผมก็ได้ยินเสียงเพื่อนทุกคนในห้องแอบฮือฮากันเบาๆ มีบ้างที่แอบหัวเราะกันคิกคักๆ แต่สุดท้ายทั้งห้องก็ต้องตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง
เมื่อมีฝุ่นละอองปลิวเข้ารูจมูกของอาจารย์แล้วลื่นไหลไปที่หลอดลม
จนอาจารย์รู้สึกระคายเคืองคอเป็นเหตุให้ไอค่อกแค่ก
ผมรีบยกมือไหวอาจารย์ทันทีพร้อมกับลอบถอนหายใจ
ก่อนจะพุ่งตัวตรงไปที่บันไดสโลปแล้วรีบกวาดสายตาเพื่อมองหาที่นั่ง
ผมก็แค่ต้องเลือกและมองหาทำเลทองเหมะๆ ในการหลบสายตาของอาจารย์ป้า
ที่ใครๆ ต่างก็เล่าขานและขนานนามกันว่าเวลาตัดเกรด
เธอจะโหลสัสรัสเซียมากกว่าเวลาสอน
ซึ่งเมื่อมองเห็นทำเลที่โดนใจแล้ว
ผมก็รีบสืบเท้าตรงไปที่ชั้นสามมุมห้องฝั่งซ้ายมือของอาจารย์ทันที
แอบถอนหายใจยาวๆ อีกรอบเมื่อทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี
ก้มหน้าลงเปิดกระเป๋าแล้วหยิบสมุดเลคเซอร์กับปากกาขึ้นมาเตรียมความพร้อมรออาจารย์เพราะว่าตอนนี้อาจารย์กำลังเช็คชื่อเพื่อนๆ คนอื่นไปเรื่อยๆ ตามลำดับเลขที่
เสียงเข้มขานรับพร้อมกับเจ้าตัวที่เพิ่งจะโผล่พ้นมาจากด้านหลังประตูที่ถูกผลักเข้ามา
ทุกคนในห้องรีบหันไปมองหน้าตาเพื่อนผู้มาใหม่
และผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้นเพราะว่าเสียงผลักประตูเข้ามาอย่างรีบร้อน
นั่นทำให้เขากลายเป็นจุดสนใจของคนทั้งห้องไปโดยปริยาย
ร่างสูงยืดลำตัวขึ้นตรงเต็มความสูง
ที่สูงจนสะกดทุกสายตาได้อยู่หมัด
ผมแอบประเมิณด้วยสายตาแล้วนานคนนั้นน่าจะสูงราวๆ ร้อยแปดสิบห้าใบหน้าขาวสะอาดจนทำให้เครื่องหน้าทุกอย่างโดยรวมดูลงตัวไปหมด
ไม่ว่าจะเป็นริมฝีปากสีแดงสดราวกับผลเชอร์รี่
จมูกโด่งเป็นสันเหมือนจะเป็นลูกครึ่งแต่ติดตรงที่เขามีเส้นผมสีดำขลับที่บ่งบอกถึงความเป็นชายไทยแท้ๆ ที่ยิ่งขับสีผิวของเขาให้ขาวเด่นมีออร่ายิ่งกว่าเดิม
หล่อวัวตายสาววายตะลึง ( กันทั้งห้องไม่เว้นแม้แต่อาจารย์ ) จะมีติหน่อยก็ตรงท่าทางที่ดูกวนๆ และแววตาที่คมเข้มแข็งกร้าว
เขาไม่ใช่คนที่หงอยอมใครง่ายๆ
ติณ
แต่ผมดูเวลาแล้วว่าผมไม่สายครับ
ติณ
ผมได้ยินอาจารย์เรียกชื่อผมพอดีตอนก้าวเท้าเข้ามา
ร่างสูงพยายามอธิบาย ( เถียง ) ข้างๆ คูๆ
ผมคิดว่าไม่ใช่แค่ผมหรอกทีากำลังตกตะลึงในความใจกล้าของนายคนนั้น
ที่กล้าต่อปากต่อคำกับอาจารย์ที่คนทั้งคณะไม่กล้าแม้แต่จะสบตาตอนเดินผ่าน
ผมได้แต่นั่งมองตามร่างสูงที่กำลังเดินเข้ามาในห้องด้วยความมั่นหน้า
แอบสงสัยว่าไอ้หมอนี่ไปเอาความกล้ามาจากไหนที่ถึงได้เถียงอาจารย์ที่ขึ้นชื่อเรื่องความโหด ( ตอนตัดเกรด ) คอยดูเถอะ
ถ้าอาจารย์ประทับใจจนจำชื่อมันได้ขึ้นมา
ผมว่าเกรดคงออกมาไม่น่าประทับใจสักเท่าใหร่
อาจารย์
ครั้งนี้ฉันจะอะลุ่มอล่วยให้ก็แล้วกัน
อาจารย์
แต่ถ้าครั้งหน้าคุณโผล่หน้ามาหลังจากที่ฉันขานชื่อคุณแม้แต่วินาทีเดียว
อาจารย์ป้าสรุปสั้นๆ ก่อนจะชักสีหน้าใส่นายคนนั้นแรงๆ จนผมยังเสียวสันหลังแทน
นายคนนั้นขอบคุณอาจารย์ด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำเหมือนเดิม
ใบหน้าเรียบเฉยราวกับว่าไม่ได้ยินดียินร้ายอะไรกับคำเตือนปนประชดของอาจารย์เลยสักนิด
ก่อนที่ร่างสูงจะก้าวเท้าเดินเข้ามาภายในห้อวแล้วสอดส่ายสายตามองหาที่นั่งเหมือนกับผมเมื่อไม่กี่นาทีก่อน
หลังจากที่นายคนนั้นเดินเข้ามา
อาจารย์ก็ยังคงเรียกชื่อเพื่อนคนอื่นๆ ต่อไปเรื่อยๆ ตามลำดับของเลขที่ในการลงทะเบียนรายวิชานี้
แต่เชื่อเถอะว่าตอนนี้ความสนใจของนักศึกษาครึ่งค่อนห้องกำลังพุ่งไปที่ร่างสูงที่ยังคงยืนอยู่ด้านล่าง
ห่างจากจุดที่อาจารย์ยืนอยู่ประมาณสองก้าว
เพราะว่ามันยังคงกวาดสายตามองหาที่นั่งอยู่
แต่แล้วอยู่ๆ สายตาคมเข้มคู่นั้นก็มองมาทางผม
อย่าบอกนะว่าหมอนั่นจะมานั่งข้างผมน่ะ
เดี๋ยวก็พาผมซวยไปด้วยหรอก
ด้วยออร่าเจิดจรัสนั่นคงทำผมหมองไปมากโข
แล้วก็เป็นไปตามที่คาดการณ์เอาไว้
เพราะว่านายคนนั้นเดินดุ่มๆ ตรงมานั่งลงที่เก้าอี้ตัวข้างๆ ผมจริงๆ แบบไม่สำรวจความยินดีต้อนรัยหรือเปล่าของผมซักนิด
แถมยังนั่งลงซะแรงจนเก้าอี้ของผมสั่นไปด้วย
ผมได้ยินไอ้คนข้างๆ บ่นพึมพำก่อรที่จะยกเท้าขึ้นมาไขว่ห้างอย่างไร้มารยาท
แต่ว่าผมก็ทำได้แค่มองหมอนั่นอย่างติหนินั่นแหละ
เรื่องของมารยาททางสังคมมันสอนกันไม่ได้หรอก
แล้วผมก็ได้ยินเสียงนกเสียงกาดังมาจากข้างๆ
แล้วเสียงนกเสียงก็ดังขึ้นสองระดับ
แต่ทำเอาผมต้องลอบกลืนน้ำลายเพราะว่าเสียงของไอ้หมอนั่น
ทำให้อาจารย์ทีายืนอยู่กลางห้องถึงกับช้อนตามองมาที่เรา
และที่สำคัญเลยคือไอ้หมอนั่นพูดห้วนกับผม
ทั้งที่เราเพิ่งจะเคยเจอหน้ากันครั้งแรก
แถมยังใช้เท้าข้างที่ยกไขว่ห้างสะกิดผมแรงๆ
แอบขีดเส้นไต้ว่ารองเท้าผ้าใบดำมาก
ต่างจากหน้าตาของมันที่ดูดีและน่าจะเป็นผู้ชายรักสะอาด
เพราะถ้าผมยังคงทำเป็นไม่สนใจดีไม่ดีมันอาจจะกระทืบเท้าผมก็ได้
และเมื่อแนะนำตัวจบผมก็ผมแอบชำเลืองหางตามองไอ้หมอนั่นอย่สงตำหนิอีกครั้ง
แต่ว่าสายตาคู่นั้นกลับไม่ได้มองมาที่ผมสักนิดเพราะว่ากำลังมองไปด้านหน้า
ทำเป็นนั่งหน้านิ่งไปเนียนๆ เหมือนจะรู้ตัวว่าเราสองคนกำลังถูกอาจารย์เพ่งเล็งอยู่
ติณ
อยากลองกินมั้ยล่ะตีนน่ะ
ไอ้หมอนั่นหันมากัดฟันพูดกับผม
แถมยังมองผมด้วยสายตาไม่เป็นมิตรสักเท่าใหร่
ซึ่งผมเองก็ไม่ได้อยากจะเป็นมิตรกับคนพันธุ์นี้สักหน่อย
ผมไหวไหล่เล็กน้อยเพราะตั้งใจจะกวนประสาทหมอนั่นตั้งแต่แรก
มีอย่างที่ไหนมาชวนผมคุยทั้งที่ตัวเองโดนหมายหัวอยู่ล่ะ
ดูจากสายตาของอาจารย์ผมก็รู้ว่ามันต้องลำบากแน่ๆ อีกอย่างคือเราไม่ได้สนิทกันถึงขนาดจะมาพูดมึงกูใส่กันได้ด้วยและที่สำคัญที่สุดเลยก็คือผมตั้งใจจะนั่งตรงนี้เพราะอยากจะนั่งเรียนคนเดียว
แต่ไอ้บ้านี่มันดันดึงความสนใจของทุกคนมาที่เราหมดเลย
ไม่เว้นแม้แต่อาจารย์ที่ยังคงมองมาเป็นระยะๆ ตั้งแต่มันเดินมานั่งลงเนี่ย
ติณ
เพิ่งโดนไล่ออกจากมหา'ลัยเก่าเมื่ออาทิตย์ก่อน
ติณ
มึงไม่อยากรู้เหรอว่าทำไมกูถึงโดนไล่ออก
รู้ทั้งรู้ว่าผมไม่อยากจะพูดด้วยมันก็ยังพล่ามอยู่ได้
นี่ผมยังไม่ได้บอกเลยนะว่าผมอยากรู้เรื่องของมัน
มันยังคงใช้เท้าสะกิดผมเป็นระยะๆ เพราะตั้งแต่แนะนำตัวเสร็จผมก็ยังไม่ได้หันไปพูดกับมันอีกเลย
แล้วอยู่ๆ เสียงอาจารย์ก็ดังขึ้นจนผมสะดุ้งตกใจ
หลังจากที่เมื่อกี้นี้ผมกำลังจะหันไปบอกให้ไอ้ติณหุบปากและเก็บตีนเสียที
อาจารย์พูดแล้วมองหน้าผมแบบนั้นหมายความว่ายังไง
อาจารย์
เชิญออกนอกห้องเรียนค่ะ
อาจารย์
แล้วเจอกันครั้งหน้า
ติณ
เพราะนายคนเดียวทำให้ฉัรโดนไล่ออกจากคลาส
ติณ
อุตส่าห์ตั้งใจมาเรียนแท้ๆ
ผมยังไม่ทันจะได้เอ่ยปากถามหรืออธิบายอะไร
อยู่ๆ ข้อมือของผมก็ถูกไอ้ติณกระชากแล้วลากจูงให้ผมลุกขึ้นจากเก้าอี้ทั้งที่ผมยังงงๆ และนอกจากตัวของผมแล้ว
ไอ้ติณก็ยังมีน้ำใจคว้ากระเป๋าแล้วก็อุปกรณ์การเรียนของผมติดมือมันออกมาด้วย
อาจารย์ย้ำชัดๆ อีกครั้งพร้อมกับผายมือไปที่หน้าประตูห้องที่ผมเพิ่งจะเดินผ่านเข้ามายังไม่ทันจะได้ครึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำ
เสียงประตูดังเหมือนตอนที่ผมเปิดมันเข้าไป
แต่มันตรงกันข้ามนั่นก็คือเมื่อกี้นี้มันถูกเปิดออกมาพร้อมกับร่างของผมที่ถูกไอ้ติณลากออกมาจากห้องเรียน
คิม
นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย
ผมโวยวายใส่ไอ้ติณด้วยความหงุดหงิด
แต่มันกลับไม่ได้มีทีท่าสนใจเลยสักนิดทั้งๆ ที่มันเพิ่งจะทำให้ผมโดนอาจารย์ไล่ออกจากห้องเรียน
ติณ
ถามโง่ๆ ก็โดนไล่ออกจากห้องเรียนไง
ก่อนที่มันจะส่งกระเป๋าและข้าวของๆ ผมคืนมาให้พร้อมกับตบบ่าผมเบาๆ สองสามทีแล้วทำเหมือนจะเดินหนีผมไป
คือผมเข้าใจนะว่าทั้งผมและมันโดนอาจารย์ไล่ออกจากห้องเรียนแต่คำถามคือผมทำอะไรผิดต่างหาก!
ไอ้ติณย้อนผมแล้วทำสีหน้าหงุดหงิด
มันจะมาหงุดหงิดอะไรในเมื่อมันนั่นแหละที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้ผมต้องโดนไล่ออกจากห้องเรียนทั้งๆ รีบมาจนเกือบเช็คชื่อไม่ทัน
แต่ไหงพอทันเวลาและทุกอย่างน่าจะไปได้ดีผมกลับต้องมาถูกอาจารย์ไล่ตะเพิดออกจากห้องล่ะ
คิม
นายตั้งใจจะทำให้เราโดนไล่ออกมาจากห้องงั้นเหรอ
ติณ
แรมมึงน้อยรึไงถึงได้ฉลาดช้านัก
คิม
แต่เราตั้งใจมาเรียนหนังสือนะ
ผมว่าแล้วเชียวว่าทำไมมันถึงได้สะกิดผมนักทั้งๆ ที่มันน่าจะเงียบปากไปได้ที่รู้ว่าอาจารย์มองแล้วที่แท้มันก็ตั้งใจจะให้อาจารย์ไล่ออกมานี่เอง
คิม
สมองนายถึงได้มีแต่เรื่องตีนๆ
ไอ้ติณตะคอกเรียกผมเสียงดังปถมเดินเข้ามากระชากคอเสื้อผมเข้าหาตัวแล้วง้างหมัดขึ้นกลางอากาศทำท่าเหมือนอยากจะชกปากผมชะเต็มประดา
ซึ่งเมื่อเห็นแบบนั้นผมก็รีบหลับตาปี๋
เห็นหมัดเต็มตาแบบนี้ใครบ้างล่ะจะไม่กลัว
มันไม่อยากเรียนแต่ดันทำให้ผมเดือดร้อนไปด้วย
ติณ
ปากดีมากคราวหน้าได้แดกตีนสมใจแน่
ไอ้ติณขู่ผมเสียงเข้มก่อนที่มันตะผลักหน้าอกผมออกมาแรงๆ แล้วหุนหันเดินออกไปโดยไม่สนใจผมที่ต้องซวยเพราะมันเลยสักนิด
ผมมาเพื่อเช็คชื่อแล้วก็โดนไล่ออกจากห้องสินะ
ช่างเป็นการเริ่มต้นปีการศึกษาที่แสนพิเศษจริง
Chapter 1
คิม
ขอบคุณที่มาใช้บริการครับ
ผมยกมือไหว้และยิ้มให้ลูกค้าก่อนจะรับหน้าที่เปิดประตูร้านเพื่อส่งลูกค้าคู่สุดท้ายที่เพิ่งจะเช็คบิลตอนได้เวลาปิดร้านพอดี
เดินจนขาล้าไปหมดแล้ววันนี้
หลังจากที่ลูกค้าที่น่าจะเป็นคู่รักข้าวใหม่ปลามันเดินพ้นประตูร้านออกไป
ผมก็รีบปิดแล้วล็อกประตูร้านเอาไว้ทันทีและไม่ลืมที่จะพลิกป้ายแขวนที่ประตูกระจกกลับอีกด้านเพื่อบ่งบอกว่าวันนี้ร้านปิดบริการแล้ว
ก่อนที่ผมจะเดินกลับเข้ามาทำความสะอาดร้าน
เดี๋ยวจะได้รีบกลับไปนอนผึ่งพุงที่ห้องสักทีหลังจากที่ต้อนรับลูกค้ามาตั้งแต่ช่วงเย็น
ผมทำงานพาร์ทไทม์เป็นพนักงานเสริฟที่ร้านขนมเล็กๆ ใกล้ๆ กับมหา'ลัยน่ะ
ช่วงนี้เพิ่งจะต้นเดือนคนมักจะเยอะเป็นพิเศษ
ต่างจากช่วงกลางเดือนไปจนถึงเกือบสิ้นเดือรทีาชั่วโมงนึงผมจะได้ยินเสียงกระดิ่งหน้าร้านดังขึ้นสักครั้งสองครั้ง
พี่ไทม์
วันนี้กลับไปพักเถอะคิม
พี่ไทม์
ที่เหลือเดี๋ยวพี่จัดการเอง
พี่ไทม์ผู้จัดการร้านเดินมาบอกผมด้วยความใจดี
พี่ไทม์
วันนี้เราเหนื่อยกันมาตั้งแต่ช่วงเย็นแล้ว
พี่ไทม์
เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยมาลุยกันต่อ
พี่ไทม์พูดพลางตบบ่าผมเบาๆ สองสามที
ก่อนจะส่งซองสีขาวในมือให้ผม
เพราะว่าไอ้ซองนั่นมันเป็นซองเงินเดือนของผมเอง
คิม
ยังไม่ถึงกำหนดเงินเดือนออกเลยนะครับ
พี่ไทม์
อีกอย่างอีกไม่กี่วันก็ต้องจ่ายอยู่แล้ว
พี่ไทม์
จ่ายเร็วไปแค่วันสองวันคงไม่เป็นไรหรอก
ก่อนจะรับซองเงินเดือนมาถือไว้ให้อุ่นใจ
เห็นเงินแล้วรู้สึกกระชุ่มกระช่วยขึ้นมาสองขีด
พี่ไทม์
เดือนนี้พี่มีเงินพิเศษให้ด้วยนะ
พี่ไทม์
เห็นว่าช่วงนี้ลูกค้าเยอะ
พี่ไทม์
อีกอย่างคิมเองก็ทำงานมาตั้งหลายเดือนแล้วพี่ยังไม่เห็นคิมจะลาป่วยหยุดบ้างเลย
พี่ไทม์
ถือซะว่าเป็นค่าตอบแทนของความขยัน
พี่ไทม์
รับเงินแล้วก็รีบกลับได้แล้ว
พี่ไทม์
มืดค่ำเดินคนเดียวมันอันตราย
พี่ไทม์
เดี๋ยวนี้ต่อให้จะเป็นผู้ชายก็น่ากลัว
พี่ไทม์
อีกสักพักพี่ก็จะกลับแล้วเหมือนกัน
พี่ไทม์เตือนซึ่งผมเห็นด้วยกับประเด็นหลังพอสมควร
เพราะเมื่อสองสามวันก่อนแถวๆ ร้านก็มีผู้ชายคนหนึ่งโดนกระชากสร้อยไปเหมือนกัน
คิม
ถ้างั้นวันนี้ผมกลับก่อนนพ
คิม
พรุ่งนี้เจอกันครับพี่ไทม์
ผมบอกยิ้มๆ ก่อนจะยกมือไหว้พี่ไทม์อีกรอบแล้วเดินกลับเข้ามาเอากระเป๋าของตัวเองที่เก็บเอาไว้ด้านหลังร้านแต่ว่าพอเดินกลับออกมาอีกทีผมกลับเห็นว่าพี่ไทม์ยืนกวาดร้านอยู่งกๆ
พี่ไทม์
พี่บอกว่าอีกสักพักจะกลับต่างหาก
พี่ไทม์
เดี๋ยวเรากลับพี่ก็กลับเองนั่นแหละ
พี่ไทม์พูดพลางส่งยิ้มให้ผมนิดหน่อย
ไม่รู้ทำไมเห็นพี่เขายิ้มให้ทีไรผมต้องใจสั่นทุกที
คิม
พี่แน่ใจนะว่าจะไม่ให้ผมอยู่ช่วย
ผมรีบถามด้วยความลังเลอีกรอบเห็นเจ้าของร้านทำงานงกๆ โดยไล่ลูกจ้างกลับก่อนแล้วผมรู้สึกผิดยังไงก็ไม่รู้
พี่ไทม์
พูดไม่รู้เรื่องรึไงนะเราเนี่ย
พี่ไทม์
พี่ก็ทำทีเป็นกวาดร้านรอส่งเราแค่นั้นแหละ
พี่ไทม์เริ่มพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดแต่พอได้ยินเขาพูดว่าเขาแค่อยู่รอส่งผม
ในหัวผมมันก็คิดไปไกลถึงไหนต่อไหนทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วพี่ไทม์เขาก็แค่รอส่งผมเพื่อปิดประตูร้านเท่านั้นเอง
พี่ไทม์ยังคงบอกยิ้มๆ พร้อมกับโบกมือลาผม
แล้วก้มหน้าก้มตากวาดร้านต่อไปเงียบๆ
คงจะมีแค่ผมเท่านั้นแหละที่ยังรู้สึกว่าใจสั่น
เพราะผมรู้ดีว่าพี่ไทม์เขาไม่ได้รู้สึกอะไรเป็นพิเศษกับผมหรอก
แต่ไหนแต่ไรมาพี่ไทม์เป็นห่วงเด็กทุกคนในร้านเสมอซึ่งตอนนี้พนักงานในร้านเหลือแค่ผมคนเดียว
เพราะคนอื่นๆ ที่มาสมัครก็มักจะทำงานได้ไม่นาน
ไม่มีใครทนทำงานได้ทนอย่างผมหรอกทั้งที่งานก็ไม่ได้หนักหนาเลยสักนิด
หรือผมอาจมีแรงจูงใจในการทำงานที่นี่มากกว่าคนอื่นก็ได้
บอกตรงๆ ก็ได้ว่าที่ผมยังทำงานอยู่ที่ร้านนี้ก็เป็นเพราะว่าผม...อยากเจอพี่ไทม์
มีความเป็นผู้ใหญ่ที่ผ่านมาพี่ไทม์ดูแลเอาใจใส่ลูกน้องทุกคนเป็นอย่างดีไม่ว่าใครจะเดือดร้อนเรื่องอะไร
ผมก็มักจะเห็นว่าเขายื่นมือไปช่วยเหลือในทันทีโดยไม่ต้องรอให้ใครเอ่ยปาก
เหมือนอย่างที่เขาเอาเงินเดือนมาให้ผมก่อนครบกำหนดวันเงินเดือนออก
ก็เป็นเพราะพี่ไทม์รู้ว่าวันพรุ่งนี้เป็นวันครบกำหนดจ่ายค่าเช่าอพาร์ตเม้นของผมนั่นเอง
ผมก็แค่อยากบอกว่าพี่ไทมฺเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมไม่เคยคิดอยากจะหยุดหรือลางานเลยแม้แต่วันเดียว
คิดซะว่าทำงานตามค่าจ้างก็แล้วกันนะครับพี่
ผมแอบหันกลับไปมองพี่ไทม์ที่ยังคงเดินกวาดร้านไปผิวปากไปเรื่อยๆ แล้วแอบยิ้มคนเดียว
ก่อนจะรีบเก็บซองเงินเดือนใส่กระเป๋าเป้เอาไว้
พรุ่งนี้คงได้เวลาเคลียร์ค่าใช้จ่ายกันหน่อย
พี่ไทม์จ่ายพิเศษมาแบบนี้เดือนนี้ผมคงมีพอจะเหลือเก็บบ้าง
ผมอุทานออกมาเสียงดังเมื่ออยู่ๆ ก็มีใครที่ไหนก็ไม่รู้วิ่งมาชนผมจากทางด้านหลัง
แถมยังชนแรงมากจนผมกระเด็นตกฟุตบาธมาชนเข้ากับรถที่จอดเทียบฟุตบาธพอดี
ดีนะที่ผมไม่ได้ทำรถเขาเป็นรอย
ผมตะโกนถามเสียงดังด้วยความหงุดคนกำลังอารมณ์ดีๆ อยู่แท้ๆ เลย
ไอเดีย
มีโจรกระชากกระเป๋าค่ะ
แล้วระหว่างที่ผมกำลังอารมณ์เสียเพราะไอ้บ้าที่วิ่งชนผมเข้าอย่างจัง
ผมก็ได้ยินเสียงร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ
ผมก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังวิ่งตามนายคนนั้นมาด้วยท่าทีรีบร้อน
ดวงตาของเธอเบิกโพลงและกำลังมองมาที่ผม
แถมเธอยังชี้นิ้วตรงไปที่นายคนนั้นอย่างชัดเจน
ไอเดีย
มันกระชากกระเป๋าฉันค่ะ
ผมสบถพึมพำแล้วรีบวิ่วตามไอ้โจรกระชากกระเป๋านั่นไปตามสัญชาติญาณของตัวเองในทันที
ปกติแล้วผมไม่ค่อยยุ่งเรื่องของคนอื่นนะ
แต่ตอนนี้ดูเหมือนเลือดรักความยุติธรรมของผมมันจะพุ่งพล่านตั้งแต่ได้เห็นใบหน้าตื่นๆ ของเธอคนนั้น
...เธอสวย...ผู้หยิงอะไรตกใจแล้วยังสวย
ผมแหกปากตะโกนบอกพร้อมกับยังคงวิ่งไล่กวดไอ้โจรกระจอกนั่นไปติดๆ เห็นหลังไวๆ เหมือนจะทิ้งห่างผมไปไม่ไกลเท่าใหร้
แต่ทำไมวิ่งตามเท่าไหร่ก็ยังไม่ทันสักที
คิม
จับได้พ่องจะอัดให้น่วมเลย
เป็นแค่โจรกระจอกริอ่านมาต่อปากต่อคำกับคนอย่างผมเดี๋ยวๆ ให้มันรู้ซะบ้างว่าแถวนี้ถิ่นใคร
ผมเร่งความเร็วของฝีเท้าตามไอ้โจรกระจอกนั่นมาจนเกือบจะถึงตัวมันแล้วแต่ว่ามันกลับเลี้ยวหลบเข้าซอยใกล้ๆ ไปได้ซะก่อน
แต่คิดว่าแค่นี้จะหนีผมพ้นรึไง
ผมวิ่งไปมหา'ลัยตั้งแต่ปีหนึ่งจนนี่ขึ้นปีสาม
เรียกได้ว่าทุกตรอกซอกซอยแถวนี้ต้องเคยผ่านเท้าผมมาหมดแล้วทั้งนั้นเดี๋ยวไปเจอกันซอยข้างหน้าเลยไอ้โจรสามาน!
แล้วเสียงร้องโหยหวนของไอ้โจรกระจอกก็ดังจนผมเหยียดยิ้ม
ผมยังไม่ทันจะก้าวเท้าออกไปจากซอกตึกที่อุตส่าห์รีบว้่งมาซ่อนตัวรอมันอยู่เลยนะ
แล้วผมก็ได้ยินเสียงไอ้โจรกระจอกนัรนดังขึ้นอีกรอบ
ซึ่งผมก็ยังไม่เห็นตัวมันอยู่ดี
ผมยืนดักรออยู่ตรงนี้แท้ๆ เพราะยังไงซะถ้ามันเข้าซอยเมื่อกี้นี้มา
มันก็ต้องวิ่งผ่านซอยที่ผมวิ่งเข้ามาดักรอสิ
เสียงของไอ้โจรนั่นทำให้ผมต้องค่อยๆ เดินออกมาจากซอกตึกที่ลงทุนวิางทะลุจากซอยที่แล้วเข้ามายืนดักรอสกัดขาไอ้โจรกระจอกนั่นค่อยๆ เดินตรงเข้าไปในซอยที่คิดว่าเสียงของไอ้โจรนั่นดังมาจากมุมนััน
แล้วสิ่งที่ผมเห็นกับตาก็คือราางของไอ้โจรกระจอกนั่นกำลังลอยอยู่เหนือพื้น ( นิดเดียว ) เพราะโดนใครบางคนจับคอเสื้อของมันเอาไว้แน่นแล้วยกจนขามันลอยขึ้นจากพื้น
ทำไมผมต้องมาเจอไอ้บ้านี่อีกแล้ว >_<
ผมหลุดปากเรียกชื่อติณออกไปก่อนจะก้าวเท้าออกไปยืนมองมันนิ่งๆ ผมเห็นนะว่าเมื่อกี้นี้มันชำเลืองหางตามองผมแล้ว
แต่ว่ายังไม่ได้หันมามองตรงๆ เพราะว่ามันกำลังจ้องมองไอ้โจรกระจอกนั่นอยู่
ติณ
กูบอกให้มึงส่งกระเป๋ามา
ไอ้ติณย้ำเสียงเข้มแล้วกำคอเสื้อของไอ้โจรกระจอกแน่นขึ้นพร้อมกับเขย่าแรงๆ จนมันต้องแกว่งเท้าไปมากลางอากาศเพราะกำลังจะขาดอากาศหายใจตาย
ใบหน้าของไอ้โจรนั่นแดงก่ำ
แถมตาเหลืแกราวกับจะถลนออกมาจากเป้า
โจร
ค่อกๆ แค่กๆ ค่ะๆ คืนแล้วๆ
ติณ
พ่อแม่มึงไม่สั่งสอนบ้างเหรอว่าไม่ให้ขโมยของคนอื่น
ไอ้ติณพูดไปเข่าคอไอ้โจรกระจอกนั่นไปด้วยทำเอาผมรู้สึกอึดอัดแทนกลัวจริงๆ ว่าไอ้โจรนั่นจะตายคามือไอ้ติณ
ไม่เข้าใจเลยว่าไอ้ติณมันจะเสียเวลาสั่งสอนโจรทำไม
มันคงไม่เลือกอาชีพโจรหรอก
ติณ
สอนแล้วก็หัดจำใส่กะโหลกเอาไว้ด้วย
ติณ
แล้วอย่าให้กูเห็นหน้ามึงอีกนะ
ติณ
ไม่งั้นจะเตะให้ตายคาตีนเลย
แล้วก็ลงท้ายด้วยเสียงห้าวๆ ของไอ้ติณที่ตวาดใส่หน้าไอ้โจรกระจอกในกำมือ ( มันกำแน่นจริงๆ ) ก่อนที่มันจะเหวี่ยงไอ้โจรกระจอกนั่นออกจากมือลงไปนั่งหน้าเหียกอยู่กับพื้น
ซึ่งที่ผมไม่เข้าใจอีกเรื่องหนึ่งก็คือมันเหวี่ยงไอ้โจรบ้านั่นมาทางผมทำไม
ผมรีบหลบฉากมายืนทำตัวลีบอยู่ข้างกำแพง
ไม่ได้กลัวไอ้โจรนั่นหรอกนะแต่ว่ารังเกียจ
ไอ้โจรกระจอกนั่นกุลีกุจอวิ่งออกไปแต่ก็ยังไม่วายจะหันมามองผมด้วยสายตาอาฆาต
แน่จริงไม่หันไปมองไอ้ติณล่ะ
ตรงนี้ก็เหลือแค่ผมกับไอ้ติณและ...กระเป๋าสะพายใบนั้นของเธอ...ที่ตอนนี้อยู่ในมือของไอ้ติณ
สงสัยพ่อแม่มันคงไม่สอนเหมือนกันว่าเวลาพูดจากับคนรู้จักมันควรใช้คำพูดที่น่าฟังกว่านี้
เอะอะก็ปล่อยสัตว์เลื้อยคลานออกจากปาก
ผมย้อนบอกโดยตั่งใจเว้นช่องว่างให้ไอ้ติณเติมคำเอาเองแล้วมองหน้ามันด้วยสายตาไม่สะทกสะท้าน
ผมรีบถามเมื่ออยู่ๆ ไอ้ติณก็เดินมาหาผมจริงๆ แต่ว่าไม่ได้เดินมาเอาเรื่องผมแบบที่ผมแอบกลัวหรอก
เพราะว่ามันแค่เดินเข้ามาส่งกระเป๋าใบนั้นให้ผมต่างหาก
บอกตรงๆ นะว่าตั้งแต่เห็นมันยกไอ้โจรกระจอกนั่นขึ้นจนลอยอยู่เหนือพื้นด้วยมือเดียวแล้วผมรู้สึกเสียวสันหลังแทบไม่อยากจะอยู่ใกล้มันด้วยซ้ำ
ไม่เข้าใจนี่นาว่ามันจะส่งกระเป๋าให้ผมทำไม
คิม
กระเป๋านี่ไม่ใช่ของเรา
ติณ
ไม่ใช่ก็เอาไปคืนเจ้าของเขาสิวะ
ติณ
มึงวิ่งตามไอ้โจรนั่นมาเอากระเป๋าไม่ใช่รึไง
มันจะทำหน้าตาหงุดหงิดใส่ผมทำไมในเมื่อผมยังไม่ทันจะทำอะไรให้มันหงุดหงิดเลย
ติณ
กูได้ยินมึงตะโกนพูดกับไอ้โจรนั่น
ติณ
คิดว่ามึงถือปืนอยู่รึไงถึงได้ตะโกนสั่งโจรให้หยุดวิ่งแล้วคิดว่ามันจะหยุดเนี่ย
ไอ้ติณย้อนถามผมด้วยน้ำเสียงหงุดหงิเเบอร์แปด
แถมมันยังทำท่าพับแขนเสื้อเหมือนจะหาเรื่องผมก็เลยอดไม่ได้ที่จะรีบดึงกระเป๋าใบนั้นมาถือเอาไว้ ( จริงๆ แล้วผมแค่ตกใจ )
ไอ้ติณประชดเจือเสียงแค่นหัวเราะออกมาก็แหม
ถึงมันจะเป็นกระเป๋าสีดำแต่ว่าเลื่อมแพรวพราวขนาดนี้ดูก็รู่ว่าน่าจะเป็นของผู้หญิง
คิม
ก็บอกแล้วไงว่าไม่ใช่ของเรา
ไอ้ติณพูดพลางชำเลืิงหางตามองไปที่เก้านาฬิกา
ซึ่งพอผมมองตามไปผมถึงได้รู้ว่าเธอคนนั้นผู้เป็นเจ้าของกระเป๋ากำลังเดินมาที่เรา
เธอคนนั้นเดินมาหยุดอยู่ตรงกลางระหว่างผมกับไอ้ติณ
ทั้งผมและไอ้ติณก็เลยต่างฝ่ายต่างก็หันไปมอง
แต่ว่าสายตาของเธอคนนั้นกลับจ้องมองเพียงกระเป๋าของเธอที่ตอนนี้มันอยู่ในมือของผมๆ ก็เลยรีบส่วมันคืนให้เธอ
ดูจากสายตาแล้วมันคงมีความหมายกับเธอมาก
ไม่อย่างนั้นคงไม่วิ่งตามมาตั้งไกลแถมยังมองมันแบบไม่ละสายตาแบบนั้นหรอก
ดีไม่ดีมันอาจจะมีของมีค่าอยู่ในกระเป๋าใบนี้ของเธอก็ได้
แล้วเสียงไอ้ติณก็ดังทะลุขึ้นมากลางปล้อง
ไอ้ห่านี่ไม่เคยมีมารยาทเลยรึไง
ถ้าจะรับโทรศัพท์ก็ไม่เห็นต้องเสียงดังเลย
หรือไม่ผมว่ามันก็ควรจะเดินไปรับไกลๆ นะ
เธอคนนั้นเริ่มแนะนำตัวแล้วส่งยิ้มให้ผมสายตาของเธอเป็นประกายวิบวับจนผมอดจะยิ้มตอบให้เธอไม่ได้
ผมตอบกลับไปแบบไม่รู้จะเลี่ยงยังไง
ในเมื่อเธอก็ยังคงยืนมองผมด้วยสายตาเป็นประกายวิบวับอยู่แบบนั้น
ผมไม่ปฏิเสธหรอกนะว่าเธอสวย
ยิ่งได้เห็นใบหน้าของเธอใกล้ๆ พร้อมกับรอยยิ้มหวานๆ แบบนี้ผมก็ยิ่งรู้สึกว่าเธอสวยกว่าเมื่อตอนที่ผมเห็นเธอวิ่งเมื่อกี้นี้ซะอีกซึ่งผมอาจจะพูดอะไรกับเธอได้มากกว่านี้
ถ้าไม่ติดตรงที่ติณยืนทำตัวเป็นจระเข้ขวางคลองอยู่
ไอเดีย
ยินดีที่ได้รู้จักนะคิม
ผมตอบตะกุกตะกักแล้วชำเลืองหางตามองไปที่ไอ้ติณ
Chapter 1 ( 2 )
แต่ปรากฏว่ามันก็ยังคุยโทรศัพท์อยู่อย่างนั้น
ทำเหมือนผมกับไอเดียเป็นแค่อากาศที่ไร้ตัวตน
ผมรีบแนะนำไอ้ติณอีกคนเพื่อไม่ให้เป็นการเสียมารยาท
เพราะว่าเห็นเธอกำลังมองไปที่มันเหมือนที่ผมกำลังมอง
คิดดูเถอะว่ามีสายตาสองคู่จ้องมันอยู่
อย่างน้อยมันก็น่าจะรู้ตัวบ้างนะว่ายังมีผมกับไอเดียยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้
มันควรจะรักษามารยาทด้วยการวางโทรศัพท์หรือไม่ก็เดินไปคุยไกลๆ แต่มันก็ยังเลือกจะยืนอยู่ตรงนี้เหมือนตั้งใจ
คิม
ลองเปิดดูกระเป๋าสิว่ามีอะไรข้างในหายไปรึเปล่า
ผมแนะนำออกไปเมื่อไอเดียยังเอาแต่ยืนยิ้ม
ซึ่งพอพูดจบเธอก็รีบทำตามคำแนะนำของผมทันที
แต่คงไม่มีอะไรหายหรอกมั้งไอ้โจรบ้านั่นยังไม่ทันจะเปิดกระเป๋าเธอด้วยซ้ำ
ไอเดีย
ไม่งั้นฉันต้องไม่มีเงินไปจ่ายค่าเทอมแน่ๆ
ผมว่าผมเริ่มเกลียดไอ้ติณแล้วหละ
อยากจะยกเท้าถีบมันไปไกลๆ ซะด้วยซ้ำ
อยู่ๆ มันจะพูดเสียงดังขึ้นมาทำไม
ไอเดีย
แต่ว่าถ้าฉันคงต้องกลับก่อน
ไอเดีย
ถ้าฉันอยากจะขอเบอร์นายไว้จะได้รึเปล่า
มันจะดีเหรอวะ? ( ผมแอบถามตัวเองเบาๆ ) เหล่มองไอ้ติณนิดหน่อยเพื่อขอความคิดเห็น
สลับกับการมองโทรศัพท์มือถือที่ไอเดียส่งมาให้ผมเพื่อให้ผมกดเบิร์ของตัวเอง
จริงๆ ผมก็ไม่ได้อยากจะถามความเห็นของไอ้ติณหรอกนะ
แต่อย่างน้อยสองหัวก็ดีกว่าหัวเดียว
แต่ว่าไอ้ติณมันไม่มองผมเลยสักนิดนี่สิ
ไอเดีย
ถ้านายไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรนะ
ไอเดีย
เผื่อว่ามีโอกาสที่ฉันอาจจะได้ตอบแทนนายน่ะ
ผมตอบตะกุกตะกักอีกรอบแล้วรับโทรศัพท์มือถือของไอเดียมากดเบอร์โทรศัพท์ของตัวเองลงไป
พอรู้สึกว่าโทรศัพท์ในกระเป๋าสั่น
ผมก็กดวางสายแล้วส่งมันคืนให้เธอไปตามมารยาท
ผมตอบงงๆ ทั้งที่ยังงงๆ เพราะว่ายังงงๆ นั่นแหละ
ไอเดียโบกมือลาผมก่อนจะหันไปส่งยิ้มลาไอ้ติณอีกคนโดยไม่พูดอะไรเพราะไอ้ติณยังคงเอาจริงเอาจังกับดารคุยโทรศัพท์
ผมยืนยิ้มให้เธอกระทั่งเธอเดินลับสายตาไปตรงมุมตึก
พอหันกลับมาอีกทึก็เห็นว่าไอ้ติณวางสายโทรศัพท์ข้ามชาติของมันได้สักที
พูดกันไม่ถึงห้าประโยคไม่มีประโยคไหนที่บ่งบอกว่าคนอย่างมันจะเป็นมิตรที่ดีเลยสักประโยคเดียว
ไอ้ติณพูดพลางเหล่สายตามองไปทางที่ไอเดียเพิ่งจะเดินกลับออกไป
ถามแบบนี้ผมว่ามันนั่นแหละที่หน้าม่อเพราะผมยังไม่ทันจะคิดอะไรกับเธอเลยด้วยซ้ำไป
คิม
เราถึงได้บอกว่านายเพ้อเจ้อไง
ผมบอกฉุนๆๆ ก่อนจะหันหลังใหัไอ้ติณเพราะไม่อยากคุยกับมันเรื่องไร้สาระ
จริงๆ ผมยอมรับนะว่าไอเดียเป็นผู้หญิงสวย
ขนาดมองเห็นไกลๆ ความสวยของเธอยังทำให้ผมวิ่งตามไอ้โจรกระจอกนั่นมาโดยไม่คิดหน้าคิดหลังเลย
เมื่อกี้นี้ที่ยอมให้เบอร์เธอไปก็แค่ไม่อยากเสียมารยาท
อีกอย่างกลัวเธอจะเสียหน้าด้วย
ดีไม่ดีเธออาจจะคิดว่าผมหยิ่งก็ได้
แต่ดูไอ้ห่าติณมันคิดวันๆ ในสมองมันเคยคิดเรื่องดีๆ บ้างมั้ยเนี่ย
ชาติที่แล้วมันคงตายคาคู่มือการใช้ภาษาพ่อขุนรามคำแหงสินะ
มันถึงได้พูดคำด่าคำตลอดเวลา
ติณ
ตกลงมึงจะไม่จีบไอเดียจริงๆ เหรอ
ติณ
กูว่าผู้หญิงเขาอ่อยมึงแล้วนะ
คิม
เราว่านายคิดมากไปแล้วหละ
ผมตอบเบื่อๆ ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมผมต้องมาเสียเวลาตอบคำถามมากมายของไอ้ติณทั้งๆ ที่ผมง่วงมาก
อยากจะกลับห้องไปนอน ( รับเงินเดือน ) ใจจะขาด
คิม
นายจะรู้ได้ยังไงในเมื่อๆ กี้นายคุยแต่โทรศัพท์
คิม
นายยังไม่ทันจะได้มองหน้าไอเดียเลยด้วยซ้ำ
ติณ
กูบอกว่ากูรู้ก็รู้สิวะ
ไอ้ติณยังคงพยายามเถียงด้วยใบหน้าจริงจัง
ติณ
ผู้หญิงอ่อยขนาดนี้แล้วไม่เอานี่โง่มากเลยนะมึง
คิม
ถ้านายฉลาดนายก็เอาไปสิ
คิม
ไม่ต้องมายัดเยียดให้เรา
ติณ
นี่มึงแดกหนังสือสมบัติผู้ดีแทนข้าวเย็นรึไง
แถมมันยังเดินมาดักหน้าผผมและปลักไหล่ผมให้ถอยหลังกลับมายืนที่เดิมเหมือนอยากจะหาเรื่องผมเพราะว่าผมพยายามจะเดินหนีมัน
คิม
เกิดในสมัยพ่อขุนรามฯเหรอ
ติณ
ก็มึงกับกูเพื่อนกันไม่ใช่รึไง
คิม
เป็นเพื่อนกันยิ่งต้องเกรงใจสิ
คิม
ไม่ใช่คำก็เหี้ยสองคำก็สัตว์
ติณ
หรือถ้ากูจะเป็นเพื่อนมึงกูต้องนุ่งโจรกระเบนแล้วคลานเข่าเลยมั้ยไอ้เหี้ย!
ผมล่ะเบื่อจะอธิบายกับมันจริงๆ แต่จะเดินหนีมันก็ยืนขวางซะเต็มปากซอยเลย
คิม
เราก็แค่ไม่ชอบให้พูดคำด่าคำ
ไอ้ห่านี่จะกวนประสาทผมทำไมวะ...ครับ
ติณ
ตกลงคิมจะเอาไอเดียมั้ย
ผมว่าผมเริ่มรำคาญมันแล้วหละ
อีกอย่างยิ่งฟังมันพูดเพราะผมก็เริ่มรู้สึกเหมือนมันกำลังจะทำใหห้ภาษาไทยวิบัติชอบกล
คิม
นายพูดปกติตามสันดานก็แล้วกัน
แล้วผมก็พยายามจะพูดคำด่าคำแบบมันบ้าง
กระดากปากนิดหน่อยแต่มันคงเข้าใจแหละ
ติณ
นานๆ เราๆ ลิ้นกูจะพันกันตาย
ไม่เคยคิดเลยว่าการพูดจาสุภาพมันจะเป็นเรื่องยากขนาดนั้นแต่ผมว่าผมเข้าใจนะ
เพราะถ้าให้ผมพูดคำด่าคำแบบมันผมก็ทำได้ไม่ดีเหมือนมันหรอก
ติณ
มึงไม่เสียดายของบ้างเหรอวะ
ติณ
ดูจากสายตาแล้วกูว่าไอเดียคงประทับใจมึงนะ
ไอ้ติณพูดพลางเอื้อมมือมาตบบ่าผมราวกับว่าเราสนิทสนมกันมานานสามชาติกว่า
คิม
เราว่าน่าจะเป็นเพราะไอเดียเข้าใจผิดเรื่องกระเป๋ามากกว่า
คิม
ถามมากขนาดนี้นายชอบไอเดียเหรอ
คิม
ถ้าชอบไอเดียแล้วเมื่อกี้นายแกล้งไม่สนใจเธอทำไมๆ ไม่บอกเธอไปว่าจริงๆ แล้วนายเป็นคนแย่วกระเป๋าเธอจากไอ้โจรนั่นคืนมาได้
แต่ไอ้ติณกลับรีบส่ายหัวปฏิเสธ
คิม
ไม่เคยรู้เลยว่านายมีคุณสมบัตินั้น
คิม
อีกอย่างไม่เสียดายของเหรอ
ติณ
กูเลือกมีมารยาทกับบางคน
ติณ
อีกอย่างเรื่องเสียดายของใช้ไม่ได้กับคนอย่างกู
ติณ
รับรองว่ามึงไม่ได้แดกหรอกกูบอกเลย
ไอ้ติณพูดด้วยความมั่นอกมั่นใจแล้วมองผมด้วยสายตาเย้ยๆ จนปมเริ่มจะหมั่นไส้
อะไรมันจะมั่นหน้าเบอร์นั้น
ติณ
ดึกดื่นแล้วทำไมยังไม่กลับบ้านไปกินนมนอน
เป็นอันว่าเปลี่ยนประเด็นสนทนาได้สักที
ผมย้อนถามเซ็งๆ จริงๆ คือตั้งใจจะไม่ตอบคำถามมัน
ดูก็รู้ว่ามันตั้งใจด่าว่าผมเป็นเด็กหน่อมแน้ม
ไอ้ติณตอบกลับมาตรงๆ แต่สายตาบ่งบอกว่านมมันกับนมผมน่าจะคนละความหมาย
เป็นอันว่าผมจะไม่เถียงกับมันเรื่องต่ำๆ ( กว่าใต้สะดือ ) อีกก็แล้วกันเพราะว่าผมคงสู้ความหยาบคายและหยาบดระด้างของมันไม่ได้หรอก
ผมถอนหายใจเซ็งๆ เพราะไม่อยากจะใส่ใจอะไรกับไอ้ติณมากนักตั้งแต่คุยกับมันมา
ผมไม่เห็นทีท่าว่ามันจะจริงจังกับเรื่องอะไรที่พูดออกมาสักเรื่องเลย
แล้วนี่ผมเดิรออกมาจากซอยพร้อมไอ้ติณมาได้ยังไง
มารู้ตัวอีกทีผมกับมันก็เดินย้อนกลับมาเกือบจะถึงจุดที่โดนไอ้โจรกระจอกนั่นวิ่งชนเมื่อกี้นี้แล่ว
ติณ
เออดีไม่เปลืองน้ำมันกู
ไอ้ติณพูดพลางไหวไหล่เล็กน้อยก่อนจะเดินกลับไปที่รถของมัน
ซึ่งก็คือรถคันที่ผมโดนไอ้โจรนั่นชนจนล้มไปชนนั่นแหละแต่ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกหรอกที่คนอย่างมันจะขับรถหรูๆ ดูจากรูปร่างหน้าตาและการใช้ชีวิตของมันแล้ว
มันก็คงจะเป็นลูกคุณหนูที่ถูกสปอยด้วยเงินมาตั้งแต่เด็ก
ผมแยกกับไอ้ติณแล้วหมุนตัวเดินย้อนกลับอีกทาง
เมื่อกี้นี้ผมมัวแต่คุยกับไอ้ติณเพลินไปหน่อยก็เลยเดินเลยซอยน่ะ
เพราะทางเข้าอพาร์ตเม้นต์ของผมมันอยู่เลยจากร้านไปแค่สองซอย
แต่เมื่อกี้นี้วิ่งไล่ไอ้โจรนั่นเลยไปหลายซอยก็เลยต้องเดินย้อนกลับมา
สรุปก็คือผมเดินย้อนไปย้อนมาอยู่แค่นี้เอง
ผมได้ยินเสียงอะไรสักอย่างถูกลากไปกับพื้น
เสียงของมันดังมากและดังยาวไปเรื่อยๆ จนผมต้องละสายตาจากโทรศัพท์มือถือที่กำลังเมมเบอร์ไอเดียไว้ขึ้นไปมอง
แต่สิ่งที่ผมเห็นมันไม่ชัดนัก
เพราะจากจุดที่ผมมองเห็นมันค่อนข้างมืดเหมือนว่าผมจะเห็นผู้ชายคนหนึ่งกำลังเดินสวนผมไป
แต่จากระยะห่างของเราทำให้ผมเห็นใบหน้าของเขาไม่ชัดสักเท่าไหร่
รู้แต่ว่าในมือของผู้ชายคนนั้นมีอะไรสักอย่างที่เขาลากมันไปกับพื้นจนเกิดเสียงดังน่ารำคาญ
ผมมองตามแผ่นหลังของผู้ชายคนนั้นไปเรื่อยๆ ด้วยความแปลกใจกระทั่งผู้ชายคนนั้นเดินเข้าไปใกล้แสงสว่างขอวไฟส่องสว่างบริเวธเสาไฟมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งใกล้
ผมก็ยิ่งเห็นใบหน้าของเขาชัดขึ้น
ยิ่งเห็นชัดขึ้นผมก็ยิ่งรู้สึกคุ้นกระทั่งสังเกตเห็นว่าผู้ชายคนนั้นกำลังเดินตรงไปที่ไอ้ติณ
ที่ยังยืนคุยโทรศัพท๋อยู่ข้างตัวรถ
ทั้งๆ ที่มันเปิดประตูรถแล้วแต่ยังไม่ยอมเข้าไปนั่งในรถ
ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้ผมมองย้อนกลับมาที่ผู้ขายคนนั้นอีกครั้ง
และภาพใบหน้าของผู้ชายคนนั้นก็ชัดเจนขึ้นเมื่อเขาเดินผ่านเสาไฟตรงนั้นพอดีและมันก็คือไอ้โจรกระจอกคนเมื่อกี้นี้
แต่สิ่งที่น่าตกใจกว่าการได้เจอมันอีกครั้งก็คือมันกลับมาพร้อมกับไม้หน้าสามท่อนยาวหนึ่งช่วงแขนในมือ
แล้วผมก็ตัดสินใจตะโกนเรียกไอ้ติณแล้วร้องบอกออกไป
ไอ้ติณตวัดสายตาขุ่นๆ มองกลับมามองผม
แต่ว่าดวงตาคู่นั้นของมันก็ถึงกับเบิกโพลงขึ้นทันทีเมื่อหันมาเห็นไม้หน้าสามท่อนนั้นก่อนจะได้เห็นหน้าผม
เสียงกระจกรถของไอ้ติณแตกเพราะถูกไม้หน้าสามท่อนนั้นฟาดเข้าให้อย่างจัง
โชคดีที่ไอ้ติณหมอบหลบได้ทันเวลาก่อนที่มันจะรีบวิ่งออกมาตั้งหลักห่างจากนายคนนั้นออกมาแค่ไม่กี่ก้าวผมเห็นกับตาว้าไม้ท่อนนั้นหักเป็นสองท่อนอย่างง่ายดาย
ไอ้โจรนั่นก็ยังไม่ถเดใจเพราะว่าผมเห็นมันเตรียมเงื้อไม้หน้าสาม ( ที่หักครึ่งไปแล้ว ) ในมือขึ้นกลางอากาศอีกรอบ
ดูจากสายตาโกรธแค้นของมันแล้วเหมือนว่ามันจะไม่ยอิมเลิกราง่ายๆ แต่ว่าครั้งนี้มันไม่ทันจะได้ฟาดลงมาก็โดนไอ้ติณยกเท้าถีบสวนเข้าไปเต็มๆ กลางลำตัวของมันซะก่อน
ติณ
กูเตือนแล้วนะว่าอย่ามาให้กูเห็นหน้าอีก
ผมได้ยินไอ้ติณตวาดเสียงดังลั่น
ก่อนที่มันจะเดินตรงเข้าไปเอาเรื่องไอ้โจรนั่นที่กำลังยืนจุกอยู่อย่าบไม่เว้นช่วงให้ไอ้โจรนั่นได้ตั้งหลักเสียงหนักแน้รของฝีเท้าไอ้ติณดังขึ้นเมื่อมันเตะซ้ำเข้าไปที่กลางลำตัวของไอ้โจรนั่นทั้งที่ยังนอนคู้ตัวอยู่กับพื้นจนผมเริ่มรู้สึกสงสาร
ผมแค่กลัวไอ้ติณกลายเป็นฆาตกรต่างหาก
ติณ
อย่าอยู่มห้รกโลกเลยมึง
ผมรีบเข้าไปห้ามพร้อมกับพยายามจะดึงไอ้ติณออกมา
แต่ไอ้ติณกลับผลักผมออกมาแล้วมองผมด้วยดวงตาของวาวโรจน์ฉายแววความโกรธออกมาเต็มๆ
คิม
แต่นายจะฆ่าคนค่นไม่ได้
คิม
ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจไปสอ
แต่วินาทีที่ผมกำลังยืนเถียงกับมันอยู่
ผมกลับเห็นหน้าของใครบางึนแทรกเข้ามา
วินาทีนั้นสิ่งเดียวที่ผมคิดออกตอนที่ได้สบตากับไอ้โจรกระจอกนั่นที่ลุกขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้คือการกระชากไอ้ติณออกมาแล้วกระโดดถีบไอ้โจรนั่นออกไป
ผมไม่ได้ตั้งใจจะกระโดดถีบมันทั้งสองขาคู่หรอกนะ
แล้วผมก็ส่งหมัดหลุนๆ ตามออกไปสุดแรง
เสียงดังแน่นๆ ยืนยันว่าผมชกไม่พลาดเป้าแน่นอนแต่ว่าผมยังไม่ทันจะได้ชื่นชมผลงานของตัวเองก็โดนไอ้ติณกระชากถอยกลับมาซะก่อน
ผมแค่เคยเรียนวิชาป้องกันตัวมาบ้างก็เลยพอจะรู้เทคนิคการต่อสู้แต่นั่นไม่ได้แปลว่าผมเก่งหรอก
เพราะถ้าไอ้เวรนั่นตั้งหลักได้แล้วกลับมาเอาคืนอีกรอบ
ผมเองก็คงสู้ไม่ไหวเหมือนกัน
ติณ
แต่มันถือไม้หน้าสามมาจะฟาดหัวกูนะ
ไอ้ติณหันมาพูดแล้วทำหน้าเซ็ง
ผมได้แต่พยักหน้าเออออกับมันไปแล้วรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
ก่อนจะรีบโทรแจ้งตำรวจซึ่งทุกอย่างก็ใช้เวลาเพียงไม่นาน
สมกับที่มีหน้าที่การบริการประชาชร
แต่เพียงแค่เสี้ยววินาทีที่ผมก้มหน้าลงเพื่อจะเก็บโทรศัพท์
ผมก็เห็นบางอย่างสะท้อนออกมาจากกระจกรถของไอ้ติณที่จอดอยู่ตรงหน้า
ตามมาด้วยเสียงกระจกรถของไอ้ติณแตกไปอีกหนึ่งบาน
เสียงทุ้มต่ำด้วยแรงอาฆาตดังมาจากทางด้านหลัง
แต่ว่าผมยังไม่ทันจะได้หันไปมองเพราะว่าถูกไอ้ติณกระชากออกมาจากจุดที่ยืนอยู่เมื่อกี้นี้ซะก่อน
ซึ่งผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าก่อนหน้านี้ไอ้ติณมันทำอะไรอยู่กรอว่ามันยืนอยู่ตรงไหน
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!