น้ำค้าง เด็กหญิงที่เกิดในครอบครัวที่ไม่อบอุ่น
พ่อ...
ของเด็กหญิงติดยาเสพติดและเหล้าอย่างหนักทุกวันพ่อจะพาผู้หญิงไม่ซ้ำหน้ามามีเพศสัมพันธ์ที่บ้านเป็นประจำทุกค่ำคืน
มีเพียงแค่...แม่ที่คอยเลี้ยงดูเธอมาโดยตลอดแม่สอนย้ำอยู่เสมอพ่อเป็นคนเลว...
เด็กหญิงอยู่กับแม่อย่างมีความสุข
จนกระทั่ง.....เด็กหญิงโตขึ้นถึงได้รู้ความจริงจากปากผู้เป็นพ่อที่กำลังเมาอย่างไร้
สติ...!! ว่าเธอคือลูกที่เกิดจากความผิดพลาดของพ่อแม่
เด็กหญิงยืนอึ้งอยู่กับคำพูดของพ่อ..
พางคิดปลอบใจตัวเองว่าพ่อแค่เมาจนพูดไปเรื่อยแค่นั้นไม่มีอะไรหรอก
วันต่อมามีความสงสัยเกี่ยวกับคำพูดของพ่อจึงได้ออกปากถามแม่ว่าสิ่งที่พ่อพูดนั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่?
พอแม่ของเด็กหญิงได้ฟังคำถามของลูกสาวก่อนจะหันไปมองสายตาจิกใส่ด็กหญิงพร้อมคำตอบที่เด็กหญิงไม่คาดคิด...
:ใช่เพราะไอ้****นั้นพลาดฉันถึงมีแก!!
แม่ของเด็กหญิงพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูถูกก่อนจะเริ่มมีท่าทีเปลี่ยนไปราวกับว่าคนที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่แม่ของเธอ....พร้อมเผยความจริงว่าที่ผ่านมาแม่เเค่แกล้งทำดีเเละเลี้ยงดูเธอเพื่อให้เด็กหญิงเป็นเพียงเบี้ยล่างในชีวิต...
หลังจากวันนั้นผ่านไปเด็กหญิงต้องทนใช้ชีวิตอย่างทรมานถูกพ่อแม่ของตนทุบตีใช้งานอย่างหนักเหมือนกับว่าไม่ใช่คน....แต่สิ่งที่ทรมานมากที่สุดไม่ใช่การทุบตีการหรือใช้งานแต่เป็นการถูกข่มขืนจากพ่อแท้ๆเด็กหญิงถูกกระทำแบบนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า..
จนคืนหนึ่งที่พ่อของเด็กหญิงข่มขืนเธอจนสาแก่ใจ
ก่อนแม่จะเดินเข้ามาเสนอความคิดที่โคตรเลวให้
พ่อได้ฟัง...มึงขายมันกินดีปะ....
พ่อนั่งคิดประมาณนึงพร้อมมองเด็กหญิงที่นอนเปลืยเปล่าก่อนจะยิ้มพร้อมตอบ..ความคิดดีว่ะ
ตอนเช้าเด็กหญิงจะไปโรงเรียนด้วยรอยยิ้มแสนไร้เดียงสา.....
ตอนเย็นกลับบ้านมาเป็นคนรับใช้ของพ่อแม่..
เมื่อแสงอาทิตย์ลับขอบฟ้า....
เธอเป็นดั่งโสเภณีราคาดีของพ่อแม่
ต้องบำเรอชายที่ทั้งรู้จักและไม่รู้จักทุกคืนอย่างไม่ขาดสาย...
เด็กหญิงใช้ชีวิตแบบนั้นเป็นเวลาานานทำให้เธอเริ่มมีอาการทางจิตที่เรียกว่า
โรคหลายบุคลิก...
วันหนึ่งในช่วงเวลาประมาณ 15:00 น
ได้เกิดเหตุสุดสยองที่ไม่มีใครคาดคิดขึ้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งว่าพบศพสามคนอยู่ในบ้านหลังหนึ่ง....เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบบ้านหลังนี้ทันทีที่ได้รับแจ้ง
สิ่งที่พบคือศพหญิง 1 ศพชายอีก 2 คน...
ลักษณะที่เหมือนกันทั้ง 3 ศพ
คือส่วนหัวขาดออกจากลำคอและร่างกายบางส่วนหายไปอวัยวะเพศถูกของมีคมแทงหลายครั้งและถูกของแข็งทุบจนละเอียด...แต่ไม่พบอาวุธที่ใช่ก่เหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจส่วนหนึ่งได้ถามชาวบ้าน
ระแวกนั้นพบเห็นสิ่งใดหรือได้ยินเสียงอะไรผิดปกติบ้างมั้ย?
ทุกคนเป็นตอบเสียงเดียวกันว่า...
ไม่พบเห็นสิ่งใดที่ผิดปกติและไม่ได้ยินเสียงอะไรผิดปกติเนื่องจากบ้านหลังนี้อยู่ห่างไกลผู้คนแบบอย่างมากและบ้านหลังนี้เก็บเสียงได้ดีด้วย แล้วบ้านหลังนี้ก็มีแค่ลูกสาวคนเดียวเเต่น่าจะยังไม่กลับจากโรงเรียนหรอก....
เจ้าหน้าที่ถามอีกว่านิสัยใจคอของเด็ก
หญิงเป็นอย่างไร.....และใช่ทุกคนตอบเหมือนกันว่าเธอเป็นเด็กที่น่ารักช่วยงานบ้านพ่อแม่และไม่เคยขัดคำสั่งของพวกเขาเลย...
เจ้าหน้าที่ถามถึงชายอีกคนและเอารูปถ่ายดูคือใครและมีคนรู้จักบ้างมั้ยเป็นอีกครั้งที่ได้คำตอบเหมือนกันทุกคนว่า.....
ไม่รู้จัก!!
เจ้าหน้าที่ตำรวจบางคนก็ได้กลับไปที่เกิดเหตุเพื่อรายงานข้อมูลให้คนอื่นๆทราบในขณะที่กำลังพูดคุยเกี่ยวกับข้อมูลที่ได้กับเจ้าหน้าที่คนหนึ่งอยู่นั้น...ก็มีเด็กหญิงใส่ชุดนักเรียนเดินเข้ามาถามว่าเกิดอะไรขึ้น
:มีอะไรเหรอคะทำไมถึงมาที่บ้านของหนู?
:หนูเป็นลูกสาวของเจ้าของบ้านใช่มั้ย...
:ใช่ค่ะ
คือ....พ่อแม่ของหนูถูกพบเป็นศพอยู่ในบ้านกับชายอีกหนึ่งคนสิ้นสุดคําพูดของเจ้าหน้าตำรวจ
เด็กหญิงเขาทรุด!!
น้ำตาไหลอาบแก้มก่อนปล่อยโฮด้วยความเสียใจที่สูญเสียพ่อกับแม่ไปในเวลาเดียวกัน....
เจ้าหน้าที่ทั้งสองที่เห็นต่างเข้าปลอบโยนเด็กหญิงพวกเขาได้แต่พูดว่า...ไม่เป็นไรๆ
พาเธอออกจากที่นั้นอย่างรวดเร็วผ่านไปสักพักเด็กหญิงสงบสติอารมณ์ของตัวเองได้เจ้าหน้าที่พาเธอไปที่สถานีตำรวจเพื่อให้ปากคำ
พอมาถึงสถานีตำรวจเธอก็ถูกพามาที่ห้องสอบปากคำทันที..
เจ้าหน้าที่สอบปากคำเริ่มตั้งคำถามให้กับเด็กหญิง เจ้าหน้าที่ยืดรูปถ่ายของผู้ชายที่พบเป็นศพอยู่ในบ้านพร้อมศพของพ่อแม่ของเธอ
:หนูรู้มั้ยเขาเป็นใคร?
เด็กหญิงมองดูก่อนตอบว่าผู้ชายคนนี้เป็น
เพื่อนชายคนสนิทสมัยเรียนของแม่เมื่อ
วานแม่กับเขานัดเจอกันที่ร้านอาหารแต่พ่อไปเห็นเข้าเลยโกธรมากที่แม่ไปกินข้าวผู้ชายคนอื่นที่พ่อไม่รู้จัก...
พอแม่กลับถึงบ้านพ่อกับแม่ก็เริ่มทะเลาะกันแต่หนูห้ามไว้ได้เพราะไม่ได้รุ่นแรงอะไร..
เด็กหญิงพูดจบพร้อมน้ำตา
นั่งร้องไห้ เจ้าหน้าที่เห็นก็คิดสงสารเธอเด็กอายุแค่นี้กลับต้องสูญเสียพ่อแม่ในเวลาเดียวกันอีกอย่างคือเธอไม่มีญาติพี่น้
องเลยซักคนเท่ากับว่าเด็กหญิงเหลือตัวคนเดียว
เจ้าหน้าที่ปล่อยตัวเด็กหญิงให้อยู่ในการดูแลของทีมแพทย์....เวลาผ่านไปได้เป็นอาทิตย์
เด็กหญิงถูกส่งไปอยู่กับคุณลุงเพื่อนบ้านคนสนิทของครอบครัวเด็กหญิง ในบ้านนี้มีลูกชายของคุณลุงและ ป้าสายบัว ป้าแม่บ้านอีกหนึ่งคนส่วนภรรยาของคุณลุงเสียไปนานแล้วทุกอย่างดูเหมือนจะดี...จนถึงคืนหนึ่ง
ตำรวจได้รับแจ้งว่าพบศพของคุณลุงเจ้าของบ้านและลูกชายของแกอยู่ในบ้าน!!
เจ้าหน้าที่รีบมาที่บ้านของคุณลุงตามรับแจ้งว่าพบศพ..พอเดินเข้าไปในบ้านตำรวจหลายนายยืนอึ้งกับสิ่งที่เห็น...!!
สิ่งที่พวกเขาเห็นคือร่างของคุณลุงและลูกชายของแกในสภาพที่ถูกแขวนคอส่วนหัวโดนเปิดกระโหลกศีรษะทำให้...
เห็นสมองที่อยู่ด้านในมีแผลที่หน้าอกจนไปถึงท้องน้อยเป็นทางยาว...
มากกว่า15ซ.ม เพราะศพถูกแขวนทำให้เห็นเครื่องในที่ทุบจนละเอียดแถมมีอวัยวะเพศอยู่ด้วย....
แขนและขาถูกตัดออกมาเรียงไว้ใต้ศพ....ที่ขนลุกไปมากกว่านั้นมีลูกตาอยู่ในปากศพของทั้งสอง!!
ภายในบ้านเงียบสงบราวกับว่าไม่ใครอยู่เจ้าตำรวจส่วนหนึ่งพากันขึ้นไปบนชั้นสอง...ก่อนเดินไปเปิดประตูแต่ละห้องอย่างช้าๆจนมาถึงห้องที่มีเสียงแอร์ดังเบาๆ
เจ้าหน้าที่ให้สัญญาณกันก่อนจะเปิดเข้าไปในห้อง...สิ่งที่พวกเขาพบคือป้าแม่บ้านและเด็กหญิงนอนหลับไหลอยู่ในห้อง
เจ้าหน้าที่รีบเข้าไปปลุกป้าแม่แม่บ้านและเด็กหญิง....
ป้าแม่บ้านตื่นด้วยความตกใจว่าทำไมตำรวจอยู่ที่นี่ก่อนเจ้าหน้าที่ตำรวจจะแจ้งให้ป้าแม่บ้านฟังถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
....ป้าแม่บ้านตกใจกับสิ่งที่ตำรวจพูดจนหายใจแทบไม่ทันแต่ป้าแม่บ้านพยายามตั้งสติก่อนหันไปปลุกเด็กหญิงที่หลับลึกจนไม่รู้สึกตัว
ด้วยการตบไหล่เบาๆสามครั้ง
แล้วเรียกชื่อของเด็กหญิงเป็นวิธีเดียวกันกับแม่ของเด็กหญิง......เด็กหญิงตื่นขึ้นพร้อมงัวเงียว่าถามว่ามีอะไรรึป่าวเธอยังตื่นไม่เต็มตาด้วยซ้ำก็
กรี๊ดร้องสุดเสียง......เลือด!!!!
ก่อนจะมีอาการตัวสั่นก้มหน้า....
ป้าแม่บ้านโอบกอดร่างที่สั่นไหวของเด็กหญิงไว้พร้อมปลอบโยนเธอ....
ป้าแม่บ้านบอกว่าเด็กหญิงกลัวเลือด!!
เจ้าหน้าที่เอาผ้ามาปิดตาของเด็กหญิงให้เธอใส่แมสเอาไว้พร้อมแบกเด็กหญิงขึ้นหลังของเจ้าหน้าที่ป้าแม่บ้านจับมือเด็กหญิงไว้แน่น...
เจ้าหน้าที่พาทั้งสองออกจากที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็ว
ถึงแล้วครับ
เสียงเจ้าหน้าที่คนหนึ่งดังขึ้นเพื่อให้ทั้งสองเตรียมตัวให้ปากคำ
:เดี๋ยวเดินตามเจ้าหน้าคนนั้นนะครับ
ป้าแม่บ้านพาเด็กหญิงลงจากรถและเดินตามเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกนายตามที่บอกพอเดินไปซักพักก็ถึงหน้าห้องสอบปากคำ
:งั้นขอตัวนะครับ
ป้าแม่พาเด็กหญิงเดินเข้าไปด้านในห้องมีเจ้าหน้าที่หนึ่งนายนั่งหันหน้ามาทางพวกเธอ......เชิญนั่งก่อนครับ
เด็กหญิงและป้าแม่บ้านนั่งลงเก้าอี้ที่อยู่ตรงหน้า จากนี้จะเริ่มทำการสอบปากคำขอให้พยายามให้ข้อมูลมากที่สุด..
เจ้าหน้าที่กล่าวก่อนจะทำการสอบปากคำทั้งสอง
อ่า..ผมจะเริ่มถามเเล้วนะครับ
เมื่อประมาณสามทุ่มถึงสี่ทุ่มพวกคุณทำอะไรและอยู่ที่ไหน...?
เด็กหญิงตอบว่าเธอหลับอยู่ในห้องของเธอกับป้าแม่บ้านตั้งแต่สองทุ่มครึ่ง
ป้าแม่บ้านตอบหลังจากเด็กหญิงพูดจบประโยคว่าตนก็หลับไปพร้อมกับเด็กหญิงนั้นแหละ
เจ้าหน้าที่ถามต่อว่าตั้งแต่สองทุ่มครึ่งที่หลับไปได้ตื่นหรือออกจากห้องมั้ย?
ทั้งสองเป็นคำตอบเดียวกันว่าไม่ออกไปไหนเลย แต่..หลังจากที่หลับไปเด็กหญิงตื่นมาเข้าห้องน้ำที่อยู่ในห้องเท่ากับเด็กไม่ได้ออกไปจากห้อง
เจ้าหน้าที่สอบถามเพิ่มเติมอีกว่า....
ตอนที่เด็กหญิง......
ตื่นเป็นเวลาเท่าไหร่และได้ยินเสียงอะไรแปลกๆมั้ยเด็กหญิงนึกซักพักก่อนตอบว่าเธอไม่รู้ว่ามันเป็นเวลาเท่าไหร่แต่ไม่ได้ยินเสียงอะไรได้ผิดปกติเลย
กรี้ด กรี้ด
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น....
จ้าหน้าที่สอบปากคำขอตัวไปรับสาย
ในสายบอกถึงข้อมูลที่ได้จากการตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุอย่างละเอียดสรุปได้ว่าไม่พบอาวุธที่ใช้ในการก่อเหตุไม่บุลคล
น่าสงสัยในที่เกิดเหตุไม่มีร่องรอยบุคคลอื่นราวกับว่าคนร้ายไม่เคยตัวตนอยู่.....
เจ้าหน้าที่สอบปากคำก็ได้เเจ้งข้อมูลที่ได้มาจากเด็กหญิงและป้าแม่บ้านขอให้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดหน้าห้องของเด็กหญิงตั้งแต่หลังสองทุ่มครึ้ง...ครับ!
ก่อนวางสายแล้วเดินกลับเข้าไปนั่งที่
เจ้าหน้าที่กำลังจะแจ้งข้อมูลที่ได้รับให้ป้าแม่บ้านและเด็กหญิง....แต่ที่เจ้าหน้าที่สอบปากคำเห็นทำให้เขานั่งนิ่งพูดอะไรไม่ออก ภาพของเด็กหญิงวัยมัธยมต้นนั่งร้องไห้กอดป้าแม่บ้านวัย60กว่าปีพร้อมเสียงปลอบโยนของคนมีอายุ.....
เป็นภาพที่ปวดใจหาสิ่งเปรียบได้ยาก
เจ้าหน้าที่กลืนคำพูดของตนและให้เด็กหญิงไปพักก่อน........แพทย์สาวที่ยืนรออยู่หน้าห้องเดินเข้ามาพาเด็กหญิงออกไปที่ห้องพัก
พอเด็กหญิงออกไปจากห้องได้พักใหญ่เจ้าหน้าที่พูดในสิ่งที่ต้องการจะบอกถึงข้อมูลที่ได้มาและเรื่อง.....
จะตรวจสมรรถธภาพร่างกาย
:นี่พวกคุณคิดว่าป้ากับเด็กหญิงเป็นคนทำเหรอ?
ป้าแม่บ้านสุดจะทนกับคำพูดที่ราวกับว่าตนกับเด็กหญิงเป็นคนที่ฆ่าลุงเจ้าของบ้านและลูกชายของแก....
สิ้นสุดคำถามของป้าแม่บ้านเจ้าหน้าที่เริ่มอธิบายว่าพวกเขาได้ไม่คิดว่าป้ากับเด็กหญิงจะทำเรื่องแบบนี้เลยแต่มันเป็นสิ่งที่ต้องทำเนื่องจากไม่มีร่องรอยบุลคลอื่นนอกจากพวกเธอ....
จึงต้องตรวจสมรรถภาพร่างกายของทั้งสอง...
:ผมขอให้ป้าเข้าใจพวกเรานะครับ
เจ้าหน้าที่หนุ่มพูดน้ำเสียงนุ่มนวลปนขอร้องให้ป้าแม่บ้านเข้าใจเขาและเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ
ป้าแม่บ้านพยักหน้ารับเบาๆพร้อมพูดขึ้นว่าป้าเข้าใจป้าจะบอกเด็กหญิงให้นะ...
เจ้าหน้าที่ยิ้มกลับก่อนกล่าวขอบคุณป้าแม่บ้านที่เข้าใจ ป้าไปพักเถอะครับพรุ่งนี้จะเริ่มตรวจสมรรถภาพร่างกายและสอบปากคำอย่างละเอียดอีกรอบ ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะเรียกกลุ่มแพทย์สาวให้พา
ป้าแม่บ้านไปพักผ่อน....
จะตรวจสมรรถธภาพร่างกาย
:นี่พวกคุณว่าป้ากับเด็กหญิงเป็นคนทำเหรอ!?
ป้าแม่บ้านสุดจะทนกับคำพูดที่ราวกับว่าตนกับเด็กหญิงเป็นคนที่ฆ่าลุงเจ้าของบ้านและลูกชายของแก....
สิ้นสุดคำถามของป้าแม่บ้านเจ้าหน้าที่เริ่มอธิบายว่าพวกเขาได้ไม่คิดว่าป้ากับเด็กหญิงจะทำเรื่องแบบนี้เลยแต่มันเป็นสิ่งที่ต้องทำเนื่องจากไม่มีร่องรอยบุลคลอื่นนอกจากพวกเธอ....
จึงต้องตรวจสมรรถภาพร่างกายของทั้งสอง...
:ผมขอให้ป้าเข้าใจพวกเรานะครับ
เจ้าหน้าที่หนุ่มพูดน้ำเสียงนุ่มนวลปนขอร้องให้ป้าแม่บ้านเข้าใจเขาและเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ
ป้าแม่บ้านพยักหน้ารับเบาๆพร้อมพูดขึ้นว่าป้าเข้าใจป้าจะบอกเด็กหญิงให้นะ...
เจ้าหน้าที่ยิ้มกลับก่อนกล่าวขอบคุณป้าแม่บ้านที่เข้าใจ ป้าไปพักเถอะครับพรุ่งนี้จะเริ่มตรวจสมรรถภาพร่างกายและสอบปากคำอย่างละเอียดอีกรอบ ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะเรียกกลุ่มแพทย์สาวให้พาป้าแม่บ้านไปพักผ่อน
แพทย์สาวคนหนึ่งเดินเข้ามาและพาป้าแม่บ้านไปพักอยู่ห้องเดียวกันกับเด็กหญิงที่ออกมาก่อนหน้านี้
เดินได้ไม่นานก็ถึงห้องพักแล้ว
แพทย์สาวคนหนึ่งเปิดประตูและพาป้าแม่บ้านเข้าไปข้างใน........
:เบาๆน้องกลับแล้ว!!
แพทย์สาวที่นั่งเฝ้าดูอาการเด็กหญิงเตือนเพื่อนร่วมงานเพราะกลัวจะทำให้เด็กหญิงที่หลับตื่นขึ้น
แพทย์อีกกลุ่มรีบฝีเท้าของตนก่อนพาป้าแม่บ้านนั่งที่เตียงที่อยู่ใกล้ๆเตียงของเด็กหญิง แพทย์สาวที่นั่งเฝ้าดูอาการเด็กหญิง
ก็ได้รายงานอาการของเด็กหญิงให้ป้าแม่บ้านได้ฟังว่าเธอมีอาการผวาเล็กน้อยแต่ก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง.....ก่อนที่น้องจะหลับก็ให้กินยาคลายเครียดและยานอนหลับไปค่ะ
ป้าแม่ฟังพันมองเด็กหญิงที่หลับใหลเพราะฤทธิ์ยา พลางคิดสงสารเด็กหญิงที่เหตุการณ์เลวร้านติดต่อกันขนาดนี้
แพทย์สาวคนหนึ่งหยิบยาคลายเครียดและแก้วน้ำยืดให้ป้าแม่บ้าน
:กินหน่อยนะคะ
ป้าแม่บ้านรับยาและแก้วน้ำอย่างเชื่อฟังก่อนกินยาตามด้วยน้ำจากนั้นล้มตัวลงนอนที่เตียงเพราะ
ความเหนื่อยล้ามามากจากเหตุการในวันนี้.... แพทย์สาวคนหนึ่งเดินเข้ามาและพาป้าแม่บ้านไปพักอยู่ห้องเดียวกันกับเด็กหญิงที่ออกมาก่อนหน้านี้
:พวกหนูไปพักก่อนเถอะคงเหนื่อยมาทั้งวันแล้วใช่มั้ย?
กลุ่มแพทย์สาวยิ้มรับพร้อมกล่าวขอบคุณป้าแม่บ้านที่เป็นห่วงพวกเธอ ก่อนเดินออกไปจากห้องเพื่อให้ป้าแม่บ้านพักผ่อนอย่างเต็มที่
เช้าวันรุ่งขึ้น....
ป้าแม่บ้านตื่นขึ้นเพราะความเคยชินที่เคยตื่นเช้าเป็นประจำ....พันกวาดสายตาไปมองเด็กหญิงที่ยังหลับอยู่
ป้าแม่บ้านลุกขึ้นจากเตียงเดินเข้าไปหาเด็กหญิงที่หลับใหลอย่างไม่รู้สึกตัวป้าแม่บ้านนั่งลงที่เก้าอี้ที่อยู่ข้างเตียงของเด็กหญิงพลางเอามือที่มือเหี่ยวย่นของตนลูบไล้ไปตามเส้นผมและใบหน้าไร้เดียงสาของเด็กหญิง ทำให้อนคิดเห็นใจเเละเป็นห่วงเธอไม่ได้...
เด็กหญิงรู้ได้ถึงไออุ่น
จาากมือของใครบ้างคนที่กำลังสัมผัสที่ใบหน้าของเธอ...ทำให้รู้สึกถูกเติมเต็มจิตใจที่ว่างเปล่ามานานเด็กหญิงตื่นขึ้นเพื่อดูว่ามือที่แสนอบอุ่นนี้เป็นของใคร
:ป้าขอโทษที่ทำให้หนูตื่น
:ไม่เป็นไรค่ะ
เด็กหญิงลุกขึ้นนั่งเอนตัวไปซบไหล่คนตรงหน้า ป้าลูบหัวหนูอีกได้มั้ยคะ
:ได้สิจ๊ะ
ป้าแม่บ้านเอามือข้างหนึ่งลูบหัวของเด็กมืออีกข้างโอบตัวเด็กหญิงเอาไว้ได้ซักพัก......
ก๊อง ก๊อง!!
เสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนจะมีแพทย์กลุ่มเมื่อคืนเดินเข้ามาหาป้าแม่กับเด็กหญิงพร้อมถามทั้งสองว่าอาการเป็งยังไงบ้างคะ... ป้าแม่บ้านกับเด็กหญิงตอบพร้อมกันว่าไม่เป็นไรค่ะ....เด็กหญิงจะหัวเราะขึ้นมอบความสดใสให้แพทย์สาวที่ยืนอยู่ในห้อง
เด็กหญิงหันไปมองป้าแม่บ้าน
เห็นแววตาที่กังวลอะไรซักอย่าง....เพราะเวลาที่ป้ากังวลจะดูอาการอย่างได้ชัดทั้งแววตาท่าทางทำให้แค่ดูก็รู้
:ป้าเป็นอะไรรึป่าวคะ
เด็กหญิงถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
ป้าเเม่บ้านมองเด็กหญิงที่ใสซื่อตรงหน้าก่อนจะบอกถึงการตรวจสมรรถร่างกายพร้อมอธิบายเหตุผลให้เด็กหญิงฟังและหวังให้เธอเข้าใจ
หลังจากเด็กหญิงได้ฟังก็กอดป้าแม่บ้านพร้อมตอบว่า
:หนูเข้าใจป้าไม่ต้องกังวนนะคะ
ป้าแม่บ้านลูบหัวของเด็กหญิงก่อนคิดในใจว่าเด็กคนนี้เหมือนกับดวงตะวันที่ค่อยส่องแสงสว่างไม่ว่าจะขึ้นอะไรขึ้นแพทย์สาวที่อยู่ในห้องพากันเดินเข้ามาโอบกอดเด็กหญิงกับป้าแม่บ้านเพื่อให้กำลังใจทั้งสอง
กลุ่มแพทย์สาวพาเด็กหญิงและป้าแม่บ้านไปตรวจสมรรถภาพร่างกาย......
ขั้นแรกทีมแพทย์จะเป็นซักประวัติและตรวจร่างกายเบื้องต้น
เด็กหญิงน้ำค้าง
อายุ14ปี
น้ำหนัก 38.5
ส่วนสูง 155
ไม่มีโรคประจำตัว
ป้าแม่บ้านสายบัว
อายุ63ปี
น้ำหนัก 59.3
ส่วนสูง 160
โรคประจำตัวคือความดันโลหิตสูงเบาหวานร่วมด้วยเล็กน้อง
ต่อมาทีมแพทย์จะวัดความอ่อนตัวร่างกายเป็นการวัดสมรรถภาพของข้อต่อต่าง ๆ รวมทั้งเอ็นและกล้ามเนื้อรอบ ๆ
เด็กหญิงมีข้อต่อค่อนข้างอ่อนทำให้เธอมีร่างกายยืดหยุ่นประมาณหนึ่ง......
แต่ป้าแม่บ้านอายุมากแล้วข้อต่อต่างๆเลยไม่ค่อยดีเท่าไหร่
และการตรวจสมรรถภาพที่สำคัญที่สุดคือการการวัดความแข็งแรงของกล้ามเนื้อเป็นการวัดแรงของกล้ามเนื้อ.....
ส่วนต่างๆ
ทดสอบโดยการให้ดึงกระเป๋าเดินทางที่มีกระสอบใส่ดิน 10กิโลกรัม....ด้วยเชือกเป็นการดึงเพื่อให้กระเป๋าเดินทางติดอยู่ที่คานไม้สูง 2เมรต
คนที่ถูกทดสอบเป็นคนแรกคือเด็กหญิง
เด็กหญิงเริ่มดึงอย่างสุดแรก....!!
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!