ท่ามกลางร่มไม้เขียวขจีข้างริมสระน้ำ ใต้ร่มไม้มีหญิงสาวร่างท้วมคนหนึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะม้าหินอ่อน หญิงสาวแต่งกายด้วยชุดนักศึกษาตัวโคร่งใส่กระโปรงพลีทยาวคลุมข้อเท้า ดวงตาภายใต้กรอบแว่นหนากำลังสอดส่องเหมือนหาใครอยู่
“ลัลน์จ๋าาา ฉันมาแล้วขอโทษนะที่มาช้าพอดีว่าติดธุระ ขอโทษที่ทำให้แกรอนานนะ” สาวเจ้าร่างบางหน้าตาคมสวย ใส่ชุดนักศึกษาวิ่งกระหืดกระหอบพลางตะโกนเรียกหาเพื่อนรักซึ่งกำลังนั่งรออยู่
“หนูนานี่นะตลอดเลย น่าน้อยใจชะมัด”
“โอ๋ๆๆๆ ไม่โกรธนะจ๊ะลัลน์จ๋า ทำแก้มป่องๆแบบนี้เดี๋ยวพี่มาร์คจะไม่รักนะ” หนูนากล่าวไปพลางหยิกแก้มลัลน์ไปด้วยความเอ็นดู
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับพี่มาร์คเขาเล่า”ลัลน์ว่าพลางหน้าแดงขวยเขินเมื่อหนูนาเอ่ยถึงแฟนหนุ่มของตน
“แหมๆๆ อิจฉาคนรักกันหวานชื่นเนอะ เมื่อไหร่ฟ้าจะส่งผู้ชายหน้าตาดีแบบพี่มาร์คมาให้ฉันซักคนบ้าง”
“ไม่ต้องมาทำแซวเลยมาคุยธุระของเรากันดีกว่า เราไปติดต่อกับทางคณะเรื่องฝึกงานแล้ว เห็นว่าให้ส่งเอกสารฝึกงานภายในอาทิตย์หน้า ว่าแต่หนูนาจะไปฝึกสำนักงานอัยการจังหวัดจริงใช่ไหม แกไม่คิดเปลี่ยนใจไปสำนักงานทนายความกับเราเหรอ” ลัลน์กล่าวเสียงอ่อย ด้วยความเสียดายที่เพื่อนรักนั้นไม่ไปฝึกงานที่เดียวกันกับเธอ ตัวติดกันมาตั้งแต่เข้าเรียนปีหนึ่งไม่เคยห่าง ต้องมาแยกทางเดินกันตั้งแต่ปี 4 เทอม 2 แต่เธอก็คงกล่าวอะไรไม่ได้มากเนื่องด้วยหนูนาอยากเป็นอัยการ
“ก็แหม สำนักงานที่แกไปขอฝึกเขาเน้นแต่คดีแพ่ง ลัลน์ก็รู้ว่าเราชอบคดีอาญามากกว่า แต่ลัลน์ไม่ต้องน้อยใจไปนะเดี๋ยวเรานัดเจอกันบ่อยๆ ก็ได้นี่นา”
“แล้วหนูนาไปฝึกสำนักงานที่เขาทำคดีอาญาไม่ดีกว่าหรือ ได้เห็นทั้งสำนวนและกระบวนการทั้งหมด” หญิงสาวว่าพลางกระพริบตาปริบๆ อ้อนเพื่อนสาวให้ใจอ่อนไปฝึกงานกับตน
“ไม่ล่ะ เราอยากเป็นอัยการก็ต้องไปดูงานที่สำนักงานอัยการซิ ว่าแต่ลัลน์เถอะตัดสินใจอนาคตได้หรือยังว่าอยากเป็นอะไร หนูนาว่านะคนเก่งๆแบบลัลน์ถ้าไม่ไปเป็นอาจารย์สอนกฎหมายก็ต้องไปเป็นผู้พิพากษาใช่ไหมล่ะ”
“ไม่รู้ซิ ลัลน์ยังตัดสินใจเลย ลัลน์ยังไม่รู้ว่าเส้นทางของตัวเองเลยว่าชอบอะไรไม่ชอบอะไร แล้วหนูนาพูดเพื่อนว่าการสอบเป็นผู้พิพากษามันง่ายขนาดนั้นแหละ” ลัลน์ถอนหายใจคิดหนักถึงอนาคตของตนที่ยังตัดสินใจไม่ได้ ที่เธอเลือกฝึกสำนักงานทนายความก็เพื่อจะไปสอบทนายตามเส้นทางที่คนเรียนนิติศาสตร์ไปเท่านั้นเอง
“ถ้าการสอบเป็นผู้พิพากษามันยากนัก สู้หาผัวเป็นผู้พิพากษาน่าจะแทนความฝันได้นะ” หนูนากลั้วหัวเราะลั่นชอบใจกับมุกของตนเองที่ดูเหมือนว่าลัลน์จะไม่ตลกด้วย
“หนูนา!!! พูดอะไรก็ไม่รู้ ลัลน์มีพี่มาร์คแล้วนะจะให้ไปหาผู้พิพากษาที่ไหนเล่า อีกอย่างลัลน์ว่าระหว่างเป็นแฟนผู้พิพากษากับเป็นผู้พิพากษาเอง ลัลน์ว่าอย่างหลังน่าจะง่ายกว่านะ”
“ในอนาคตไม่แน่ลัลน์อาจมีท่านๆ มาจีบก็ได้ใครจะไปรู้”
“ชิ เราไม่ฟังหนูนาแล้ว เดี๋ยวเราขอตัวไปซื้อเค้กให้พี่มาร์คก่อนนะ ส่วนเรื่องฝึกงานพรุ่งนี้เราไปติดต่อที่ฝึกงานด้วย” หญิงสาวกล่าวไปเก็บของใส่กระเป๋าไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเมื่อพูดถึงคนรักของตน
“จ้า เชิญเลยจ้าสาว เพื่อนคนนี้ไม่เป็นไรเลย ลัลน์ทิ้งเราไปหาพี่มาร์คได้เลย ขอให้รักกันนานๆนะย่ะ”
“ลัลน์ไม่ต่อล้อต่อเถียงกับหนูนาแล้ว ลัลน์ไปก่อนนะขับรถกลับดีๆ ล่ะ” เมื่อลัลน์เดินไปเรียกรถหน้ามหาวิทยาลัย ลมหอบหนึ่งพัดผ่านลัลน์ไปอย่างเย็นยะเยือก ขนกายลัลน์พลางลุกซู่ราวกับจะมีเหตุร้ายเกิดขึ้น คงไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับหนูนาใช่ไหมพึ่งจะแยกจากกันเอง หญิงสาวคิดในใจก่อนที่จะขึ้นรถแท็กซี่ไป
“ลุงคะ ไปคอนโด SMM แถวสยามค่ะ”
“ได้ครับ”
หญิงสาวเมื่อบอกจุดหมายเสร็จจึงมองหน้าต่างจ้องวิวข้างทาง นึกถึงความรู้สึกเมื่อกี้อย่างใจไม่ดี คงไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก วันนี้วันเกิดพี่มาร์คอย่าพึ่งคิดฟุ้งซ่านเลย ลัลน์สะบัดหน้าไล่ความคิดไม่ดีออกไป
‘พี่คะ หนูขอโทษนะคะดูเหมือนว่าวันนี้หนูจะไปหาพี่ไม่ได้แล้ว ไว้พรุ่งนี้ตอนบ่ายเราไปฉลองวันเกิดพี่ด้วยกันนะคะ’
‘หืมม พี่น้อยใจแย่เลยวันเกิดพี่ทั้งที พรุ่งนี้ห้ามผิดนัดนะครับคนดี’
ลัลน์ส่งข้อความหลอกแฟนหนุ่มของตนแล้วนั่งอมยิ้ม ปกติเธอจะไปฉลองวันเกิดของพี่มาร์คตลอด พี่มาร์คคงจะตกใจมากที่เธอเซอร์ไพรซ์วันเกิดเขาด้วยวิธีนี้ พลางกอดของขวัญในกระเป๋าแล้วนึกหน้าเจ้าของวันเกิดอย่างมีความสุข
เมื่อรถขับมาจอดถึงคอนโดหญิงสาวจึงลงจากรถ เธอมาคอนโดหรูของพี่มาร์คกี่ทีเธอก็ไม่ชินเอาซะเลย ด้วยฐานะทางบ้านของเธอแค่พอมีเงินพออยู่พอกิน ไม่ได้ร่ำรวยเหมือนแฟนหนุ่มแถมเธอยังหน้าตาเธอยังไม่ดี เพียงพอไปวัดไปวาได้เท่านั้น ไม่อาจที่จะเชิดหน้าชูตาได้ แต่แฟนหนุ่มของเธอก็ไม่ได้สนใจ ทำให้ลัลน์หลงรักชายหนุ่มเป็นอย่างมาก เธอกอดของขวัญที่เตรียมไว้แนบอกแล้วจึงเดินเข้าไปกดลิฟต์เพื่อขึ้นไปหาแฟนหนุ่มของเธอ
เมื่อหญิงสาวมาถึงหน้าห้องแฟนหนุ่มแล้วจึงกดรหัสเข้าห้องไปในห้อง แต่เมื่อลัลน์เปิดประตูห้องเข้าไปกลับเจอรองเท้าส้นสูงสีแดงของผู้หญิงวางระเกะระกะ เมื่อไล่สายตาไปตามทางเดินกลับมีเสื้อผ้าชายหญิงที่ถอดทิ้งไว้อย่างไม่ไยดี เสียงเนื้อกระทบเนื้อปนกับเสียงครางของชายหญิงดังลั่นห้อง หญิงสาวกลั้นใจเดินไปที่ห้องนั่งเล่นเพื่อให้เห็นถึงความจริง
“อ๊าส์ อ๊าส์ อื้อออ มาร์คขาา อ๊ะส์ ญดาเสียวจังเลย อ๊าส์ๆๆ”
พลั่บๆๆๆๆๆ เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังลั่นห้อง
“ฮึม ซี๊ดดด ตอดอีกดา อืมม แม่งเอามันชิบ”
หญิงสาวผมยาวสีทองกำลังขึ้นขี่ขย่มมาร์คอย่างเมามัน ชายหนุ่มครางในลำคอยึดสะโพกญดาแทงเอ็นตอกสวนร่องฉ่ำ ปากจูบแลกลิ้นกันอย่างดูดดื่มโดยไม่รู้เลยว่ามีแขกที่ไม่ได้รับเชิญกำลังรับชมหนังสดนี้อยู่
“พะ พะ พี่มาร์คคะ” ลัลน์เรียกมาร์คด้วยเสียงอันสั่นเครือ น้ำตาไหลเต็มนองหน้าสาว ทำให้กิจกรรมเข้าจังหวะระหว่างมาร์คกับญดาพลันชะงักลง
“ว้ายยย นังบ้าแกเข้ามาในห้องของคนอื่นได้ยังไง ไม่มีมารยาท!!!” ญดากรีดร้องเสียงดัง มือขาวควานหาผ้ามาคลุมร่างกายขาวผ่องไว้
“ละ ลัลน์ ” ชายผู้ก่อเรื่องสร้างปัญหาเรียกแฟนสาวของตนเสียงค่อย พลางอ้ำอึ้งน้ำลายเหนียวไม่กล้าพูดอะไรออกไปเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคลายไม่ออกเช่นนี้
“นี่มันอะไรกันคะมาร์ค อีอ้วนนี่มันคือใคร ทำไมมันถึงเข้ามาในห้องของมาร์คได้ ตอบญดามานะคะ” ญดากอดอก เชิดหน้า ดวงตาลุกวาวแสดงถึงความไม่พอใจที่มีคนเข้ามาทำตัวไร้มารยาทขัดจังหวะตน
“ทำไมพี่มาร์คถึงทำแบบนี้กับลัลน์ได้ลงคอคะ 3 ปีที่ผ่านมาของเราคืออะไร ฮึกก ฮืออ” ลัลน์สะอื้นไห้อย่างหนักกับความจริงที่อยู่ตรงหน้า เธอตั้งใจจะเซอไพรซ์มาร์คแต่ชายหนุ่มกลับเซอไพรซ์เธอกลับซะแสบทรวง หญิงสาวร้องไห้คร่ำครวญถึงความรักที่ผ่านมา ทวงคำสัญญาจากชายคนรักให้อธิบายกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้
“เอ๊ะ!!! นังบ้าแกพูดอะไรของแก แกคิดว่าคนระดับมาร์คเขาจะชายตามองเธอ ยกเธอเชิดหน้าชูตาเขารึไง ไม่หัดดูสารรูปตัวเองแล้วเจียมเนื้อเจียมตัวสักนิด นี่! มาร์คคุณพูดอะไรหน่อยซิคะอย่าปิดปากเงียบอยู่แบบนี้ซิ” ญดาแผดเสียงต่อว่า สายตามองลัลน์อย่างเหยียด พลันกระตุกแขนเรียกสติชายหนุ่มให้พูดอะไรบ้าง
“ฉันขอโทษนะญดา ลัลน์เธอเป็นแฟนของฉันจริง แต่ฉันก็จริงจังกับเธอนะดาไม่งั้นฉันจะพาเธอออกงานสังคมทำไมล่ะ”
“แล้วยังไงล่ะคะ จะให้ดาเป็นรองนังนี่ที่ไม่มีอะไรดีหรือคะ มีข่าวออกไปญดาเสียชื่อเสียงแย่นะคะ คุณต้องเลือกมาค่ะมาร์คว่าจะคบกับญดาหรือจะคบกับนังชั้นต่ำนี่” อย่าหวังเลยว่าคนระดับเธอจะยอมเป็นรองกับคนสภาพดูไม่ได้เช่นนี้ เธอมีความมั่นใจมากว่ายังไงมาร์คก็ต้องเลือกเธออย่างแน่นอน ญดาคิดแล้วก็เชิดหน้ามองด้วยสายตาเหยียดหยามลัลน์ซึ่งยืนร้องไห้อยู่กลางห้อง
ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ มีเสียงสะอื้นไห้ของลัลน์แทรกขึ้นมาในบางจังหวะ นัยน์ตากลมโตจ้องมองแฟนหนุ่มอย่างน้อยเนื้อต่ำใจที่ให้ผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้ดูถูกตน อีกทั้งชายคนรักก็ไม่คิดจะปกป้องอะไรเธอเลย ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่มาร์คถอนหายใจไปหนี่งที พลันใส่เสื้อคลุมแล้วเดินตรงไปหาลัลน์
“พี่ขอโทษนะลัลน์ พี่คงไปต่อกับเราไม่ได้แล้วล่ะ”
“ฮึก ทำไมคะพี่มาร์ค ทำไมพี่ตัดสินใจแบบนี้ ฮึก ที่ผ่านมาเรื่องของเรามันไม่มีความหมายกับพี่เลยรึไงคะ ฮือออๆๆ” หญิงสาวโถมตัวเข้าไปกอดมาร์คไว้หวังเพียงว่าชายหนุ่มจะเปลี่ยนใจหันกลับมารักเธอต่อ เธอรักเขามากเรื่องแค่นี้เธอยอมให้อภัยเขาได้ ขอแค่เขากลับมาเป็นแฟนหนุ่มคนเดิมของเธอก็พอ
“ไม่ว่าจะฐานะทางสังคม หน้าตาหรือแม้กระทั่งเรื่องบนเตียงเธอตอบสนองให้พี่ทุกอย่าง ซึ่งลัลน์เป็นให้พี่ไม่ได้สักเรื่อง”
“ฮืออ พี่ลองคิดดีๆ ดูก่อนไหมคะ ตอนนี้อาจเป็นอารมณ์ชั่ววูบของพี่ก็ได้ ที่ผ่านมาเราก็รักกันดูแลกันดีไม่ใช่หรือคะ”
“ขอโทษนะพี่ตัดสินใจดีแล้ว เราเลิกกันเถอะ พี่ไปต่อกับลัลน์ไม่ได้เพราะจะทำให้ลัลน์เสียใจ”
หญิงสาวเบิกตาโพลง ช็อกกับสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้าในขณะนี้ ลัลน์ปล่อยเสียงร้องไห้โฮเสียงดัง แฟนหนุ่มของเธอบอกเลิกอย่างไม่มีเยื่อใย พูดมาด้วยสายตาที่ว่างเปล่าราวกับคนที่ไม่เคยรักกัน แล้วคำพูดอะไรที่ว่าไปต่อกับเธอไม่ได้จะทำให้เธอเสียใจเพ้อเจ้อทั้งเพ
“งั้นหนูก็ขอให้พี่มีความสุขกับทางที่พี่เลือก แล้วทีหลังพี่อย่าไปทำตัวสารเลวแบบนี้กับใครอีก!!!” ลัลน์ปาดน้ำตาพร้อมกับปาของขวัญที่เธอตั้งใจทำให้คนรักใส่หน้ามาร์คอย่างแรง แล้วจึงเดินเปิดประตูห้องออกไปโดยที่ไม่หันกลับมามองคู่หญิงร้ายชายเลวอีก
“ฮืออๆๆ หนูนาแกอยู่ไหน ตอนนี้ลัลน์ทำอะไรไม่ถูกแล้ว ละ ลัลน์ควรกลับเข้าไปอ้อนวอนพี่มาร์คดีไหม” เมื่อหญิงสาวปิดประตูห้องมาร์คลง มืออวบจับโทรศัพท์กดโทรหาเพื่อนรักทันที
“เดี๋ยวๆ ยัยลัลน์แกตั้งสติก่อน เรื่องมันเป็นมายังไง แกทะเลาะกับพี่มาร์คแกเรอะ ลัลน์แกลงมารอข้างล่างคอนโดก่อน เดี๋ยวฉันไปหา แกต้องตั้งสตินะเว้ยลัลน์ห้ามทำอะไรสิ้นคิดเด็ดขาดนะ” ว่าแล้วหนูนาก็ตัดสายลง เลิกเดินซื้อของแล้วรีบคว้ากุญแจรถขับไปหาเพื่อนเธอทันที
“โฮฮฮฮฮ ฮึก ไหนว่ารักกันไง ทำไมนอกใจเอาคนอื่นมานอนที่ห้องด้วย ฮืออๆๆ” ลัลน์ทรุดตัวนั่งพิงประตูห้องร้องไห้โฮอย่างไม่อายใคร เป็นเวลานานกว่าที่เธอจะเงยหน้าจากการจับเข่าร้องไห้ เธอหยุดร้องไห้แล้วลุกขึ้นมาลุกขึ้นยืนด้วยสายตาที่ว่างเปล่า เดินออกไปอย่างใจลอย เธอรู้สึกว่าเธอเดินชนกระแทกไหล่ใครก็ไม่อาจทราบได้ เนื่องจากตอนนี้หญิงสาวไม่มีสติพอที่จะใช้ชีวิตต่อไปได้ คำพูดของอดีตคนรักยังดังก้องตอกย้ำในหัวเธอซ้ำไปซ้ำมาให้เธอจมอยู่กับอดีตอันขมขื่น
ถ้าเธอตายเขาจะสงสารและรู้สึกผิดกับเธอบ้างไหมนะ หรือพี่เขาจะไม่รู้สึกผิดอะไรกับการกระทำของเขาเลย แล้วสรุปคำว่าไปต่อกับเธอไม่ได้จะทำให้เธอเสียใจมันคืออะไร แล้วการกระทำของพี่ในตอนนี้ไม่ได้ทำให้หนูเสียใจรึไง หญิงสาวได้แต่คิดวนเวียนถามคำถามตนเองซ้ำไปซ้ำมาเพื่อหาคำตอบที่ไม่มีใครตอบได้นอกจากชายหนุ่มผู้กระทำเอง
"ยัยลัลน์แกกินอะไรหน่อยนะ แกอย่าเป็นแบบนี้เลย ลัลน์ยังมีพ่อแม่มีฉันอยู่ไง" ทำไมเพื่อนเธอถึงได้อาการหนักขนาดนี้ หลังจากที่เธอไปรับลัลน์มาจากคอนโดพี่มาร์ค ลัลน์ก็ร้องไห้ไม่หยุดพอมาถึงคอนโดก็เหม่อลอยไม่พูดอะไรกับเธอ แม้กระทั่งข้าวที่เธอเตรียมไว้ให้ลัลน์ก็ไม่ชายตามองสักนิด
"ก็แค่ผู้ชายชั่วๆ คนเดียวทำให้แกเป็นไปได้ขนาดนี้เลยหราว่ะ ฉันรู้ว่าแกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ฉันขอให้เธอมีสติกว่านี้ได้ไหม" หนูนาพูดไปพลางเขย่าตัวเพื่อนไป เพื่อให้เพื่อนที่ตกอยู่ในภวังค์มีสติมากกว่านี้
"ฮึกก ฮือออ หนูนาาาา ฮึกก พี่เขาทำกับลัลน์แบบนี้ได้ไง ฮึก ทำไมต้องทำร้ายจิตใจเราขนาดนี้ ฮึก ที่ผ่านมาคือพี่เขาไม่เคยรักเราใช่ไหม เขาถึงได้ทำแบบนี้ ฮืออ " หญิงสาวพูดกับหนูนาด้วยเสียงสะอึกสะอื้น คำถามนี้ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวลัลน์ อกหักครั้งแรกนี้เธอทรมานยิ่งนัก รู้สึกจุกแน่นหน้าอกหายใจไม่ออกจนถึงกระทั่งตอนนี้
"ไม่เป็นไรนะลัลน์ ตอนนี้แกมีฉันอยู่กับแก แกรู้สึกไม่ดียังไง ไม่ไหวยังไงแกยังมีฉันอยู่เคียงข้างเสมอ ช่วงนี้แกก็นอนอยู่ที่คอนโดกับฉันนี่แหละ แต่ตอนนี้แกต้องกินข้าวแล้วนอนก่อนนะ ชีวิตเรามันต้องเดินหน้า อย่าไปจมปักอยู่กับผู้ชายเฮงซวยคนเดียว" ว่าแล้วเธอก็ดึงลัลน์มากอดเพื่อให้เพื่อนอุ่นใจบ้างว่าเธอไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว
ลัลน์พยักหน้าตอบรับเพื่อน แล้วลุกขึ้นไปกินข้าวที่หนูนาเตรียมไว้ให้ ถึงแม้ว่าเธอจะกินอะไรไม่ลงก็ตาม แต่ด้วยความกลัวเพื่อนเป็นห่วงจึงฝืนกินลงไป เมื่อเธอฝืนกินไม่ไหวแล้วจึงรวบช้อนรอหนูนากินเสร็จเพื่อจะนำจานไปล้าง
"แกอิ่มแล้วรึไงยัยลัลน์ แกกินไปได้นิดเดียวเองนะ"
"อืม ลัลน์ฝืนไม่ไหวแล้ว"
"งั้นลัลน์ทิ้งจานไว้นี่แหละเดี๋ยวหนูนาล้างเอง เธอตาโรยเหมือนจะเป็นไข้เลย รีบไปอาบน้ำกินยานอน แล้วลัลน์อย่าคิดมากด้วยล่ะ ฝันดีนะจ๊ะเพื่อนรัก" หนูนาตัดบทไล่เพื่อนให้ไปจัดการตัวเองไม่ต้องรอเธอ ดูเหมือนว่าลัลน์จะต้องการเวลาทบทวนอยู่คนเดียวสักพัก คงไม่ดีขึ้นเร็ววันนี้ แต่เวลาจะช่วยเยียวยารักษาแผลใจเพื่อนเธอเอง และเวลาจะนานเท่าไหร่ที่คนๆหนึ่งจะทำใจลืมใครสักคนคงขึ้นอยู่ที่ตัวของลัลน์เองว่าจะปล่อยวางเลิกยึดติดกับความรักนี้ได้เมื่อไหร่
เมื่อลัลน์อยู่คนเดียวความเศร้าก็โถมกระหน่ำเข้ามาโจมตีอีกครั้ง หญิงสาวร้องไห้อย่างหนักปิดปากแน่นเพื่อไม่ให้เสียงร้องไห้ของตนได้ยินออกไปข้างนอก เธอนั่งพิงประตูห้องกอดเข่าร้องไห้ คิดถึงคนที่ทำร้ายจิตใจ เสียงของคนใจร้ายยังคงดังก้องหลอกหลอนในหู เธอรู้ว่าผู้ชายไม่ใช่ทุกสิ่งในชีวิต แต่เพียงแค่ตอนนี้เธอยังทำใจกับการถูกหักหลังไม่ได้เท่านั้น เธอหวังว่าเมื่อผ่านพ้นคืนนี้ไปเธอขอให้ความเจ็บปวดของเธอทุเลาเบาบางลงบ้างแค่นั้นเอง
แสงอรุณสาดส่องเข้ามาผ่านหน้าต่างซึ่งไม่ได้ปิดม่านบังแสงไว้ ใบหน้าอิดโรย ตาแดงกล่ำบวมช้ำหันหน้าไปมองแสงอาทิตย์อย่างเหม่อลอย หญิงสาวไม่ได้นอนทั้งคืน เมื่อเธอเห็นว่าสมควรแก่เวลาจึงลุกไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปติดต่อที่ฝึกงานเป็นเพื่อนหนูนา ดีที่เธอได้ไปติดต่อขอฝึกมาก่อนหน้านี้แล้ว
“ลัลน์กินอะไรลองท้องหน่อยไหม ดูซิผ่านไปคืนเดียวแก้มแกซูบตอบไปหมดแล้ว” หนูนาลูบใบหน้าเพื่อนสาวของเธอที่สีหน้าดูซีดเซียว ดวงตาปูดโปนและช้ำ คงไม่พ้นว่าเมื่อคืนร้องไห้อย่างหนัก เมื่อมือเธอสัมผัสใบหน้าเพื่อนรู้สึกถึงไอร้อนผ่าวๆจากแก้มเพื่อนเธอ
“ลัลน์แกไม่สบายแน่ๆเลย วันนี้แกไม่ต้องไปเป็นเพื่อนฉันหรอก กินข้าวแล้วนอนพักเถอะ หนูนาไปคนเดียวได้”
“ไม่เป็นอะไรหนักหรอกหนูนา นี่ลัลน์แต่งตัวเสร็จแล้วอย่าให้ลัลน์แต่งตัวเก้อซิ” เสียงแหบของลัลน์ตอบเพื่อนสาว หนูนาผละตัวออกจากลัลน์แล้วไปนำแซนวิชด์ที่เตรียมไว้พร้อมกับยามาวางไว้ตรงหน้าลัลน์
“อ่ะ นี่ค่าคุณผู้หญิงเชิญรับประทานอาหารที่ทางเราจัดเตรียมไว้นะคะ” หนูนาพูดเสียงทะเล้นฉีกยิ้มให้กับเพื่อนตน
“ขอบใจเธอมากนะหนูนา รบกวนมาอยู่ด้วยแล้วยังลำบากต้องหาอะไรให้กินอีก” หญิงสาวก้มหน้ามองจานแซนวิชด์ตรงหน้าอย่างสำนึกผิดที่มาเป็นภาระลำบากให้เพื่อนเธอดูแล
“โอ๊ยยยย ยัยลัลน์ถ้าแกเห็นฉันเป็นเพื่อนแกห้ามพูดแบบนี้อีกเป็นอันขาด ไม่งั้นหนูนาจะโกรธแกจริงๆด้วย ลัลน์รีบกินเถอะเดี๋ยวรถติดไปถึงสำนักงานช้า”
“ได้ค่าาาา จะรีบทานเดี๋ยวนี้ค่าคุณนันท์นพินนน” เสียงเจื้อยแจ้วชวนคุยของหนูนาดังขึ้นตลอดมื้ออาหารเช้า เรียกรอยยิ้มแรกของลัลน์นับตั้งแต่เกิดเรื่องได้เป็นอย่างดี
บรรยากาศกดดันภายในห้องพิจารณา มีเสียงทนายความต่างโต้เถียงกันอย่างไม่มีใครยอมใคร ชายหนุ่มซึ่งมีใบหน้าหล่อเหลาเกินบรรยาย ใบหน้าคมเข้ม คิ้วหนา หางคิ้วชี้ขึ้นเล็กน้อยสมเป็นผู้นำ จมูกโด่งรับกับใบหน้าและสันกรามที่เห็นชัด ตาคมสีน้ำตาลเข้มกวาดสายตามองทนายความทั้งสองฝ่ายซึ่งเถียงกันจนหาที่ยุติไม่ได้
“ศาลว่าทนายทั้งสองท่านไปตกลงไกล่เกลี่ยกันให้ลงตัวเสียก่อน แล้วนัดหน้าแจ้งข้อตกลงที่ไกล่เกลี่ยให้ศาลทราบด้วย” เสียงเรียบทุ้มเอ่ยขัดอย่างเย็นชา พาทำให้บรรยากาศภายในห้องกดดันยิ่งกว่าเดิม นอกจากเสียงแป้นพิมพ์ของหน้าบัลลังก์และเสียงแอร์แล้วก็ไม่ปรากฏเสียงใดในห้องพิจารณาอีก ร่างสูงหนากำยำภายใต้ชุดครุยผู้พิพากษากล่าวจบแล้วเดินออกจากห้องพิจารณาไป
“หืมพี่ ท่านคิณณ์น่ากลัวจริง ผมพึ่งเคยมาบัลลังก์นี้ผมนี่เกร็งมากเลยพี่”
“ท่านไม่มีอะไรหรอกแค่ดูเข้าถึงยาก แต่พอพลาดอะไรท่านก็เตือนนะเพียงแค่ท่านติดเย็นชาเลยดูน่ากลัวไปงั้นเอง”
“เอาเป็นว่าเดี๋ยวผมไปตกลงกับลูกความผมก่อนว่ายอมชำระค่าเสียหายสองแสนก่อน รายละเอียดส่วนที่เหลือเดี๋ยวผมพาลูกความผมไปตกลงที่สำนักงานพี่นะ” เสียงทนายความทั้งสองฝ่ายที่โต้เถียงกันอย่างไม่ยอมกันในตอนแรก ตอนนี้กลับเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย เมื่อเจอผู้พิพากษาท่านนี้ไปทำเอาทั้งสองสามารถเจรจาหาข้อยุติกันได้และต่างคนต่างแยกย้ายกันกลับสำนักงานของตน
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!