NovelToon NovelToon

[Fic Honkai] กัปปิตัน

บทนำ

ณ ห้องๆหนึ่งมีกองเอกสารเรียงรายไม่เป็นระเบียบอยู่ในทุกซอกทุกมุม

“…..รกแท้”

ชายสวมชุดสูทสีขาวเอ่ยด้วยท่าทางเหนื่อยอ่อนพร้อมกับถอดเสื้อนอกและพาดไว้บนโซฟาซึ่งแน่นอนว่ามีเอกสารวางไว้เช่นกัน

เขาเดินไปที่โต๊ะทำงานก่อนจะถอดหมวกที่สวมอยู่วางลงบนโต๊ะ

“เห้อ~ เอาเป็นว่าเริ่มจากจัดการห้องที่มันเหมือนรังหนูนี้ก่อนแล้วกัน”

เขาถอนหายใจระบายความเหนื่อยอ่อนก่อนจะลงมือจัดเก็บเอกสารมากมายในห้องไปกองไว้หลังโต๊ะทำงานเพื่อที่เวลาจัดการเอกสารเขาจะได้หยิบจับมันง่ายขึ้น

เพียงราว1ชั่วโมงจากรังหนูก็มีสภาพเหมือนกับห้องทำงานขึ้นมาหน่อย เมื่อทุกอย่างเป็นที่เป็นทางแล้วชายในชุดสูทก็นั่งลงบนเก้าอี้พร้อมกับเอนหลังพิงกับเก้าอี้ด้วยสีหน้าภูมิใจ

“เคลียร์งานๆ”

นั่งพักได้ไม่นานเขาก็หยิบเอกสารกองหนึ่งขึ้นมาวางบนโต๊ะและเริ่มทำงานที่เขาควรทำ

ติ๊ดติ๊ด! ติ๊ดติ๊ด!

“ครับ…กัปตันพูดอยู่ครับ”

นั่งไม่ทันถึงนาทีเสียงเรียกเข้าก็ดังจากมือถือ เขาหยิบมันขึ้นมากดรับสายในทันทีโดยไม่ได้มองเลยว่าใครเป็นคนโทรเข้ามา

“กัปตันคะตอนนี้มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นแล้วคะ!”

.

.

.

สวัสดีทุกท่าน ตอนนี้ทุกท่านเรียกผมว่ากัปตันก็ได้

ความจริงแล้วผมไม่ใช่คนของโลกนี้แท้ๆหรอก ผมเป็นเพียงนักศึกษาธรรมดาที่เผอิญหลุดเข้ามาอยู่ในเกมที่กำลังเล่นอยู่ในเวลานั้นนั่นคือ [Honkai Impact 3]

ผมเองก็จำไม่ค่อยได้ว่าผมหลุดเข้ามาในเกมนี้ได้ยังไง ไม่สิ พูดให้ถูกคือความทรงจำบางส่วนของผมขาดหายไป คงเพราะว่าผมเข้ามาอยู่ในร่างของกัปตันซึ่งไม่ใช่ร่างผมทำให้ความทรงจำของผมบางส่วนขาดหายไป

เพราะงั้นผมเลยจำอะไรไม่ค่อยได้เท่าไหร่นักแต่ก็ไม่ใช่ว่าจะจำไม่ได้ทั้งหมด อารมณ์เหมือนคุณต่อจิ๊กซอว์รูปหนึ่งอยู่ แต่ว่าชิ้นส่วนมันดันหายไปสักชิ้นสองชิ้น ทำให้ไม่สามารถทำจิ๊กซอว์รูปนั้นให้ออกมาสมบูรณ์ได้

แต่ถึงจะไม่สมบูรณ์เราก็พอจะเดาได้จากภาพที่เหลืออยู่ว่าส่วนที่หายไปนั้นมันควรหน้าตาประมาณไหนถูกมั้ยละ?

อ่อใช่หน้าที่ของผมในฐานะกัปตันคือการจัดการเอกสารและข้อมูลเกือบทั้งหมดระหว่างซิกซอลสาขาหลักกับสาขาตะวันออก ส่วนงานเสริมคือการเป็นผู้บัญชาการยานรบหน่วยที่ 5 ชิกซอลสาขาตะวันออก หรือก็คือเป็นกัปตันของยานไฮเปอร์เรี่ยน

ลิฟต์กำลังขึ้น ⬆

“….”

ไม่ทันไรกัปตันก็เดินทางมาถึงจุดที่ลูกเรือของเขานัดมานั้นก็คือบนยานรบของเขาเอง

“สถานการณ์เป็นไงบ้าง?”

“คะ ระดับพลังงานฮงไกที่ญี่ปุ่นอยู่ในค่าคงที่แล้วคะตอนนี้พันตรีและลูกทีมนำยานอีกลำออกไปก่อนแล้วค่ะ”

“พันตรีกับลูกทีม?”

กัปตันมองแผนที่แสดงตำแหน่งยานรบต่าง ๆบนหน้าจอเพื่อประเมินสถานการณ์

“เกิดอะไรขึ้นที่มองโกเลีย?”

กัปตันถามเพราะมีการมาร์คมองโกเลียไว้บนแผนที่ด้วยซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของจุดปะทะ

“ค่ะ นอกจากที่เกาะเล็กๆในประเทศญี่ปุ่นแล้วยังมีการปะทุเล็กๆในมองโกเลียอีก3จุดคะ ”

พอได้คำตอบกัปตันก็เข้าใจการกระทำของพันตรีฮิเมโกะทันที

“เข้าใจละงั้นเราไปที่มองโกเลีย รายงานเรื่องนี้ให้เทเรซ่ารึยัง?”

“ยังค่ะ!”

“งั้นจัดการเลย เผื่อเธออาจะให้ความช่วยเหลือ แล้วก็ตอนนี้เรามีแต่วาลคิเรียระดับCฝึกหัน ศูนย์ใหญ่มีกำลังสนับสนุนมาบ้างมั้ย?”

“มีค่ะแต่จะไปถึงช้าว่าเราประมาณ30นาที”

“อืม….พูดงั้นคือในกรณีที่เราเริ่มเดินทางตั้งแต่ตอนนี้สินะ?”

“ค-คะ”

ลูกเรือคนเดิมตอบ

“งั้นลุยโลด!”

กัปตันออกคำสั่งก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้งานวัดที่เขาหยิบติดมือมาด้วย

ทุกคนคงกำลังงงกันอยู่สินะว่าตอนนี้เราอยู่ส่วนไหนของเนื้อเรื่อง? ผมเองก็อยากรู้เหมิือนว่าตอนนี้มันอยู่ส่วนในของเรื่อง เพราะผมเองก็จำไม่ค่อยได้

เอาเป็นว่าผมจะเล่าเกี่ยวตัวผมและสิ่งที่ผมรู้ตอนนี้ให้ฟังก่อน

เมื่อ4ปีก่อน ผมลืมตาขึ้นมาในในห้องพยาบาลของซิกซอลเพราะว่ายานรบเกิดขัดข้องจนต้องลงจอดฉุกเฉิน ผมสลบไปเพราะหัวกระแทกรุนแรง กว่าจะฟื้นขึ้นก็เล่นไป3วันเต็มๆ

พอรักษาตัวจนหายสนิทแล้วก็ถูกส่งตัวมาที่สาขาตะวันออก พร้อมกับได้รับตำแหน่งกัปตันประจำยานรบหน่วยที่5 หรือก็ยานไฮเปอร์เรี่ยนที่คุ้นเคยกันนี้แหละ

ต่อกันเถอะ

เวลาในปัจจุบันคือต้นปี 2015

หลังการปะทุครั้งที่3 ที่นางาโซระราวปีเศษๆ ตอนนี้สามตัวหลักได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของสาขาตะวันออกเป็นที่เรียบร้อยแล้วในฐานนะนักเรียนวาลคิเรียของเซนต์เฟรย่าเรียบร้อยแล้ว ถึงจะยังอยู่ในช่วงเรียนการสอนก็เถอะแต่ก็ถือว่ามีพัฒนาการที่เร็วใช้ได้เลย

ถ้าให้เดาตอนนี้ก็คงอยู่ในช่วงก่อนขึ้นบทที่1สักปีนึงละมั้ง? เอาเถอะเรื่องนั้นยังไม่สำคัญเท่าไหร่ ยังไงเราก็ไม่ได้สำคัญอะไรอยู่แล้ว

ระหว่างที่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยอยู่นั้นเองไฮเปอร์เรี่ยนก็ได้มาถึงจุดหมายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“ค่าพลังงานเป็นยังไงบ้าง?”

“โดยรวมอยู่ในค่าคงที่คะ”

“งั้นก็ส่งโดรนออกไปสำรวจหาผู้รอดชีวิต”

กัปตันว่าจบก็หันความสนใจไปที่จอแสดงภาพจากโดรนต่อ

เหตุผลที่กัปตันเลือกที่จะไม่โจมตีใดๆนั้นเพราะเขาไม่มีความจำเป็นใดๆต้องลงมือเลย ตอนนี้เพียงแค่ค้นหาผู้รอดชีวิตและเก็บข้อมูลภาคสนามเพื่อเตรียมส่งไม้ต่อให้กับยานจากสาจาหลักที่กำลังจะมาถึงก็เพียงพอแล้ว

ต้องยอมรับว่าสาขาตะวันออกมีกำลังพลน้อยมาก แม้ว่าทางเราจะมีนักเรียนวาลคิเรียอยู่หลายร้อยก็ตามแต่วาลคิเรียที่มีประสบการณ์หรือผ่านสนามรบจริงมาแล้วนั้นมีเพียงหยิบมือเท่านั้น และหยิบมือที่ว่ามานั้นกัปตันไม่ได้พกมาเลยสักคน

“รายงาน มีผู้รอดชีวิต14คนค่ะ”

‘เร็ว….’

“ระบุตำแหน่งกับคอยรักษาความปลอดภัยเอาไว้ก็พอ อีกกี่นาทีกว่ายานจากศูนย์ใหญ่จะมาถึง?”

“2ใน3เข้าสู่พื้นที่แล้วค่ะ ให้ส่งข้อมูลไปเลยมั้ยคะ?”

“อื้มส่งไปเลย ถ้าทางนั้นติดต่ออะไรมาก็ให้ความร่วมมือเขาไป”

“แล้วก็……”

กัปตันยกมือขึ้นมาปกปิดบริเวณปากไว้ด้วยสีหน้าตึงเครียด

“ติดต่อเทเรซ่าให้ระวังตัวด้วยศัตรูน่าจะเข้าไปในเซนต์เฟรย่าแล้ว”

ตอนที่ 1 พบพาน

ปี 2014 เซนต์เฟรย่า

“รายงานคะกัปตัน พันตรีฮิเมโกะเดินทางเข้าสู่เขตเมืองนางาโซระเรียบร้อยแล้วคะ”

“อืมขอบใจที่ยังรายงานให้ฉันนะ ตอนนี้ทุกคนคงยุ่งกันอยู่เพราะงั้นไปทำงานของพวกเธอเถอะ ถ้าไม่มีการเอ่ยถึงก็ไม่ต้องมารายงานฉันก็ได้ ไว้เสร็จแล้วฉันค่อยตามเรื่องเอาทีหลังได้”

“รับทราบคะกัปตัน”

การปะทุครั้งที่3 เมืองนางาโซระ

สัญญาณเตือนถึงการเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง ไม่แปลกเลยทีทุกคนจะดูยุ่งกันไปหมดเพราะผลกระทบจากเหตุการณ์การปะทุครั้งที่2 นั้นรุนแรงมากถึงขนาดมีอีกชื่อว่า "สงครามฮงไกครั้งที่2"เลยด้วย

ดังนั้นเมื่อพบว่ามีการปะทุครั้งที่3เกิดขึ้นรอยแผลเก่าก็ยิ่งชัดเจนขึ้น ความระแวดระวังก็ยิ่งมากขึ้นเพราะความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยอาจทำให้ทุกอย่างเลวร้ายขึ้นจนกลายเป็นสงครามฮงไกครั้งที่3ก็ได้ถูกมั้ยละ

แต่สำหรับคนที่ไม่มีบทบาทอะไรในสงครามเลยอย่าง'กัปปิตัน'นั้น ไม่ว่าเขาจะอยู่หรือไม่อยู่ก็คงไม่ต่างกันเลย

ใช่แล้วครับ ขณะที่ทุกคนกำลังวุ้นว่ายหัวหมุนเป็นทอนาโดนั้น กัปปิตันของเราก็กำลังนอนสบายใจเฉิบอยู่ที่ห้องพักของเขานั้นเองครับ

“ตายๆ เงินเดือนเดือนนี้คงหายไปนิดหน่อยละมั้ง…แต่ชั่งเถอะ”

กัปตันยกหมอนอีกอันขึ้นมาปิดหู ตัดเสียงรบกวนและหลับตาอย่างสงบ

.

.

.

“ใครมันจะไปสงบลงกันฟระ!”

จะบ้าตายขนาดบอกว่าไม่ต้องรายงานแท้ๆ แต่เสียงของยัยลูกเรือคนเก่งของเราก็ดังไม่หยุดเลย พอจะหลับเข้าหน่อยก็มีเสียงใสเรียกชื่อของเขาอย่างโกรธเกรี้ยว

“กัปตัน!! ทำไมไม่มาประจำอยู่ที่ยานและเอาแต่โยนงานทุกอย่างให้ฮิเมโกะทำอยู่ได้แล้วแบบนี้เราจะมีกัปตันไว้เพื่ออะไรกันยะ!!”

ก็รู้ว่าเป็นเด็กที่บ่นเก่งแต่ไม่คิดว่าจะเล่นบ่นเรายาวเกือบสิบนาทีได้แถมดันบ่นผ่านอุปกรณ์สื่อสารทที่ตัวกัปตันไม่สามารถปิดได้เนื่องจากระเบียบของวาลคิเรียกำหนดไว้ (ถึงกัปตันจะเป็นผู้ชายและเป็นถึงกัปตัน แต่ก็ยังต้องทำตามกฎระเบียบและข้อบังคับแบบเดียวกับวาลคิเรีย)

สุดท้ายกัปตันก็ต้องลุกจากเตียงและออกมารอที่ลานจอดยานรบเพราะดูเหมือนพวกฮิเมโกะจะกลับมากันพอดี

“….”

ยานไฮเปอร์เรี่ยนค่อยๆลงจอดที่ลานในสภาพที่เสียหายขอนข้างหนัก สังเกตได้จากควันไฟบนด้านฟ้าของยานที่ยังไม่ดับดี

กัปตันจึงสั่งให้วาลคิเรียใกล้ๆไปจัดการเรื่องการดับเพลิงและติดต่อหน่วยซ่อมบำรุงก่อนที่เขาจะเดินไปที่ห้องควบคุมบาเรียป้องกันเพื่อทำการตรวจสอบความเรียบร้อยของบาเรียและระบบรักษาความปลอดภัย

ในเวลาเดียวกันเทเรซ่าและคนอื่น ๆก็ลงมาจากไฮเปอร์เรี่ยนพอดี โดยมีเด็กสาวตัวเล็กหรือเทเรซ่าที่พยุงฮิเมโกะลงมาด้วย พอเห็นว่าทั้งคู่ลงมาแล้ววาลคิเรียที่รอต้อนรับอยู่ก็เข้าไปหาพวกเธอทันที

“อ๊ะ มาพอดีเลย พวกเธอช่วยไปตามหมอกับทีมแพทย์มาหน่อยมีคนเจ็บ-”

“ขอโทษที่ให้รอคะผอ.!”

เทเรซ่ายังพูดไม่ทันจบประโยคทีมแพทย์ที่เธอขอไปก็มาถึงพอดิบพอดี เธอจึงอธิบายเกี่ยวกับคนเจ็บให้แพทย์ฟังเล็กน้อยก่อนที่เธอจะส่งฮิเมโกะให้ทีมแพทย์ดูแลต่อและขึ้นไปดูอาการของคนเจ็บอีกสองคนบนยาน

คนหนึ่งคือเด็กสาวผมเปียคู่สีขาวในชุดนักเรียน มีบาดแผลฉกรรจ์ที่กลางหลัง ส่วนอีกคนเป็นนักเรียนเข่นกัน เธอมีแผลถลอกตามแขนขาแต่ด้วยร่วมแล้วอาการไม่ได้หนักเท่าอีกคน

ทางด้านกัปตัน

“บาเรียไม่มีปัญหา ระบบป้องกันปกติดี…ดูเหมือนทางนี้จะไม่มีปัญหาอะไร”

กัปตันเอ่ยลอยๆกับตัวเอง การตรวจเช็กความเรียบร้อยก็พอจะนับเป็นหน้าที่ได้อยู่ พอกัปตันเห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีก็ปออกจากห้องควบคุมและมุ้งหน้าไปยังที่ที่หนึ่ง

.

.

.

ณ ห้องเก็บของในไฮเปอร์เรี่ยน

“…..”

ภายในห้องเก็บของที่มืดสนิทจนไม่สามารถห้องเห็นได้นั้นมีเด็กสาวผมสีเงินกำลังนั่งกอดตุ๊กตาตัวหนึ่งอยู่ แม้จะไม่ได้ตั้งใจหลบซ่อนแต่ด้วยรูปร่างที่เล็กกะทัดรัดทำให้ไม่มีใครรับรู้ว่าเธอหลบอยู่ที่นี่

จนกระทั่งประตูห้องเก็บของถูกเปิดขึ้นอีกครั้ง

“….” เด็กสาวกอดตุ๊กตาแน่นขึ้น หากยังไม่เห็นอีกเธอตั้งใจจะลุกขึ้นแสดงตัวแต่ดูแล้วคงไม่จำเป็น

“ไงเด็กน้อย”

เด็กสาวหรือโบรเนียเงยหน้าขึ้นมองไปยังเจ้าของเสียงทุ้มด้วยสีหน้าเรียบเฉย

“มาหลบอยู่ในนี้เดี๋ยวก็เป็นหวัดเอาหรอก”

แม้จะเป็นเพียงห้องเก็บของ แต่ก็มีเครื่องปรับอุณหภูมิคอยทำให้ห้องนั้นเย็นอยู่เสมอ เพราะอาวุธบางอย่างนั้นค่อนข้างไวต่อความร้อนจึงต้องมีการปรับอุณหภูมิห้องตลอดเวลา

ชายคนเดิมค่อยๆคุกเข่าลงตรงหน้าโบรเนียและถามอีกครั้ง

“หนูชื่ออะไรหรอ?”

“…..”

โบรเนียก้มหน้าเบนสายตาไปทางซ้ายทีขวาที เธอลังเลเล็กน้อยก่อนจะตัดสินใจเงยหน้าขึ้นมา

“โบรเนีย..”

“โบรเนียสินะ นี่ก็ดึกมากแล้วตอนนี้เดี๋ยวฉันหาที่พักให้ก่อน ส่วนเรื่องอื่นไว้พรุ่งนี้ค่อยว่ากันอีกตกลงนะ?”

ชายคมเดิมพูดและโบรเนียก็พยักหน้าเป็นการตอบตกลง

“อื้ม เดินไหวรึเปล่า?…อ่อใช่เกือบลืมเลย ฉันยังไม่ได้แนะนำตัวสินะ ฉันคือกัปตันของยานลำนี้ ทุกคนเรียกฉันว่ากัปตันเพราะงั้นเรียกฉันว่ากัปตันก็ได้”

กัปตันกล่าวพร้อมกับอุ้มโบรเนียขึ้นมาและพาเธอออกจากห้องเก็บของ

“โบรเนียเดินเองได้….”

“ไม่เป็นไรหรอกแค่นี้เอง ถ้าเธอเป็นคนเจ็บอะไรอะไรก็จะง่ายขึ้นจริงมั้ย?”

“…”

กัปตันพาโบรเนียมาที่ห้องพยาบาลเพื่อให้ทีมแพทย์ตรวจดูว่ามีบาดแผลตรงไหนหรือไม่ โดยระหว่างทางก็มีคนถามอยู่บ่างว่าเด็กที่เขาอุ้มอยู่นั้นเป็นใคร แต่กัปตันก็ตอบกลับไปว่าเป็นผู้รอดชีวิตจากการปะทุครั้งที่3 ทุกคนจึงเข้าใจและไม่ถามอะไรกันต่อ

“หมอบอกว่าไม่มีบาดแผลอะไรจะมีก็แค่อาการเหนื่อยล้านิดหน่อยพักสักวันสองวันก็กลับมาเป็นปกติแล้ว”

กัปตันพูดในขณะที่โบรเนียกำลังนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยเพราะยังไม่สามารถจัดหาที่พักที่ดีกว่านี้ให้ได้

“โทษทีนะที่เราไม่มีห้องเหลือเลย วันนี้ก็พักผ่อนเถอะเดี๋ยวพรุ่งนี้จะมีป้าผมแดงๆมาหาเธอ ถ้าเขาถามอะไรก็ตอบเขาไปละฉันพูดได้แค่นี้แหละ^^;”

โบรเนียพยักหน้าเข้าใจ พอหมดเรื่องจะพูดกัปตันก็ลุกจากเก้าอี้และเดินออกไปจากห้อง

“….”โบรเนียมองไปยังประตูที่กัปตันพึ่งออกเมื่อครู่ด้วยสีหน้าเรียบเฉย

.

.

.

3 วันต่อมา

“พันตรีเอายานไปรับเรลกันของศูนย์ใหญ่มารึไงเนี้ย\=\=”กัปตันบ่นอุบอิบ

ผ่านมาแล้ว 3 วัน กัปตันแทบจะกินนอนอยู่กับหน่วยซ่อมบำรุงบนไฮเปอร์เรี่ยนเลยก็ว่าได้

ทั้งหมดนี่ต้องขอบคุณป้าฮิเมโกะจริงๆที่เล่นเอาไฮเปอร์เรี่ยนไปรับการโจมตีของแฮชเชอร์ตรงๆ พอดับไฟบนด่านฟ้าหมดแล้วถึงได้รู้ว่าด่านฟ้าถูกเป่าจนแหวงไปหน่อยหนึ่ง แถมมีรู้อยู่ตรงกราบซ้ายของยานอีกต่างหาก

“ขอบคุณมากคะกัปตัน ไว้มีอะไรเราจะติดต่อไปใหม่นะคะ”

“อื้ม ไว้เสร็จแล้วส่งงบประมาณการซ่อมบำรุงไปให้ฉันด้วยละ”

ผมยังสงสัยไม่หายว่าไอยานลำนี้มันกลับมาถึงเซนต์เฟรย่าโดยไม่ร่วงกลางทางได้ยังไง อย่าว่าแต่ผมเลย ขนาดหน่วยซ่อมบำรุงยังคิดแบบเดียวกันเลย จะว่าบังเอิญหรือดวงดีสุดๆดีละ

เพราะตัวจ่ายพลังงานไปยังห้องเครื่องยังทำงานได้อยู่ ก่อนมันจะระเบิดทันทีที่เครื่องลงจอด

“ใช้งาน4ชั่วโมง ซ่อมเกือบ4วัน”

เป็นอะไรที่ขำไม่ออกจริงๆ ไอเราชักเริ่มเข้าใจละว่าทำไมยานรบในเรื่องมันพังกันง่ายแท้ ทั้งๆที่บาเรียของยานก็ใช้เกรดเดียวกับที่กางไว้รอบเซนต์เฟรย่าแท้ๆแต่ดันแตกทันทีที่โดนแฮชเชอร์ที่3ตบเบาๆ

.

.

ก่อนหน้านี้

ณ ห้องของผู้อำนวยการ

“อ่าห๊ะ แล้วผอ.ก็จับแฮชเชอร์ที่3มาขังไว้ห้องขังพิเศษนะหรอครับ?”

เทเรซ่าได้เรียกกัปตันเข้าไปพบเป็นการส่วนตัวและบอกเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างการปะทะกับแฮชเชอร์ที่3 หรือก็คือ ไรเดน เมย์

“อื้ม เพราะเห็นว่าแฮชเชอร์ยังไม่ลืมตาตื่นโดยสมบูรณ์ดีนัก แถมดูเหมือนเธอจะไม่มีกะจิตกะใจจะต่อต้านเราเลยด้วย”

“แต่ด้วยความเคารพและนับถือสุดใจนนครับ”

“ท่านคิดอะไรอยู่ถึงได้เอาแฮชเชอร์ที่3 ซึ่งเป็นแอชเชอร์แห่งสายฟ้า ไปยัดไว้ในห้องขังที่ใช้ระบบล็อกอิเล็กทรอนิกดาดๆเป็นเบสหรอครับท่าน?”

“…”

“ท่านก็รู้นิว่างบเรามันน้อยนิดขนาดไหน แค่เอาไปใช้สำหรับทำการเรียนการสอนก็แทบไส้แห้งอยู่แล้ว และจะไปเอางบจากไหนมาอัปเกรดห้องขังที่10ปีไม่เคยได้ใช้กันละครับ!!”

“แล้วนะพันตรี คุณเอายานเราไปทำอะไรมาถึงได้มีสภาพแบบนั้นกันครับ!”

“เอ่อคือ-”

“รู้มั้ยว่างบประมาณในการซ่อมบำรุงมันใช้เท่าไหร่! ดีนะที่งบที่เราสะสมไว้ยังพอมีอยู่!”

กัปตันบ่นชุดใหญ่ด้วยความเดือดหน่อยๆ ไม่กลัวเลยว่าจะโดนเทเรซ่าตัดเงินเดือนหรือโดนฮิเมโกะต่อยหน้าหงาย เพราะเรื่องที่เขาพูดไปนั้นเป็นเรื่องจริงทั้งหมด

“ข-เข้าใจแล้ว ขอโทษแล้วกัน!”

“ชิ โดนเด็กบ่นนี่ไม่สนุกเลยสักนิด”

“ผมเองก็ต้องขอโทษที่เผลอขึ้นเสียงเหมือนกัน”

สองสาวกล่าว ด้านกัปตันที่เริ่มเย็นลงแล้วก็ก้มหัวขอโทษ ตัวเขาเองก็ดันเผลอขึ้นเสียงไปโดยไม่ได้ตั้งใจเช่นกัน ก่อนจะเปลี่ยนไปที่หัวข้อต่อไป

“งั้นเรื่องต่อไป ฮิเมโกะเอารายงานนั้นมาหน่อย”

“อ๋อ”

ดูเหมือนเทเรซ่ากับฮิเมโกะจะคุยกันมาก่อนแล้วในเรื่องนี้ทั้งคู่จะเพียงแค่ส่งสัญญาณให้กันก่อนที่ฮิเมโกะจะหยิบเอาการ์ดบางอย่างออกมาจากหน้าอก?

“ไหงเอาไปเก็บไว้ในที่แบบนั้นกันยะ!”

“บวกหนึ่ง เห็นด้วยอย่างยิ่ง แม้ว่าวิวจะดีแต่ช่วงวัยก็สำคัญ-”

กัปตันพูดยังไม่ทันจบประโยค

ปัง!

เสียงฮิเมโกะใช้มือทุบโต๊ะจนหักครึ่งทำให้กัปตันหยุดพูดทันทีไม่งัยเขาอาจมีสภาพไม่ต่างจากโต๊ะตัวนั้น

“ลองพูดต่อสิ แกได้เจ็บหนักแน่กัปตัน…”

“ไว้โอกาสหน้าค่อยพูดแล้วกัน”

“นี่นาย!”

“พอแค่นั้นแหละทั้งสองคน!”

เทเรซ่ารีบเข้ามาห้ามไม่ไห้เจ้าของตำแหน่งกัปตันทั้งสองเกิดทะเลาะกันขึ้นมาในระหว่างที่กำลังทำการประชุมลับกันอยู่

“ยังไงก็เถอะอันนี้คือข้อมูลของเด็กสองคนที่เราพากลับมาด้วย”ฮิเมโกะพูดด้วยสีหน้าไม่พอใจ

“อืม” เทเรซ่าพยักหน้ารับก่อนจะเปิดการ์ดข้อมูลขึ้น ปรากฏจอโฮโรแกรมสีฟ้าพร้อมกับข้อมูลประวัติโดยย่อของคนๆหนึ่งขึ้นมา

“….ใช่จริงๆด้วย”

เทเรซ่าเอ่ยเบาๆเหมือนกับคิดไว้แล้วว่าต้องเป็นคนคนนี้และก็ใช่อย่างที่เธอคิด

เคียน่า คาสลาน่า นั้นคือชื่อของเด็กสาวอีกคนที่ฮิเมโกะพากลับมาด้วย เธอเป็นทายาทเพียงคนเดียวของ ซิกฟรีด คาสลาน่า และยังเป็นตัวเอกหลักในเกม Honkai Impact 3 อีกด้วย

“คาสลาน่า…ไม่คิดว่าจะได้ยินชื่อนี้อีกนะเนี้ย”

กัปตันพูด แม้ว่าเขาจะรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว แต่ก็ต้องแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเข้าไว้เพื่อไม่ให้สองคนนี้สงสัยในตัวเขาขึ้นมาและเป็นการหลีกเลี่ยงคำถามไปในตัว

“อื้ม ก็คิดไว้แล้วละว่าคงใช่แต่ก็ยังอดตกใจไม่ได้อยู่ดี”

“อยู่ในสภาพบาดเจ็บสาหัสมีบาดแผลฉกรรจ์ กลางหลังแต่ก็ยังลุกขึ้นมาเด็ดปีกแฮชเชอร์ได้ด้วยมือเปล่าสมกับเป็นคาสลาน่า ไม่ธรรมดาเลย” ฮิเมโกะพูดซึ่งตรงจุดนี้ทั้งกัปตันและเทเรซ่าเองก็เห็นด้วยเช่นกัน

“ส่วนอีกหน้าหนึ่งคือข้อมูลประวัติของแฮชเชอร์”

เทเรซ่าขยับนิ้วเปิดข้อมูลอีกอันหนึ่งขึ้นมา ซึ่งเป็นข้อมูลของ ไรเดน เมย์ แฮชเชอร์ลำดับที่3 แฮชเชอร์แห่งสายฟ้าผู้เป็นต้นเหตุของการปะทุครั้งที่3ในเมืองนางาโซระ และเป็นหนึ่งในตัวเอกหลักของ Honkai Impact 3 เช่นเดียวกับเคียน่า

“และคนสุดท้ายคือเด็กคนนี้”

“มีอีกหรอ?” เทเรซ่าถาม

“ใช่ พอดีมีติดมาด้วยอีกคนหนึ่ง” ฮิเมโกะตอบก่อนจะใช้มือของเธอในการปัดหน้าจอเปิดข้อมูลของเด็กสาวอีกคนขึ้นมาให้เทเรซ่าดู

“โบรเนีย เซชิค? มีแค่นี้เองหรอ?”

ในหน้าข้อมูลของเธอนั้นนอกจากชื่อแล้วก็ไม่มีอะไรเลย โล่งซะจนเทเรซ่าต้องหันไปถามคนที่ไปหาข้อมูลมาอย่างฮิเมโกะและเจ้าตัวก็ตอบกลับมาว่า

“อืม ฉันหาได้แค่นี้แหละ ถ้าอยากได้เพิ่มก็ไปหาเอาเองเถอะ ”

“ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอกลับก่อนนะครับผอ. พอดีว่าผมยังติดธุระเรื่องซ่อมยานอยู่เลย”

กัปตันพูดพร้อมกับหยิบหมวกขึ้นมาสวมเตรียมจะออกจากห้องไปแต่ก็ถูกเทเรซ่าหยุดไว้ก่อน

“เดี๋ยวก่อนกัปตัน พอดีว่าอยากให้ช่วยอะไรหน่อยนะ!”

“ช่วย?”

ตอนที่ 2 ขอต้อนรับ

ณ ห้องพักผู้ป่วยห้องหนึ่ง

มีหญิงสาวเรือนผมสีขาวบริสุทธิ์กำลังหลับอยู่บนเตียงคนไข้

“อือ….”

ดูเหมือนเธอจะได้สติพอดี เปลือกตาของเธอขยับก่อนที่เธอจะส่งเสียงครางเบาๆ

“ดูเหมือนจะตื่นแล้วนิ?”

“หืม?”

หญิงสาวลืมตาขึ้นมาก่อนจะมองกวาดดูรอบๆและพบกับเจ้าของเสียงเมื่อครู่ซึ่งกำลังนั่งมองเธอจากบนกางเขนสีทองขนาดใหญ่ที่พิงอยู่ปลายเตียง

‘ยัยเปี๊ยกนี้เป็นใครเนี้ย?’หญิงสาวเจ้าของห้องหรือเคียน่าคิด ก่อนที่เธอจะตั้งสติและกวาดตามองดูรอบๆอีกครั้ง

“ที่นี่ที่ไหน?” เคียน่าถามแต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ได้ฟังเธอจึงพยายามให้อีกฝ่ายรู้ว่าเธอกำลังพูดด้วยอยู่ “เห้ยัยเปี๊ยกฉันถามว่าที่นี่ที่ไหนได้ยินมั้ย?”

“ยัยเปี๊ยก!?” กางเขนถูกกางออกทันทีที่เสียงดีดนิ้วดังขึ้น โซ่สีทองหลายสิบเส้นพุ่งตรงเข้าหาเคียน่าโดยที่เธอไม่มีโอกาสแม้แต่จะขยับตัวเสียด้วยซ้ำ

“ว้าย!?”

“เธอจำเป็นตอนเรียนรู้เรื่องมารยาทเอาไว้บ้างนะเด็กน้อย!” เด็กสาวโดนจากกางเขนขึ้นมายืนบนเตียง “เธอวิ่งแจ้นเข้าไปในพื้นที่ที่ฮงไกระบาดโดยไม่มีเครื่องป้องหรือแม้แต่อาวุธ คิดว่าทำแบบนั้นแล้วจะหาพ่อเธอรึไง?”

เคียน่าเบิกตากว้างก่อนจะถามเด็กสาวตรงหน้าอย่างร้อนใจ

“เธอรู้จักตาแก่ด้วยเหรอ!?”

“แน่นอน ฉันรู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน” เด็กสาวย่อตัวลงมาอยู่ในระดับสายตาของเคียน่า

“ตอนนี้เขาอยู่ไหน”

“บอกไปแล้วเธอยังไ-”

“ท่านเทเรซ่ารีบร้อนเกินไปรึเปล่าครับเธอพึ่งตื่นได้ไม่ถึงนาทีเลยนะครับ?”

ในขณะที่เคียน่าและเจ้าของกางเขนหรือก็คือเทเรซ่ากำลังพูดคุยกันอยู่นั้นก็ถูกกัปตันขัดขึ้นมาซะก่อน

“ใครอีกเนี้ย?”

เคียน่าพูดแต่ไม่ทันไรก็ถูกโซ่สีทองตรึงไว้กับเตียง ตามด้วยเทเรซ่าที่ขยับเข้ามาใกล้เธอมากขึ้น ก่อนจะโบกมือไล่ให้กัปตันออกไปก่อนแล้วจึงหันมาพูดกับเคียน่าต่อ

“เอาละสาวน้อย ฉันจะไม่อ้อมค้อมแล้วกัน เธอในตอนนี้นะไม่มีทางไปเจอเขาได้หรอก” สิ้นคำของเทเรซ่าเคียน่าก็แถมกลับไปทันทีว่าทำไม

“เธอก็รู้นิว่าเขาชอบวิ่งเข้าไปหาอันตราย ที่ไหนมีฮงไกรุนแรงเขาก็อยู่ที่นั้นนั่นแหละ แล้วเธอคิดว่าตัวเธอในตอนนี้ที่แค่ฮงไกระดับต่ำไม่กี่สิบตัวเธอยังเอาชนะมันไม่ได้ จะไปหาเขาได้? เธอได้ไปโลกหน้าก่อนจะได้เจอเขาแน่นอน”

“….” เคียน่าเงียบ เธอกำลังคิดตามในสิ่งที่เทเรซ่าได้กล่าวไป

“ฟังนะ ฉันมีข้อเสนอให้เธอ”

“ข้อเสนอ?”

เทเรซ่าพยักหน้าก่อนจะอธิบาย “อ่า เธอแค่ลงทะเบียนเข้าเรียนในเซนต์เฟรย่าของฉันและถ้าเธอสามารถไต่ขึ้นไปจนถึงระดับAได้ละก็ ฉันจะบอกให้ว่าพ่อของเธออยู่ที่ไหน”

“….”

“ไม่ต้องรีบตอบก็ได้ แค่เพื่อนของเธออีกสองคนตอบรับคำเชิญของฉันเรียบร้อยแล้ว ”

“2คน? หมายถึงพี่เมย์กับโบรเนียนะเหรอ?”

เทเรซ่าพยักหน้าเป็นการตอบ“อื้ม” ซึ่งคำตอบของเทเรซ่านั้นทำให้เคียน่าคิดหนักเลยทีเดียว ตอนนี้ในหัวเธอนั้นกำลังคิดว่า ‘พี่เมย์ก็เรียนที่นี่เหมือนกัน’ อยู่ และคงเดาไม่ยากว่าคำตอบของเคียน่านั้นคือ

“ฉันตกลง”

.

.

.

“งั้นไว้อีก30นาทีฉันจะมารับเธอไปทีหอพักนะ ถ้าพยาบาลมาก็ทำตามที่เขาบอกด้วยละเดี๋ยวฉันมา”

“อ่าๆ เข้าใจแล้วน่า!”

เมื่อพูดคุยกันเสร็จแล้วเทเรซ่าก็เดินออกมาจากห้องของเคียน่าและปิดประตูดังเดิม

“รวบหัวรวบหาง ใช้วิธีแบบเดียวกับท่านบิชอปเลยนะครับท่านเทเรซ่า”

“อย่าพูดงั้นเลย แล้วที่ฉันขอไปเป็นไงบ้างละกัปตัน?”

กัปตันยื่นกล้องที่บันทึกภาพและวิดีโอระหว่างที่เคียน่ากับเทเรซ่ากำลังพูดคุยกันอยู่….ไม่สิต้องใช้คำว่าเจรจากันอยู่ถึงจะถูก

“สมกับเป็นนายภาพออกมาไม่เลวเลยไว้จะเพิ่มโบนัสให้นะกัปตัน” เทเรซ่าค่อยๆเลื่อนเปิดดูทีละรูปจากนั้นก็ตามด้วยวิดีโอ

งานที่เทเรซ่าอยากให้กัปตันช่วยนั้นก็คือการมาเป็นตากล้องให้เธอนี่แหละ ไอผมก็มือไม่ค่อยนิ่งซะด้วย ปากก็อยู่ไม่สุข มาเป็นตากล้องก็ดูจะงานใหญ่ไม่เบา แต่เทียบกับโบนัสที่ได้แล้วมันคุ้มค่า

“ไว้มีงานแบบนี้อีกก็เรียกผมได้เสมอนะครับผอ”

ว่าจบกัปตันโค้งตัวทำความเคารพและแยกตัวออกไปทันที เขายังมีงานที่ต้องทำอีกมากจึงอยู่ด้วยได้ไม่นาน ยานของเขายังเป็นรูอยู่เลยจะเสียเวลาไม่ได้หากเกิดเหตุฉุกเฉินอะไรขึ้นมาตัวเขาจะลำบากทีหลังเอาได้

.

.

.

กัปตันเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องๆหนึ่งซึ่งดูแล้วคล้ายห้องขังอยู่นิดหน่อย

เขาไม่พูดอะไรมากเพียงสแกนใบหน้าเพื่อยืนยันตัว หากพกบัตรประจำตัวมาด้วยคงง่ายกว่านี้

ประตูห้องขังค่อยๆเปิดออกมา บุคคลที่อยู่ภายในสะดุ้งตกใจพร้อมกับมองมาทางเขาด้วยท่าทางหวาดระแวง

“สวัสดียามบ่ายสาวน้อย”

กัปตันกล่าวทัก เด็กสาวเรือนผมสีม่วงยาวขยับถอยเล็กน้อยและพูด “ค-คุณเป็นใคร”

“เรื่องนั้นไม่สำคัญหรอก” กัปตันตอบปัดก่อนจะเดินเข้าไปในห้องขังด้วยสีหน้าจริงจัง

“ถอดเสื้อซะ”

“!!”

เด็กสาวร่นถอยจนแผ่นหลังชนเข้ากับกำแพง ด้วยสีหน้าหวาดกลัวแต่กลับรู้สึกได้ถึงความขยะแขยงที่มีต่อกัปตัน

“….” ตัวเขายังคงทำหน้าเคร่งขรึมและก้าวเข้าหาเด็กสาวหรือเมย์อย่างหนักแน่น ทางด้านเมย์ก็ถอยหนีจนไม่มีที่ให้หนีอีกต่อไป

“ฮะ…ฮ่าฮ่าๆ” ไม่นานกัปตันก็หัวเราะออกมาเสียอย่างงั้นจนเมย์ที่อยู่ในอาการหวาดกลัวถึงกับมึนงง

“ล้อเล่นนะล้อเล่น ขอโทษนะที่ทำให้ตกใจ”

กัปตันปาดน้ำตาที่ไหลออกมาเพราะหัวเราะมากเกินไปก่อนจะหยิบชุดนักเรียนซึ่งเป็นแบบเดียวกับที่เมย์สวมอยู่ออกมาวางไว้ตรงหน้าเธอ

“ไม่รู้ว่าพอดีตัวมั้ยหรอกนะแต่น่าจะให้ใส่ชุดขาดๆพวกนั้นต่อก็ยังไงอยู่ว่ามั้ย?”

“ชุด?”

เมย์มองสลับระหว่างกัปตันและชุดนักเรียนด้วยท่าทางสับสน ท่าทางในตอนแรกนั้นเป็นการล้อเล่น?

“อืม แล้วไงละจะเปลี่ยนรึเปล่า?”

เมย์คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะมองสำรวจตัวเองอีกครั้งแล้วใบหน้าของเธอก็ขึ้นสีทันที

ชุดนักเรียนที่ขาดวิ่นกระโปร่งที่เต็มไปด้วยรอยไหม้เต็มไปหมดจนมองเห็นสายชั้นในสีม่วงได้ชัดเจน

“ป-เปลี่ยนคะ!!” เมย์ตอบทันที เธอเองก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่งจะปล่อยให้ผู้ชายเห็นตนในสภาพหน้าอับอายแบบนี้ต่อไปก็ไม่ได้ เธอคว้าชุดที่กัปตันวางไว้ขึ้นมาปกปิดเรือนร่างของตนทันทีด้วยใบหน้าแดงก่ำ

กัปตันพยักหน้า “อื้ม แต่จะให้เปลี่ยนเลยก็ยังไงอยู่ เอาเป็นว่าฉันจะปิดกล้องตรงนั้นไว้ให้ก่อนโอเคมั้ย แล้วอีก5นาทีฉันจะเข้ามาอีกรอบ”

กัปตันว่าพร้อมกับใช้กระดาษหรืออะไรสักอย่างสีดำๆปิดกล้องไว้จากนั้นก็หันมาพูดกับเมย์

“งั้นฉันออกไปก่อนละ แค่ชุดนักเรียนคงใช่เวลาไม่นานหรอกจริงมั้ย?”

พูดจบเขาก็เดินออกไปทิ้งให้เมย์อยู่ตามลำพังในห้องขัง

เมย์ลังเลเล็กน้อยแต่เวลานั้นไม่คอยท่า เธอมีเวลาไม่มาก เมย์ถอดกระโปรงและเริ่มเปลี่ยนชุดทันที

.

.

5นาทีต่อมา

ประตูห้องขังเปิดออกอีกครั้งและผู้ที่เดินเข้ามานั้นเป็นกัปตันเช่นเดิม

“อืม แบบนี้ค่อยดีขึ้นหน่อย”กัปตันยิ้มกรุ้มกริ่ม จนเมย์ที่พึ่งปรับอารมณ์เสร็จนั้นรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา ชุดที่เธอใส่นั้นมันมีอะไรน่าหัวเหราะหรือยังไง หรือว่าชุดนี้จะมีปัญหาตรงไหน

“ยิ้มอะไรของคุณกันคะ” เมย์พูดเสียงแข็งทำหน้าบึ้งไม่พอใจ “สรุปแล้วคุณเป็นใครกันแน่”

กัปตันไม่ได้ตอบอะไร เขาเดินไปหยิบชุดที่นักเรียนเก่าของเมย์ที่พับวางไว้เรียบร้อยขึ้นมา แม้มันจะขาดจนแทบจะผ้าขี้ริ้วอยู่แล้วก็ตาม

“จำยานที่เธอยิงจนเป็นรูได้มั้ย ฉันเป็นกัปตันของยานลำนั้นแหละ เรียกฉันว่ากัปตันก็ได้เพราะทุกคนก็เรียกฉันแบบนั้นแหละ”

“กัปตัน?”

“ใช่กัปตัน”กัปตันยืนยันอีกครั้งก่อนที่เขาจะเดินไปยังประตูทางออกอีกครั้ง “ฉันแค่เอาชุดมาให้เฉยๆ ไม่มีอะไรมากหรอก” เขาพูดจุดประสงค์ของเขาออกไปให้เมย์เบากังวลลงบ้างและเตรียมจะเดินออกจากห้องไปแต่เหมือนเขาจะนึกอะไรได้จึงหันกลับมาอีกครั้ง

“อ๋อใช่อีกเรื่องนึก อีกประมาณ30นาที เด็กผมขาวตัวเล็กๆชื่อเทเรซ่ากับผู้หญิงผมแดงที่เธอเจอเมื่อวาน จะมาหาเธออีกครั้งนะ ดูเหมือนพวกเขาจะหาหอพักให้เธอได้แล้วละมั้ง?”

กัปตันว่า เขาก็ไม่มั่นใจเหมือนกันว่าการให้เด็กสามคนไปใช้ชีวิตร่วมกันภายใต้สายตาของฮิเมโกะตลอดเวลานั้นมันเป็นการจับตามองอย่างใกล้ชิดไปในตัวและประหยัดห้องพักไปในหัว หรือว่าเพราะไม่มีห้องจริงๆเลยโยนเด็กๆไปอยู่กับฮิเมโกะกันแน่

“ค-ค่ะ”

เมย์ขานตอบพยักหน้ารับรู้ พอเห็นอย่างนั้นกัปตันก็ออกมาจากห้องขังทันที

“เดี๋ยวนะ เขาเอาชุดของเราไปด้วยนิ?”

เธอนึกขึ้นมาได้ จะเรียกว่าไม่ทันสังเกตก็ไม่ได้เพราะเธอจับตามองการกระทำทั้งหมดของกัปตันไว้ตลอด เพียงแต่เธอไม่ได้สนใจเสื้อเหล่านั้นเลยจนถึงตอนนี้

.

.

.

ณ ห้องของกัปตัน

หลังจากกลับมาจากห้องขังเขาก็ตรงกลับมาที่ห้องของเขาทันที โดยไม่คิดจะแวะที่ไหนทั้งสิน

กัปตันหันซ้ายขวามองสำรวจรอบๆ เมื่อพบว่าไม่มีใครแล้วเขาจึงนำชุดของเมย์ออกจากเสื้อคลุมของเขาวางไว้บนโต๊ะทำงานก่อนที่เขาจะเดินไปหยิบกล่องใบหนึ่งในตู่เสื้อผ้าออกมา

“จะเก็บใส่กรอบรูปดูจะเกินไปหน่อย งั้นเก็บใส่กล่องแทนแล้วกัน”

กัปตันหยิบชุดนักเรียนขึ้นมาจัดใส่กล่องสีม่วงประดับด้วยลวดลายสีฟ้าสวยงาม จากนั้นกัปตันจึงนำกล่องใบนั้นกลับไปเก็บไว้ที่เดิม

“จริงด้วยป่านนี้โบรเนียคงถูกฮิเมโกะพาไปหอแล้วมั้ง?”

กัปตันฉุกคิดขึ้นได้ว่าตนไม่ได้ไปเยี่ยมโบรเนียเลย แต่พอเหลือบมองนาฬิกาก็คิดว่าตอนนี้ไม่ทันแล้ว เขาจึงล้มตัวนอนลงบนเตียงของเขา

พักสายตาสักสิบนาทีค่อยกลับไปทำงานต่อก็ยังไม่สาย

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!