"ธีม เรื่อ**งบังเอิญ"**
'เว่ยอิง ข้าอยากให้เจ้ามาเป็นพี่น้องร่วมสาบาน เจ้าคิดว่ายังไง' เสียงทุ้มต่ำถามพลางมองอย่างรอคอยคำตอบ แน่นอนว่าจอมยุทธนั้นคาดหวังไม่น้อยเลยทีเดียว
'สำหรับข้าแล้ว...ตกลงสิ หลานจ้าน' เสียงทุ้มนุ่มตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มอย่างอ่อนโยน
ผ่านมาสักพักแล้วสินะ ตั้งแต่วันที่ตอบรับคำขอของเขา ก็มีเรื่องให้เข้ามาไม่หยุดหย่อน ไหนจะการเตรียมพิธีการร่วมสาบาน การสู่ขอให้เป็นเรื่องเป็นราว
เพราะเว่ยอิงในร่างคุณชายโม่เองก็มีฐานะไม่ใช่น้อย แม้ว่าจะลูกนอกกฎหมายของจินกวงชาน แต่ก็ยังได้ขึ้นชื่อว่าอยู่ตระกูลจินอยู่ดี ทุกอย่างถูกจัดอย่างยิ่งใหญ่สมฐานะของทั้งคู้ที่ไม่ได้น้อยหน้ากันเลย
"ได้เวลาแล้วนะ เว่ยอิง" เจียงเฉิง ประมุขคนปัจจุบันของตระกูลเร่งเพื่อนสนิท แถมยังมีท่าทีตื่นเต้นกว่าว่าที่ศิษย์น้องร่วมสาบานเสียอีก
"ขอบใจที่เข้าใจข้า แม้ว่าจะใช้เวลานานมากก็ตามที" แม้ว่าจะต้องแลกมาด้วยการที่เขาเกือบตายเป็นครั้งที่สองแต่ถ้ามันทำให้ทุกอย่างคลี่คลายได้ก็ถือว่าดีแล้ว
"เจ้ามันไม่เคยบอกอะไรข้าอยู่แล้ว รู้ทีหลังตลอด"
"ต่อไปในอนาคตไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เจ้าต้องได้พบความบังเอิญที่ทำให้หลงรักใครขึ้นมาแน่นอน"
"สำหรับข้าไม่มีคำว่าบังเอิญ มีแต่คำว่าตั้งใจ" ถึงจากนี้ไปจะเชื่อเพื่อนสนิททุกเรื่องแต่เรื่องแบบนี้ถือเป็นข้อยกเว้น
"แล้วข้าจะคอยดู หวั่นอิ๋น" ใบหน้าหวานยิ้มอย่างรู้ทัน
*เรื่องจริงจากประวัติศาสตร์ มีสิ่งที่เรียกว่า พี่น้องร่วมสาบาน เป็นธรรมเนียมที่พี่ชายน้องชายจะมาสาบานรักกัน
-โดยที่พี่ชายในสาบาน (ผู้ชายอายุมากกว่า) จะมารับน้องชายร่วมสาบาน (หนุ่มรูปงาม) ไปอยู่บ้านด้วยราวกับเจ้าสาว
-แน่นอนว่ามีความสัมพันธ์ทางกาย
-จะแต่งงานหรือไม่ก็อีกเรื่องนึง
"จากนี้ไปคุณชายโมเสวี่ยนอวี่คืออวี๋ฝูเหรินของสกุลหลานแล้ว ขอให้ทุกคนในตระกูลหลานเคารพเขาดั่งเหมือนที่เคารพข้ามาโดยตลอด" น้ำเสียงของหานกวงจินไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ยังคงความเคร่งครัดในระเบียบเสมอมา
"ขอรับ หานกวงจิน"
"ไปกันเถอะ หลานฝูเหริน" แต่น้ำเสียงอ่อนลงทันทีเมื่อผู้กับพูดเป็นภรรยา ทำให้ศิษย์ในสำนักหาวิธีเอาตัวรอดพ้นจากการลงโทษได้อย่างไร
"ครับ ท่านพี่หลาน" ถึงแม้ว่าอายุเมื่อครั้นยังอยู่ในร่างเว่ยอู่เซี่ยนจะอายุเท่ากันแต่ในร่างใหม่นี่ถือว่าห่างกันพอสมควร ต่อหน้าผู้คนจึงต้องเรียกให้เป็นธรรมเนียม และเพื่อฝึกให้ชินปากจะได้ไม่มีการหลุดว่าแท้จริงแล้วดวงวิญญาณของร่างนี้เป็นใคร
หลังจากเสร็จพิธีทุกคนต่างแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตนเองที่ได้รับมอบหมาย เนื่องจากพิธีแต่งงานยังเป็นยาม*จ่าว เฉิน (รุ่งอรุณหรือรุ่งสาง) ทำให้ไม่ติดขัดกับงานของทุกตระกูลมากนัก ผู้คนต่างพากันอิจฉาที่คุณชายโม่พูดถูกขนานนามว่า เสียสติ ไม่มีใครสนใจ ไม่ได้รับการดูแลเหมือนลูกในกฎหมาย แต่ก็เหมือนฟ้าเป็นใจให้คุณชายหลานวั่งจีมีเมตตามารับไปเป็นน้องชายร่วมสาบาน เรียกได้ว่าเหมือนการเกิดใหม่เลยทีเดียว
ณ โรงเตี๊ยม
"พักสองวันนะเถ้าแก่"
"พักสองวันครับเถ้าแก่"
เสียงของทั้งคู่พูดขึ้นพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย ช่างเป็นเสียงที่คุ้นหูยิ่งนักเมื่อหันมาตามทางของเสียงก็พบว่า...
ประมุขตระกูลหลาน
"บังเอิญมากที่ข้าพบประมุขตระกูลเจียงที่นี่" หลานซีเฉินเอ่ยทัก ไม่คิดว่าเขาจะได้พบกับคนที่แอบชอบในเวลานี้
"ไม่หรอก ข้าไม่เชื่อว่าเรื่องบังเอิญมีอยู่จริงแถมพวกเรายังเพิ่งออกมาจากงานแต่งของเสวี่ยนอวี่ ยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่เลย" เจียงเฉินตอบปฏิเสธในทันที เมื่อเช้าก็เพิ่งจะได้ยินจากปากเพื่อนสนิท
นี่เขายังจะต้องทนฟังจากปากของประมุขของตระกูลหลานอีกรึ ช่างน่าปวดหัวเสียจริง
"ไม่ทราบว่าประมุขตระกูลเจียงมีธุระอันใดกับที่นี่"
"ข้าว่าจะมาซื้อของและสำรวจแถวนี้สักวันสองวัน ค่อยกลับท่าเรือสัตบง"
"ให้ข้าอาสาพาท่านเที่ยวชมที่นี่ดีหรือไหม ไม่มีที่มดในกูซูที่ข้าไม่รู้จัก" เขาอาสาอยากพาไปแต่ทว่า...
"ข้ามิกล้ารบกวนท่านประมุขหลานหรอก ข้าขอตัว"
ตลอดระยะทางการซื้อของที่จำเป็นในส่วนทีี่เขาปกครองนั้นไม่มี ก็พบประมุขตระกูลหลานทุกที่อยู่ร่ำไป เลยลองสอบถามชาวบ้านแถวนั้น จึงได้ความว่า
'วันนี้ท่านประมุขตระกูลหลานจะมาตรวจความเรียบร้อยของชาวบ้าน และสอบถามตามสถานที่ต่างไปๆ ทำให้พบเจอกันอยู่บ่อยครั้ง'
มันไม่ได้บ่อยธรรมดา...มันทุกครั้งเลยต่างหากล่ะ! อะไรมันจะบังเอิญขนาดนั้น น่าหงุดหงิดเสียจริง
น้อยครั้งนักที่จะได้เห็นประมุขเจียงหัวเสียมากขนาดนี้แต่ต้องข่มอารมณ์ไว้ ความจริงเขาไม่ได้ตั้งใจตามไปหรอก
แต่กำหนดการมันระบุไว้ก็เดินทางตามที่ได้รบมา บางครั้งก็ไม่ได้เจอกันแต่คงถูกเหมารวมอยู่ดี เพราะสีหน้าความไม่พอใจมันเด่นชัดบนใบหน้ามาก
และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่เขาและคนหน้าหวานดันเข้าโรงเตี๊ยมพร้อมกันอีก ถ้าไม่ติดว่าเป็นเซียนป่านนี้คงหยิบกระบี่มาฟาดฟันเป็นแน่
"ท่านจงใจไปพร้อมข้าใช่หรือไม่ แบบนี้ไม่ถูกต้องเลยนะ" น้ำเสียงของเจียงเฉินบ่งบอกว่าไม่พอใจเป็นอย่างมาก แทบอยากจะหาเรื่องสู้เลยด้วยซ้ำ ถึงจะอายุเข้าเลขสามแต่ความอารมณ์ร้อนยังคงอยู่เสมอ
"ข้าไม่ได้ทำเช่นนั้นเลย ทุกอย่างเป็นไปตามกำหนดการทั้งหมดแม้กระทั่งตัวข้าเองยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าประมุขตระกูลเจียงจะเดินทางไปที่ใด" ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องบังเอิญของทั้งคู่ที่ต่างพบกันบ่อยมากจนน่าแปลกใจ แม้กระทั่งตัวของหลานซีเฉินเองยังแปลกใจ แต่หารู้ไม่ว่าทุกอย่างนั้นมาจากความคิดของหานกวงจินและอวี๋ฝูเหรินคนสวยนั่นเอง
"เว่ยอิง เจ้าคิดว่าป่านนี้จะเป็นยังไงบ้าง" เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถาม ไม่ว่าเมื่อไหร่คนรักของเขาก็สดใสเสมอ จะอยู่ในร่างของตนเองหรือร่างของคนอื่นแต่ความงามทางจิตใจไม่เคยเปลี่ยนไปเลยสักนิด และเป็นคนที่แสบที่สุดในยุทธภพอีกด้วย
"อันนี้ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่คิดว่าป่านนี้เจียงเฉินโกรธแน่นอน"
"ทำไมล่ะ!"
"ก็ทั้งสองคนไม่รู้เลยว่าใครจะไปที่ไหน แต่พวกเราสองคนรู้ว่าจะไปที่ไหน"
"พวกเราจงใจทำให้พวกเขาเจอกันบ่อยขึ้น"
"แม้เพียงสักนาทีก็ยังดี"
"เผื่อว่าจะได้รู้ใจของตนเองเสียที"
"อายุก็มากแล้ว"
"เว่ยอิง เจ้านี่มัน...แสบจริงๆ" ไม่มีคำตอบจากอีกฝ่ายนอกจากเสียงหัวเราะที่ดังลั่นจิ้งชื่อ
ชุดทำพิธีในยาม*จ่าว เฉิน (รุ่งอรุณหรือรุ่งสาง) ถูกเปลี่ยนเป็นชุดปกติที่ทั้งคู่เคยใส่ หลังเสร็จพิธีหานกวงจินก็เดินทางตามกำหนดการของตระกูลทันที ส่วนหลานฝูเหรินก็เข้าจิ้งชื่อเพื่อพักผ่อนตั้งแต่ตอนนั้นจนกระทั่งยาม**เซี่ย อู่ว (ตอนบ่าย) สามีถึงมาปลุกให้ไปกินข้าวด้วยกัน ความเคร่งครัดที่เคยทำกับคนทั้งตระกูลแต่กลับผ่อนปรนให้กับเว่ยอิงเพียงคนเดียว
"อาหารที่นี่จะอร่อยกว่านี้ถ้ามีเนื้อมากกว่านี้" เสียงทุ้มนุ่มบอกด้วยใบหน้าจริงจัง ในบรรดาทุกเรื่องที่สนทนากันมีเพียงเรื่องกินและเรื่องงานเท่านั้นที่เขาจะจริงจัง นอกนั้นก็เล่นไปเรื่อยตามประสาเด็กหนุ่มของร่างใหม่
"เดี๋ยวรอบหน้าข้าจะทำให้" เสียงทุ้มต่ำขานรับอย่างตั้งใจ คนที่เคยทำผิดพลาดในอดีตอย่างหลานจ้านจะไม่มียอมให้เกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง ครั้งนี้ไม่ว่าอะไรที่จะสามารถรั้งคนๆ นี้ไว้ได้ เขายอมทำทั้งหมด
"เจ้าไม่เหมือนหลานจ้านที่ข้าเคยรู้จัก" เพราะสมัยก่อนเป็นคนที่แทบจะอยากฆ่าเขาทุกเวลา แต่ในตอนนี้กลับมาขอแต่งงาน พามาอยู่ด้วยกันแถมยังตามใจทุกครั้ง ช่างน่าแปลกใจยิ่งนัก
"เว่ยอิง ข้ามองเจ้าผิดไปตอนเป็นปรมาจาร์ยอี๋หลิง"
"ข้าจะไม่ยอมทำผิดซ้ำสองเป็นแน่"
"ข้าไม่อยากเสียเจ้าไปอีกแล้ว"
"ตลอดระยะเวลาสิบสามปีที่อดทนมา"
"มันช่างทรมาณเหลือเกิน"
"ข้าไม่เคยรู้สึกขอบคุณความบังเอิญในวันนั้น ที่ลูกศิษย์ในกูซูกำลังเดือดร้อนพอดีจนทำให้ต้องลงจากเขา"
"ทำให้ข้าได้พบกับเจ้าอีกครั้ง"
"ไม่ว่าจะบังเอิญ หรืออะไรก็ตามแต่"
"ข้าก็ขอบคุณที่ทำให้ได้เจอกันอีกครั้ง เว่ยอิง"
"เว่ยอิง เจ้าร้องไห้ทำไม"
เขาไม่รู้ตัวเลยว่าน้ำตาของตนเองไหลมาตั้งแต่เมื่อไหร่ เพราะมัวแต่ฟังคำพูดมากมายของคนรัก ที่ปกติเป็นคนพูดน้อยจนนับคำได้แต่ในวันนี้กลับพูดออกมามากมายเสียจนน่าตกใจ นี่คือสาเหตุทั้งหมดที่ทำให้หานกวงจินผู้ยึดมั่นในกฎเกณฑ์ยอมแหกกฎแบบนี้
ความรู้สึกนี้มันดีจนท่วมท้นไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ มีเพียงการโอบกอดแล้วลูบผมเป็นการปลอบใจ ไม่มีคำพูดใดถูกเอ่ยออกมาอีก เท่านี้ก็มากพอแล้ว เพียงพอที่จะทำให้เขาไม่สงสัยในตัวท่านพี่คนนี้อีกต่อไปแล้ว
"ขอบคุณที่ยอมพูดออกมามากมายขนาดนี้"
"ข้าคิดมาโดยตลอดว่าท่านพี่เกลียดข้าเสียอีก"
"ขอบคุณมากจริงๆ"
ชายเสื้อถูกถอดออกอย่างปรานีและพับเก็บอย่างเรียบร้อย ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วมากจนจับต้นชนปลายไม่ถูก เว่ยอิงไม่เคยคิดว่าหลานจ้านจะเป็นคนแบบนี้ คนที่ไม่เคยแม้แต่จะดื่มสุรา อ่านหนังสือประโลมในวันนั้นกลายเป็นคนบ้ากามถึงเพียงนี้ได้อย่างไรกัน
ถึงจะอ่อนโยนทุกขั้นตอนแต่ว่ามันช่างขัดกับใบหน้าของเขาเสียจริง
"หลานจ้าน พ... พอก่อน... อ๊ะ!" ทำไมถึงแข็งแรงขนาดนี้ ไม่เหนื่อยหรืออย่างไร
"ทำไมตัวเจ้าหอมขนาดนี้ เว่ยอิง" ทำไมยิ่งถอดถึงยิ่งสวย ละสายตาไม่ได้เลย
"ท่านพี่ พอก่อนนะ" เสียงทุ้มนุ่มพยายามดัดเสียงให้ฟังดูน่ารักที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เผื่อคนรักจะยอมใจอ่อนลงบ้าง
แต่หารู้ไม่ว่านั่นเป็นการทำให้สติของสามีขาดผึง ขนาดที่ค้างคาอยู่ภายในขนาดใหญ่ขึ้นเป็นเท่าตัว เสียงไม้กระทบพื้นดังสนั่นไปทั่วห้อง ทำให้คนตัวเล็กรู้ว่าไม่ควรพูดอะไรหวานหูในขณะกำลังทำกิจกรรมแบบนี้อีกเด็ดขาด มิฉะนั้นจะเจ็บตัวมากกว่าเดิม
"ท่านพี่วันอื่นยังมีนะ สามสี่วันค่อยทำทีได้ไหม"
"ไม่ได้หรอก ทุกวันก็คือทุกวัน"
"ไม่อย่างนั้น..."
"ข้าจะต้องขาดใจตายเป็นแน่"
ธีม ฤดูหนาว
จุ๊บ!
"อรุณสวัสดิ์ตอนเช้า ท่านพี่หลาน" เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยด้วยรอยยิ้มสดใส
"อรุณสวัสดิ์ตอนเช้า น้องเว่ยอิง" ตอนอยู่ด้วยกันสองคนเขามักจะเรียกอีกฝ่ายด้วยชื่อเดิมเสมอ หากอยู่ต่อหน้าคนอื่นจะเรียกว่าเสวี่ยนอวี่แทนหรือหลานฝูเหริน
"ไปเจอประมุขตระกูลเจียงมาสองสามวัน เป็นยังไงบ้าง"
"ข้าโดนบ่นจนหูชาหมดแล้ว หลานจ้าน" ก็เป็นตัวแสบประจำยุทธภพมาตลอด ทั้งเมื่อสิบสามปีก่อนรวมถึงตอนนี้ด้วย
"เรื่องทำให้ได้สนิทกับท่านพี่หลานซีเฉินงั้นรึ"
"ใช่ ข้าคิดว่าเจียงเฉินอาจจะรู้ว่าแผนนี้เป็นของข้าเลยโดนบ่นเต็มๆ"
"หึ! แล้วเข็ดไหมล่ะ"
"ไม่มีทางหรอก คนอย่างข้าไม่มีทางเข็ดเพราะเรื่องแค่นี้แน่"
เสียงหัวเราะที่ดังออกมาจากห้องของหานกวงจินนั้น ทำให้เหล่าลูกศิษย์รู้สึกสบายใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากหลานฝู เหรินไปท่าเรือสัตบงเป็นเวลาหลายสัปดาห์ พวกเขาที่เป็นศิษย์ต้องรับศึกหนักด้วยการเรียนอย่างเข้มงวดทุกวันไม่มีผ่อนปรน เมื่อมีข่าวมาว่าหลานฝูเหรินกำลังเดินทางมายังกูซู ทุกคนถึงกับดีอกดีใจออกนอกหน้าเพราะว่าถ้าภรรยาของหานกวงจินกลับมา ความตึงเครียดจะหายไปจนหมดสิ้น
"วั่งจี รู้ตัวไหมว่าตั้งแต่ที่หลานฝูเหรินไปท่าเรือสัตบง เจ้ามีท่าทีเคร่งเครียดตลอดเลย" หลานซีเฉินถามด้วยความเป็นห่วง เนื่องจากเขารู้ว่าน้องชายของตนเองติดภรรยามาก แล้วจู่ๆ เสวี่ยนอวี่บอกว่าจะไปท่าเรือสัตบง ความกังวลใจอะไรหลายอย่าง เกี่ยกับตระกูลรวมถึงความสนิทสนมเลยทำให้น่าเป็นห่วงยิ่งนัก โดยที่ประมุขตระกูลหลานไม่เคยรู้ว่าคุณชายเสวี่ยนอวี่คือเว่ยอู่เซี่ยน
ไม่ใช่ว่าเขากังวลเรื่องตระกูลเจียงไม่ชอบเสวี่ยนอวี่ สิ่งที่กังวลคือเจียงเฉินคือเพื่อนสนิทของเว่ยอิงต่างหาก หากเกิดการปะทะกันแล้วจะต่อต้านได้ไหมในเมื่อคนรักสูญเสียจินตานไปแล้ว โดยที่ไม่รู้เลยว่าความเครียดถูกแผ่ออกมาทางหน้าตา ท่าทาง และการใช้ชีวิตประจำวันด้วย
"ที่สำคัญเสวี่ยนอวี่ทำเพื่อท่านพี่ด้วย"
"เจ้าหมายความว่ายังไง วั่งจี"
"พวกเราช่วยกันทำให้ท่านพี่ได้รู้จักกับประมุขตระกูลเจียงมากขึ้น เพราะรู้มาว่าท่านพี่แอบชอบเจียงเฉิน ไม่เช่นนั้นก็คงไม่มีทางเจอกันที่ตลาดบ่อยขนาดนั้นหรอก"
"หมายความว่า เมื่อหลานเดือนก่อนเป็นฝีมือของพวกเจ้างั้นรึ" ไม่น่าเชื่อว่าน้องชายของเขาจะยอมเล่นอะไรเหมือนเด็กเป็นกับเขาด้วย แสดงว่าหลานฝูเหรินคนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ แล้วทำไมคนภายนอกถึงบอกว่าลูกต่างมารดาคนนี้มีสติฟั่นเฟือนได้ล่ะ มันแตกต่างจากที่เห็นมากเลยนะ
"เป็นแผนของหลานฝูเหรินและมีข้าเป็นคนบอกตารางงานของท่านพี่" ความแสบของสองสามีภรรยาคู่นี้ไม่ธรรมดาจริงๆ ข่าวลือที่ว่าชอบหาวิชาแปลกๆ มาสอนลูกศิษย์หรือพาเที่ยวเล่นเป็นฝีมือของคุณชายเสวี่ยนอวี่อย่างไม่ตกสงสัยเลย
"ข้าพึงพอใจประมุขตระกูลเจียงอยู่ แต่ไม่รู้ว่าชอบพอหรือเปล่า"
"แบบนี้ท่านพี่ก็ชอบพอเขาแล้วล่ะ"
"แล้วทีนี้จะทำอย่างไรดี"
ครืด.....
"ท่านพี่รองหลาน ข้าพาเด็กๆ ไปจับปลามา วันนี้ย่างปลากันไหม" เว่ยอู่เซี่ยนถามอย่างอารมณ์ดีเพราะเขาจับมาได้หลายตัวมาก
"อืม" หลานวั่งจีขานรับพร้อมยิ้มตอบ
"ขอรับ เดี๋ยวข้าออกไปย่างนะ" ชุดสีขาวพริ้วไหวไปตามสายลมจนเผยให้เห็นช่วงขาขาว หลานวั่งจีรีบสะบัดชายผ้าให้ลงมาแบบเดิมในทันที บ่งบอกถึงความหวงแหนคนรักของตนมากแค่ไหน แต่ว่าลูกศิษย์ก็เห็นกันไปหลายคนแล้ว สายตาอาฆาตถูกส่งมายังคนแถวหน้าที่มองเห็นเหตุการณ์เมื่อสักครู่
"พวกเจ้าจะเห็นหรือไม่ แต่คงรู้ใช่ไหมว่าจะตอบเยี่ยงไร"
"พวกข้าไม่เห็นเลยขอรับ หานกวงจิน"
"ดี"
คนที่ถูกพูดถึงตั้งใจย่างปลาจนไม่ได้สังเกตสิ่งรอบข้างเลยว่าเกือบมีเหตุทะเลาะวิวาทเกิดขึ้นในกูซูเสียแล้ว เนื้อปลาถูกย่างกึ่งสุกกึ่งดิบเพราะเนื้อจะไม่นิ่มเกินและแข็งเกินไปด้วย
หมับ!
ร่างสูงรวบตัวอีกคนเข้ามากอดพลางหอมไปทั่วร่างกายทำให้คนที่ได้รับสัมผัสขัดเขินจนแก้มขาวแดงซ่านไปหมด มือขาวไม่สามารถหนีจากการเกาะกุมนี้ได้ เพราะเสียดายปลาในมือที่ย่างมานานจะอดกินถือเป็นช่องว่างให้หานกวงจินได้ลิ้มรสความหอมหวานที่ขาดหายไปเป็นเวลานาน
"ห... หลานจ้าน... ไม่กินปลาก่อนรึ"
"ไม่ล่ะ ข้าอยากกินเจ้า"
ปลาย่างในมือข้าวถูกวางไว้บนโต๊ะอาหาร มือหนาวาดสัมผัสไปทุกที่ที่เข้าถึงได้ราวกับต้องการจะบอกว่าตนเองอดกลั้นเอาไว้มากแค่ไหน ข้าวของในห้องจิ้งชื่อกระจัดกระจายไปคนละทิศคนละทาง ริมฝีปากขบกัดใบหูเรียวอย่างเอ็นดูแต่ท่าทางสั่นเหมือนลูกกวางน้อยทำให้บางสิ่งบางอย่างตื่นตัวมากกว่าเดิมหลายเท่านัก
"เจ้ากำลังจะทำให้ข้าคลั่ง เว่ยอิง"
สองมือประสานกันด้วยความรักความหวงแหน สาบเสื้อหลุดรุยลงตามร่างกายขาวไม่มีสิ่งใดมาเจือปน ริมฝีปากหนาไล่เลียสำรวจทุกจุดรวมถึงทำรอยแสดงความเป็นเจ้าของอย่างเต็มที่ เสียงครางหวานดังออกมาตลอดบทรักที่เกิดขึ้นกลางโต๊ะอาหาร การอดทนเหมือนยาพิษของวั่งจียิ่งนัก
เขาตักตวงทุกสิ่งทุกอย่างที่อยากได้ไปจนหมด เว่ยอู๋เซี่ยนปลดปล่อยครั้งแล้วครั้งเล่าจนอ่อนแรงที่จะต่อกรนอกจากตอบสนองคนรักที่มาสัมผัสตนเพียงเท่านั้น
"ท่านพี่รองหลาน... ข้าไม่ไหวแล้ว... อึก!"
"ข้าคิดถึงเจ้า เว่ยอิง"
"อ๊า!!! ตรงนั้น" เสียงทุ้มนุ่มร้องเสียงหลงเหมือนส่วนปลายโดนจุดกระสันที่ทำให้รู้สึกมากกว่าทุกครั้ง เมื่อหลานจ้านรับรู้ว่าตรงไหนที่จะทำให้ฝูเหรินรู้สึกดี ไม่รอช้าที่จะตอบรับเสียงนั้นให้ส่งเสียงให้เขาตลอดเวลา จนกระทั่งน้ำจำนวนมากพุ่งออกมาจากส่วนอ่อนไหวของเว่ยอิง
"ไหวไหม เว่ยอิง" มือหนาประคองใบหน้าหวานขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง ร่างกายที่กำลังสอดประสานกันอยู่เกิดเคลื่อนไหวแตกต่างไปจากเดิม น้ำจำนวนมากไหลออกมาแต่แตกต่างจากทุกครั้งที่ผ่านมา ซึ่งเขาเองก็รู้ดีว่านี่คือการปวดเบาไม่ใช่น้ำสีขาวขุ่นเหมือนอย่างทุกที
"นี่เจ้ารู้สึกดีจนปวดเบาออกมาเลยรึ"
"แบบนี้เหมือนที่ถูกจับจองเป็นเจ้าของยังไงก็ไม่รู้"
"ท่านพี่อย่าเข้าใจผิด ฮึก!" อับอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว ร่างกายขาวพยายามขยับตัวหนีแต่การกระทำแบบนั้นเหมือนช่วยกิจกรรมที่อยู่ตรงหน้าเสียมากกว่า
"ไม่เอานะ ไม่ร้อง"
การปลอบใจถูกดำเนินไปค่อนคืนร่างกายที่อ่อนเพลียของคนรักหลับไหลไปเสียแล้ว หลานวั่งจีถอดสิ่งที่เชื่อมกันอยู่ออกแล้วทำความสะอาดร่างกายของคนรักจนหมด แม้กระทั่งการล้างภายในก็เช่นกัน เสียงครางหวานดังออกมาเป็นระลอก ช่างเป็นการช่วยที่ทรมาณเหลือเกิน
ร่างสูงเดินมาอาบน้ำเพื่อชำระร่างกายบ้าง สายตาคมเหลือบเห็นเงาของใครบางคนที่ยังนั่งแช่น้ำในยามดึกสงัดเช่นนี้
"ท่านพี่ใช่หรือไม่"
"ข้าเอง วั่งจี"
"ไม่เคยเห็นใบหน้าที่มีความสุขของเจ้ามานานมากแล้วนะ ตั้งแต่คุณชายโม่เข้ามาทุกอย่างก็ดีขึ้นจนน่าใจหาย ไม่ทราบว่าเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่า" ไม่มีคำตอบออกมาจากน้องชายของเขาแม้แต่คำเดียว แปลว่าเคยรู้จักกันมาก่อนแต่ไม่ยอมบอก
"ท่านพี่ลองส่งจดหมายหาประมุขตระกูลเจียงหรือยัง หลานฝูเหรินบอกข้าว่าวิธีนี้อาจจะช่วยได้"
"ดูเหมือนว่าฝูเหรินของเจ้าจะบอกข้าไปนะ ที่เขาหายไปนานเพราะนำจดหมายไปส่งให้ข้านี่ล่ะ"
"หึ! ร้ายไม่เคยเปลี่ยน" ใบหน้าคมส่ายหัวให้กับความแสบของเว่ยอิง ไม่ว่าจะกี่ปีผ่านไปนิสัยก็เหมือนเดิมสินะ ร่างเปลี่ยนแต่นิสัยไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิดเดียว
ณ ท่าเรือสัตบง
'จดหมายนี่เป็นลายมือของประมุขตระกูลหลาน ข้านำมาให้เจ้า หวั่นอิ๋น'
'เอามาให้ข้าทำไม พวกเราไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว'
'เจ้าก็รู้อยู่แก่ใจว่าท่านประมุขหลานชอบพอในตัวเจ้า ลองอ่านเสียหน่อยจะเป็นไรไป'
จะลองทำตามที่เว่ยอิงบอกสักครั้งก็แล้วกัน มือขาวเปิดจดหมายที่ถูกส่งมาด้วยตนเองจากเพื่อนรัก ดูท่าว่าจะหาเพื่อนเป็นฝูเหรินสกุลหลานด้วยกันแน่นอน เขายอมรับว่าพอหวั่นไหวกับประมุขตระกูลหลานตอนทำสงครามกับตระกูลเวินเหมือนกัน แต่ไม่เคยคิดจะสานต่อเพราะอาจจะเป็นที่ยอมรับได้ยากยิ่ง
แต่พอมาเห็นเพื่อนสนิทแต่งงานเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โต ไม่มีใครในยุทธภพไม่รู้จักคู่รักหานกวงจินสุดโหดกับคุณชายโม่สุดต๊องแน่นอน นิสัยแตกต่างกันมากแต่สามารถอยู่ร่วมกันได้ถูกพูดถึงหลายต่อหลายดินแดนจนได้รับขนานนามว่าคู่รักตัวอย่างของเพศชายเลยทีเดียว
' ถึงประมุขตระกูลเจียง
ท่านคงจะทราบจากคุณชายโม่เสวี่ยนอวี่ว่าข้าชอบพอในตัวท่านไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นความสามารถในการรบ สติปัญญา หรือนิสัยที่แสนดื้อรั้นนั่น ไม่ว่าจะเป็นสิ่งใดไม่มีอะไรที่ข้าไม่พึงพอใจในตัวท่าน จะดีกว่านี้ถ้าพวกเรามีเวลาคุยกันมากขึ้นเหมือนสมัยที่ยังทำสงครามกับตระกูลเวิน
นี่เป็นเพียงความในใจของข้า ซึ่งไม่รู้ว่าท่านคิดเช่นไร ไม่ว่าท่านจะชอบพอข้าหรือไม่ ก็อยากส่งจดหมายตอบกลับมาให้ข้ารับรู้ด้วยเถิด เจียงเฉิง
ประมุขตระกูลหลาน'
ไม่รู้ว่าการตัดสินใจครั้งนี้จะถูกหรือไม่ มีแต่ต้องลองเขียนจดหมายตอบกลับไปก่อนเท่านั้น
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
"ท่านประมุขขอรับ มีคนมาขอพบขอรับ"
"ใครรึ มาเช้าถึงเพียงนี้"
"ลูกศิษย์ตระกูลหลาน บอกว่านำจดหมายจากประมุขตระกูลหลานมาส่งขอรับ"
"ให้เข้ามา"
"ขอรับ"
หลานฝูเหรินเพิ่งจะเดินทางกลับไปได้สองสามวันเอง ทำไมถึงส่งคนมาหาเร็วขนาดนี้ มีเรื่องด่วนอะไรหรือเปล่า ชักจะท่าไม่ดีแล้วสิ
"ข้า หลานซือจุย นำจดหมายของท่านประมุขกับหลานฝูเหรินมาส่งขอรับ" จดหมายถูกส่งมอบให้ทันทีที่เดินทางมาถึง
"ถ้าเช่นนั้นเจ้ารอสักสามชั่วยาม เพราะข้าจะฝากจดหมายส่งไปหาประมุขตระกูลหลานและหลานฝูเหรินด้วย"
จากปลายฝนต้นหนาวก็ถึงฤดูหนาวจนได้ เสื้อผ้าถูกสวมใส่มากขึ้นเพื่อคลายความเหน็บหนาวลง ถึงจะมีหิมะโปรยปรายที่ดูสวยงามแต่ความหนาวก็ไม่เคยคิดที่จะปราณีใครเช่นกัน การเดินทางของหลานซือจุยจากท่าเรือสัตบงมายังกูซูถือว่าใช้เวลาไม่น้อยเลยทีเดียว โชคยังดีที่หาซื้อเสื้อผ้ามาเพิ่มได้ทันเวลามิเช่นนั้นคงหนาวตายก่อนเป็นแน่
"จดหมายจากประมุขตระกูลเจียงส่งมาหาทั้งท่านประมุขและท่านหลานฝูเหรินขอรับ" หลานซือจุยส่งมอบให้กับทั้งสองท่านทันที เมื่อสักครู่เหมือนเขาจะเห็นสายตาที่ดูเจ้าเล่ห์ออกมาจากแววตาของทั้งคู่แต่มันเป็นเพียงแวบเดียวเท่านั้น เลยไม่มีอะไรที่จะยืนยันได้ว่าสิ่งที่เขาเห็นเป็นเรื่องจริงหรือไม่
"เจ้าทำงานได้ดีมากซือจุย ไปพักผ่อนเถิด"
"นี่ผลไม้ข้าเก็บได้จากในป่า เอาไปกินด้วยนะ ซือจุย"
"ขอรับ ขอบพระคุณขอรับท่านหลานฝูเหริน"
ครืด.....
"ทำไมหลานฝูเหรินถึงได้แสบถึงเพียงนี้ ข้าคิดว่าท่านเหมือนคนๆ หนึ่งที่ข้าเคยรู้จัก" หลานซีเฉินจงใจเค้นความจริง เพราะไม่มีทางที่คนเราจะเหมือนกันมากขนาดนี้ มันจะต้องมีอะไรบางอย่างแน่นอน
"การที่คุณชายสนิทกับประมุขตระกูลเจียง หรือว่าคุณชายหรือเว่ยอู๋เซี่ยนกันแน่" ร่างกายขาวสะดุ้งทันที เขาไม่คิดว่าประมุขตระกูลหลานจะสังเกตถึงเพียงนี้ ปกติจะอยู่แต่กับหลานจ้านจะเผลอไม่ระมัดระวังตัวไป จู่ๆ มีมือคู่หนึ่งมาโอบกอดทำให้เว่ยอิงตกใจมากกว่าเดิม
หมับ!
"ไม่ต้องกลัวนะเว่ยอิง ข้าจะปกป้องเจ้าเอง" เสียงทุ้มต่ำกระซิบใกล้ใบหูขาว ความกลัวเมื่อสักครู่หายไปจนหมดสิ้นเนื่องจากสามีได้มาช่วยเหลือแล้วนั่นเอง
"เว่ยอิงตายไปแล้วท่านพี่ ฝูเหรินของข้าไม่เหมือนเว่ยอิงเลยสักนิดเดียว"
"ข่าวลือที่ว่าเจ้าหวงภรรยามาก ดูท่าจะเป็นเรื่องจริง" เขาคิดว่าสิ่งที่เหล่าลูกศิษย์พูดเป็นเรื่องล้อเล่นเสียอีก แต่เห็นแววตาแข็งกร้าวของวั่งจีแล้วไม่เกินจริงเลยแม้แต่น้อย
"ภรรยาใครก็ย่อมหวงเป็นเรื่องธรรมดา ท่านพี่กำลังทำให้เสวี่ยนอวี่ตกใจ"
"ทั้งที่เขาก็ช่วยท่านพี่เรื่องจีบประมุขตระกูลเจียง หรือท่านกำลังระแวงอันใดกัน"
"ไม่หรอกวั่งจี ข้าคงคิดมากไปเอง"
แล้วประมุขตระกูลหลานก็เดินจากไปพร้อมเสียงหัวเราะที่ดังพอสมควร ไม่คิดว่าการถามแบบนี้จะทำให้วั่งจีมาปกป้องถึงเพียงนี้ เพราะปกติไม่เคยแสดงอารมณ์อะไรออกมาเลย คุณชายคนนี้น่าสนใจมากที่ทำให้น้องชายของเขาเป็นได้ถึงขนาดนี้ มือหนาเปิดอ่านจดหมายที่ได้รับมาทันทีด้วยความใคร่รู้
' ถึงประมุขตระกูลหลาน
ข้าเองก็รู้สึกดีกับท่านไม่น้อย หลานฮวาน แต่ไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้จะตรงกับท่านหรือไม่ หากท่านสะดวกใจจะมางานเทศกาลของท่าเรือสัตบงที่จะถูกจัดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ขอเชิญมาร่วมงานด้วยกัน ที่นี่มีของอร่อยมากมายที่กูซูไม่มี ข้าอยากให้ท่านได้ลองชิมดูสักครั้ง
ประมุขตระกูลเจียง'
มือหนากำจดหมายแน่นจนขาด ความรู้สึกดีใจที่เกิดขึ้นไม่สามารถบรรยายออกมาได้ทั้งหมด อีกฝ่ายไม่ปฏิเสธแบบนี้แปลว่าเขายังมีหวังใช่หรือไม่
"เชิญมาขนาดนี้แล้ว หากไม่ไปข้าคงพลาดแย่ หวั่นอิ๋น"
ธีม ของอร่อย
หลังจากอ่านจดหมายตอบกลับฉบับนั้น ประมุขตระกูลหลานก็เขียนจดหมายส่งกลับไปเช่นกัน รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ไม่เคยปรากฏบนใบหน้าของเขากลับเผยให้เห็น ซึ่งหลานวั่งจีเห็นเข้าพอดีและสามารถเดาได้เลยว่าเป็นเรื่องของใคร ถือโอกาสถามไปให้คนรักของตนเลยดีกว่า
"ท่านพี่จะตอบรับคำเชิญนั้นหรือไม่" คำตอบไม่น่าจะเกินความคาดหมาย
"แน่นอนว่าไม่มีทางปฏิเสธ" รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ถูกส่งให้อีกครั้งทำเอาวั่งจีเย็นไปทั้งตัว
"โอกาสไม่ได้มีบ่อยๆ"
"หากพลาดไปต้องเสียใจไปตลอดชีวิตแน่"
"งั้นข้าขอตัว"
ณ ห้องจิ้งชื่อ
"ในที่สุดทั้งสองคนก็จะได้พบกันแล้ว ข้าลุ้นอยู่ตั้งนานว่าเจียงเฉิงจะตอบกลับมาว่าอย่างไร" เว่ยอิงอดที่จะเป็นห่วงนิสัยเจ้าอารมณ์ ดื้อรั้นของเพื่อนสนิทไม่ได้ ไม่มีอะไรจะรับประกันได้เลยว่าจะตัดสินใจเช่นไร
"แล้วเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง" เสียงทุ้มต่ำถามพลางอังหน้าผากคนรัก
"ยังคอแห้งอยู่ แล้วก็ตัวร้อนนิดหน่อย"
"ถ้างั้นก็พักผ่อนเถอะ"
มือหนาสวมกอดร่างบางด้วยความรักใคร่ พลางใช้อีกมือที่ว่างลูบปอยผมนิ่มหวังให้อีกฝ่ายหลับสบาย ความรักของเพศเดียวกันในยุคนี้ไม่ถือว่าเป็นเรื่องแปลก เพียงแค่ไม่ได้เป็นที่นิยมในย่านนี้เท่าใดนัก หากเป็นย่านทางตอนใต้จะได้รับความนิยมที่จะมีพิธีพี่น้องร่วมสาบาน คู่ของวั่งจีกับเสวี่ยนอวี่ถูกเป็นตระกูลดังเลยทำให้หลายคนรับรู้ได้รวดเร็วนัก
เว่ยอู๋เซี่ยนไม่คาดคิดเลยว่าจะมีคนเข้าใจในสิ่งที่เขาทำ ไม่เคยคิดว่าตนเองจะได้มีความสุขมากขนาดนี้ ทุกอย่างมันดีขึ้นจากตอนอยู่ร่างเดิมเสียอีก ตอนนั้นไม่ว่าจะพยายามสักเท่าไหร่ก็ยากนักที่จะมีคนมาเข้าใจในสิ่งที่ทำลงไป ไม่เกี่ยวว่าจะเป็นฝ่ายธรรมมะหรืออธรรม อยู่ที่แต่ละคนว่ามีนิสัยอย่างไร ไม่สามารถตัดสินได้ว่าคนทั้งตระกูลเป็นคนไม่ดี
ยามหว่าน ชั่ง (ตอนเย็น,ยามเย็น)
"เว่ยอิง ไปตลาดกัน"
"อืม..." ร่างบางยังคงพลิกไปมาอยู่ในอ้อมกอดของวั่งจี มือหนาเริ่มปัดป่ายไปทั่วร่างที่มีเสื้อผ้าปกปิดเพียงชั้นเดียว สาบเสื้อเริ่มหลุดลุ่ยไหลลงไปตามเรียวขาขาว ริมฝีปากหนาพรมจูบต้นคอขาวอย่างแผ่วเบา อีกคนยังคงทำเสียงเหมือนรำคาญที่โดนรบกวนทำให้ร่างสูงยิ่งได้ใจ
เสื้อผ้าของทั้งคู่ได้หายไปจากตัวแล้วเหลือเพียงผ้าห่มที่ปกปิดไว้เท่านั้น หลานจ้านไม่คิดว่าคนรักจะขี้เซาขนาดนี้ ปลุกเร้ามากขนาดนี้ยังไม่ตื่นอีก ทำยังไงถึงจะตื่นล่ะเนี่ย ปลุกก็แล้ว ตะโกนก็แล้ว ฉะนั้นวิธีน่าจะได้ผลนะ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ไม่ค่อยปรากฎให้เห็นบ่อยนักถูกเผยออกมา
มือข้างหนึ่งเอื้อมไปจับส่วนอ่อนไหวที่ชูชันเรียกร้องการปลดปล่อย ส่วนข้างที่ว่างก็เข้าไปช่องทางสีสดที่ตอดรัดนิ้วของเขาราวกับไม่อยากแยกจาก กิจกรรมที่วาบวามนี้ทำให้คนที่โดนปลุกเร้าเริ่มงัวเงียแล้วปรือตาขึ้นมามองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ทว่า...ไม่ทันเสียแล้ว
"อ๊ะ... ท่านพี่รองหลาน... ท่าน..." เสียงถูกกลืนหายเข้าไปเนื่องจากริมฝีปากถูกจูบอย่างหนักหน่วงเหมือนคนหิวกระหายอย่างหนัก การอดทนของเขาที่ผ่านมาหลายวันยิ่งทนก็ยิ่งร้อนรุ่มในใจ หายไม่ทำอะไรภรรยาเลยก็คงจะอดใจไม่ได้อีกแล้ว รสจูบที่ร้อนแรงนี้คนเพิ่งตื่นไม่ทันตั้งรับเลยหายใจไม่ทัน เมื่อว่าหลานจ้านจะสัมผัสได้ถึงยอมเปิดปากให้หายใจอีกครั้ง
"หลานจ้าน... เจ้าทำอะไร... อ๊า!" เว่ยอู๋เซี่ยนร้องเสียงหลงมือนิ้วที่อยู่ภายในกดโดนจุดที่ทำให้รู้สึกดีจนไม่สามารถกลั้นเสียงเอาไว้ได้
"ข้าพยายามปลุกเจ้าแล้ว แต่เจ้าไม่ตื่น"
"ข้าเลยคิดว่าวิธีนี้น่าจะได้ผลกับคนขี้เซาเช่นเจ้า"
"ไม่ต้องแก้ตัวเลย!"
"ท่านพี่หื่นกาม!!!"
กว่าหลานฝูเหรินจะได้ออกไปซื้อของก็โดนสัมผัสเสียจนเนื้อตัวเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำสีขาวขุ่นที่ไม่รู้ว่าเป็นของใครกันแน่ ถึงจะไม่ได้ทำถึงขั้นที่ทำให้เขาลุกไม่ไหวแต่การมาสอดไว้ใต้ขาเช่นนี้ทำให้รู้สึกเขินอายอยู่ไม่น้อย
"ทีนี้ พวกเราจะไปตลาดกันได้หรือยัง"
"น่าจะไปได้ตั้งนานแล้ว ถ้าท่านไม่มัวแต่สัมผัสข้า! หลานจ้าน!" เสียงหวานบ่นด้วยความหงุดหงิดแล้วเดินออกจากห้องจิ้งชื่อไป
"เว่ยอิง เจ้ากินมากเกินไปแล้ว"
"อาหารที่กูซูอร่อยทุกอย่าง ลองไปชิมร้านนั้นกัน"
"ก็ได้ ตามใจเจ้า"
ณ อวิ๋นเมิ่ง
"ทำไมประมุขเจียงถึงได้เงียบเช่นนี้ ข้าไม่รู้จะพูดอันใดเลย" ประมุขตระกูลหลานถึงกับไม่รู้จะวางตัวเช่นไร ตั้งแต่มาถึงที่นี่พวกเขาเพียงนั่งกินข้าวกัน เดินในตลาดแบบเงียบๆ ไม่มีใครยอมปริปากพูดอะไรสักคำ
"ข้าเองก็ไม่รู้จะวางตัวเช่นไร มันไม่ใช่เวลาที่เกี่ยวกับงานหรือเกี่ยวกับจินหลิง" ประมุขตระกูลเจียงมีสีหน้าที่หนักใจไม่น้อย เขาไม่เคยออกจากสำนักนอกเหนือจากเรื่องงานและเรื่องของหลานชาย ทำให้วางตัวได้ยากนัก
"ถ้าเช่นนั้น พวกเราค่อยๆ ทำความรู้จักกันไป เจ้าว่าดีหรือไม่"
"แต่ข้าไม่รู้ว่าจะเรียกประมุขหลานว่าอะไร"
"เรียกข้าว่า หลานฮวานก็ได้"
"ข้าไม่ถือ"
ถ้าประมุขหลานให้เรียกชื่อเกิดแบบนี้ ทางเราก็คงต้อง...
"ท่านเรียกข้าว่าเจียงเฉิงก็ได้"
เกิดความเงียบขึ้นอีกครั้งในโรงเตี๊ยม ไม่คิดว่าการเรียกชื่อเล่นของอีกฝ่ายมันจะยากขนาดนี้ ตอนเห็นเว่ยอิงเรียกหลานจ้านก็ไม่เห็นจะรู้สึกอะไร แล้วทำไมเขาถึงรู้สึกทำตัวไม่ถูกมันเป็นเพราะอะไรกัน
"จริงๆ แล้วข้าอยากเรียกท่านว่า...ฝูเหริน ส่วนเรื่องนามสกุลใช้ของท่านก็ได้ข้าไม่ถือ"
"หลานฮวาน ทำไมท่านถึงเป็นคนเช่นนี้"
"จะรีบให้ข้าเข้าตระกูลหลานแล้วรึ"
"ข้าเปล่า เพียงแต่ว่าข้าก็แค่อยากรู้จักกันให้มากขึ้น"
"ท่านอยู่ที่นี่สักสองสามวัน พวกเราจะได้รู้จักกันมากขึ้น"
"ข้าว่าลองไปชิมอาหารร้านนั้นดู เขาว่าอร่อยนะ"
"แต่ว่าข้าท่านน่าจะอร่อยกว่าอาหารพวกนั้นอีกนะ"
"หลานฮวาน!!!"
"ขอรับ หลานฝูเหริน"
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!