NovelToon NovelToon

หนุ่มน้อยหมวกแดง

EP1.

กาลครั้งหนึ่ง ณ หมู่บ้านที่แสนอบอุ่น รายล้อมไปด้วยผู้คนใจดีมากมาย ทว่าความหยาวเย็นของสภาพภูมิอากาศซึ่งมักจะเปลี่ยนแปลงในทุกๆปี อย่างปีใหม่ปีนี้

หมู่บ้านแห่งนี้ห่างไกลจากตัวเมืองหลวงไม่มากนัก ผู้คนรักความสงบเงียบและสังคมที่ไม่วุ่นวาย

หมู่บ้านทรีวินเทอร์ ที่ที่ล้อมรอบไปด้วยป่าไม้พื้นหญ้า เป็นพื้นที่อุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การพักผ่อนของชาวต่างเมืองโดยแท้จริง

ในทุกๆวันจะมีหนุ่มน้อย(?) สวมผ้าคลุมสีแดงเดินไปจับจ่ายซื้อของหรือมักเดินเล่นรอบ ๆ เมืองแทบทุกวัน ผ่านหน้าบ้านของเหล่าผู้คนหลายต่อหลายหลัง เขาเป็นที่คุ้นหน้าคุ้นตาแก่ชาวบ้านบริเวณนี้ดี

พวกเขาต่างเรียกเด็กหนุ่มว่า หนุ่มน้อยหมวกแดง ถึงแม้ขนาดตัวของอีกฝ่ายจะไม่เหมาะกับฉายาก็ตาม

เจ้าของฉายาเดินมองซ้ายมองขวาตามข้างทางเหมือนอย่างทุกวัน ในมือถือตะกร้าเปล่าใบหนึ่งโดยมีจุดประสงค์เพื่อนำมาบรรจุสิ่งของที่ต้องการซื้อจากตลาด

แผงขายผลหมากลากไม้ ของปิ้งย่างมากมายและข้าวของเครื่องใช้หรือเครื่องประดับตั้งเรียงรายยาวสุดลูกหูลูกตา

เขาหยุดยืนอยู่ด้านหน้าแผงขายผลไม้แห่งหนึ่ง สายตาของเขาจดจ้องเจ้าลูกกลมสวยสีแดงสดน่าลิ้มลอง ไม่เสียเวลาให้นานเพื่อเป็นการเสียมารยาท เขาจึงเลือกซื้อมันเพียงไม่กี่ลูกเท่านั้นเนื่องด้วยจำนวนเงินมีจำกัด

ร่างสูงใหญ่ของก้มมองลูกแอปเปิ้ลด้วยสายตาเป็นประกายแม้ใบหน้าจะไม่แสดงสีหน้าใดๆก็ตาม

ผลไม้พวกนี้เขาอยากจะนำมันไปแบ่งปันให้กับคุณยายและคุณแม่ได้ลิ้มลอง

ดวงตายิ่งเป็นประกายสดใสขึ้นไปอีก เมื่อนึกถึงสีหน้ายินดีและคำชื่นชมที่จะได้รับ ทำให้เขากระตือรือร้นรีบกลับบ้านเป็นพิเศษ

ฉลองปีใหม่! ฉลองปีใหม่!

อาหารและขนมฝีมือแม่อร่อยที่สุด!

ใช้เวลาไม่นานร่างสูงใหญ่กว่าเด็กวัยเดียวของเด็กหนุ่มอายุ 20 ปี ก็เดินมาหยุดหน้าบ้านสไตล์ทิวดอร์ขนาดกลาง กลิ่นหอมฉุยของคุกกี้ลอยอบอวนกระจายทั่วบ้านเมื่อเปิดประตู

"กลับมาแล้วครับ"

โทนเสียงทุ้มต่ำเปรยขึ้น หญิงวัยกลางคนเงยหน้าขึ้นมองลูกชายของเธอ ริมฝีปากคลี่ยิ้มอ่อนโยนส่งให้เด็กหนุ่มในฮู้ดสีแดง เธอถือถาดคุกกี้ออกมาวางไว้บนโต๊ะใกล้ๆ

เนื่องจากเตาอบนั้นไม่ได้อยู่ในห้องครัว เธอจึงต้องเอาคุกกี้ที่ผสมส่วนผสมเสร็จออกมาอบภายในตัวบ้าน แม้จะลำบากเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้แย่เท่าไรนัก 

"กลับมาแล้วหรอจ๊ะ แมท"

แมท หรือแมทธิว ชื่อจริงของเด็กหนุ่ม ฉายาหนุ่มน้อยหมวกแดงคือชื่อที่ทุกคนในหมู่บ้านมักจะเรียกกันจากการแต่งตัวของเขา แม้พวกเขาจะรู้ชื่อแมทธิวแต่กลับเลือกที่จะเรียกฉายาของเขาแทน

ในตอนแรกเขารู้สึกแปลกกับฉายาที่คนอื่นตั้งให้ แต่ก็อยู่กับการถูกเรียกบ่อยเข้าจนชินชา และมีบางครั้งแมทธิวไม่เข้าใจคนในหมู่บ้านเช่นกัน ชื่อแมทธิวมันออกเสียงยากกว่าหนุ่มน้อยหมวกแดงหรืออย่างไร?

เสื้อคลุมตัวนี้เป็นเสื้อที่คุณยายเขาถักให้ตั้งแต่เขายังอายุแค่ 14 ขวบปี การเติบโตที่รวดเร็วของร่างกายนี้ทำให้มันดูตัวเล็กตื้นเขินไปมาก เหลือยาวเพียงกลางหลังจากเดิมยาวลากดิน แต่เขากลับเลือกจะใส่มันต่อไปแม้มันจะดูไม่เข้ากับร่างกายสูงใหญ่บึกบึนนี้ก็ตาม 

นี่เป็นผ้าคลุมตัวโปรด เขาจะไม่ยอมทิ้งมัน!

แมทธิวกวาดสายตามองรอบห้อง หวังจะได้พบหญิงชราผู้มีใบหน้าใจดีอันคุ้นเคย แต่กลับผิดหวัง ไม่ว่าจะมองทั่วห้องแลซ้ายก็แล้วแลขวาก็แล้ว เขากลับไม่เห็นแม้แต่เงาของหญิงชราที่รัก

"คุณยายยังไม่มาหรอครับ?"

"อะ แม่ยังไม่ได้บอกเลยสินะ คุณยายเขาป่วยกระทันหัน แม่ก็พึ่งรู้เมื่อคืนนี้ตอนที่ลุงโจเขาบอกแม่น่ะจ้ะ" เธอเว้นช่วงและกล่าวต่อ ในน้ำเสียงเจือความเป็นห่วงปะปนอยู่ ก่อนจะยิ้มอ่อน "แม่กำลังอบคุกกี้ให้คุณยาย นี่ก็อบเสร็จเรียบร้อยแล้ว เหลือแค่ห่อก็เสร็จสมบูรณ์ แม่คงต้องรบกวนให้ลูกเอาไปให้คุณยายแล้วล่ะจ้ะ"

"ได้อยู่แล้วครับ เอาผลไม้ไปให้คุณยายด้วยได้ไหมครับ?" เขาถามพลางยกตะกล้าบรรจุผลแอปเปิ้ลกลมสีแดงสด

เธอแสดงสีหน้าฉงนเพียงชั่วครู่ก่อนจะแย้มยิ้มออกมาอีกครั้ง แววตาปรากฏคลื่นความปลื้มปิติยินดีและชื่นชมเธอจึงอดที่จะเดินเข้าไปวางมือบนกลุ่มผมนุ่มและลูบมันอย่างเบามือด้วยความเอ็นดูเสียไม่ได้

"เป็นเด็กดีรู้จักซื้อของฝากให้คุณยายแบบนี้ ดูเหมือนลูกชายที่คอยเอาแต่เดินตามแม่ด้วยขาสั้น ๆ สองข้างนั้นไม่ห่างคงจะก้าวขายาว ๆ นั่นเดินนำหน้าไปแม่แล้วสินะเนี่ย"

แมทธิวรู้สึกถึงอุณภูมิที่สูงขึ้น ใบหูร้อนฉ่าขึ้นสีแดงอ่อน แม้จะไม่ใช่พวกบ้ายอแต่แมทธิวเองก็ชอบคำชมจากคนที่ตนเองรักเสมอ

ไม่มีวันใดเลย ความรักนี้อันพึงมีต่อผู้เป็นมารดาจะลดลง

ลูกตัวน้อยในสายตาของเธอกระแอมไอเก้อเขิน เขากล่าวเสียงแผ่ว "ผมซื้อมาเผื่อแม่ด้วยนะครับ"

เมื่อได้ยินเช่นนั้นเธอก็หัวเราะร่าด้วยความเอ็นดู จึงลงมือขยี้กลุ่มผมแรงจนยุ่งฟู ลูกชายของเธอก็หัวเราะชอบใจ

แต่หัวเราะได้ไม่นานลูกชายตัวน้อยของเธอก็สำลักไอออกมา ทำให้เธอต้องลูบหลังปลอบประโลม

"ไหวไหมจ๊ะ ไปหาหมอดีไหม?"

"ไม่- แค่ก! ไม่เป็นไรครับ ผมทนได้" แมทธิวเอ่ยปรามเสียงแหบพร่าสั่นเทา ลำคอของเขาทั้งรู้สึกคันและเจ็บ มันทำให้เขาทรมานกับมันไม่น้อย

โดยปกติสุขภาพร่างกายของแมทธิวค่อนข้างอ่อนแอ ไหนจะเป็นภูมิแพ้ง่ายอีก ขอแค่ได้มีลมพัดผ่านมากเข้าหน่อย พูดไปอาจไม่เชื่อเนื่องจากร่างกายของเขานั้นสูงใหญ่และมีกล้ามเนื้อเหมือนอย่างคนออกแรงหาบของหนักเป็นประจำ

แต่ร่างกายนี้ได้มาเพราะต้องฝืนตัวทำทำนั่นทำนี่อย่างดื้อรั้น เขามักจะไปช่วยล่าสัตว์บ่อย ๆ กับลุงโจโดยการฝืนร่างกาย ถึงจะโดนห้ามอย่างไรก็ยังดื้อดึงจะทำต่อจนต้องนอนซมในวันต่อมา แล้วคุณคิดว่าแมทธิวคนนี้จะเข็ดหลาบไหม? แน่นอนว่าไม่ เขาทำแบบนี้ติดต่อกันหลายปีด้วยสภาพร่างกายแย่บัดซบนี่ ช่างเป็นเรื่องตลกร้ายนัก

น่าประหลาดใจที่ร่างกายเขายังอยู่ดี ไม่พังทลายเป็นผู้ป่วยติดเตียงไปเสียก่อน

"ทานยาบรรเทาอาการก็พอแล้วล่ะครับ" ปลายหางตารื้นน้ำสีใส เขาดูทรมานและน่าสงสาร

เธอมองลูกด้วยสายตาเศร้าสร้อย คนเป็นแม่อย่างเธอเจ็บใจนัก มันเป็นความผิดของเธอเอง เธอคลอดก่อนกำหนดถึงสามเดือน ทำให้ลูกร่างกายอ่อนแอ อีกทั้งยังสมองช้าจึงเรียนรู้ได้ไม่เท่าเด็กคนอื่น ๆ

เธอควรจะต้องดูแลตัวเองมากกว่านี้ เธอควรจะกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพของลูกมากกว่านี้ บางที...ถ้าหากเธอมีพร้อมทุกอย่าง ลูกชายของเธอคงไม่ต้องมารับมือกับสภาพร่างกายแบบนี้

แมทธิวเห็นแม่ของตนแสดงความกังวลออกมาทางสีหน้าจนหมด เขารู้ดีว่าแม่เป็นคนชอบโทษตัวเองไม่เคยคิดโทษคนอื่น เป็นคนจิตใจดีเกินไปจนน่ากังวล

เขาเอ่ยบอกแม่ด้วยเสียงที่พยายามปรับมันให้อ่อนลง แม้จะยังแหบเล็กน้อย "แม่อย่าโทษตัวเองเลย ผมเข้าใจแม่ และเข้าใจมากกว่าใครด้วย ผมเข้าใจว่าความเป็นอยู่ของเราไม่สามารถแก้ได้ง่าย ๆ ผมไม่คิดโทษว่ามันเป็นความผิดของแม่หรือของใครทั้งสิ้น"

เธอยิ้มอ่อนมองลูกชายของเธอด้วยความเอ็นดู แมทธิวของเธอช่างเติบโตมาเป็นเด็กดีเสียนี่กระไร "จ้ะ แม่จะไม่โทษตัวเองอีกแล้ว ลูกไปกินยาและหลับพักก่อนค่อยออกไปเยี่ยมคุณยายเถอะจ่ะ"

แม้จะรู้ว่าแม่ไม่หยุดโทษตัวตามเคย แต่เขาเลือกที่จะยิ้มและปล่อยไป คราวหน้าเขาคงทำได้เพียงบอกแม่ทุกครั้งว่ามันไม่ใช่ความผิดของเธอ

"ครับ อีกเดี๋ยวผมจะมา"

แมทธิวตัดสินใจเข้าห้องเพื่อไปทานยาและหลับพักผ่อนสักหนึ่งถึงสองชั่วโมง ตอนนี้ก็เข้าช่วงสายจวนจะเที่ยงแล้ว หากไปหาคุณยายช่วงบ่ายอาจจะดีกว่า ช่วงเวลาที่ความร้อนสะสมบนโลกมักจะเป็นช่วงนี้นี่แหละน่าจะเหมาะสมในวันที่อากาศหนาวเย็นแบบนี้

หน้าหนาวอากาศเย็นในช่วงปีใหม่ เป็นเวลาแห่งการทรมานร่างกายอันไวต่อร่างกายอ่อนแอของเขามากที่สุด ในวันที่อากาศที่หนาวเย็นเป็นพิเศษ

หากจะออกไปคงต้องสวมเสื้อเสื้อแขนยาวทับด้วยผ้าคลุมสีแดงนี่ซะแล้ว ถึงที่หมู่บ้านแห่งนี้หิมะจะตกช้าและน้อยกว่าที่อื่น แต่ก็ใช่ว่ามันจะไม่ตก ถือเป็นการดีหากเตรียมตัวไว้ก่อน

ทีบีซี.

EP2.

คุกกี้สามถุง นมหนึ่งขวด และผลแอปเปิ้ลสีแดงถูกตัดเตรียมลงตระกร้า คลุมด้วยผ้าลายตารางหมากรุกแดงสลับขาวเตรียมตัวพร้อมออกเดินทาง

"อย่าเถลไถลออกนอกเส้นทางเด็ดขาดนะจ๊ะแมทธิว" เมื่อเห็นลูกเปิดประตูบ้านแม่อย่างเธอไม่วายเอ่ยเตือนลูกด้วยความเป็นห่วง

เขาพยักหน้าตอบรับ "ครับ ผมไปแล้วนะครับแม่!"

"ไปดีมาดีนะจ๊ะ"

....

แมทธิวเริ่มออกเดินทางตามเส้นทางเข้าป่า ทางคดเคี้ยว มีดินสีเนื้อลากยาวเป็นถนน

เมื่อยิ่งเข้าไปลึกถนนที่เคยเรียบเป็นทางไม่มีหญ้ากลับเริ่มหายไป เหลือเพียงพื้นหญ้าเขียวขจี รอบข้างรายล้อมไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่

ดวงหน้าคมหันซ้ายแลขวา หยิบเด็ดคุณดอกไม้ที่ออกดอกบานสะพรั่งอวดโฉมความงามตามรายทาง สัตว์น้อยสัตว์ใหญ่มีให้เห็นมากขึ้น มันทำให้เด็กหนุ่มแปลกใจ

หากเป็นทางไปบ้านคุณยายมันไม่น่าจะมีดอกไม้และสัตว์ป่าเยอะขนาดนี้นี่นา

ดูเหมือนว่าเขาจะเพลิดเพลินกับการเก็บดอกไม้ไปหน่อย และหลงทางเข้าให้แล้ว

ทำยังไงดี ทำยังไงดี ทำยังไงดี!

สมองของเด็กหนุ่มเริ่มคิดไม่ตก ความกังวลเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้เขาไม่คุ้นชินกับมันเท่าไหร่ ดวงตากลมใสรื้นน้ำตาอย่างช่วยไม่ได้ ปากเบะน้ำตาคลอเตรียมจะร้องไห้เต็มที

"อึก...ใครก็ได้ ฮือ ช่วยผมด้วย" เสียงสะอึกสะอื้นเบา ๆ พร้อมกับเสียงร้องเรียกของเด็กหนุ่มช่างน่าเห็นใจนัก

เสียงของเด็กหนุ่มทำให้หมาป่าเจ้าเล่ห์ที่นอนพักอยู่ไกล้ๆ กระดิกหูแสดงปฏิกิริยาต่อเสียง มันจึงตัดสินใจออกมาดูสาเหตุของต้นตอด้วยความสงสัย

นัยย์ตาสีแดงฉานจ้องมองหนุ่มน้อยในฮู้ดสีแดงผ่านพุ่มไม้ อยู่พักหนึ่ง มันทอประกายความกระหายอย่างน่ากลัวก่อนที่เจ้าหมาป่าจะกระโดดออกมา สร้างความตกใจให้กับเขาจนเผลอก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว

โทนเสียงทุ้มต่ำทว่านุ่มนวลเอ่ยขึ้น "ใจเย็นๆ ข้าไม่ได้จะทำร้ายเจ้า" หมาป่ายังคงที่จะกล่าวถามต่อ

"ข้าแค่อยากรู้ว่าเจ้าร้องไห้ทำไม เหตุใดหนุ่มน้อยที่ดูอ่อนด้อยประสบการณ์แลดูอ่อนต่อโลกเช่นเจ้าถึงมาอยู่ในป่าลึกได้ เจ้ากำลังจะไปที่ใดหรือ?"

ผู้ถูกถามอึกอักราวกับน้ำท่วมปาก จะบอกอีกฝ่ายอย่างไรดีหากอยากออกไปจากป่าลึกแห่งนี้ โดยเลี่ยงจุดประสงค์มากที่สุด แม่ของเขาสอนมาอย่างดี เขาจดจำได้ว่าอย่าไว้ใจคนแปลกหน้า

แค่รอบนี้ เขาออกนอกเส้นทางจนตนเองเดือดร้อนเท่านั้นเอง...

"ผมกำลังจะไปหาใครสักคน แต่ดันเผลอเดินเก็บคุณดอกไม้แสนสวยตามข้างทางและหลงทางเข้ามาที่นี่ครับ"

"ไปหาใครรึ?" เจ้าหมาป่าพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจและถามขึ้นอีกครั้ง

สายตาของหมาป่าหนุ่มไล่สำรวจ แม้เด็กหนุ่มที่สวมเสื้อคลุมสีแดงตรงหน้าจะตัวสูงใหญ่จนเขาต้องเงยหน้ามอง แต่อีกฝ่ายกลับมีใบหน้าใสซื่อไม่ทันโลกมันน่าแกล้งให้ร้องไห้เสียจนพอใจ

ดูเหมือนอีกฝ่ายจะป่วย? เพราะกลิ่นยาอ่อนๆโชยมากจากร่างกายของอีกฝ่าย

หากเขาตะล่อมถามนิดหน่อยก็คงพูดออกมาจนหมดเปลือก

"..." คู่สนทนาเงียบหลบเลี่ยงสายตา เขาไม่ต้องการตอบคำถามคนแปลกหน้าอย่างเห็นได้ชัด

"หากเจ้าไม่บอกว่ากำลังไปหาใครหรือที่ใด ข้าก็จะไม่บอกทางออกเช่นกัน" หมาป่าจ้องหนุ่มน้อยเขม็ง เขาออกปากขู่ และมันดูมีน้ำหนักในใจต่ออีกฝ่ายมากพอควร

แมทธิวเบิกตาตกใจ เขากลัวจะไม่ได้ออกจากที่นี่และไปหาคุณยายก่อนค่ำไม่ทัน เขาจึงตัดสินใจออกปากบอกเพียงผิวเผิน "ผ- ผมกำลังจะไปหาคุณยายครับ ผมบอกได้แค่นี้ ได้โปรดบอกทางออกจากป่าให้ด้วยครับ!"

หมาป่าเจ้าเล่ห์แสยะยิ้มก่อนจะตอบรับด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร "ได้สิ ข้าจะพาเจ้าออกไป ตามข้ามาดีๆล่ะ" ว่าแล้วก็เดินนำทางเพื่อพาเจ้าหนุ่มน้อยไม่ทันโลกคนนี้ออกไปยังจุดเริ่มต้นทางเข้าป่า

ยังไงซะ ข้อมูลแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว เจ้ามนุษย์ตรงหน้าเดินเข้าป่ามาเพื่อไปหามนุษย์อีกคน แสดงว่าบ้านหลังนั้นต้องอยู่ภายในป่านี้ ส่วนตั้งอยู่ตรงไหนนั้นตนค่อยรีดเอาข้อมูลจากสัตว์ตัวอื่นก็ไม่ยากเกินมือ

....

"ขอบคุณที่พาออกมาครับ" แมทธิวก้มหัวโค้งขอบคุณ ตอนแรกเขาคิดว่าอีกฝ่ายจะหลอกพาเขาไปกินซะแล้ว นึกไม่ถึงเลยว่าอีกฝ่ายจะใจดีขนาดนี้ แม่เคยบอกเขาว่าอย่ามองคนที่ภายนอกคงจะจริงดังว่า

"ไม่เป็นไร คราวหน้าคราวหลังก็อย่าหลงทางอีกล่ะ" ผู้ถูกก้มหัวขอบคุณทำเพียงโบกมือบอกปัด

"จริงสิ ผมยังไม่รู้ชื่อคุณเลย ผมแมทธิวครับ" แมทธิวถามและกล่าวแนะนำตัวเป็นคนแรกตามมารยาท

ดวงตาสีแดงเหลือบมองหน้าเด็กหนุ่ม ก่อนจะกล่าวชื่อของตนด้วยรอยยิ้ม "ข้า คาลีดัส เรียกสั้นๆว่าคาร์ลก็ได้"

ทั้งสองจากลากันตรงนี้ หมาป่ามุ่งตรงเข้าไปในป่าอย่างรวดเร็ว ไม่นานร่างผอมเพรียวก็หายลับตาไป แมทธิวออกตัวเดินมุ่งหน้าเข้าไปในป่าทีหลัง มองซ้ายมองขวาอีกที สำรวจรอบข้าง

รอบนี้เขาจะไม่เถลไถล และหลงทางอีกแล้ว

แมทธิวในเสื้อคลุมสีแดงเดินหน้าไปอย่างมีจุดหมายไม่มีความว่อกแว่ก หากช้ากว่านี้เกรงว่าจะค่ำมืดเสียก่อน

เดินไปได้ไม่นาน เสียงตัดไม้ด้วยของมีคมชิ้นใหญ่ดังแว่วเข้าหู เมื่อเดินเข้าใกล้เรื่อยๆ ก็ยิ่งได้ยินชัดขึ้นเช่นกัน

เด็กหนุ่มชะโงกหน้ามองผ่านหลังต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง เห็นชายหนุ่มวัยกลางคนกำลังตัดไม้อย่างขมักเขม้น ร่างสูงใหญ่บึกบึนเต็มไปด้วยร้อยบากสะท้อนแสงวิบวับจากเหงื่อเย็น

"ลุงโจ!"

เจ้าของชื่อหันไปมองทางต้นเสียงเห็นเด็กหนุ่มผู้คุ้นหน้าคุ้นตา ไหนจะเสื้อคลุมเด่นสีแดงเป็นที่จดจำกันง่าย "อ้าวแมท มาที่นี่ได้ยังไงน่ะเรา หื้ม?"

"ผมกำลังจะไปเยี่ยมคุณยายครับ จะเอาคุกกี้ไปฝากเธอด้วย!" แมทธิวกล่าวอย่างกะตือรือร้นพลางยกตะกล้าที่บรรจุคุกกี้ให้ลุงโจดู

โจวางขวานทิ้งไว้บนตอไม้ที่ถูกตัดออกเหลือแค่ท่อนล่างที่รากยังยึดติดไว้กับดิน แขนไขว้กอดอกหัวเราะร่าจนแผ่นอกกระเพื่อม "ฮ่าๆๆ! เป็นเด็กดีจริง ๆ เลยนะเจ้าหนูนี่โตขึ้นขนาดนี้แล้วรึ เวลาช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน!"

ลุงโจนั้นสูงกว่าแมทธิวเพียงนิด แต่อีกฝ่ายก็ยังมองคนตรงข้ามเป็นเด็กน้อยไม่เปลี่ยน แม้เด็กที่ว่าจะตัวใหญ่กว่าวัวที่เลี้ยงอยู่ก็ตาม โจเอื้อมมือไปขยี้หัวฟู ๆ นั่นจนยุ่งเหยิง

"ระวังหน่อยล่ะ ช่วงนี้มีหมาป่าจอมเจ้าเล่ห์มักจะออกมาจากป่าลึกบ่อยๆ หากเจอก็อย่าไปเชื่อคำพูดของอีกฝ่ายเด็ดขาด เข้าใจไหม" โจเตือนด้วยความเป็นห่วง ในน้ำเสียงดูคมเข้มชัดเจน เขาเป็นห่วงเด็กน้อยตรงหน้าจากใจจริง

โจเป็นนายพราน ล่าสัตว์มามากมาย เขารู้ดีว่าสัตว์กินเนื้ออันตรายพวกนี้มันโหดร้ายและเจ้าเล่ห์เพียงใด

แมทธิวเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะตอบรับ "ครับ ผมเข้าใจแล้ว"

"ดีมาก"

หากบอกว่าเขาเจอหมาป่าตัวนั้นแถมยังเชื่อคำพูดอีกฝ่ายอีกล่ะก็ ลุงโจต้องบอกแม่ของเขาแน่ เขายังไม่อยากโดนบ่นจนหูชาหรอกนะ ทั้งคุณแม่ คุณยาย และลุงโจอีก ใครจะอยากนั่งฟังคำบ่นกันล่ะ!

อีกอย่างคาร์ลก็ไม่ได้ทำร้ายเขาสักหน่อย แถมยังช่วยเขาออกจากป่าด้วย คงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง?

ทักทายกันเล็กน้อยพอประมาณ แมทธิวโบกมือบอกลาลุงโจก่อนจะออกเดินทางต่อเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา

จากท้องฟ้าที่สว่างจ้าและแสงแดดอบอุ่นในยามบ่ายกลับกลายเป็นสีส้มแดง ลมเย็นพัดผ่านดวงตะวันจวนจะลาลับขอบฟ้า ในที่สุดแมทธิวก็เดินทางมาถึงบ้านหลังเล็กหลังเดียวในป่าแห่งนี้

ทีบีซี.

EP3.

บ้านธรรมดาก่อด้วยอิฐฉาบด้วยปูนและหลังคาสีส้ม เป็นบ้านอย่าง่ายเหมาะแก่การมาพักผ่อนหรืออยู่คนเดียวมากกว่านั้นตอนนี้แมทธิวยืนอยู่ด้านหน้าประตูไม้บานเก่า

มือหนากำมือยกขึ้นเหนืออกเคาะประตูสองสามที "คุณยายครับ นี่ผมเองแมทธิว ขออนุญาติเข้าไปหน่อยได้ไหมครับ"

"เข้ามาเลยจ้ะ ประตูไม่ได้ล๊อค" เสียงตอบรับจากภายในดังขึ้น แม้เสียงจะแปลกไปหน่อยแต่เขาก็ไม่สนใจ

คงเพราะคุณยายกำลังป่วยอยู่ เสียงอาจจะเพี้ยนไปบ้าง

แมทธิวเปิดประตูเข้าไป ภายในห้องมืดมิดจนไม่อาจเห็นหน้าคุณยายได้ชัด ชุดนอนของคุณยายถูกสวมทับลงบนร่างกายภายใต้ผ้าห่มผืนนั้น โผล่พ้นแสงเพียงแค่มือแม้จะไม่ค่อยชัดแต่ก็พอมองเห็น

"ทำไมคุณยายถึงไม่เปิดไฟหรือผ้าม่านบ้างล่ะครับ มันมืดมากเลย" แมทธิวเดินเข้าไปข้างใน แต่เขาไม่ได้เข้าไปใกล้เกินไปนัก ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกไปมาก

"พอดีว่ายายไม่ชอบแสงเวลานอนน่ะจ้ะ มันแสบตาทำให้นอนไม่หลับ" หมาป่าคาลิดัสในคราบคุณยายชราเอ่ยตอบก่อนจะกล่าวต่อ

"หลานคงมาเยี่ยมยาย ในตะกร้านั่นคือของฝากให้ยายสินะจ๊ะ ไหนเข้ามาใกล้ ๆ ยายหน่อยสิจ๊ะจะได้เห็นหน้าหลานชัด ๆ " คาร์ลเอ่ยเรียกเด็กหนุ่มด้วยเสียงที่ดัดจนเขาเริ่มรู้เจ๋บคอซะเอง

คาร์ลวางแผนจะจับเจ้าเด็กอ่อนต่อโลกคนนี้กินเป็นอาหารสักหน่อย กว่าจะมีเด็กหนุ่มอายุประมาณนี้ให้ได้กินนั้นช่างน้อยนิดนัก เขาอดอยากเหลือเกิน ปกติเขาจะหากินที่หมู่บ้านอื่น แต่กลับถูกไล่ล่าทำให้ต้องหนีรอนแรมมาหมู่บ้านทรีวินเทอร์แห่งนี้

จนถึงตอนนี้เขาก็พึ่งจะพบเหยื่อคนแรกของการย้ายถิ่นฐาน

และหากถามว่าคุณยายของไอ้มนุษย์เด็กนี่ไปไหน? คาร์ลเองก็ไม่รู้เช่นกัน ตอนเขาเข้ามาก็ไม่เห็นมนุษย์คนไหนภายในห้องนี้ มีเพียงเตียงที่ว่างเปล่าและห้องที่มืดมิด แต่เขาเลือกที่จะไม่สนใจและหยิบเสื้อเจ้าของบ้านในตู้เสื้อผ้าออกมาใส่อย่างลวก ๆ

ลิ้นสีแดงเลียริมฝีปากอย่างหิวกระหาย คอเขารู้สึกแห้งผากราวกับดินแห้งแล้งที่ไม่มีน้ำตกถึงมาเป็นเวลานาน

แมทธิวขยับเดินเข้ามาใกล้อย่างกล้า ๆ กลัว ๆ และยังคงทิ้งระยะห่างไว้

แมทธิวสังเกตุเห็นความผิดปกติมากขึ้น ยิ่งเข้าใกล้ยิ่งสังเกตุเห็น เขาออกปากถามอย่างอดไม่ได้

"ทำไมแขนคุณยายยาวจังครับ" เพราะปกติแล้วคุณยายของเขาแขนสั้นป้อมมีน้ำมีนวลและรอยเหี่ยวย่นตามอายุ แต่วันนี้กลับเรียวยาวเรียบเนียนมีขนาดเล็กกว่าที่เคยเป็น

"จะได้กอดหลานได้ง่ายขึ้นไงจ๊ะ"

"ทำไมตาคุณยายโตจังล่ะครับ"

"จะได้มองเห็นหลานชัดๆไงจ๊ะ"

"แล้วทำไมหูคุณยายใหญ่จัง"

"จะได้ฟังหนูได้ชัดขึ้นไงจ๊ะ"

คำถามมากมายถูกถามออกไปตามที่คิด แมทธิวสูดหายใจเข้าลึกและถามอีกครั้ง ความรู้สึกไม่ชอบมาพากลนี้ทำเขากังวลและหวาดกลัว "ทำไมฟันคุณยายแหลมจังเลยล่ะครับ"

คาร์ลส่งเสียงหัวเราะในลำคอ ปากอ้ากว้างขึ้นเผยเขี้ยวคม และกล่าวตอบอีกฝ่ายเสียงดัง "จะได้กินเจ้าได้ง่ายขึ้นไงล่ะ!"

หมาป่าคาลิดัสกระโดดออกจากเตียง พุ่งเข้าใส่อีกฝ่ายจนล้มตึง เสียงจาการกระแทกของแผ่นหลังกับพื้นแข็งดังก้อง ความเจ็บแล่นพล่านไปทั่วร่างกายจนต้องร้องออกมาเบา ๆ

"อึก! ค- คาร์ล?" แมทธิวแปลกใจกับการปรากฏตัวของหมาป่าที่พึ่งจะเจอกันได้ไม่ถึงวัน

ทำไมคาร์ลถึงมาอยู่ที่นี่? แล้วคุณยายล่ะ?

"ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ คุณยายล่ะ คุณยายอยู่ไหน!?" แม้ร่างกายจะถูกตรึงและโดนอีกคนคร่อมอยู่ เขาก็ยังออกเสียงตะโกนถามอีกฝ่ายเสียงดัง การขยับร่างกายแม้เพียงเล็กน้อยกลับทำให้ความเจ็บที่แผ่นหลังแล่นแปล๊ดจนนิ่วหน้า

"คุณยายของเจ้ารึ ไม่รู้สิ หากข้ากินเจ้าเสร็จแล้วค่อยคิดอีกทีว่าจะบอกดีหรือไม่" น้ำเสียงเจ้าเล่ห์พร้อมรอยยิ้มของคนบนร่างของแมทธิวทำเอาร่างของเขาสั่นไหว

ไม่ใช่ว่าแมทธิวสู้แรงคนตรงหน้าไม่ได้ ตอนนี้เขาเจ็บแผ่นหลังมากถ้าแค่ขยับตัว แรงของหมาป่าก็เยอะมากเช่นกันชนิดที่ว่าจะดูถูกร่างผอมเล็กนี่ไม่ได้เลย ยังไงซะอีกฝ่ายยังคงเป็นถึงหมาป่า ไม่แปลกใจนักหากอีกฝ่ายจะมีเรี่ยวแรงมหาศาล

คาร์ลนั่งคร่อมอย่างจ้องมองด้านล่างอย่างผู้เหนือกว่า มือเรียวพร้อมเล็บแหลมยาวกดไหล่ของเด็กหนุ่มไว้แน่น เขาค้อมหัวลงโดยมีเป้าหมายคือคอของอีกฝ่าย

แมทธิวหลับตาปี๋รอรับชะตากรรม ลิ้มเปียกชื้นเย็นทำเขาสะดุ้งเฮือก ตัวเกร็งสั่นงกเป็นเจ้าเข้าทำเอาหมาป่าคาลิดัสหลุดขำ

ลิ้นยาวโลมเลียคอจนเปียกชื้น ลามเลียขึ้นถึงใบหู ขบกัดมันเล็กน้อยด้วยฟันแหลมคม ของเหลวสีแดงไหลหยด กลิ่นสนิมคละคลุ้ง ทำเอาอารมณ์และร่างกายของหมาป่าคาลิดัสอยู่ไม่สุขเลยทีเดียว

อ่า...ความรู้สึกนี้แหละ ช่างน่าคิดถึงเหลือเกิน

หมาป่าหนุ่มกระดิกหูหางด้วยความพอใจ เขาผละหน้าออก และทิ้งรอยฟันไว้บนหูของอีกฝ่าย ริมฝีปากของคาร์ลเลอะเปื้อนเลือดสีแดงของมนุษย์ใต้ร่าง เขาโลมเลียลิ้มลองมันด้วยใบหน้าเปี่ยมสุข

นัยย์ตาสีแดงฉานเหลือบมองคนเด็กหนุ่มตัวโต สภาพของอีกฝ่ายทำเขาผงะไปชั่วครู่ ก่อนจะแสยะยิ้มตาโค้ง ประกายความสนุกพาดผ่านอย่างไม่อาจปกปิด

ปากเผยออ้าหอบหายใจ ใบหน้าแดงก่ำลามจนถึงใบหู ดวงตารื้นไปด้วยหยาดน้ำสีใส เหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นตามกรอบหน้าคม ลมหายใจที่หอบถี่กว่าปกติเพียงเล็กน้อยแสดงถึงอาการตื่นตัว

เมื่อเห็นหมาป่าบนร่างของเขาจ้องนานเข้าทำเอารู้สึกประหม่า ความเขินอายเพิ่มยิ่งขึ้นเป็นเท่าตัว เขายกมือปิดใบหน้าด้านบนไว้เพื่อหลบสายตาแปลก ๆ ที่คาร์ลมองลงมาที่เขา

"ถ้าจะกินก็รีบกินสักที จะเล่นกับเหยื่ออย่างผมอีกนานไหม"

ไม่รู้ทำไมเขาถึงมีอารมณ์ในสถานการณ์ตึงเครียด ทั้งที่อีกฝ่ายกำลังจะกินเขาแท้ ๆ แต่เขากลับกลายเป็นแบบนี้ไปได้

คาร์ลชะงักกับคำพูดของเด็กหนุ่ม นึกขำที่อีกฝ่ายยังคิดว่าเขาจะจับอีกฝ่ายกินในความหมายนั้นอยู่อีก

อ่อนต่อโลกโดยแท้

"คิก! เจ้านี่ตลกชะมัด ได้สิถ้าเจ้าพูดมาขนาดนี้แล้ว" คาร์ลเว้นช่วง แสยะยิ้มกรุ่มกริ่ม "ข้าก็จะกินไม่ให้เหลือเลย"

ทีบีซี.

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!