กาลครั้งหนึ่ง ณ หมู่บ้านที่แสนอบอุ่น รายล้อมไปด้วยผู้คนใจดีมากมาย ทว่าความหยาวเย็นของสภาพภูมิอากาศซึ่งมักจะเปลี่ยนแปลงในทุกๆปี อย่างปีใหม่ปีนี้
หมู่บ้านแห่งนี้ห่างไกลจากตัวเมืองหลวงไม่มากนัก ผู้คนรักความสงบเงียบและสังคมที่ไม่วุ่นวาย
หมู่บ้านทรีวินเทอร์ ที่ที่ล้อมรอบไปด้วยป่าไม้พื้นหญ้า เป็นพื้นที่อุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การพักผ่อนของชาวต่างเมืองโดยแท้จริง
ในทุกๆวันจะมีหนุ่มน้อย (?) สวมผ้าคลุมสีแดงเดินไปจับจ่ายซื้อของหรือมักเดินเล่นรอบๆเมืองแทบทุกวัน ผ่านหน้าบ้านของเหล่าผู้คนหลายต่อหลายหลัง เขาเป็นที่คุ้นหน้าคุ้นตาแก่ชาวบ้านบริเวณนี้ดี
พวกเขาต่างเรียกเด็กหนุ่มว่า หนุ่มน้อยหมวกแดง ถึงแม้ขนาดตัวของอีกฝ่ายจะไม่เหมาะกับฉายาก็ตาม
เจ้าของฉายาเดินมองซ้ายมองขวาตามข้างทางเหมือนอย่างทุกวัน ในมือถือตะกร้าเปล่าใบหนึ่ง โดยมีจุดประสงค์เพื่อนำมาบรรจุสิ่งของที่ต้องการซื้อจากตลาด
แผงขายผลหมากลากไม้ ของปิ้งย่างมากมายและข้าวของเครื่องใช้หรือเครื่องประดับตั้งเรียงรายยาวสุดสายตา
เขาหยุดยืนอยู่ด้านหน้าแผงขายผลไม้แห่งหนึ่ง หากแต่สายตาของเขากลับจดจ้องเจ้าลูกกลมสวยสีแดงสดน่าลิ้มลอง ไม่เสียเวลาจ้องนานเพื่อเป็นการเสียมารยาท เขาจึงเลือกซื้อมันเพียงไม่กี่ลูกเท่านั้นเนื่องด้วยจำนวนเงินมีจำกัด
ร่างสูงใหญ่ของก้มมองลูกแอปเปิ้ลด้วยสายตาเป็นประกายแม้ใบหน้าจะไม่แสดงสีหน้าใดๆก็ตาม
ผลไม้พวกนี้อยากจะนำมันไปแบ่งปันให้กับคุณยายและคุณแม่ได้ลิ้มลอง
ดวงตายิ่งเป็นประกายสดใสขึ้นไปอีก เมื่อนึกถึงสีหน้ายินดีและคำชื่นชมที่จะได้รับ ทำให้เขากระตือรือร้นรีบกลับบ้านเป็นพิเศษ
ฉลองปีใหม่ ฉลองปีใหม่!
อาหารและขนมฝีมือแม่อร่อยที่สุด!
ใช้เวลาไม่นานร่างสูงใหญ่กว่าเด็กวัยเดียวของเด็กหนุ่มอายุ 18 ปี ก็เดินมาหยุดหน้าบ้านสไตล์ทิวดอร์ขนาดกลาง กลิ่นหอมฉุยของคุกกี้ลอยอบอวนกระจายทั่วบ้านเมื่อเปิดประตู
"กลับมาแล้วครับ"
โทนเสียงทุ้มต่ำเปรยขึ้น หญิงวัยกลางคนเงยหน้าขึ้นมองลูกชายของเธอ ริมฝีปากคลี่ยิ้มอ่อนโยนส่งให้เด็กหนุ่มในฮู้ดสีแดง เธอถือถาดคุกกี้ออกมาวางไว้บนโต๊ะใกล้ๆ
เนื่องจากเตาอบนั้นไม่ได้อยู่ในห้องครัว เธอจึงต้องเอาคุกกี้ที่ผสมส่วนผสมเสร็จออกมาอบข้างนอก แม้จะลำบากเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้แย่เท่าไรนัก
"กลับมาแล้วหรอจ๊ะ แมท"
แมท หรือแมทธิว ชื่อจริงของเด็กหนุ่ม ฉายาหนุ่มน้อยหมวกแดงคือชื่อที่ทุกคนในหมู่บ้านมักจะเรียกกันจากการแต่งตัวของเขา แม้พวกเขาจะรู้ชื่อแมทธิว แต่กลับเลือกที่จะเรียกฉายาของเขาแทน
ในตอนแรกเขารู้สึกแปลกกับฉายานั่นแต่ก็อยู่กับการถูกเรียกบ่อยเข้าจนชินชา และมีบางครั้ง เขาจะไม่เข้าใจคนในหมู่บ้าน ชื่อแมทธิวมันออกเสียงยากกว่า หนุ่มน้อยหมวกแดงหรือ?
เสื้อคลุมตัวนี้เป็นเสื้อที่คุณยายเขาถักให้ตั้งแต่เขายังอายุแค่ 14 ขวบปี การเติบโตที่รวดเร็วของร่างกายนี้ทำให้มันดูตัวเล็กตื้นเขินไปมาก เหลือยาวเพียงกลางหลัง จากเดิมยาวลากดิน แต่เขากลับเลือกจะใส่มันต่อไปแม้มันจะดูไม่เข้ากับร่างกายสูงใหญ่นี้ก็ตาม
นี่เป็นผ้าคลุมตัวโปรด เขาจะไม่ยอมทิ้งมัน!
แมทธิวกวาดสายตามองรอบห้อง หวังจะได้พบหญิงชราผู้มีใบหน้าใจดีอันคุ้นเคย แต่กลับผิดหวัง ไม่ว่าจะมองทั่วห้องแลซ้ายก็แล้วแลขวาก็แล้ว เขากลับไม่เห็นแม้แต่เงาของหญิงชรา
"คุณยายยังไม่มาหรอครับ?"
"อะ แม่ยังไม่ได้บอกเลยสินะ คุณยายเขาป่วยกระทันหัน แม่ก็พึ่งรู้เมื่อคืนนี้ตอนที่ลุงโจเขาบอกแม่ น่ะจ่ะ" เธอเว้นช่วงและกล่าวต่อ ในน้ำเสียงเจือความเป็นห่วงปะปนอยู่ ก่อนจะยิ้มอ่อน "แม่กำลังอบคุกกี้ให้คุณยาย นี่ก็อบเสร็จเรียบร้อยแล้ว เหลือแค่ห่อก็เสร็จสมบูรณ์แล้ว แม่คงต้องรบกวนให้ลูกเอาไปให้คุณยายแล้วล่ะจ่ะ"
"ได้อยู่แล้วครับ เอาผลไม้นี่ไปให้คุณยายด้วยได้ไหมครับ?" ถามพลางยกตะกล้าบรรจุผลแอปเปิ้ล
เธอแสดงสีหน้าฉงน เพียงชั่วครู่ก่อนจะแย้มยิ้มออกมาอีกครั้ง แววตาปรากฏคลื่นความปลื้มปิติยินดีและชื่นชม เธอจึงอดที่จะเดินเข้าไปวางมือบนกลุ่มผมนุ่มและลูบมันอย่างเบามือด้วยความเอ็นดูเสียไม่ได้
"เป็นเด็กดีรู้จักซื้อของฝากให้คุณยายแบบนี้ ดูเหมือนลูกชายที่คอยเอาแต่เดินตามแม่ด้วยขาสั้นๆสองข้างนั้นไม่ห่างคงจะก้าวขายาวๆนั่นเดินนำหน้าไปแม่แล้วสินะเนี่ย"
หน้าของเขารู้สึกถึงอุณภูมิที่สูงขึ้น ใบหูร้อนฉ่าขึ้นสีแดงอ่อน แม้จะไม่ใช่พวกบ้ายอแต่แมทธิวเองก็ชอบคำชมจากคนที่ตนเองรักเสมอ
ไม่มีวันใดเลย ความรักนี้อันพึงมีต่อแม่จะจางหายไป!
ลูกตัวน้อยกระแอมไอเก้อเขิน เขากล่าวเสียงแผ่ว "ผมซื้อมาเผื่อแม่ด้วยนะครับ"
เมื่อได้ยินเช่นนั้นแม่ของเขาก็หัวเราะร่าด้วยความเอ็นดู จึงลงมือขยี้กลุ่มผมแรงจนยุ่งฟู ลูกชายของเธอก็หัวเราะชอบใจ
แต่หัวเราะได้ไม่นานลูกชายตัวน้อยของเธอก็สำลักไอออกมา ทำให้เธอต้องลูบหลังปลอบประโลม
"ไหวไหมจ้ะ ไปหาหมอดีไหม?"
"ไม่- แค่ก! ไม่เป็นไรครับ ผมทนได้" แมทธิวเอ่ยปราม เสียงแหบพร่า สั่นเทา ลำคอของเขาทั้งรู้สึกคันและเจ็บ มันทำให้เขาทรมานกับมันไม่น้อย
โดยปกติสุขภาพร่างกายของแมทธิวค่อนข้างอ่อนแอ ไหนจะเป็นภูมิแพ้ง่ายอีก ขอแค่ได้มีลมพัดผ่านมากๆเข้า พูดไปอาจไม่เชื่อเนื่องจากร่างกายของเขานั้นสูงใหญ่และมีกล้ามเนื้ออย่างคนออกกำลังกายเป็นประจำ
แต่ร่างกายนี้ได้มาเพราะต้องหาบของหนัก ช่วยล่าสัตว์บ่อยๆกับลุงโจโดยการฝืนร่างกาย ถึงจะโดนห้ามอย่างไรก็ยังดื้อดึงจะทำต่อจนต้องนอนซมในวันต่อมา แล้วคุณคิดว่าแมทธิวคนนี้จะเข็ดหลาบไหม? แน่นอนว่าไม่ เขาทำแบบนี้ติดต่อกันหลายปีด้วยสภาพร่างกายแย่บัดซบนี่ ช่างเป็นเรื่องตลกร้ายนัก
น่าประหลาดใจที่ร่างกายเขายังอยู่ดี ไม่พังทลายเป็นผู้ป่วยติดเตียงไปเสียก่อน
"ทานยาบรรเทาอาการก็พอแล้วล่ะครับ" ปลายหางตารื้นน้ำสีใส เขาดูทรมานและน่าสงสาร
เธอมองลูกด้วยสายตาเศร้าสร้อย คนเป็นแม่อย่างเธอเจ็บใจนัก มันเป็นความผิดของเธอเอง เธอคลอดก่อนกำหนดถึงสามเดือน ทำให้ลูกร่างกายอ่อนแอ อีกทั้งยังสมองช้าจึงเรียนรู้ได้ช้ากว่ารุ่นเดียวกันมาก
เธอควรจะต้องดูแลตัวเองมากกว่านี้ เธอควรจะกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพของลูกมากกว่านี้ บางที ถ้าหากเธอมีพร้อมทุกอย่าง ลูกชายของเธอคงไม่ต้องมารับมือกับสภาพร่างกายแบบนี้
แมทธิวเห็นแม่ของตนแสดงความกังวลออกมาทางสีหน้าจนหมด เขารู้ดีว่าแม่เป็นคนชอบโทษตัวเองไม่เคยคิดโทษคนอื่น เป็นคนจิตใจดีเกินไปจนน่ากังวล
เขาเอ่ยบอกแม่ด้วยเสียงที่พยายามปรับมันให้อ่อนลง แม้จะยังแหบเล็กน้อย "แม่อย่าโทษตัวเองเลย ผมเข้าใจแม่ และเข้าใจมากกว่าใครด้วย ผมเข้าใจว่าความเป็นอยู่ของเราไม่สามารถแก้ได้ง่ายๆ ผมไม่คิดโทษว่ามันเป็นความผิดของแม่หรือของใครทั้งสิ้น"
เธอยิ้มอ่อนมองลูกชายของเธอด้วยความเอ็นดู แมทธิวของเธอช่างเติบโตมาเป็นเด็กดีเสียนี่กระไร "จ่ะ แม่จะไม่โทษตัวเองอีกแล้ว ลูกไปกินยาและนั่งพักก่อนค่อยออกไปเยี่ยมคุณยายเถอะจ่ะ"
แม้จะรู้ว่าแม่ไม่หยุดโทษตัวตามเคย แต่เขาเลือกที่จะยิ้มและปล่อยไป คราวหน้าเขาคงทำได้เพียงบอกแม่ทุกครั้งว่ามันไม่ใช่ความผิดของเธอ
"ครับ อีกเดี๋ยวผมจะมา"
แมทธิวตัดสินใจเข้าห้องเพื่อไปทานยาและหลับพักผ่อนสักหนึ่งถึงสองชั่วโมง ตอนนี้ก็เข้าช่วงสายจวนจะเที่ยงแล้ว หากไปหาคุณยายช่วงบ่ายอาจจะดีกว่า ช่วงเวลาที่ความร้อนสะสมบนโลกมักจะเป็นช่วงนี้นี่แหละน่าจะเหมาะสม
หน้าหนาวอากาศเย็นในช่วงปีใหม่ เป็นเวลาแห่งการทรมานร่างกายอันไวต่อความเย็นของเขามากสุดๆ อากาศที่หนาวเย็นเป็นพิเศษ
หากจะออกไปคงต้องสวมเสื้อเสื้อแขนยาวทับด้วยผ้าคลุมสีแดงนี่ซะแล้ว ถึงที่หมู่บ้านแห่งนี้หิมะจะตกช้าและน้อยกว่าที่อื่น แต่ก็ใช่ว่ามันจะไม่ตก ถือเป็นการดีหากเตรียมตัวไว้ก่อน
ทีบีซี.
คุกกี้สามถุง นมหนึ่งขวด และผลแอปเปิ้ลสีแดงถูกตัดเตรียมลงตระกร้า คลุมด้วยผ้าลายตารางหมากรุกแดงสลับขาว เตรียมตัวพร้อมออกเดินทาง
"อย่าเถลไถลออกนอกเส้นทางเด็ดขาดนะจ๊ะ แมทธิว" เมื่อเห็นลูกเปิดประตูบ้าน แม่อย่างเธอไม่วายเอ่ยเตือนลูกด้วยความเป็นห่วง
พยักหน้าตอบรับ "ครับ ผมไปแล้วนะครับแม่!"
"ไปดีมาดีนะจ๊ะ"
....
แมทธิวเริ่มออกเดินทางตามเส้นทางเข้าป่า ทสงคดเคี้ยว มีดินสีเนื้อลากยาวเป็นถนน
เมื่อยิ่งเข้าไปลึกถนนที่เคยเรียบเป็นทางไม่มีหญ้ากลับเริ่มหายไป เหลือเพียงพื้นหญ้าเขียวขจี รอบข้างรายล้อมไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่
ดวงหน้าคมหันซ้ายแลขวา หยิบเด็ดคุณดอกไม้ที่ออกดอกบานสวยตามรายทาง สัตว์น้อยสัตว์ใหญ่มีให้เห็นมากขึ้น มันทำให้เด็กหนุ่มแปลกใจ
หากเป็นทางไปบ้านคุณยายมันไม่น่าจะมีดอกไม้และสัตว์ป่าเยอะนี่นา
ดูเหมือนว่าเขาจะเพลิดเพลินกับการเก็บดอกไม้ไปหน่อย และหลงทางเข้าแล้ว
ทำยังไงดี ทำยังไงดี ทำยังไงดี!
สมองของเด็กหนุ่มเริ่มคิดไม่ตก ความกังวลเล็กๆน้อยๆนี่เขาไม่คุ้นชินกับมันเท่าไหร่ ดวงตากลมใสรื้นน้ำตาอย่างช่วยไม่ได้ ปากเบะเตรียมจะร้องไห้อยู่รอมร่อ
"อึก ใครก็ได้ ฮือ ช่วยด้วย" เสียงสะอึกสะอื้นเบาๆ พร้อมกับเสียงร้องเรียกของเด็กหนุ่มช่างน่าเห็นใจนัก
เสียงร้องไห้ของเด็กหนุ่มทำให้หมาป่าเจ้าเล่ห์ ที่นอนพักอยู่ไกล้ๆ กระดิกหูแสดงปฏิกิริยาต่อเสียง มันจึงตัดสินใจออกมาดูสาเหตุของเสียงด้วยความสงสัย
นัยย์ตาสีแดงฉานจ้องมองหนุ่มน้อยในฮู้ดสีแดงผ่านพุ่มไม้ ก่อนที่เจ้าหมาป่าจะกระโดดออกมา สร้างความตกใจให้กับเขาจนเผลอก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว
โทนเสียงทุ้มต่ำ ทว่านุ่มนวลเอ่ยขึ้น "ใจเย็นๆ ข้าไม่ได้จะทำร้ายเจ้า" หมาป่ายังคงที่จะกล่าวถามต่อ
"ข้าแค่อยากรู้ว่าเจ้าร้องไห้ทำไม เหตุใดหนุ่มน้อยด้อยประสบการณ์ แลดูอ่อนต่อโลกอย่างเจ้าถึงมาอยู่ในป่าลึกได้ เจ้ากำลังจะไปที่ใดหรือ?"
ผู้ถูกถามอึกอักราวกับน้ำท่วมปาก จะบอกอีกฝ่ายอย่างไรดีหากอยากออกไปจากป่าลึกนี่ โดยเลี่ยงจุดประสงค์มากที่สุด แม่ของเขาสอนมาอย่างดี เขาจดจำได้ ว่าอย่าไว้ใจคนแปลกหน้า
แค่รอบนี้ เขาออกนอกเส้นทางจนตนเองเดือดร้อนเท่านั้นเอง...
"ผมกำลังจะไปหาใครสักคน แต่ดันเผลอเดินเก็บคุณดอกไม้แสนสวยตามข้างทางและหลงทางเข้ามาที่นี่ครับ"
"ไปหาใครรึ?" เจ้าหมาป่าพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจและถามขึ้น
สายตาก็ไล่สำรวจหนุ่ม แม้เด็กหนุ่มที่สวมเสื้อคลุมสีแดงตรงหน้าจะตัวสูงใหญ่จนเขาต้องเงยหน้ามอง แต่อีกฝ่ายกลับมีใบหน้าใสซื่อไม่ทันโลก ดูเหมือนอีกฝ่ายจะป่วย? เพราะกลิ่นยาอ่อนๆโชยมากจากร่างกายของอีกฝ่าย
หากเขาตะล่อมถามนิดหน่อยก็คงพูดออกมาจนหมดเปลือก
"..." คู่สนทนาเงียบ หลบเลี่ยงสายตา เขาไม่ต้องการตอบคำถามคนแปลกหน้า
"หากเจ้าไม่บอกว่ากำลังไปหาใครหรือที่ใด ข้าก็จะไม่บอกทางออกเช่นกัน" หมาป่าจ้องหนุ่มน้อยเขม็ง เขาออกปากขู่ และมันดูมีน้ำหนักในใจต่ออีกฝ่ายมากพอควร
แมทธิวเบิกตาตกใจ เขากลัวจะไม่ได้ออกจากที่นี่และไปหาคุณยายก่อนค่ำไม่ได้ เขาจึงตัดสินใจออกปากบอกเพียงผิวเผิน "ผ- ผมกำลังจะไปหาคุณยายครับ ผมบอกได้แค่นี้ ได้โปรดบอกทางออกจากป่าให้ด้วยครับ!"
หมาป่าเจ้าเล่ห์แสยะยิ้มก่อนจะตอบรับ "ได้สิ ข้าจะพาเจ้าออกไป ตามข้ามาดีๆล่ะ" ว่าแล้วก็เดินนำทางเพื่อพาเจ้าหนุ่มน้อยไม่ทันโลกคนนี้ออกไปยังจุดเริ่มต้นทางเข้าป่า
ยังไงซะ ข้อมูลแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว เจ้ามนุษย์ตรงหน้าเดินเข้าป่ามาเพื่อไปหามนุษย์อีกคน แสดงว่าบ้านหลังนั้นต้องอยู่ภายในป่านี้ ส่วนตั้งอยู่ตรงไหนนั้น ตนค่อยรีดเอาข้อมูลจากสัตว์ตัวอื่นก็ไม่ยากเกินมือ
....
"ขอบคุณที่พาออกมาครับ" แมทธิวก้มหัวโค้งขอบคุณ ตอนแรกเขาคิดว่าอีกฝ่ายจะหลอกพาเขาไปกินซะแล้ว นึกไม่ถึงเลยว่าอีกฝ่ายจะใจดีขนาดนี้ แม่เคยบอกเขาว่าอย่ามองคนที่ภายนอกคงจะจริงดังว่า
"ไม่เป็นไร คราวหน้าก็อย่าหลงทางอีกล่ะ" ผู้ถูกก้มหัวขอบคุณทำเพียงโบกมือบอกปัด
"จริงสิ ผมยังไม่รู้ชื่อคุณเลย ผมแมทธิวครับ" แมทธิวถามและกล่าวแนะนำตัวเป็นคนแรกตามมารยาท
ดวงตาสีแดงเหลือบมองหน้าเด็กหนุ่ม ก่อนจะกล่าวชื่อของตนด้วยรอยยิ้ม "ข้า คาลีดัส เรียกสั้นๆว่าคาร์ลก็ได้"
ทั้งสองจากลากันตรงนี้ หมาป่ามุ่งตรงเข้าไปในป่าอย่างรวดเร็ว ไม่นานร่างผอมเพรียวก็หายลับตาไป แมทธิวออกตัวเดินมุ่งหน้าเข้าไปในป่าทีหลัง มองซ้ายมองขวาอีกที สำรวจรอบข้าง
รอบนี้เขาจะไม่เถลไถล และหลงทางอีกแล้ว
แมทธิวในเสื้อคลุมสีแดงเดินหน้าไปอย่างมีจุดหมาย ไม่มีความว่อกแว่ก หากช้ากว่านี้เกรงว่าจะค่ำมืดเสียก่อน
เดินไปได้ไม่นาน เสียงตัดไม้ด้วยของมีคมชิ้นใหญ่ดังแว่วเข้าหู เมื่อเดินเข้าใกล้เรื่อยๆ ก็ยิ่งได้ยินชัดขึ้นเช่นกัน
เด็กหนุ่มชะโงกหน้าดูผ่านหลังต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง เห็นชายหนุ่มวัยกลางคนกำลังตัดไม้อย่างขมักเขม้น ร่างสูงใหญ่บึกบึนเต็มไปด้วยร้อยบากสะท้อนแสงวิบวับจากเหงื่อเย็น
"ลุงโจ!"
เจ้าของชื่อหันไปมองทางต้นเสียงเห็นเด็กหนุ่มผู้คุ้นหน้าคุ้นตา ไหนจะเสื้อคลุมเด่นสีแดง เป็นที่จดจำกันง่าย "อ้าวแมท มาที่นี่ได้ยังไงน่ะเรา หื้ม?"
"ผมกำลังจะไปเยี่ยมคุณยายครับ จะเอาคุกกี้ไปฝากเธอด้วย!" แมทธิวกล่าวอย่างกะตือรือร้นพลางยกตะกล้าที่บรรจุคุกกี้ให้ลุงโจดู
โจวางขวานทิ้งไว้บนตอไม้ที่ถูกตัดออกเหลือแค่ท่อนล่างที่ยึดติดไว้กับดินเขางๆเขา แขนยกกอดอกหัวเราะร่าจนแผ่นอกกระเพื่อม "ฮ่าๆๆ เป็นเด็กดีจริงๆ เลยนะเจ้าหนูนี่โตขึ้นขนาดนี้แล้วรึ เวลาช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน!"
ลุงโจนั้นสูงกว่าแมทธิวเพียงนิด แต่อีกฝ่ายก็ยังคนตรงข้ามเป็นไม่เปลี่ยน แม้เด็กที่ว่าจะตัวใหญ่กว่าวัวที่เลี้ยงอยู่ก็ตาม โจเอื้อมมือไปขยี้หัวฟูๆนั่นจนยุ่งเหยิง
"ระวังหน่อยล่ะ ช่วงนี้มีหมาป่าจอมเจ้าเล่ห์มักจะออกมาจากป่าลึกบ่อยๆ หากเจอก็อย่าไปเชื่อคำพูดของอีกฝ่ายเด็ดขาด เข้าใจไหม" โจเตือนด้วยความเป็นห่วง ในน้ำเสียงดูคมเข้มชัดเจน เขาเป็นห่วงเด็กน้อยตรงหน้าจากใจจริง
โจเป็นนายพราน ล่าสัตว์มามากมาย เขารู้ดีว่าสัตว์กินเนื้ออันตรายพวกนี้มันโหดร้ายและเจ้าเล่ห์เพียงใด
แมทธิวเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะตอบรับ "ครับ ผมเข้าใจแล้ว"
"ดีมาก"
หากบอกว่าเขาเจอหมาป่าตัวนั้นแถมยังเชื่อคำพูดอีกฝ่ายอีกล่ะก็ ลุงโจต้องบอกแม่ของเขาแน่ เขายังไม่อยากโดนบ่นจนหูชาหรอกนะ ทั้งคุณแม่ คุณยาย และลุงโจอีก ใครจะอยากนั่งฟังคำบ่นกันล่ะ!
อีกอย่างคาร์ลก็ไม่ได้ทำร้ายเขาสักหน่อย แถมยังช่วยเขาออกจากป่าด้วย คงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง?
ทักทายกันเล็กน้อยพอประมาณ แมทธิวโบกมือบอกลาลุงโจก่อนจะออกเดินทางต่อเพื่อไม่เป็นการเสียเวลา
จากท้องฟ้าที่สว่างจ้าและแดดอบอุ่นในยามบ่ายกลับกลายเป็นสีส้มแดง ลมเย็นพัดผ่านดวงตะวันจวนจะลาลับขอบฟ้า ในที่สุดแมทธิวก็เดินทางมาถึงบ้านหลังเล็กหลังเดียวในป่าแห่งนี้
ทีบีซี.
บ้านธรรมดา ก่อด้วยอิฐ ฉาบด้วยปูน และหลังคาสีส้ม เป็นบ้านอย่าง่ายเหมาะแก่การมาพักผ่อนหรืออยู่คนเดียวมากกว่านั้น ตอนนี้แมทธิวยืนอยู่ด้านหน้าประตูไม้บานเก่า
มือหนากำมือ เคาะประตูสามที "คุณยายครับ นี่ผมเองแมทธิว ขออนุญาติเข้าไปหน่อยได้ไหมครับ"
"เข้ามาเลยจ่ะ ประตูไม่ได้ล๊อค" เสียงตอบรับจากภายในดังขึ้น แม้เสียงจะแปลกไปหน่อยแต่เขาก็ไม่สนใจ
คงเพราะคุณยายกำลังป่วยอยู่ เสียงอาจจะเพี้ยนไปบ้าง
แมทธิวเปิดประตูเข้าไป ภายในห้องมืดมิดจนไม่อาจเห็นหน้าคุณยายได้ชัด ชุดนอนของคุณยายถูกสวมทับลงบนร่างกายภายใต้ผ้าห่มผืนนั้น โผล่พ้นแสงเพียงแค่มือแม้จะไม่ค่อยชัดแต่ก็พอมองเห็น
"ทำไมคุณยายถึงไม่เปิดไฟหรือผ้าม่านบ้างล่ะครับ มันมืดมากเลย" แมทธิวเดินเข้าไปข้างใน แต่เขาไม่ได้เข้าไปใกล้เกินนัก ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกไปมาก
"พอดีว่ายายไม่ชอบแสงเวลานอนน่ะจ่ะ มันแสบตาทำให้นอนไม่หลับ" หมาป่าคาลิดัสในคราบคุณยายเอ่ยตอบก่อนจะกล่าวต่อ
"หลานคงมาเยี่ยมยาย ในตะกร้านั่นคือของฝากให้ยายสินะจ๊ะ ไหนเข้ามาใกล้ๆยายหน่อยสิจ๊ะ จะได้เห็นหน้าหลานชัดๆ" คาร์ลเอ่ยเรียกเด็กหนุ่มด้วยเสียงที่ดัดจนสุด
คาร์ลวางแผนจะจับเจ้าเด็กอ่อนต่อโลกคนนี้กินเป็นอาหารสักหน่อย กว่าจะมีเด็กหนุ่มอายุประมาณนี้ให้ได้กินนั้นช่างน้อยนัก เขาอดอยากเหลือเกิน ปกติเขาจะหากินที่หมู่บ้านอื่น แต่กลับถูกไล่ล่าทำให้ต้องหนีรอนแรมมาหมู่บ้านทรีวินเทอร์
จนถึงตอนนี้เขาก็พึ่งจะพบเหยื่อคนแรกของการย้ายถิ่นฐาน
และหากถามว่าคุณยายของไอ้มนุษย์เด็กนี่ไปไหน? คาร์ลเองก็ไม่รู้เช่นกัน ตอนเขาเข้ามาก็ไม่เห็นมนุษย์คนไหนภายในห้องนี้ มีเพียงเตียงที่ว่างเปล่าและห้องที่มืดมิด แต่เขาเลือกที่จะไม่สนใจและหยิบเสื้อเจ้าของบ้านในตู้เสื้อผ้าออกมาใส่อย่างลวกๆ
ลิ้นสีแดงเลียริมฝีปากอย่างหิวกระหาย คอเขารู้สึกแห้งผาก
แมทธิวขยับเดินเข้ามาใกล้อย่างกล้าๆกลัวๆ และยังคงทิ้งระยะห่างไว้
แมทธิวสังเกตุเห็นความผิดปกติมากขึ้น ยิ่งเข้าใกล้ยิ่งสังเกตุเห็น เขาออกปากถามอย่างอดไม่ได้
"ทำไมแขนคุณยายแขนยาวจังครับ" เพราะปกติแล้วคุณยายของเขาแขนสั้นป้อมมีน้ำมีนวลและรอยเหี่ยวย่นตามอายุ แต่วันนี้กลับยาว เรียบเนียนมีขนาดเล็กกว่าที่เคยเป็น
"จะได้กอดหลานได้ง่ายขึ้นไงจ๊ะ"
"ทำไมตาคุณยายโตจังล่ะครับ"
"จะได้มองเห็นหลานชัดๆไงจ๊ะ"
"แล้วทำไมหูคุณยายใหญ่จัง"
"จะได้ฟังหนูได้ชัดขึ้นไงจ๊ะ"
คำถามมากมายถูกถามออกไปตามที่คิด แมทธิวสูดหายใจเข้าลึกและถามอีกครั้ง ความรู้สึกไม่ชอบมาพากลนี้ทำเขากังวล "ทำไมฟันคุณยายแหลมจังเลยล่ะครับ"
คาร์ลส่งเสียงหัวเราะในลำคอ ปากอ้ากว้างขึ้น กล่าวตอบอีกฝ่ายเสียงดัง "จะได้กินเจ้าได้ง่ายขึ้นไงล่ะ!"
หมาป่าคาลิอัสกระโดดออกจากเตียง พุ่งเข้าใส่อีกฝ่าย เสียงจาการกระแทกของแผ่นหลังกับพื้นแข็งดังก้อง ความเจ็บแล่นพล่านไปทั่วร่างกายจนต้องร้องออกมา
"อึก ค- คาร์ล?" แมทธิวแปลกใจกับการปรากฏตัวของหมาป่าที่พึ่งจะเจอกันได้ไม่ถึงวัน
ทำไมคาร์ลถึงมาอยู่ที่นี่? แล้วคุณยายล่ะ?
"ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ คุณยายล่ะ คุณยายอยู่ไหน!?" แม้ร่างกายจะถูกคร่อมอยู่ เขาก็ยังออกเสียงตะโกนถามอีกฝ่ายเสียงดัง การขยับร่างกายแม้เพียงเล็กน้อยกลับทำให้ความเจ็บแล่นแปล๊ดจนนิ่วหน้า
"คุณยายของเจ้ารึ ไม่รู้สิ หากข้ากินเจ้าเสร็จแล้วค่อยคิดอีกทีว่าจะบอกดีหรือไม่" น้ำเสียงเจ้าเล่ห์พร้อมรอยยิ้มของคนบนร่างของแมทธิวทำเอาร่างของเขาสั่นไหว
ไม่ใช่ว่าแมทธิวสู้แรงคนตรงหน้าไม่ได้ ตอนนี้เขาเจ็บแผ่นหลังมากแค่ขยับตัว แรงของหมาป่าก็เยอะมากเช่นกันชนิดที่ดูถูกร่างผอมเล็กนี่ไม่ได้ ยังไงซะอีกฝ่ายยังคงเป็นถึงหมาป่า ไม่แปลกใจนักหากอีกฝ่ายจะมีเรี่ยวแรงมหาศาล
คาร์ลนั่งคร่อมอย่างจ้องมองด้านล่างอย่างผู้เหนือกว่า มือเรียวพร้อมเล็บแหลมยาวจับไหล่ของเด็กหนุ่มไว้แน่น ค้อมหัวลงโดยมีเป้าหมาย คือคอของเขา
แมทธิวหลับตาปี๋รอรับชะตากรรม ลิ้มเปียกชื้นเย็นทำเขาสะดุ้งเฮือก ตัวเกร็งสั่นงกเป็นเจ้าเข้า ทำเอาหมาป่าหลุดขำ
ลิ้นยาวโลมเลียคอจนเปียกชื้น ลามเลียขึ้นถึงใบหู ขบกัดมันเล็กน้อยด้วยฟันแหลมคม ของเหลวสีแดงไหลหยด กลิ่นสนิมคละคลุ้ง ทำเอาอารมณ์และร่างกายของหมาป่าคาลิดัสอยู่ไม่สุข
อ่า...ความรู้สึกนี้แหละ ช่างน่าคิดถึงเหลือเกิน
หมาป่าหนุ่มกระดิกหูหางด้วยความพอใจ ผละหน้าออก ทิ้งรอยฟันไว้บนหูของอีกฝ่าย ริมฝีปากของคาร์ลเลอะเปื้อนเลือดของมนุษย์ใต้ร่าง เขาโลมเลียลิ้มลองมันด้วยใบหน้าเปี่ยมสุข
นัยย์ตาสีแดงฉานเหลือบมองคนใต้ร่าง สภาพของอีกฝ่ายทำเขาผงะไปชั่วครู่ ก่อนจะแสยะยิ้มตาโค้ง ประกายความสนุกพาดผ่านอย่างไม่อาจปกปิด
ปากเผยออ้าหอบหายใจ ใบหน้าแดงก่ำลามจนถึงใบหู ดวงตารื้นไปด้วยหยาดน้ำสีใส เหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นตามกรอบหน้าคม ลมหายใจที่หอบถี่กว่าปกติเพียงเล็กน้อยแสดงถึงอาการตื่นตัว
เมื่อเห็นหมาป่าบนร่างของเขาจ้องนานเข้าทำเอารู้สึกประหม่า ความเขินอายเพิ่มยิ่งขึ้นเป็นเท่าตัว เขายกมือปิดใบหน้าด้านบนไว้เพื่อหลบสายตาแปลกๆที่คาร์ลมองมา
"ถ้าจะกินก็รีบกินสักที จะเล่นกับเหยื่ออย่างผมอีกนานไหม"
ไม่รู้ทำไมเขาถึงมีอารมณ์ในสถานการณ์ตึงเครียด ทั้งที่อีกฝ่ายกำลังจะกินเขาแท้ๆ แต่เขากลับกลายเป็นแบบนี้ไปได้
คาร์ลชะงักกับคำพูดของเด็กหนุ่ม นึกขำที่อีกฝ่ายยังคิดว่าเขาจะจับอีกฝ่ายกินในความหมายนั้นอยู่อีก
อ่อนต่อโลกโดยแท้
"คิก! เจ้านี่ตลกชะมัด ได้สิถ้าเจ้าพูดมาขนาดนี้แล้ว" คาร์ลเว้นช่วง แสยะยิ้มกริ่ม "ข้าก็จะกินไม่ให้เหลือเลย"
ทีบีซี.
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!