ภูผายืนอยู่หน้าบ้านไม้เล็กๆ บนยอดดอย ท่ามกลางสายหมอกที่ปกคลุมไปทั่ว บรรยากาศเงียบสงบมีเพียงเสียงลมที่พัดผ่านใบไม้ เสียงนกร้องเบาๆ บ้างเป็นระยะ เขาหายใจลึก พยายามรับความสงบที่แตกต่างจากชีวิตในเมือง
ภูผายืนนิ่ง มองออกไปยังทิวเขาที่ไกลออกไป
“ในที่สุดก็ได้หลบออกมาจากความวุ่นวาย... แต่ทำไมยังรู้สึกเหมือนมีบางอย่างที่หายไปอย่างนึง”
ภูผาหันไปมองรอบๆ เขาสังเกตเห็นว่าสวนข้างๆ บ้าน มีคนหนึ่งกำลังดูแลต้นไม้
ชายที่อยู่ในสวน คือ “น่าน” เขากำลังรดน้ำต้นไม้ด้วยท่าทางที่ดูคุ้นเคยกับงานสวน เมื่อเขาเงยหน้าขึ้น ก็พบสายตาของภูผาที่จ้องมาทางเขา น่านยิ้มบางๆ เดินเข้ามาหา
ยิ้มออกมาอย่างเป็นมิตร แล้วค่อยๆเดินเข้ามาหาภูผาที่ยืนมองเขาจาก อีกฝั่งนึง
“มาใหม่เหรอครับ? เพิ่งย้ายมาใช่มั้ยครับ”
ภูผายืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบกลับ พลางหันไปมองแปลงผักเล็กๆ ที่อยู่ข้างๆ บ้านของน่าน
ภูผายิ้มเบาๆ และตอบอย่างสุภาพและพูดพร้อมกับหัวเราะเบา อย่างเขินๆ
“ใช่ครับ เพิ่งมาถึงเมื่อวาน... ยังไม่ค่อยชินกับที่นี่เลย ฮ่าฮ่า..”
น่านมองภูผาด้วยสายตาอบอุ่น เขาเห็นได้ชัดว่าภูผายังไม่คุ้นเคยกับความสงบของที่นี่ น่านยิ้ม พร้อมยกมือขึ้นลูบคางนิดๆ เขาคิดว่า
‘คงจะปกติที่คนในกรุงเพิ่งมาย้ายเข้ามานั่นแหละ’
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ที่นี่เงียบสงบกว่าที่อื่นแน่นอน แต่ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกได้นะ ผมชื่อ ‘น่าน’ ทำสวนอยู่ที่นี่”
น่านพูดพร้อมกับชี้ไปที่แปลงสวนข้างบ้าน เป็นสวนเล็กๆ
ภูผาได้ยินอย่างงั้นก็ พยักหน้าตอบรับพร้อม ยิ้มกลับอย่างขอบคุณก่อนจะ แนะนำตัวให้น่านได้รู้จัก
“ผมชื่อ 'ภูผา' ขอบคุณมากครับ ถ้ามีอะไรผมจะไม่เกรงใจเลยนะครับ”
ภูผาพูดพร้อมกับแอบโล่งใจเล็กๆ ที่ได้รู้จักเพื่อนบ้าน ที่สุภาพ อบอุ่นและดูพึ่งพาได้
น่านเห็นสายตาที่ดูโล่งอกของภูผาจึงอดไม่ได้ที่จะ หัวเราะเบาๆ ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงเป็นมิตรกับภูผาอีกครั้ง
“ไม่เป็นไรครับ เพื่อนบ้านกัน ยินดีช่วยเสมอ” น่านพูดพลางหันกลับไปทางสวนก่อนจะหันมาพูดต่อ
“ถ้าอยากลองทำสวนบ้าง ผมสอนให้ได้นะครับ เผื่อชีวิตบนดอยจะสนุกมากขึ้นถ้าได้ลองปลูกอะไรเอง นะครับ”
ภูผาได้ยินคำพูดแบบนั้นก็อดที่จะ ยิ้ม และรู้สึกอบอุ่น ภูผาคิดในใจก่อนจะตอบกลับน่านไป
‘ลองดูคงไม่เสียหาย’
“ฟังดูดีเลยครับ ผมจะลองดู”
สายหมอกเริ่มบางลง แสงอาทิตย์ยามเช้าส่องผ่านมาทางยอดเขา ทำให้บรรยากาศอบอุ่นและสงบมากขึ้น ภูผารู้สึกว่าเขาเริ่มค้นพบสิ่ง
ที่เขาตามหาในกรุงไม่เจอแต่เจอจากความเงียบสงบนี้ และในที่แห่งนี้
“ก็คือบนดอยนั่นเอง”
______________________________________________
ฮิฮิ ขอฝากเรื่องนี้เป็นเรื่องเเรกที่ลงไว้ในนี้นะคะ ปกติงานเขียนหลักจะเขียนไว้ใน รี้ดอะไร้ แต่ยังไงก็ฝากไว้ในอ้อมอกอ้อมใจ ของทุกคนด้วยนะคะ💗💗
ภูผาเดินเข้ามาในบ้านด้วยความรู้สึกเหนื่อยล้า ใจของเขายังคงตีกึกกักจากการทักทายน่าน เสียงลมที่พัดผ่านหน้าต่างทำให้เขารู้สึกอบอุ่น แต่ลึกๆ ก็ยังมีความวิตกกังวลอยู่
“เฮ้อ... กลับมาสักที” ภูผาพึมพำกับตัวเองขณะเริ่มจัดการสัมภาระของตัวเองออกจากกระเป๋า สายตาของเขาไล่ตามของใช้ส่วนตัวที่ถูกนำออกมาเรียงรายบนโต๊ะ
เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จ ภูผาเดินไปที่ห้องครัวและต้มมาม่ากินเพื่อลดความหิว เสียงน้ำเดือดกรุ่นสร้างความสบายใจให้เขาในชั่วขณะหนึ่ง แต่ในใจลึกๆ กลับเต็มไปด้วยความวิตกกังวล
“อืม... รสชาติไม่เคยเปลี่ยนเลย” เขาเลิกคิ้วขณะทานมาม่าพร้อมกับคิดถึงความเป็นอยู่ที่เคยมี
หลังจากกินเสร็จ เขาล้มตัวลงนอนบนเตียงที่อุ่นสบาย แต่เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้เขาตื่นจากความฝัน
หลังจากกดรับโทรศัพท์ ภูผารู้สึกเหมือนโลกหยุดหมุนเมื่อได้ยินเสียงพ่อ
“ภูผา! ไอ่เด็กนี่แกหนีออกจากบ้านทำไม ทำแบบนี้ได้อะไร!” เสียงพ่อดังก้องเต็มไปด้วยความโกรธที่เหมือนจะทะลุผ่านสายโทรศัพท์มาหาเขา
“พ่อ... ผมแค่อยากมีชีวิตของตัวเอง...” เขาพยายามอธิบาย แต่เสียงพ่อกลับตะคอกขึ้นอีกครั้ง
“ชีวิตของตัวเอง? แกคิดว่าหนีออกมาแล้วจะมีความสุขเหรอ?แล้วใครจะบริหาร บริษัทต่อล่ะ!”
“มันเป็นความรับผิดชอบของลูกนะ แกคิดว่าแกจะทำอะไรตามใจชอบได้นักรึไง!?” เสียงพ่อหนักแน่นและรุนแรง ทำให้ภูผารู้สึกเหมือนโดนตบหน้า
“พ่อไม่เข้าใจ... ผมแค่...”
“เข้าใจเหรอ?! แกคิดว่าฉันไม่รู้จักแกดีพอหรือไง? ความรู้สึกของแกสำคัญกว่าครอบครัวที่เคยดูแลแกมาตลอดงั้นเหรอ?” น้ำเสียงพ่อที่แหบแห้งทำให้ภูผารู้สึกเจ็บจี๊ดในใจ
น้ำตาของภูผาเริ่มไหลลงมาไม่อาจควบคุมได้ ความโกรธและความผิดหวังรุกล้ำเข้ามาในหัวใจของเขา ภูผาเงียบลงพยายามดึงลมหายใจให้เข้าที่ แต่คำพูดของพ่อกลับตอกย้ำเขาอย่างเจ็บปวด
“ถ้าแกเลือกเส้นทางนี้แล้วก็อย่ากลับมา! ฉันจะไม่ต้องเจอกันอีก! ไปให้ไกล!” เสียงสุดท้ายของพ่อกระแทกใจเขาเหมือนกับสายฟ้าฟาด
ภูผาปล่อยโทรศัพท์ลงข้างตัว น้ำตาของเขาไหลออกมาอย่างไม่อาจควบคุมได้ เขารู้สึกเหมือนกับว่าแรงที่ใช้ในการยืนหยัดในโลกนี้ได้หมดลงไปแล้ว ทุกอย่างเริ่มมืดลง และเขาเพียงแค่ต้องการพักจากความเจ็บปวดนี้
“ทำไมพ่อไม่เข้าใจ... ทำไม...” เขาพูดด้วยเสียงสั่นเทา ก่อนที่จะหลับไปในความเจ็บปวดและความเศร้า
“นี่ภูผา....”
___________________________________
ขยันอีกแล้ว ว่าแต่ใครมาน่ะหาน้อนภูผาน้า💗
และเราก็ขอแนะนำนิยายเพื่อนเราด้วยนะคะ
มี 2 เรื่อง สามารถติดตามผลงานเพื่อนเราใน! รี้อะไร้ได้เลยค่ะ เพื่อนเราลงงานในนั้น
ใครหาไม่เจอ นามปากกานี้เลยค่ะ
“สายอ่านผ่านมาอ่านหน่อย”
บั้ยบาย
“นี่ภูผา...”
หลังจากน่านที่ตัดสินใจจะเอาผลไม้มาให้ภูผา น่านจึงเดินตรงไปที่บ้านของภูผา เขาเปิดประตูเข้าไปเบาๆ เพราะไม่อยากทำให้ภูผาตื่นขึ้นมา
‘เอ๋ทำไมถึงตาบวมๆนะ’
น่านคิดในใจก่อนจะที่น่านเดินออกจากบ้านเบาๆปิดประตูอย่างเงียบสนิท
เขารู้สึกโล่งใจที่สามารถช่วยอะไรภูผาได้บ้างแม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ เมื่อเขาเดินกลับออกไป ลมเย็นพัดเบาๆ ทำให้เขารู้สึกสดชื่นขึ้นไม่น้อย
___________________________
ภูผาลืมตาตื่นขึ้นมาในยามเย็น แสงสีส้มของพระอาทิตย์สาดส่องเข้ามาในห้องเบาๆ ทำให้รู้สึกอบอุ่นเล็กน้อย เขายกมือลูบตาที่บวมจากการร้องไห้ของเมื่อตอนบ่าย แล้วก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเหลือบไปเห็นกระดาษโน้ตที่ถูกทิ้งไว้ข้างๆ ชามผลไม้หลากหลายชนิด
“น่านนี่เอง” ภูผายิ้มบางๆ ขณะที่หยิบโน้ตขึ้นมาอ่าน
โน้ตเขียนด้วยลายมือของน่าน:
“เห็นนอนอยู่เลยไม่อยากรบกวน เอาผลไม้มาให้ อย่าลืมดูแลตัวเองนะ”
ภูผาหัวเราะในใจ น่านมักจะเป็นแบบนี้เสมอถึงแม้จะพึ่งรู้จักกันก็เถอะ น่านมักจะใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ของเขา หลังจากวางโน้ตลง ภูผาตัดสินใจลุกขึ้นมาเดินสูดอากาศข้างนอก
เวลาหกโมงเย็น พระอาทิตย์ค่อยๆ จมหายไปหลังแนวภูเขา ภูผาเดินเล่นในสวนเงียบๆ จนกระทั่งสายตาไปสะดุดที่ร่างของน่านซึ่งกำลังนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ไม่ได้สังเกตว่าเขาอยู่ตรงนั้น
“น่าน” ภูผาร้องเรียกพร้อมกับรีบวิ่งเข้าไปหา น่านเงยหน้าขึ้นจากสมุดในมือ ยิ้มอย่างใจดีเมื่อเห็นภูผา
“อ้าว ตื่นแล้วเหรอ” น่านเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
"ได้กินผลไม้หรือยัง?"
“ยังเลย ขอบคุณนะที่เอามาให้” ภูผายิ้มกว้าง
"เมื่อกี้อ่านโน้ตแล้ว ก็เลยออกมาหานายเนี่ยแหละ"
น่านหัวเราะเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืน ทั้งสองคนเดินเคียงข้างกันในสวน เสียงใบไม้เสียดสีกับลมเย็นๆ คลอเคลียเบาๆ ในอากาศ
“นายร้องไห้เหรอ? เป็นอะไรหรือปล่าว เราพอจะมีอะไรที่ช่วยนายได้มั้ย” น่านถามขึ้นเมื่อเงียบไปพักหนึ่ง และสายตาของน่านสอดส่องมองตาภูผาอย่างห่วงใย
ภูผาเงียบไปสักครู่ เพราะรู้สึกว่าจู่ๆคำพูดของพ่อแล่นเข้ามาในหัว ทำเอาเจ็บจี๊ดอยู่ไม่น้อยเลยก่อนจะตอบเบาๆ
“อืม...บางทีมันก็เหนื่อยนิดหน่อย แต่ตอนนี้ดีขึ้นแล้วล่ะ ขอบคุณนะที่เป็นห่วง”
น่านหยุดเดิน และหันมายิ้มให้ภูผา
"ไม่เป็นไรนะ นายไม่ได้อยู่คนเดียวหรอก ถ้ามีอะไรบอกเราได้เสมอ"
ภูผายิ้มกว้างขึ้น คราวนี้เขารู้สึกเบาขึ้นมาก พวกเขาสองคนเดินต่อไปในความเงียบที่สบายใจ ไม่มีอะไรต้องพูดมาก แค่การมีอีกคนอยู่ข้างๆ ก็เพียงพอแล้ว
‘เพียงแค่รู้สึกอบอุ่นเมื่อมีนายอยู่ข้างๆก็พอแล้ว....’
____________________________
แหะๆได้อัปซักที แอดจะพยายามบริหารเวลาเพื่อมาอัปนะคะ💗
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!