ในยามเช้าที่อากาศสดใส สายลมและแสงแดดกระทบอย่างแผ่วเบาที่ผิวหนังชวนให้จั๊กจี้เป็นพิเศษ บรรยากาศแถวชนบทนั้นสบายและสดชื่น แม้ตอนเที่ยงจะร้อนนิดหน่อยก็ตาม
ลิลลี่นั่งเลี้ยงวัวที่เถียงนาน้อย เฝ้ามองดูวัวที่กำลังเล็มหญ้าด้วยใบหน้าเปี่ยมสุข
..."อ่า~วันนี้ที่รอคอย~~"...
ลิลลี่นอนลงยังอู่เปลพลางค่อยๆปิดเปลือกตาลง หวังที่จะพักผ่อนสัก10นาที
'อีลี่มึงยังเลี้ยงวัวอยู่รึปล่าว เช็คดูดิ้ว่าวัวอยู่ครบทุกตัวมั้ย'
เสียงของเสด็จแม่แว่วเข้าโสตประสาท เธอขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยินดังนั้น จึงลืมตาข้างนึงขึ้นเพื่อนับจำนวนวัวของตน
'1 2 3 4 5 6 7 8 อยู่ครบทุกตัวเลยจ้าแม่' ลิลลี่เอ่ยตอบคุณแม่ของเธอในใจ ก่อนจะกลับมาอยู่ในท่าทางพร้อมนอนเหมือนเดิม
...'ถ้ามันอยู่ครบทำไมอีดำอยู่กับกู ห้ะ!!!'...
"หืม?!" ลิลลี่ลุกขึ้นนั่งก่อนจะนับใหม่อีกครั้ง '1 2 3 4 5 6 7 เจ็ดตัว นั่นไง8 เดี๋ยวไม่ใช่นั่นหมา..... เหี้ย!!!!'
'แม่คือหนูอธิบายได้นะแม่ แม่จ๋า'ลิลลี่พูดในใจด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน หวังว่าคุณแม่คนดีจะเห็นใจลูกสาวน่ารักๆคนนี้สักนิด...
'อีลี่ มึงโด๊นนน!'ในทันทีเมื่อเธอเหลือบไปมองตรงที่นาอีกฟาก ก็เห็นคุณแม่คนสวยวิ่งมาอย่างไวพร้อมไม้เรียวในมือที่เหมือนจะเสริมพลังไว้อีกชั้นพุ่งมายัง ตัวเธอที่กำลังนั่งอยู่บนเปลนั้น
'ชิบหาย'เธอรีบเหาะขึ้นอากาศในทันทีโดยไม่ต้องคิด ร่างกายเพียวบางทว่ามีกล้ามเนื้ออยู่ในชุดแขนยาวสีดำ กางเกงขายาวสีครีมและรองเท้าบูทมะกอกกับผมสีชมพูที่ถูกมัดไว้อย่างขี้เกียจ ปลิวสไวไปกับสายลมยามที่เธอใช้สกิลเสริมความเร็วนั้น
"แม่จ๋า หนูไม่ได้ตั้งใจนะ หนูคิดว่าหมาเป็นวัวอ่ะ"เธอตะโกนบอกแม่ ที่ตอนนี้ทั้งวิ่งทั้งกระโดดมาหาเธอโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น
"ไม่ได้ตั้งใจอะไร ไม่ได้ตั้งใจเลี้ยงวัวน่ะสิ อีลี่!!!!"หญิงสาววัยกลางคนกระโดดเหยียบกิ่งไม้ทีละขั้นเพื่อไล่ตามลูกของตน จนกระทั่งมาจนถึงขั้นสุดท้ายเธอรวมพลังไว้ที่ฝ่าเท้าก่อนจะกระโดดขึ้นสูงด้วยพลังทั้งหมดที่มี
ฝ่ามือบางขว้าค้อเท้าของลิลลี่เอาไว้ก่อนจะใช้สกิลพลังแรงโน้มถ่วง ถ่วงน้ำหนักเพื่อหวังฉุดเธอลงมา
"กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด"
ลิลลี่ปลดปล่อยเสียงกรี้ดแหลมปิ้ดจนแสบแก้วหูออกมาสุดเสียง ดังสะท้อนไปทั่วทั่งป่าและทุ่งนาแห่งนี้
...ตูมมมมมมมม!!!!...
เสียงกระทบพื้นดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วพื้นที่ ฝุ่นควันคลุ้งกระจายบดบังทัศนวิสัย ก่อนที่ฝุ่นควันเหล่านั้นจะค่อยๆจางลง
...ปรากฏให้เห็นหนึ่งหญิงสาววัยแรกรุ่นและหนึ่งหญิงสาววัยผู้ใหญ่ ในบริบทที่ต่างกัน...
หญิงสาววัยแรกรุ่นกำลังนอนสั่นแหง็กอยู่ในหลุมดินลึก5เมตร ในขณะที่หญิงสาววัยผู้ใหญ่ยืนอยู่ปากหลุมเ้วยท่าทางเอาเรื่อง
..."มอออออออ"...
เสียงคำรามจากมอนสเตอร์ที่ลิลลี่และคุณแม่เรียกว่าวัวดังขึ้น เป็นเสียงของเจ้าวัวตัวดีที่แอบหนีออกจากฝูงแล้วคุณแม่ไปเจอนั่นเอง
เจ้าดำหันมองไปยังลิลลี่ สายตาที่มองมานั้นราวกับกำลังเยาะเย้ยเธอก็ไม่ปาน แต่เมื่อลิลลี่เรียกให้คุณแม่ดูมันก็ทำท่าโง่งมในแบบเฉพาะของมัน
"แม่ดูสิ ดูมัน มันหนีออกไปเองต่างหากล่ะคะ!!"ลิลลี่พูดพลางค่อยๆพยูงตัวขึ้นจากหลุม"มันเยาะเย้ยหนู มันเป็นแผนมันตะหากเล่า!"
คุณแม่หันไปมองมันในทันที แต่ก็ไม่มีอะไรอย่างที่ลูกสาวว่า
..."แหม~ ทั้งๆที่ไม่ตั้งใจเลี้ยงเองแท้ๆยังไปว่ามันอีก!!!"คุณแม้ยิ้มพร้อมไม้เรียวในมือที่สั่นยิกๆ...
..."ก กรี๊ดดดดเ_*+'_@3#-_"...
ลิลลี่กรี๊ดออกมาสุดเสียงอีกครั้งเมื่อแม่สุดที่รักของเธอ ใช้ไม้เรียวฟาดเธอหลังจากที่เธอลุกขึ้นมาได
.......
.......
.............
.......
...สตรีสองคนนั่งก็เลี้ยงมอนสเตอร์วัวอยู่กลางทุ่งนา หนึ่งคนมีใบหน้าสดใสพูดหยอกล้อกกับดินฟ้าอากาศและวัว อีกหนึ่งคนนั่งหน้าบูดเป็นตูดลิงอยู่ข้างเหลือบมองไปยังวัวตัวดีที่หาเรื่องให้เธอโดนแม่ตี...
'ไอดำ!ไอวัวเวรสักวันฉันจะเอาแกไปทำหม้อไฟ!!!!ฮึ่ย!!!'
...แล้วเธอก็หัวเราะออกมาคนเดียวด้วยใบหน้าชั่วร้าย...
..."หรือฉันจับมันทุ่มลงแรงไปวะ สติเพี้ยนไปแล้วมั้ง"...
แม่ผู้บังเกิดเกล้ากระซิบพูดคุยกับมอนสเตอร์วัวแก่ที่สุดในฝูง ยายจันทร์ ด้วยน้ำเสียงเวทนา
..."มาาฮื้ออ"...
ยายจันทร์ตอบกลับด้วยเสียงคำราม พลางถอนหายใจ
...แล้วทั้งคู่ก็ส่ายหน้าอย่างเวทนาให้กับ ลิลลี่ที่กำลังทำหน้าตาน่าเกลียดและหัวเราะคนเดียว...
'ไปหมดละมั้งสมงสมอง' คุณแม่ธิราเมธคิด
______________________________________
มอนสเตอร์วัว หรือ วัว(กลายพันธุ์) คือ มอนสเตอร์ที่มีรูปลักษณ์คล้ายกับมิโนทอร์ แตกต่างตรงที่มันไม่มีมือใช้หยิบจับ
ลักษณะทางกายภายคือมีขนดกหนาและยาว ลำตัวเต็มไปด้วยมัดกล้าม มีเขายาวใหญ่โค้งงอและแหลมคมอย่างมาก วัวโตเต็มวัยมีขนาดที่6เมตร มีพละกำลังมาก สำหรับประเทศอื่นคือมันคือมอนสเตอร์[วัตถุดิบ],[คอร์] หรือไม่ก็เป็น[แหล่งฟาร์มEXP] แต่สำหรับประเทศนี้มันคือ [อาหารชั้นยอด],[เครื่องประดับ],[วัตถุดิบ,[แหล่งหาร์มEXP],[เพื่อน]และ[สัตว์เลี้ยงแรงงาน]
แต่ขอบอกไว้ก่อนว่าส่วนใหญ่เลี้ยงไว้กินอ่ะนะ เพราะคุณก็รู้ว่าที่นี่ที่ไหน😑
หลังจากเหตุการณ์ในเมื่อวานผ่านไป คุณแม่คนสวยของเธอก็ได้พาเธอไปหาหมอ ด้วยกลัวว่าจะทุบตีลูกสาวของตัวเองแรงเกินไปจนอาจกระทบกระเทือนสมองได้
ในตอนนี้สองคนแม่ลูกได้ยืนอยู่หน้าโรงพยาบาลแห่งขนาดใหญ่ในตัวจังหวัด โรงพยาบาลแห่งนี้นั้นขึ้นชื่อว่าครบครันทั้งอุปกรณ์และบุคคลากร
ตึกสีขาวสง่า ประดับด้วยป้ายชื่อโรงพยาบาลสีชมพูหวานแหวว'โรงพยาบาลแห่งการรักษา' เมื่อเข้าไปข้างในแล้วเลี้ยวซ้ายไปยังตึกที่มีประตูขนาดใหญ่ ที่เส้นทางนั้นนำลงไปยังโรงจอดรถใต้ดิน(จริงๆไม่ต้องใช้รถก็ได้นะ วิ่งมาหรือเหาะมาง่ายกว่า)
และเมื่อขึ้นลิฟท์ไปยังชั้นที่1 ก็จะสามารถพบเห็นเหล่าบุคลากรผู้เก่งกาจในชุดคลุมสีขาวที่ทำจากไหมเวทมนตร์ กำลังขวักไขว่รีบเร่งในการทำงาน บางตนก็กำลังคุยกัน(นินทา)สัพเพเหระ บ้างก็ตั้งหน้าตั้งตาทำงานแบบเอาเป็นเอาตาย
และเมื่อมาถึงยังห้องของคุณหมอ 'ระพีพัฒ' คุณแม่ก็เปิดประตูเข้าไปโดยไร้ซึ่งการขออนุญาตใดๆจากบุคลข้างใน
"แม่เอาลูกมาตรวจค่ะ ลูกแม่มันบ้าไปแล้ว!!"คุณแม่พูดหลังเดินเข้ามาในห้องทำงานของคุณหมอระพีพัฒน์
"โอ้สวัสดีครับคุณแม่ เกิดอะไรขึ้นหรือครับเนี่ยฮ่าฮ่า"
บุคคลที่น่าจะเป็นคุณหมอระพีพัฒน์พูดขึ้น น้ำเสียงนุ่มทุ้มกล่าวออกมาอย่างสบายๆไร้ซึ่งความหงุดหงิดหรือขัดใจใดๆ
"เมื่อวานแม่ให้ลูกไปเลี้ยงวัว แต่ลูกแม่ก็อู้ แม่เลยลงโทษแต่เกรงว่าแม่จะลงโทษแรงไปหน่อยซะได้"คุณแม่พูดขึ้นพร้อมกับยกมืออีกข้างที่ไม่ได้แบกฉันเช็ดน้ำตาทิพย์ของตน
จริงๆแล้วลิลี่นั้นสบายดี ค่อนข้างจะสดชื่นเลยด้วยซ้ำเพราะตัวลิลลี่นั้นได้คิดแผนเด็ด ที่จะเอาคืนไอ้วัวนั้นได้แล้วยังไงล่ะ หลังจากที่คิดมาทั้งคืน
"มันเอาแต่ยิ้มแบบนี้ทั้งวันทั้งคืนแม้กระทั่งตอนหลับหรือตื่น แม่เลยพามันมา กระซิก"แม่ยังคงไม่หยุดพูด
จริงอย่างที่คุณแม่ว่า ลิลลี่นั้นยิ้มแบบนี้มาทั้งวันทั้งคืนจนกล้ามเนื้อบนใบหน้านั้น มันค้างไปแล้ว
"คุณหมอระพีพัฒน์ช่วยดูอาการลูกแม่ให้หน่อยนะคะ"คุณแม่พูด
"ครับ ผมขออนุญาตนะครับผม"คุณหมอระพีพัฒน์ตอบรับคุณแม่ ในขณะที่ประโยคถัดมาพูดกับฉัน
(อันที่จริงเขาไม่ใช่คนสุภาพหรอกนะ ฉันรู้ดี)
ฉันพยักหน้าให้เขาในทันที เมื่อได้รับคำตอบคุณหมอระพีพัฒน์ก็ไม่รีรอที่จะยื่นมือข้างหนึ่งออกมาแล้วถอดถุงมือข้างนั้นออก เขาค่อยยื่นมืออันเปลือยเปล่าแตะลงมาที่แก้มของเธอ
สักพักความอบอุ่นจากพลังสายนึงก็ค่อยไหลไปตามใบหน้า ในขณะนั้นเขาก็ค่อยก้มหน้าลงมาจนใบหน้าของเธอกับเขาอยู่ในระยะเดียวกัน
ใบหน้าของเขาในตอนนี้เข้มขรึมจริงจังมาก และเธอก็ได้แต่มองใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาแล้วยิ้มในใจ
'หล่อมาก ติดตรงที่ปากเสียกับฉันไปหน่อย เห้อ'
'กริ้งงงง'เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
"อุ้ย แม่ขอไปรับโทรศัพท์ก่อนนะจ้ะ"คุณแม่พูดขึ้นเมื่อได้ยินเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ตนเอง
ทันใดนั้นคุณหมอระพีพัฒน์ก็สะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะเงยหน้ามองคุนแม่และยิ้มอย่างสุภาพ ซึ่งเป็นอันรู้กันว่าไม่ถือสาใดๆ
เมื่อคุณแม่เห็นดังนั้นจึงรีบเดินออกไปทันที
และเมื่อคุณแม่เดินออกจากห้องไปนั้น
"เห้ออ สมองเพี้ยนรึไงถึงเอาแต่ยิ้มอย่างคนโง่แบบนั้นจนกล้ามเนื้อมันค้างน่ะ"นั่นไม่ใช่เสียงใครที่ไหนแต่เป็นเสียงของคุณหมอระพีพัฒน์คนดีคนเดิมแบบที่เธอเห็นเสมอ ยามที่อยู่กันแค่สองคน
"แล้วยุ่งไรอ่ะ แค่รักษาให้เสร็จก็พอป่ะ บ่นทำไมวะแก่นี่"
ฉันตอบด้วยน้ำเสียงหาเรื่อง 'โครตจะหมั้นไส้เลยต่อหน้าคนอื่นอีกอย่าง ต่อหน้าฉันอีกอย่าง แล้วทำไมถึงมีแค่ฉันล่ะวะคะ!!'
"นี่พูดดีๆนะ รู้ไหมว่าฉันเป็นพี่เธอตั้งกี่ปีห้ะ? พูดดีๆไม่เป็นรึไง?"เขาพูดขณะที่มือของเขายังแตะอยู่บนใบหน้าของฉัน ก่อนที่จะรู้สึกได้ว่าเขาค่อยๆผ่อนพลังลง นั่นหมายความว่ารักษาเสร็ลแล้ว
"พูดเป็นแต่ไม่อยากพูดกับคุณว่ะ หึ"ฉันสะบัดหน้าหนีออกจากมือของเขาทันที เมื่อเขารักษาเสร็จ ใบหน้าของฉันนั้นกลับมาเป็นปกติในที่เรียบร้อยแล้ว
เขาบีบฝ่ามือของเขาลงใบหน้าของฉัน หวังที่จะให้ฉันหันหน้าไปหา แต่แล้วทำไมลิลลี่คนสวยอย่างฉันถึงต้องยอมด้วยล่ะ?
ฉันต่อต้านพลังนั้น ก่อนที่เขาจะผ่อนแรงลงฉันหันหน้าไปมองเขาหวังที่จะก่อกวนและหาเรื่อง แต่เมื่อหันหน้าไปฉันก็พบว่าเขา กำลังยิ้มและหัวเราะอยู่'หน้ารักจังอ่ะ'
ฉันคิดครู่หนึ่งก่อนจะสบัดความคิดนั้นทิ้งไป
"หัวเราะอะไรวะไอคุณระพีพัฒน์!!"ฉันลุกขึ้นและเผชิญหน้ากับเขา
'แอ๊ดด'เสียงเปิดประตูดังขึ้น"คุณระพีพัฒน์รักษาลูกสาวแม่ได้ไหมคะ เธอมีอะไรผิดปกติหรือปล่าวคะ"
คุณแม่พูดขึ้นพลางอมยิ้มอย่างมีความสุข
"อืมม~ ผมว่าน่าจะ...."เขาเหลือบมองมาทางฉัน"น่าจะมีปัญหานิดหน่อยล่ะมั้งครับ"ระพีพัฒน์ยิ้มเหมือนเคย
"ตายแล้ว แล้วลูกแม่จะรักษาหายไหมคะเนี่ย"คุณแม่ทำท่างตกใจแบบโอเวอร์พลางเอามือทาบอก
"คงต้องฉีดยาให้...น่ะครับ"เขาหันหน้ายิ้มมาทางลิลลี่ด้วยท่าทางของผู้ชนะ
ในตอนนั้นเอง ลิลลี่ก็สัมผัสได้ถึงลางร้ายบางอย่าง เธอหน้าซีดลงอย่างรวดเร็วด้วยความตกใจ
"เห็นไหมครับ เธอหน้าซีดเลยคงต้องฉีดหลายเข็มเลยล่ะครับ"เขาพูด
"งั้น..."คุณแม่หันหน้ามามองลิลลี่ด้วยสายตาเป็นห่วง
ลิลลี่ส่ายหน้าเป็นเชิงปฏิเสธ แต่เหมือนข้อความนั้นจะไปไม่ถึงคุณมารดาเหนือหัว
"งั้นแม่ขอฝากลูแม่หน่อยนะคะคุณหมอระพีพัฒน์"เจ้าจอมมารดากล่าว
"ไว้ใจได้เลยครับ"ระพีพัฒน์ยิ้ม แต่รอยยิ้มนั้นกลับไปไม่ถึงดวงตาด้วยซ้ำ
...'ตูมมม'...
เมื่อรู้ว่าไร้หนทางรอด ลิลลี่จึงระเบิดกำแพง แล้วบินหนีไป ดีที่กำแพงห้องตรวจของระพีพัฒน์นั้นเชื่อมต่อกับข้างนอกพอดี
"ลิลลี่!!!"แม่เหนือหัวของลิลลี่ตะโกนดังขึ้น
"เดี๋ยวผมจัดการเองครับคุณแม่"ระพีพัฒน์หันไปยิ้มให้กับคุณแม่ ก่อนจะปรากฏปีกสีขาวขนาดใหญ่บนหลังขึ้น
แล้วสองคนก็บินไล่ล่ากันบนท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ ที่เต็มไปด้วยผู้มีพลังวิเศษกำลังโบยบินสัญจรกันไปมา
หนึ่งผู้ล่ากับหนึ่งผู้ถูกล่า โบยบินผ่านบุคคลเหล่านั้นอย่างรวดเร็ว เร็วขนาดที่หากไม่มีพลังมากพอจะมองเห็นได้ก็คงมองไม่เห็นเลย มีเพียงเสียงโหยหวนของลิลลี่เท่านั้นที่ได้ยิน
แต่กลับไม่มีใครสนใจเลยสักคน เพราะว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวดเขานั้นไล่ล่ากัน...และคงไม่เป็นครั้งสุดท้ายอีกด้วย....
...'ไม่มีใครคิดจะช่วยสาวน้อยสุดน่ารักคนนี้จริงดิ!???'...
...ลิลลี่...
หลังจากวันนั้นที่'ลิลลี่' กับ 'ระพีพัฒน์' เล่นเกมไล่ล่ากันจนเหนื่อย สุดท้ายทั้งคู่ก็ยุติการไล่ล่าไว้แต่เพียงเท่านั้น แล้วเลือกที่จะไปทานอาหารเย็นด้วยกันทั้งครอบครัว
การที่ครอบครัวของทั้งสองฝ่ายนั้นทานอาหารเย็นด้วยกัน ถือเป็นเรื่องที่ปกติอย่างมากสำหรับพวกเขา
แต่สำหรับบุคคลภายนอกนั้นไม่ใช่ พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่าครอบครัวผู้ปลุกพลังที่ทั้งแข็งแกร่งและเฉลียวฉลาดอย่างตระกูล 'เทวสถิตวงศ์' จะมาทานอาหารเย็นกับครอบครัวผู้ปลุกพลังบ้านๆที่ทำฟาร์มและปรุงยาเป็นอาชีพอย่าง 'ณวรินทร์วงศ์' ได้
แต่สำหรับคนที่อยู่มานาน ก็จะรู้ว่าตระกูลของลิลลี่ อย่างตระกูล ณวรินทร์วงศ์ นั้นก็เคยเป็นผู้ดีเก่าเช่นกัน แต่ด้วยความที่เหล่าลูกหลานในตระกูลดันหยิ่งทะนงในตนเอง มิหนำซ้ำยังใช้เงินมากมายทิ้งไปกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง ทำให้ชื่อเสียงของตระกูลป่นปี้และยังทำให้ตระกูลเกือบจะล่มสลาย
ทำให้ลิลลี่กับคุณแม่เลือกที่จะหนีออกมาจากตระกูลใหญ่ ใช้ชีวิตกันสองคนแม่ลูก ในหมู่บ้านที่ไม่ค่อยมีผู้คนรู้จักแบบนี้
ใครๆก็ต่างให้ความเคารพกับตระกูลเทวสถิตวงศ์ แต่ในขณะเดียวกันก็ให้ความเคารพในตระกูล ณรินทร์วงศ์ ที่แท้จริงอย่างคุณแม่ ธิราเมธ และลิลลี่ รุจิราภรณ์
บ้างก็เคารพเพราะว่าเป็นผู้ดีเก่า บ้างก็เคารพที่สองแม่ลูกคือสุดยอดคุณหมอปรุงยาและฟาร์มเมอร์ที่สร้างผลิตภัณฑ์ช่วยชีวิตมามากมาย และขายให้กับกิลด์ต่างๆอย่างยุติธรรม บ้างก็เคารพในตัวทั้งคู่ที่แม้จะไม่มีทรัพย์สินติดตัวมาเลย แต่กลับสามารถสร้างเนื้อสร้างตัวได้เทียบเท่ากับตระกูลใหญ่ๆตระกูลหนึ่งได้ในหมู่บ้านแห่งนี้ หรือบ้างก็เคารพเพราะสามารถสนิทสนมกับตระกูลเทวสถิตวงศ์ได้
แต่ไม่ว่าจะเคารพเพราะเหตุใด มันก็ไม่ได้สลักสำคัญกับเธอและคุณแม่เลยสักนิด เพราะยังไงซะทั้งสองตระกูลก็เป็นผู้มีบุญคุณของกันและกัน
.......
.......
.......
ท่ามกลางบรรยากาศอันครื้นเครงบนโต๊ะอาหารสุดหรูที่มีส่วนประกอบของทองคำและหินเวทย์มนต์ระดับสูง
กลับมีสายตาคู่หนึ่งที่ดูไม่สบอารมณ์ใดๆอยู่เลย
นั่นคือสายตาของเธอ ลิลลี่ นั่นเอง ตั้งแต่ยุติเกมการไล่ล่าเธอก็ตักอาหารเข้าปากอย่างเอาเป็นเอาตาย ในขณะที่มองไปยังระพีพัฒน์อย่างโกรธเคืองปนหวาดกลัว
"ถ้าทำแบบนั้นจะติดคอเอานะ ค่อยๆกินหน่อยสิ แล้วแต่ละคำควรเคี้ยวให้ครบ10ครั้งด้วย"เสียงอันอ่อนนุ่มดังขึ้นจากชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงข้าม
"ยุ่ง!! อุก"ลิลลี่มองค้อนไปยังอีกฝ่าย และตอบด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวก่อนจะชะงักไป
"ตายแล้วทำไมลูกแม่มูมมามตะกละตะกลามอย่างนี้!!"คุณแม่มองมาที่ลิลลี่ก่อนจะเอามือทาบอก
ลิลลี่ไม่ตอบใดๆ เอาแต่ตั้งหน้าตั้งตากินโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น
ก่อนที่ไม่นานลิลลี่จะทุบอกตัวเอง และ เผยท่าทีกระวนกระวาย กวาดสายตามองไปยังรอบๆเพื่อหาบางอย่าง
...'กริก'...
ระพีพัฒน์วางแก้วใสที่บรรจุน้ำแร่พิเศษมาวางไว้ตรงหน้าของเธอ เมื่อเห็นดังนั้นลิลลี่ก็ไม่รอช้ารีบหยิบขึ้นมาดื่มทันที ก่อนจะทำบางอย่าง
...'เอิ้ก~'...
เธอเรออกมา ท่ามกลางโต๊ะอาหาร แต่กลับไม่มีใครถือสาเลย กลับกันยังรู้สึกเอ็นดูเล็กน้อยซะด้วยซ้ำ
"อะแฮ่ม~ รักษามารยาทหน่อยสิ"ระพีพัฒน์พูดออกมาอย่างไม่จริงจังนัก
"ตายแล้ว!! ทำไมทำตัวอย่างนี้แม่ไม่เคยสอนเลยนะ!"และยังเป็นอีกครั้งที่คุณแม่ทำท่าทางที่ดูจะมากเกินไปหน่อย
"ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอกนะ ผมคิดว่าน่ารักสะด้วยซ้ำครับคุณแม่"ระพีพัฒน์หันไปพูดกับคุณแม่ธิราเมธด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล รอยยิ้มนุ่มถูกยกขึ้นมาบนใบหน้าของเขาอีกครั้ง
"คนบ้าอะไรมองการกระทำไร้มารยาทว่าน่ารัก"ลิลลี่พึมพำกับตัวเองอย่างแผ่วเบา แต่นั่นก็ไม่รอดพ้นจากสัมผัสพิเศษของระพีพัฒน์ได้
"สำหรับผมแล้ว ลิลลี่จะทำอะไรก็น่ารักครับ~"ระพีพัฒน์กล่าวในขณะเดียวกัยก็หันมามองที่ลิลลีาเล็กน้อย
"ถ้าพวกหนูหมั้นกันก็คงจะดีเนอะ"เสียงหยอกล้ออันนุ่มนวล ดังขึ้นจากหญิงสาววัยกลางคนอย่าง'ขวัญหทัย'
คุณแม่ของระพีพัฒน์
"ฉันว่าคงไม่ได้หรอก ก็ดูลูกฉันสิดื้อขนาดนั้นเจ้าตัวคงไม่ยอม"คุณธิราเมธพูดขึ้นพลางเหลือบมองมาที่ลิลลี่เล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อ
"อีกอย่าง จะให้บังคับนี่ยิ่งยยากยิ่งบังคับเด็กๆก็คงจะยิ่งต่อต้านเอาได้อีก ให้พวกเขาเลือกเองจะดีกว่านะคะคุณขวัญ~"
"แหม~คุณธิราล่ะก็ ในเมื่อเด็กๆก็ดูไม่คัดค้านอะไรเลย...ใช่ไหมจ๊ะระพีลูกแม่"คุณขวัญหทัยพูดเสริมขึ้นมา
"ผมไม่ขัดหรอกครับ...ขึ้นอยู่กับว่า~ลิลลี่เขาจะยอมมั้-"ในขณะที่พูดระพีพัฒน์ก็ชำเลืองมองมาที่ลิลลี่ทีละเล็ก
"คัดค้านค่ะ!! หนูคือเด็กนิสัยไม่ดีคุณแม่คงไม่อยากได้เป็นลูกสะใภ้หรอกค่ะ! แล้วหนูก็เป็นแค่นักปรุงยาและฮันเตอร์รับจ้างอีก!ถ้าไม่นับเรื่องธุรกิจฟาร์มของแม่อีกหนูก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลยค่ะคุณขวัญหทัย!!!"ลิลลี่โพล่งขึ้นท่ามกลางบรรยากาศสุขสันต์
"แม่ไม่ถือหรอกจ้ะ แม่บอกแล้วไงว่าถ้าเป็นหนูแม่โอเคหมดนั่นแหละโฮะโฮะ"น้ำเสียงอันอบอุ่นดังขึ้น ในขณะที่แม่ของระพีพัฒน์จะค่อยๆหลี่ตาลงนิดๆ
"อย่าเรียกแม่ว่าคุณขวัญหทัยเลยจ้ะ เรียกแม่ว่าแม่ได้เลยจะได้สนิทๆกัน"นั่นไม่ใช่คำบอกเล่าหรือคำขอใดๆ แต่นั่นคือคำสั่ง
'ทั้งแม่ทั้งลูก...เป๊ะ!!'ลิลลี่คิดในใจขณะตอบรับคำบัญชาของคุณขวั-ไม่สิคุณแม่"ค่ะ...คุณแม่"
"แล้วหนูราชันย์จะยอมเหรอจ้ะ"ธิราเมธจอมมารดาของลิลลี่พูดขึ้นก่อนจะหันมองไปที่ระพีพัฒน์
"ผมได้หมดครับ ขอแค่คนๆนั้นเป็นลิลลี่ก็พอ"ไม่อาจรู้ได้ว่าเขาพูดจริงหรือพูดเล่น แต่เมื่อลิลลี่ได้ยินอย่างนั้นก็ก้มหน้าทองนิ้วมือตัวเองที่วางอยู่บนตัก
"เห้อ~ถ้าพ่อของลูกเข้าใจได้ก็คงจะดีน้า~"คุณขวัญหทัยพูดด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่ายติดรำคาญ
.......
.......
.......
ลิลลี่ค่อยๆปลีกตัวออกมาอย่างเงียบๆ ปล่อยให้ผู้หลักผู้ใหญ่เขาคุยกันให้เต็มที่
ถ้าเกิดว่าคุณท่านรู้ก็คงไม่ยอม พ่อของระพีพัฒน์นั้นดูไม่ค่อยถูกใจในตัวเธอสักเท่าไหร่ และไม่ใช่ว่าเธอไม่ชอบระพีพัฒน์ แต่ เธอไม่กล้าคิดไปแบบนั้นซะด้วยซ้ำ
อีกอย่างคู่หมั้นที่พ่อของระพีพัฒน์จัดหาให้เขา ก็ดูดีกว่าตัวเธอตั้งหลายเท่า ไหนจะความเพรียบพร้อมของกริยาและมายาทนั้นอีก เธอสู้ไม่ไหวหรอกถึงแม้ว่าระพีพัฒน์จะพูดอย่างนั้นก็ตาม
เธอรู้ดีว่าระพีพัฒน์นั้นไม่สนใจเรื่องคู่ครองเท่าไหร่นัก สิ่งเดียวที่เขาสนใจก็คงจะเป็นงาน เงิน และชื่อเสียงนั่นแหละ เขาก็คงพูดเอาใจคุณแม่ของเขาและของเธอเท่านั้น สำหรับคนไร้ประโยชน์อย่างตัวเธอเองที่ไม่สามารถมอบอะไรให้ได้นั้น เขาคงไม่สนเธอใจหรอก
นี่ก็เป็นเรื่องปกติ ปกติที่เธอจะมานั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยแถวริมสระน้ำคนเดียวในยามที่พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน ยังดีที่ยุงไม่สามารถกัดเธอได้ไม่วั้นเธอคงกลายเป็นไข้เลือดออกไปแล้ว
'ลิลลี่ชอบพี่ระพีพัฒน์ แล้วพี่ระพีพัฒน์ไม่สิ แล้วพี่ราชันย์จะชอบลิลี่บ้างรึปล่าวนะ?'ลิลลี่ถอนหายใจทิ้งครั้งแล้ว ครั้งเล่า
'ชอบใครไม่ชอบนะยัยลี่ มาชอบหนุ่มตี2หน้าผู้ซ่อนความเย็นชาไว้ใต้หน้ากากอันอบอุ่นและอ่อนโยนวะ!?'เธอบุ้ยปากพร้อมขมวดคิ้วเข้าหากัน ในขณะเดียวกันเธอก็แกว่งขาในน้ำอย่างหงุดหงิด
แต่ขาเจ้ากรรมดันไปติดเข้ากับสาหร่ายกลายพันธ์ใต้น้ำเข้า ทำให้เธอโดนสาหร่ายนั่นลากลงไปในน้ำ
..."เอ้ะ! เอ้!!!!!!!!!"...
..."ใครก็ด้าย~ ช่วยลิลลี่ด้วยยยย อุ้บ-"...
ยังไม่ทันจะพูดอะไรมากกว่านี้ ร่างทั้งร่างก็โดนลากลงไปและจมหายในน้ำอย่างรวดเร็ว
.......
.......
.......
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!