ว่ากันว่าองค์ชายเจ็ดอ่อนแอ?
บทนำ
แฟนตาซีอิงประวัติศาสตร์มักจะใช้แนวทางทั่วไป 4 ประการดังต่อไปนี้: [ 3 ]
เวทมนตร์สิ่งมีชีวิตในตำนานเช่นมังกรหรือ องค์ประกอบ เหนือธรรมชาติ อื่นๆ เช่นแหวนเวทมนตร์อยู่ร่วมกันอย่างมองไม่เห็นกับโลกธรรมดา โดยคนส่วนใหญ่ไม่รู้ตัว ในเรื่องนี้ เวทมนตร์มีความคล้ายคลึงกับจินตนาการร่วมสมัย อย่างมาก ซึ่งมักจะทับซ้อนกับประวัติศาสตร์ลับ หรืออีกทางหนึ่ง เรื่องเล่าของผู้เขียนแสดงให้เห็นหรือนัยว่าในปัจจุบัน เวทมนตร์จะ "ถอนตัว" ออกไปจากโลก หรือถูกซ่อนไว้โดยผู้ริเริ่มเพียงไม่กี่คน เพื่อให้ประวัติศาสตร์กลับไปสู่เวอร์ชันที่เราคุ้นเคย[ 4 ]ตัวอย่างนี้พบได้ในThe Charwoman's ShadowของLord Dunsanyซึ่งเกิดขึ้นในสเปน แต่จบลงด้วยนักมายากลในนั้นที่เอาตัวเองและสิ่งมีชีวิตแห่งความโรแมนติกทั้งหมดออกจากโลก จึงทำให้ยุคทองสิ้นสุดลง[ 5 ]
นอกจากนี้ยังสามารถรวมถึงประวัติศาสตร์ทางเลือกซึ่งอดีตหรือปัจจุบันได้รับการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ที่แท้จริงกลายเป็นแตกต่างออกไป[ 6 ]
เรื่องราวเกิดขึ้นในโลกรองที่มีความคล้ายคลึงกับสถานที่ (หรือหลายๆ แห่ง) และช่วงเวลาในประวัติศาสตร์ที่แน่นอน แทนที่จะใช้การผสมผสานทางภูมิศาสตร์และประวัติศาสตร์แบบที่งานแฟนตาซีโลกรองอื่นๆ นิยมใช้ อย่างไรก็ตาม งานของนักเขียนแฟนตาซีส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมดได้รับแนวคิดและแรงบันดาลใจจากเหตุการณ์จริง ทำให้ขอบเขตของแนวทางนี้คลุมเครือ
แฟนตาซีอิงประวัติศาสตร์อาจเกิดขึ้นในโลกสมมติที่คล้ายกับช่วงเวลาหนึ่งในประวัติศาสตร์แต่ไม่ใช่ประวัติศาสตร์ที่แท้จริง[ 6
12 เทพเจ้ากรีกและเทพธิดากรีกแห่งเขาโอลิมปัส
ซูส (Zeus) - เทพแห่งท้องฟ้า
โพไซดอน (Poseidon) - เทพเจ้าแห่งท้องทะเล
แอรีส (Ares) - เทพแห่งสงคราม
อะโฟรไดท์ (Aphrodite) - เทพีแห่งความรัก
เฮรา (Hera) - เทพีแห่งสตรี
ดีมิเทอร์ (Demeter) - เทพีแห่งการเก็บเกี่ยว
อะธีนา (Athena) - เทพีแห่งยุทธศาสตร์
อะพอลโล (Apollo) - เทพแห่งดวงอาทิตย์
อาร์ทิมิส (Artemis) - เทพีแห่งการล่า
ฮิฟีสตัส (Hephaestus) - เทพเจ้าแห่งไฟ
เฮอร์มีส (Hermes) - ผู้ส่งสารแห่งปวงเทพ
ไดอะไนซัส (Dionysus) - เทพแห่งไวน์
ซูส (Zeus) - เทพแห่งท้องฟ้า (God of the Sky)
ขุนนางอังกฤษมีสองประเภท คือขุนนางสืบตระกูล (hereditary peer) และขุนนางตลอดชีพ (life peer)[1] ซึ่งในสมัยของพระเจ้าเฮนรีที่ 6 แห่งอังกฤษ (ค.ศ. 1422–61) ขุนนางประกอบไปด้วยบรรดาศักดิ์ห้าระดับ ซึ่งถูกเรียกว่า "ขุนนางแห่งอาณาจักร" (Peers of the Realm) เรียงจากสูงไปต่ำดังนี้:
"ดยุค" (Duke) สตรีเรียก "ดัชเชส" (Duchess)
"มาร์ควิส" (Marquess) สตรีเรียก "มาร์เชอเนส" (Marchioness)
"เอิร์ล" (Earl) สตรีเรียก "เคาน์เตส" (Countess)
"ไวเคานต์" (Viscount) สตรีเรียก ไวเคาน์เตส (Viscountess)
"บารอน" (Baron) สตรีเรียก บารอเนส (Baroness)
อัศวิน (knight หรือที่เรียกว่า milites ในภาษาละติน) ปรากฏขึ้นในปลายศตวรรษที่ 10 ในฐานะที่เป็นกลุ่มชนชั้นเฉพาะของคนติดอาวุธ ที่ขุนนางจ้างมาสำหรับป้องกันปราสาทให้กับตน อัศวินและขุนนางเป็นชนชั้นที่ยังแยกกันอยู่เรื่อยมาจนกระทั่งประมาณ ค.ศ. 1200 ขุนนาง (noble หรือที่เรียกว่า nobiles ในภาษาละติน) ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินผู้สั่งสมความมั่งคั่งเรื่อยมาจากรุ่นสู่รุ่น จนอาจเรียกได้ว่าแทบจะไม่มีข้อจำกัดในการใช้อำนาจในเขตแดนของตน และอัศวินที่รับใช้ขุนนางเหล่านั้นก็มักจะยากจนและมีกำเนิดมาจากครอบครัวชาวนาผู้ต่ำต้อย
ในเวลาต่อมา อัศวินเริ่มเข้าไปผสมกับชนชั้นสูงมากขึ้นโดยการได้รับสิทธิพิเศษต่าง ๆ จากชนชั้นสูงและผ่านการแต่งงานเข้าสู่ตระกูลขุนนางเหล่านั้นด้วย ดังนั้น เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคมเช่นนี้ จึงมีการเรียกขุนนางว่าเป็น domini (เจ้า - lord) อีกทั้งมีอัศวินบางคนที่มีพฤติกรรมเช่นเดียวกับ พวกเจ้า เช่น การสร้างป้อมค่ายต่าง ๆ รอบที่ดินของตน เป็นต้น
ศาสนจักรก็มีส่วนช่วยในการเพิ่มพูนสิทธิพิเศษให้แก่อัศวินโดยการเน้นบทบาทของนักรบในฐานะที่เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่ของชาวคริสต์ที่ได้รับมาจาก พระผู้เป็นเจ้าเช่นเดียวกับบทบาทของพระ การตั้งอัศวิน (dubbing of a knight = การตั้งอัศวินเป็นพิธีกรรมสำคัญในการที่บุคคลจะได้รับตำแหน่งจากเจ้านายเหนือหัวของตน ในแง่นี้หมายถึงการนำดาบแตะไหล่เพื่อสถาปนาเป็นอัศวิน) กลายเป็น“พิธีรับศีลของการเป็นอัศวิน” (sacrament of knighthood) ยิ่งกว่านั้นการทำสงครามครูเสดต่อต้านชาวมุสลิมในดินแดนศักดิ์สิทธิ์และชื่อเสียงของคณะอัศวินบางกลุ่ม อย่างเช่น อัศวินฮอสพิทาลเลอร์ (Knight Hospitaller) อัศวินเทมพลา (Knight Templar) และอัศวินทิวทอนิค (Teutonic Knight) เป็นต้น ช่วยทำให้เกียรติภูมิของอัศวินในฐานะนักรบชาวคริสต์เพิ่มสูงมากขึ้น ๆ วรรณคดีหลายเล่มอย่างเช่นเรื่อง บทเพลงแห่งโรแลนด์ (Song of Roland) และเรื่องพระเจ้าอาเธอร์ (Arthurian romance) ล้วนแต่ยกย่องพฤติกรรมของอัศวินทั้งสิ้น อนึ่ง เมื่ออัศวินมีที่ดินเป็นของตนเอง ก็ยุติความแตกต่างที่แยกระหว่างขุนนางกับอัศวินลง พร้อมกันนั้นก็เกิดชนชั้นใหม่ที่ขยายขนาดขึ้นเป็นขุนนางและอัศวินผู้เป็นเจ้าของที่ดิน หลักฐานต่าง ๆ สมัยกลางใช้คำอันหลากหลายเมื่อต้องเอ่ยถึงอัศวินและขุนนาง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเคยมีช่องว่างที่กั้นระหว่างอัศวินกับขุนนางอยู่ ในต้นศตวรรษที่ 12 นักเขียนแยกระหว่างอัศวินธรรมดา อัศวินที่เป็นอัศวินระดับกลาง และอัศวิน
สัตว์ในตำนาน/เทพนิยาย
-ไซคลอปส์ถูกใช้ระบุถึงยักษ์ตาเดียวคือมีตาเดียวอยู่กลางใบหน้า มีอยู่ 2 ชนิดโดยชนิดแรกเป็นลูกของเจ้านภา "อูรานอส" หรือยูเรนัสและพระแม่ธรณี "จีอา" มีด้วยกัน 3 ตน ชื่อว่า บรอนทีส สเทอโรพีส และอาจีส
-กายไทฟอน (Typhon) เป็นลูกของจีอา พระแม่ธรณี ซึ่งพระนางให้กำเนิดภายหลังที่โครนัสถูกโค่นบัลลังก์แล้ว เพื่อให้ไปสู้รบกับซูสเทพเจ้าแห่งสายฟ้าผู้ยิ่งใหญ่ ไทฟอนเป็นอสูรกายที่น่าเกลียดน่ากลัว
-กริฟฟอน หรือ กริฟฟิน (Griffin,Gryphin,Griffon,Gryphon) คือสัตว์ในเทพนิยายเป็นครึ่งนกอินทรี ครึ่งสิงโต โดยส่วนหัว ขาคู่หน้าและปีกเป็นนกอินทรี ส่วนลำตัวและขาคู่หลังเป็นสิงโต และมีหางเป็นงู
-คิดนา (Echidna) ในตำนานของกรีกนั้นเป็นสตรีที่งดงาม แต่ท่อนล่างเป็นงูขนาดยักษ์ เป็นภรรยาของไทฟอน อีคิดนาถูกยักษ์ร้อยตาอาร์กัส ซึ่งเป็นผู้รับใช้ของฮีร่าสังหาร นางเป็นอสูรกายที่ไม่ค่อยมีบทบาทมาก
-บาซิลิสก์ มีลักษณะคล้ายๆ งูที่มีมงกุฎสีทองเล็กๆ บนหัวไก่ ในยุคกลางมีผู้เชื่อว่ามันเป็นเพียงงูที่มีหัวเหมือนไก่ บางครั้งมีหัวเป็นคน บาซิลิสก์เกิดจากไข่ที่ออกมาจากพ่อไก่ระหว่างที่มีกลุ่มดาวสุนัข
-ไคเมร่าหรือคิเมร่า เป็นสัตว์ในเทพนิยายกรีก ในตำนานเล่าว่าไคเมร่าเป็นลูกของอิคิดนาและไทฟอน เป็นพี่ชายของเซอร์เบอรัส ไคเมร่ามีร่างกายกำยำและเป็นที่รวมของสัตว์ร้าย 3 ชนิด คือ ส่วนหัวถึงหน้าอกเป็นสิงโต
-เซอร์เบอรัส หรือ เคอร์เบอรอส แปลว่า ปิศาจในหลุม เป็นสัตว์ในเทพปกรณัมกรีก มีรูปร่างเป็นสุนัขสีดำใหญ่โตพ่วงพี มี 3 หัว ปลายสุดของหายเป็นงู (บางตำนานว่าเป็นหางมังกร) เซอร์เบอรัสมีหน้าที่เฝ้าทางลงสู่นรก
พลังธาตุ/เวทมนตร์ธาตุ
เวทมนตร์ธาตุเป็นเวทมนตร์ระดับที่สี่ ประกอบไปด้วย ธาตุทั้งแปด แม้จะถือว่าเป็นเวทมนตร์ชั้นล่างสุดแต่ก็เป็นเวทมนตร์สำคัญที่จะเป็นพื้นฐานสำหรับเรียนเวทมนตร์ในระดับที่สูงกว่า ผู้เล่นสายเวทมนตร์มีสิทธิ์เรียนรู้เวทมนตร์ได้ทุกธาตุ แต่สามารถเลือกเรียนเวทมนตร์ระดับสูงได้เพียงธาตุเดียว แต่ก็มีกรณียกเว้นที่ผู้เล่นบางคนทำภารกิจลับหรือใช้ไอเทมเพื่อให้ใช้เวทมนตร์ธาตุได้มากกว่าปกติ
ธาตุไฟ จะเน้นทำลายวงกว้างและต่อเนื่องแม้ว่าจะร่ายเวทมนตร์จบไปแล้วพลังทำลายก็ยังคงอยู่ พลังทำลายเพื่อเรียกค่าความเสียหายนั้นไม่มีธาตุไหนเทียบเท่า ข้อเสียคือกินพลังเวทมนตร์มากที่สุด
ธาตุน้ำแข็ง เย็นถึงกระดูก ไม่ช้าไม่เร็วแต่ป้องกันได้ยาก ส่วนใหญ่เมื่อร่ายแล้วมักไม่มีพลาด นอกจากพลังโจมตีแล้วยังสามารถใช้ลดทอนความสามารถด้านอื่นๆของศัตรูได้อีก
ธาตุลม มีเวทมนตร์เสริมพลังหลายอย่าง โจมตีก็ได้รักษาก็ดี มีความสามารถครอบจักรวาล แต่ไม่โดดเด่นด้านใดด้านหนึ่งจนเด่นชัด นอกจากระยะที่ไกลที่สุดในเวทมนตร์ทั้งหมดแล้ว ที่เหลือก็ระดับแค่กลางๆหากเทียบกับเวทมนตร์ที่คล้ายๆกันของสายอื่น
ธาตุดิน มีความสมดุลมากที่สุด ลักษณะของพลังตรงๆไม่พลิกแพลงมากนัก สามารถโจมตีและป้องกันเป็นกายภาพได้ มีเวทมนตร์ที่ดีๆอยู่หลายบท แต่นับว่าช้าที่สุดในเวทมนตร์ทั้งหมด
ธาตุสายฟ้า ร่ายได้เร็วที่สุด ที่ความสามารถในการรบกวนและก่อกวน และหากใช้เป็นก็มีเวทมนตร์ที่รุนแรงมากด้วย ต่างจากธาตุไฟตรงที่การโจมตีมักจะเป็นเป้าเดี่ยว ไม่เหมาะกับการต่อสู้กับศัตรูกลุ่มใหญ่
ธาตุน้ำ มีพลังในการชำระล้าง รักษา และ รูปลักษณ์ที่ไม่ถึงกับตายตัว เป็นเวทมนตร์ที่มีแรงอัดมากที่สุด ถ้าคิดจะกระแทกให้ศัตรูเปลี่ยนตำแหน่ง ธาตุน้ำถือว่าดีที่สุด น่าเสียดายที่ไม่ค่อยมีเวทที่ตักสินเป็นตายได้
ธาตุแสงสว่าง นั้นมักจะมีการกำหนดค่าความเสียหายไว้แต่แรก ไม่ว่าระดับสูงหรือต่ำก็โดนเท่ากัน นอกเหนือจากส่วนนี้แล้วก็ยังมีความสามารถในการรักษาและฟื้นฟูผลจากเวทมนตร์ได้เป็นอย่างดี
ธาตุความมืด เป็นการโจมตีเสียส่วนมาก ซึ่งการโจมตีจากธาตุความมืดนั้นจะมีความคล้ายคลึงกับคำสาปที่ทะลุทะลวงการป้องกันธรรมดาๆ แถมยังมีเวทมนตร์ประเภทคำสาปซึ่งธาตุอื่นๆไม่มี ข้อเสียคือไม่มีเวทมนตร์ที่ใช้ป้องกันตัว
ไฟ พลังโจมตีสูง สัญลักษณ์ ความกล้าหาญ
น้ำแข็ง MPเยอะ สัญลักษณ์ ความเสียสละ
สายฟ้า สกิลเยอะที่สุด สัญลักษณ์ ความรอบรู้
ลม ความเร็วสูง สัญลักษณ์ ความอิสระเสรี
น้ำ การรักษาสูง สัญลักษณ์ ความอ่อนโยน
ดิน ป้องกันสูง สัญลักษณ์ ความอดทน
แสง เพิ่มบัพ สัญลักษณ์ ความจังรักภักดี
ความมืด ดีบัพ สัญลักษณ์ ความปล่อยวาง
เวทมนตร์เฉพาะ
เวทมนตร์สองระดับนี้เป็นเวทมนตร์ที่ผู้คนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ แต่ระดับที่สองเป็นต้นไปจะมีข้อจำกัดที่มากขึ้น เช่นระดับที่สอง เวทมนตร์เฉพาะ คือเวทมนตร์ที่มอบสิทธิ์เรียนรู้ให้กันในเฉพาะกลุ่ม/เผ่าพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นเวทของเผ่ามังกรสำหรับมังกร เวทแห่งกาลเวลาสำหรับเทพแห่งกาลเวลา เวทแห่งความตายสำหรับเทพแห่งความตาย การจะได้สิทธิ์มาจำเป็นต้องมีสถานะอยู่ในกลุ่มนั้นๆ โดยกลุ่มที่จะมีเวทมนตร์เฉพาะได้นั้นต้องเป็นเผ่าพันธุ์ระดับสูงที่เป็นได้ยากมากๆเท่านั้น
ไรท์เตอร์
คำไม่พอทำไงดีนะ???
ไรท์เตอร์
Episode Episode Episode Episode Episode Episode Episode Episode Episode Episode Episode Episode Episode Episode Episode Episode Episode Episode Episode Episode Episode Episode Episode Episode Episode Episode Episode Episode Episode Episode Episode Episode Episode Episode Episode Episode Episode Episode Episode Episode Episode Episode Episode Episode Episode Episode Episode Episode Episode Episode Episode Episode Episode Episode Episode Episode Episode Episode Episode Episode Episode Episode Episode Episode Episode Episode Episode Episode Episode Episode Episode Episode Episode Episode Episode Episode Episode Episode Episode Episode Episode Episode Episode Episode
ไรท์เตอร์
บายจ้าทุกคนจุ๊ปๆบายจ้าทุกคนจุ๊ปๆบายจ้าทุกคนจุ๊ปๆบายจ้าทุกคนจุ๊ปๆบายจ้าทุกคนจุ๊ปๆบายจ้าทุกคนจุ๊ปๆบายจ้าทุกคนจุ๊ปๆบายจ้าทุกคนจุ๊ปๆบายจ้าทุกคนจุ๊ปๆบายจ้าทุกคนจุ๊ปๆบายจ้าทุกคนจุ๊ปๆบายจ้าทุกคนจุ๊ปๆบายจ้าทุกคนจุ๊ปๆบายจ้าทุกคนจุ๊ปๆบายจ้าทุกคนจุ๊ปๆบายจ้าทุกคนจุ๊ปๆบายจ้าทุกคนจุ๊ปๆบายจ้าทุกคนจุ๊ปๆบายจ้าทุกคนจุ๊ปๆบายจ้าทุกคนจุ๊ปๆบายจ้าทุกคนจุ๊ปๆบายจ้าทุกคนจุ๊ปๆบายจ้าทุกคนจุ๊ปๆบายจ้าทุกคนจุ๊ปๆบายจ้าทุกคนจุ๊ปๆบายจ้าทุกคนจุ๊ปๆบายจ้าทุกคนจุ๊ปๆบายจ้าทุกคนจุ๊ปๆบายจ้าทุกคนจุ๊ปๆบายจ้าทุกคนจุ๊ปๆบายจ้าทุกคนจุ๊ปๆบายจ้าทุกคนจุ๊ปๆบายจ้าทุกคนจุ๊ปๆบายจ้าทุกคนจุ๊ปๆบายจ้าทุกคนจุ๊ปๆบายจ้าทุกคนจุ๊ปๆบายจ้าทุกคนจุ๊ปๆบายจ้าทุกคนจุ๊ปๆบายจ้าทุกคนจุ๊ปๆบายจ้าทุกคนจุ๊ปๆบายจ้าทุกคนจุ๊ปๆบายจ้าทุกคนจุ๊ปๆบายจ้าทุกคนจุ๊ปๆบายจ้าทุกคนจุ๊ปๆบายจ้าทุกคนจุ๊ปๆบายจ้าทุกคนจุ๊ปๆบายจ้าทุกคนจุ๊ปๆบายจ้าทุกคนจุ๊ปๆบายจ้าทุกคนจุ๊ปๆบายจ้าทุกคนจุ๊ปๆบายจ้าทุกคนจุ๊ปๆบายจ้าทุกคนจุ๊ปๆบายจ้าทุกคนจุ๊ปๆบายจ้าทุกคนจุ๊ปๆบายจ้าทุกคนจุ๊ปๆบายจ้าทุกคนจุ๊ปๆบายจ้าทุกคนจุ๊ปๆบายจ้าทุกคนจุ๊ปๆบายจ้าทุกคนจุ๊ปๆบายจ้าทุกคนจุ๊ปๆบายจ้าทุกคนจุ๊ปๆบายจ้าทุกคนจุ๊ปๆบายจ้าทุกคนจุ๊ปๆบายจ้าทุกคนจุ๊ปๆบายจ้าทุกคนจุ๊ปๆบายจ้าทุกคนจุ๊ปๆบายจ้าทุกคนจุ๊ปๆบายจ้าทุกคนจุ๊ปๆบายจ้าทุกคนจุ๊ปๆบายจ้าทุกคนจุ๊ปๆบายจ้าทุกคนจุ๊ปๆบายจ้าทุกคนจุ๊ปๆบายจ้าทุกคนจุ๊ปๆบายจ้าทุกคนจุ๊ปๆบายจ้าทุกคนจุ๊ปๆบายจ้าทุกคนจุ๊ปๆบายจ้าทุกคนจุ๊ปๆบายจ้าทุกคนจุ๊ปๆบายจ้าทุกคนจุ๊ปๆบายจ้าทุกคนจุ๊ปๆบายจ้าทุกคนจุ๊ปๆบายจ้าทุกคนจุ๊ปๆบายจ้าทุกคนจุ๊ปๆ
◇《7 บาป》◇
บาปทั้ง 7
เรียงลำดับจากความรุนแรงน้อยไปหามาก ตามคำสอนของสมเด็จพระสันตะปาปาเกรกอรีที่ 1 ในคริสต์ศตวรรษที่ 6
ราคะ (ละติน: luxuria ลุกซุริอา; อังกฤษ: lust)
การคิดในทางเสื่อม ความต้องการเป็นที่สนใจจากผู้อื่น ความต้องการความเร้าใจ หมกมุ่นทางเพศที่มากจนเกินไป หรือที่ผิดมนุษย์ปกติ ความใคร่ที่เกิดขึ้นในทางทุจริต เช่น การมีเพศสัมพันธ์กับสัตว์ กับพ่อแม่หรือลูกหลานตัวเอง การข่มขืน การมีชู้ แอสโมเดียส (Asmodeus) ปีศาจที่หลงรักมนุษย์หญิงสาวคนหนึ่งและฆ่าชายที่จะแต่งงานกับนางทุกคน เป็นปีศาจประจำบาปข้อนี้ สัญลักษณ์แห่งราคะคืองู วัว สีประจำบาปนี้คือสีน้ำเงิน บทลงโทษผู้กระทำบาปข้อนี้คือ ถูกรมด้วยสารกำมะถันและไฟ และ ตัดอวัยวะเพศ
ตะกละ (ละติน: gula กูลา; อังกฤษ: gluttony)
การสนองความต้องการโดยไม่ยั้งคิด มุ่งร้ายเอาของคนอื่น บริโภคสิ่งต่างๆจนขาดการไตร่ตรอง บริโภคจนมากเกินไป มากจนเกินความจำเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อาหาร รวมถึงการบริโภคสิ่งๆ ต่างๆ โดยไม่คำนึงสนใจ หรือเห็นใจคนอื่น ทำให้เวลาสรรเสริญพระเจ้าน้อยลง และยังเป็นบาปที่สามารถชักจูงให้ทำบาปอื่นๆ ได้ เช่น ปรารถนาในความหิว (ราคะ) ฆ่าเพราะความหิว (โทสะ) เป็นต้น เบเอลเซบูล (Beelzebub) เทวดา6ปีก เซราฟิม เจ้าชายแห่งนรกหรือเจ้าแห่งหมู่ แมลงวัน เคยอยู่บนสรวงสวรรค์มาก่อน แต่ด้วยอำนาจที่มากกลับต่อต้านพระเจ้า จึงถูกไล่ออกจากสรวงสวรรค์มาเป็นปีศาจแห่งขุมนรก ปีศาจประจำบาปข้อนี้ สัญลักษณ์ของตะกละคือหมู สีประจำบาปคือสีส้ม บทลงโทษของผู้ที่ตะกละในนรกคือการที่ถูกกินทั้งเป็นโดยหนู คางคก และงู ตะกละสามารถแบ่งออกเป็น
โลภะ (ละติน: avaritia อวาริซิอา ; อังกฤษ: greed)
ความทะเยอทะยานอันแรงกล้าในการให้ได้มาซึ่งทรัพย์สินและอำนาจ โดยไม่คำนึงถึงแนวทางหรือคุณธรรมในการได้มาซึ่งสิ่งเหล่านั้น ไม่ว่าจะเป็นการขโมย การขู่กรรโชกทรัพย์ ยักยอก การกักเก็บทรัพย์สินต่างๆ โดยไม่แบ่งปันหรือช่วยเหลือผู้อื่น ต่อมาโลภะรวมถึง การหาทรัพย์อย่างทุจริตมาใช้เพื่อประโยชน์ทางศาสนาด้วย ถือเป็นการมุ่งร้ายต่อศาสนา และเป็นการหักหลังต่อผู้นับถือคริสต์ศาสนาอีกด้วย แมเมิน (Mammon) เทพแห่งความมั่งคังที่ไม่เป็นธรรม เป็นปีศาจประจำบาปข้อนี้ สัญลักษณ์ของโลภะคือ กบ สีประจำบาปคือสีเหลือง บทลงโทษของผู้ที่โลภมากคือการถูกแช่ในน้ำมันเดือด
เกียจคร้าน (ละติน: acedia อาเชดีอา ; อังกฤษ: sloth)
ความไม่สนใจใยดีต่อการเปลี่ยนแปลง ต่อสิ่งรอบข้าง ใช้เวลาอย่างไร้ค่า ความไม่ต้องการที่จะทำอะไร โดยปล่อยให้ผู้อื่นเป็นผู้ทำงานหนักเพื่อตนเองเท่านั้น การปล่อยปละละเลยต่อหน้าที่ของตน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการละเลยที่จะทำดีรวมถึงการละเลยที่จะเคารพต่อพระเจ้าด้วย ผู้ที่เกียจคร้านจะอยู่เฉยๆ รักษาสภาพความเป็นอยู่ของตนเองในภาวะเดิมตลอดเวลา ไม่ทำอะไรมาก แต่ก็ไม่ใช้อะไรมากเช่นกัน เบลเฟกอร์ (Belphegor) ปีศาจผู้ไม่ยอมทำอะไรเพียงแต่บอกให้มนุษย์คอยทำสิ่งเหล่านั้นให้เป็นปีศาจประจำบาปข้อนี้ สัญลักษณ์ของเกียจคร้านคือแพะ สีประจำบาปคือสีคราม บทลงโทษของผู้เกียจคร้านคือการถูกโยนลงไปในบ่องูพิษ
โทสะ (ละติน: ira 'อิรา ; อังกฤษ: wrath)
ความโกรธเคืองและพยาบาทที่ขาดความเหมาะสม การทนรับสภาพในบางสิ่งบางอย่างไม่ได้ การแสวงหาหนทางผิดกฎหมายบ้านเมือง ในศีลธรรมในการล้างแค้น การมุ่งร้ายที่จะทำสิ่งต่างๆแก่บุคคลที่ตนไม่ชอบ รวมถึงการไม่ชอบบุคคลอื่นโดยไร้เหตุผล เช่น สีผิว เชื้อชาติ ศาสนา นำไปสู่การฆ่าและฆาตกรรมผู้อื่น ซาตาน ปีศาจแห่งความมืดเป็นตัวแทนประจำบาปข้อนี้ สัญลักษณ์ของโทสะคือหมี สีประจำบาปคือสีแดง บทลงโทษของผู้ที่มีบาปโทสะคือ การถูกฉีกร่างทั้งเป็น (ซ้ำแล้วซ้ำเล่า)
ริษยา (ละติน: invidia อินวิดิอา ; อังกฤษ: envy)
ความปรารถนาให้ผู้อื่นรับเคราะห์ การไม่ยอมรับผู้อื่นที่มีสิ่งต่างๆ ดีกว่าตนเอง ทั้งด้านทรัพย์สมบัติ ลักษณะรูปร่างนิสัย และ การประสบความสำเร็จ ความอิจฉานำไปสู่การรังเกียจตัวเอง ต้องการอยากเป็นผู้อื่น นำไปสู่การขโมยและทำลายผู้อื่น ความอิจฉาริษยาเป็นการพัฒนาต่อจากตะกละและโลภะที่สุดขั้ว เลวีอาธาน (Leviathan) ปีศาจอสรพิษทะเลแห่งนรก ผู้เป็นสัญลักษณ์แห่งการต่อต้านพระเจ้าถือเป็นปีศาจประจำบาปนี้ สัญลักษณ์ของริษยาคือสุนัข สีประจำบาปคือสีเขียว บทลงโทษผู้ที่มีความอิจฉาคือถูกเย็บตาอย่างทรมาน
อัตตา หรือ เย่อหยิ่ง (ละติน: superbia ซูแปร์บิอา ; อังกฤษ: pride)
อัตตาเป็นยอดแห่งบาปทั้งปวง หมายถึงความต้องการเป็นผู้ที่มีความสำคัญและอำนาจเหนือผู้อื่น (เช่นต้องการเป็นพระราชา) การที่รักตนเองมากจนเกินไป หลงในอำนาจและรูปลักษณ์ของตัวเอง (โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปรียบตนเองเทียบเท่ากับพระเจ้า) ซึ่งบาปประการนี้ทำให้ ลูซิเฟอร์ (ปีศาจประจำบาปนี้) ถูกขับไล่ออกจากสวรรค์ เนื่องจากลูซิเฟอร์เห็นว่าตนมีอำนาจเท่ากับพระเจ้าและสามารถสร้างพรรคพวกของตัวเองเพื่อต่อต้านและไม่เคารพพระเจ้า คนที่มีความโอหังจะสนใจเฉพาะตนเองเท่านั้น ไม่สนใจว่าผู้อื่นจะเป็นเช่นไร สัญลักษณ์ของอัตตาคือม้า สิงโต นกยูง สีประจำบาปคือสีม่วง บทลงโทษของผู้ที่โอหังคือการถูกทรมานบนวงล้อ (มัดกับวงล้อแล้วให้วงล้อหมุนเรื่อยๆ ผู้ถูกทรมานจะถูกบดขยี้กับพื้น)
และผู้นำของเหล่า 7 บาปที่เป็นผู้สร้างคนเหล่านี้ขึ้นมาเรียกแทนชื่อคนคนนั้นว่า เอลเดอร์
□◇{เวทมนต์}◇□
พลังเวทย์มนต์ นั้นมีอยู่ 5 ระดับ
คือ ระดับ 1 ระดับ มือใหม่ฝึกหัด ที่ยังไม่ชำนาญการเวทย์ เช่น นักเรียนเวทย์มนต์
2 ระดับ ทั่วไป ที่พอมีความรู้การใช้เวทย์มนต์
3 ระดับ กลาง ที่มีวิชาเวทย์เเกร่งกล้าในการใช้
4 ระดับ มหาจอมเวทย์ จอมเวทย์ระดับสูงที่ใช้เวทย์มนต์จนถึงขั้นสูงได้
5 ระดับ ปรมาจารย์. เชี่ยวชาญขั้นสุด
6 ระดับ ตำนาน ไม่สามารถพบเห็นได้ในบุคคลทั่วไป
7 ระดับ เทพนิยาย เชื่อว่าไม่มีอยู่จริงแล้ว
8 ระดับ เจ้าพิภพ จุดสูงสุดของทุกเผ่าพันธุ์ที่สามารถไปถึงในประวัติศาสตร์
9 ระดับ ภัยพิบัติ บาปทั้ง7
10 ระดับ ไร้ขีดจำกัด เอลเดอร์ผู้นำที่แท้จริงของบาปทั้ง7
2.อาชีพนักเวทย์ก็มีหลากหลายสายอาชีพ อาชีพนัดเวทย์ที่เห็นในนิยายบ่อยๆก็จะมี
1 จอมเวทย์ นักเวทย์สายต่อสู้ ใช้พลังโจมตีศัตรู
2 นักบวช นักเวทย์สายขาว รักษาโรค ฟื้นฟูพลังชีวิต
3 นักเล่นแร่แปลธาตุ นักเวทย์ที่ใช้ศาสตร์การสร้างสร้างอุปกรณ์เวทย์ต่างๆ
4 นักอัญเชิญ นักเวทย์ที่ทำสัญญาและใช้สัตว์อัญเชิญในการต่อสู้
5 necromancer นักเวทย์สายมืด ร่ายคำสาป ควบคุมศพ
ส่วนอาชีพทั่วไปในโลก
1นักรบ
2นักธนู
3โจร
4นายพราน
5นักสู้
6อัสวิน
7นักล่าฆ่าหัว
8ทหารรับจ้าง
9มือปืน
10พ่อค้าแม่ค้า
Aligist – พลังแห่งการเข้าใจทุกภาษา
Aligist เป็นคำบ่งบอกถึงคนที่เข้าใจทุกภาษา! นี่ไม่ใช่เรื่องธรรมดาเลยนะ บางคนเกิดมาพร้อมกับของขวัญชิ้นนี้ ในขณะที่บางคนพยายามฝึกฝนทั้งชีวิตเพื่อเรียนรู้หลากหลายภาษา! แน่นอนว่ามันเป็นหนึ่งในของขวัญไม่กี่ชิ้นที่มนุษย์ปกติสามารถเรียนรู้ได้ เพียงแค่ได้รับการฝึกฝนเล็กๆ น้อยๆ จากผู้ที่เป็น Aligist ที่แท้จริง
ไม่มีภาษาใดที่ Aligist ไม่เข้าใจ พวกเขาอยู่เหนืออุปสรรคทางภาษาทั้งหมดทั้งมวล แต่บางครั้งพวกเขาก็อาจถูกหลอกได้หากมีคนพูดเป็นรหัส แต่หลังจากได้ยินคำพูดแม้เพียงเล็กน้อย พวกเขาก็สามารถถอดรหัสได้
Clairvoyance – พลังตาทิพย์
พลังตาทิพย์ คือความสามารถในการมองเห็นสิ่งที่ไม่รู้จัก คนเหล่านี้สามารถนั่งอยู่ในห้องและรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นรอบตัวพวกเขาในโลก ณ เวลานั้น แต่พวกเขาไม่เห็นอดีตหรืออนาคตหรอกนะ สิ่งที่เห็นมีเพียงแค่ “ปัจจุบัน” เท่านั้น โดยปกติแล้วพวกเขาจะรับรู้เพียงความรู้สึกในตอนนั้น เพราะภาพมักหายไปก่อนที่จะมีสมาธิอยู่กับมันนานพอ
บางครั้งคนที่มีตาทิพย์จะสามารถจับชีวิตของใครบางคนได้ และมองเห็นสิ่งที่คนๆ นั้นกำลังทำอยู่ในขณะนั้น พวกเขาสามารถจับภาพอุบัติเหตุทางรถยนต์และผู้คนที่เดือดร้อนได้ คนเหล่านี้กลายเป็นทุกข์เพราะมองเห็นปัญหาทั้งหมดนี้ในโลก นี่เป็นพลังที่ไม่ธรรมดาเลยสักนิด และคนมักเข้าใจผิดว่าสามารถทำนายอนาคตได้ ทั้งที่จริงทำนายอนาคตไม่ได้
Retrocognition – พลังแห่งการมองเห็นอดีต
Retrocognition คือความสามารถในการมองเห็นสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในอดีต เชื่อกันว่าวัตถุนั้นกักเก็บพลังงานรอบตัวไว้ และพลังงานนั้นยังคงอยู่จนกว่าจะถูกล้างออกด้วยวิธีพิเศษ แน่นอนว่าคนเหล่านี้สามารถสัมผัสได้ถึงพลังงานนั้น และมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในห้องหรือรอบๆ วัตถุ
พวกเขามักกลายเป็นนักสืบและทำงานร่วมกับตำรวจเพื่อช่วยแก้ปัญหาอาชญากรรม
คนเหล่านี้ไม่ธรรมดา เพราะสามารถใช้พลังนี้ได้อย่างง่ายดาย และต้องการทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อช่วยเหลือผู้อื่น! นี่เป็นหนึ่งในพลังที่ง่ายที่สุดในการควบคุม และยังสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง
Regeneration – พลังแห่งการฟื้นฟู
พลังแห่งการฟื้นฟูทำให้ผู้ใช้สามารถรักษาตัวเอง (และผู้อื่น) ได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังเป็นเรื่องยากอย่างยิ่งที่จะทำให้คนเหล่านี้ตาย วิธีเดียวที่จะฆ่าได้คือทำลายศีรษะของพวกเขาซะ! เพราะทำให้พวกเขาไม่สามารถใช้จิตเพื่อบังคับร่างกายให้ฟื้นตัวได้
คนเหล่านี้มักค้นพบพลังของตนเองหลังจากเหตุการณ์ฆ่าตัวตายที่ล้มเหลว หรือสิ่งที่อาจเป็นอุบัติเหตุร้ายแรง พวกเขาเชื่อว่าพวกเขาควรจะตาย แต่ดันเห็นการรักษาร่างกายตัวเองต่อหน้าต่อตา! ทันใดนั้นจึงตระหนักได้เลยว่าพวกเขาคืออะไร จากนั้นคนเหล่านี้อาจพยายามทุกวิถีทางที่จะทำลายตัวเอง จนกว่าจะยอมรับความจริงได้ว่าพวกเขาไม่สามารถตายได้ หลังจากจุดนี้พวกเขามี 2 เส้นทางให้เลือก
พวกเขาจะพยายามช่วยเหลือผู้อื่นที่ตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย
หรือจะกลายเป็นอาชญากรเพราะรู้ว่าพวกเขาสามารถหลีกหนีจากอาชญากรรมใดๆ ได้
ข้อเสียของพลังนี้คือ บุคคลนั้นจะรู้สึกถึงความเจ็บปวดทั้งหมด ที่เกี่ยวข้องกับการบาดเจ็บของพวกเขา แต่บางครั้งก็รู้สึกว้าวุ่นเกินไปที่จะสังเกตเห็นความเจ็บปวด
Empath - พลังแห่งการดูดซับอารมณ์ผู้อื่น
คนประเภท Empath คือคนที่รู้สึกถึงอารมณ์ของผู้อื่น และสามารถดูดซับอารมณ์นั้นมาไว้กับตัวเอง พลังนี้พบได้บ่อยในเด็กที่รับรู้โลกและผู้คนรอบตัว บางครั้งพลังนี้ก็จางหายไปตามอายุ แต่ก็มีบางคนที่สามารถรักษามันไว้ได้ตลอดชีวิต
คนเหล่านี้มักจะกลายเป็นครูและที่ปรึกษาเพราะพวกเขามีความปรารถนาดีที่จะช่วยเหลือผู้อื่น แต่จะดีก็ต่อเมื่อพวกเขาสามารถควบคุมพลังของตัวเองได้หากสถานการณ์ไม่เอื้ออำนวย
นอกจากนี้ผู้ที่เป็น Empath ส่วนใหญ่มีแนวโน้มที่จะเข้าสู่ภาวะซึมเศร้าจากอารมณ์เชิงลบที่เกิดจากผู้อื่น คนเหล่านี้จำเป็นต้องเรียนรู้ที่จะปิดกั้นอารมณ์ของผู้อื่น เพื่อที่พวกเขาจะได้กลับมาเป็นตัวเองและอยู่ท่ามกลางผู้คนที่คิดบวก
Mind Control – พลังแห่งการโน้มน้าวใจ
การควบคุมจิตใจ เรียกอีกอย่างว่าพลังแห่งการโน้มน้าวใจ มันคือความสามารถในการมีอิทธิพลต่อจิตใจของคนรอบข้าง แต่ผู้ควบคุมจิตใจจะไม่สามารถอ่านความคิดของผู้ที่ตนกำลังมีอิทธิพลได้
พวกเขาทำได้เพียงแค่สอดแทรกความคิด ชักจูง และหวังว่ามันจะแข็งแกร่งมากพอที่จะทำให้อีกฝ่ายรับรู้และเชื่อมัน
นี่เป็นพลังที่อันตรายมากเพราะผู้ที่ถูกชักจูงมักไม่รู้ตัวและเชื่อว่าความคิดนั้นเป็นของตัวเอง นอกจากนี้ยังถูกบังคับให้เชื่อว่าความคิดเหล่านั้นถูกต้องโดยไม่ตั้งคำถามใดๆ น่ากลัวจริงๆ
Teleportation – พลังแห่งการเคลื่อนย้ายมวลสาร
เชื่อว่าหลายคนน่าจะรู้จักเทเลพอร์ต หรือการเคลื่อนย้ายวัตถุและมวลสาร มันเป็นพลังที่มีมานานแล้ว และมักพบได้ในภาพยนตร์ไซไฟแฟนตาซีหลายเรื่อง ใครก็ตามที่มีความสามารถนี้จะสามารถไปได้ทุกที่ที่ต้องการ ขอเพียงแค่ “คิด” ไม่ว่าจะเป็นการข้ามห้องหรือข้ามโลก พลังนี้ใช้เวลาเพียงไม่นานในการเชี่ยวชาญ แน่นอนว่าถ้าทำได้จะสามารถใช้พลังนี้ได้ตลอดชีวิต
พลังนี้มักพบในผู้ที่มีความบกพร่องแต่กำเนิด ดูเหมือนว่าจะเป็นรูปแบบหนึ่งของวิวัฒนาการที่ทำให้พวกเขาสามารถไปไหนมาไหนได้ การเทเลพอร์ตต้องมีจิตใจที่เข้มแข็งและเต็มใจที่จะยอมรับอันตราย
เพราะมันมีโอกาสเสมอที่จะไปอยู่ผิดที่และติดอยู่ที่นั่น!
นอกจากนี้ยังมีเรื่องราวของผู้คนที่ใช้พลังนี้เพื่อเดินทางข้ามเวลา ไม่ทราบแน่ชัดว่าพลังนี้ทำงานอย่างไร แต่เชื่อกันว่าจิตใจได้สลายโมเลกุลของร่างกาย และส่งไปยังทุกที่ที่คนต้องการไปด้วยความเร็วแสง
Gravity Control
พลังควบคุมแรงโน้มถ่วง
สามารถควบคุมแรงโน้มถ่วงภายในรัศมีสูงสุดคือ15เมตร สามารถเพิ่มแรงโน้มถ่วงจนสิ่งของแถวนั้นจมดิน หรือจะทำให้เคว้งเหมือนอยู่ในอวกาศก็ได้
อะไรก็ตามที่เข้ามาในรัศมีโน้มถ่วง จะมีผลดังนั้น เช่น กระสุนปืนที่ยิงออกไป เมื่อเข้าสู่รัศมี15เมตร หากแรงโน้มถ่วงเยอะ กระสุนจะร่วง ถ้าไม่มี กระสุนจะยังคงวิ่งต่อ
อนึ่งความสามารถนี้จำกัดเวลาเพียง 1นาที และต้องรออีก 5 นาทีจึงจะใช้ใหม่
Wind blade
เพียงโบกมือ คุณก็สามารถเรียกเลือดจากศัตรูได้แล้ว
เมื่อเอามือพัด จะก่อให้เกิดลมเฉือนที่แหลมคมเหมือนมีด เฉือนสิ่งของในระยะได้
ความสามารถ : บันทึกสิ่งที่เห็นและสามารถถ่ายทอดความทรงจำให้สิ่งมีชีวิตได้
วิธีใช้ : ถ้าต้องการมอบความทรงจำของตัวเองให้สัมผัสที่ส่วนใดส่วนนึงของสิ่งมีชีวิต สิ่งมีชีวิตที่ถูกสัมผัสจะรับรู้ได้ถึงความทรงจำที่ผ่านมาทั้งการได้เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ได้ลิ้มรส ได้สัมผัส เสมือนเหตุการณ์นั้นได้เกิดขึ้นจริงกับสิ่งมีชีวิตนั้นๆ
ข้อดี :
1. สามารถเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่ผ่านมาในชีวิตแค่สัมผัสโดนส่วนใดส่วนหนึ่งของสิ่งมีชีวิต
2. อัตราส่วน 1 วัน/เวลาในความทรงจำ = 1 นาที/เวลาโลกมนุษย์
ข้อเสีย :
1. ใช้กับสิ่งของไม่ได้
2. ใช้กับสิ่งที่ไม่มีชีวิตไม่ได้
3. ในขณะถ่ายทอดความทรงจำสิ่งมีชีวิตที่ได้รับความทรงจำไม่สามารถ เล่น/หยุด , เดินหน้า/ถอยหลัง เหมือนเครื่องเล่นได้
4. สามารถใช้ได้แค่ครั้งเดียวในชีวิต
Imaginator - ผู้ใช้พลังแห่งจินตนาการ
ทุกสิ่งที่จินตนาการ สามารถทำให้เกิดขึ้นได้จากสิ่งที่มีอยู่ตรงหน้า หรือรอบข้าง
เช่นเปลี่ยนแปลงสภาพวัตถุ สร้างสิ่งต่างๆ จากวัตถุรอบตัวที่เห็นและมีอยู่
แยกพื้นดิน รวมก้อนเมฆ ทำลาย สลายสิ่งก่อสร้าง หรือสิ่งที่เห็น ทุกสิ่งที่จินตนาการถึงได้ สามารถเปลี่ยนแปลงได้บนพื้นฐานว่าสิ่งนั้นต้องมีอยู่
ข้อจำกัด ไม่สามารถสร้างสิ่งที่จินตนาการไม่ถึงได้ หรือไม่มีเหตุผลทางโครงสร้าง วัตถุที่อยู่ตรงหน้า
เช่น อยู่กลางทะเล มีแต่น้ำ จะสร้างเรือที่ทำด้วยไม้ไม่ได้ แต่อาจควบคุมอุณหภูมิแทนและสร้างเป็นเรือน้ำแข็งได้ หรือแยกทะเลได้
หรือหากถูกจรวดยิงเข้าใส่ หากไม่มีวัตถุรอบตัวที่สร้างเป็นโล่ป้องกันก็ไม่สามารถสร้างโล่ได้ แต่สามารถจินตนาการสลายจรวดได้ เป็นต้น
*หากสมองถูกทำลาย สั่งการไม่ได้ คิดจินตนาการไม่ได้ หรือคิดอะไรไม่ออก ก็จะไม่สามารถใช้พลังได้ ทุกอย่างของผู้ใช้พลังนี้อยู่ที่ความคิดและความเชื่อ และความคิดสร้างสรรค์ ความรู้น้อย จินตนาการน้อย สร้างสรรค์น้อย ก็
เวทมนตร์แห่งอดีตกาล
เวทมนตร์ระดับสูงสุดอันดับหนึ่งคือเวทมนตร์แห่งอดีตกาลมียี่สิบสามประเภท เพราะแต่ละประเภทนั้นมีอำนาจเหนือกว่าเวทมนตร์อื่นจนอาจเกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับสมดุลของมอนสเตอร์โซลได้ง่ายๆ เป็น “เวทมนตร์ที่ผิดเพี้ยน” เวทมนตร์แห่งอดีตกาลทั้งยี่สามประเภทนั้นนอกจากจะทรงพลังกว่าแล้วยังสามารถทำลายกฎเกณฑ์พื้นฐานของเวทมนตร์ไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่งอีกด้วย เพราะมันเหนือกว่ากระทั่งกฎพื้นฐานของเวทมนตร์ เวทมนตร์แห่งอดีตกาลมากกว่าหนึ่งประเภทในตัวคนเดียวแต่วิธีที่ได้รับต้องเป็นคนละวิธีกัน
เนตรฝัน. โดยที่ผู้ใช้สามารถแทรกแซงความฝันของผู้อื่นได้. ไม่ว่าจะแข็งแกร่งแค่ไหน. ขอแค่เพียงอีกฝ่ายนอนหลับอยู่. ผู้ใช้ก็สามารถแทรกแซงความฝัน. และควบคุมจิตใจ. ไปจนถึงล้างสมองได้ด้วย
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!