NovelToon NovelToon

โซริน่ากับ 12 ผู้พิทักษ์แห่งดวงดาว

1 จุดเริ่มต้นแห่งดวงดาว

ในคืนที่ดวงดาวเรียงตัวอย่างประหลาด

โลกดูนิ่งเงียบ ทว่าท้องฟ้ากลับซ่อนเร้นความลับเก่าแก่ที่ยิ่งใหญ่ ดวงดาวสิบสองดวงที่ส่องสว่างบนฟากฟ้าไม่ได้เป็นเพียงแค่แสงสว่างธรรมดา แต่แต่ละดวงแทนสัญลักษณ์แห่งจักรราศี พลังของพวกเขาเชื่อมโยงกับชะตากรรมของมนุษย์ทั้งปวง

แสงจากดาวในยามราตรีนี้สว่างไสวเป็นพิเศษในคืนนั้น ทันใดนั้นเอง เสียงกระซิบเบาบางก็ดังก้องขึ้นในสายลม "มันเริ่มขึ้นแล้ว..." เสียงที่ไม่มีใครสามารถได้ยินยกเว้นเพียงคนเดียว ผู้ถูกเลือกให้เป็นสื่อกลางแห่งโชคชะตา

โซริน่า เด็กสาวธรรมดาเธอมีรูปร่างสูงโปร่งและสง่างาม แฝงความอ่อนโยนแต่แข็งแกร่ง ผิวของเธอระยิบระยับ     สีขาวผ่องราวกับแสงจันทร์ ดวงตาสีฟ้าส่องประกาย ผมของเธอดำสนิท ราวกับท้องฟ้ายามค่ำคืนไร้แสงจันทร์ เส้นผมเรียบลื่นและเป็นประกายเหมือนแพรไหม สยายลงมาตามแผ่นหลังราวกับเงามืดที่ลึกลับและเย้ายวน เสื้อผ้าที่เธอสวมเป็นชุดเรียบง่าย เสื้อแขนยาวคอสูงและกระโปรงยาวถึงข้อเท้า เนื้อผ้าหนาและไม่มีลวดลายแต่กลับเสริมให้เธอดูมีเสน่ห์และแตกต่างอย่างน่าหลงใหล

โซริน่า เธอไม่รู้เลยว่าชีวิตของเธอกำลังจะเปลี่ยนไปตลอดกาล สายลมที่แสนเงียบสงบกลับทำให้เธอรู้สึกอึดอัด คล้ายมีอะไรบางอย่างกำลังเฝ้ามองอยู่ ดวงตาของเธอมองขึ้นไปยังท้องฟ้า และหัวใจของเธอเต้นแรงผิดปกติ

เธอไม่รู้ว่าความลับที่ถูกซ่อนเร้นกำลังจะถูกเปิดเผย และเธอเองคือหนึ่งในผู้ที่เกี่ยวข้องกับพลังจักรราศีอันทรงอำนาจ

“ทำไมคืนนี้รู้สึกแปลกๆ” โซริน่าพึมพำกับตัวเอง ก่อนที่ความมืดที่มาพร้อมกับลมแรงจะห่อหุ้มรอบตัวเธอ

เสียงหนึ่งกระซิบข้างหู “พลังของเจ้าถูกปลุกขึ้นแล้ว...”

เธอสะดุ้ง หันไปมองรอบๆ แต่ไม่มีใครอยู่ในความมืดนั้นนอกจากเธอ เสียงนั้นไม่ได้เป็นเพียงความคิดของเธอเอง ความรู้สึกบางอย่างลึกลงไปในตัวเธอบอกว่า คืนนี้ไม่เหมือนกับคืนไหนๆ ที่เธอเคยรู้จัก

ทันใดนั้น ความมืดที่ล้อมรอบโซริน่าก็เริ่มเคลื่อนไหว ราวกับว่ามีสิ่งมีชีวิตบางอย่างแฝงตัวอยู่ในเงาทึบ เสียงกระซิบที่ก้องในหูเธอค่อยๆ ดังขึ้น “เจ้าคือผู้ที่ถูกเลือก... หน้าที่ของเจ้ารออยู่...” เสียงนั้นฟังดูคล้ายกับเป็นคำสั่งมากกว่าคำเตือน

หัวใจของโซริน่าเต้นแรงขึ้น แต่แทนที่จะหวาดกลัว เธอกลับรู้สึกถึงพลังที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนกำลังตื่นขึ้นในตัวเธอ ดวงตาของเธอหันกลับไปมองท้องฟ้า ดวงดาวทั้งสิบสองดวงยังคงส่องประกายเจิดจ้า แต่ในขณะเดียวกัน ความทรงจำในฝันอันเลือนรางก็ถาโถมเข้ามาในจิตใจของเธออีกครั้ง

“เทพแห่งดวงดาว...” เธอพึมพำอย่างสับสน ภาพในอดีตที่เธอเป็นผู้สร้าง 12 ดวงดาวนั้นยังคงไม่ชัดเจน แต่เธอสัมผัสได้ถึงความรับผิดชอบบางอย่างที่ลึกซึ้งเกินกว่าจะเข้าใจ

โซริน่าก้าวเดินไปข้างหน้าโดยไม่รู้ตัว ดวงดาวบนท้องฟ้าดูเหมือนจะชี้นำทางให้เธอ พื้นดินใต้เท้าของเธอสั่นไหวเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะได้รู้ตัว แสงเจิดจ้าจากดวงดาวดวงหนึ่งพุ่งตรงลงมายังเธอ มันไม่ใช่แค่แสงธรรมดา แต่มาพร้อมกับพลังที่เธอจำได้ในทันที  พลังแห่งการสร้างและการทำลาย

“เจ้าเคยเป็นผู้สร้าง... และเจ้าจะต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่เจ้าสร้าง” เสียงกระซิบนั้นก้องกังวานในหัวของเธอ โซริน่ารู้สึกถึงพลังจักรวาลที่ไหลเวียนเข้าสู่ร่างกายเธอ มันหนักอึ้ง ราวกับว่าชะตากรรมของทั้งโลกกำลังถ่วงลงบนบ่าของเธอ

“แต่ข้า... ข้าเป็นแค่คนธรรมดา” เธอปฏิเสธ แต่ในใจลึกๆ เธอรู้ว่าคำพูดนี้ไม่จริง สิ่งที่ฝังอยู่ในตัวเธอนั้นมีพลังมากเกินกว่าที่จะปฏิเสธได้

"ชะตากรรมของทั้ง 12 ดวงดาวนั้นอยู่ในมือของเจ้า" เสียงนั้นกระซิบอีกครั้ง "พวกเขาถูกส่งมายังโลกนี้เพื่อรอคอยเจ้า พวกเขาจะเป็นผู้ปกป้องหรือผู้ทำลาย ขึ้นอยู่กับเจ้าเพียงผู้เดียว"

โซริน่าหลับตาลง รับรู้ถึงความหนักอึ้งของสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น แต่ลึกลงไปในหัวใจ เธอรู้ว่าเธอไม่สามารถหนีจากชะตากรรมนี้ได้

"ข้าจะทำหน้าที่ของข้า... แม้ข้าจะไม่รู้ว่าสิ่งที่รออยู่ข้างหน้าคืออะไร"

เช้าวันรุ่งขึ้น โซริน่าตื่นขึ้นด้วยความรู้สึกใหม่ที่ชัดเจนในใจ มันคือความมุ่งมั่นที่เธอไม่เคยรู้สึกมาก่อน ช่วงเวลาในคืนที่ดวงดาวเรียงตัวทำให้เธอเริ่มมองโลกในมุมที่ต่างออกไป ขณะเก็บดอกไม้สำหรับขาย เธอพยายามปลดปล่อยความกังวลที่มีจากเมื่อคืน และยิ้มให้กับผู้คนที่เดินผ่านมา

“สวัสดีค่ะ!” โซริน่าร้องทักด้วยเสียงสดใส ขณะที่เธอขายดอกไม้ให้กับลูกค้า แต่ภายในใจของเธอกลับเต็มไปด้วยความวิตกกังวลและคำถามมากมาย “พลังนั้นหมายถึงอะไร? ฉันจะต้องทำอะไร?”

ขณะที่เธอเดินไปตามถนนที่คุ้นเคย จู่ๆ เธอก็เห็นเด็กชายคนเดิมที่เธอเคยให้เงินเมื่อวานนี้ เขายังนั่งอยู่ในมุมเดิม เสียงสะอื้นเบาๆ ดังมาจากริมถนน โซริน่าหยุดเดินและเดินเข้าไปหาเขา “นายเป็นยังไงบ้าง?” เธอถามด้วยความห่วงใย

เด็กชายเงยหน้าขึ้นมอง เผยให้เห็นดวงตาที่เต็มไปด้วยความเศร้าโศก “ผมหิวมาก... เงินที่ได้จากเมื่อวาน ผมถูกคนอื่นแย่งไป”

โซริน่ารู้สึกเจ็บปวดในใจ ขณะที่เธอควักเงินบางส่วนที่เหลืออยู่ในกระเป๋า “นี่... เอาไปซื้ออาหารนะ” เธอยิ้มให้กับเขาอย่างอ่อนโยน

“แต่... นี่คือเงินของพี่!” เขาพูดด้วยเสียงสั่น เธอเห็นความขัดแย้งในดวงตาของเด็กชาย

“ไม่เป็นไรหรอกจ่ะ ” โซริน่าตอบอย่างมุ่งมั่น “ข้าเชื่อว่าอนาคตของพวกเราจะดีขึ้น” เธอไม่รู้เลยว่าสิ่งที่เธอพูดนั้นมีความหมายลึกซึ้งในใจของเธอเอง

ขณะที่โซริน่าเดินออกจากตลาด เธอยังคงรู้สึกถึงพลังที่ไม่รู้จักในตัวเอง ผสานกับความรู้สึกที่อาจเปลี่ยนแปลงโลกได้ในอนาคต ความคิดเกี่ยวกับชายที่เธอชนเมื่อวานแวบเข้ามาในใจอีกครั้ง เขาคือใคร? ทำไมเขาถึงดูแตกต่างจากคนทั่วไป? สายตาของเขาเย็นชาราวกับถูกปกคลุมด้วยความลึกลับ ทำให้เธอรู้สึกแปลกๆ อยู่ในใจ

ขณะที่เธอเดินกลับบ้าน เสียงพวกเด็กๆ ที่เล่นกันในตลาดทำให้เธอหยุดชะงัก เธอเห็นเด็กหญิงคนหนึ่งที่อายุน้อยกว่ากำลังวิ่งไล่จับลูกบอลสีแดง รอยยิ้มของเธอทำให้โซริน่ารู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมา ทั้งที่ชีวิตของเธอมีแต่ความยากลำบาก แต่เธอก็ยังมีความหวังเล็กน้อยในใจ

“ถ้าข้าสามารถทำให้คนอื่นมีความสุขได้สักนิด... ข้าจะทำ” เธอพึมพำกับตัวเองก่อนจะเดินต่อไป

เมื่อถึงบ้าน โซริน่าเริ่มถูบ้านอย่างตั้งใจ ทบทวนทุกสิ่งที่เธอได้เรียนรู้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่ในใจของเธอกลับยังมีคำถามมากมาย เธอจึงจดบันทึกความคิดของตัวเองลงในสมุดเล่มเล็ก ๆ ที่เธอใช้เขียนความรู้เกี่ยวกับดอกไม้

ขณะนั้นเอง เสียงกระซิบจากเมื่อคืนยังคงดังก้องในหูของเธอ “เจ้าคือผู้ที่ถูกเลือก...”

เธอหยุดชะงักและลุกขึ้นไปที่หน้าต่าง มองขึ้นไปยังท้องฟ้าที่มีดาวส่องแสงเต็มฟ้าอย่างสวยงาม รู้สึกถึงแรงดึงดูดบางอย่างจากดวงดาวที่เรียงตัวกันอย่างแปลกประหลาด

“พวกเจ้าจะต้องการอะไรจากข้า?” โซริน่าพูดกับตัวเอง ในขณะที่สายลมพัดผ่านหน้าต่าง ทำให้ผมของเธอปลิวไปตามแรงลม

เมื่อโซริน่ากำลังเตรียมขายดอกไม้ในสำหรับวันพรุ่งนี้ เสียงเคาะประตูดังขึ้นอย่างกระทันหัน เธอรีบเดินไปเปิดประตู และพบกับชายหนุ่มผู้หนึ่งที่มีนัยน์ตาสีแดงและผมบลอนด์ เขาแต่งตัวเรียบหรูเหมือนอยู่ในตระกูลขุนนาง แสดงให้เห็นถึงสถานะทางสังคมที่แตกต่างจากเธอ

“ขอโทษที่มารบกวนในยามดึก” เขากล่าวเสียงต่ำ แต่ในน้ำเสียงของเขากลับแฝงไปด้วยความเร่งรีบ “แต่ข้าต้องการซื้อดอกไม้”

โซริน่าเฝ้ามองชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าในความมืดของค่ำคืนที่เงียบสงบ ชายหนุ่มที่ปรากฏตัวขึ้นเมื่อวานที่ตลาดตอนโซริน่าเดินชนเขา มีรูปลักษณ์ที่ไม่อาจมองข้าม เขาสูงสง่าด้วยรูปร่างที่เรียบหรู มีนัยน์ตาสีแดงราวกับเปลวเพลิงที่ลุกโชติช่วงเมื่อโดนแสงจันทร์ เขาเป็นคนที่ดูมีอำนาจและมีเสน่ห์ในเวลาเดียวกัน เส้นผมสีบลอนด์สว่างเป็นประกายดั่งทองคำ สะท้อนแสงสว่างอย่างนุ่มนวล ขณะเคลื่อนไหว ดูเหมือนทุกย่างก้าวของเขาจะมีความมั่นใจและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว

แต่ความสงสัยแทรกซึมอยู่ในจิตใจของเธอ เขาคือใคร? และทำไมถึงรู้จักบ้านของเธอ? เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่ามีใครจะรู้ว่ามีดอกไม้ขายอยู่ที่นี่ สถานที่ที่ห่างไกลจากผู้คนและเสียงหัวเราะของตลาดทั่วไป

ในค่ำคืนที่เงียบสงบ แสงจันทร์ส่องผ่านหน้าต่างทำให้เกิดเงาและแสงที่สลับซับซ้อนในห้องเล็ก ๆ ของเธอ เสียงนกร้องขับขานและลมพัดเบา ๆ ราวกับว่าทุกอย่างกำลังตั้งตารอสิ่งที่ไม่คาดฝันจะเกิดขึ้น เมื่อมองไปที่ชายหนุ่ม เธอรู้สึกถึงความตื่นเต้นและกลัวในเวลาเดียวกัน

“ท่านรู้จักบ้านของข้าได้อย่างไร?” เธอถามอย่างไม่ค่อยแน่ใจ แต่เสียงของเธอแฝงไปด้วยความมั่นใจที่พยายามจะสื่อสาร

เมื่อเขาเริ่มเข้ามาใกล้ โซริน่าก็ค่อยๆเดินถอยหลังออกไป โซริน่ารู้สึกถึงความอบอุ่นของดอกไม้ที่เธอถืออยู่ในมือ แต่ความรู้สึกนั้นก็ถูกทำลายลงด้วยความกังวล เธอไม่เคยมีประสบการณ์แบบนี้มาก่อน ความรู้สึกที่เขาแสดงออกทำให้เธอสงสัยว่าเขามีเจตนาร้ายหรือไม่

ชายหนุ่มไม่ตอบคำถามเธอทันที แต่กลับก้มมองไปที่ดอกไม้ในกระถางด้วยความสนใจ “ดอกไม้ที่นี่ดูสดใสและสวยงามมาก” เขาชมเชย ก่อนที่จะยิ้มอย่างมีเสน่ห์ “ข้าชอบดอกกุหลาบขาวและดอกลิลลี่มากที่สุด”

“ขอบคุณ..” โซริน่าตอบ แต่ความสงสัยในใจยังไม่หายไป “แต่ท่านไม่เคยเห็นบ้านของข้ามาก่อน ทำไมถึงมาที่นี่? ”

ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นจากดอกไม้และมองตรงไปที่โซริน่า ดวงตาของเขาสีแดงน่าเกรงขาม  “ก็เพราะว่าข้าได้ยินชื่อเสียงของเจ้าจากเพื่อนข้าที่เคยมาเยือนที่นี่” เขาพูดเสียงนุ่ม “เขาบอกว่าเจ้ามีดอกไม้ที่สวยงามและหายาก ซึ่งมันทำให้ข้าต้องการมาที่นี่”

โซริน่ารู้สึกคล้อยตามกับคำพูดของเขา แต่ในใจยังเต็มไปด้วยข้อสงสัย “เพื่อนของคุณ? เขาคือใคร?”

ชายหนุ่มยิ้มกว้างขึ้น “เขาชื่อเอเดรียน เขาเป็นคนที่มีรสนิยมดีมาก และเขามักจะช่วยและสนับสนุนการค้าขายของชาวบ้านทั่วไป”

“เอเดรียน…” โซริน่าทบทวนชื่อในใจ เธอเคยได้ยินชื่อเขาผ่านการสนทนาของผู้คนในตลาด แต่ไม่เคยได้พบตัวจริง

“ข้าต้องการให้เจ้าจัดดอกไม้ที่ดีที่สุดไว้สำหรับงานในวันพรุ่งนี้” ชายหนุ่มพูดอีกครั้ง แต่ครั้งนี้น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความจริงจัง “มันจะเป็นโอกาสพิเศษสำหรับข้า”

“โอกาสพิเศษ?” โซริน่าสงสัยในความหมายของคำพูดนั้น แต่โซริน่ากลับรู้สึกว่ามันซ่อนเร้นด้วยบางสิ่งบางอย่าง 

“ถ้าท่านต้องการดอกไม้ในวันพรุ่งนี้ ข้าจะทำให้ดีที่สุด แต่ต้องมั่นใจว่าท่านจะมา”

ชายหนุ่มยิ้มให้เธออีกครั้ง “แน่นอน ข้าจะมาที่น้ำพุในตลาดเวลาเที่ยงพอดี”

เมื่อชายหนุ่มเดินจากไป โซริน่ารู้สึกสับสน เธอรู้สึกว่ามีบางอย่างกำลังจะเกิดขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็มีความกังวลเกี่ยวกับความตั้งใจที่แท้จริงของเขา “เขาคือใครกันแน่?” เธอคิดในใจ ขณะที่สายตาของเธอจ้องมองไปที่ดอกไม้ในกระถาง ซึ่งสื่อถึงความลับที่รอให้เปิดเผยในวันพรุ่งนี้

ในวันถัดมา เมื่อถึงเวลาเที่ยง โซริน่าตั้งใจจัดดอกไม้หลายชนิดที่ดีที่สุด เธอนึกถึงคำพูดของชายหนุ่ม และหวังว่าการพบกันครั้งนี้จะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในชีวิตของเธอ แต่ในขณะเดียวกัน ความรู้สึกว่ามีอะไรซ่อนอยู่ภายในตัวเขาก็ทำให้เธอไม่อาจผ่อนคลายได้

เมื่อถึงเวลา น้ำพุในใจกลางตลาดน้ำกระจ่างใส แสงแดดส่องผ่านทำให้บริเวณนั้นดูมีชีวิตชีวา แต่โซริน่ายังลังเลที่จะก้าวไปข้างหน้า เธอไม่แน่ใจว่าจะเจอเขาอีกหรือไม่ และหากเจอ เขาจะมีอะไรบอกกับเธออีกหรือเปล่า

ขณะที่เธอรอ ชายหนุ่มปรากฏตัวขึ้น เขาเดินเข้ามาอย่างมั่นใจและยิ้มให้เธอ ราวกับว่าเขาได้เตรียมตัวสำหรับการพบกันนี้มาอย่างดี “ข้ามาเอาดอกไม้!” เขาตะโกนด้วยน้ำเสียงที่ดัง 

“ท่านมาทันเวลา” เธอตอบอย่างกล้าๆ กลัวๆ ขณะที่ยื่นดอกไม้ให้เขา “นี่คือดอกไม้ที่ท่านขอ”

เขายิ้มกว้างขึ้นและรับดอกไม้จากมือเธอ “ขอบคุณมาก” เขากล่าวและมองดอกไม้ในมือด้วยความพึงพอใจ “แต่เจ้าไม่รู้หรอกว่าดอกไม้เหล่านี้มีความหมายสำหรับข้าอย่างไร”

“ความหมาย?” โซริน่าถามอย่างสนใจ

“ใช่ มันมีความหมายลึกซึ้งเกี่ยวกับความรักและความหวัง” เขากล่าว 

ชายหนุ่มมองดอกไม้ด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย เขายิ้มให้โซริน่า ก่อนจะกล่าวต่อ “ เจ้าพอจะว่างมาเดินเล่นในตลาดกับข้าไหม? ข้าอยากจะตอบแทนเจ้าที่มอบดอกไม้สวยงามพวกนี้ให้กับข้า”

โซริน่ารู้สึกถึงความตึงเครียดในอกของเธอ เธออยากจะปฏิเสธ แต่ลึก ๆ ก็รู้สึกถึงแรงดึงดูดที่ไม่อาจต้านทานได้ “แต่… ข้าไม่แน่ใจ…”

“ ได้โปรด...ข้าไม่ค่อยรู้จักตลาดที่นี่ดีนัก และเจ้าเป็นคนที่มีความรู้เกี่ยวกับดอกไม้และสิ่งต่าง ๆ อย่างมาก ข้าต้องการให้เจ้าพาไปดูของสวย ๆ งาม ๆ และสัมผัสบรรยากาศที่นี่” ชายหนุ่มเอ่ยขอร้อง ดวงตาสีแดงของเขาสะท้อนแสงอ่อนๆ จากน้ำพุอย่างลึกลับ โซริน่ารู้สึกถึงแรงดึงดูดแปลกๆ ที่ทำให้เธอไม่สามารถปฏิเสธได้ สุดท้ายเธอจึงพยักหน้าเบาๆ “ก็ได้ ข้าจะไปกับท่าน”

เขายิ้มอย่างพึงพอใจแล้วเริ่มเดินนำเธอเข้าสู่ตรอกแคบๆ ในตลาด เส้นทางนี้เต็มไปด้วยร้านค้าที่ดูเก่าแก่และลึกลับจนโซริน่าไม่เคยสังเกตเห็นมาก่อน ขณะเธอกำลังเดินตามอยู่เงียบๆ ความรู้สึกกังวลเริ่มทวีความรุนแรงขึ้นในใจ

ในที่สุด โซริน่าก็ตัดสินใจเดินไปกับเขา โดยไม่อาจหักห้ามความรู้สึกที่ผสมผสานกันอยู่ในใจได้ พวกเขาเดินไปตามตรอกซอกซอยของตลาดที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและการค้า ที่แสดงถึงชีวิตชีวาและสีสันของผู้คน

“ข้าชื่ออัลเฟรด แวนเดอเรน” เขาแนะนำตัวเมื่อทั้งสองหยุดพักที่ร้านขายผลไม้สด “เจ้าล่ะ?”

“โซริน่า” เธอตอบด้วยเสียงเบา แต่ยิ้มให้เขาอย่างอบอุ่น “โซริน่า เฮย์ส”

“โซริน่า เฮย์ส… ชื่อนี้ไพเราะมาก” อัลเฟรดชมเชย “แล้วเจ้ามาจากที่ไหน? ข้ารู้สึกเหมือนเคยได้ยินชื่อของเจ้ามาก่อน”

“ข้าอยู่ที่นี่  แล้ว… ท่านมาจากตระกูลขุนนางใช่ไหม?” โซริน่าถามอย่างอยากรู้

“ใช่” เขาตอบโดยไม่ลังเล “ข้ายังเป็นพ่อค้าด้วยล่ะ ”  “ว่าแต่.. เจ้าขายดอกไม้มานานรึยัง? ”

ในขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน จู่ ๆ ชายหนุ่มปริศนาคนหนึ่งที่สวมผ้าคลุมไว้ทั่วทั้งตัวก็วิ่งเข้ามา เขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและจับแขนของโซริน่าอย่างไม่ทันตั้งตัว

“ไปกับข้า!” เสียงของเขาแฝงความเร่งรีบและแรงกดดัน

“ปล่อยข้า!” โซริน่าตะโกนออกมา ขณะที่ชายหนุ่มปริศนาใช้แรงดึงเธอออกจากอัลเฟรด

“โซริน่า!” อัลเฟรดตะโกนและพยายามวิ่งตาม แต่พวกเขาก็หายตัวไปในตรอกแคบอย่างรวดเร็ว ราวกับว่าโลกได้กลืนกินพวกเขาไป

เขาหยุดในกลางตลาด เหงื่อผุดขึ้นที่หน้าผาก ขณะที่หัวใจของเขาเต้นแรง “เกิดอะไรขึ้น? ทำไมเขาถึงจับเธอไป?”

อัลเฟรดไม่สามารถยืนอยู่เฉยได้ เขารีบวิ่งตามในทิศทางที่ชายปริศนาหายไป รู้สึกได้ถึงความตื่นตระหนกและความกังวลที่ไหลเข้ามาในใจ เมื่อถึงตรอกนั้น เขากลับไม่พบใครอีกเลย เสียงของตลาดรอบตัวเขาเริ่มแผ่วเบาและดูเหมือนจะหายไปในความเงียบ

“โซริน่า!” เขาตะโกนอีกครั้งด้วยความหวาดหวั่น แต่ไม่มีเสียงตอบกลับ

อัลเฟรดยืนอยู่ในความมืดที่ปกคลุมพื้นที่นั้น ตระหนักว่าเขาต้องทำอะไรสักอย่าง ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป เขาไม่รู้จักโซริน่ามากนัก แต่รู้ว่าเขาไม่อาจปล่อยเธอให้เผชิญกับอันตรายเพียงลำพัง

"ทำไมเขาถึงจับเธอไป?" คำถามวนเวียนในหัวของอัลเฟรดไม่หยุด เขาเพิ่งรู้จักโซริน่าไม่นาน แต่ทุกอย่างในช่วงเวลาสั้น ๆ นี้กลับทำให้เขารู้สึกถึงความเชื่อมโยงที่ไม่อาจอธิบายได้ ความรู้สึกที่เหมือนบางอย่างถูกดึงออกจากชีวิตของเขา ราวกับว่าโซริน่าเป็นกุญแจสำคัญของบางสิ่งที่สำคัญมากกว่าที่เขาจะรับรู้ได้

การเดินทางเพียงเล็กน้อยในตลาดที่เคยสดใส กลับกลายเป็นการเดินทางที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนและอันตราย 

2 ชายปริศนา

โซริน่าพยายามดิ้นรนอย่างสุดกำลัง ชายหนุ่มปริศนาที่สวมผ้าคลุมจับแขนเธอแน่นและลากเธอไปอย่างรวดเร็ว ผ่านตรอกซอกซอยที่แคบและซับซ้อน เธอรู้สึกได้ถึงแรงกดดันในมือของเขาที่แน่นยิ่งขึ้น ทำให้แขนของเธอเจ็บไปหมด

"ปล่อยข้า!" โซริน่าตะโกนอีกครั้ง พยายามทุบหลังของชายคนนั้น แต่ดูเหมือนเขาไม่สะทกสะท้าน

"ใจเย็นสักทีเถอะ" ชายปริศนาเสียงแข็ง น้ำเสียงของเขาไม่แสดงความโกรธ แต่กลับแฝงไปด้วยความเร่งรีบ ราวกับว่าเขากำลังหนีอะไรบางอย่างที่อันตรายยิ่งกว่าความโกรธของเธอเอง

โซริน่ารู้สึกสับสน เส้นผมที่ปลิวไปตามแรงลมที่พวกเขาเคลื่อนที่รวดเร็ว และใจเธอเต้นแรงราวกับจะทะลุออกจากอก ในหัวของเธอเต็มไปด้วยคำถาม ทำไมเขาถึงพาข้าไป? เขาเป็นใคร? แล้วทำไมอัลเฟรดถึงไม่ช่วยข้า?

เธอพยายามจะหยุดยืน แต่ก็ไม่อาจต้านทานแรงลากของชายคนนั้นได้ "เจ้าต้องการอะไรจากข้า!?" โซริน่าถามเสียงดัง ในความสับสนของเธอ เธอไม่รู้ว่าตัวเองไปเกี่ยวข้องกับอะไร และทำไมเรื่องราวทั้งหมดนี้ถึงเกิดขึ้นกับเธอ

ชายหนุ่มหยุดลงชั่วขณะหนึ่ง แล้วหันกลับมามองที่ดวงตาของเธอ ใบหน้าของเขายังคงซ่อนอยู่ใต้ผ้าคลุม แต่แสงจากดวงอาทิตย์สาดส่องลงมาทำให้เธอเห็นประกายตาที่ส่องประกายแปลกประหลาด

"ข้าต้องการช่วยเจ้าจากชายคนนั้นต่างหากล่ะ?" เขาพูดเบา ๆ แต่คำพูดนั้นทำให้โซริน่าชะงักไป หัวใจของเธอเริ่มเต้นแรงขึ้นด้วยความตื่นตระหนกและความสับสนที่ลึกซึ้งกว่าเดิม

ชายหนุ่มปริศนาและโซริน่ากำลังเดินเข้าตรอกแคบๆ ในตลาดไปเรื่อยๆ เส้นทางนี้เต็มไปด้วยร้านค้าที่ดูเก่าแก่และลึกลับจนโซริน่าไม่เคยสังเกตเห็นมาก่อน ขณะเธอกำลังเดินอยู่ ความรู้สึกกังวลเริ่มทวีความรุนแรงขึ้นในใจ

เมื่อพวกเขาเดินลึกเข้าไปในตรอกนั้น โซริน่าเริ่มรู้สึกถึงพลังบางอย่างที่แผ่ออกมาจากชายหนุ่ม ปรากฏการณ์รอบตัวดูแปลกประหลาด ต้นไม้ที่เคยนิ่งสงบเริ่มสั่นไหวโดยไม่มีลม ท้องฟ้าที่เคยสว่างค่อยๆ มืดลง ราวกับว่าเธอกำลังถูกดึงเข้าสู่โลกที่ไม่ใช่ของเธอ

สุดท้ายพวกเขาก็มาถึงสถานที่ลับแห่งหนึ่งที่ซ่อนอยู่หลังประตูไม้เก่าแก่ ภายในห้องเต็มไปด้วยหนังสือโบราณและน้ำยาที่ถูกปรุงไว้มากมาย กลิ่นสมุนไพรและสิ่งปรุงแปลกประหลาดลอยเข้ามาในจมูกของโซริน่า เธอมองไปรอบๆ ด้วยความหวาดระแวง

"นี่มันอะไรกัน?" โซริน่าถามเสียงสั่น ขณะถอยหลังเพื่อรักษาระยะห่างจากชายหนุ่ม

ชายหนุ่มปริศนายิ้มเล็กน้อยก่อนจะตอบ "ใจเย็นๆ โซริน่า ที่นี่คือที่ที่เจ้าจะได้รู้ความจริง ผู้ชายที่เจ้าเห็นวันนี้... คนที่เดินเคียงข้างเจ้าในตลาด เขาไม่ใช่คนธรรมดา เขาคือ 1 ใน 12 ปีศาจร้ายในตำนาน เขาอาจจะมีจุดประสงค์บางอย่างที่หลอกใช้เจ้า"

" 12 ปีศาจร้ายในตำนาน?" โซริน่าทวนคำด้วยความสับสน ดวงตาเธอเบิกกว้าง "แต่เขาดูเป็นคนธรรมดา เขาช่วยข้าด้วยซ้ำ…แล้วทำไมข้าต้องเชื่อเจ้าด้วย?"

"เขาอาจดูเป็นมนุษย์ แต่ตัวตนที่แท้จริงของเขาคือปีศาจร้ายในตำนาน และตอนนี้เขากำลังรอเจ้าตัดสินใจ ว่าเจ้าจะอยู่ข้างใด ข้างข้าหรือข้างเจ้าปีศาจตัวนั้นล่ะ"

โซริน่าถูกทิ้งให้ตกตะลึง ขณะที่คำถามมากมายท่วมท้นในหัวใจของเธอ "แล้วข้าควรทำอย่างไร?" เธอถามเสียงเบา

ชายหนุ่มค่อย ๆ หายใจลึกก่อนจะพูดต่อ “เจ้าต้องตัดสินใจด้วยตัวเอง ข้าคงบังคับเจ้าไม่ได้ แต่จำไว้ว่า หมอนั่นไม่ได้เป็นอย่างที่เจ้าเห็น นั่นมันก็แค่เปลือกนอก เขาแฝงความอันตรายที่เจ้าคาดไม่ถึง”

โซริน่ารู้สึกได้ถึงความเย็นวาบจากคำพูดของเขา เธอถอยหลังออกมาอีกก้าว พยายามเก็บสติ “แล้วเจ้าเป็นใครกันแน่? ทำไมเจ้าถึงรู้เรื่องทั้งหมดนี้?”

เสียงของเธอสะท้อนในห้องที่เงียบสงบ ราวกับว่าความรู้สึกของเธอกำลังพยายามหลีกเลี่ยงการปะทะกับความจริงที่มีอยู่ตรงหน้า ชายหนุ่มเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถอดผ้าคลุมออก เผยให้เห็นใบหน้าที่มีร่องรอยของความเหน็ดเหนื่อยและประสบการณ์ชีวิตมากมาย ผมของเขาสีดำขลับ เป็นประกายเหมือนน้ำมันที่ยามถูกแสงตกกระทบ ดวงตาสีทองของเขาคล้ายดวงดาวที่เปล่งประกายอยู่ในความมืด สื่อถึงความลึกลับและพลังอำนาจในตัว

“ข้าชื่อคาริส แล้วเจ้าล่ะชื่ออะไร?” คำถามของเขาดูเหมือนจะมีน้ำหนักที่มากกว่าการถามชื่อเพียงอย่างเดียว

เมื่อคาริสพูดจบ โซริน่าไม่กล้าตอบชื่อของเธอให้เขารู้พร้อมเบี่ยงเบนและมองไปรอบๆ ห้องเขาที่มีหนังสือเต็มไปหมด เธอค่อยๆ เดินไปทีละมุม และได้หยิบหนังสือหนึ่งเล่มจากชั้นวางหนังสือและอีกหลายๆ เล่ม พร้อมพูดว่า “นี่มันหนังสือแปลกๆ ทั้งนั้นเลยนี่ นี่นายคงเป็นพวกบ้าทดลองกับบ้าเรื่องตำนานสินะ”

“โซริน่า…” เธอพูดเสียงแผ่ว ก่อนจะรีบหันไปมองหนังสือในมืออย่างเร่งรีบ “หนังสือพวกนี้น่าสนใจมากเลยนะ! เล่มนี้เกี่ยวกับตำนานเทพเจ้าของชนเผ่าโบราณ…”

คาริสยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นเธอพยายามเปลี่ยนเรื่อง เขาไม่แปลกใจนักที่เธอจะไม่กล้าพูดเรื่องของตนออกมา เพราะในสายตาของโซริน่าคือเธอยังรู้สึกไม่ได้ไว้ใจเขามากนัก

“เจ้าสนใจตำนานเหล่านี้จริงหรือ?” เขาถามพลางก้าวเข้ามาใกล้ เผยให้เห็นบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความตึงเครียดและลึกลับ “มีบางเรื่องที่เป็นความจริงมากกว่าที่เจ้าคิด บางทีเจ้าควรลองอ่านมัน”

“จริงเหรอ?” โซริน่าถามด้วยความสงสัย ขณะที่เธอเริ่มเปิดหนังสือในมือ “แต่ก็มีหลายเรื่องที่ดูเหมือนจะเป็นแค่เรื่องเล่าใช่ไหม?”

คาริสยิ้มอีกครั้ง เขาหยิบหนังสือเล่มหนึ่งจากชั้นวางมาเปิดและชี้ไปที่หน้าหนึ่ง “เจ้าจะไม่เชื่อเลยว่าบางเรื่องที่เคยคิดว่าเป็นเพียงตำนานนั้นกลับมีพื้นฐานมาจากความจริง เช่นเดียวกับเรื่องราวของเทพเจ้าที่มีพลังเหนือธรรมชาติ พวกเขาก็เคยมีตัวตนจริงๆ”

โซริน่ารู้สึกทึ่ง เธออยากรู้มากขึ้นเกี่ยวกับสิ่งที่เขาพูด ความกลัวและความสงสัยเริ่มลดลงเมื่อความอยากรู้แทรกซึมเข้ามาแทนที่ เธอพยายามสะกดความรู้สึกที่สับสนไว้ และตอบด้วยน้ำเสียงที่แน่นอนขึ้น “แล้วเจ้าเชื่อว่าสิ่งที่พูดกันมาในตำนานนั้นเป็นเรื่องจริงทั้งหมดหรือ?”

คาริสยิ้มอย่างลึกลับ “ไม่ใช่ทั้งหมด แต่มีบางเรื่องที่เชื่อมโยงกับความจริงของเราและโลกที่เราอาศัยอยู่ เราอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับตำนานเหล่านี้มากกว่าที่เราคิด”

ความสงสัยเริ่มก่อตัวในจิตใจของโซริน่า เธอรู้สึกเหมือนกำลังยืนอยู่ที่เส้นแบ่งระหว่างความจริงและจินตนาการ ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเธอมีอะไรบางอย่างที่ดึงดูดเธอให้เข้าใกล้ เขาเป็นคนที่มีความรู้และอำนาจที่แฝงอยู่ในคำพูด ทำให้เธอรู้สึกว่านี่คือจุดเริ่มต้นของสิ่งที่เปลี่ยนแปลงชีวิตเธอไปตลอดกาล

หลังจากที่พวกเขาพูดคุยกันเรื่องตำนาน คาริสยิ้มเล็กน้อยก่อนจะเดินไปที่โต๊ะไม้เก่า เขาหยิบสมุดบันทึกมาหนึ่งเล่มออกมา พร้อมกับส่งให้โซริน่า “นี่คือสมุดบันทึกเกี่ยวกับปีศาจทั้ง 12 ที่ข้าศึกษามา ”

โซริน่าหยิบสมุดบันทึกขึ้นมาดู ภายนอกของมันทำจากหนังสัตว์ที่มีลวดลายซับซ้อน คล้ายกับว่ามีการวาดภาพบางอย่างลงไปในอดีต หน้าสมุดภายในมีข้อความที่เขียนด้วยลายมือสวยงามและภาพวาดของปีศาจที่แตกต่างกันไปแต่ละตัว

“ปีศาจทั้ง 12?” เธอถามด้วยความสงสัย “พวกเขามีบทบาทอะไรในตำนานกัน?”

“ข้าฟังชาวบ้านเล่ากันว่า ปีศาจเหล่านี้มาที่นี่เพื่อหาบางสิ่งที่สูญหายไป นั่นคือเหตุผลที่ทำให้พวกเขาต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับโลกมนุษย์” คาริสตอบ พลางยืนอยู่ข้างๆ เธอ เขาแสดงให้เห็นถึงความตื่นเต้นในน้ำเสียง “พวกเขามีพลังที่น่าสะพรึงกลัว และการปรากฏตัวของพวกเขามักนำมาซึ่งความวุ่นวาย แต่ยังมีบางคนที่เชื่อว่าปีศาจเหล่านี้อาจจะเป็นผู้พิทักษ์ที่มีจุดประสงค์เฉพาะ”

“น่าสนใจจัง…” โซริน่ากล่าว ขณะที่เธอเปิดสมุดบันทึกดู ภาพวาดปีศาจแต่ละตัวดูมีชีวิตชีวา มันมีรูปร่างและขนาดที่แตกต่างกันไป บางตัวมีปีกขนาดใหญ่ ขณะที่บางตัวมีร่างกายที่ปราดเปรียวและดุร้าย

“นี่คือภาพของปีศาจที่เรียกว่า บาโฟเมท” คาริสชี้ไปที่ภาพหนึ่ง “มันเป็นปีศาจที่มีนิสัยและบุคลิกซับซ้อน อีกทั้งยังมีพลังในการดึดูดให้ผู้คนเข้าหา บางคนเล่าว่ามันเคยเป็นเทพมาก่อน”

“แล้วปีศาจอื่นๆ ล่ะ?” เธอถาม พลางพลิกหน้าสมุดไปเรื่อยๆ จนไปเจอภาพวาดของปีศาจตัวหนึ่งที่มีลักษณะภายนอกที่หรูหราและมีเสน่ห์ อาจมีเครื่องประดับทองคำ เงิน หรือเพชรพลอยที่ประดับตามร่างกาย แสดงถึงงอำนาจ “ตัวนี้ดูน่าสนใจจัง”

“นั่นคือ มาม่อน” คาริสตอบอย่างภาคภูมิ “มันเป็นตัวแทนของความโลภและความต้องการในทรัพย์สมบัติ มักจะยั่วยวนและดึงดูดผู้คนให้หลงใหลในความร่ำรวยและการสะสมทรัพย์สิน โดยมักใช้กลยุทธ์ในการล่อลวงให้ผู้คนแสวงหาความมั่งคั่งโดยไม่คำนึงถึงผลกระทบที่ตามมา”

หลังจากพูดจบ คาริสก็ไปหยิบผ้าห่มและหมอนมาให้โซริน่านอนที่เก้าอี้ที่ทำจากไม้เนื้อดี “เจ้าควรนอนพักที่นี่เป็นสถานที่ปลอดภัย สักคืนหนึ่งคงไม่เป็นไร และพรุ่งนี้ข้าจะพาเจ้ากลับบ้าน”

“ขอบคุณ” โซริน่าตอบพร้อมรอยยิ้มเล็กๆ เธอรู้สึกขอบคุณที่มีเขาอยู่เคียงข้างในค่ำคืนที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนแต่เธอก็ยังรู้สึกหวาดระแวงและไม่ไว้ใจเขาเช่นเดิม แต่หลังที่คุยกันในวันนี้ทำให้เธอรู้สึกไว้ใจเขาขึ้นมาเล็กน้อย

เมื่อเธอนอนอยู่บนเก้าอี้ อบอุ่นด้วยผ้าห่มและได้กลิ่นหอมของหนังสือเก่า เธอรู้สึกผ่อนคลายลง ขณะที่ดวงตาของเธอเริ่มปิดลง ภายในหัวใจของเธอมีความตื่นเต้นและสับสนในใจมากมาย

หลังจากโซริน่าหลับตาลง เธอเข้าสู่ห้วงนิทราที่ลึกซึ้ง และฝันเกี่ยวกับการเลือกตัวแทนแห่ง 12 ดวงดาว ในฝันนั้น เธอพบว่าตนเองยืนอยู่ในสถานที่ที่มีแสงสว่างเจิดจ้า เหมือนกับโลกที่เต็มไปด้วยดวงดาวที่ระยิบระยับทั่วท้องฟ้า แต่ทุกสิ่งกลับมีบรรยากาศของความศักดิ์สิทธิ์และความตึงเครียด

ที่ตรงกลางมีเทพองค์หนึ่งยืนอยู่ ท่ามกลางแสงสว่างนั้น เธอสวมชุดที่หรูหราและมีผมสีเงินยาวรุ่มรวย ใบหน้าของเธอสง่างามและเต็มไปด้วยความมั่นใจ ดวงตาของเธอสีฟ้าสว่างราวกับน้ำทะเลลึก ส่องประกายแสงที่สะท้อนถึงพลังอำนาจที่เหนือธรรมชาติ

“ข้าคือลูมิเนลลา เทพแห่งดวงดาว” เธอกล่าวด้วยเสียงที่ดังก้องไปทั่วบริเวณ “วันนี้ ข้าจะทำพิธีเลือกตัวแทนจากแต่ละดวงดาว เพื่อรักษาความสมดุลชีวิตของมนุษย์ทั้งปวง”

ในขณะเดียวกัน โซริน่ารู้สึกตื่นเต้นและหวั่นใจในเวลาเดียวกัน เธอเดินไปข้างหน้าอย่างไม่รู้ตัว ตรงกลางสนามพิธีมีแท่นหินที่ประดับประดาด้วยสัญลักษณ์ของดวงดาวทั้ง 12 นั้น ทุกคนต่างตั้งใจฟังในขณะที่เทพต่างๆ มารวมตัวกัน ทั้งหมดมีรูปร่างและลักษณะที่แตกต่างกันไป แต่ต่างก็มีพลังอำนาจที่น่าหวาดหวั่น

“ตัวแทนแต่ละคนจะต้องมีคุณสมบัติที่โดดเด่น เป็นผู้ที่สามารถเชื่อมโยงระหว่างโลกมนุษย์และอาณาจักรของเรา” ลูมิเนลลาพูดต่อ ขณะที่เธอร่ายคาถาบางอย่างในอากาศ เส้นใยแห่งแสงสร้างวงกลมเรืองรองขึ้นมาล้อมรอบตัวเธอ

“จงมาที่นี่!” เสียงของเธอดังก้อง “ข้าจะเลือกผู้ที่เหมาะสมที่สุดให้กับแต่ละดาว”

เมื่อคำพูดสิ้นสุดลง เทพทั้ง 12 เริ่มเดินเข้ามาแต่ละคนมีแสงที่แตกต่างกัน ในขณะที่พวกเขาแสดงพลังอำนาจของตน การร่ายคาถาของลูมิเนลลาก็เริ่มสร้างการเชื่อมโยงระหว่างพวกเขาและดาวที่พวกเขาจะเป็นตัวแทน

โซริน่ารู้สึกถึงพลังที่ยิ่งใหญ่ไหลเวียนผ่านตัวเธอ เหมือนกับว่าเธอกำลังเป็นส่วนหนึ่งของพิธีนี้ ถึงแม้ว่าเธอจะไม่สามารถเห็นตัวตนที่แท้จริงของเทพเหล่านั้นได้ แต่เธอก็รู้สึกถึงความเป็นหนึ่งเดียวกับพวกเขา

“เจ้าจะเป็นส่วนหนึ่งของการเลือกครั้งนี้” เสียงของลูมิเนลลาก้องอยู่ในหัวของเธอ “เจ้ามีความกล้าหาญและความสามารถในการค้นหาความจริง เหมือนกับดาวที่เจ้าสื่อถึง”

ในขณะนั้น โซริน่ารู้สึกถึงการเรียกที่อบอุ่น เหมือนมีบางสิ่งดึงดูดให้เธอเข้าไปในวงกลมแห่งแสง เธอพยายามขยับเท้าไปข้างหน้า แต่กลับมีความลังเลรั้งอยู่

“ข้า… ข้าคือใคร?” เธอถามตัวเองเบาๆ

“เจ้าคือโซริน่า ” เสียงนั้นตอบเธอ “จงก้าวไปข้างหน้า อย่ากลัวที่จะเป็นตัวแทนของดวงดาวที่เจ้าสมควรจะเป็น”

ด้วยความมุ่งมั่น เธอสูดหายใจลึกและก้าวไปข้างหน้า แสงจากวงกลมเรืองรองเริ่มเข้ามาห้อมล้อมตัวเธอ ทำให้เธอรู้สึกถึงพลังและความมั่นใจที่ไม่เคยมีมาก่อน

ในขณะที่เธอก้าวเข้าสู่วงกลมนั้น เทพทั้ง 12 หันมองเธอด้วยความสนใจและความเคารพ ลูมิเนลลายิ้มให้กับเธอ “ยินดีต้อนรับ โซริน่า”

ในขณะที่เธออยู่ตรงกลาง ความรู้สึกต่างๆ เข้ามารอบตัว เธอเห็นภาพแห่งอนาคต การเลือกนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่การเป็นตัวแทนแห่งดวงดาว แต่ยังหมายถึงการก้าวเข้าสู่บทบาทที่สำคัญต่ออนาคตและชีวิตของมนุษย์ทั้งหมด

พร้อมกับความกล้าหาญที่เพิ่มขึ้นในใจ โซริน่าตั้งมั่น “ข้าจะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องและค้นหาความจริง”

ทันใดนั้น ความฝันก็ค่อยๆ จางหายไป พร้อมกับเสียงของเทพที่ดังก้องในหูของเธอ “จำไว้ว่าพลังอยู่ภายในตัวเจ้า”

ในขณะที่โซริน่าหลับไปอยู่บนเก้าอี้ไม้คอยหวนนึกถึงความฝันที่แปลกประหลาด คาริสรู้สึกถึงความตึงเครียดและความลึกลับที่อยู่ในอากาศ เขาถอดผ้าคลุมออกและเผยให้เห็นเสื้อผ้าที่เรียบง่าย แต่ยังคงมีความสง่างาม เขาไม่สามารถห้ามใจจากการสำรวจความลับที่รออยู่

ขณะที่เขาก้าวออกไปยังมุมหนึ่งของห้อง บรรยากาศรอบตัวเริ่มถูกล้อมรอบไปด้วยความเงียบสงัด เสียงการเคลื่อนไหวของเขาเบาอย่างที่เกือบจะไม่มีใครได้ยิน แต่ในใจของเขามีความรู้สึกอึดอัดใจที่บอกให้เขารู้ว่าสิ่งที่เขาจะทำในคืนนี้นั้นสำคัญมาก

คาริสเดินไปยังชั้นวางหนังสือที่เต็มไปด้วยวรรณกรรมโบราณและตำราเล่าเรื่อง เขายืนนิ่งอยู่สักครู่ พยายามหาหนังสือเล่มใดเล่มหนึ่งที่อาจจะมีข้อมูลเกี่ยวกับปีศาจทั้ง 12 หรือการเลือกตัวแทน เขาจดจ่อกับการหาความรู้ที่อาจเป็นกุญแจสำคัญ

ในขณะที่เขาเรียงหนังสือเล่มแล้วเล่มเล่า ความคิดถึงโซริน่าทำให้เขาหยุดชะงัก ชายหนุ่มรู้สึกประทับใจในความสงสัยของเธอ แม้จะยังมีความไม่แน่ใจอยู่ในใจของเธอ เขาสาบานกับตัวเองว่าจะปกป้องเธอจากทุกสิ่งที่อาจเกิดขึ้น

“ถ้าตำนานคือสิ่งที่เราต้องไขออกมา ข้าจะทำให้แน่ใจว่าเราไม่ต้องเผชิญหน้ากับมันเพียงลำพัง” เขากล่าวกับตัวเองอย่างแน่วแน่ 

เมื่อเขาหยิบหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นมา มันเป็นหนังสือที่มีปกหนาและมีภาพวาดปีศาจต่างๆ มากมาย แต่เมื่อเปิดอ่านกลับไม่มีอะไรเขียนไว้ เขาเพียงแต่พบข้อความที่ลบเลือนและไม่สามารถเข้าใจได้ ขณะที่เขาอ่านมันกลับรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างดึงดูดเขาให้เข้าไปสำรวจลึกลงไปในเนื้อหา

“คืนที่เต็มไปด้วยความลึกลับ…” คาริสพูดกับตัวเองอีกครั้ง เสียงของเขาแผ่วเบาในห้องที่เงียบสงบ เขารู้สึกถึงความตื่นเต้นที่เริ่มเกิดขึ้นในใจเมื่อคิดถึงสิ่งที่รออยู่ข้างหน้า

เมื่อเห็นว่าเวลาผ่านไปจนใกล้ถึงรุ่งสาง เขาตัดสินใจที่จะพักผ่อนบ้าง คาริสเดินกลับไปยังมุมหนึ่งของห้อง ที่ซึ่งมีเตียงขนาดพอเหมาะอยู่ในมุมที่มองเห็นโซริน่าได้อย่างชัดเจน เขาเอนตัวนอนลงบนเตียงนุ่ม พร้อมกับปล่อยให้ความคิดของเขาไหลไป

ในขณะที่เขานอนอยู่ เขารู้สึกคิดสงสัยในตัวปีศาจที่เจอวันนี้กับโซริน่าที่ดันมีปีศาจมาสนใจในตัวเธอ เสียงลมหายใจของเธอที่ดังอยู่ไม่ห่างไกลทำให้เขาและในค่ำคืนที่เต็มไปด้วยความลึกลับนี้ เขาเผชิญหน้ากับความสงสัย

“พรุ่งนี้…” เขากระซิบเสียงเบา “ข้าจะหาคำตอบเกี่ยวกับปีศาจตัวนั้น”

ด้วยความคิดนี้ เขาค่อยๆ หลับตาลง ภายในใจของเขาเต็มไปด้วยความปรารถนาที่จะค้นหาความจริง และในคืนแห่งความเงียบสงบ เขานอนหลับไปด้วยความรู้สึกว่าอาจมีสิ่งที่น่าเหลือเชื่อรออยู่ที่ปลายทาง

แสงอ่อนๆ จากหน้าต่างสาดส่องเข้ามาในห้อง โซริน่าลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ รู้สึกถึงความอบอุ่นของแสงแดดที่ลูบไล้ใบหน้า เธอค่อยๆ ดันตัวขึ้นจากเก้าอี้ไม้ที่เธอนอนเมื่อคืน แต่เมื่อมองไปรอบๆ ห้อง กลับไม่พบคาริส ชายผู้ที่พาเธอหนีมาที่นี่เมื่อวานนี้ และได้แลกเปลี่ยนบทสนทนาที่เต็มไปด้วยความลึกลับ

“คาริส?” เธอเรียกชื่อเขาอย่างเบาๆ แต่ไม่มีเสียงตอบรับ

ความเงียบสงบในห้องทำให้โซริน่ารู้สึกประหลาด แต่แล้วสายตาของเธอก็สะดุดเข้ากับถาดอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะไม้เก่าตรงหน้า กลิ่นหอมหวลของเบคอนและแฮมย่างกรุ่นลอยขึ้นมา พร้อมกับซุปร้อนๆ ที่มีควันลอยฟุ้ง บ่งบอกถึงความใส่ใจในการจัดเตรียม

"อาหารเช้า?" เธอพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ ความหอมของอาหารทำให้ท้องของเธอเริ่มรู้สึกหิวขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว มื้อเช้าที่เรียบง่ายแต่แสนอร่อยถูกจัดไว้อย่างดี บนจานมีเบคอนที่ทอดจนกรอบกำลังพอดี แฮมสีสวยถูกหั่นบางและเรียงอย่างประณีต ข้างๆ คือชามซุปร้อนๆ ที่ดูเหมือนจะทำจากผักสดและเนื้อสัตว์นุ่มๆ

โซริน่านั่งลงที่โต๊ะ มองอาหารตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกขอบคุณในใจสำหรับความเอาใจใส่นี้ เธอหยิบช้อนขึ้นมาตักซุปที่ยังร้อนระอุเข้าปาก รสชาตินุ่มลึกและอุ่นท้องทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นอย่างมาก

แม้เธอจะยังสงสัยว่าเหตุใดคาริสถึงไม่อยู่ แต่เขากลับเตรียมอาหารมื้อเช้าไว้อย่างเรียบร้อย โซริน่ารู้สึกได้ถึงการดูแลอย่างละเอียดอ่อนจากชายผู้ลึกลับผู้นี้ มันทำให้เธอเริ่มคิดถึงเขาในแง่มุมใหม่

เมื่อเธอทานอาหารเสร็จเรียบร้อย ความคิดของเธอก็กลับไปที่เหตุการณ์เมื่อคืน ฝันประหลาดเกี่ยวกับการเลือกตัวแทนแห่งดวงดาว และเทพองค์หนึ่งที่ร่ายคาถาเหนือเหล่าเทพทั้ง 12 ภาพในฝันยังคงสดใสในความทรงจำของเธอ ราวกับว่ามันไม่ใช่เพียงแค่ความฝัน แต่เป็นลางบอกเหตุบางอย่างที่สำคัญ

“คาริส…” โซริน่าพึมพำชื่อเขาอีกครั้ง พร้อมกับความคิดที่วนเวียนอยู่ในหัว “เขารู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับฝันนี้หรือเปล่า?”

ความสงสัยค่อยๆ ก่อตัวขึ้นอีกครั้ง ขณะที่เธอเริ่มลุกขึ้นจากโต๊ะ เพื่อตามหาคาริส ความเงียบที่โอบล้อมห้องทำให้ทุกย่างก้าวของเธอเต็มไปด้วยความกังวล แต่ในขณะเดียวกัน เธอก็รู้สึกถึงความตื่นเต้นที่แฝงอยู่ในใจ

นี่อาจจะเป็นการเริ่มต้นของบางสิ่งที่เธอไม่เคยคาดคิดว่าจะได้เผชิญ…

1 บาดเจ็บ

ท้องฟ้าถูกปกคลุมด้วยเมฆหนาทึบที่มองไม่เห็นแม้แต่แสงดาว โซริน่านั่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ หูของเธอได้ยินเสียงลมพัดผ่านใบไม้ เสียงที่เงียบงันนั้นทำให้เธอรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบกำลังหยุดนิ่ง เวลาผ่านไปนานเพียงใดไม่มีใครรู้ ความคิดของเธอลอยล่องไปกับภาพในฝันที่ไม่ชัดเจน

ทันใดนั้น เสียงฝีเท้าอ่อนแรงก็ดังขึ้นจากทางด้านหลัง โซริน่าหันไปตามเสียง พบว่าเป็นคาริสที่กลับมา ทว่าร่างของเขาดูแตกต่างจากเดิม เขาเดินอย่างเชื่องช้าและเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ร่างกายของเขาบอบช้ำ เสื้อคลุมสีดำยาวที่ปกติจะเรียบร้อยกลับเปื้อนไปด้วยรอยเลือดและฝุ่นดิน สีหน้าที่เคยสง่างามกลับซีดเซียวเหมือนคนที่ผ่านการต่อสู้อย่างหนักหน่วง

“คาริส!” โซริน่ารีบลุกขึ้นและตรงเข้าไปหาเขา ความรู้สึกกังวลถาโถมเข้ามาในหัวใจของเธอ คำถามผุดขึ้นมามากมายว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา

คาริสเงยหน้าขึ้น ดวงตาสีทองของเขาดูอ่อนล้าแต่ยังคงความมุ่งมั่น “ข้ากลับมาแล้ว” เขาพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา 

โซริน่าชะงักไปชั่วครู่ ราวกับความรู้สึกของเธอถูกกลืนหายไปกับเสียงกระซิบของลม คำพูดของคาริสทำให้เธอรู้ว่าเขากลับมาจากบางสิ่งที่เลวร้ายเกินกว่าจะจินตนาการได้

"เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า?" โซริน่าถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความห่วงใย

คาริสหลับตา เขายืนไม่มั่นคง โซริน่าจึงรีบพยุงร่างที่อ่อนแรงของเขาไปนั่งลงใต้ต้นไม้ใหญ่ที่เธอเคยนั่งก่อนหน้านี้ “ข้าโดนทำร้าย... พวกมันมากัน 5 คน มีความสามารถที่เหมือนถูกฝึกมาอย่างดี อาจจะเป็นพวกโจรที่ถูกว่าจ้างมาหรือไม่ก็.. เป็นพวกอัศวินจากพวกตระกูลขุนนาง"

คำว่า “ตระกูลขุนาง..” ทำให้โซริน่ารู้สึกไม่สบายใจ ท่ามกลางความเงียบที่แผ่ปกคลุม มีเพียงเสียงลมที่ทำให้บรรยากาศดูหนักอึ้งขึ้นไปอีก

“ใครจ้างพวกเขากันแน่?” เธอถามเสียงเบา แต่มันเต็มไปด้วยความกังวล

คาริสถอนหายใจลึก ความเหนื่อยล้าแสดงออกชัดเจน “ข้าไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วใครจ้างมาพวกเขา... ข้าแน่ใจว่าพวกเขาไม่ใช่คนธรรมดา ข้า... ”

โซริน่าขมวดคิ้ว รู้ดีว่าศัตรูที่แข็งแกร่งเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องธรรมดา “เจ้าเชื่อว่าพวกเขาถูกส่งมาสั่งเก็บเจ้าหรือ?”

คาริสเงยหน้ามองเธอ ดวงตาสีทองของเขายังคงส่องแสงอย่างจาง ๆ "ใช่ ข้ามั่นใจ... พวกเขาต้องการชีวิตข้า "

โซริน่ายืนอยู่ตรงนั้น มองคาริสด้วยความรู้สึกที่ประดังเข้ามาในใจ ทั้งความหวาดกลัว ความสงสาร และความโกรธ เธอกำลังจะถามต่อ แต่ไม่ทันได้เอ่ยคำ ร่างของคาริสก็โอนเอนและล้มลงในอ้อมแขนของเธอ

"คาริส!" เธอร้องเรียก แต่เสียงของเธอจมหายไปในสายลมที่พัดผ่าน คาริสหมดสติไปอย่างเงียบงัน ร่างของเขาหนักขึ้นในอ้อมแขนของเธอ โซริน่าตัดสินใจอย่างรวดเร็ว พยุงเขาขึ้น แม้ร่างกายของเธอจะเล็กกว่าเขา แต่ความมุ่งมั่นในใจของเธอทำให้เธอมีแรงพอจะพาเขากลับไปที่บ้าน

เธอพาร่างของเขาผ่านป่าไปจนถึงบ้านเล็ก ๆ ของพวกเขา ประตูไม้เก่าถูกผลักออกด้วยมือที่สั่นเครือ โซริน่าพยุงคาริสขึ้นบันไดอย่างระมัดระวัง จนในที่สุดก็พาเขามาถึงห้องของเขา เธอวางเขาลงบนเตียงนุ่ม ๆ ที่เขาเคยนอนอย่างสงบเสมอ แต่ในตอนนี้ ทุกสิ่งกลับต่างออกไป

โซริน่ามองดูร่างของคาริสที่นอนนิ่ง ไม่เคลื่อนไหว สายตาของเธอสำรวจบาดแผลที่ร่างกายของเขา รอยเลือดที่แห้งกรังบนเสื้อคลุมทำให้เธอเจ็บปวดในใจ

“ถึงข้าจะไม่รู้จักเจ้ามากนักหรือแม้กระทั่งคำพูดของเจ้าจะจริงหรือหลอกข้าก็ตาม แต่ข้าจะช่วยรักษาเจ้า” เธอพึมพำกับตัวเอง แล้วจึงหาสมุรไพรในบ้านของคาริส เธอเหลือไปเห็นที่ชั้นวางของที่มีสมุนไพรหลากหลายชนิด เธอรีบหยิบสมุนไพรที่เพื่อทำยา ต้มน้ำบนเตาไม้แล้วจุ่มผ้าในน้ำร้อน ก่อนที่จะบรรจงทำความสะอาดแผลที่แขนของเขา

น้ำเสียงของเธอเงียบแต่เต็มไปด้วยความห่วงใย “ข้าจะรักษาเจ้าเอง คาริส เจ้าต้องไม่เป็นอะไร...”

คาริสยังคงไม่ตอบสนอง ดวงหน้าของเขาซีดเซียวเหมือนคนที่หลับลึก โซริน่าค่อยๆ ทำแผลให้เขา ด้วยมือที่เบาที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้ ยาที่เธอเตรียมไว้ด้วยสมุนไพรเริ่มทำให้แผลที่ถูกแทงลึกนั้นเยียวยาช้าๆ เธอรู้ดีว่าต้องใช้เวลานานกว่าจะหายดี แต่เธอจะไม่ยอมให้เขาต้องทรมานเพียงลำพัง

เมื่อทำแผลเสร็จ เธอก็ลากเก้าอี้ไม้เก่ามานั่งข้างเตียง จับมือของเขาไว้แน่น แม้ว่าเขาจะไม่ได้ตอบกลับ แต่โซริน่าก็รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นเล็กน้อยที่ยังหลงเหลืออยู่ในร่างของเขา

เมื่อเวลาผ่านไปในความเงียบสงัด โซริน่าจับมือของคาริสไว้แน่น แต่แล้วความเหนื่อยล้าก็เริ่มกลืนกินเธอเล็กน้อย เธอรู้ว่าคาริสต้องการการพักฟื้น และยาที่เธอต้มไว้ไม่เพียงพอสำหรับคืนที่ยาวนานนี้ โซริน่าตัดสินใจว่าควรจะเตรียมซุปอุ่น ๆ ไว้ให้เขาเพื่อบรรเทาความอ่อนแรงเมื่อเขาฟื้นขึ้นมา

เธอค่อย ๆ วางมือของคาริสลงอย่างนุ่มนวล ก่อนที่จะลุกขึ้นและก้าวออกจากห้องช้า ๆ เดินไปที่ห้องครัวเล็ก ๆ ของเขา เธอเปิดดูทุกตู้ เผื่อจะมีวัตถุดิบที่จะทำซุปได้บ้าง ขณะที่เปิดตู้ไม้ ข้างในนั้นมีเห็ดสดที่ดูเหมือนเก็บมาจากป่าไม่กี่วันก่อน เห็ดเหล่านั้นยังดูสดใหม่และมีกลิ่นหอม โซริน่าหยิบมันออกมา แล้วเริ่มเตรียมซุปเห็ดด้วยมือที่เคยชิน

ไฟในเตาเริ่มลุกโชน ความร้อนแผ่กระจายไปทั่วห้องครัว ขณะที่กลิ่นหอมของเห็ดที่เคี่ยวในน้ำซุปผสมน้ำมันมะกอกและเครื่องเทศที่เธอเอามาจากตู้ในบ้านของคาริส มันเริ่มกระจายไปทั่ว โซริน่าตั้งใจทำซุปให้ดีที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้ เธอรู้ว่ามันจะช่วยให้คาริสรู้สึกดีขึ้นได้บ้าง

เมื่อซุปเห็ดสุกได้ที่ เธอก็ตักมันใส่ชามเล็ก ๆ พร้อมกับขนมปังอุ่น ๆ ที่เธออบไว้ก่อนหน้านี้ จากนั้นเธอก็รีบกลับไปที่ห้องของคาริส

ขณะที่เธอกลับมาถึงห้อง คาริสยังคงนอนนิ่งอยู่บนเตียง แต่ท่าทางของเขาดูผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อย ราวกับว่าการนอนหลับเริ่มเยียวยาเขาจากภายใน โซริน่าวางซุปลงบนโต๊ะข้างเตียง และหยิบยาที่เธอต้มไว้ด้วยสมุนไพรใกล้ ๆ กัน เธอเฝ้าดูเขาอย่างตั้งใจ เหมือนรอคอยสิ่งใดสิ่งหนึ่ง

ไม่นานนัก คาริสเริ่มขยับตัวเล็กน้อย เปลือกตาของเขาค่อย ๆ ขยับ แล้วดวงตาสีทองอันอ่อนล้าก็ค่อย ๆ เปิดขึ้น โซริน่าใจเต้นแรงขึ้น เธอรีบก้าวเข้าไปหาเขา

"เจ้าตื่นแล้ว," เธอเอ่ยเสียงเบา แต่แฝงด้วยความโล่งใจ

คาริสมองดูเธออย่างพร่ามัว ก่อนจะพยายามนั่งขึ้น โซริน่าประคองเขาไว้ด้วยความอ่อนโยน จากนั้นก็หยิบชามซุปเห็ดขึ้นมา "เจ้าต้องกินอะไรบ้าง มันจะช่วยให้เจ้าฟื้นตัวได้เร็วขึ้น"

คาริสพยักหน้าช้า ๆ แม้จะยังอ่อนแรง แต่ก็พอรับรู้ถึงความตั้งใจของเธอ โซริน่าป้อนซุปให้เขาอย่างระมัดระวัง และเมื่อเขาทานซุปไปได้ครึ่งหนึ่ง เธอก็รีบหยิบยาที่ต้มไว้มาให้ "กินยานี้ด้วย มันจะช่วยลดอาการปวดและทำให้เจ้าฟื้นตัวได้เร็วขึ้น"

คาริสมองเธอด้วยแววตาที่ซาบซึ้ง แม้จะไม่ได้พูดอะไรมาก แต่การกระทำและสายตาของโซริน่าทำให้ได้รู้ว่าเธอใส่ใจเขามากนักแม้จะเป็นเพียงแค่คนแปลกหน้า

คาริสมองไปรอบตัวก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อน "ขอโทษนะ โซริน่า... ที่ข้าไม่ได้พาเจ้ากลับบ้านตามที่ตกลงกัน " แววตาของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดและอ่อนแอ โซริน่าเงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะยิ้มบางเบาให้เขา และลุกขึ้นจากที่นั่ง "ไม่เป็นไร เจ้าพักผ่อนเถอะคาริส" เธอกล่าวเบาๆ แล้วหันหลังเดินออกไปจากบ้านอย่างเงียบสงบ

หลังจาก โซริน่าลุกขึ้นเดินออกจากบ้านอย่างเงียบๆ เพื่อให้คาริสได้มีเวลาพักผ่อนมากขึ้น แสงแดดยามบ่ายส่องลอดใบไม้ราวกับเล่นสนุกกับลม โซริน่าเดินมานั่งใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ทอดร่มเงากว้าง เธอปล่อยให้สายลมพัดผ่านร่างกายอย่างช้าๆ พร้อมกับทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้น ความฝันที่ประหลาดนั้นยังคงฝังแน่นอยู่ในใจ มันเหมือนคำเตือนหรือสัญญาณบางอย่างที่เธอไม่อาจเข้าใจได้ในตอนนี้

ภายในบ้าน คาริสนั่งตัวตรงอยู่บนเตียง แม้จะอ่อนล้า เขาก็ยังมีหน้าที่บางอย่างที่ต้องทำ เขานั่งลงที่โต๊ะ และเริ่มเขียนจดหมายหาถึงใครบางคน  จดหมายบรรยายถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  "ข้าต้องกลับไปจัดการเรื่องนี้" เขาพึมพำกับตนเอง ขณะที่ดวงตาของเขาสะท้อนความกังวล จดหมายถูกพับและผูกไว้กับขาของนกพิราบขาวที่โผบินจากหน้าต่าง ออกสู่ท้องฟ้าที่เปิดโล่ง ไกลสุดสายตา

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!