แวมไพร์ตัวแสบตอนที่ 1
ในเมืองเล็กๆ ที่เงียบสงบ มีเด็กชายชื่อว่า "น้องอาร์ต" ที่มีความสามารถพิเศษไม่เหมือนใคร เขาสามารถมองเห็นแวมไพร์ที่ซ่อนอยู่ท่ามกลางผู้คนได้ ด้วยตาที่เฉียบคมและจิตใจที่เปิดกว้าง อาร์ตมักจะเห็นเงาที่หลบซ่อนอยู่ในความมืดและรู้ถึงความลับของโลกที่คนทั่วไปไม่สามารถเห็นได้
คืนหนึ่ง ขณะที่อาร์ตเดินกลับบ้าน เขาสังเกตเห็นเงาลางๆ อยู่ในซอยเล็กๆ มันมีลักษณะเหมือนคน แต่ใบหน้ากลับดูซีดเซียวและน่าสยดสยอง เมื่อเข้าไปใกล้ เขาพบว่าเป็นแวมไพร์ตัวหนึ่งที่มีชื่อว่า "ซิเดียส" ซึ่งกำลังพยายามซ่อนตัวจากผู้คน
ซิเดียสมีลักษณะเป็นชายหนุ่ม รูปร่างสูงเพรียว แต่ดวงตาของเขากลับมีสีแดงเข้มที่แสดงถึงความหิวโหย อาร์ตไม่กลัว แต่กลับรู้สึกสงสารแวมไพร์ที่ต้องใช้ชีวิตในความมืด
"ทำไมถึงไม่ออกไปที่แสงสว่างล่ะ?" อาร์ตถาม
"เพราะไม่มีใครอยากเห็นเรา" ซิเดียสตอบเสียงเศร้า "เราคือความกลัวของมนุษย์"
อาร์ตยิ้มและพูดว่า "แต่ฉันเห็นคุณแล้ว คุณไม่ต้องอยู่คนเดียวหรอก"
จากนั้น พวกเขาเริ่มสนทนาและสร้างมิตรภาพที่แปลกประหลาด โดยที่อาร์ตตัดสินใจช่วยซิเดียสหาทางที่จะใช้ชีวิตร่วมกับมนุษย์ได้อย่างปลอดภัย
ในค่ำคืนที่มืดมิดนี้ ชีวิตของทั้งสองคนเริ่มต้นขึ้น พร้อมกับการผจญภัยที่ไม่คาดคิด…
หลังจากที่อาร์ตและซิเดียสสร้างมิตรภาพ พวกเขาตัดสินใจร่วมกันออกสำรวจเมืองในยามค่ำคืน อาร์ตสอนซิเดียสเกี่ยวกับโลกมนุษย์ในขณะที่ซิเดียสเผยความลับของชีวิตแวมไพร์
คืนนี้ พวกเขาได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับกลุ่มนักล่าแวมไพร์ที่กำลังออกตามล่าในเมือง อาร์ตรู้สึกถึงอันตรายที่กำลังจะเกิดขึ้น แต่ซิเดียสกลับมองว่าเป็นโอกาสในการพิสูจน์ว่าตนเองไม่ใช่ภัยอันตราย
ทั้งสองจึงวางแผนที่จะเข้าไปในตลาดกลางคืนเพื่อหาข้อมูลและเตรียมตัวรับมือ พวกเขาพบว่ามีการตั้งบอร์ดประกาศเกี่ยวกับการล่าแวมไพร์ และเห็นรูปของซิเดียสถูกติดไว้เป็นเป้าหมาย
“เราต้องทำอะไรสักอย่าง!” อาร์ตกล่าวด้วยความวิตก
ซิเดียสตอบด้วยความแน่วแน่ “เราจะต้องพิสูจน์ว่าความกลัวไม่ใช่คำตอบ”
เมื่อพวกเขาเดินสำรวจตลาด จู่ๆ ก็มีเสียงปืนและเสียงร้องจากกลุ่มนักล่า ทำให้ผู้คนแตกตื่น อาร์ตและซิเดียสรีบซ่อนตัวในมุมมืด ขณะเดียวกัน อาร์ตได้คิดแผนการเพื่อช่วยซิเดียสและปกป้องเขาจากการถูกจับ
“เราจะต้องทำให้พวกเขาเข้าใจว่าคุณไม่ใช่ศัตรู” อาร์ตพูดขณะที่เขาพยายามหาวิธีหลีกเลี่ยงอันตราย
ในที่สุด อาร์ตและซิเดียสตัดสินใจใช้แสงไฟจากโทรศัพท์มือถือของอาร์ต เพื่อให้ซิเดียสสามารถเปิดเผยตัวตนและแสดงความจริงที่อยู่ในใจของเขา โดยหวังว่าความกลัวจะถูกแทนที่ด้วยความเข้าใจ
การผจญภัยในคืนนี้นำพาพวกเขาไปสู่การเปิดเผยที่ไม่คาดคิด และการต่อสู้เพื่อปกป้องมิตรภาพที่เกิดขึ้นอย่างไม่ง่ายนัก…
ในคืนที่มืดมิด เสียงลมหวิวหวีดหวิวผ่านต้นไม้ สัญญาณของความตึงเครียดที่ยังคง linger หลังจากการต่อสู้ที่รุนแรงเพื่อปกป้องมิตรภาพของพวกเขา ไอซ์และมินต์ยืนอยู่ท่ามกลางซากปรักหักพังที่ถูกทิ้งร้าง ทั้งคู่รู้ดีว่านี่ไม่ใช่จุดสิ้นสุด แต่เพียงแค่เริ่มต้นของเรื่องราวที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น
“เราไม่สามารถปล่อยให้มันเกิดขึ้นอีก” ไอซ์พูดเสียงต่ำ ยังคงสั่นสะท้านจากการต่อสู้ที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา
“ฉันรู้…” มินต์ตอบ ด้วยน้ำเสียงหนักอึ้ง “แต่เราจะทำยังไงดี? พวกมันจะไม่หยุดง่ายๆ”
ทันใดนั้น พวกเขาได้ยินเสียงบางอย่างดังมาจากที่มืด ดวงตาทั้งคู่เบิกกว้าง เมื่อเงาร่างหนึ่งก้าวออกมา สายตาของมันเย็นชาจนทำให้รู้สึกหนาวเย็นถึงกระดูก
“พวกเจ้าคิดว่าครั้งนี้จะจบง่ายๆ หรือ?” เสียงของศัตรูเก่าที่กลับมาอีกครั้งดังก้องอยู่ในอากาศ
“เราไม่กลัวเจ้า!” ไอซ์ตะโกน พร้อมเตรียมตัวรับมือ
“แต่เจ้าควรกลัวการสูญเสียที่มากขึ้น” มันยิ้มอย่างมีเล่ห์เหลี่ยม ก่อนจะทำให้ทั้งสองรู้ว่าเส้นทางข้างหน้าเต็มไปด้วยอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่กว่าที่พวกเขาคิด
ในขณะที่ความกดดันเพิ่มสูงขึ้น มิตรภาพของไอซ์และมินต์ต้องเผชิญกับการทดสอบที่ยากขึ้น พวกเขาจะต้องค้นหาวิธีในการต่อสู้กับความมืดและค้นพบความแข็งแกร่งภายในตัวเอง ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป
“เราไม่อยู่ตัวคนเดียว” มินต์กระซิบ พร้อมจับมือไอซ์แน่น “เรามีกันและกัน”
และในคืนที่ดูเหมือนจะมืดมนที่สุด พวกเขาตระหนักว่ามิตรภาพที่แท้จริงคืออาวุธที่แข็งแกร่งที่สุดที่พวกเขามี…
ในขณะที่ไอซ์และมินต์ยืนอยู่ท่ามกลางความมืด เสียงแปลกปลอมดึงความสนใจของพวกเขาไปยังมุมหนึ่งของซากปรักหักพัง จู่ๆ เงาร่างหนึ่งก็ปรากฏตัวออกมา และทั้งสองก็เบิกตากว้างเมื่อเห็นน้องอาร์ต มิตรสหายที่หายไปนาน
“อาร์ต! แกกลับมาแล้ว!” มินต์ตะโกนด้วยความดีใจ แต่ความตื่นเต้นนั้นมีรสขมเมื่อมองเห็นรอยบาดแผลบนร่างของเขา
“มีอะไรเกิดขึ้น?” ไอซ์ถามอย่างกังวล
“พวกเขา… พวกเขาไม่หยุดแค่นี้” อาร์ตพูดเสียงแหบแห้ง “พวกเขาเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง และจะไม่ยอมให้ใครหลุดรอดไปได้”
ไอซ์และมินต์มองหน้ากันด้วยความวิตก พวกเขาตระหนักว่ามิตรภาพของพวกเขาต้องเผชิญกับการทดสอบที่แท้จริงในครั้งนี้
“เราจะต้องรวมตัวกันและวางแผน” มินต์เสนอ “เราจะไม่ยอมให้พวกเขาทำร้ายเราได้อีก”
“ใช่!” อาร์ตตอบรับ “เราต้องใช้ทุกสิ่งที่เรามี และปกป้องกันและกัน”
เสียงของพวกเขาสะท้อนในความมืด ความมุ่งมั่นที่กลับคืนมาอีกครั้ง ไอซ์ มินต์ และอาร์ต พร้อมที่จะเผชิญกับความท้าทายที่กำลังรออยู่ พวกเขารู้ว่าพลังของมิตรภาพจะเป็นกุญแจสำคัญในการต่อสู้ครั้งนี้ และจะไม่ยอมให้ความมืดมิดครอบงำพวกเขาได้อีกต่อไป…
แวมไพร์ตัวแสบตอนที่ 2
ในคืนที่แสงจันทร์ส่องสว่างให้พวกเขาเห็นเส้นทาง อาร์ต ไอซ์ และมินต์ได้รวบรวมกำลังใจและวางแผนเพื่อเผชิญหน้ากับศัตรูเก่าที่กำลังคืบคลานเข้ามา
“เราต้องหาที่หลบภัยก่อน” อาร์ตกล่าว “ในนี้ไม่ปลอดภัยแล้ว”
“เรารู้ว่าศัตรูของเรามีข้อมูลเกี่ยวกับเรา” มินต์พูด “แต่ถ้าเราทำให้พวกเขาคิดว่าเราแยกกัน ก็อาจจะสร้างโอกาสให้เรา”
“แล้วใครจะไปดึงข้อมูล?” ไอซ์ถามอย่างกังวล
“ฉันจะไป” อาร์ตตอบอย่างเด็ดเดี่ยว “ถ้าฉันทำให้พวกเขาเชื่อว่าฉันยังอยู่ข้างพวกเขา พวกเขาจะไม่ระวังตัว”
“ไม่! มันอันตรายเกินไป” มินต์รีบห้าม “เราต้องไปด้วยกัน”
“เราต้องเชื่อใจกัน” อาร์ตย้ำ “ถ้าฉันไม่กลับมา… จงทำทุกอย่างเพื่อปกป้องมิตรภาพของเรา”
ความเงียบเข้าครอบงำขณะทั้งสองคิดทบทวนคำพูดของเขา ในที่สุด ไอซ์พยักหน้า “ถ้าอาร์ตเชื่อว่าเขาสามารถทำได้ เราก็ต้องสนับสนุน”
“ใช่!” มินต์กล่าว “แต่เราจะต้องวางแผนกันให้รอบคอบ”
เมื่อพวกเขาเตรียมตัว อาร์ตก็รู้สึกถึงน้ำหนักของความรับผิดชอบที่อยู่บนบ่าของเขา เขาเดินออกไปยังความมืดพร้อมกับความมุ่งมั่นที่จะปกป้องเพื่อน ๆ
ในขณะที่เขาเข้าไปในซากปรักหักพังที่เต็มไปด้วยเงา เขารู้ว่าไม่มีทางถอยกลับได้อีก ความมืดกำลังรอคอยเขาอยู่ และเขาต้องใช้ทุกอย่างที่มีเพื่อค้นหาความจริงและรักษามิตรภาพที่สำคัญที่สุดในชีวิต
“อย่าลืม!” เขาหันกลับไปพูดกับไอซ์และมินต์ “เราจะกลับมาพบกันอีกครั้ง”
และในขณะที่เขาก้าวเท้าลงสู่ความมืด ความกลัวและความมุ่งมั่นพร้อมกันรบกวนจิตใจ แต่เขาก็รู้ดีว่าต้องทำเพื่อคนที่เขารัก…
อาร์ตก้าวเข้าไปในซากปรักหักพังที่ดูเงียบงัน ความมืดเริ่มคืบคลานเข้ามา เขาสูดหายใจลึก รู้สึกถึงความตึงเครียดในอากาศ การเคลื่อนไหวของเขาช้าและระมัดระวัง เสียงของหัวใจเต้นดังอยู่ในหู
“พวกเขาจะต้องอยู่ที่นี่” เขาพ murmured กับตัวเอง ก่อนที่จะมองหาทางเข้าไปยังห้องลับที่เขาคิดว่าอาจซ่อนข้อมูลสำคัญ
ในขณะที่เขาเดินไปข้างหน้า เสียงกระซิบของความกลัวเริ่มดังขึ้นในใจ แต่เขายังจำคำพูดของมินต์และไอซ์ได้ “เราจะไม่ยอมให้ความมืดมิดครอบงำ”
ทันใดนั้น เขาได้ยินเสียงก้าวเท้าดังมาจากมุมมืด หัวใจของเขาเต้นแรง แต่เขายังคงยืนมั่น เขาจำได้ถึงเหตุการณ์ในอดีตที่เคยเผชิญมา
“ออกมาเถอะ!” เขาตะโกน “ฉันรู้ว่าพวกนายอยู่ที่นี่!”
เงาร่างหนึ่งปรากฏขึ้น มันคือศัตรูเก่า คนที่เคยทำร้ายเขาและเพื่อน ๆ มาก่อน
“นึกว่าเจ้าจะไม่มาที่นี่” ศัตรูยิ้มด้วยความเยาะเย้ย “คิดว่าเราจะปล่อยให้เจ้ากลับไปได้ง่าย ๆ หรือ?”
“ฉันจะไม่ปล่อยให้พวกเจ้าใช้ความมืดทำลายมิตรภาพของเราอีกต่อไป!” อาร์ตตอบด้วยความมั่นใจ
“มิตรภาพ? มันเป็นเพียงความอ่อนแอ!” ศัตรูตอบกลับอย่างดูถูก
อาร์ตรู้ว่าต้องใช้ทุกอย่างที่มี เขาเตรียมตัวอย่างรวดเร็ว เขาจะต้องค้นหาวิธีที่จะชนะในครั้งนี้ และสร้างทางกลับไปหามินต์และไอซ์
ในขณะที่เขาเผชิญหน้ากับความมืด เขาตระหนักว่าความแข็งแกร่งของเขามาจากมิตรภาพที่เขาไม่เคยลืม และมันจะทำให้เขาผ่านพ้นทุกอุปสรรคไปได้…
หลังจากที่เขาผ่านพ้นสถานการณ์ที่เลวร้ายมาได้ เขาเริ่มเรียนรู้ถึงพลังที่แท้จริงของตน และพบว่าการเป็นแวมไพร์ไม่ได้หมายถึงการมีพลังเพียงอย่างเดียว แต่ยังหมายถึงการมีความรับผิดชอบต่อคนรอบข้าง
ในตอนนี้ เขาได้พบกับกลุ่มนักล่าแวมไพร์ที่คอยติดตามเขาและต้องคิดหาวิธีหลบหนี รวมถึงหาความช่วยเหลือจากเพื่อนใหม่ที่เขาเพิ่งรู้จัก ซึ่งเป็นมนุษย์ที่มีความลับซ่อนอยู่ และอาจเป็นกุญแจสำคัญในการต่อสู้กับนักล่า
ระหว่างการเดินทาง เขายังต้องเผชิญหน้ากับความกลัวในอดีตและเรียนรู้ที่จะยอมรับตัวตนของเขา ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งในตัวเขาและความสัมพันธ์กับคนอื่นๆ
หลังจากการเผชิญหน้าครั้งสำคัญ เขาเริ่มตระหนักว่าความสามารถของเขาไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือในการเอาตัวรอด แต่ยังสามารถใช้เพื่อช่วยเหลือผู้อื่นได้อีกด้วย
เมื่อเขาเข้ามาในเมืองใหม่ เขาได้พบกับกลุ่มเพื่อนใหม่ ซึ่งมีทั้งมนุษย์และแวมไพร์ที่ต้องการจะเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ของแวมไพร์ในสายตาของสังคม พวกเขาร่วมกันสร้างแผนการเพื่อช่วยเหลือคนที่ถูกคุกคามจากนักล่าแวมไพร์
การทำงานร่วมกันทำให้เขาได้เรียนรู้ถึงความสำคัญของการเชื่อใจและการเปิดใจ ยิ่งเขาใกล้ชิดกับกลุ่มเพื่อนมากเท่าไร เขาก็ยิ่งรู้สึกถึงความอบอุ่นและการสนับสนุนที่ไม่เคยมีมาก่อน ในขณะเดียวกัน เขาก็ต้องเผชิญกับความลังเลในการเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง
การกลับมาของนักล่าแวมไพร์ทำให้ความสัมพันธ์นี้ถูกทดสอบ เมื่อพวกเขาโจมตีกลุ่มของเขา เขาจำเป็นต้องเลือกว่าจะปกป้องเพื่อนหรือทำตามสัญชาตญาณของตัวเอง
ความขัดแย้งภายในนี้จะนำไปสู่การตัดสินใจที่สำคัญที่จะเปลี่ยนแปลงอนาคตของเขาและเพื่อนๆ ไปตลอดกาล ติดตามความตื่นเต้นในตอนต่อไป!
แวมไพร์ตัวแสบตอนที่ 3
หลังจากที่เขาต้องเลือกระหว่างการปกป้องเพื่อนหรือทำตามสัญชาตญาณของตัวเอง เขาตัดสินใจที่จะยืนหยัดเคียงข้างเพื่อน แม้ว่าเขาจะรู้ดีว่าการเลือกนี้อาจทำให้เขาต้องเสี่ยงต่อการถูกเปิดเผยหรือแม้แต่สูญเสียตัวตนของเขาไป
ขณะที่เขาพยายามช่วยเพื่อนจากภัยคุกคามที่ใกล้เข้ามา เขาเริ่มรู้สึกถึงแรงดึงดูดที่เป็นอันตรายของพลังของเขา ความกระหายที่เขาต้องต่อสู้และการตัดสินใจที่จะปกป้องคนที่เขารักทำให้เขาเข้มแข็งขึ้น
ในระหว่างนั้น เพื่อนของเขาเริ่มสงสัยเกี่ยวกับพลังที่เขามี และความลับที่เขาเก็บซ่อนไว้ นั่นทำให้สถานการณ์ตึงเครียดมากขึ้น ขณะเดียวกัน ศัตรูที่คอยเฝ้าติดตามเขาก็เริ่มเคลื่อนไหว ทำให้เขาต้องทำงานร่วมกับเพื่อนเพื่อค้นหาวิธีรับมือกับความท้าทายที่เกิดขึ้น
เขาจะต้องเรียนรู้ที่จะควบคุมสัญชาตญาณของตัวเองในขณะเดียวกันก็รักษาความสัมพันธ์ที่มีค่ากับเพื่อน และพบว่าความกล้าหาญและการเสียสละอาจเป็นสิ่งที่สำคัญกว่าพลังอำนาจที่เขามีอยู่ในมือมากมาย
ความตึงเครียดระหว่างความรักและความกลัวจะเป็นแกนหลักที่ทำให้เรื่องราวดำเนินต่อไป และเขาจะต้องตัดสินใจอีกครั้งว่าเขาจะยอมให้ความกระหายของเขาควบคุมเขา หรือจะก้าวผ่านมันไปเพื่อความรักและมิตรภาพที่แท้จริง
ในขณะที่เขายืนอยู่ต่อหน้าศัตรูที่คอยขัดขวาง เขารู้ว่าชีวิตของเพื่อนอยู่ในมือเขา การต่อสู้เริ่มขึ้นอย่างดุเดือด เสียงกระทบและการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วสร้างบรรยากาศที่ตึงเครียด เขารู้สึกถึงความกระหายที่กำลังลุกโชน แต่เขาต้องฝืนใจไม่ให้มันชนะ
“อย่า!” เขาตะโกนไปยังเพื่อนที่อยู่ข้างหลัง ซึ่งกำลังพยายามหาทางหนี เขาไม่สามารถปล่อยให้เพื่อนต้องเผชิญหน้ากับอันตรายเพียงลำพังได้
เขาใช้ความสามารถในการเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว พุ่งเข้าหาศัตรูด้วยความมุ่งมั่น ในใจคิดถึงเพื่อนและความสัมพันธ์ที่เขาไม่ต้องการสูญเสีย หลังจากการต่อสู้ที่ตึงเครียด เขาสามารถเอาชนะศัตรูได้ในที่สุด แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องต่อสู้กับความกระหายที่อยู่ในตัวเขา
เมื่อศัตรูล้มลง เขาหันกลับไปหาความกลัวที่เห็นในสายตาเพื่อน “ฉันจะไม่ให้สิ่งนี้เปลี่ยนฉัน” เขากล่าวเสียงแน่วแน่ แม้ว่าจะรู้ดีว่ามันเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นของการต่อสู้ครั้งใหม่
เพื่อนของเขามองเขาด้วยความหวาดกลัวและความสงสัย “เธอ…เธอเป็นแวมไพร์เหรอ?” คำถามนั้นทำให้เขาต้องเผชิญหน้ากับความจริงที่เขาเก็บซ่อนไว้
“ใช่ แต่… นั่นไม่ใช่ทั้งหมดที่ฉันเป็น” เขาตอบ “สิ่งที่สำคัญกว่าคือสิ่งที่เราเลือกจะเป็น” เขาเริ่มอธิบายเกี่ยวกับพลังและความกระหายที่เขาต้องต่อสู้ เขาย้ำให้เพื่อนเข้าใจว่าเขาเลือกที่จะใช้พลังนี้เพื่อปกป้องคนที่เขารัก
ในขณะนั้นเอง ความรู้สึกของมิตรภาพและความรักเริ่มเติบโตขึ้น พวกเขารู้ว่าทั้งสองจะต้องช่วยกันเผชิญกับโลกที่อันตราย และด้วยการยอมรับความจริงและร่วมมือกัน พวกเขาจะสามารถเอาชนะอุปสรรคได้
ขณะที่พระอาทิตย์เริ่มขึ้น เขาและเพื่อนตั้งใจจะก้าวเดินไปด้วยกัน เผชิญหน้ากับอนาคตและทุกความท้าทายที่จะเข้ามา พร้อมทั้งยืนยันว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พวกเขาจะไม่ปล่อยให้ความกระหายหรือความกลัวมาทำลายความสัมพันธ์ที่สำคัญนี้
ด้วยการตั้งใจแน่วแน่ พวกเขาจะไม่เพียงแต่เป็นเพื่อนกัน แต่จะเป็นพันธมิตรในการต่อสู้ครั้งนี้ จนกว่าจะถึงวันที่พวกเขาสามารถปลดล็อกอนาคตที่สดใสได้อย่างแท้จริง
ในวันถัดมา เขาและเพื่อนนั่งอยู่ที่ลานหน้าโรงเรียน ร่วมกันวางแผนเพื่อต่อสู้กับอันตรายที่กำลังจะมาถึง ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขากลายเป็นสิ่งที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ด้วยการเปิดใจและรับฟังซึ่งกันและกัน
“เราต้องหาข้อมูลเกี่ยวกับศัตรูให้ได้มากที่สุด” เขาพูดพร้อมกับมองไปที่เพื่อน “ถ้าเราเข้าใจพวกเขา เราจะมีโอกาสชนะมากขึ้น”
เพื่อนพยักหน้าและแสดงความตั้งใจ “ฉันจะช่วยหาข้อมูลจากห้องสมุด และเราต้องเรียนรู้เกี่ยวกับพลังของเธอด้วย เพื่อจะได้ใช้มันให้เกิดประโยชน์สูงสุด”
พวกเขาใช้เวลาหลายวันในการค้นคว้าและฝึกฝน เขาเริ่มควบคุมพลังของตัวเองได้ดียิ่งขึ้น และเพื่อนก็เรียนรู้วิธีการใช้กลยุทธ์เพื่อร่วมมือกัน ทั้งคู่เริ่มเข้าใจถึงจุดแข็งและจุดอ่อนของกันและกันมากขึ้น
ในระหว่างการฝึก เขาได้เผยให้เพื่อนเห็นถึงความกระหายที่ยังคงเป็นปัญหา แม้จะพยายามควบคุม แต่ก็ยังมีช่วงเวลาที่เขารู้สึกเกือบจะพ่ายแพ้ “มันยากที่จะต่อสู้กับมัน” เขากล่าวด้วยความเครียด
“แต่เราจะทำมันด้วยกัน” เพื่อนตอบเสียงแน่วแน่ “เราต้องเชื่อใจกัน”
ในคืนหนึ่ง ขณะที่พวกเขาฝึกอยู่ในป่า เพื่อนเริ่มตั้งคำถามเกี่ยวกับอดีตของเขา “เธอเคยมีชีวิตเป็นมนุษย์มาก่อนหรือเปล่า?”
เขาสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะตอบ “เคย… แต่ตอนนี้มันเป็นอดีตที่ฉันไม่สามารถกลับไปได้” เขาเล่าเรื่องราวความสูญเสียที่ทำให้เขากลายเป็นแวมไพร์ รวมถึงความรู้สึกเหงาและความยากลำบากในการควบคุมสัญชาตญาณ
เพื่อนฟังด้วยความเข้าใจ “เราไม่สามารถเปลี่ยนอดีตได้ แต่เราเลือกอนาคตได้” คำพูดนี้กระตุ้นให้เขาเกิดแรงบันดาลใจ เขารู้ว่าเขาต้องก้าวผ่านอดีตและมองไปข้างหน้า
คืนหนึ่ง ขณะที่พวกเขานั่งอยู่รอบกองไฟ เขารู้สึกถึงพลังที่เกิดขึ้นในตัวเอง “ฉันรู้สึกว่าเราใกล้จะได้คำตอบแล้ว” เขากล่าว “ถ้าเราทำงานร่วมกัน เราจะสามารถเผชิญหน้ากับสิ่งที่มาขัดขวางเรา”
ในไม่ช้า พวกเขาก็เริ่มได้รับเบาะแสเกี่ยวกับศัตรูที่คุกคาม และพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับความจริงที่อาจเปลี่ยนแปลงชีวิตพวกเขาไปตลอดกาล ด้วยความเชื่อมั่นและความรักที่มีต่อกัน เขาและเพื่อนจึงก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างไม่ลังเล เพื่อต่อสู้กับอนาคตที่พวกเขาตั้งใจจะสร้างร่วมกัน
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!