NovelToon NovelToon

เคียงใจใต้บัลลังก์

1.1

รัชสมัยโตวเถียน ปีหยวนที่หก

เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยแผดจ้าออกมาจากพระราชวังหลัง เสียงนั้นทั้งดังและกังวานใส ถ่ายทอดจากตำหนักเซียนฝูซึ่งตั้งอยู่ถนนที่สองด้านตะวันตกของพระราชวังหลังไปยังตำหนักฉางชุนซึ่งอยู่ถัดไป

ครั้นเสียงฝีเท้าอันเร่งรีบมาถึง พระสนมเสียนก็รับเด็กน้อยมาอุ้มเอาไว้ จากนั้นสั่งให้ข้ารับใช้ในตำหนักไปตระเตรียมน้ำร้อนกับผ้าอ้อมทันที เพียงครู่เดียวทุกคนในตำหนักฉางชุนก็วุ่นวายจนมือเป็นระวิง

เงาร่างเล็กๆเดินผ่านตำหนักเซียนฟู เพียงมองเห็นเสด็จพ่อ เขาก็คุกเข่าลงที่ตำหนักด้านหน้า ในอ้อมพระกรของเสด็จพ่อนั้นดูคล้ายกำลังทรงอุ้มสิ่งใดอยู่ และข้ารับใช้ทั้งหมดล้วนคุกเข่าอยู่ด้านนอกตำหนัก

เด็กชายสวมชุดไหมสีม่วงปักดิ้นทอง ผมยาวถักเป็นเปีย ใบหน้ารูปไข่อันงดงามตามลักษณะเฉพาะของเชื้อพระวงศ์

เขาขมวดคิ้ว รู้สึกว่าที่นี่เงียบอย่างประหลาด และตำหนักฉางชุนของเสด็จแม่ก็เสียงดังวุ่นวายจนน่าแปลกอยู่หน่อยๆ

“องค์ชาย พวกเรากลับตำหนักฉางชุนกันก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ” ชิงฝู ขันทีคนสนิทดึงเขาไว้

แม้ว่าจะยังเยาว์วัยและไม่เข้าใจแน่ชัดนักว่าเกิดอะไรขึ้นในตำหนักเสียนฝู แต่กิริยาอันไม่ปกติของฝ่าบาท กอปรกับข้ารับใช้กลุ่มใหญ่ยังคงคุกเข่าอยู่ ไม่ว่ามองอย่างไรก็ผิดปกต

“แต่เสด็จพ่อ..."

ครั้นเห็นว่าองค์ชายอยากจะเข้าไปในตำหนักเสียนฝู ชิงฝูงจึงรีบดึงพระองค์กลับตำหนักฉานชุน “องค์ชายพวกเราไปกันก่อนเถิด ไปกันพ่ะย่ะค่ะ"

“ชิงฝู" เขาเม้มปากแน่นด้วยความไม่พอใจ แต่ก็ยินยอมกลับไปอย่างว่าง่าย

เมื่อกลับไปตำหนักฉางชุน เขาทันได้เห็นเสด็จแม่ส่งหมอหลวงออกจากตำหนักพอดี ดูเหมือนเสด็จแม่จะกำลังรับสั่งถามบางสิ่งอยู่โดยละเอียด

“เสด็จแม่" องค์ชายเรียกเสียงเบา

พระสนมเสียนมองมาแวบหนึ่งแล้วใช้สายตาปรามเอาไว้ และกลับไปถามหมอหลวงอีกสองประโยคก่อนส่งหมอหลวงออกจากตำหนัก จากนั้นนางสั่งให้คนเร่งต้มยา ทั้งยังให้หญิงรับใช้รีบพาองค์ชายออกไป

“อี้เจิน พาซู่เอ๋อร์ไปที่ตำหนักบรรทม"

“เพคะ"

“เสด็จแม่..."

“ซู่เอ๋อร์ เป็นเด็กดีสิ..." พระสนมเสียนรีบหันกายจากไปเมื่อเอ่ยจบ

เว่ยฉือซู่ได้แต่ยนนิ่งงัน

ที่แท้แล้วเกิดอะไรขึ้นกัน เขาหยุดคิดคร฿่หนึ่งแล้วจึงตามหญิงรับใช้ไปอย่างว่าง่าย

1.2

เมื่อกลับถึงตำหนักบรรทมก็แสร้งทำเป็นจะอ่านหนังสือ แล้วอาศัยโอกาสที่หญิงรับใช้กำลังพูดบางสิ่งกับชิงฝูลอบออกไปจากตำหนักบรรทมอย่างรวดเร็วไม่ให้ผู้ใดพบเห็น

ตำหนักฉางชุนมีตำหนักหน้าขนาดใหญ่สองตำหนัก เมื่อรวบรวมกับตำหนักหลังอีกสามตำหนักจะมีทั้งหมดยี่สิบห้อง ครอบคลุมพื้นที่กว้างขวาง แต่องค์ชายไม่จำเป็นต้องใส่ใจเรื่องนั้น เพราะเพียงอาศัยฟังเสียงร้องไห้ก็สามารถตามหาเสด็จแม่พบได้ทันที

ไม่นานนักเว่ยฉือซู่ก็มาถึงตำหนักบรรทมของเสด็จแม่ ข้ารับใช้เห็นเข้าจึงรีบหันมาถวายบังคม เขาโบกมือสองสามครั้งแล้ววิ่งมาลอบมองจากหลังฉากกันลม เห็นเด็กน้อยนอนอยู่บนเตียงของเสด็จแม่ ทั้งยังมีข้ารับใช้คนหนึ่งอุ้มตะกร้าที่เต็มไปด้วยผ้าเปื้อนโลหิตกำลังออกไป

เว่ยฉือซู่ตะลึงงันไปครู่หนึ่งจึงรุดไปยังข้างเตียง

“ซู่เอ๋อร์ แม่ให้เจ้ากลับไปที่ตำหนักบรรทมแล้วมิใช่หรือ" พระสนมเสียนเอ่ยเสียงเบา

“แต่...เสด็จแม่ บอกข้าก่อนว่าที่แท้เกิดเรื่องอันใดขึ้น เหตุใดผ้าที่หญิงรับใช้เหล่านั้นนำออกไปจึงเต็มไปด้วยเลือด"

เมื่อเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความไม่สบายใจขององค์ชาย พระสนมเสียนจึงโอบเขาเข้ามาในอ้อมอกแล้วอธิบาย “ซู่เอ๋อร์ นั้นไม่ใช่เลือดของแม่ แต่ว่าเป็น..."

เพียงได้ฟังว่ามิใช่โลหิตของเสด็จแม่ ใจของเว้ยฉือซู่สงบลงเล็กน้อย เขาผินหน้าไปมองเด็กน้อยบนเตียงอย่างระแวดระวัง “เขารึพ่ะย่ะค่ะ?" เขาจดจำใบหน้าซีดขาวเล็กๆนั้นได้ คนคนนี้คือเจ้าของเด็กไม่ดีจากตำหนักข้างเคียง

หลังจากเด็กคนนี้เกิดมา เสด็จพ่อก็ไม่ค่อยเสด็จมาตำหนักฉางชุน...เจ้าของเด็กไม่ดีนี่แย่งเสด็จพ่อของเขาไป แล้วตอนนี้ยังจะมาแย่งเสด็จแม่ของเขาไปอีกหรือ

“ซู่เอ๋อร์ ต่อจากนี้ช่านเอ๋อร์จะมาอยู่ที่นี่ เจ้าต้องดีกับเขาเอาไว้นะ"

“เพราะเหตุใดพ่ะย่ะค่ะ"

“เพราะเขาคือน้องชายของเจ้า พี่ชายอย่างเจ้าควรรักและเอาใจใส่น้อง"

เมื่อเห็นสีหน้าเยือกเย็นของเสด็จแม่ แม้ในใจของเว่ยฉือซู่จะต่อต้าน แต่เขากลับทำได้เพียงพยักหน้ารับอย่างเชื่อฟัง ทว่าลึก ๆ ยังดังขา "แล้วเหตุใดเขาต้องมาที่ตำหนักฉางชุนนี่ด้วย" เจ้าของไม่ดีอาศัยอยู่ที่ตำหนักเสียนฝูงข้าง ๆ กัน และยังมีเสด็จแม่ของตนเองอยู่แล้วนี่

"ซู่เอ๋อร์ ไม่ต้องถามมากความ" พระสนมเสียนเอ่ยเสียงเบา

เว่ยฉือซู่ไม่เข้าใจว่าเหตุใดจึงถามไม่ได้ ทว่าเขาลอบเห็นสีหน้าของเสด็จแม่ไม่สู้ดีนัก เขาจึงสงบปากสงบคำแต่โดยดี อย่างไรเสัยมีน้องเพิ่มมาอีกคนก็ไม่มีอันใดแตกต่าง...

ขอเพียงอย่าแย่งเสด็จแม่ของเขาไป

1.3

แต่แล้วเรื่องที่เว่ยฉือซู่กังวลที่สุดก็บังเกิด

พระสนมเสียนอยู่กับเว่ยฉือซ่านตั้งแต่เช้าจรดค่ำ กระทั่งนอนยังนอนด้วยกันทำให้เขาขุ่นเคืองจนคันยิบ

เป็นเช่นนั้นจริง ๆ ...น้องชายมิใช่ของดีอันใด มาแย่งเสด็จแม่ของเขาไปอีก

วิธีรับมือกับเจ้าของไม่ดี ก็คือจัดของเสีย

รอจนบาดแผลบนกายของเว่ยฉือซ่านหายดี เริ่มลงจากเตียงมาเดินได้ เว่ยฉือซู่ก็แกล้งขีดขาให้ล้ม ครั้นเห็นเสด็จแม่ผินหน้ากลับมา เขาก็รีบเข้าไปกอดเว่ยฉือซ่าน ปลอบไม่ให้ร้องไห้ จุมพิตใบหน้าน้องสักหน่อย เสด็จแม่ก็ลูบศีรษะแล้วชมว่าเขาเป็นเด็กดีมาก เป็นพี่ชายที่ดีทีเดียว

เฮอะ...แค่คำพี่ชายที่ดีสี่พยางค์นี้มีค่าเป็นเงินเป็นทองรึ

เขาไม่สนใจเรื่องเล็ก ๆ พรรค์นั้นหรอก เขาเพียงแค่ไม่พอใจที่โดนเจ้าของไม่ดีแย่งเสด็จแม่ไปเท่านั้น

วิธีที่ดีที่สุดที่จะแย่งเสด็จแม่คืนมาก็คือ คอยอยู่ข้างกายเจ้าของไม่ดีนี่เสมอ แกล้งให้เจ้านี่ร้องไห้หาบิดามารดาเสียก่อน จากนั้นจึงจับมากอดเอาไว้ในอ้อมอก

ยิ่งไปกว่านั้น เขายังอาสาให้เจ้าของไม่ดีมานอนด้วยกันอีกด้วย เพราะขอเพียงมานอนกับเขา เจ้าของไม่ดีจะไม่อาจไปยุ่งกับเสด็จแม่ได้อีก ในเมื่อเขานอนกับเสด็จแม่ไม่ได้ เจ้าของไม่ดีก็ไม่อาจกระทำได้เช่นกัน

ดังนั้นวันแล้ววันเล่าที่เจ้าของไม่ดีเติบโตขึ้น ก็จะเริ่มได้ลิ้มรสความขมขื่น...

"เสด็จพี่ ท่านจะไปที่ใด"

เว่ยฉือซู่ในวัยสิบห้าปีเพิ่งจะเหยียบย่างออกนอกตำหนักฉินซือกลับถูกเว่ยฉือซ่ายมาขวางเอาไว้

"กงการอะไรของเจ้า" เขาหรี่ตาจ้องมองน้องชาย

เจ้าของไม่ดีนี่ประหลาดนัก ประหลาดที่มีคิ้วเข้มตาโต ใบหน้าเล็กขาวนุ่มนิ่มคล้ายซาลาเปาลูกเล็ก ๆ ทำเอาเว่ยฉือซู่คันไม้คันมือนึกอยากหยิกเล่นอยู่บ่อยครั้ง ทั้งที่อายุสิบสามปีแล้วแท้ ๆ แต่ยังมีใบหน้าที่ไม่อาจแยกได้ชัดเจนว่าเป็นสตรีหรือบุรุษโดยเฉพาะดวงตาซึ่งมักมีหยาดน้ำตาคลอหน่วยคู่นั้น มันทำให้เขานึกอยากแกล้งให้ร้ิงไห้อยู่บ่อยครั้ง

ทว่าเมื่อตัวติดกันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน จะเล่นหรือจะแกล้งก็ล้วนกระทำไม่แตกต่างกันนัก ตอนนี้ดูท่าน้องชายจะทำให้เขารำคาญเข้าจริง ๆ เสียแล้ว

"แต่องค์ชายใหญ่พ่ะย่ะค่ะ พระสนมเสียนรับสั่งเอาไว้ ว่าหากองค์ชายทั้งสองเสด็จออกจากตำหนักฉินซือเมื่อใด จะต้องเสด็จกลับไปยังตำหนักฉางชุนทันที" ใบหน้าที่ดูอ่อนไหวของชิงฝูดูขมขื่นเสียจนคล้ายจะหลั่งน้ำดีออกมาก็ไม่ปาน "ระยะนี้กว่าองค์ชายใหญ่จะเสด็จกลับก็ช้าไปหนึ่งถึงสองชั่วยาม¹ กระหม่อม..."

องค์ชายใหญ่ไม่กลับไป องค์ชายรองก็ไม่กลับก่อน เพราะกลัวว่าหากพระสนมเสียนถาม จะไม่รู้ควรทำประการใด เว่ยฉือซ่านกับชิงฝูต้องฆ่าเวลาอยู่ข้างนอกหนึ่งถึงสองชั่วยามจึงกล้ากลับตำหนักฉางชุน

"ข้าให้เจ้านำเสด็จองค์ชายรองกลับไปก่อน พูดมากอันใด"

"แต่..."

"ข้าจะบอกเสด็จแม่" เว่ยฉือช่านโพล่งขึ้นมา

______________________________________________

¹ หน่วยเวลาของจีน 1 ชั่วยาม เท่ากับ 2 ชั่วโมง

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!