#— เรื่องนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียน เป็นการคอแลปปลอมๆ ระหว่างแฟนด้อม Ayakashi romance reborn และ What in "Hell" is bad? ขอให้สนุกไปกับเรื่องราวนะคะ 💌
เมื่อคืนหนึ่งที่เงียบสงัด ยาคุโมะนั่งอยู่ริมหน้าต่างในบ้านของเขาที่เต็มไปด้วยเงาแห่งอดีต มองออกไปยังดวงจันทร์เต็มดวงที่ส่องแสงอ่อนโยน ความทรงจำที่ยาวนานกว่าร้อยปีพลุ่งพล่านในหัวใจที่ไม่เคยเต้นของเขา แต่แล้ว เขารู้สึกถึงบางสิ่งที่แปลกไป — ลมหายใจของเขาหนักอึ้ง ดวงตาที่เฉียบแหลมมองเห็นภาพเงาดำเล็กๆ เคลื่อนไหวอยู่ในสายลม ทันใดนั้น กลิ่นของซากศพและเสียงกระซิบอันน่ากลัวเริ่มกระจายไปทั่ว
ในขณะเดียวกัน มิสึซากิ ที่เพิ่งกลับมาจากโรงเรียนเดินกลับบ้านผ่านตรอกมืดๆ และพลันหยุดนิ่งเมื่อได้ยินเสียงรถไฟกรีดร้องอยู่ในระยะไกล แต่รถไฟไม่ได้ควรจะอยู่แถวนี้... ไม่ใช่ตอนนี้... และไม่มีรางรถไฟใดๆ ในระแวกนั้น เธอหันไปมองรอบตัวก่อนจะรู้สึกถึงลมหนาวที่พัดผ่าน กระดาษแผ่นเล็กๆ ปลิวลงมาสู่ฝ่ามือของเธอ มันเป็นบัตรโดยสารสีดำมืดที่ดูเหมือนจะถูกเขียนด้วยภาษาที่เธออ่านไม่ออก
ทันใดนั้น ความมืดรอบตัวพวกเขาทั้งคู่เริ่มบิดเบี้ยวและเบาบางราวกับม่านที่ถูกดึงออก เปิดเผยให้เห็นเส้นทางเหล็กที่ทอดยาวสู่นิรันดร์เบื้องหน้า รถไฟสีดำสนิทแล่นเข้ามาโดยไม่มีเสียงแม้แต่น้อย ก่อนที่จะหยุดตรงหน้า ทั้งยาคุโมะและมิสึซากิรู้สึกถึงแรงดึงมหาศาลที่ไม่อาจต้านทานได้
“ไม่นะ! มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกันเนี่ย?!” มิสึซากิร้องออกมาในขณะที่รู้สึกว่าร่างกายถูกดูดเข้าสู่รถไฟ ยาคุโมะพยายามจะต่อต้าน แต่พลังที่มองไม่เห็นนั้นมีอำนาจมากเกินไป ร่างของเขาหายเข้าไปในประตูรถไฟสีดำมืด เช่นเดียวกับมิสึซากิที่โดนดูดเข้าไปในอีกมิติหนึ่ง
เมื่อลืมตาขึ้น พวกเขาพบว่าตัวเองอยู่ในรถไฟคันแปลกประหลาด พื้นที่ถูกตกแต่งด้วยเหล็กสีดำสนิทและไฟสีแดงน่ากลัวที่ส่องแสงริบหรี่ เสียงของโซ่เหล็กที่ลากไปตามพื้นดังก้องในทุกทิศทาง ประตูแต่ละบานถูกปิดด้วยกุญแจขนาดใหญ่ และในระยะไกล พวกเขาได้ยินเสียงคำรามของปีศาจที่รออยู่ข้างหน้า
ทั้งสองถูกดึงมายัง `รถไฟนรก` ขบวนนี้ โดยที่ไม่รู้ว่าทำไมพวกเขาถึงถูกเลือกมา และไม่รู้ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับอะไรบ้างนอกจากสิ่งเดียวที่แน่ชัดคือ ถ้าพวกเขาไม่สามารถไปถึงรถไฟตู้สุดท้ายได้... พวกเขาอาจจะไม่มีวันได้กลับบ้านอีกเลย
การเดินทางเพื่อเอาชีวิตรอดได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว...
มิสึซากิลืมตาขึ้นท่ามกลางความมืดรอบตัว หัวใจเธอเต้นรัวและมือสั่นอย่างไม่สามารถควบคุมได้ เธอพบว่าตัวเองอยู่ในตู้รถไฟที่เงียบงันอย่างน่ากลัว หน้าต่างทุกบานมืดสนิท ไม่มีแสงดาวหรือแสงจันทร์ใดๆ ส่องเข้ามา เธอลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ ใจเต้นแรงด้วยความกังวล
“ที่นี่มันที่ไหน...” เธอกระซิบกับตัวเองอย่างตระหนก มือของเธอกำบัตรโดยสารสีดำแน่นในฝ่ามือ ราวกับเป็นสิ่งเดียวที่ยึดเหนี่ยวกับความเป็นจริง
เสียงกรีดร้องแหลมดังขึ้นจากอีกฟากหนึ่งของรถไฟ ดังก้องไปทั่วทุกตู้ทำให้มิสึซากิสะดุ้งอย่างแรง เธอรู้สึกถึงความเย็นยะเยือกที่ซึมลึกเข้าไปในกระดูก เหมือนกับมีดวงตาหลายคู่จ้องมองมาที่เธออยู่ในความมืด
“อาจารย์ยาคุโมะ... คุณอยู่ที่ไหนกัน?” เสียงเธอสั่นไปกับความหวาดกลัว เธอพยายามตั้งสติและหายใจเข้าลึกๆ แต่ความกลัวนั้นกัดกินจิตใจ ความหวังว่าเขาจะอยู่ที่นี่ด้วยทำให้เธอต้องก้าวเดินไปข้างหน้า มือจับแน่นไปตามผนังเย็นเยียบ เธอไม่รู้ว่าตู้รถไฟนี้จะพาเธอไปที่ไหน แต่เธอต้องหาทางออก... หรือต้องหายาคุโมะให้เจอ
เมื่อก้าวเดินต่อไปในทางเดินแคบๆ ที่ดูเหมือนไม่มีที่สิ้นสุด เธอได้ยินเสียงล้อรถไฟดังเอี๊ยดอ๊าด และเสียงลมหายใจที่แผ่วเบาและหนักหน่วง... มันไม่ได้มาจากเธอ เสียงนั้นอยู่ใกล้ๆ หลังจากนั้นเงาที่บิดเบี้ยวเริ่มปรากฏขึ้นที่มุมหนึ่งของตู้รถไฟ
มิสึซากิกลั้นหายใจและชะงักอยู่ที่เดิม ดวงตาสีฟ้าสดใสของเธอสั่นไหวด้วยความกลัว เงานั้นค่อยๆ ขยับเข้ามาใกล้ สัตว์ร้ายที่ถูกซ่อนอยู่ในความมืดแสดงตัวออกมา มันคือปีศาจที่มีดวงตาสีแดงฉานและกรงเล็บยาวเหมือนคมมีด ร่างกายของมันเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อและหนังที่แห้งกรัง สายตาของมันจ้องเขม็งไปที่เธอ ราวกับมันรับรู้ได้ถึงความหวาดกลัวของเธอ
“ฉันจะต้องไม่ตายที่นี่...อย่างน้อยก็ก่อนที่ฉันจะเจออาจารย์ยาคุโมะ” มิสึซากิพูดออกมาด้วยเสียงที่สั่นเครือ แต่เธอต้องสู้ เธอคว้ากระเป๋าเล็กๆ ที่สะพายติดตัวมาและหยิบกริซเงินซึ่งเป็นของที่ระลึกจากพ่อของเธอ เธอรู้ว่าดาบนี้อาจไม่เพียงพอที่จะจัดการกับปีศาจที่น่ากลัวนี้ แต่เธอจะไม่ยอมให้มันเอาชีวิตของเธอไปง่ายๆ
เธอก้าวถอยหลังช้าๆ พยายามหาทางหลบหนี ขณะที่ปีศาจก้าวเข้ามาใกล้ ดวงตาแดงฉานของมันเป็นประกายที่เต็มไปด้วยความกระหายเลือด เสียงของมันกรีดร้องในความเงียบงันของรถไฟ ทำให้ทุกอย่างรอบตัวเธอสั่นไหว
“อาจารย์ยาคุโมะ… ช่วยฉันที!!”
ยาคุโมะสะดุ้งตื่นจากความฝันที่เลือนลาง เขารู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนรุนแรงของรถไฟรอบตัว แต่สิ่งที่ทำให้เขาหนักใจมากกว่าคือกลิ่นอายปีศาจที่คละคลุ้งในอากาศ ร่างกายของเขาถูกตรึงไว้ด้วยความมืดมิดที่เหมือนเป็นกรงขัง ทุกสิ่งรอบตัวเงียบจนเกินไป แต่ในขณะเดียวกันกลับรู้สึกถึงพลังที่คุกคามอย่างน่ากลัว
"มิสึซากิ..." เขาพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว ดวงตาสีฟ้าเยือกแข็งของเขากวาดมองไปรอบๆ เขาต้องหามิสึซากิให้เจอ แต่ก่อนที่จะก้าวออกไป เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น ทำให้เขาชะงัก
เสียงหัวเราะทุ้มต่ำและเย้ยหยันก้องมาจากเบื้องหน้า "หืม... แวมไพร์น่ะเหรอ? น่าสนใจทีเดียวที่เจ้ารอดมาถึงตู้รถไฟนี้ได้"
ยาคุโมะเงยหน้ามองชายผู้ปรากฏตัวอยู่เบื้องหน้า ร่างสูงใหญ่ผมขาวยาวสยายของซาตาน ผู้ปกครองแห่งความโกรธแห่งเกเฮนน่ายืนตระหง่านอยู่ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มเยาะและความเกลียดชังที่ปิดบังไว้ใต้ความเงียบงัน แต่ดวงตาของเขานั้นเต็มไปด้วยความเคียดแค้นที่ซ่อนเร้นอยู่ในจิตใจลึกๆ
"ซาตาน..." ยาคุโมะพึมพำอย่างระมัดระวัง ขณะที่เขายืนตัวตรง มือขวาของเขาล้วงไปที่ด้านในเสื้อคลุม พร้อมที่จะหยิบอาวุธที่ซ่อนอยู่หากจำเป็น
"ใช่ ข้าเอง... ปีศาจที่เจ้าต้องการหลีกเลี่ยงที่สุด" ซาตานยิ้มเย็นชา "ข้าไม่ค่อยชอบแวมไพร์แบบเจ้าหรอก โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกที่ดื่มเลือดแต่ไม่เคยทำอะไรให้ข้าเกลียดชังเลยจริงๆ มันน่าผิดหวัง" เขาพูดพร้อมกับหัวเราะเบาๆ แต่ในน้ำเสียงนั้นกลับแฝงไปด้วยความบ้าคลั่ง
"นายไม่จำเป็นต้องมาขวางทางข้า" ยาคุโมะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่นิ่งสงบ เขารู้ดีว่าซาตานนั้นไม่ใช่ปีศาจธรรมดา เขาคือหนึ่งในเจ็ดกษัตริย์แห่งนรก พลังของเขาสามารถบดขยี้ทุกสิ่งที่ขวางหน้าได้ในพริบตา
"เจ้าคิดว่าข้าจะปล่อยเจ้าแวมไพร์งี่เง่าไปง่ายๆ อย่างนั้นหรือ?" ซาตานยิ้มกว้างขึ้น ก่อนที่จะเอ่ยเสียงแผ่วเบา "ถ้าข้าดื่มเลือดของผู้ที่รักข้า... ข้าจะสามารถเปลี่ยนมันเป็นอะไรก็ได้ที่ข้าต้องการ แม้กระทั่งเพชรสีเลือด แต่เจ้า... เจ้าไม่มีใครรักเลยใช่ไหม?"
ยาคุโมะนิ่งงันเมื่อได้ยินคำถามนั้น เขาสัมผัสได้ถึงความโกรธที่เดือดพล่านภายในตัวของซาตาน ไม่ใช่แค่พลังปีศาจธรรมดา แต่เป็นความโกรธแค้นที่หมักหมมอยู่ภายในจิตวิญญาณของเขา ยาคุโมะรู้ดีว่าเขาไม่สามารถสู้กับซาตานด้วยพละกำลังเพียงอย่างเดียว แต่เขาต้องใช้ปัญญาเข้าต่อสู้เท่านั้น หากใช้แต่กำลังเขาอาจจะไม่รอดออกไปจากตู้รถไฟตู้นี้แน่ๆ
“ข้าอาจจะไม่มีใครรัก...” ยาคุโมะเอ่ยด้วยเสียงเย็นชาและแฝงด้วยความมุ่งมั่น “แต่ข้าก็จะไม่ยอมแพ้เจ้าปีศาจที่ลุ่มหลงในความโกรธของตัวเองเช่นเจ้าหรอก”
ซาตานหัวเราะออกมาอีกครั้ง แต่คราวนี้มันเต็มไปด้วยเสียงสะท้อนแห่งความบ้าคลั่งและอันตราย เขากระชับค้อนยักษ์ที่เขาถือไว้แน่น “งั้นมาลองดูกันว่าเจ้าจะเอาชีวิตรอดจากความโกรธของข้าได้ไหม...”
ยาคุโมะเตรียมพร้อม ใบหน้าของเขานิ่งสงบ แต่ในดวงตานั้นเปล่งประกายความมุ่งมั่นและกล้าหาญ เขาจะไม่ยอมให้ซาตานหยุดยั้งเขาไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม
การเผชิญหน้ากับซาตานแห่งเกเฮนน่าได้เริ่มขึ้นแล้ว...แต่อีกฝั่งของมิสึซากิจะเป็นยังไงบ้างล่ะ?
ในขณะที่ยาคุโมะกำลังเผชิญหน้ากับซาตานทางด้านหนึ่งของรถไฟนรก มิสึซากิกลับถูกทิ้งอยู่เพียงลำพังในความมืดมิดของตู้รถไฟอีกด้าน หลังจากที่ปีศาจแสนน่ากลัวนั่นที่จู่ๆ ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย เธอสูดหายใจลึก พยายามควบคุมสติเมื่อรับรู้ได้ว่าตนเองกำลังอยู่ท่ามกลางสิ่งที่ไม่ควรอยู่ในโลกมนุษย์ บรรยากาศรอบตัวเต็มไปด้วยพลังงานชั่วร้ายที่กดดัน ราวกับจะบดขยี้เธอทุกครั้งที่ก้าวเดิน
เธอค่อยๆ ลุกขึ้นยืน รู้สึกถึงเสียงฝีเท้าหนักๆ ที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เสียงครางแผ่วเบาของปีศาจหลายตนดังขึ้นจากทิศทางต่างๆ เธอกระชับมือแน่นที่หัวใจ รู้สึกถึงจังหวะการเต้นที่เร็วขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้
“ยาคุโมะ… นายอยู่ที่ไหนกัน?” มิสึซากิพึมพำออกมา น้ำเสียงเต็มไปด้วยความกังวล เธอกัดริมฝีปากข่มความกลัวไม่ให้แสดงออกมา แต่ความเปราะบางในใจนั้นกลับยิ่งชัดเจนเมื่อเธอรู้ว่าตอนนี้เธออาจต้องเผชิญกับสิ่งเหล่านี้เพียงลำพัง
“อย่าเพิ่งกลัวไปสิ” เสียงเล็กๆ ดังขึ้นจากข้างหลัง มิสึซากิสะดุ้งหันไปมอง เห็นเพียงร่างเล็กๆ ที่ลอยออกมาจากความมืด ร่างนั้นมีใบหน้าเป็นสัตว์คล้ายหมาจิ้งจอก แต่มีแววตาเจ้าเล่ห์แปลกตา
"แกเป็นใคร?" มิสึซากิถามเสียงสั่น แต่พยายามที่จะไม่แสดงความกลัวมากเกินไป
"ข้าเป็นแค่เงา... เงาที่คอยเฝ้าดูพวกที่หลงเข้ามาในที่นี้" ร่างนั้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงรื่นเริงแต่แฝงความอันตราย "และเจ้าก็เป็นหนึ่งในนั้น เด็กน้อย"
มิสึซากิถอยหลังไปเล็กน้อย แต่จิตใจของเธอไม่หยุดทำงาน เธอรู้ว่าเธออาจจะไม่แข็งแรงหรือมีพลังเหมือนยาคุโมะ แต่เธอรู้ว่าต้องหาทางออกจากสถานการณ์นี้ให้ได้
"ข้าจะพาเจ้าไปหา 'เขา' " เงานั้นเอ่ยขึ้นพลางยิ้มกว้าง "เจ้าอาจจะชอบก็ได้... ท่านลูซิเฟอร์ ผู้ยิ่งใหญ่แห่งนรก เขาจะสนใจเจ้าแน่"
"ไม่!" มิสึซากิปฏิเสธทันที รู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนที่รุนแรงในใจ ความคิดที่ว่าถูกจับตัวไปยังที่ที่ยิ่งอันตรายกว่านี้ทำให้เธอยิ่งหวาดกลัว แต่ในเวลาเดียวกัน เธอตระหนักได้ว่าต้องเข้มแข็ง
เธอคิดถึงยาคุโมะ คนที่เธอแอบรักมาเนิ่นนาน และคิดว่าเขาคงจะพยายามตามหาเธออยู่เช่นกัน มิสึซากิสูดหายใจลึกและกล่าวเสียงแข็ง "ฉันไม่จำเป็นต้องพึ่งพาใคร! ฉันจะหาทางออกไปเอง!"
ร่างเงาหัวเราะเบาๆ แต่แฝงด้วยความเยาะเย้ย "แล้วข้าจะรอดู... ว่าเจ้าจะรอดจากปีศาจ 72 ตนที่อยู่รอบๆ นี้ได้ยังไง"
คำพูดนั้นทำให้มิสึซากิใจเต้นแรงขึ้นอีก แต่เธอก็ไม่ถอย "ข้าอาจจะอ่อนแอ... แต่ข้าจะไม่ยอมแพ้!" เธอเอ่ยด้วยความมุ่งมั่น ดวงตาของเธอเป็นประกายสู้
ร่างเงาจางหายไปกับความมืด เหลือไว้แต่เสียงหัวเราะเย้ยหยัน และทิ้งมิสึซากิให้ยืนอยู่ท่ามกลางความมืดที่ยังคงรอท้าทายเธออยู่ แต่ในใจของเธอนั้นเริ่มแข็งแกร่งขึ้น เธอรู้ว่าเธอจะต้องต่อสู้และเดินไปจนถึงตู้รถไฟสุดท้าย ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม...
แต่หลังจากที่เงานั้นหายไป...มิสึซากิรู้สึกถึงแรงดึงที่ไม่อาจต้านทานได้ ร่างกายของเธอเหมือนถูกควบคุมโดยพลังบางอย่างที่ลึกลับ มืดมน และน่ากลัว ทุกครั้งที่เธอพยายามจะขัดขืน เธอก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดราวกับเข็มเล็กๆ ที่ทิ่มแทงลงไปในทุกส่วนของร่างกาย แสงสลัวรอบๆ ถูกกลืนกินโดยความมืดราวกับเธอกำลังถูกดูดเข้าไปในเหวลึก
ทันใดนั้นเธอก็ปรากฏตัวในห้องที่หรูหราแต่น่ากลัว ทุกอย่างเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งและความน่าสะพรึงกลัว ที่กลางห้องมีชายคนหนึ่งยืนอยู่ เขามีผมสีทองอ่อน ดวงตาสีซีดเหมือนกับน้ำแข็งที่ถูกปกคลุมด้วยเงาของความบ้าคลั่ง เสื้อผ้าของเขาดูสง่างาม แต่แฝงไปด้วยความเย็นชาและอันตราย ด้านหลังของเขามีปีกที่ขาดรุ่งริ่ง ราวกับเป็นสัญลักษณ์ของบางสิ่งที่เคยงดงามแต่ถูกทำลายไปแล้ว
“ลูซิเฟอร์...” มิสึซากิพึมพำออกมา เธอจำได้จากคำบอกเล่าของเงาว่านี่คือหนึ่งในเจ็ดปีศาจร้ายแห่งนรก ผู้ครอบครองความหยิ่งทระนง
ลูซิเฟอร์ยิ้มบางๆ แต่แววตาของเขากลับไม่มีความเมตตาใดๆ “ช่างน่ารักเสียจริง... เจ้ากล้าขึ้นมาที่นี่ด้วยตัวคนเดียวงั้นหรือ?”
มิสึซากิพยายามจะก้าวถอยหลัง แต่ขาของเธอเหมือนจะไม่ยอมเชื่อฟัง เธอรู้สึกเหมือนถูกตรึงอยู่ที่ตรงนั้น สายตาของลูซิเฟอร์เต็มไปด้วยความสนใจอย่างประหลาด
"น้ำตาของเจ้า... ช่างบริสุทธิ์เสียจริง" ลูซิเฟอร์กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงความเย้ายวน เขาก้าวเข้ามาใกล้ ก่อนจะก้มลงมาใกล้หน้าของเธอ "ข้าจะทำอย่างไรให้เจ้า... ร้องไห้ดีล่ะ?"
มิสึซากิรู้สึกถึงความหวาดกลัวในใจอย่างสุดขีด มือของเธอสั่นไปหมด เธอรับรู้ได้ถึงพลังชั่วร้ายที่ไหลผ่านร่างของเขา ความสามารถที่สามารถทำให้เธอหวาดกลัวได้ในทุกวิถีทาง
“อย่ากลัวเลย” ลูซิเฟอร์ยิ้มและเอื้อมมือไปแตะที่ใบหน้าของเธอเบาๆ "ข้าแค่ต้องการ... สัมผัสรสชาติของน้ำตาที่มาจากความเจ็บปวดของเจ้า"
มิสึซากิรู้ว่าการต่อสู้กับเขานั้นแทบเป็นไปไม่ได้ แต่เธอก็ยังคงพยายามจะไม่ยอมแพ้ ดวงตาของเธอแฝงไปด้วยความดื้อรั้นแม้ว่าร่างกายจะสั่นไหว “ข้าไม่กลัวเจ้า...”
ลูซิเฟอร์หัวเราะเบาๆ “กล้าหาญดี... แต่ข้าสงสัยว่าเจ้าจะทนได้นานแค่ไหน”
เสียงของเขาทำให้มิสึซากิรู้สึกเหมือนถูกกดดันมากขึ้นเรื่อยๆ ราวกับเขาแค่รอเวลาที่เธอจะพังทลาย แต่ในขณะเดียวกันเธอก็รู้สึกถึงแสงริบหรี่ในใจ เป็นความหวังเล็กๆ ว่ายาคุโมะจะมาหาเธอ ไม่ว่าจะช้าแค่ไหนก็ตาม
#— หากใครอยากให้เพิ่ม oc ก็สามารถมาพิมพ์บอกในแชทได้นะคะ พอดีตอนนี้มีแค่มิสึซากิกับยาคุโมะ ตอนนี้เราต้องการหาเพื่อนให้น้องๆ เพิ่มนิดนึง ตอนนี้สมองเราตันมากว่าจะเพิ่มใครอีกดี
มิสึซากิที่อยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวัง รู้สึกถึงพลังงานบางอย่างที่เปลี่ยนไปในทันที เสียงฝีเท้าที่คุ้นเคยค่อยๆ ดังใกล้เข้ามา หัวใจของเธอเต้นแรงด้วยความหวัง—ยาคุโมะกำลังมา!
“ยาคุโมะ!” เธอร้องเรียกชื่อเขา เสียงของเธอสั่นด้วยทั้งความตื่นเต้นและความโล่งใจ ยาคุโมะปรากฏตัวจากเงามืดด้วยท่าทีสุขุมและเยือกเย็นแบบที่เธอจำได้ แม้แต่แสงจันทร์ที่สะท้อนกับเส้นผมสีบอร์นอ่อนของเขาก็ยังชัดเจนเหมือนจริง แต่ลึกๆ ในใจ เธอรู้สึกถึงบางอย่างที่ผิดปกติ
เขายื่นมือออกมา "มิสึซากิ ฉันมาแล้ว..." เสียงของเขานุ่มนวลเกินไป ฟังแล้วเหมือนกับยาคุโมะ แต่ก็ดูแปลกออกไป เธอสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเขาเข้ามาใกล้ ใบหน้าของเขาดูเย็นชาอย่างผิดปกติ
“เร็วเข้า เราต้องออกไปจากที่นี่ก่อนที่ปีศาจตัวอื่นจะตามมา” ยาคุโมะพูด เสียงของเขาเยือกเย็นจนขนลุก
มิสึซากิลังเล แต่ด้วยความที่เธออ่อนล้าและหมดหวัง เธอตัดสินใจยื่นมือออกไปหมายจะจับมือเขา แต่แล้ว... ก่อนที่นิ้วมือของเธอจะแตะถึงมือของเขา เธอก็เห็นรอยยิ้มเล็กๆ ที่น่าขนลุกปรากฏบนใบหน้าของยาคุโมะ—ไม่ใช่ยาคุโมะจริงๆ
ในทันที ภาพของยาคุโมะที่เธอเห็นแปรเปลี่ยน ร่างของเขาเริ่มบิดเบี้ยว ผิวหนังเปลี่ยนเป็นสีดำสนิท และดวงตาสีแดงเพลิงปรากฏขึ้นแทนที่ดวงตาเยือกเย็นที่เธอคุ้นเคย "เจ้าคิดจริงหรือว่าเขาจะมา?" เสียงของลูซิเฟอร์ดังแทรกเข้ามาพร้อมกับเสียงหัวเราะเบาๆ
“ไม่...” มิสึซากิถอยหลังไป ทันใดนั้นโซ่เหล็กเส้นหนึ่งก็พุ่งออกมาจากเงามืดพันธนาการร่างของเธอไว้ เธอกรีดร้อง ดิ้นรนพยายามหนี แต่โซ่เหล่านั้นกลับรัดแน่นขึ้นเรื่อยๆ
ลูซิเฟอร์ปรากฏตัวต่อหน้าด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ย "ความหวังของเจ้า ข้านี่ช่างรักมันเสียจริง..." เขากระซิบเบาๆ ก่อนจะย่อตัวลงมาใกล้ๆ "เจ้าโง่จริงๆ มิสึซากิ ความหวังอันเปราะบางของเจ้าจะเป็นเครื่องมือที่ข้าจะใช้เพื่อทรมานเจ้า ช่างเป็นความบันเทิงที่ข้าชื่นชอบเสียจริง"
มิสึซากิรู้แล้วว่าเธอถูกหลอก และขณะนี้เธอถูกดึงเข้าสู่ฝันร้ายที่ไม่สามารถหลบหนีได้ "อาจารย์ยาคุโมะ...อยู่ที่ไหนกันแน่..." เธอพึมพำด้วยเสียงแหบแห้ง
ลูซิเฟอร์ยิ้มกว้างขึ้น "เจ้าจะได้รู้...หลังจากที่ข้าได้ลิ้มรสความหวาดกลัวของเจ้าอย่างเต็มที่แล้ว"
ในขณะที่เธอถูกทรมานด้วยภาพลวงตา ยาคุโมะที่แท้จริงกำลังต่อสู้อย่างหนักเพื่อมาหาเธอ หัวใจของเขารู้สึกถึงอันตรายที่รุนแรงขึ้นทุกวินาที เขารู้ดีว่ามิสึซากิกำลังเผชิญกับบางอย่างที่เลวร้ายกว่าความตาย... และเขาต้องหาทางไปช่วยเธอให้ทัน
มิสึซากิยังคงสั่นเทาด้วยความกลัวจากปีศาจที่จู่โจมเธอเมื่อครู่ แต่ด้วยความมุ่งมั่น เธอสามารถปลดพันธนาการออกและวิ่งหนีจากกรงเล็บของมันมาได้ แต่อาการบาดเจ็บจากโซ่ยังคงทิ้งรอยแผลไว้บนข้อมือของเธอ หายใจหอบถี่ เธอพยายามตั้งสติ คิดถึงยาคุโมะและหวังว่าพลังของเขาจะสามารถฝ่าอุปสรรคมาได้
ทันใดนั้น เสียงที่เธอรอฟังมาทั้งชีวิตก็ดังขึ้น
"มิสึซากิ! ฉันมาแล้ว!"
"ยาคุโมะ!" เธอหันกลับไปตามเสียงนั้น น้ำตาที่กลั้นเอาไว้เกือบจะหลั่งรินด้วยความโล่งใจ เมื่อเห็นร่างสูงโปร่งของยาคุโมะเดินเข้ามาหาเขา ท่ามกลางบรรยากาศมืดมนของรถไฟที่ไร้แสงสว่าง
"อาจารย์ยาคุโมะ...ฉัน...ฉันคิดว่านายจะไม่มาถึงเสียอีก!" เธอวิ่งไปหาเขา แต่ในขณะที่ระยะห่างระหว่างทั้งคู่ลดลง ความรู้สึกแปลกประหลาดก็ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นในใจของเธอ ร่างของยาคุโมะดูเปลี่ยนไปเล็กน้อย ดวงตาสีแดงของเขา...ไม่เหมือนที่เธอจำได้
ยาคุโมะหยุดยืนห่างออกไปเพียงไม่กี่ก้าว เขาจ้องมองเธออย่างแปลกประหลาด ความอบอุ่นที่เธอคุ้นเคยกลับหายไป กลายเป็นความเย็นชาที่แทบไม่ใช่ยาคุโมะที่เธอรู้จัก
"เกิดอะไรขึ้น? นายเป็นอะไรหรือเปล่า?" มิสึซากิถามด้วยความสงสัยและก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว
"ไม่มีอะไรหรอก...ฉันมาเพื่อเจ้าแล้ว มิสึซากิ" เขากล่าวเสียงเย็นชาพร้อมก้าวเข้ามาใกล้มากขึ้น แต่ยิ่งใกล้เท่าไร ความกลัวในใจเธอก็เพิ่มมากขึ้นเท่านั้น เธอเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติ
เสียงหัวเราะเบาๆ ดังขึ้นจากเงามืด ทันใดนั้นทุกอย่างก็เผยออกมา ลูซิเฟอร์ปรากฏตัวอยู่ข้างหลัง "โธ่... เจ้าช่างน่าสงสารเสียจริง มิสึซากิ" เขาพูดอย่างเหยียดหยัน
มิสึซากิยืนช็อก เธอหันกลับไปมองที่ "ยาคุโมะ" อีกครั้ง แต่คราวนี้สิ่งที่เธอเห็นคือร่างลวงตาที่ค่อยๆ แตกสลาย เผยให้เห็นความจริงที่น่ากลัว ว่าไม่มีใครมาช่วยเธอเลย นี่ไม่ใช่ยาคุโมะ...แต่เป็นเพียงภาพลวงตาที่ลูซิเฟอร์สร้างขึ้นมาเพื่อล่อเธอเข้ากับดัก
"เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าเจ้าแวมไพร์นั่นจะมาช่วยเจ้าได้ทัน?" ลูซิเฟอร์เดินเข้ามาใกล้ พร้อมรอยยิ้มเย้ยหยัน "เจ้าน่าสนใจมากกว่าที่ข้าคิดไว้เสียอีก ข้าจะให้เจ้ารู้ซึ้งถึงความสิ้นหวัง ก่อนที่ข้าจะทรมานเจ้า"
มิสึซากิถอยหลัง พยายามหาทางหนีแต่ไม่มีที่ให้หนีไปไหนแล้ว ความรู้สึกกลัวกัดกินเธอทีละน้อย น้ำตาไหลรินออกมาโดยไม่รู้ตัว
"น้ำตาแห่งความสิ้นหวัง..." ลูซิเฟอร์กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาและแสดงออกถึงความพึงพอใจ "ข้าชอบมันเหลือเกิน"
เธอรู้ว่าเธอกำลังตกอยู่ในเงื้อมมือของปีศาจแห่งความหยิ่งผยอง ใจเธอเริ่มหนักอึ้ง แต่ลึกๆ ข้างใน เธอยังคงเชื่อมั่น...ว่ายาคุโมะจะมาหาเธอจริงๆ
ลูซิเฟอร์ค่อยๆ ก้าวเข้ามาหามิสึซากิ ใบหน้าหล่อเหลาแต่เปี่ยมไปด้วยความเย่อหยิ่งนั้นแสดงถึงความรู้สึกเหนือกว่าอย่างไม่ปิดบัง ดวงตาสีซีดของเขาจ้องมองลงมา สะท้อนภาพของเธอที่ยืนตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวและเจ็บปวดจากการหลอกลวง
“ข้าต้องขอบคุณเจ้าที่แสดงอารมณ์ให้ข้าได้เห็นชัดๆ น้ำตาของเจ้าช่างงดงามยิ่งนัก...” ลูซิเฟอร์เอื้อมมือมาปาดน้ำตาของเธออย่างแผ่วเบา ก่อนจะนำมันขึ้นมาใกล้ริมฝีปาก รอยยิ้มเย็นเยียบของเขายิ่งทำให้มิสึซากิรู้สึกเสียวสันหลัง
“อย่า... ได้โปรด...” เธอพยายามเอ่ยออกมา แต่เสียงของเธอเบาราวกับเสียงกระซิบ ลูซิเฟอร์ไม่สนใจคำวิงวอนของเธอ เขาหลับตาลงและดูดซับหยดน้ำตานั้นด้วยความพอใจ ราวกับเป็นยาชั้นดีที่เติมเต็มความปรารถนาของเขา
“หึ...หวานยิ่งกว่าสิ่งใด” เขาเอ่ยพร้อมเสียงหัวเราะเบาๆ ที่แฝงไปด้วยความบ้าคลั่ง ความสุขจากการได้เห็นมนุษย์อยู่ในสภาพสิ้นหวังเช่นนี้ยิ่งทำให้เขารู้สึกพึงพอใจมากขึ้น
มิสึซากิพยายามถอยห่างออกจากเขา แต่ลูซิเฟอร์ไม่ปล่อยให้เธอหนีง่ายๆ มือของเขาคว้าข้อมือเธอไว้ด้วยแรงที่ไม่สามารถขัดขืนได้ “ข้าเตือนเจ้าแล้วใช่ไหม ว่าจะไม่มีทางหนีจากข้าได้ง่ายๆ” เขากระซิบชิดใบหูของเธอ เสียงนั้นเต็มไปด้วยการคุกคามที่ยากจะต่อต้าน
“เจ้าควรขอบคุณข้าด้วยซ้ำที่ทำให้เจ้ารู้จักกับความสิ้นหวังที่แท้จริง...”
มิสึซากิพยายามดิ้นรน มืออีกข้างหนึ่งของเธอพยายามจะหาของมีคมใดๆ เพื่อต่อสู้กับเขา แต่ลูซิเฟอร์หัวเราะเมื่อเห็นความพยายามนั้น “เจ้าไม่รู้หรือว่าไม่มีสิ่งใดจะทำอันตรายข้าได้? ข้าคือหนึ่งในราชาปีศาจ เจ้าเพียงแค่ยอมจำนนเสียก็พอ”
ในชั่วขณะนั้นเอง ร่างของมิสึซากิก็ถูกฉุดดึงไปยังความมืดมิด ลูซิเฟอร์ไม่ปล่อยให้เธอหนี เขาใช้พลังแห่งภาพลวงตาเปลี่ยนพื้นที่รอบตัวเธอให้กลายเป็นห้องทรมานที่ดูคล้ายกับบัลลังก์ของเขาเอง พื้นห้องเต็มไปด้วยเงาที่บิดเบี้ยวราวกับเงาสัตว์ร้าย เธอถูกกักขังไว้ตรงกลาง ราวกับเหยื่อในกรงขัง
ลูซิเฟอร์ยืนเหนือเธอ ขณะที่เงาสีดำเคลื่อนตัวรอบๆ อย่างบิดเบี้ยว มือของเขาเอื้อมไปสัมผัสใบหน้าของมิสึซากิ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง แต่ถึงแม้ในเวลานี้ เธอยังพยายามจะต่อสู้กับปีศาจที่อยู่ตรงหน้า
“สิ้นหวังได้เต็มที่เถอะ... มันทำให้เจ้ายิ่งงดงามในสายตาของข้ามากขึ้น” เขาพูดพร้อมกับเสียงหัวเราะเยาะเย้ย
ในเวลานี้ ลูซิเฟอร์เตรียมที่จะทรมานเธอให้ลึกลงไปสู่ขอบเหวแห่งความสิ้นหวังอย่างที่สุด แต่ในใจมิสึซากิ เธอยังคงเฝ้ารออย่างสิ้นหวัง ว่ายาคุโมะจะปรากฏตัวและช่วยเหลือเธอ...ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป
"เจ้าแวมไพร์จะไม่มีวันช่วยเจ้าได้ทันหรอก... เขายังติดอยู่ในเขาวงกตแห่งนรกที่ข้าสร้างไว้สำหรับเขา เจ้ามีเพียงข้า...และข้าเท่านั้น"
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!