...ช่วงศตวรรษที่15โลกบำเพ็ญเพียรที่มีผู้คนมีความสามารในโลกบำเพ็ญเพียรมีผู้ฝึกตนอยู่ทั่วทุกสารทิศแต่น้อยนักที่เป็นถึงปรมาจารย์เพราะการเป็นปรมาจารย์ไม่ได้ง่ายปรมจารย์โลกบำเพ็ญเพียรมีอยู่แค่2คนเท่านั้นคือ ลู่เกาหมิง ทวดของตระกูลลู่ผู้บุกเบิกการเป็นปรมาจารย์ของตระกูล คนถัดมา เจียงอวิ้นห่าน เป็นทวดของตระกูลเจียงผู้เป็นปรมาจารย์บุกเบิกให้รุ่นหลังได้สืบสานต่ออย่างไรก็ตามทั้งสองคนก็หายจากโลกบำเพ็ญเพียรไม่มีร่องรอยว่าทั้งสองอยู่ที่ไหนตัดมาปัจจุบันตระกูลลู่มีชื่อเสียงดังกึกก้องถึงแดนไกลมีเงินทองมากมายคนในตระกูลมีผู้มีสิทธิ์ที่จะได้เป็นปรมาจารย์คนต่อไปส่วนตระกูลเจียงมีคนมีความสามารถก็เยอะแต่สามารถนับนิ้วได้ที่เก่งๆ...
...ยามนี้ยาม*โหย่วเป็นช่วงฤดูเหมันต์อากาศบนภูเขาหวงซานค่อนข้างหนาวเป็นพิเศษมีเรือนไผ่อยู่บนเขาหวงซานบริเวณเรือนไผ่มีต้นไผ่เมื่อยามฤดูวสันต์ช่างงดงามเขียวขจีแตกต่างจากตอนนี้ที่มีหิมะปกคลุมภายในเรือนไผ่มีคนผู้หนึ่งอยู่ในเรือนไผ่กำลังทำอะไรบ้างอย่าง คนผู้นั้นคือลู่ซินเยี่ยนลูกชายคนที่5คนเล็กของตระกูลลู่ลู่ซินเยี่ยนกำลังทำอะไรบ้างพร้อมพึมพำอะไรด้วย ลู่ซินเยี่ยน"ฤดูวสันต์ยาวนานยิ่งนักอากาศบนเขาหนาวเย็นลงเรื่อยๆตึกๆ"แกร๊บเสียงฝีเท้าวิ่งเข้ามาทางเรือนไผ่ดูถ้ารีบร้อน "คุณชายขอรับ แฮก แฮก คุณชายข้าเอาอาหารมาให้ท่านขอรับ" เสียงของคนที่เรียกคือ...
เหมิงเทียนวิ่งมาดูรีบร้อนเพราะเป็นห่วงคุณชายตัวเอง "ใจเย็นก่อนหายใจก่อนเถิด" ลู่ซินเยี่ยนเอ่ยด้วยความเป็นห่วง "แล้วหว่านอิงละนางอยู่ไหนทำไมไม่เห็นมากับเจ้าเล่า" ลู่ซินเยี่ยนเอ่ยด้วยความสงสัย"ออประเดี่ยวนางมากับคุณชายอวิ้นขอรับ"
เหมิงเทียนกล่าว
"คุณชายอวิ้นหลงซีมาหาข้ารึ"ลู่ซินกล่าว "ขอรับคุณชายอวิ้นมาหาคุณชายได้ยินว่ามีของมาฝากให้ท่านด้วย" เหมิงเทียนกล่าวไปด้วยดับอาหารให้ลู่ซินไปด้วย "คุณชายทานข้าวเถอะขอรับ" ลู่ซินเอ่ยถาม "เจ้าเล่ากินมาแล้วหรอ"
"ข.ข้าไม่หิว..คร๊อกก"เสียงท้องของเหมิงเทียนส่งเสียงร้อง "พรืด..ลู่ซินกลั่นขำจนเจ็บท้อง ไหนว่าเจ้าไม่หิวแต่เสียงเมื่อกี้นี้" ลู่ซินพูดหยอเย้า
"ค..คุณชายอย่าพูดนะมันหน้าอาย><"ลู่ซินจึงเอ่ยขึ้น" มากินข้าวกับข้าสิมันเยอะข้ากินไม่หมด" เหมิงเทียนได้ยินแบบนี้จึงรีบพูด "ไม่ได้ขอรับข้าเป็นบ่าวจะกินกับนายได้ยังไงขอรับ "น้ำเสียงเหมิงเทียนดูเศร้า "ไม่เป็นไรตอนนี้มีแค่ข้ากับเจ้าถ้าเจ้าเห็นข้าเป็นนายงั้นก็มากินข้าวกับข้า" ลู่ซินเอ่ยด้วยความเป็นกันเองลู่ซินเยี่ยนเป็นคนลักษณะนิสัยดีอ่อนโยนและมีความเมตตา,เกรงอกเกรงใจแต่เป็นที่คนที่ไม่ชอบเข้าสังคมทั้งลู่ซินและเหมิงเทียนนั่งกินข้าวด้วยกันในเรือนไผ่ที่ภายนอกยังคงมีหิมะตกตลอด "คุณชายเจ้าคะคุณชายข้าพาคนหนึ่งมาเจ้าคะ"เสียงอ่อนหวานไพเราะเรียกลู่ซินจากนอกเรือนไผ่คนเรียกมีชื่อว่า หว่านอิงสาวรับใช้ส่วนตัวลู่ซินเยี่ยน เดินเข้ามาในเรือนไผ่พร้อมชายหนุ่มร่างสูงหน้าตาหล่อเหลาดูอย่างไรก็เป็นลูกคนที่มีตระกูลดีคนที่มาเยือนคือ อวิ้นหลงซี พื้นเพมาจากที่ใดก็หามิใครรู้แต่อวิ้นหลงซีชอบมาหาสู่ลู่ซินเยี่ยนเป็นประจำ ตึก ตึก เสียงฝีเท้าเดินอย่างมั่นคงเดินเข้ามาแล้วตามด้วยเสียง "อาลี่คิดถึงข้าหรือไม่" เสียงนุ่มนวลของอวิ้นหลงซีพูดหยอกเย้าแล้วเดินมาถึงหน้าของลู่ซินเยี่ยนพร้อมยิ้มให้นามรองของลู่ซินเยี่ยนคือ ลี่หลินสื่อถึงยกอันงดงามแล้วให้หว่านอิงเอาของฝากมาให้ลู่ซิน"หว่านอิงเอาของมา
ให้อาลี่"เสียงของอวิ้นหลงซีพูดให้หว่านอิงนำของตนเอามาให้กับลู่ซินเยี่ยน "นี่เจ้าคะ "ของที่อวิ้นหลงพามาคือปิ่นปักผมพร้อมขนมกุ้ยฮวาที่ลู่ซินชอบกินลู่ซินเอ่ยขึ้น'' ท่านพี่ตงหยางท่านก็ซื้อมาข่าอีกแล้วทีหลังมิต้องซื้อแล้วท่านมาข้าทีไรเอาแต่ของมาฝากตลอดข้าเกรงใจ " ส่วนอวิ้นหลงซีมีชื่อรองว่า ตงหยางสือถึงพระอาทิตย์ตะวันออก ''ก็ข้าอยากให้เจ้าได้กินของดีๆอร่อยนี่น๊า'' อวิ้นหลงเอ่ยด้วยความรู้สึกเศร้า ''ออจริงสิเจ้าจะไม่ลงเขาไปรึที่นี่ค่อนข้างหนาวนักหากเจ้าอยู่นานจะทำให้ป่วยอีก''อวิ้นหลงกล่าวด้วยความเป็นห่วงเพราะตอนนี้เป็นฤดูเหมันต์และยังเป็นห่วงร่างกายของลู่ซินอีกเพราะลูกซินมักป่วยบ่อยสามวันดีสี่วันไข้ทำให้ป่วยบ้างครั้งหนักจนหน้าสงสาร ''ข้าได้ยินว่าที่ตระกูลเจ้าจะมีการประลองกระบี่มีพี่ๆของเจ้าร่วมประลองด้วยเจ้าไม่สนใจรึ'' อวิ้นหลงพูดขึ้นเพื่ออยากช่วนลู่ซินลงจากเขาหวงซานบ้างลู่ซินเอ่ย "ข..ข้าไปได้จริงหรอข้าจะไม่ทำให้พี่ๆและสองคนนี้ต้องลำบากใช่หรือไม่"ลู่ซินเอ่ยด้วยความรู้สึกเศร้าและรู้สึกผิดหากไปแล้วเป็นภาระต่อผู้อื่น "ไม่เจ้าคะพวกข้าสองคนไม่ลำบากพาคุณชายไปพี่ๆของท่านพวกเขาก็อยากเจอท่านมากๆ"หว่านอิงกล่าวเป็นกำลังใจ "เช่นนั้นก็ได้พรุ่งนี้ข้าจะลงเขาไปที่ตระกูล"
อวิ้นหลงเอ่ยขึ้นทันที "เช่นนั้นพรุ่งนี้ข้ามารับเจ้าได้หรือไม่" ลู่ซินพูด"ได้ข้าจะรอวันนี้ดึกแล้วท่านเดินทางกลับเถิด"อวิ้นหลงตอบกลับ"อืมงั้นพรุ่งนี้รอข้านะอาลี่" หลังทั้งสองพูดคุยเสร็จก็แยกย้ายกัน
.............................................
สาระความรู้นิดๆหน่อย
ลี่หลิน\=หยกอันงดงาม
ตงหยาง\=พระอาทิตย์ตะวันออก
ยามโหย่ว\=17:00-18:59
ฤดูเหมันต์\=ฤดูหนาว
เช้าวันที่5ของฤดูเหมันต์:ยามนี้ยามเหม่า
ตัวของลู่ซินเยี่ยนตื่นขึ้นมาเพราะรู้สึกอากาศหนาว
พบว่าที่ผิงไฟไฟดับเสียแล้วหันไปมองบ่าวคนสนิททั้งสองเห็นยังนอนหลับไอเย็นออกจากปากพูดเขา
ลู่ซินเยี่ยนไปจุดไฟเพื่อเพิ่มความอบอุ่นไหนเลยใครจะรู้มีผู้มาเยือนไม่ให้ซุ่มให้เสียงพอก้มกำลังจะจุดไฟที่ผิงไฟปรากฎว่าคนผู้นั้นทักขึ้นมา"ทำอันใดรึ"เสียงของอวิ้นหลงเรียกลู่ซิน โป๊ก!!อ..โอ๊ย!หัวของลู่ซินชนกับข้างบนที่ผิงไฟ "อาลี่!!เป็นอะไรหรือไม่"เสียงร้อนรนของอวิ้นหลงรีบเดินมาดูลู่ซิน "เจ็บหรือไม่ข.ข้าขอโทษข..ข้าแค่นึกว่าเจ้าตื่นแล้วซะอีก"ลู่ซินเจ็บจนน้ำตาไหลแล้วพูดตอบกลับ "มิเป็นอันใดเป็นข้าเองไม่ทันระวัง"น้ำเสียงลู่ซินพูดนุ่ม
นวลหาได้เป็นน้ำเสียงประชดไม่ค..คือข้าขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะท่านเชิญนั่งจิบชาสักครู่ ลู่ซินพูด
ด้วยความอายที่ตนยังมิได้อาบน้ำเลยแถมอยู่ในสภาพที่ตนเองใส่ชุดนอนอยู่เลยอีกฝั่งเห็นเช่นนี้
เก้อเขินพูดขึ้นว่า "เช่นนั้นตามสบายเถิดประเดี๋ยวข้าไปนั่งจิบชารออาลี่เจ้าไม่ต้องรีบ"อวิ้นหลงหันมาพร้อมยิ้มด้วยความเอ็นดูและอ่อนโยนปานว่าของตรงหน้าคือสมบัติล้ำค่าของตนเวลาผ่านไป1เค่อแล้วเสียงของคนข้างในพูดออกมาว่า "ข้าเสร็จแล้วท่านจะไปเลยหรือไม่"สิ้นเสียงของลู่ซินก็เดิน
ออกมาอวิ้นหลงที่นั่งรอมา1เค่อแล้วหันไปมองลู่ซินก็ปรากฏว่าภาพตรงหน้าชั่งเหมือนภาพวาดยิ่งนักเพราะตัวของลู่ซินงามชนิดหาที่ไหนดูไม่ได้
ผมสีดำยาวเงางามถูกปล่อยยาวประดับหัวไหล่ดูแล้วมีเสน่ห์หน้าเข้าหาและยังมีเครื่องหน้าที่งดงามเหมือนหยกขาวแล้วปากดูอวบอิ่มชมพูทรวงทรงร่างกายเหมือนนางระบำมิผิดหุ่นเพรียวเอวเล็กผิวขาวดุจหิมะเรียบเนียนเพราะอาจบำรุงรักษาผิวดีจึงทำให้ผิวพรรณดูนุ่มนวลดวงตาทั้งสองข้างก็เป็นสีดำประการดูยังไงก็เหมือนรูปปั้นที่ถูกแกะสลักให้
งดงามโดยเฉพาะเมื่อรู้ตัวอีกทีก็โดนลู่ซินเยี่ยนมาแตะตัวแล้วลู่ซินเอ่ยขึ้น "ข้าเรียกท่านหลายครั้งท่านเป็นอะไรหรือไม่" ลู่ซินพูดด้วยความเป็นห่วง
"ออไม่เป็นอะไรเสร็จแล้วหรืองั้นพวกเราไปกันเถอะเดี่ยวจะมืดเสียก่อนออจริงสิแล้วหว่านอิงกับเหมิงเทียนละพวกเขาไม่ไปกับเจ้ารึ" อวิ้นหลงถามด้วยความสงสัย "ไม่เป็นไรขอรับพวกเขาสองคนเหนื่อยมากแล้วที่ต้องดูแลข้าที่ป่วยสามวันดีสี่วันไข้"ลู่ซินตอบเสร็จก็ยิ้มให้ "อออืมเช่นนั้นข้าจะพาเจ้าเจ้าขึ้นกระบี่ได้หรือไม่"อีกคนถามด้วยความเป็นห่วง
เพราะลูซินไม่ได้ฝึกกระบี่และไม่ได้ฝึกบำเพ็ญจึงเกรงว่าจะทำให้ตกใจ "ข้ามิเป็นไรไปกันเถอะ"ลู่ซินตอบกลับว่าไม่ได้กลัวแต่ก็แอบๆไหวใจกลัวๆผ่านไปไม่ถึงครึ่งทางถึงตีนเขาลู่ซินตกใจจนเกือบตกจากกระบี่โชคดีที่มีอวิ้นหลงจับอยู่อวิ้นหลงเห็นอีกฝ่ายหน้าซีดแล้วจึงหยุดกระบี่ เอ๊ะ!ท่านหยุดทำไมหรือ"อวิ้นหลงพูดขึ้น "อาลี่เจ้าหน้าซีดแล้วคงตกใจเมื่อกี้สินะข้าขอโทษนะที่เกือบทำเจ้าตกกระบี่" เสียงพอวิ้นหลงดูเศร้าและรู้สึกผิดลู่ซินเห็นแบบนี้จึงเอ่ย "ข้าไม่ระวังเองจะโทษท่านได้อย่างไร"
เช่นนั้นข้าอุ้มเจ้าขึ้นกระบี่ไปถึงตระกูลลู่ดีหรือไม่
อวิ้นหลงรีบแนะความคิดตนเองให้ลู่ซินแต่ลู่ซินรีบปัดโดยไม่คิดเลย "ไม่เอาไม่ต้องก็ได้ข..ข้ากลัวจะตกกระ..บี่"อวิ้นหลงได้ยินก็ทำหน้าเศร้าขึ้นมาสุดท้ายแล้วอวิ้นหลงเป็นคนอุ้มลู่ซินขึ้นกระบี่แล้วมาสุดท้ายมาถึงตระกูลลู่
ณ ตระกูลลู่วันนี้มีงานจัดประลองกระบี่ของตระกูลลู่เพื่อดูความแกร่งและผู้มีพรสวรรค์ที่จะสามารถไปสำนักบำเพ็ญอันดับหนึ่งที่เป็นหนึ่งเดียวของใต้หล้า "เฮ้อวันนี้ใครจะชนะประลองกระบี่นะ" เสียงจงหั่วพูดคุยกับอูจุ้ยที่เป็นเพื่อนตนเอง "ก็ต้องเป็นลู่ซีฮันกับลู่เฟยหย่าสองคนนี้เก่งกาจการใช้กระบี่นัก"อูจุ้ยบอกเพื่อนตัวเองเชิงให้เตรียมใจ
จงหั่วได้ยินแล้วก็ท้อพูดขึ้น"อย่างงั้นรึงั้นพวกเราคงไม่มีหวังละสิ"จงหั่วได้ชี้ไปทางทิศที่มีเก้าอีหลายตัวเรียงรายเลยถามอูจุ้ย เอ๊ะเก้าอีตรงนั้นที่เรียงกันของใครหรอดูสบายจังพวกเราขึ้นไปได้หรือไม่
อูจุ้ยรีบปัดความคิดของจงหั่วทันที ไม่ได้ตรงนั้นสำหรับแขกพิเศษคนมีศักดิ์ตระกูลสูงจะให้คนไม่มีตระกูลอย่างเราขึ้นไปนั่งได้อย่างไร"สองคนพูดสักพักก็เห็นว่ามีชายผู้หนึ่งดูเหมือนจะอุ้มหญิงงามไว้และเหาะกระบี่ไปที่เก้าอี้พิเศษที่พวกเขาทั้งสองพูดถึง "เอ๊ะๆ นั้นๆหญิงงามที่ใดสวยขนาดนี้" จงหั่วพูดจาส่งเดช "นิจงหั่วอย่าได้พูดจากส่งเดช
ประเดี๋ยวเขาได้ยิน"จงหั่วถามอูจุ้ย"นิแล้วพวกเขาเป็นใครทำไมได้นะเก้าอี้พิเศษละ"ก็เป็นคนที่เราไม่อาจเอื้อมเอ่ยได้อย่างไรเล่า"อูจุ้ยเตือนสติจงหั่ว
ตอนนี้ลู่ซินรู้สึกกระดากอายขายหน้ามากที่ถูกอุ้มในท่าองค์หญิงทั้งๆตนเองเป็นชาย "เอ่อท่านปล่อยข้าได้แล้วข้าไม่เป็นอะไรแล้ว" ลู่ซินกล่าวด้วยรอยยิ้มอีกฝั่งไม่ได้ตอบอะไรแต่ก็ปล่อยลงอวิ้นหลงจึงเอ่ย "เจ้านั่งก่อนเถิดอาลี่เจ้าคงจะเหนื่อยประเดี๋ยวข้าจะไปเอาขนมมาให้เจ้ารอข้าสักครู่นะ" พูดเสร็จก็เดินจากเอาขนมให้ลู่ซินพอออกไปได้สักพักมีคนผู้หนึ่งชื่อ เจาเลี่ยงพ่อค้ารายใหญ่มีเงินทองมากมายมีหญิงมากมายไว้ปรนนิบัติได้หันมาหา
ลู่ซินพร้อมเอ่ย "แม่นางน้อยเจ้างดงามยิ่งนักไม่ทราบว่าเป็นลูกหลานตระกูลใดรึ"ตัวของลู่ซินรู้ตัวว่าตัวโดนถามก็กำลังจะตอบมีคนมาขัดซะก่อน
"มีอันใดมิทราบรึกับเขา"เสียงนั้นดูเย็นชาพ่อค้าได้ยินจึงจะด่าแต่พอหันกลับไปมองพบกับลู่ซีฮันลูกคนโตของตระกูลลู่เดินมาท่าทางเย็นชาลู่ซินเห็นแบบนี้ก็วิ่งโลดเต้นไปหาพี่ชายอันเป็นที่รัก
"ท่านพี่ขอรับ "วิ่งไปแล้วไปออดอ้อนพี่ชายคนโต
555ลี่เออร์ของพี่โตแล้วน่ารักจริงๆเจาเลี่ยงได้ยินก็รู้สึกงงจึงถาม "ค..คุณชายลู่ซีท่านพูดเมื่อกี้คือน้องรึหมายความว่าเช่นไร"เจาเลี่ยงพูดด้วยความกลัวลู่ซีฮัน "ออข้าลืมแนะนำนี้น้องข้าคนที่5น้องเล็กของตระกูลชื่อลู่ซินเยี่ยนชื่อรองลี่หลินเป็นน้องชายที่พวกข้ารักมากที่สุด"ลู่ซีฮันพูดเป็นการพูดฝืนอดกลั่นทนที่ไม่ลงมือทำลายคนที่มายุ่งวุ่นวายน้องตัวเอง "ท่านพี่ใหญ่พี่รองและพี่สามกับพี่สี่ละไปไหนข้าถึงไม่เห็นเลย"เสียงของลู่ซินเรียกสติซีฮันที่กำลังจะทำลายคนที่มายุ่งกับน้องตัวเองขณะจะเอ่ยอวิ้นหลงก็เดินเข้ามาพร้อมคารวะลู่ซีฮันด้วยความเคารพก่อนจะเอ่ย "พี่ซีฮันท่านมาหาลี่หลินหรือ"ลู่ซีพยักแล้วพูดกลับ เจ้าทิ้งน้องข้าเห็นหรือไม่น้องข้าโดนใครเล่นหูเล่นตาใส่"ลู่ซีพูดเชิงตำหนิ
ลู่ซินเยี่ยนรีบเอ่ยด้วยความตกใจ "พี่ใหญ่อย่าตำหนิพี่ตงหยางเลยเขาไปหาขนมมาให้ข้ากิน"
ตัวของอวิ้นหลงก็อยากให้ลู่ซินโดนด่าจึงเอ่ยปากปกป้อง "เป็นข้าไม่รอบคอบเองขอโทษท่านพี่ซีฮันด้วยขอรับ"ซีฮันเห็นสองคนออกตัวปกป้องกันไปกันมาก็เอ็นดูจึงยอมปล่อยผ่านไป ชั่งเถอะๆข้าไปหาน้องรองละดูแลหลินเออร์ดีๆละ"
................
สาระนิดหน่อย
1เค่อ\=15นาที
ยามเหม่า\=5:00-6:59
เมื่อลู่ซีฮันได้กำชับอวิ้นหลงดูแลน้องคนเล็กตัวเองให้ดีๆเขาก็จากไปเพื่อไปหาน้องรองตอนนี้ลานประลองกระบี่กำลังจะประลองแล้วอวิ้นหลงเอ่ยขึ้น"อาลี่กินขนมกุ้ยฮวานี้สิข้าว่าเจ้าต้องชอบเพราะมันไม่หวานมากเกินไป" อวิ้นหลงเอ่ยเชิญให้อีกฝ่ายรองชิมขนมที่ตนซื้อมา "ก็ได้เช่นนั้นข้าจะลองกินดู..อืม!><อร่อยมากเลยละพี่ตงหยาง" เสียงของลู่ซินเอ่ยด้วยความตกใจในความอร่อยของขนม เช่นนั้นก็ดีกินเยอะๆนะถ้าไม่อิ่มข้าจะไปซื่อให้อีก อวิ้นหลงเอ่ยพร้อมเอามือตัวเองไปลูบหัวลู่ซินหลังทั้งสองคุยกันได้สักพักก็เริ่มประลองกระบี่คู่แรกประลองคือพี่รองของลู่ซินเยี่ยนนั้นก็คือ"ลู่เฟยหย่า"ลูกชายคนที่2ของตระกูลลู่คนผู้นี้เป็นคนพูดจาตรงไปตรงมาไม่ชอบก็บอกไม่ชอบและยังเป็นคนที่กล้าหาญส่วนคู่ต่อสู้อีกฝั่งตระกูลหลิน"หลินหลิวหยาง"บุตรคนแรกตระกูลหลินแคว้นฉีตระกูลหลินก็ไม่น้อยหน้าตระกูลอื่นเพราะตระกูลนี้ก็ถือว่ามีเด็กมีพรสวรรค์เยอะเหมือนกันหลังทั้งสองขึ้นลานประลองแล้วลู่หวังหย่งเอ่ยขึ้น "ข้านึกไม่ถึงเลยคุณชายตระกูลหลินก็มาร่วมงานประลองกระบี่" ลู่หวังหย่งเอ่ยเสร็จก็ยิ้มแย้มเชิงประชด "ข้าก็นึกไม่ถึงว่าคุณชายรองจะกล้ามาประลองด้วย" หลินหลิวหยางย้อนกลับลู่หวังทำเอาลู่หวังโกรธที่ต้องโดนคนแบบนี้ทำเสียหน้า"วันนี้ข้าจะทำให้เจ้าแพ้ไอเจ้าคนหน้าตาย"เอ่ยเสร็จก็พุ่งกระบี่ดั่งสายฟ้าไปหาหลินหลิวทั้งสองประลองกันไปมาแต่ดูแล้วจะเสมอกันไม่มีใครยอมใครสุดท้ายก็เป็นฝ่ายหลินหลิวหยางพ่ายแพ้ให้ลู่เฟยหย่าตัวของลู่เฟยหย่าสะใจยิ่งที่หลินหลิวพ่ายให้ตนเองต่อมาเป็นคู่ของลู่ซีฮันกับตระกูลเจียงนั้นก็คือ"เจียงอี้เฉิน"บุตรชายตระกูลเจียงลูกคนโตมีนิสัยห้าวหาญดื้อดึงหัวแข็งและนอกจากนี้เจียงอี้เฉินมีความชมชอบในตัวของลู่ซินเยี่ยนเพราะเห็นความงามเหนือหญิงงามคนอื่นจึงคิดว่าลู่ซินเป็นแม่นางน้อยที่งดงามจึงเดินทางมาตระกูลเพื่อพบหน้าลู่ซินเยี่ยนเจียงอี้เฉินจึงเอ่ยขึ้นถามลู่ซีฮัน"เอ่อคุณชายลู่ซีข้าขอถามหน่อยสิแม่นางที่เคยยืนข้างเจ้านางเป็นใครรึ"ลู่ซีได้ยินก็สงสัยว่าตนเองเคยยืนข้างแม่นางตอนไหนที่ยืนด้วยมีแต่ลู่ซินจึงเอ่ยถาม ไม่ทราบคุณชายหมายถึงแม่นางคนใดรึข้าไม่เคยยืนข้างแม่นางเลย"เจียงอี้เฉินบังเอิญกวาดตามองรอบก็พบหวานใจตัวเองจึงชี้นิ้วไปทางลู่ซินเยี่ยนที่นั่งเก้าอี้พิเศษข้างบนทุกคนที่ลานประลองเห็นเจียงอี้เฉินผู้มีตระกูลดังมีชื่อเสียงเงินทองเยอะกำลังชี้ใครสักคนจึงใคร่สนใจจึงหันไปมองเจียงอี้เฉินส่วนอี้เฉินเห็นหวานใจตัวเองก็ดีอกดีใจยิ่ง"นั้นแม่นางคนนั้นข้าอยากให้นางแต่งเข้าตระกูลข้า"เมื่อสิ้นคำไม่รู้ทำไมลู่ซีฮันพุ่งกระบี่ทันที่ก็เพราะคนที่เจียงอี้เฉินอยากขอแต่งงานนั้นคือน้องชายแก้วตาดวงใจตระกูลลู่ เจียงอี้เฉินนั้นยิ่งไม่รู้เพราะเขาไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าตระกูลลู่มีลูกคนเล็กด้วยเจียงอี้จึงรีบเอ่ยด้วยความโกรธ"เหตุใด!!เจ้าถึงพุ่งกระบี่มาข้าข้ากำลังชมแม่นางคนงามอยู่"แต่ดูเหมือนลู่ซีฮันไม่เพียงแต่ไม่ตอบแต่กลับฟาดฟันเจียงอี้เฉินรุนแรงเหมือนตั้งจะใจฆ่ามิผิดเหมือนเจียงอี้นั้นฆ่าคนในตระกูลตนเองระหว่างจะฟาดกระบี่ลงที่กลางหัวของเจียงอี้ก็มีเงาคนวองไวที่ไม่สามารถจับจ้องได้มาหยุดตรงหน้าแล้วเอากระบี่ขัดไว้ก่อนจะลงถึงหัวของเจียงอี้แต่กลับกันหน้าลู่ซีฮันตกใจจนช็อกหน้าเปลี่ยนสีหลายสีลู่ซีฮันค่อยๆพูดออกมาลำบากอย่างลำบากว่า "หลิน.อ..เออร์..เจ้าทำมั้ยถึงรับกระบี่ได้เจ้าไปฝึกเมื่อไหร่แล้วเหตุใดไม่บอกพี่!!?" ไม่เพียงแค่ลู่ซีฮันแต่ทุกคนตอนนี้รู้แล้วคนที่เจียงอี้ชอบนั้นคือลู่ซินเยี่ยนบุตรชายคนสุดท้องที่หลายคนร่ำลือว่าเป็นคนไร้ประโยชน์เป็นเหมือนลูกพลัมอ่อนแต่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่ที่ทุกคนคิด
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!