เสียงของบอดี้การ์ดหนุ่มแผ่วเบาเมื่อเขาพูดขึ้น
“นายหญิงครับ…อ๊ะ!”
เสียงนั้นเต็มไปด้วยความพยายามที่จะรักษาความสุภาพและความนอบน้อม แม้ในสถานการณ์ที่ไม่คุ้นเคยนี้
หญิงสาวผู้มีอำนาจอยู่เหนือเขา รูปร่างงดงามใบหน้าสวยคมพร้อมด้วยผมลอนสีดำที่พลิ้วไหวทุกการเคลื่อนไหว เธอปล่อยเสียงเบา ๆ ออกมาราวกับกำลังสนุกสนานกับการควบคุมสถานการณ์
“อื้ม~ ดี” น้ำเสียงของเธอดูพึงพอใจ แต่ก็แฝงไปด้วยความเข้มแข็งและอำนาจที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ เธอรู้ว่าตัวเองเป็นผู้กำหนดสิ่งที่เกิดขึ้นในขณะนี้และจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง
บอดี้การ์ดหนุ่มพยายามที่จะเสนอความช่วยเหลือ “ปล่อยให้ผมทำให้เถอะนะครับนายหญิง” แต่หญิงสาวกลับห้ามไว้ เธอหยุดเขาด้วยคำพูดที่เด็ดขาดและไม่ยอมให้เขามีสิทธิ์ตัดสินใจในสิ่งที่เธอต้องการ
“อื้ม~ ไม่…ฉันชอบแบบนี้ นายแค่ทำตามที่ฉันต้องการก็พอ”
เสียงของเธอแผ่วหวานแต่หนักแน่น มีความต้องการที่ชัดเจนและไม่เปิดโอกาสให้ต่อรอง เธอรู้ดีว่าการควบคุมสถานการณ์เป็นสิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกเต็มที่
บอดี้การ์ดหนุ่มหายใจหนักขึ้น เหงื่อไหลออกมาที่ขมับและต้นคอ ความตึงเครียดที่สะสมภายในทำให้เขาหายใจไม่ทั่วท้อง
การสัมผัสจากหญิงสาวมีทั้งความร้อนแรงและความนุ่มนวล ทำให้เขารู้สึกถึงแรงดึงดูดที่เพิ่มมากขึ้นในทุกๆ นาที
“อื้อ ฮ๊าา”
เสียงของเขาผสมผสานกับเสียงของหญิงสาวเป็นจังหวะเดียวกัน ในขณะที่เธอทำตามสิ่งที่เธอต้องการโดยไม่สนใจเขา
การเคลื่อนไหวของเธอเป็นไปอย่างมั่นใจและอ่อนโยนในเวลาเดียวกัน
เธอออกคำสั่งสุดท้าย
“อย่าได้ทำอะไรเกินหน้าที่เชียว…” คำพูดของเธอเต็มไปด้วยการควบคุมและอำนาจที่ตอกย้ำสถานะของเธอกับอีกฝ่ายอย่างชัดเจน
เธอต้องการให้เขารับรู้ถึงขอบเขตและความสำคัญของบทบาทที่เขาต้องทำ
หญิงสาวยังคงมีความรู้สึกถึงพลังและอำนาจที่เธอสามารถควบคุมได้อย่างเต็มที่
ขณะที่บอดี้การ์ดหนุ่มรู้สึกถึงความต้องการและความรับผิดชอบในสถานการณ์นี้
บรรยากาศในงานเลี้ยงของเหล่ามาเฟียที่จัดขึ้นในค่ำคืนนี้นั้นช่างเต็มไปด้วยความตึงเครียดและอันตราย
ทุกซอกทุกมุมของห้องจัดเลี้ยงที่หรูหรานั้นแฝงไปด้วยความระมัดระวัง
ทุกโต๊ะที่ประดับด้วยผ้าปูโต๊ะสีแดงเลือดหมูและชุดช้อนส้อมเงินวาวสะท้อนแสงเทียน ด้านในห้องโถงหรูที่ถูกตกแต่งด้วยแชนเดอเลียร์คริสตัลส่องแสงระยิบระยับ
มีเสียงดนตรีเบา ๆ ที่เล่นด้วยวงดนตรีสดอยู่มุมหนึ่ง ซึ่งแม้จะดูสง่างาม แต่ก็มีความเยือกเย็นและคมชัดอยู่ในบรรยากาศ
เหล่ามาเฟียจากหลายฝ่ายทั้งในและนอกพื้นที่ต่างมารวมตัวกันที่นี่ โต๊ะหลายตัวเต็มไปด้วยชายในชุดสูทดำและหญิงในชุดราตรีสวยหรู
พวกเขานั่งล้อมรอบโต๊ะอาหารและจิบไวน์ราคาแพงที่บรรจุมาอย่างดีในแก้วคริสตัล
บทสนทนาของพวกเขาเป็นไปอย่างระมัดระวัง และเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่แฝงด้วยเจตนาอำมหิต
บางครั้งอาจมีเสียงหัวเราะเบา ๆ แทรกขึ้นมา แต่ทุกคนที่นี่รู้ดีว่าทุกการเคลื่อนไหวและทุกคำพูดสามารถเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
ท่ามกลางบรรยากาศนั้น
รอลเซลล่า ดิเอโก้ ฟอร์เมนโตส ก็ได้ปรากฏตัวขึ้น
เสียงกระซิบสนทนาของกลุ่มชายหนุ่มที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ โต๊ะเล็ก ๆ มุมหนึ่งในงานเลี้ยง
ดังขึ้นอย่างแผ่วเบา แต่คำพูดเหล่านั้นก็ดึงดูดความสนใจของคนอื่น ๆ รอบข้างได้ไม่น้อย สายตาของพวกเขาทุกคนต่างจับจ้องไปที่
รอลเซลล่า ดิเอโก้ ฟอร์เมนโตส หญิงสาวผู้มีอำนาจซึ่งยืนอยู่ท่ามกลางกลุ่มมาเฟียระดับสูง
ใบหน้าของเธอเปล่งประกายด้วยความสง่างามอย่างไม่ธรรมดา ทำให้หลายคนอดไม่ได้ที่จะหยุดมอง
“ดูนั้นสิ…” ชายคนหนึ่งพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเบาหวิว แต่แฝงไปด้วยความหลงใหล
"สวยชะมัด..."
“ระวังปากหน่อย อย่าให้รูปลักษณ์มาบดบัง..." อีกคนกระซิบเตือนด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง แต่เต็มไปด้วยความกังวล
"นั่นระดับอสรพิษของวงการเลยนะ นายรู้ไหม?”
“ขนาดนั้นเลยหรอ? แต่ก็คุ้มที่จะลองเสี่ยงนะ” อีกคนพูดขึ้นมา ใบหน้าของเขาแสดงความท้าทาย แต่ในสายตาของเขาเห็นได้ชัดถึงความหลงใหลในความงามของเธอ
ความงามของรอลเซลล่าทำให้หลายคนต่างอยากลองท้าทาย
แม้รู้ว่าเธอคือหญิงสาวที่มีอำนาจและอันตรายมากเพียงใด แต่กลับไม่มีใครกล้าละสายตาจากเธอได้
ใบหน้าที่สวยคม นัตน์ตาสีครามมรกต และท่าทางที่มั่นคงราวกับราชินีแห่งความมืด มันทำให้พวกเขาอดคิดไม่ได้ว่า
ถ้าพวกเขาสามารถครอบครองหัวใจของเธอได้ มันจะเป็นเหมือนการครอบครองโลกทั้งใบ
แต่ถึงอย่างนั้น ในสายตาของเธอที่เย็นชาและแฝงไปด้วยความฉลาดเฉลียว ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าเธอคิดอะไรอยู่
ไม่มีใครรู้ว่าเมื่อไรที่อสรพิษจะแผ่พิษออกมา เธอสวยเกินกว่าจะบรรยายด้วยคำพูดใด ๆ ได้ แต่ก็อันตรายเกินกว่าที่ใครจะล่วงรู้ได้
รอลเซลล่าอาจดึงดูดสายตาด้วยความงาม แต่สิ่งที่ดึงดูดและทำให้หวาดกลัวที่สุดกลับเป็นความฉลาดและอำนาจที่เธอครอบครอง
นั่นคือเหตุผลที่คนในวงการต่างขนานนามเธอว่า “อสรพิษแห่งวงการ” ที่ไม่ว่าใครก็คงต้องคิดให้ดี หากอยากลองเข้าใกล้
เธอเป็นหญิงสาวที่ทั้งงามสง่าและทรงอำนาจ รูปร่างเรียวสวย ใบหน้าสวยคมคายสะกดทุกสายตา
ทรงผมลอนยาวสีดำสนิทของเธอทิ้งตัวลงมาอย่างงดงามเหนือไหล่ นัตน์ตาสีครามมรกตเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวของเธอที่ทำให้คนที่สบตาเธอต้องรู้สึกถึงความหนาวเย็นและน่ากลัวของความลึกลับในดวงตาคู่นั้น
ทุกย่างก้าวของเธอสงบเสงี่ยมแต่เต็มไปด้วยอำนาจ เธอเดินผ่านห้องโถงพร้อมกับผู้ติดตามที่เฝ้ารักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด รอบตัวเธอนั้นดูเหมือนจะมีออร่าของความเป็นผู้นำที่ไม่มีใครกล้าต่อกร
รอลเซลล่าไม่ใช่เพียงแค่สตรีที่มีความงามภายนอกเท่านั้น แต่เธอยังมีชื่อเสียงในฐานะผู้นำที่ไร้ความปรานีและเข้มแข็งในโลกใต้ดิน ไม่มีใครกล้าท้าทายอำนาจของเธอ
ไม่ว่าจะเป็นมาเฟียชายหญิงที่แข็งแกร่งเพียงใด เมื่อเห็นเธอก็ต้องหลบสายตาหรือถอยหลังให้พ้นทาง การปรากฏตัวของเธอในงานเลี้ยงครั้งนี้ ไม่เพียงแต่จะเพิ่มระดับความตึงเครียด
แต่ยังเป็นสัญญาณเตือนให้ทุกคนระวังตัวและตระหนักถึงพลังอำนาจของหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงกลางงานนี้
เสียงของเธอดังก้องอยู่ในห้องโถง
"ค่ำคืนนี้พวกเราทุกคนต่างมารวมตัวกันเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์และความเข้มแข็งให้แก่พันธมิตรของเรา..." เสียงของรอลเซลล่าชัดเจนและหนักแน่น แต่มีเสน่ห์ที่น่าหลงใหลในตัว
เธอกล่าวพลางส่งสายตามองรอบห้อง มองเห็นทุกการเคลื่อนไหวของผู้เข้าร่วมงาน
"แต่จงอย่าลืมว่า ในโลกของพวกเรา มิตรภาพและศัตรูอยู่ห่างกันเพียงแค่เส้นแบ่งบาง ๆ เท่านั้น..."
จบประโยคคำพูดรอยยิ้มหวานเย็นต้องมนต์สะกด ทุกส่งออกมาให้ได้ดูชม....
ความเงียบงันปกคลุมไปทั่วทั้งห้อง
ทุกสายตาจับจ้องไปที่เธอ ไม่มีใครกล้าแสดงท่าทีที่ไม่สมควร ความเข้มแข็งและเด็ดขาดในคำพูดของเธอทำให้ทุกคนในงานต้องคิดหนักกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปในค่ำคืนนี้
การปรากฏตัวของรอลเซลล่าในงานเลี้ยงอันตรายนี้ทำให้บรรยากาศที่ตึงเครียดกลายเป็นหนักแน่นยิ่งขึ้น
ราวกับพายุที่กำลังจะพัดเข้ามา และไม่มีใครกล้าหันหลังให้เธอในคืนที่เสี่ยงอันตรายเช่นนี้
คฤหาสน์ตั้งอยู่บนเนินเขาที่มองเห็นวิวทะเลเมดิเตอร์เรเนียนสุดสายตา ลมทะเลพัดเย็นสบายผ่านหน้าต่างบานใหญ่ที่เปิดกว้าง ภายในบ้านตกแต่งด้วยสไตล์เมดิเตอร์เรเนียนอย่างหรูหรา
พื้นหินอ่อนสีขาวเรียบหรูสะท้อนแสงจากโคมไฟระย้าที่แขวนอยู่เหนือศีรษะ ผนังบางส่วนประดับด้วยงานศิลปะโบราณและพรมทอมือที่นำเข้ามาจากโมร็อกโก ขณะที่ผนังอื่น ๆ
ตกแต่งด้วยกระเบื้องโมเสกสีฟ้าเข้มสลับขาว ให้ความรู้สึกสงบและผ่อนคลาย
เซลร่ายืนอยู่กลางห้องในชุดเดรสสีแดงเข้มที่ขับให้เห็นผิวขาวเนียนและเส้นผมสีดำลอนเข้มที่ถูกรวบไว้เบา ๆ ข้างหนึ่ง
เธอเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้และยังเป็นผู้หญิงที่ทรงอิทธิพลในโลกใต้ดินด้วยความฉลาดและความเฉียบแหลม
ดวงตาสีครามมรกตเข้มของเธอส่องประกายวาววับเมื่อมองดู ชายหนุ่มคนหนึ่ง ที่อยู่ๆก็ปรากฏตัวขึ้นในบ้านของเธอ ด้วยท่าทีสงบแต่ระมัดระวัง
หนุ่มสเปนยืนพิงกำแพงด้วยท่าทีผ่อนคลาย
ในชุดสูทสีเข้มที่ตัดเย็บอย่างดี เขามีใบหน้าที่หล่อเหลาและดวงตามรกตที่ซ่อนความลับมากมาย รอยยิ้มของเขามักจะมีนัยยะซ่อนเร้นอยู่เสมอ
เขาเป็นคนที่คาดเดายาก และการมาเยือนของเขามักจะมีความหมายมากกว่าที่เห็น
"ไง เซลร่า" วาเลนทักด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
เซลร่าหันมองด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกหลายอย่าง
"วาเลน..."
ช่วงเวลาที่ความเงียบปกคลุม แต่ก็เป็นความเงียบที่ไม่อึดอัด มีแต่ความตึงเครียดที่น่าสนใจที่แผ่ซ่านออกมาในห้อง
"ฉันไม่ได้สั่งอาวุธนะ มาทำไมล่ะ?" เซลร่าถามด้วยน้ำเสียงที่แฝงด้วยความสงสัยและความท้าทาย
วาเลนหัวเราะเบา ๆ
"ฉันจะมาเยี่ยมเฉยๆบ้างไม่ได้หรือไงกัน"
"ก็ได้อยู่ แต่มันดูไม่ปกติ ผิดวิสัยของนาย" เซลร่าตอบอย่างเย็นชา แต่ยังมีแววรอยยิ้มที่มุมปาก
วาเลนขยับเข้าใกล้เล็กน้อย ดวงตาของเขาจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเซลร่า
"หึ~ รู้จักฉันดีจริงนะ"
เซลร่าเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ยังคงยืนหยัดด้วยท่าทางที่มั่นคง
"ไม่ลองเดาดูละ...ว่าฉันมาทำไม?"
วาเลนยิ้มมุมปาก ดูมีเสน่ห์และลึกลับเหมือนเดิม
"หึ~ ไม่ละ" เธอตอบพร้อมยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ แต่แววตาของเขาบ่งบอกว่าเขารู้สึกสนุกกับการท้าทายเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้
เซลร่าเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เธอไม่ได้แปลกใจที่วาเลนจะุถามแบบนี้ เธอรู้ว่าเขาเป็นคนที่ไม่ชอบเปิดเผยความตั้งใจของตนเองง่าย ๆ แต่เธอก็ไม่ยอมให้เขาผ่านไปง่าย ๆ เช่นกัน
"ฉันขอพักที่นี่สักคืนสิ..." วาเลนพูดขึ้นมาเสียงเรียบ แต่ยังคงแฝงด้วยความมั่นใจเซลร่าหัวเราะเบา ๆ แต่เป็นเสียงหัวเราะที่เยือกเย็น
"มีอะไรมาแลกเปลี่ยนไหมล่ะ?" เธอตอบกลับ ดวงตาของเธอส่องประกายด้วยความฉลาดและความระมัดระวังวาเลนยืนตัวตรงและเดินเข้ามาใกล้เธอ
ดวงตาของเขาจ้องมองเข้าไปในดวงตาของเซลร่า
"แล้วเธออยากได้อะไรล่ะ?" เขาถามกลับ พร้อมกับยิ้มอย่างมีเสน่ห์และท้าทาย
"เข้ามาคุยกันข้างในก่อนสิ..." เซลร่าพูดพร้อมกับเดินไปยังโซฟาหรูตัวใหญ่ที่ตั้งอยู่ใกล้เตาผิงที่ประดับด้วยหินอ่อนสีขาวสลักลวดลายคลาสสิก วาเลนตามเธอมาอย่างเงียบ ๆ
แต่สายตาของเขาสำรวจไปทั่วห้อง เหมือนจะจดจำรายละเอียดทุกอย่างไว้ในหัวเมื่อเข้ามาถึงกลางห้อง
เซลร่าหยุดและหันมาทางลูกน้องคนหนึ่งที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ เป็นชายร่างใหญ่ในชุดสูทสีดำซึ่งคอยรับคำสั่งอย่างเคร่งครัด
"ไปเตรียมห้องให้แขกด้วย คืนนี้เขาจะนอนที่นี่" เธอสั่งด้วยเสียงที่หนักแน่นและเด็ดขาด
ชายคนนั้นพยักหน้าแล้วรีบออกไปทำตามคำสั่ง ทิ้งให้เซลร่าและวาเลนอยู่ตามลำพังท่ามกลางบรรยากาศที่สงบและอบอุ่นของห้องรับแขก
วาเลนเอนตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวหนึ่งใกล้กับเซลร่า เขามองดูเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นปนเจ้าเล่ห์
"เธอรู้ไหม เซลร่า การได้อยู่กับเธอมันเหมือนการเดินอยู่บนสายลวดที่ขึงระหว่างตึกสูง...มันทั้งตื่นเต้นและเสี่ยง แต่ฉันกลับชอบ"
เซลร่าหัวเราะเบา ๆ ใบหน้าของเธอแสดงให้เห็นถึงความรู้สึกขบขัน
"นายก็รู้ดีว่า ฉันจะไม่ปล่อยให้นายตกลงมาง่าย ๆ หรอก...แต่ก็ไม่รับประกันว่าจะช่วยไว้ทุกครั้งเหมือนกัน" เธอพูดพร้อมกับยิ้มที่มุมปาก แสดงถึงความเป็นกันเองและความรักที่แฝงอยู่ในคำพูดของเธอ
วาเลนหัวเราะเสียงต่ำ ดวงตาของเขาเป็นประกาย
"ก็นั่นแหละที่ทำให้เธอน่าสนใจนัก"
เซลร่าพิงโซฟา ยกแก้วไวน์ขึ้นจิบเบา ๆ ก่อนที่จะเอียงศีรษะมองวาเลนด้วยสายตาที่รู้สึกผ่อนคลาย
"แล้วสรุปมีเรื่องอะไรล่ะ ถึงได้มาหากันถึงที่ขณะนี้?"วาเลนยิ้มกว้าง ขณะที่ดวงตาของเขาส่องประกายด้วยความสนุก
"ฉันจะคิดถึงเธอบ้างไม่ได้หรือไง?"เซลร่าเหลือบตามองเขาด้วยความไม่เชื่อพร้อมกับรอยยิ้มมุมปาก
"เอาดีๆ นี่คงไม่ได้หนีออกจากบ้านมาหรอกใช่ไหม?"วาเลนหัวเราะเบา ๆ พร้อมทำท่าทางตกใจปลอม ๆ
"นี่เธอคิดได้ยังไงกัน? ระดับพ่อค้าอาวุธสงครามอย่างฉัน ทำไมยังต้องหนีออกจากบ้าน?"เซลร่าทำหน้าไม่เชื่อ
ดวงตาของเธอจ้องมองเขาอย่างทะลุปรุโปร่ง
"ทะเลาะกับน้าคาเตอร์มาอีกแล้วหรือไง?"วาเลนยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ
"ความคิดของเราแค่ไม่ตรงกันนิดหน่อย"เซลร่าหัวเราะและส่ายหัวเบา ๆ
"เลยถึงขั้นหนีออกจากบ้าน?"วาเลนถอนหายใจเล็กน้อย แต่ยังคงยิ้ม
"ก็บอกว่าไม่ได้หนีออกจากบ้านไง"
"เอาเถอะ ไม่ได้หนีออกจากบ้านก็ไม่ได้หนี" เซลร่าพูดพร้อมยักไหล่เล็กน้อย เธอจิบไวน์อีกครั้งและยิ้มเยาะ
"นายอยากจะอยู่นานแค่ไหนก็เรื่องของนายเลย"วาเลนมองเธอด้วยรอยยิ้มที่ยากจะเดา เขารู้ว่าเซลร่าไม่ได้จริงจังนัก แต่ก็รับรู้ถึงการต้อนรับอย่างอบอุ่นของเธอ
"....." เขายังคงนิ่งเงียบ แววตาของเขามองสำรวจเธออย่างลึกซึ้ง
"ทั้งนี้ต้อนรับเสมอ...." เซลร่าเสริมด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล แต่เต็มไปด้วยความหมายหลากหลายวาเลนยิ้มกว้างขึ้น
ดวงตาของเขาเป็นประกาย
"...." เขาไม่ได้ตอบทันที ปล่อยให้คำพูดของเซลร่าแฝงความหมายในความเงียบหลังจากหยุดไปสักครู่ เซลร่าเสริมด้วยรอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์
"แต่อาวุธรอบหน้าแถมมาให้เยอะๆหน่อยนะ"วาเลนหัวเราะเสียงต่ำ รู้สึกสนุกกับการหยอกล้อกัน
"หึๆๆ ปกติฉันก็ให้เธอเยอะเป็นพิเศษอยู่แล้ว เซลร่า" เขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่เป็นกันเองและซ่อนความลึกซึ้ง
.หลังจากที่วาเลนพูดถึงการให้ "เยอะเป็นพิเศษ" เขายังคงยิ้มกว้างแต่มีแววความจริงใจในดวงตา
"แต่ถ้าเธออยากได้มากกว่านี้... ฉันก็อาจต้องการอะไรบางอย่างตอบแทนบ้าง"เซลร่าหรี่ตาเล็กน้อยและยิ้มเยือกเย็น
"โอ้? แล้วนายต้องการอะไรล่ะ? ขึ้นอยู่กับว่ามันคุ้มหรือเปล่า"วาเลนยื่นตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย ใบหน้าของเขาใกล้กับเซลร่ามากขึ้น
"บางทีแค่ให้ฉันได้อยู่กับเธอแบบนี้ ก็เป็นการแลกเปลี่ยนที่คุ้มค่าแล้ว" เสียงของเขาเต็มไปด้วยความอบอุ่นและความตั้งใจที่ซ่อนเร้น
วาเลนเอนตัวไปข้างหน้าอีกเล็กน้อย ใบหน้าของเขาใกล้กับเซลร่ามากขึ้นเล็กน้อย
"เซลร่า วันนี้ฉันอุตส่าห์มาทั้งที..." น้ำเสียงของเขาต่ำและเต็มไปด้วยความรู้สึกที่แฝงไว้เซลร่ามองเขาอย่างพิจารณา ความเงียบที่ตามมานั้นเต็มไปด้วยความหมาย
"...…" เธอรอฟังสิ่งที่เขากำลังจะพูดต่อ"ขอหน่อยได้ไหม?" เขากระซิบเบา ๆ
ดวงตาของเขาสบตาเธอโดยตรง แววตาเต็มไปด้วยความปรารถนาและความคาดหวังที่ไม่ปิดบัง
เซลร่าหัวเราะเบา ๆ รอยยิ้มของเธอเจ้าเล่ห์และลึกซึ้ง
"หึ~ ตายจริง ได้ไปอดอยากมาจากไหน?" เธอพูดพลางยกแก้วไวน์ขึ้นจิบอย่างไม่รีบร้อนวาเลนยิ้มเล็กน้อย แต่ไม่ได้ตอบคำถามของเธอตรง ๆ
"...…"
เซลร่ามองดูเขาอย่างท้าทาย เธอรู้ว่าเขามีความต้องการมากกว่านี้ แต่เธอเองก็ไม่ใช่คนที่จะยอมให้ใครได้สิ่งที่ต้องการโดยง่าย
.
"ให้ฉันเรียกเด็กแทนให้เอาไหมล่ะ?"วาเลนส่ายหัวเบา ๆ
"ถ้าแค่นั้น ฉันคงไม่ถ่อมาถึงนี่" เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นกว่าเดิม ดวงตาของเขาแสดงออกถึงความแน่วแน่และเจตนาที่ชัดเจน
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!