"ในโลกยุทธภพที่กว้างใหญ่และอันตรายเต็มไปด้วยศิษย์สำนักต่าง ๆ ที่แข่งขันกันเพื่อชื่อเสียงและอำนาจ มีข่าวลือแพร่สะพัดว่ามีสมบัติล้ำค่าชิ้นหนึ่งถูกซ่อนไว้ในภูเขาหมอกควัน สมบัตินี้กล่าวกันว่าเป็น "กระบี่เหนือเมฆ" ที่มีอานุภาพสามารถทำให้ผู้ครอบครองกลายเป็นสุดยอดในยุทธภพ ทำให้ทุกสำนักและกลุ่มคนผู้มีอิทธิพลต่างออกตามหามัน เพื่อเป็นเจ้าของและยึดครองความเป็นใหญ่"
หานเจี่ยง ฝึกฝนท่ากระบี่ของเขาบนลานฝึกที่ตั้งอยู่บนยอดเขาสูงของสำนักเขาเขียวท่ามกลางเสียงลมพัดผ่านและใบไม้ที่ปลิวไสว
การเคลื่อนไหวของเขานั้นราวกับสายน้ำที่ไหลไปตามแรงกดของมันเองกระบี่ในมือของเขาแหวกอากาศด้วยความเร็วและความแม่นยำเป้าหมายของเขาคือการเพิ่มพูนทักษะของตนให้เก่งกาจยิ่งขึ้น เขามักจะฝึกฝนตั้งแต่รุ่งเช้าจนถึงค่ำคืน
เมื่อ หานเจี่ยง หยุดพักและหอบหายใจ เขารู้สึกถึงความเงียบสงบที่ปกคลุมรอบ ๆ สำนัก ลมเย็นพัดผ่านใบหน้าของเขาให้ความรู้สึกผ่อนคลาย แต่ในใจของเขากลับมีความกังวลที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เสียงกระซิบจากป่าด้านล่างบอกเล่าถึงข่าวลือเกี่ยวกับกระบี่ในตำนาน "กระบี่เหนือเมฆ" ที่มีอำนาจในการครอบครองยุทธภพ
“ข่าวลือนั้นจะเป็นจริงหรือไม่?” หานเจี่ยง พึมพำกับตัวเอง
ทันใดนั้น เสียงฝีเท้าดังขึ้นจากทางด้านหลัง เขาหันกลับไปเห็น เจ้าสำนักจื่อฟู ยืนอยู่พร้อมกับยิ้มแผ่วเบา
“หานเจี่ยง เจ้ามีพรสวรรค์ที่หาได้ยากในยุทธภพ หากมีสิ่งใดที่รบกวนใจเจ้า เจ้าควรจะบอกข้า” เจ้าสำนักจื่อฟู กล่าวด้วยน้ำเสียงอบอุ่น
หานเจี่ยง โค้งคำนับด้วยความเคารพ “ท่านเจ้าสำนัก ข้าได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับกระบี่เหนือเมฆ ข้าอยากทราบว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือไม่?”
เจ้าสำนักจื่อฟู หยุดคิดครู่หนึ่งก่อนที่จะตอบ “ข้าก็ได้ยินข่าวลือเช่นเดียวกับเจ้า กระบี่เหนือเมฆเป็นสมบัติที่มีพลังอำนาจมาก
ใครก็ตามที่ได้ครอบครองมันจะสามารถควบคุมยุทธภพได้ แต่กระบี่นั้นยังคงเป็นเพียงตำนานเท่านั้น ไม่มีใครรู้ว่ามันมีจริงหรือไม่”
“แต่ข้าเชื่อว่าเรื่องราวนี้จะนำมาซึ่งปัญหาใหญ่ หากมันมีอยู่จริง และคนที่ชั่วร้ายอย่าง มู่เฉิน ได้มันไป” เจ้าสำนักจื่อฟู กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
หานเจี่ยง พยักหน้า “ข้าจะหาคำตอบเกี่ยวกับกระบี่นี้เอง ข้าจะไม่ยอมให้มู่เฉินหรือใครก็ตามที่มีความคิดชั่วร้ายได้ครอบครองมัน”
เจ้าสำนักจื่อฟู ยิ้มเล็กน้อย “ข้าเชื่อในความสามารถของเจ้า แต่จงจำไว้ว่ายุทธภพนี้เต็มไปด้วยอันตราย อย่าประมาท”
หลังจากสนทนากับ เจ้าสำนักจื่อฟู เสร็จสิ้น หานเจี่ยง ได้รับอนุญาตให้เดินทางออกจากสำนักเพื่อสืบหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกระบี่เหนือเมฆ เขาเก็บสัมภาระของตนเองเพียงเล็กน้อยและออกเดินทางไปตามเส้นทางป่าเขาที่เขาคุ้นเคยตั้งแต่ยังเด็ก
ในระหว่างการเดินทาง หานเจี่ยง ได้พบกับชาวบ้านหลายคนที่พูดถึงข่าวลือเกี่ยวกับกระบี่เหนือเมฆ บางคนเล่าว่ามันเป็นกระบี่ที่สามารถตัดฟ้าผ่าได้ บ้างกล่าวว่ามันมีพลังในการรักษาบาดแผลได้ในทันที ข่าวลือต่าง ๆ นานาทำให้เขายิ่งสนใจและกระตือรือร้นที่จะหาคำตอบมากขึ้น
เมื่อถึงเวลาบ่ายแก่ หานเจี่ยง ได้ยินเสียงต่อสู้จากในป่าลึก เขารีบเข้าไปดูและพบว่า หลิวเยี่ยนเอ๋อ กำลังต่อสู้กับกลุ่มโจรห้าคน
เธอใช้กระบี่ของเธอในการป้องกันตนเองอย่างคล่องแคล่ว แต่ก็ดูเหมือนจะเหน็ดเหนื่อยจากการต่อสู้อันยาวนาน
“ท่านหญิง ระวัง!” หานเจี่ยง ตะโกนและกระโจนเข้าไปช่วย เขาใช้กระบี่ของเขาในการต่อสู้กับโจรด้วยท่ากระบี่ที่รวดเร็วและรุนแรง
ในเวลาไม่นานโจรก็ถูกปราบและวิ่งหนีไป
หลิวเยี่ยนเอ๋อ ยิ้มให้ หานเจี่ยง ด้วยความขอบคุณ “ขอบคุณเจ้ามาก ข้าไม่คิดว่าจะได้เจอเจ้าที่นี่”
“ข้าก็ไม่คิดว่าจะได้เจอท่านที่นี่เช่นกัน ท่านหญิงหลิว” หานเจี่ยง กล่าวด้วยความเคารพ “ทำไมท่านถึงมาอยู่ในป่าลึกเช่นนี้?”
“ข้าได้ข่าวลือเกี่ยวกับกระบี่เหนือเมฆ ข้ากำลังตามหาเบาะแส” หลิวเยี่ยนเอ๋อ อธิบาย “แล้วเจ้าเองก็คงมาด้วยเหตุผลเดียวกันใช่ไหม?”
หานเจี่ยง พยักหน้า “ใช่ ข้าก็ได้ยินข่าวลือนั้น ข้าต้องการทราบความจริงเกี่ยวกับกระบี่นี้”
ทั้งสองคนตัดสินใจร่วมมือกันในการสืบหาคำตอบเกี่ยวกับกระบี่เหนือเมฆ พวกเขาเดินทางต่อไปในป่าและพบกับเงื่อนงำต่าง ๆ
ที่บ่งชี้ว่ากระบี่นี้อาจมีอยู่จริง เช่น ตำราโบราณที่พูดถึงกระบี่ที่สามารถควบคุมพลังแห่งธรรมชาติได้ และร่องรอยของการต่อสู้ที่ทิ้งไว้บนพื้นดิน
ในระหว่างการเดินทาง หานเจี่ยง และ หลิวเยี่ยนเอ๋อ ได้แลกเปลี่ยนเรื่องราวเกี่ยวกับตนเอง หานเจี่ยง เล่าให้ฟังถึงการสูญเสียพ่อแม่ของเขาเมื่อเขายังเด็กและความมุ่งมั่นของเขาที่จะปกป้องคนที่เขารัก หลิวเยี่ยนเอ๋อ เองก็เล่าเกี่ยวกับการที่เธอเติบโตขึ้นในสำนักหมอกเมฆและความฝันของเธอที่จะเห็นยุทธภพสงบสุข
วันหนึ่ง ขณะที่พวกเขากำลังตั้งค่ายพักแรมในป่า หานเจี่ยง ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากรอบ ๆ พื้นที่ พวกเขาตื่นตัวทันทีและดึงกระบี่ออกมาเตรียมต่อสู้ แต่ก่อนที่จะเกิดการต่อสู้ เสียงที่เงียบสงบแต่มั่นคงดังขึ้นจากเงามืด
“ข้ามาที่นี่ไม่ใช่เพื่อต่อสู้ ข้ามาเพื่อเตือนเจ้า” ชายผู้หนึ่งออกมาจากเงามืด เขาเป็นชายที่มีรูปลักษณ์สง่างามแต่มีแววตาแข็งกร้าว
“ท่านเป็นใคร?” หานเจี่ยง ถามด้วยความระมัดระวัง
“ข้าคือ หลินซิงเฉิน เจ้าสำนักจันทร์เสี้ยว ข้าได้รับข่าวว่ามีผู้คนมากมายกำลังตามหากระบี่เหนือเมฆ ซึ่งอาจจะนำมาซึ่งความวุ่นวายและความโกลาหลในยุทธภพ ข้าไม่ต้องการเห็นเลือดไหลนองพื้นเพียงเพื่อสิ่งที่อาจจะเป็นเพียงตำนาน”
“แล้วท่านต้องการอะไรจากเรา?” หลิวเยี่ยนเอ๋อ ถาม
“ข้าต้องการให้พวกเจ้าหยุดตามหากระบี่นั้น อย่าให้มันตกไปอยู่ในมือของคนที่ไม่มีจิตใจที่บริสุทธิ์ หากพวกเจ้าสามารถทำเช่นนั้นได้ ข้าจะให้ความร่วมมือและให้การสนับสนุนพวกเจ้าในสิ่งที่จำเป็น” หลินซิงเฉิน กล่าว
หานเจี่ยง และ หลิวเยี่ยนเอ๋อ มองหน้ากันและพยักหน้า “เราจะไม่ให้กระบี่นั้นตกไปอยู่ในมือของผู้ที่มีจิตใจชั่วร้าย” หานเจี่ยง กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
หลังจากสนทนากัน หลินซิงเฉิน ได้มอบแผนที่ที่เขาได้พบจากแหล่งข้อมูลของสำนักจันทร์เสี้ยวให้กับ หานเจี่ยง และ หลิวเยี่ยนเอ๋อ แผนที่นั้นระบุตำแหน่งที่เป็นไปได้ที่กระบี่เหนือเมฆอาจถูกซ่อนอยู่ ทั้งสองรับแผนที่และสัญญาว่าจะใช้มันในการตามหากระบี่ด้วยความรอบคอบ
“ข้าหวังว่าเราจะสามารถร่วมมือกันเพื่อความสงบสุขในยุทธภพ” หลินซิงเฉิน กล่าวก่อนจะจากไป
เมื่อความมืดปกคลุมท้องฟ้า หานเจี่ยง และ หลิวเยี่ยนเอ๋อ นั่งข้างกองไฟที่กำลังลุกไหม้ด้วยความตั้งใจที่จะหาคำตอบเกี่ยวกับกระบี่เหนือเมฆให้ได้ ไม่ว่ามันจะเป็นตำนานหรือความจริง พวกเขารู้ว่าการผจญภัยครั้งนี้จะทดสอบทั้งความกล้าหาญและความสัมพันธ์ของพวกเขาอย่างแน่นอน
เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากที่ หานเจี่ยง และ หลิวเยี่ยนเอ๋อ ได้รับแผนที่จาก หลินซิงเฉิน พวกเขาตัดสินใจที่จะออกเดินทางตามเส้นทางที่ระบุไว้ในแผนที่ซึ่งนำไปยังทะเลสาบลึกลับที่อยู่ห่างไกลจากเขตสำนักทั้งหลาย ทะเลสาบนั้นถูกกล่าวขานว่าเป็นหนึ่งในสถานที่ที่อาจมีกระบี่เหนือเมฆซ่อนอยู่
หลิวเยี่ยนเอ๋อ เดินเคียงข้าง หานเจี่ยง พร้อมกระบี่คู่กายที่สะพายไว้ด้านหลัง นางรู้สึกถึงความสดชื่นของอากาศยามเช้าและกลิ่นหอมของดอกไม้ป่าที่ลอยมาตามลม เสียงนกร้องเพลงเบา ๆ คล้ายกับเป็นเพลงประกอบการเดินทางครั้งนี้
“เจ้าคิดว่าเราจะพบกระบี่นั้นจริงหรือไม่?” หลิวเยี่ยนเอ๋อ ถามขณะที่เดินผ่านเส้นทางป่าที่เต็มไปด้วยไม้ใหญ่และเถาวัลย์
หานเจี่ยง หยุดคิดชั่วครู่ก่อนจะตอบ “ข้าไม่รู้ แต่ข้ามีความรู้สึกว่าเรากำลังมาถูกทาง กระบี่เหนือเมฆอาจมีจริงหรือไม่ก็ตาม แต่หากมีจริง ข้าก็ต้องการให้มันอยู่ในมือของคนที่สมควรครอบครอง”
หลิวเยี่ยนเอ๋อ พยักหน้าเบา ๆ “ข้าก็คิดเช่นเดียวกับเจ้า พลังเช่นนั้นไม่ควรตกไปอยู่ในมือของผู้ที่ไม่มีเจตนาที่บริสุทธิ์”
เมื่อพวกเขาเดินมาถึงริมทะเลสาบ น้ำใสสะท้อนเงาของท้องฟ้าสีครามและเมฆขาว หานเจี่ยง และ หลิวเยี่ยนเอ๋อ หยุดพักและมองไปรอบ ๆ พื้นที่ บรรยากาศที่นี่เต็มไปด้วยความสงบเงียบ แต่ก็มีกลิ่นอายของความลึกลับที่สัมผัสได้
ทันใดนั้น เสียงกระซิบเบา ๆ ดังมาจากทิศทางของทะเลสาบ หานเจี่ยง หันไปดูและพบว่าเป็นเพียงลมที่พัดผ่านต้นไม้ แต่ในใจของเขากลับรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยเหมือนมีสายตาบางคู่กำลังจ้องมองอยู่จากที่ไหนสักแห่ง
“เราควรจะสำรวจรอบ ๆ ทะเลสาบ” หานเจี่ยง เสนอความคิดเห็น “หากมีกระบี่ซ่อนอยู่ที่นี่ มันอาจจะอยู่ใต้ผืนน้ำหรือในถ้ำใกล้ ๆ นี้”
หลิวเยี่ยนเอ๋อ เห็นด้วยและเริ่มต้นเดินไปยังทิศทางที่ดูน่าสงสัย พวกเขาพบถ้ำเล็ก ๆ ที่ซ่อนอยู่หลังพุ่มไม้หนาทึบ ปากถ้ำถูกปิดกั้นด้วยเถาวัลย์ที่พันอยู่รอบ ๆ ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครเข้ามาที่นี่เป็นเวลานาน
หานเจี่ยง ใช้กระบี่ของเขาตัดเถาวัลย์และเปิดทางเข้าไปในถ้ำ พวกเขาเดินเข้าไปในความมืดที่หนาทึบ แสงสลัวจากทางเข้าถ้ำค่อย ๆ หายไป ทิ้งให้ทั้งสองคนอยู่ในความมืดมิด
ทันใดนั้น เสียงฝีเท้าเบา ๆ ดังมาจากในถ้ำ หานเจี่ยง และ หลิวเยี่ยนเอ๋อ หยุดเคลื่อนไหว พวกเขามองไปรอบ ๆ และเห็นเงามืด ๆ
ของคนกลุ่มหนึ่งที่กำลังเดินเข้ามาหาพวกเขา
“มีใครบางคนอยู่ที่นี่” หลิวเยี่ยนเอ๋อ กระซิบเบา ๆ “เราควรจะระวังตัว”
จากเงามืด ปรากฏเป็นกลุ่มนักรบที่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีดำ พวกเขาถืออาวุธที่แหลมคมและมีแววตาที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ หานเจี่ยง จับกระบี่ของเขาแน่นและเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้
“เจ้ามาทำอะไรที่นี่?” ชายคนหนึ่งในกลุ่มนั้นถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
หานเจี่ยง ตอบกลับอย่างรวดเร็ว “ข้าและสหายของข้าเพียงแค่มาสำรวจ เราไม่มีเจตนาร้าย”
ชายคนนั้นยิ้มแสยะ “สำรวจ? ข้าไม่เชื่อ ถ้าพวกเจ้าคิดจะตามหากระบี่เหนือเมฆ ข้าจะต้องหยุดพวกเจ้าเดี๋ยวนี้”
ทันใดนั้น นักรบในชุดดำก็พุ่งเข้ามาหา หานเจี่ยง และ หลิวเยี่ยนเอ๋อ การต่อสู้ในถ้ำที่มืดมิดเริ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หานเจี่ยง ใช้ท่ากระบี่ของเขาเพื่อป้องกันการโจมตีและโจมตีกลับอย่างแม่นยำ ขณะที่ หลิวเยี่ยนเอ๋อ ใช้ความคล่องตัวของนางหลบหลีกและตอบโต้ศัตรูด้วยท่าทางที่พลิ้วไหว
การต่อสู้นั้นดุเดือดและเข้มข้น นักรบชุดดำมีจำนวนมากกว่าพวกเขา แต่ หานเจี่ยง และ หลิวเยี่ยนเอ๋อ มีทักษะที่เหนือกว่า พวกเขาสามารถจัดการนักรบเหล่านั้นได้อย่างรวดเร็ว
หลังจากการต่อสู้สิ้นสุดลง หานเจี่ยง และ หลิวเยี่ยนเอ๋อ หายใจหอบเหนื่อย พวกเขามองดูรอบ ๆ และพบว่ามีเพียงนักรบชุดดำที่นอนหมดสติอยู่บนพื้น
“เราควรจะออกไปจากที่นี่ก่อนที่จะมีคนอื่นมาเจอเรา” หลิวเยี่ยนเอ๋อ กล่าวด้วยความเร่งด่วน
หานเจี่ยง เห็นด้วยและทั้งสองรีบออกจากถ้ำ พวกเขากลับมาที่ริมทะเลสาบและพยายามหาที่หลบซ่อนในป่าใกล้ ๆ เพื่อพักผ่อนและฟื้นพลัง
ในขณะที่พวกเขานั่งพักใต้ต้นไม้ใหญ่ หลิวเยี่ยนเอ๋อ หันมามอง หานเจี่ยง ด้วยแววตาที่เป็นห่วง “ข้าเริ่มสงสัยแล้วว่าเราจะสามารถตามหากระบี่นั้นได้โดยไม่ต้องเจอปัญหามากมายเช่นนี้หรือไม่”
หานเจี่ยง หัวเราะเบา ๆ “ในยุทธภพนี้ ไม่ว่าจะทำอะไรย่อมมีอุปสรรคและศัตรูเสมอ หากกระบี่เหนือเมฆมีจริงและมีอำนาจมากขนาดนั้น ย่อมมีผู้คนมากมายที่ต้องการได้มันไป”
“เจ้าพูดถูก” หลิวเยี่ยนเอ๋อ ถอนหายใจ “แต่ข้าไม่คิดว่าเราจะต้องเผชิญหน้ากับศัตรูมากมายเช่นนี้ตั้งแต่เริ่มต้น”ทันใดนั้น เสียงของนกร้องเตือนดังขึ้น ทำให้ทั้งสองรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย หานเจี่ยง หันมองรอบ ๆ อย่างระมัดระวัง แต่กลับไม่พบอะไรที่ผิดปกติ
“เราไม่ควรอยู่ที่นี่นานเกินไป ข้ารู้สึกว่ามีคนติดตามเราอยู่” หานเจี่ยง กล่าว
หลิวเยี่ยนเอ๋อ พยักหน้า “งั้นเราควรเดินทางต่อ ข้าไม่อยากให้เราตกเป็นเป้าหมายของผู้ที่ต้องการกระบี่เหนือเมฆอีก”
พวกเขาลุกขึ้นและเริ่มเดินทางต่อไปทางทิศเหนือ ผ่านป่าและเนินเขาที่มีความงดงามแต่ก็เต็มไปด้วยอันตราย การผจญภัยนี้ยังคงดำเนินต่อไปด้วยความหวังและความตั้งใจที่จะค้นหาความจริงเกี่ยวกับกระบี่เหนือเมฆ ไม่ว่ามันจะนำพวกเขาไปสู่ที่ใด หรือจะต้องเผชิญหน้ากับศัตรูมากมายเพียงใด
ทั้งสองรู้ดีว่าในยุทธภพนี้ การต่อสู้และการผจญภัยเป็นส่วนหนึ่งของการตามหาความจริงและความยุติธรรม ไม่ว่าพวกเขาจะต้องเผชิญกับอุปสรรคเพียงใดก็ตาม การเดินทางครั้งนี้จะเป็นบททดสอบที่ทำให้พวกเขาเข้มแข็งและเข้าใจถึงความหมายที่แท้จริงของกระบี่เหนือเมฆ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!