NovelToon NovelToon

เพื่อน (ไม่สนิท)

บทนำ และ บทที่1 จุดเริ่มต้น

ณ ห้องจัดเลี้ยง

เรย์เดินมาสะกิดมิลล์ที่กำลังพูดคุยอยู่กับผู้ใหญ่ของค่ายเพลงด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว

ที่มิลล์เอาตัวเองเข้ามาปกป้องเรย์จนตัวเองต้องเดือดร้อน

“มึงไม่ได้มาเสือก เรื่องของกู กูจัดการเองได้” เรย์กล่าวออกไปด้วยความเป็นห่วง และอยากจะปกป้อง มิลล์ เพราะถ้ามิลล์เข้ามาพัวพันกับเรื่องนี้ มิลล์อาจจะเดือดร้อนไปด้วย

“เออ กูขอโทษที่กูเสือก ขอโทษที่เข้าไปวุ่นวายกับมึง ขอโทษที่ห่วงมึง ต่อไปกูจะไม่ยุ่งกับชีวิตมึงอีก มึงพอใจรึยัง” มิลล์พูดด้วยความโมโห ปนน้อยใจ แล้วเดินจากไปทั้งน้ำตา

เรย์มองตามหลังมิลล์ที่เดินจากไปด้วยความรู้สึกผิดจับใจ เขาไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายความรู้สึกของมิลล์ แต่แค่ไม่อยากให้มิลล์ต้องมาพัวพันกับเรื่องที่อาจจะทำให้เดือดร้อน

"มิลล์!" เรย์ตะโกนเรียกชื่อมิลล์ แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้ยินหรือไม่อยากหันกลับมา เรย์รู้สึกหน่วงในใจ ราวกับบางอย่างที่สำคัญหลุดลอยไป

เขาอยากจะวิ่งตามไป อธิบายทุกอย่าง แต่ก็รู้ดีว่าตอนนี้คำพูดของเขาคงไม่มีความหมายเท่ากับความรู้สึกของมิลล์ที่โดนทำร้ายไปแล้ว

เรย์ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ความรู้สึกปะปนกันระหว่างความเสียใจและความกลัวว่าเขาอาจจะเสียมิลล์ไปอย่างไม่มีวันกลับ เขาไม่เคยคิดว่าการปกป้องใครบางคนจะทำให้ตัวเองต้องเจ็บปวดเช่นนี้

บทที่1 จุดเริ่มต้น

11 ปีก่อนหน้า

ในเช้าวันหนึ่งที่โรงเรียน รั้วขาวสลับกับใบไม้สีเขียวอ่อน เสียงนกร้องประสานกันในยามเช้าขับกล่อมไปทั่วบริเวณลานกว้างหน้าเสาธง นักเรียนทุกคนยืนเรียงกันเป็นแถวอย่างเป็นระเบียบเพื่อเตรียมตัวเคารพธงชาติ สายลมอ่อนๆ พัดผ่านให้ความรู้สึกสดชื่นและสงบสุข

เรย์เดินเข้ารั้วโรงเรียนมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย เรย์เป็นชายหนุ่มที่มีใบหน้าหล่อเหลาคมเข้ม โครงหน้าของเขาเป็นรูปไข่ ดูสมส่วนและชัดเจน หน้าผากกว้างแต่ไม่ได้ใหญ่จนเกินไป ทำให้เขามีลักษณะที่ดูมั่นคงและมีความน่าเชื่อถือ ดวงตาของเรย์เป็นสีน้ำตาลเข้ม แววตาของเขามักจะมีประกายที่บ่งบอกถึงความคิดลึกซึ้งและความตั้งใจอย่างแน่วแน่ ขนตาของเขายาวและหนาเล็กน้อย ช่วยเพิ่มความมีเสน่ห์ให้กับดวงตาที่มักจะสะท้อนถึงความอ่อนโยนแต่ก็แข็งกร้าว

คิ้วของเรย์หนาเป็นธรรมชาติและโค้งเล็กน้อยตามแนวคิ้วที่สมบูรณ์แบบ ซึ่งทำให้ใบหน้าของเขาดูเข้มขลัง ริมฝีปากของเขาได้รูปและไม่หนาหรือบางเกินไป สีของริมฝีปากออกแดงระเรื่อ ให้ความรู้สึกอบอุ่นและสุภาพเมื่อเขาพูดหรือยิ้ม

จมูกของเรย์โด่งเล็กน้อย ดูสอดคล้องกับโครงหน้าทั้งหมด ทำให้ใบหน้าของเขามีความสมดุลอย่างพอดี ขณะที่คางของเขาแข็งแรงและมีแนวโค้งที่สวยงาม ช่วยเพิ่มลักษณะของความเป็นชายที่สง่างาม เรย์มักจะไว้ผมสั้นที่จัดแต่งอย่างเรียบร้อย ผมของเขามีสีดำเข้ม ซึ่งช่วยขับเน้นความคมเข้มของดวงตาและโครงหน้าที่ดูเป็นเอกลักษณ์

เรย์มีรูปร่างสูงโปร่ง ความสูงของเขาเสริมให้เขามีลักษณะที่ดูโดดเด่นและสง่า ไม่ว่าจะยืนอยู่ที่ไหนก็สามารถดึงดูดความสนใจได้ทันที ทำให้เขาดูเป็นชายหนุ่มที่มีความสมดุลทั้งในด้านความแข็งแกร่งและความอ่อนโยน

เมื่อมองโดยรวม เรย์มีใบหน้าที่สามารถสะกดสายตาของผู้คนได้อย่างง่ายดาย ด้วยรูปลักษณ์ที่หล่อเหลาแต่ก็แฝงด้วยความน่ารักขี้เล่นในเวลาเดียวกัน ใบหน้าของเขาบ่งบอกถึงความเป็นคนที่มีความคิดและจิตใจที่ลึกซึ้ง ซึ่งทำให้เขาดูมีเสน่ห์และน่าสนใจในทุกๆมุมที่มอง

เรย์มาถึงหน้าเสาธงยืนอยู่ในแถวที่ 3 คนที่ 10 ด้านซ้ายของสนาม เขากำลังมือไคว่หลังทิ้งเท้าอย่างเบื่อหน่าย ทันใดนั้นเรย์ก็เหลือบไปทางด้านหลังที่มิลล์ยืนอยู่ เธออยู่แถวที่ 5 คนที่ 6 ถัดจากเรย์ไปเพียงสองแถว เรย์หยุดมองอยู่แบบนั้น นาทีแล้ว นาทีเล่า

มิลล์กำลังจัดชุดนักเรียนของตัวเองให้เรียบร้อย มิลล์เป็นชายหนุ่มที่ใบหน้าของเขาสามารถสะกดสายตาของผู้คนได้อย่างง่ายดาย โครงหน้าของมิลล์เรียวยาวและมีความนุ่มนวล ใบหน้าของเขานั้นดูอบอุ่นและมีเสน่ห์ที่ไม่เหมือนใคร ดวงตาสีดำสนิทของเขาแฝงความลึกซึ้งและความอ่อนโยนไว้ในเวลาเดียวกัน

คิ้วของมิลล์เรียวบาง มีรูปทรงที่ชัดเจนและสวยงาม คิ้วที่โค้งได้รูปนี้ทำให้ใบหน้าของเขาดูสุภาพและมีความอ่อนโยนมากขึ้น จมูกของมิลล์อาจไม่โด่งมากนัก แต่กลับเพิ่มความสมดุลให้กับโครงหน้าได้อย่างลงตัว ริมฝีปากของมิลล์บางและมีสีชมพูอ่อนๆ ยามที่เขายิ้ม มุมปากจะยกขึ้นเล็กน้อยเผยให้เห็นลักยิ้มที่ปรากฏขึ้นทั้งสองข้าง ลักยิ้มนี้เป็นเอกลักษณ์ของมิลล์ ทำให้รอยยิ้มของเขาดูมีเสน่ห์ น่าหลงไหลและเป็นที่จดจำ

มิลล์มักจะไว้ผมยาวประบ่า สีดำเข้มที่มีความเงางาม ผมของเขามักจะปล่อยให้เป็นธรรมชาติ ไม่จัดแต่งมากนัก ทำให้ดูเรียบง่ายแต่ยังคงความมีสไตล์ในตัวเอง การที่มิลล์ไม่ต้องพยายามอะไรมากในการดูแลตัวเองนั้น กลับทำให้เขาดูเป็นคนที่น่าหลงใหล และมีความเป็นธรรมชาติที่ดึงดูดใจ

มิลล์มีรูปร่างสูงเพรียว ความสูงของเขาอยู่ในระดับที่พอดี ไม่สูงมากจนเกินไป แต่ก็ไม่ต่ำจนเกินไป ความสูงนี้ช่วยเสริมให้บุคลิกของเขาดูสุภาพและอบอุ่น ในขณะเดียวกันก็แฝงความสง่างามและมั่นใจไว้ในตัวเอง ท่าทางของมิลล์มักจะผ่อนคลายและไม่กดดัน เขามักจะยืนตรงด้วยความมั่นใจ แต่ก็ไม่ทำให้คนอื่นรู้สึกอึดอัด ทำให้เขาดูเป็นคนที่น่าเข้าใกล้และมีความจริงใจ

เมื่อมิลล์เดินผ่านผู้คนในโรงเรียนหรือที่อื่นๆ ใบหน้าและรอยยิ้มที่มีลักยิ้มของเขามักจะทำให้ผู้คนหันมามอง ความอ่อนโยนที่แฝงอยู่ในใบหน้าและท่าทางของมิลล์ทำให้เขากลายเป็นคนที่ไม่ว่าใครก็อยากที่จะทำความรู้จัก ยิ่งไปกว่านั้น ลักยิ้มที่เป็นเอกลักษณ์ของเขาก็เหมือนเครื่องหมายที่แสดงถึงความสุขและความหวังที่เขามอบให้กับทุกคนที่ได้พบเจอ

แสงอาทิตย์อ่อนๆ ที่ส่องผ่านใบไม้บนต้นไม้ใหญ่รอบสนามสะท้อนกับผมสีดำของเขาเป็นประกายเล็กๆ มิลล์รู้สึกถึงสายตาของเรย์ที่มองมา แต่มิลล์แกล้งทำเป็นไม่สังเกต และยิ้มให้กับตัวเองเบาๆ นั่นยิ่งทำให้มิลล์ดูน่าหลงไหลชวนมองมากขึ้น มิลล์เริ่มรู้สึกเขินสายตาที่เรย์มองมา จึงทำเป็นดึงหน้าตึง แม้ในใจจะแอบยิ้มก็ตาม

ห่างออกไปทางด้านหน้าในแถวที่ 1 คนที่ 15 ปาร์คยืนอยู่อย่างเคร่งขรึม สายตาของเธอมองตรงไปยังเสาธงอย่างแน่วแน่ ปาร์คเป็นคนที่มุ่งมั่นและจริงจังในทุกๆ เรื่อง ปาร์คมีใบหน้าที่งดงาม ราวกับหลุดออกมาจากเทพนิยาย ปาร์คเป็นชายหนุ่มที่มีใบหน้าที่ดึงดูดใจและเต็มไปด้วยเสน่ห์ที่ไม่เหมือนใคร โครงหน้าของเขามีความชัดเจนและแสดงออกถึงความแข็งแกร่ง หน้าผากของปาร์คกว้างและมอบลักษณะที่ทำให้เขาดูฉลาดและมีความเป็นผู้นำ ดวงตาของเขาเป็นสีดำเข้ม แววตาที่มักจะดูสุขุมและลึกลับนั้นได้ซ่อนความลับที่ไม่เคยเปิดเผยให้ใครเห็นได้ง่ายๆ

คิ้วของปาร์คเข้มและมีรูปทรงที่ชัดเจน เป็นคิ้วที่เหมือนจะเพิ่มความเคร่งขรึมให้กับใบหน้าของเขา แต่ในขณะเดียวกันก็ช่วยทำให้ใบหน้าของเขาดูมีเสน่ห์แบบชายหนุ่มผู้มั่นใจ ริมฝีปากของปาร์คได้รูปและมีความแน่นหนา มีสีแดงเข้มที่ทำให้ใบหน้าของเขาดูมีชีวิตชีวา ทุกครั้งที่ปาร์คยิ้มหรือพูด ความมั่นใจและความตรงไปตรงมาจะสะท้อนออกมาผ่านรอยยิ้มของเขา แต่สิ่งที่ทำให้ใบหน้าของปาร์คมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร คือขี้แมลงวันที่อยู่ตรงบริเวณโหนกแก้มขวาเล็กๆ แต่กลับเป็นจุดที่ดึงดูดความสนใจทุกครั้งที่ใครมองมา ขี้แมลงวัน นี้ทำให้ใบหน้าของเขามีเสน่ห์ที่แตกต่างจากคนอื่น เป็นเสน่ห์ที่ทำให้คนไม่สามารถละสายตาได้

ปาร์คมักจะไว้ผมสั้น สีดำเข้มที่ดูสะอาดและเรียบร้อย ผมของเขามักจะถูกจัดแต่งอย่างพิถีพิถัน แต่ก็ไม่ได้ดูยุ่งยากหรือซับซ้อน เป็นการแสดงออกถึงความเป็นคนที่ใส่ใจในรายละเอียดและมีความสมบูรณ์แบบในทุกๆ ด้าน

รูปร่างของปาร์คนั้นแม้ว่าจะไม่ได้มีความสูงที่ทำให้เขาโดดเด่นในสายตาคนอื่น แต่เขากลับมีลักษณะท่าทางที่ทำให้ผู้คนจดจำได้เสมอ ด้วยรูปร่างที่กระชับและสมส่วน ปาร์คมักจะเคลื่อนไหวด้วยความมั่นใจและคล่องแคล่ว ซึ่งเสริมให้เขาดูปราดเปรียวและว่องไวมากกว่าที่ความสูงจะบ่งบอก

ความสูงไม่มากของปาร์คยังทำให้เขาดูเป็นมิตรและไม่เย่อหยิ่ง ทำให้ผู้คนรอบข้างรู้สึกสบายใจเมื่ออยู่ใกล้เขา ปาร์คเป็นคนที่ไม่จำเป็นต้องมีความสูงเพื่อแสดงถึงความแข็งแกร่งหรือความน่าเกรงขาม เพราะเขามีเสน่ห์และความมั่นใจในตัวเองที่เป็นธรรมชาติ ซึ่งทำให้เขาโดดเด่นในแบบของเขาเอง

เมื่อปาร์คเดินผ่านผู้คน ใบหน้าที่มีขี้แมลงวันของเขามักจะทำให้คนหันมามองด้วยความสนใจและความประทับใจ ไม่ว่าจะเป็นสายตาที่ลึกซึ้ง คิ้วที่เข้มข้น หรือรอยยิ้มที่มีขี้แมลงวันเป็นเอกลักษณ์ ทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับปาร์คเหมือนจะสะท้อนถึงความมั่นใจและความเป็นตัวของตัวเอง เขาเป็นคนที่ไม่ต้องการการยอมรับจากใคร เพราะเขารู้ดีว่าเอกลักษณ์และเสน่ห์ของเขานั้นไม่เหมือนใคร เขามีเป้าหมายในชีวิตที่ชัดเจนและไม่ยอมให้สิ่งใดมาขวางทางความฝันของเขาได้

เสียงสัญญาณของการเคารพธงชาติเริ่มดังขึ้น ทุกคนในสนามหยุดการพูดคุยและทำตัวให้นิ่งสงบ เพลงชาติเริ่มบรรเลงขึ้นในอากาศ เมื่อเพลงชาติจบลง ทุกคนเริ่มแยกย้ายกันขึ้นห้องเรียน

ที่ห้องเรียน

ในห้องเรียนที่เงียบสงบ ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่หน้าชั้นเรียนเมื่อคุณครูใหญ่กำลังจะกล่าวแนะนำเพื่อนใหม่ที่เพิ่งย้ายเข้ามาในโรงเรียน เสียงพูดคุยของนักเรียนค่อยๆ เงียบลงเมื่อลูกบิดประตูถูกหมุนเปิดออก และร่างของเด็กหนุ่มที่ไม่คุ้นเคยก้าวเข้ามาในห้อง

“นักเรียนทุกคน นี่คือมิลล์ เพื่อนใหม่ของพวกเราที่เพิ่งย้ายมาเรียนในเทอมนี้” คุณครูเอ่ยแนะนำพร้อมกับรอยยิ้มใจดีที่ประดับบนใบหน้า

มิลล์ยืนอยู่หน้าชั้นเรียน เขามีท่าทีที่ดูสุภาพและอ่อนโยน ดวงตาสีดำสนิทของเขาเป็นประกายเล็กน้อยเมื่อมองไปยังเพื่อนร่วมชั้นใหม่ที่กำลังมองกลับมา ทุกคนต่างรู้สึกถึงความอบอุ่นและอ่อนโยนที่แผ่ออกมาจากเขาโดยไม่ต้องเอ่ยคำใดๆ

เรย์นั่งอยู่ที่แถวกลางของห้อง เขาสังเกตเห็นว่ามิลล์ดูเป็นคนที่มีบุคลิกแตกต่างจากคนอื่นๆ ในห้อง ใบหน้าของมิลล์เรียวยาวและมีลักยิ้มเล็กๆ ที่มุมปากขณะยิ้มแสดงออกมา ซึ่งทำให้เขาดูเป็นมิตรและเข้าถึงได้ง่าย แต่เรย์กับรู้สึกไม่ชอบขี้หน้า เหมือนมีอะไรอยู่ในใจ

ขณะที่คุณครูกำลังหาที่นั่งให้กับมิลล์ ปาร์คซึ่งนั่งอยู่ที่ด้านหลังของห้องก็มองมาที่มิลล์เช่นกัน

“มิลล์ ไปนั่งข้างเรย์นะ” คุณครูบอก มิลล์พยักหน้าก่อนจะเดินไปนั่งข้างเรย์ที่แถวกลาง เรย์เงยหน้าขึ้นมองมิลล์ก่อนที่ทั้งคู่จะสบตากัน

มิลล์เดินมานั่งที่เก้าอี้ ด้วยใบหน้าที่นิ่งเฉย ไม่แสดงอารมณ์หรือสีหน้าให้ฝ่ายตรงข้ามได้รับรู้

“สวัสดี” เรย์พูดทักทายก่อน แล้วยิ้มมุมปากเล็กน้อย ที่ทำให้บรรยากาศระหว่างพวกเขาดูผ่อนคลายลงเล็กน้อย

ปาร์คที่นั่งอยู่ไม่ไกลนักแอบสังเกตความสัมพันธ์ระหว่างมิลล์และเรย์อย่างเงียบๆ เขารู้สึกว่าเรย์มีท่าทางที่แตกต่างออกไปเมื่ออยู่ใกล้มิลล์ แต่ปาร์คก็ไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไรออกมา เพียงแค่จ้องมองและยิ้มน้อยๆที่มุมปาก

เวลาผ่านไปไม่ถึงนาที การแนะนำตัวของมิลล์ก็เสร็จสิ้นและคุณครูเริ่มต้นบทเรียนใหม่ แต่นั่นไม่ใช่จุดจบของเรื่องราว ทุกคนในห้องต่างรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงที่มิลล์นำเข้ามาด้วยเพียงการปรากฏตัวของเขา เรย์รู้สึกว่ามิลล์เป็นคนที่เขาควรจะทำความรู้จักมากขึ้น ในขณะที่ปาร์คก็เริ่มสนใจเพื่อนใหม่คนนี้เช่นกัน

บทที่2 อุบัติเหตุ

หลายสัปดาห์ต่อมา

ณ โรงอาหาร ของโรงเรียนเต็มไปด้วยเสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะของนักเรียนที่กำลังเพลิดเพลินกับมื้อกลางวัน โต๊ะส่วนใหญ่เต็มไปด้วยกลุ่มเพื่อนที่กำลังสนุกสนาน แต่มิลล์กับไม่ค่อยพูดคุยกับใคร ด้วยบุคลิกที่ค่อนข้างเก็บตัวและไม่ค่อยเปิดเผยความรู้สึกของตัวเอง มิลล์มักจะใช้เวลาพักกลางวันในการกินข้าวเงียบๆ คนเดียวที่โรงอาหาร และเมื่อกินเสร็จ เขาจะมุ่งหน้าไปยังห้องดนตรีซึ่งเป็นที่ที่เขารู้สึกสงบและปลอดภัยที่สุด

วันนี้ก็เช่นกัน มิลล์เดินเข้ามาในโรงอาหารพร้อมกับถาดอาหารในมือ เขามองหาที่นั่งว่างๆ สักแห่งที่ไกลจากกลุ่มคนมากที่สุด เพื่อที่เขาจะได้กินข้าวโดยไม่ต้องเผชิญหน้าหรือพูดคุยกับใคร แต่ขณะที่เขากำลังมองหาอยู่ กลับมีบางอย่างที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น

กลุ่มนักเรียนชายกลุ่มหนึ่งซึ่งนั่งอยู่ไม่ไกลจากทางเดินที่มิลล์กำลังเดินผ่าน พวกเขาเห็นมิลล์และเริ่มซุบซิบกันอย่างมีเลศนัย หนึ่งในนั้นลุกขึ้นยืนและจงใจแกล้งเดินชนถาดน้ำในมือของตนเอง น้ำในแก้วหกกระเด็นลงไปบนพื้นใกล้ๆ กับมิลล์ และเพียงเสี้ยววินาที มิลล์ก้าวเท้าไปบนแอ่งน้ำที่พวกนั้นจงใจทำหก ทันใดนั้น เขาก็ลื่นล้มลงไปบนพื้นอย่างแรง

เสียงล้มดังไปทั่วโรงอาหาร หัวของมิลล์กระแทกกับพื้นเสียงดังจนทุกคนในบริเวณนั้นหันมามอง มิลล์รู้สึกเจ็บแปลบที่หัวขณะที่พยายามจะลุกขึ้นแต่กลับรู้สึกเวียนศีรษะและอ่อนแรง เลือดไหลออกมาจากรอยแตกบนศีรษะของเขาเพียงเล็กน้อย แต่ความเจ็บปวดนั้นทำให้เขารู้สึกอับอายและหวาดกลัวมากยิ่งกว่า

กลุ่มนักเรียนที่แกล้งเขาหัวเราะคิกคักในขณะที่มองดูมิลล์พยายามยกตัวขึ้น แต่ยังไม่ทันที่มิลล์จะลุกได้ทันดี ปาร์ค เดินผ่านมาพอดีเห็นเหตุการณ์เข้า ปาร์คไม่รอช้า รีบวิ่งเข้ามาหามิลล์ทันที

“มิลล์! นายโอเคไหม?” ปาร์คถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง ขณะที่เขาช่วยพยุงมิลล์ขึ้นมา

มิลล์มองปาร์คด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอับอาย แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกขอบคุณที่มีคนเข้ามาช่วยเขา

“เรา.…เราไม่เป็นไร ขอบคุณนะ” มิลล์พูดเสียงเบา แม้ว่าเขาจะรู้สึกเจ็บที่หัว แต่เขาก็ไม่อยากสร้างความวุ่นวายให้กับใคร

“ไม่ นายไม่โอเคแน่ เดี๋ยวเราต้องพานายไปห้องพยาบาลนะ” ปาร์คยืนยันและไม่รอให้มิลล์ปฏิเสธ เขาประคองมิลล์เดินออกจากโรงอาหารไปยังห้องพยาบาล ท่ามกลางสายตาของนักเรียนคนอื่นๆ ที่มองตามไป

เมื่อทั้งคู่มาถึงห้องพยาบาล พยาบาลตรวจดูอาการของมิลล์และทำแผลให้ เขาบอกว่าบาดแผลไม่ร้ายแรงมาก แต่มิลล์ควรพักผ่อนสักระยะเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีอาการอื่นๆ ที่อาจตามมา

ขณะที่นั่งอยู่ในห้องพยาบาล ปาร์คยังคงอยู่เคียงข้างมิลล์ ไม่ยอมทิ้งไปไหน เขามองดูมิลล์ด้วยความเป็นห่วงและรู้สึกเสียใจที่เห็นเพื่อนใหม่ของเขาต้องเจอกับเหตุการณ์แบบนี้

“ทำไมคนพวกนั้นถึงแกล้งนายแบบนี้ ถ้านายอยากให้เราช่วยอะไรนายบอกเราได้เลยนะ 

เรายินดี” ปาร์คพูดด้วยน้ำเสียงจริงใจ

มิลล์รู้สึกถึงความอบอุ่นและความจริงใจจากคำพูดของปาร์ค เขาไม่เคยมีเพื่อนในโรงเรียนนี้มาก่อน และไม่เคยคิดว่าจะมีใครอยากจะเข้าใกล้เขา แต่ปาร์คทำให้เขารู้สึกว่ามันอาจไม่เป็นอย่างที่เขาคิดเสมอไป

“ขอบคุณมากนะ” มิลล์พูดออกมาด้วยรอยยิ้มเล็กๆ ที่ยังคงมีความเจ็บปวดแฝงอยู่ 

หลังจากที่พยาบาลตรวจเสร็จและให้มิลล์พักที่ห้องพยาบาลสักพัก ปาร์คก็นั่งอยู่ข้างๆ เขาโดยไม่พูดอะไรอีก เพียงแค่เฝ้าดูแลและให้ความมั่นใจว่ามิลล์จะไม่ต้องเผชิญกับความเหงาหรือความกลัวอีกต่อไป เมื่อถึงเวลาเข้าเรียน ปาร์คพามิลล์มาที่ห้องเรียนและต่างฝ่ายต่างก็กลับไปนั่งที่ของตัวเอง

ในห้องเรียนที่เต็มไปด้วยเสียงพูดคุยของเพื่อนร่วมชั้น เรย์นั่งอยู่ที่โต๊ะของเขา สายตาของเขาจับจ้องไปที่หน้าต่างด้านข้าง แต่แล้วเมื่อเสียงประตูห้องเรียนเปิดออก เขาก็เหลือบมองไปยังประตู มิลล์เดินเข้ามาด้วยท่าทางเงียบขรึมและมองหาที่นั่งที่คุ้นเคย ซึ่งก็คือที่นั่งข้างเรย์

มิลล์ทิ้งกระเป๋าลงบนโต๊ะอย่างเงียบๆ และนั่งลงข้างเรย์ โดยไม่พูดอะไร แต่เรย์สังเกตเห็นสิ่งที่ไม่ปกติทันที รอยแผลเล็กๆ บนศีรษะของมิลล์ยังคงเห็นได้ชัดเจน แม้ว่าจะไม่ใช่แผลใหญ่โตอะไร แต่มันก็ทำให้เรย์รู้สึกเป็นห่วงขึ้นภายในใจ

"มิลล์ นายไปทำอะไรมา ทำไมที่หัวถึงมีแผล?" เรย์ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่แฝงไปด้วยความห่วงใย

มิลล์เหลือบมองเรย์เล็กน้อยก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย "หกล้มน่ะ ไม่มีอะไรหรอก" เขาพยายามจะไม่ใส่ใจในคำถามนั้น เพราะคิดว่ามันเป็นเรื่องเล็กน้อยที่ไม่ควรใส่ใจมากนัก

ทั้งคู่ต่างเงียบไปชั่วขณะ บรรยากาศรอบๆ กลายเป็นความเงียบที่หนักอึ้ง เรย์ยังคงจ้องมองมิลล์อยู่ แม้ว่ามิลล์จะพยายามเบนสายตาไปที่อื่น แต่เขาก็รับรู้ได้ถึงสายตาของเรย์ที่ยังคงไม่ละไปไหน

"แล้วเย็นนี้กลับบ้านยังไง?" เรย์เอ่ยถามอีกครั้ง

มิลล์ถอนหายใจเบาๆ และตอบอย่างไม่ใส่ใจ "ยังไม่รู้เลย เดี๋ยวค่อยคิด"

คำตอบของมิลล์ทำให้เรย์รู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังปิดกั้นตัวเอง แต่เขาก็ยังคงพยายามเข้าถึง "ถามอะไรนักหนา..." มิลล์พึมพำเบาๆ แทบไม่ให้เรย์ได้ยิน แต่พอพูดจบ ทั้งคู่ก็ต่างเงียบกันไปอีกครั้ง

เวลาผ่านไปจนกระทั่งเสียงออดดังขึ้น เป็นสัญญาณหมดเวลาคาบเรียน เรย์หยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพาย และหันไปหามิลล์ที่กำลังเก็บของ

"เดี๋ยวไปส่ง" เรย์พูดขึ้นมาอย่างเรียบง่าย แต่ในน้ำเสียงนั้นกลับมีความแน่วแน่ "เจ็บขนาดนี้จะกลับยังไง"

มิลล์ชะงักก่อนจะหันมามองเรย์ "ไม่ต้องยุ่ง กลับเองได้" น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความรำคาญ และพยายามที่จะยืนยันว่าเขาสามารถดูแลตัวเองได้

เรย์ยืนมองมิลล์ที่กำลังพยายามจะลุกขึ้นจากที่นั่ง แต่ในจังหวะนั้นเอง มิลล์เกิดอาการหน้ามืดเพราะลุกเร็วไป ร่างของเขาเอนจะล้มลง แต่เรย์คว้าไว้ทันโดยไม่ลังเล มือของเขาโอบรับร่างบางของมิลล์ไว้ได้อย่างพอดี

“อย่าดื้อค่ะ” เรย์พูดเบาๆ ใกล้หูของมิลล์ น้ำเสียงของเขาทั้งอ่อนโยนและเด็ดขาดในเวลาเดียวกัน “เดี๋ยวกูไปส่ง เคนะ?”

มิลล์อึ้งไปชั่วครู่ สัมผัสอุ่นๆ จากมือของเรย์ที่โอบร่างเขาไว้ทำให้หัวใจของเขาเต้นเร็วขึ้นอย่างไม่รู้ตัว เขารู้สึกเขินอายกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธคำพูดของเรย์ได้

“อือๆ...” มิลล์ตอบกลับไปอย่างอายๆ หัวใจของเขาเต้นรัวในขณะที่เรย์ยังคงมองเขาด้วยรอยยิ้มที่มุมปาก

เรย์ได้ที แหย่เล่นเบาๆ "เออ ก็แค่เนี้ย” เขาพูดพร้อมกับยิ้มกว้างที่แฝงไปด้วยความอบอุ่นและความห่วงใย

มิลล์หันหน้าหนีเล็กน้อยเพื่อซ่อนรอยยิ้มที่เริ่มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา ในใจของเขารู้สึกสับสน ทั้งที่ยังคงรู้สึกขุ่นเคืองกับความกวนของเรย์ แต่กลับไม่สามารถปฏิเสธความรู้สึกอบอุ่นที่เรย์มอบให้ได้

หลังจากนั้น ทั้งคู่ก็เดินออกจากห้องเรียนด้วยกัน เรย์รู้สึกดีที่สามารถดูแลมิลล์ได้ แม้ว่าเขาจะเป็นคนที่ดูเหมือนจะไม่ต้องการความช่วยเหลือจากใครก็ตาม

เมื่อพวกเขาเดินออกมาถึงหน้าตึกเรียน เรย์มองไปที่มิลล์ที่กำลังเดินอยู่ข้างๆ เขา คำพูดมากมายที่เขาอยากจะพูดออกมาถูกเก็บไว้ในใจ แทนที่ด้วยการกระทำที่แสดงถึงความห่วงใย

"มิลล์ ถ้ามีปัญหาอะไร ก็บอกกูได้นะ” เรย์เอ่ยขึ้นอีกครั้ง ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนและจริงใจ

มิลล์หันไปมองเรย์ และพยักหน้าเบาๆ แม้ว่าเขาจะไม่พูดอะไร แต่ในใจเขารู้สึกว่าเรย์เป็นคนที่เขาสามารถพึ่งพาได้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม

"ขอบใจ..." มิลล์พูดเบาๆ ราวกับจะพูดกับตัวเองมากกว่าจะพูดให้เรย์ได้ยิน แต่เรย์ก็ได้ยินคำพูดนั้น และยิ้มออกมา

"ไม่เป็นไร มึงก็เพื่อนกูนี่" เรย์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่เริ่มจะเป็นกันเอง ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินต่อไปด้วยกัน แม้ว่าเส้นทางข้างหน้าจะยังยาวไกล แต่การที่พวกเขาได้เริ่มเดินไปด้วยกันในวันนี้ อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ที่ยิ่งใหญ่กว่าแค่เพื่อนร่วมชั้นธรรมดาๆ

บทที่3 ความรู้สึก….ที่ก่อตัวขึ้น

เรย์ขับรถพามิลล์กลับบ้าน เมื่อถึงหน้าบ้าน มิลล์ก็กล่าวขอบคุณ แต่ก่อนที่เรย์จะขับรถออกไป มิลล์ตัดสินใจชวนเรย์เข้ามาในบ้านเพื่อให้พักเหนื่อย และตามมารยาทของเจ้าบ้าน

เรย์ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจเข้ามาในบ้านของมิลล์ เขาแอบสำรวจรอบๆ บ้านด้วยความอยากรู้อยากเห็น “ปกติมึงอยู่บ้านกับใคร?” เรย์ถามด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่แฝงไปด้วยความสนใจ

มิลล์เดินนำเรย์เข้าไปในบ้านและตอบกลับอย่างเรียบๆ "ปกติอยู่กับแม่แล้วก็น้องสาว แต่วันนี้แม่กับน้องไปต่างจังหวัด เลยอยู่คนเดียว"

เรย์ยิ้มออกมาเล็กน้อย “อ่อ ผู้ชายคนเดียวหรอ” เขาพูดออกมาเบาๆ พร้อมกับสังเกตว่าบ้านของมิลล์ดูเงียบเหงากว่าที่คิดไว้

มิลล์มองเรย์แล้วพยักหน้าเบาๆ "ใช่... พักหายเหนื่อยแล้วใช่ไหม? ถ้าพร้อมแล้วก็น่าจะกลับได้แล้วมั้ง” น้ำเสียงของมิลล์แฝงไปด้วยความหงุดหงิดเล็กๆ ที่พยายามจะไม่แสดงออกมา

เรย์รู้สึกสนุกกับการยียวนมิลล์ จึงแกล้งถามต่อด้วยความขี้เล่น “ทำไม...เขินหรอ ผู้ชายมาบ้านอ่ะ?”

คำพูดของเรย์ทำให้มิลล์รู้สึกโกรธขึ้นมา เขาเดินไปหยิบน้ำมาให้เรย์ แต่แทนที่จะยื่นให้อย่างปกติ มิลล์กลับสาดน้ำใส่หน้าของเรย์ด้วยความหงุดหงิด “กลับบ้านไปเลย!”

เรย์ที่โดนน้ำสาดใส่หน้าแทบจะหมดความอดทน เขาลุกขึ้นด้วยความโกรธ ดวงตาของเขาแข็งกร้าว เต็มไปด้วยความไม่พอใจ เขาเกือบจะยกมือขึ้นเพื่อต่อยมิลล์ แต่ในชั่ววินาทีนั้นเอง เขากลับอดกั้นไว้ได้และหันหลังเดินออกจากบ้านไปด้วยความโกรธ เขารู้สึกว่าการต่อยคนที่ตัวเองห่วงใยไม่ใช่สิ่งที่ควรทำ แม้จะโกรธมากแค่ไหนก็ตาม เรย์เองก็ไม่รู้ว่าในใจของเขาได้มีที่ว่างให้ใครอีกคนเข้ามาแล้ว

แต่แล้วจู่ๆ เสียงแก้วตกลงบนพื้นดังขึ้นตามมาด้วยเสียงแตกกระจาย เรย์ชะงัก เขารู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่างที่ไม่ถูกต้อง เขาจึงรีบหันกลับไปและวิ่งกลับเข้ามาในบ้านอย่างรวดเร็ว

สิ่งที่เขาเห็นทำให้หัวใจของเขาแทบหยุดเต้น มิลล์นอนสลบอยู่บนพื้น ข้างๆ กับเศษแก้วที่แตกกระจายไปทั่ว เรย์ตกใจและรีบเข้ามากอดมิลล์ ทั้งเรียกชื่อ ทั้งเขย่าตัวให้มิลล์ตื่น “มิลล์! มิลล์! ตื่นสิ! เห้ย เป็นไรว่ะ ยังไม่ได้ทำไรเลย”

แต่มิลล์ยังคงไม่ตอบสนองใดๆ ตัวของมิลล์ร้อนมาก ราวกับไฟที่กำลังลุกลาม เรย์รู้ว่าต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อช่วยมิลล์ในเวลานี้

เขาตัดสินใจอุ้มมิลล์ขึ้นไปบนห้องนอน ด้วยความเร็วและความระมัดระวัง เขาวางมิลล์ลงบนเตียง และทันทีที่สัมผัสตัวมิลล์อีกครั้ง เขาก็รู้ว่าต้องทำอะไรเพิ่มเติมอีกเพื่อให้ไข้ของมิลล์ลดลง

เรย์รีบถอดเสื้อผ้าของมิลล์ออกเพื่อเช็ดตัวให้ ด้วยความเร่งรีบและความห่วงใย เขาเช็ดตัวให้มิลล์ด้วยผ้าชุบน้ำเย็นพยายามทำให้ไข้ลดลง แต่มันก็ดูไม่เป็นผลเลย ไข้ของมิลล์ยังคงสูงและร่างกายของเขาก็สั่นมากขึ้นเรื่อยๆ

ในที่สุดเรย์ตัดสินใจนั่งลงข้างๆ มิลล์บนเตียง และโอบกอดเขาไว้แน่น ร่างกายของเรย์ให้ความอบอุ่นและความมั่นคงในขณะที่มิลล์ยังคงอยู่ในภาวะที่ไม่สบาย เรย์มองใบหน้าของมิลล์อย่างใกล้ชิด ในขณะที่มือของเขาค่อยๆ ลูบแก้มของมิลล์ด้วยความอ่อนโยน

รอยยิ้มเล็กๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเรย์โดยไม่รู้ตัว “เวลามึงหลับนี่ ก็น่ารักดีเหมือนกันนะ” เรย์พูดกับตัวเองเบาๆ ในขณะที่เผลอบีบแก้มของมิลล์เบาๆ ด้วยความหมั่นเขี้ยว 

“ผู้ชายอะไรว่ะ น่าหมั่นเขี้ยวชิบหาย“

เวลาผ่านไปเรื่อยๆ เรย์ยังคงมองหน้ามิลล์อยู่แบบนั้น ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถละสายตาจากมิลล์ได้ จนกระทั่งเวลาผ่านไป 1 ชั่วโมง... 2 ชั่วโมง... และในที่สุดความเหนื่อยล้าก็ทำให้เรย์เผลอหลับไปข้างๆ มิลล์โดยไม่รู้ตัว

เช้าวันใหม่ที่บ้านของมิลล์ 

แสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาทางหน้าต่าง สร้างความอบอุ่นให้กับห้องนอน มิลล์ค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมา ความรู้สึกแรกที่รู้สึกได้คือความอบอุ่นจากบางสิ่งที่กอดตัวเขาไว้ เมื่อสายตาค่อยๆ ปรับเข้ากับแสงสว่าง เขาก็พบว่าตัวเองนอนอยู่ในอ้อมกอดของเรย์

ความตกใจทำให้หัวใจของมิลล์เต้นแรงขึ้น เขาพยายามนึกย้อนกลับไปว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อคืนนี้ แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองหน้ามืดล้มลงเมื่อคืน หลังจากนั้นก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย แต่เมื่อพิจารณาสถานการณ์ตอนนี้ มิลล์ก็เดาได้ไม่ยากว่าเรย์คงจะช่วยเหลือเขาและพาขึ้นมาบนห้อง

มิลล์มองหน้าเรย์ที่ยังหลับอยู่ ขณะที่หัวใจยังคงเต้นแรงโดยไม่รู้ตัว มิลล์เผลอยิ้มออกมาเมื่อเห็นใบหน้าของเรย์ที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม มิลล์ไม่เคยรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยเช่นนี้มาก่อน แต่ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกเหมือนตกใจขึ้นมาในจิตใจ เขารีบด่าตัวเองในใจ "กูคิดอะไรอยู่เนี่ย ทำไมมองมันแล้วใจต้องเต้นแรงด้วย?"

มิลล์พยายามสะกดอารมณ์และความรู้สึกให้สงบ แต่ในตอนนั้นเอง เรย์เริ่มขยับตัวและรู้สึกตัวขึ้นมาช้าๆ เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้นและหันมามองมิลล์ที่จ้องมองเขาอยู่ด้วยสายตาที่เจ้าเล่ห์ ทะเล้น

“มึงจะมองกูอีกนานไหม?” เรย์ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มปนขี้เล่น เมื่อรู้สึกได้ว่าสายตาของมิลล์กำลังจับจ้องตัวเอง

คำถามของเรย์ทำให้มิลล์สะดุ้งตัวขึ้นด้วยความตื่นตัว มิลล์รีบลนลานตอบ “กู... กูแค่สงสัยว่าทำไมกูถึงอยู่ในสภาพนี้”

เรย์ยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะรีบอธิบาย “ก็เมื่อคืนมึงหน้ามืดล้มลง กูก็เลย ก็เลย……” เรย์แกล้งทำเป็นทิ้งช่วงพูด แล้วทำหน้ายิ้มแหย่ มิลล์ตกใจ เกือบจะด่าเรย์แล้ว เรย์เลยพูดต่อ “กูตกใจเลยพามึงขึ้นมาบนห้อง มึงไข้ขึ้นสูงมาก กูเลยช่วยเช็ดตัวให้... มึงไม่ต้องห่วง กูไม่ได้ทำอะไรไปมากกว่านั้น มึงสบายใจได้” พอเรย์พูดจบก็หัวเราะมุมปาก ที่ได้แกล้งมิลล์ได้

มิลล์ฟังคำอธิบายของเรย์และรู้สึกโล่งใจเล็กน้อย “ขอบใจมึง” มิลล์ตอบเบาๆ พลางก้มหน้าเล็กน้อยด้วยความเขินอาย

“กูดีขึ้นแล้ว มึงกลับไปได้แล้วมั้ง” มิลล์พูดอย่างรวดเร็ว พยายามหาทางไล่เรย์กลับไปให้เร็วที่สุด เพราะไม่รู้จะจัดการกับความรู้สึกของตัวเองอย่างไร

เรย์ยิ้มอย่างเข้าใจ ก่อนจะลุกขึ้นจากเตียง “ไล่กูจังเลยนะมึงเนี้ย เออ ก็ได้ มึงพักผ่อนเยอะๆ แล้วกัน” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนกว่าเดิม “ถ้ามีอะไร ก็โทรหากูได้ตลอดเวลา”

มิลล์พยักหน้ารับ ก่อนที่เรย์จะเดินออกจากห้องไป แต่ในขณะที่ประตูปิดลง ความรู้สึกแปลกๆ ก็เกิดขึ้นในใจของมิลล์ เขารู้สึกเหมือนใจของตัวเองเต้นแรงขึ้นเมื่อคิดถึงเรย์ เขารู้ว่าเขาไม่ควรจะรู้สึกแบบนี้กับเพื่อนของตัวเอง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าในช่วงเวลาที่เรย์กอดเขาไว้ เขารู้สึกปลอดภัยและอุ่นใจอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน

ในขณะเดียวกัน เรย์ที่เดินออกจากบ้านมิลล์ก็รู้สึกถึงบางอย่างที่เปลี่ยนไปในใจของเขา เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงห่วงใยมิลล์มากขนาดนี้ ทำไมถึงอยากดูแลและปกป้องมิลล์ในทุกๆ ด้าน ความรู้สึกนี้ไม่ใช่แค่ความเป็นเพื่อนธรรมดาอีกต่อไป

เรย์เดินกลับไปที่รถของตัวเอง ความคิดในหัวของเขายังคงเต็มไปด้วยภาพของมิลล์ที่เขานอนกอดไว้เมื่อคืน รอยยิ้มเล็กๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเรย์ “กูเป็นอะไรว่ะเนี้ย สงสัยจะบ้า”

ในขณะเดียวกัน มิลล์ที่ยังคงนั่งอยู่บนเตียงก็เริ่มนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืน รอยยิ้มที่เคยปรากฏบนใบหน้าของเขาหายไปเมื่อเขาเริ่มตระหนักถึงความรู้สึกของตัวเอง “กู... จะรู้สึกแบบนี้กับมันไม่ได้... เรย์มันเป็นเพื่อนของกู”

แต่ไม่ว่ามิลล์จะพยายามโน้มน้าวตัวเองแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถห้ามใจไม่ให้คิดถึงเรย์ได้ ความรู้สึกนี้เหมือนกับเมล็ดพันธุ์เล็กๆ ที่เพิ่งเริ่มงอกขึ้นในใจของทั้งสองฝ่าย โดยที่พวกเขายังไม่รู้ตัวว่ามันคือ “ต้นรัก” ที่กำลังเติบโตขึ้นทุกครั้งที่พวกเขาอยู่ใกล้กัน

หลังจากวันนั้น ความสัมพันธ์ระหว่างเรย์และมิลล์ก็เริ่มเปลี่ยนไป แม้ว่าทั้งสองจะยังคงปฏิบัติตัวเหมือนเพื่อนสนิท แต่ก็มีบางสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปในใจของทั้งคู่ ความรู้สึกที่พวกเขาไม่กล้าจะยอมรับหรือพูดออกมา

แม้ว่าทั้งเรย์และมิลล์จะพยายามซ่อนความรู้สึกที่แท้จริง แต่ทุกครั้งที่พวกเขาอยู่ด้วยกัน ทุกคำพูด ทุกการกระทำ ล้วนแต่สื่อถึงความรู้สึกที่พวกเขามีต่อกันโดยไม่รู้ตัว ความสัมพันธ์ของพวกเขาจึงเริ่มพัฒนาขึ้นอย่างช้าๆ และเงียบๆ เหมือนกับต้นรักที่ค่อยๆ เจริญเติบโตอยู่ภายในใจของทั้งสองฝ่าย

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!