บทนำ จากโลกนี้ไปแล้ว
หลังจากเรื่องราวในวันนั้น ‘ทะเล’ เด็กหนุ่มผู้เคยมีรอยยิ้มสดใสก็ได้หายไปจากชีวิตของผู้คนที่เขาเคยพบเจอ
มันเหมือนกับว่าเขาได้หายจากโลกนี้ไปแล้ว
ทว่าตลอดระยะเวลาห้าปีชายหนุ่มอีกคนก็ไม่เคยละความพยายามที่จะตามหาเขาเลยสักวัน
มันเป็นช่วงเวลาหลายปีที่มืดบอด เหมือนพยายามตามหาเข็มเล็กท่ามกลางมหาสมุทรอันกวางใหญ่
ไร้ซึ่งเบาะแส ไร้ซึ่งหนทางพบเจอ จนกระทั่งวันนี้
ณ ป้ายรถเมล์แห่งหนึ่งในจังหวัดจันทบุรี
ยามนี้ท้องฟ้ามืดครึ้มมีฝนตกปรอย ๆ
สายลมเย็นได้พัดเข้ากระทบชายหนุ่มร่างสูงบริเวณริมถนน
เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีดำสนิทยืนนิ่งท่ามกลางเสียงฝนตกพร้อมเงยหน้ามองหยาดฝนที่ไหลลงมาจากชายคาป้ายรถเมล์อย่างเหม่อลอย
ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไรอยู่ โหยหา? เศร้า? หรือไม่ได้คิดอะไรกันแน่
เวลาผ่านไปไม่นานได้มีชายคนหนึ่งเดินกางร่มเข้ามาหลบฝนที่ป้ายรถเมล์เดียวกันกับเขา
ทั้งคู่ยืนห่างกันราวสองช่วงแขน
ชายหนุ่มตัวสูงปรายตามองอีกฝ่ายเล็กน้อย
แต่ไม่นานก็ดึงสายตากลับมามองหยาดฝนอีกครั้ง เขาเพียงคิดว่าคนข้าง ๆ
คงจะมารอรถเมล์เพื่อเดินทางไปที่ไหนสักแห่งเช่นเดียวกันกับเขา
ทว่าเมื่อคนตัวเล็กลดร่มลงเผยให้เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยทำให้คนตัวสูงแทบตะลึง
เขาไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่ตาเห็น ต่อให้ไม่ได้พบกันมานานหลายปี
แต่เขายังคงจำนัยน์ตาสีนิลคู่นั้นได้ไม่เคยลืม
ชายหนุ่มเผลอตัวดึงแขนคนตรงหน้าให้เข้าใกล้เพื่อให้แน่ใจว่าตัวเองไม่ได้ตาฝาดหรือกำลังเพ้อฝัน
คนที่ถูกฉุดก็ตกใจไม่แพ้กัน
ทั้งสองต่างจ้องมองกันเหมือนกับวันแรกที่พบหน้าเมื่อครั้งอดีต
เพียงแค่ครั้งนี้นัยน์ตาสีนิลที่เคยเปล่งประกายน่าค้นหานั้นได้หายไปแล้ว
มันถูกแทนที่ด้วยความมืดอันว่างเปล่าเหมือนกับเขาที่พยายามตามหาคนที่รักมาโดยตลอด
หัวใจชายหนุ่มพลันปวดร้าวขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเห็นใบหน้าที่เคยมีสีสันของอีกฝ่ายในตอนนี้กลับขาวซีดอย่างเห็นได้ชัด
ช่วงแขนที่เคยมีน้ำมีนวลกลายเป็นช่วงแขนที่ผอมเหมือนคนขาดสารอาหาร
สวมเสื้อยืดสีขาวที่ไม่ได้สวยอะไรเป็นเสื้อยืดธรรมดา
ผมที่เคยเรียบสวยกลับยุ่งเหยิงและขอบตามีสีดำคล้ำ
ทุกอย่างของอีกคนชวนให้เขาอยากจะปลอบประโลมและอยากจะโอบกอดไว้ให้แน่น ๆ
เสียเดียวนี้เลย
บทที่ 1 เสียงเรียกเมื่อครั้งอดีตหลายปีก่อน
“พี่ตะวัน!!”
เด็กชายวัยสิบสองปีหน้าตาจิ้มลิ้ม
ผิวกายขาวไม่มากสีโทนธรรมชาติ สูง 154 เซนติเมตร
ผลักประตูเข้ามาพร้อมเสียงตะโกนอย่างตื่นเต้น
อีกทั้งยังเดินกะเผลกไปทั่วบ้านอย่างเร่งรีบ
บาดแผลถลอกเลือดออกตรงเข่าก็ไม่มีผลทำให้เดินช้าลงเลย
ราวกับว่าความตื่นเต้นทำให้เด็กคนนี้ลืมความเจ็บปวดไปชั่วขณะ
เพียงอึดใจเดียวเขาได้เดินมาถึงห้องนั่งเล่นเป็นห้องสุดท้าย
“พี่ตะวัน!!” เขากวาดสายตาไปรอบห้องมุมห้องเพื่อมองหาพี่ชาย
แต่คนตรงหน้าที่พบกลับไม่ใช่คนที่ตามหา
ทั้งสองสบตากันอยู่สักพัก
ก่อนที่เด็กคนนี้จะก้มหน้างุดมองพื้นทันทีเพื่อหลบเลี่ยงสายตาที่มองกลับมาด้วยความงุนงง
“ตะวันไม่อยู่นะ ออกไปข้างนอก นายเป็นใครเหรอ?” เด็กหนุ่มคนหนึ่งพูดขึ้น เขานั้นมีวงหน้ารูปไข่ ผิวพรรณขาวผ่อง
ดวงตากลมหวาน จมูกเล็กพอดีกับวงหน้า ริมฝีปากอวบอิ่มถามด้วยความสงสัย ขณะที่นั่งอ่านหนังสืออยู่บนโต๊ะไม้
คนถูกถามเงยหน้าขึ้นช้า
ๆ แล้วตอบกลับด้วยความขวยเขิน
“พะ..พี่สวยจังครับ”
ทว่าในตอนนั้นกลับเป็นจังหวะที่ ‘ตะวัน’
เด็กหนุ่มวัยสิบห้าซึ่งมีผิวกายขาว ใบหน้าหล่อ คิ้วคมเข้ม จมูกโด่งเป็นสัน
สวมเสื้อโปโลแขนสั้นสีขาว ส่วนสูง 173 เซนติเมตร เดินเข้ามาพอดี
บนมือของเขาถือไอศกรีมอยู่หนึ่งแท่ง
“อาทิตย์? ฮ่า ฮ่า ฮ่า
เรานี่มันบ้าจริง ๆ พี่เขาเป็นผู้ชายนะ”
ตะวันเรียกชื่อน้องชายพลางกลั้นหัวเราะกับเรื่องที่พึ่งได้ยิน
หลังจากขบขันได้ไม่นาน
ก็เดินมุ่งหน้าเข้าไปหาคนบนโต๊ะอ่านหนังสือพร้อมแกะห่อไอศกรีมบนมือไปด้วย
“อ๊ะนี่ ไอติมรสผลไม้ของชอบทะเล ตะวันวิ่งไปซื้อมาให้เลยนะ
แถมตอนกลับต้องรีบวิ่งด้วย กลัวมันละลายก่อน ทะเลรีบกินเลย”
“อื้อ ขอบคุณนะ” ทะเลเอ่ยขอบคุณพร้อมยื่นมือไปรับ
“ยินดีครับคนสวย” ตะวันพูดหยอกล้อพลางหยักคิ้ว
เห็นท่าทีของตะวันแบบนั้นทะเลถึงกับส่ายหน้าแล้วหัวเราะออกมาเล็กน้อย
กัดไอศกรีมแท่งบนมือกินอย่างสบายอารมณ์
ส่วนอาทิตย์ผู้เป็นน้องชายของตะวันที่ได้ยินสิ่งที่ตะวันพูดก็รู้สึกอายจนอยากจะแทรกแผ่นดินหนี
ใบหูทั้งสองข้างของเขาแดงเล็กน้อย
เขาไม่คิดเลยว่าคนตรงหน้าที่ตัวเองชมเมื่อครู่จะเป็นผู้ชายแถมพี่ชายตัวร้ายก็ดันมาได้ยินอีก
ในเมื่อเรื่องมันเป็นแบบนี้พี่ชายจะต้องเอาเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ไปเล่าให้พ่อกับแม่ฟังแน่นอน
และเขาคงจะถูกล้อเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ไปอีกนาน
แม้จะคิดเช่นนั้นอาทิตย์กลับยังทำตัวเมินเฉย
ตัวเขาได้ลืมเรื่องที่กังวลไปจนสิ้น
เพราะเวลานี้เขาไม่อาจหักหักห้ามใจตัวเองไม่ให้มองเด็กหนุ่มคนสวยตรงหน้าได้เลย
“ตะ..แต่ว่า พี่เขาสวยจริง ๆ นะ”
อาทิตย์พูดออกมาอย่างซื่อตรง สายตาของเขาจ้องมองทะเลอย่างไม่ลดละ
ในจังหวะเดียวกัน
ตะวันได้เหลือบสายตาไปเห็นแผลถลอกเลือดออกบริเวณหัวเข่าของน้องชาย
รีบเดินเข้าไปถามอาการด้วยความเป็นห่วงอย่างทันที
“นี่!! ไปโดนอะไรมา?”
เขาคุกเข่าลงตรงหน้าอีกฝ่าย
มองสำรวจบาดแผลตรงเข่าด้านขวาของอาทิตย์ด้วยสีหน้ากังวล
แต่เด็กน้อยไม่ทันจะได้ตอบก็โดนพี่ชายสั่งเสียก่อน
“ไปนั่งตรงนั้นเลย”
ชี้นิ้วไปที่เก้าอี้ไม้ข้างเด็กหนุ่มหน้าหวานนามว่าทะเลคนนั้น
“เดี๋ยวพี่จะไปเอาอุปกรณ์มาทำแผลให้”
ไม่รอให้ผู้เป็นน้องชายได้ตอบเช่นเคย ลุกขึ้นแล้ววิ่งไปอีกห้องทันที
ตอนนี้ในห้องนั่งเล่นจึงเหลือเพียงพวกเขาอีกครั้ง
อาทิตย์พยายามหลบสายตาของทะเลที่จ้องมองมาด้วยการทำท่าทีมองสำรวจไปรอบ ๆ
จนคนเป็นพี่ต้องเป็นฝ่ายลุกจากเก้าอี้เดินเข้ามาหา
“นี่เราไหวรึเปล่า ให้พี่พาไปนั่งก่อนไหม?” ทะเลพูดพร้อมยื่นมือออกไปหมายจะช่วย แต่หนุ่มน้อยกลับตอบปัดปฏิเสธทันที
“ผะ..ผมเดินเองได้” พูดจบก็รีบเดินกะเผลกไปนั่งบนเก้าอี้
ใบหูเริ่มขึ้นสีแดงระเรื่อเล็กน้อย
ทะเลอมยิ้มก่อนเดินตามหลังมานั่งตรงเก้าอี้ข้าง
ๆ
“เราชื่ออาทิตย์ใช่ไหม?”
“อะ...อื้มม ผมชื่ออาทิตย์ แล้วพี่ชื่อว่าทะเลเหรอครับ
เห็นพี่ตะวันเรียกแบบนั้น”
“ใช่ พี่ชื่อทะเล”
“ผมชอบทะเลนะ” เขาพูดออกมาก่อนก้มมองแผลตรงเข่า หวังเพียงจะหลบสายตาที่มองมา
ทะเลได้ยินเลยนิ่งไปครู่หนึ่งพร้อมทำหน้าแปลกใจ
เขาได้ตั้งคำถามในความคิดกับสิ่งที่ได้ยิน
‘เอ๊ะ? อาทิตย์ชอบเราเหรอ?’
ชั่วครู่อาทิตย์พลันเอ่ยต่อ “ผมน่ะอยากไปอีกมาก ๆ
อยากจะเล่นน้ำ อยากจะวิ่งเล่นบนทรายหาดกับพี่ตะวันอีก”
พอพูดถึงเรื่องของสถานที่เที่ยวที่มีชื่อว่าทะเลทำให้อาการขวยเขินเมื่อครู่ของอาทิตย์หายไปสนิท
จากนั้นเขาค่อย ๆ ชำเลืองมองอีกคนด้วยหางตา ถามออกมาด้วยความอยากรู้
“แล้วพี่ทะเลเคยไปเที่ยวทะเลไหม?”
คนเป็นพี่หัวเราะกับตัวเองที่คิดอะไรไม่เข้าเรื่อง
ก่อนจะมองเด็กชายตรงหน้าด้วยความเอ็นดู
“เคยสิ ถ้าอาทิตย์อยากไปเที่ยวทะเลมากขนาดนี้
ไว้พวกเราไปเที่ยวด้วยกันไหม?” ปัดความคิดบ้า ๆ
ออกไปแล้วเอ่ยชวนคนตัวเล็กที่กำลังยิ้มใสซื่อ
“ได้เหรอครับพี่!?” อาทิตย์รีบเงยหน้ามองอีกฝ่ายด้วยความตื่นเต้น
เขาได้นึกถึงวันวานที่เคยไปเที่ยวทะเลกับครอบครัวอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา
ก่อนจะถามขึ้นทันที
“แล้วเราจะไปกันวันไหนเหรอครับ?” ดูท่าเจ้าตัวเล็กจะเร่งรีบเสียแล้ว
ไม่นานเสียงของตะวันพลันดังขึ้น
ในมือถือกล่องยาขนาดใหญ่มาด้วย
“ก่อนจะไปไหนก็ต้องทำแผลก่อนนะ ไอ้ตัวแสบ”
ทุกบทสนทนาเขาล้วนได้ยินทั้งสิ้น จนนึกหมั่นไส้น้องชายที่มีแผลแต่อยากลงน้ำทะเล
เขาเดินมานั่งลงตรงหน้าอาทิตย์แล้วเริ่มลงมือทำแผลอย่างเบามือ
“โอ๊ย! เจ็บ! เบา ๆ หน่อยสิพี่ตะวัน”
คนเป็นพี่เงยหน้ามองน้องชายที่กำลังหรี่ตามองแผลตัวเองด้วยความกลัว
เขาเผยยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู
“อาทิตย์จะบอกพี่ได้รึยังว่าไปทำอะไรมาถึงมีแผลแบบนี้?” เขาถามย้ำอีกครั้งพร้อมทำแผลอย่างเบามือยิ่งขึ้น
“แม่บอกผมว่าพี่กลับมาแล้ว
ผมเลยรีบปั่นจักรยานมาจากร้านอาหารของพ่อ” ตะวันได้ยินก็อดไม่ได้ที่จะผุดยิ้มเงยหน้ามองน้องชายด้วยความเอ็นดู
“เรานี่นะ คิดถึงพี่มากขนาดนั้นเชียว?” ในประโยคสุดท้ายน้ำเสียงของเขาแฝงด้วยความหยอกล้อ
“มะ..ไม่ใช่นะ!! ใครจะไปคิดถึงพี่กัน!”
อาทิตย์พูดพร้อมเบือนหน้าหนีสายตาที่มองมาด้วยความเขินอาย
เพราะสิ่งที่ตะวันพูดมาคือความจริง เขาคิดถึงพี่ชายยิ่งกว่าใคร ๆ
ตะวันไม่เถียงน้องชายแล้ว
เพียงยิ้มออกมาและลงมือทำแผลให้เบามากขึ้น
ทะเลที่นั่งมองอยู่เห็นว่าทั้งสองดูสนิทกันมากจึงพูดบางสิ่งออกมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“พวกนายสองคนนี่ ดูสนิทกันมากเลยนะ”
“ก็เขาเป็นน้องเรานี่/ก็เขาเป็นพี่ผมนี่”
ทั้งสองหันไปทางเจ้าของคำพูดเมื่อครู่ พร้อมกับตอบออกมาพร้อม ๆ กัน
พอได้ยินและได้เห็นแบบนั้นทะเลเลยเผลอหัวเราะออกมาอย่างลืมตัว
เพราะการที่คนเราจะพูดออกมาเหมือนกันหรือคล้ายกันในช่วงเวลาเดียวกันนั้นหาได้ยากมาก
แต่ทั้งตะวันและอาทิตย์กลับพูดออกมาด้วยใบหน้านิ่งเฉย
พร้อมจ้องมองมาที่เขาราวกับว่าเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องปกติของทั้งคู่
เมื่อสองพี่น้องได้ยินเสียงหัวเราะพร้อมรอยยิ้มแสนหวานที่ปรากฏบนใบหน้าสวยนั้น
ทำให้พวกเขาเหมือนถูกต้องมนต์สะกดให้เผลอยิ้มไปตาม ๆ กัน
“เสร็จแล้ว รอบหน้าก็ระวังด้วย!” คนตัวสูงพูดพร้อมยีหัวน้องชายด้วยความมันเขี้ยว
เจ้าตัวเล็กเอี้ยวตัวหลบจ้าละหวั่น
“พี่ตะวัน เราจะไปเที่ยวทะเลกันวันไหนเหรอครับ?” อาทิตย์ถามย้ำอย่างไม่ลดละ จนพี่ชายอย่างตะวันต้องออกแรงช่วยน้องชายอีกคน
“ทะเลล่ะ ว่ายังไง อยากไปไหม?”
คนถูกถามยิ้มรับ
ก่อนหันไปมองคนตัวเล็กกว่าซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ เอ่ยขึ้น
“อยากไปสิ แต่ไว้ให้แผลของอาทิตย์หายสนิทก่อนค่อยไปก็ได้
ปิดเทอมหน้าร้อนเหลืออีกตั้งหลายวัน”
“อื้ม..งั้นเอาตามนี้ เดี๋ยวตะวันจะไปขอให้พ่อกับแม่พาไป”
เมื่อได้ยินสิ่งที่พี่ชายบอกก็อดยิ้มไม่ได้
รีบพูดขึ้นด้วยความดีใจ
“พี่ตะวัน พี่รีบ ๆ เลย ไม่ต้องสนใจแผลผมหรอก แผลแค่นี้เอง”
เด็กน้อยคาดหวังกับเที่ยวครั้งนี้มาก
เพราะนานแล้วที่ไม่ได้ไปเที่ยวกับครอบครัวอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา
เผลอนิดเดียว? มือแสนบอบบางของทะเลพลันเข้ามาจับลงบนหัวของอาทิตย์
เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“เอาไว้ให้แผลตรงเข่าหายดีก่อน เดี๋ยวแผลจะติดเชื้อ”
เด็กน้อยหลบสายตา
ก่อนจะตอบตกลงไปโดยที่ไม่ผลักมือข้างนั้นออก
“ครับพี่ทะเล”
ส่วนตะวันที่เห็นเลยส่ายหน้าเล็กน้อย
ไม่นานจึงหันหลังให้ทั้งสองคนแล้วเดินเอากล่องปฐมพยาบาลไปเก็บไว้ที่เดิม
ระหว่างนั้นอาทิตย์เลยหันไปถามคนข้าง
ๆ ด้วยความอยากรู้
“ว่าแต่พี่ทะเล พี่เป็นเพื่อนกับพี่ตะวันมานานหรือยังครับ?”
“ก็ตั้งแต่ช่วงเข้าเรียน ม.ต้น ใหม่ ๆ นะ ทำไมเหรอ?”
“ผมไม่เคยเห็นพี่ทะเลมาก่อนเลย
แล้วพี่ตะวันก็ไม่เคยเล่าเรื่องพี่ให้ผมฟังด้วย”
“งั้นเหรอ แต่ว่าพี่ได้ยินเรื่องของเรามาจากตะวันเยอะเลยนะ”
ทะเลบอกพร้อมมองอีกฝ่ายด้วยความเอ็นดู
อาทิตย์เผลอสบตาไปครู่หนึ่งเลยรีบก้มหน้างุดหลบสายตากลมหวานคู่นั่นทันที
เอ่ยถามออกมาด้วยความเขินอาย
“พะ..พี่ตะวันพูดถึงผมว่ายังไงบ้างเหรอครับ?”
“ตะวันบอกว่าที่สระแก้วเขามีน้องที่น่ารักคนหนึ่งและเขาก็รักน้องคนนี้มาก
แต่ติดที่น้องคนนี้ดื้อไปหน่อย” พูดจบ รอยยิ้มชอบใจพลันปรากฏตรงมุมปากเล็ก
ดูเหมือนว่าเขากำลังคาดหวังบางสิ่ง
อาทิตย์ได้ยินแบบนั้น จึงรีบเงยหน้าหันหน้าไปบอกปัดทันที
“ผมไม่ได้ดื้อนะ!!? ” ถึงปากจะเถียงแต่ใบหูและพวกแก้มกลับขึ้นสีแดงเรื่อ
เอาเข้าจริงแม้อาทิตย์จะปฏิเสธไปด้วยท่าทีโมโห แต่ลึก ๆ
เด็กคนนี้ก็รู้สึกดีใจที่พี่ชายไม่ได้ลืมเขา
มิหนำซ้ำยังเล่าเรื่องของตัวเองให้เพื่อนฟังอีก
แต่อีกใจก็ตั้งคำถามว่าทำไมพี่ชายถึงบอกเรื่องแบบนี้กับคนอื่น
เขาทั้งโกรธทั้งดีใจไปในเวลาเดียวกัน
ทะเลเมื่อได้เห็นสีหน้าและท่าทีของอาทิตย์
เสียงหัวเราะหวานใสก็ได้ดังขึ้น ราวกับว่าทุกอย่างเป็นไปตามที่คาดหวัง
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า โอเค ๆ ไม่ดื้อก็ไม่ดื้อ เรานี่น่ารักจริง ๆ
เลย”
เมื่อได้เห็นรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของทะเล
แทนที่จะโกรธที่ตัวเองถูกแกล้ง กลับกลายเป็นว่าเขาอยากจะถูกแกล้งแบบนี้ต่อไปเรื่อย
ๆ สายตาของเด็กน้อยในเวลานี้ไม่อาจผละจากรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของคนตรงหน้าได้เลย
ไม่นานทะเลเองก็ยื่นมือไปยีหัวอาทิตย์บ้าง
พูดต่อด้วยน้ำเสียงหวานนุ่ม
“พี่แกล้งเราเล่น จริง ๆ
ตะวันเขาชมเราให้พี่ฟังตลอดเลยว่าเราเรียนเก่งมาก
สอบได้ที่หนึ่งทุกครั้งและยังมีเรื่องอื่นอีกเยอะเลยนะ”
“ครับพี่ทะเล”
เด็กหนุ่มอมยิ้มอย่างภูมิใจพลางก้มมองแผลตรงเข่า
สมองหวนนึกถึงภาพที่พี่ชายกำลังนั่งทำแผลให้ ก่อนจะค่อย ๆ
เงยหน้ามองทะเลแล้วถามขึ้นด้วยความสงสัย
“แล้วทำไมปีนี้พี่ทะเลถึงกลับมาที่สระแก้วพร้อมกับพี่ตะวันได้เหรอครับ
ปีก่อน ๆ ผมไม่เคยเห็นพี่กลับมาด้วยเลย”
“พี่กับตะวันนัดกันไว้ว่าจะมาติวหนังสือกันช่วงปิดเทอม
เตรียมสอบเข้าม.ปลายที่โรงเรียนใหม่ในจันทบุรี”
“พวกพี่กำลังจะขึ้นม.3เอง
ทำไมรีบอ่านหนังสือกันแล้ว เหลืออีกตั้งหนึ่งปีไม่ใช่เหรอครับ?”
ทะเลค่อย ๆ
ขยับตัวเข้ากระซิบข้างหูอีกฝ่าย
“พี่ตะวันเขากลัวสอบไม่ติดน่ะ”
พูดจบทะเลพลันหัวเราะออกมาเล็กน้อย
“อะ...อื้ม เข้าใจแล้วครับ” เด็กน้อยยิ้มร่า
ทั้งขบขันพี่ชายตัวเองและเขินเพื่อนพี่ชายด้วย
ไม่ทันไรตะวันก็เดินเข้ามา
“ทั้งสองคุยอะไรกันอยู่เหรอ ดูสนุกกันเชียว?” เขาได้ยินเสียงหัวเราะของทั้งคู่ดังลั่นไปจนถึงข้างใน
ตะวันรู้สึกได้ยินแบบนั้น ทะเลเองก็เริ่มเปิดใจให้อาทิตย์แล้วสินะ
อาทิตย์เห็นว่าพี่ชายมาแล้วเลยรีบปั้นหน้ากลับ
ก่อนบอกปัดด้วยท่าทีลนลานอย่างที่พยายามปิดเท่าไหร่ก็ไม่มิด
“ปะ..เปล่าครับ”
แต่เมื่ออาทิตย์มองหน้าพี่ชายที่กำลังยิ้ม
ความเศร้าสร้อยก็ได้แสดงออกมาทางสีหน้าและแววตาอย่างหักห้ามไม่ได้
“ผมอยากไปเรียนโรงเรียนเดียวกันกับพวกพี่จัง
แต่แม่ไม่ให้ผมไปด้วย” หนุ่มน้อยเหงาใจ ตั้งแต่เด็กก็มีพี่ชายคอยอยู่ด้วยเล่นด้วย
แต่เมื่อไม่กี่ปีก่อนพี่ชายต้องย้ายไปอยู่ที่อื่นทำให้อาทิตย์รู้สึกเหงา
ทั้งยังคิดถึงเป็นอย่างมาก
ตะวันเห็นท่าทีของอีกฝ่ายไม่ค่อยดีเลยเอ่ยออกไปอย่างหยอกล้อ
“อยู่กับแม่ไม่ดีเหรอ? เดี๋ยวพี่จะไปฟ้องแม่แน่”
อาทิตย์รีบส่ายหัวพร้อมส่ายมือไปมาห้ามปรามพี่ชาย
“อย่านะพี่ตะวัน! พี่อย่าบอกแม่นะ”
แววตาที่ตะวันมองน้องชายของเขาในตอนนี้เต็มไปด้วยความเป็นห่วง
ไม่นานเขาก็ได้เดินมานั่งลงตรงหน้าอาทิตย์ เอื้อมมือเข้าไปกุมมือเล็กเอาไว้
“พี่ขอโทษนะ ที่ปล่อยให้อาทิตย์อยู่คนเดียว”
ผู้เป็นน้องได้ยินแบบนั้นจึงรีบเบือนหน้าหลบสายตาด้วยความน้อยใจ
“ไว้ให้อาทิตย์โตกว่านี้ก่อน พี่จะช่วยขอพ่อกับแม่ช่วยอีกแรง
โอเคไหม?”
เขายังคงหลบหน้าไม่โต้ตอบ
ตะวันกุมมืออาทิตย์ไว้แน่นยิ่งขึ้น พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง
“ตอนนี้อาทิตย์กำลังจะขึ้นม.1 ได้เรียนอยู่โรงเรียนใกล้บ้าน
แถมยังได้กินอาหารฝีมือพ่ออีก ไม่ดีเหรอ?”
“แล้วทำไมพี่ถึงต้องไปเรียนไกลบ้านด้วย”
เด็กน้อยยังคงไม่รู้ในเหตุผล
“ที่พี่ต้องไปเรียนจันทบุรีก็เพราะต้องไปอยู่เป็นเพื่อนป้านิล
ตอนนั้นลุงน้อยแฟนป้านิลพึ่งเสียไป อาทิตย์จำได้รึเปล่า?”
อาทิตย์ค่อย
ๆ ปรายตากลับมามองตะวัน พูดด้วยความน้อยใจ
“จำได้ครับ”
ตะวันพูดต่อ
“ช่วงนั้นเป็นช่วงที่พี่กำลังจะเข้าเรียนม.ต้นพอดี
เลยต้องไปเรียนที่โน่น ไปอยู่เป็นเพื่อนป้านิลเขา”
“แล้วทำไมต้องเป็นพี่ด้วย”
“เพราะพี่เป็นพี่ของอาทิตย์ไง
พี่จะปล่อยให้น้องชายเพียงคนเดียวไปอยู่ไกลบ้านได้ยังไงและป้านิลก็ดีกับครอบครัวเรามาก”
พี่ชายแสนดีพยายามปลอบน้องชายที่คิดถึงเขามากจนงอแง
“แต่ว่า ผมอยากไปเรียนที่เดียวกับพี่ทะเล”
เขาพูดพร้อมปรายตามองคนที่พึ่งเรียกชื่อ
ตะวันได้ยินแบบนั้น คิ้วทั้งสองพลันขมวดเข้าหากัน
เขากำหมัดแน่นแล้วเขกหัวน้องชายไปหนึ่งที
จากความห่วงเมื่อครู่ผันเปลี่ยนเป็นความหมั่นไส้ทันที
“โอ๊ย!? พี่จะเขกหัวผมทำไมเนี่ย!!?”
“ไอ้เจ้าตัวแสบ ไม่ต้องมาพูดเลย”
“ก็พี่ทะเลเขาสวยจริง ๆ นี่!!”
“โอ๊ย... แล้วพี่จะเขกหัวผมอีกทำไมเนี่ย!!?” อาทิตย์พูดพร้อมเอามือลูบหัวตัวเอง เมื่อมะเหงกลงหัวอีกครั้ง
ตะวันเผยยิ้มมองน้องชาย
ก่อนจะใช้มือทั้งสองจับเข้าที่แก้มของคนตรงหน้าให้หันไปมองทะเลซึ่งกำลังมองมา
“เห็นมั้ย แบบนั้นเขาเรียกว่าน่ารัก
ไม่ใช่สวย”
ทะเลที่นั่งฟังทั้งสองคุยกันมานานจึงอมยิ้มแล้วหันกลับไปอ่านหนังสือต่อ
บทที่ 2 รอยยิ้มวัยเยาว์หนึ่งสัปดาห์ต่อมา
ณ บ้านพักตากอากาศริมทะเลจังหวัดจันทบุรี
เวลา 17.20 น.
“เหนื่อยจังเลย นั่งรถตั้งนาน ไม่คิดว่ารถจะติดขนาดนี้”
ทะเลพูดพร้อมบิดตัวไปมาขณะทิ้งตัวนอนลงบนเตียงสีขาวด้วยความเหนื่อยล้าจากการนั่งรถ
ตะวันที่พึ่งเปิดประตูเข้ามาเห็นแบบนั้นเลยรีบวางกระเป๋าและของบนมือลง
ก่อนจะเดินเข้าไปนั่งข้างเด็กหนุ่มหน้าสวย
“เดี๋ยวตะวันนวดให้”
“ไม่เป็นไร แค่นี้เอง บิดตัวสองสามทีก็หายเหนื่อยแล้ว”
ทะเลลุกขึ้นนั่งพร้อมบิดตัวไปมาด้วยความกระปรี้กระเปร่า
ตะวันยิ้มด้วยความเข้าใจพลางมองหน้าหวาน
เขาเคลื่อนตัวไปนั่งด้านหลังของคนตัวเล็ก ก่อนจะเอื้อมมือทั้งสองไปนวดไหล่ให้
เขาหวังว่าการที่เขาทำแบบนี้จะช่วยให้คนตรงหน้าคลายความเหนื่อยล้าลงได้บ้าง
ส่วนทะเลเมื่อเห็นว่าตะวันทำแบบนี้ก็ทำได้แค่ยินยอม
“ขอบคุณนะตะวัน”
“ดีขึ้นไหม?” ตะวันถามพร้อมนวดไปด้วย
“อื้อ... ดีขึ้นเยอะเลย”
ไม่ทันไร เสียงผลักประตูพลันดังขึ้นพร้อมกับเสียงเล็กแหลมของอาทิตย์
“พี่ตะวัน! พี่ทะเล! ไปเล่นน้ำกัน!!”
ทะเลและตะวันต่างมองไปยังต้นเสียง ซึ่งสวมแว่นกันแดดสีดำ
มือขวาถือห่วงยางลายเป็ดสีเหลือง มือซ้ายถือถังน้ำพลาสติกหูหิ้วสีแดงขนาดเล็ก
พร้อมสวมชุดลายเป็ดสีเหลืองทั้งตัว แม้แต่รองเท้าก็ยังเป็นรองเท้าเป็ด
เห็นอาทิตย์แต่งตัวแบบนั้นทั้งสองจึงหันไปสบตากันแล้วหัวเราะออกมาเสียงดัง
ดูท่าเจ้าตัวเล็กจะชอบเป็ดเหลืองมาก
“เอาล่ะ! งั้นพวกเราไปกันเถอะ!!”
ทะเลเอ่ยด้วยน้ำเสียงเปี่ยมด้วยพลัง
“แล้วทะเลหายเหนื่อยรึยัง?” ตะวันถามขณะวางมืออยู่บนไหล่เล็ก
“หายแล้ว มาเที่ยวกันทั้งที จะมัวนอนเอื่อยแบบนี้ได้ยังไง
ไปกันเถอะ!” พูดจบ เขาพลันลุกพรวดลงจากเตียงพร้อมคว้ามือของตะวันต่อด้วยอาทิตย์
ก่อนวิ่งออกมานอกบ้านพัก
หลังจากวิ่งออกมาไม่นาน เสียงของผู้เป็นแม่ก็ดังขึ้น
“อย่าไปไกลนักล่ะ! รีบกลับมาทานข้าวกันด้วยนะ!”
ตามมาด้วยเสียงตะโกนของพ่อ
“วันนี้พ่อจะทำปิ้งย่างนะ!”
“ครับบบ!” อาทิตย์และทะเลตอบพร้อมกัน
ตามด้วยเสียงทุ้มบางของตะวัน
“เดี๋ยวจะรีบกลับมาให้ทันอาหารเย็นนะครับ”
คู่สามีภรรยาต่างยืนมองแผ่นหลังของเด็กทั้งสามที่กำลังวิ่งออกไปด้วยรอยยิ้ม
“เอาล่ะ นี่ก็เย็นมากแล้วพวกเราไปเตรียมของกันเถอะคุณ
วันนี้เป็นวันสำคัญด้วย”
“ครับ วันนี้ผมจะทำปิ้งย่างรสเด็ดให้ทุกคนเอง”
ผู้เป็นสามีพูดพร้อมถกแขนเสื้อสีขาวทั้งสองข้างขึ้น
พลบค่ำ
เวลานี้เด็กทั้งสามกำลังวิ่งเล่นหยอกล้อกันไปมาบนหาดทรายสีขาวนวลอย่างสนุกสนาน
ดวงอาทิตย์ดวงใหญ่ค่อย ๆ จมลงสู่ท้องทะเลอย่างเชื่องช้า
แสงสีทองสุดท้ายของวันได้ตกกระทบคลื่นทะเลที่กำลังพลิ้วไหวตามสายลม
ท้องทะเลอันกว้างใหญ่ ฉาบด้วยแสงสีทองระยิบระยับ
ราวกับแสงนี้กำลังเต้นระบำอย่างเริงร่า ทำให้ผู้ที่พบเห็นอดไม่ได้ที่จะต้องมองมา
ภาพเบื้องหน้างดงามเสียจนเด็กทั้งสามต้องหยุดนิ่งแล้วจับจ้อง
รอบด้านมีเพียงเสียงของคลื่นกระทบฝั่งที่ยังคงดังให้ได้ยินพร้อมกับสายลมที่พัดพลิ้วผ่านใบหน้าพวกเขาอย่างแผ่วเบา
“สวยมากเลยครับพี่ตะวัน ผมอยากให้คุณปู่มาเห็นด้วยจัง”
เป็นเสียงของอาทิตย์ที่เอ่ยขึ้นพร้อมมองไปยังท้องทะเลเบื้องหน้าด้วยความตื่นเต้น
ตะวันได้ยินแบบนั้นจึงหันหน้าไปมองต้นเสียง
เมื่อเห็นใบหน้าที่กำลังยิ้มแย้มของน้องชาย รอยยิ้มรื่นรมย์ก็ค่อย ๆ
ปรากฏบนดวงหน้าของคนเป็นพี่ทันที
เขามีความสุขมากที่ได้เห็นน้องชายเพียงคนเดียวของเขากำลังยิ้ม
ก่อนจะหันกลับไปมองทิวทัศน์เบื้องหน้า
“นั่นสิ สวยมากเลย แล้วทะเลล่ะ คิดว่าสวยรึเปล่า?” ตะวันถามคนข้างกาย แต่สายตาของเขายังคงจ้องมองความงดงามตรงหน้าอยู่
เป็นการถามที่ไม่มีคนตอบ
ทำให้ทั้งตะวันและอาทิตย์ต้องหันมองเด็กหนุ่มซึ่งยืนอยู่ตรงกลางระหว่างพวกเขา
นัยน์ตาสีนิลของทะเลในตอนนี้เปล่งประกายราวกับมีดวงดาวนับล้านอาศัยอยู่
มันสวยงามจนทำให้ทั้งสองพี่น้องเผลอหยุดหายใจไปชั่วขณะ
พร้อมจ้องมองดวงตาคู่นั่นเสมือนมีแรงดึงดูดมากมายให้หลงใหล
จนกระทั่งมีเสียงพูดของทะเลดังขึ้น ทำให้ทั้งสองได้สติ
“มันสวยมากเลย”
ตะวันเผยยิ้มออกมาก่อนจะมองไปในทิศทางเดียวกันกับคนตัวเล็ก
ทว่าจู่ ๆ พลันมีน้ำมาจากไหนไม่รู้สาดเข้ามาที่ใบหน้าของเขา
ก่อนจะตามมาด้วยเสียงหัวเราะของคนร้าย
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า พี่ตะวันโดนแล้ว!”
“ไอ้ตัวแสบ!!” คนเป็นพี่ตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราดก่อนจะวิ่งตามน้องชายลงไปในทะเล
น้ำลึกประมาณหัวเข่าเพื่อเอาคืนเจ้าตัวเล็ก
สองพี่น้องสาดน้ำใส่กันอย่างสนุกสนาน
ทะเลที่ยืนมองสองพี่น้องอยู่เห็นแบบนั้นจึงหัวเราะออกมาด้วยความขบขัน
แต่ใครจะรู้ล่ะว่า จู่ ๆ ก็มีน้ำสาดเข้ามาที่ใบหน้าของเขาเหมือนกัน
“ตะวัน!!” ทะเลตะโกน
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ลงมาสิทะเล จะยืนอยู่ทำไม”
“นั่นสิพี่ทะเล ลงมาเร็ว” พูดจบ
สองพี่น้องต่างรวมหัวกันสาดน้ำใสทะเลรัว ๆ
“โอ๊ยย! พวกนายเจอดีแน่!!”
สิ้นเสียงทะเลพลันวิ่งลงไปร่วมสนุก พวกเขาทั้งสามสาดน้ำใส่กันไปมาด้วยความสนุกสนาน
ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะท่ามกลางแสงสีทองของดวงอาทิตย์ที่ค่อย ๆ
ลาลับขอบฟ้าไปทีละนิด
จวบจนเหนื่อยอ่อนหนึ่งเด็กชาย
สองเด็กหนุ่มต่างทิ้งตัวแผ่หลาบนหาดทรายด้วยความเหนื่อยอ่อนจากการวิ่งเล่นกันเมื่อครู่
“เอาละกลับกันได้แล้ว เดี๋ยวแม่จะบ่นเอา”
ตะวันซึ่งนั่งอยู่ฝั่งขวามือพูด ก่อนจะค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน
“จริงด้วย!! ทำไมพี่ไม่รีบบอกให้เร็วกว่านี้”
เจ้าตัวเล็กที่นั่งอยู่ตรงกลางบ่นเสียงดังพร้อมลุกพรวด มือเล็ก ๆ
รีบปัดเม็ดทรายบนกางเกงลายเป็ดออกทันที
“โดนหน้าพี่ทะเลหมดแล้ว ระวังหน่อยสิ”
ตะวันดุเมื่อเห็นน้องชายทำตัวไม่น่ารัก
อาทิตย์ได้ยินจึงรีบหันไปมองคนที่นั่งอยู่ทางด้านซ้ายมือของตัวเอง
พอเห็นว่ามีเม็ดทรายกระจายอยู่บนใบหน้าหวานนั้น จึงรีบเอ่ยขอโทษทันที
“พะ..พี่ทะเล ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจ”
“ไม่เป็นไรหรอกอาทิตย์ แค่นี้เอง” ทะเลตอบพลางหัวเราะไปด้วย
เขาไม่ถือโทษอาทิตย์ แต่อย่างใด หลังจากพูดจบไปไม่นาน
พลันมีมือหนายื่นเข้ามาปัดเม็ดทรายบนดวงหน้าเล็ก ๆ ของเขาออกด้วยสัมผัสที่เบาบาง
ซึ่งความอ่อนโยนนี้จะมาจากใครได้อีกนอกเสียจาก ‘ตะวัน’
เด็กหนุ่มตัวสูงและหล่อเหล่าที่มาพร้อมกับรอยยิ้มพิมพ์ใจที่สามารถสะกดหัวใจของใครต่อใครให้หลงใหลเพียงแค่จ้องมอง
เขาอมยิ้มเล็กน้อยพร้อมหลับตาลงเพื่อให้ตะวันปัดเม็ดทรายออกได้ง่าย
“เอาละ หมดแล้ว กลับกันเถอะ”
ตะวันเอ่ยพลางยื่นมือขวาให้คนตรงหน้า หมายจะช่วยพยุงตัวขึ้น
“ขอบคุณนะ” ทะเลเผยยิ้มอ่อน ก่อนเอื้อมมือไปให้อีกฝ่ายกุม
หลังจากลุกขึ้นยืน
ทะเลได้หันมองซ้ายขวาด้วยความสงสัย
“อาทิตย์หายไปไหนแล้ว?”
ตะวันที่มัวแต่มองหน้าหวานได้ยินว่าน้องชายของตัวเองหายไป
จึงรีบหันมองซ้ายขวาไม่ต่างจากทะเล ไม่นานเสียงตะโกนเล็กแหลมพลันดังขึ้น
“นี่!!! พี่ตะวัน!! พี่ทะเล!! เดี๋ยวแม่จะบ่นเอานะ
รีบกลับกันได้แล้ว!!” เสียงนี้ดังห่างออกไปจากพวกเขาราวสิบห้าเมตร
ด้วยความมืดบวกกับหาดทรายซึ่งมีแสงไฟพอประปราย
ทำให้เมื่อครู่พวกเขาไม่ทันสังเกตเห็นอาทิตย์ที่กำลังวิ่งตรงไปยังบ้านพักซึ่งห่างออกไปประมาณหนึ่งร้อยเมตร
ทั้งสองคนหลังจากเห็นอาทิตย์เจอแล้ว
จึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“นึกว่าหายไปไหนซะอีก”
ทะเลพูดพร้อมมองไปยังเด็กผู้ชายสวมชุดลายเป็ดสีเหลืองซึ่งกำลังวิ่งห่างออกไปเรื่อย
ๆ
ส่วนตะวันเองก็เผยยิ้มอ่อนมองน้องชายด้วยความเอ็นดู
“นั่นสิ ตกใจหมดเลย”
“งั้นเรากลับกันเลยไหม?” ทะเลถามพร้อมมองหน้าคนข้าง
ๆ
“อื้ม กลับกันเถอะ” ตะวันตอบ
ทว่าสายตายังคงจ้องมองไปที่น้องชายอย่างอ่อนโยน
เมื่อทะเลเห็นสีหน้าและท่าทีของตะวันที่มองอาทิตย์
ทำให้เขาอดยิ้มไม่ได้ ไม่นานมือบางก็ได้คว้ากุมมือของตะวันไว้แน่น
เอ่ยออกมาอย่างร่าเริง พร้อมวิ่งตามเด็กชายตรงหน้าไป
“ไปกัน!! อาทิตย์วิ่งไปโน่นแล้ว!”
ในขณะที่ทั้งสองเริ่มออกตัววิ่ง
ตะวันรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นและความนุ่มนิ่มบนมือของทะเล
ทำให้สายตาที่กำลังมองไปยังน้องชายด้วยความเอ็นดู
พลันแปรเปลี่ยนมาจ้องมองมือที่แสนบอบบางข้างนั้นแทน
เขาเริ่มปรายสายตาจากมือเล็กไล่ขึ้นไปเรื่อย ๆ
จนพบกับใบหน้าหวานของทะเล ซึ่งเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข
ทำให้เขาเผลอยิ้มตามอย่างหักห้ามไม่ได้
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!