NovelToon NovelToon

Starshine Wavelets: First Journey

จุดเริ่มต้น (1)

“พบดาวเคราะห์ Verth 2YT1 แล้วครับท่าน”

“ตอนนี้กำลังออกจากพื้นที่ความหนาแน่นสูงที่ 1894 ค่ะท่าน”

“ตั้งระบบพิกัดไว้ที่ G74865”

“รับทราบครับ”

“ตอนนี้กำลังทำการฉายภาพ Verth 2YT1 ค่ะท่าน”

“มีบางอย่างผิดปกติกับการอ่านค่าแรงโน้มถ่วงค่ะท่าน”

“ตอนนี้มีคลื่นพลังงานขนาดยักษ์กำลังพุ่งตรงมายังทิศทางของพวกเราด้วยความเร็วสูงครับท่าน!”

“แมกนิจูดอยู่ที่ 58.1 พันล้านล้านจูลครับท่าน!”

“กลับลำยาน! เปิดระบบเครื่องยนต์ขับดัน!”

“เปิดระบบเต็มกำลังและส่งพิกัดการวาร์ปมาให้ฉัน! ให้เร็วเลยทุกคน!”

ระบบเครื่องยนต์ขับดันของยานอวกาศก็ได้เริ่มทำงาน และในขณะเดียวกันคลื่นพลังงานลึกลับกำลังพุ่งทะยานไปยังดาวเคราะห์ Verth 2YT1 อย่างรวดเร็ว

“3… 2… 1…”

สิ้นเสียงนับถอยหลังของเจ้าหน้าที่ในยานอวกาศ คลื่นพลังงานได้เข้าปะทะกับดาวเคราะห์อย่างเต็มแรงจนทำให้ดาวเคราะห์นั้นระเบิดจนไม่เหลือแม้แต่ร่องรอยของมัน มีเพียงเศษซากของดาวเคราะห์ที่กระเด็นไปรอบทิศทาง ซึ่งเศษซากเหล่านั้นก็พุ่งตรงมายังยานอวกาศลำนั้นเช่นกัน

“มันมาแล้วสินะ”

“เปิดระบบแอนตี้ช็อค! กางโล่ป้องกัน!”

เจ้าหน้าที่ในยานจึงเปิดระบบทั้งหมดตามที่ถูกสั่งไว้ ก่อนจะเปิดระบบวาร์ปเพื่อไปยังจุดหมายตามพิกัดที่ตั้งไว้ในระบบแทบภายในทันที โดยที่ดาวเคราะห์ Verth 2YT1 นั้นก็ไร้ซึ่งร่องรอยให้ใครได้เห็นเป็นครั้งที่สองหลังจากการระเบิด

ณ ที่หนึ่งบนแดนที่อุดมสมบูรณ์ด้วยป่าไม้

สาวน้อยผมสีทองคนหนึ่งวิ่งเข้ามาในเมืองก่อนที่จะมุ่งหน้าวิ่งตรงไปยังบ้านหลังหนึ่งอย่างรวดเร็ว

“เฮ้อ น่าเบื่อจังเลย”

ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลที่นั่งบนเก้าอี้และขาพาดโต๊ะพูดขึ้น

“นั่นก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ มันหมายความว่าทุกอย่างปกติดีไงล่ะ”

ชายหนุ่มผมสีดำที่นั่งอ่านหนังสือบนโต๊ะกล่าว

“แล้ว Amelie ล่ะ นายคิดยังไงกับเธอคนนั้นน่ะ”

เมื่อชายหนุ่มผมสีดำได้ยินสิ่งที่ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลถามขึ้นมาก็รู้สึกประหลาดใจทันที

“หา นายหมายความว่าไงน่ะ”

“ถือว่าฉันได้บอกเตือนนายอะไรเล็กๆน้อยๆก็แล้วกันนะ”

“ยัยนั่นน่ะเป็นคนไม่รอบคอบ เธอไม่ยอมฟังใครพูดเอาซะเลย”

ชายหนุ่มผมสีดำที่เห็นสาวน้อยผมสีทองเดินมาอยู่ด้านหลังชายหนุ่มผมสีน้ำตาลก็ตกใจขึ้นมาเล็กน้อย แต่ดูเหมือนทางคนพูดจะยังไม่รู้ตัวว่าคนที่เขาพูดถึงมาอยู่ด้านหลังแล้ว

“ยัยนั่นเป็นคนชอบตื๊อ--”

ปั้ก!!!!

ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลถูกสาวน้อยผมสีทองต่อยเข้าที่หน้าจนหน้าของเขาจมลงไปกับโต๊ะที่ชายหนุ่มผมสีดำกำลังอ่านหนังสืออยู่เต็มๆ

“อะ… Amelie!”

ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลหันไปหา Amelie ซึ่งเธอโกรธจนแก้มพองหลังได้ยินสิ่งที่เขาพูด

“ฟังนะ ฉัน เอ่อ หมายถึง…”

“ฮ่ะๆ…”

“เจ้าบ้านี่…”

“ถ้านายมีเวลามาบ่นเกี่ยวกับฉัน นายก็มีเวลาทำงานอยู่ไม่ใช่เหรอ Murphy!”

Amelie ก้มลงมาบอกชายหนุ่มผมสีน้ำตาล

“แต่ว่ามันไม่มีอะไรทำนี่นา Amelie”

“ถ้างั้นทำไมนายไม่ออกไปลาดตระเวนกันล่ะ”

Amelie พูดก่อนจะจับมือ Murphy แล้วดึงเขาขึ้นมา

“มาสิ ฉันจะไปกับนายด้วย พวกเราทุกคนทำได้อยู่แล้วล่ะ”

“โอ๊ะ ก็ได้”

Murphy พูดตอบ Amelie ทั้งหน้าแดงก่อนจะเดินออกไปคนแรก

“Julien นายเองก็มากับพวกเราด้วยสิ!”

“ฉันด้วยเหรอ?!”

ชายหนุ่มผมสีดำประหลาดใจที่ Amelie ให้เขาไปด้วยก่อนที่เจ้าตัวจะตัดสินใจอะไรได้

“งั้นตกลงตามนี้ พวกเราทุกคนไปกันโลด!”

Julien Amelie และ Murphy จึงออกจากบ้านที่เป็นสำนักใหญ่ของกองกำลังพิทักษ์หมู่บ้านแล้วจึงเริ่มเดินลาดตระเวนเมืองตามที่ต่างๆ

เวลาผ่านไปหลังทั้งสามคนลาดตระเวนเมืองเสร็จแล้วพวกเขาจึงเดินกลับไปยังสำนักใหญ่ของกองกำลัง แต่ว่าทันใดนั้นเอง…

“ว้าย! นั่นมันอะไรน่ะ?!”

ทั้งสามคนหันไปมองว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อได้ยินเสียงของผู้หญิงที่กำลังหวาดกลัว

“เกิดอะไรขึ้นน่ะ”

Julien พูดพลางหันมองว่าเกิดอะไรขึ้นในเมือง

“อ๊าก! พวกโจรนี่นา!”

ชาวบ้านต่างตื่นตระหนกเมื่อเจอเหล่าโจรบุกเข้ามาก่อนจะหนีเข้าบ้านของพวกเขา

“อ๊าาาาาาา!!!”

ชาวบ้านที่ถูกพวกโจรดักเอาไว้ต่างวิ่งหนีเอาตัวรอดไปคนละทิศคนละทาง

“เจ้าพวกบ้านั่น! มาบุกที่นี่ตอนกลางวันแสกๆเลยเหรอเนี่ย?!”

Murphy กล่าวพร้อมกำหมัดไปด้วย

“พวกเราต้องไปช่วยพวกเขาแล้ว! เร็วเข้า!”

Amelie ว่าตาม Murphy

“ไปกันเถอะ!”

Julien พูดแล้ววิ่งนำออกไปก่อนเพื่อนทั้งสองคนของเขาจะตามหลังไป เมื่อมาถึงแล้วพวกเขาก็พบกับกลุ่มโจรส่วนหนึ่งที่มาประชันหน้า

“มาจัดการเจ้าพวกนั้นกันเถอะ”

Murphy บอก Julien และ Amelie ก่อนที่การต่อสู้จะเริ่มขึ้น

BATTLE START

“มีแขกมาเยี่ยมน่ะ!”

Amelie กล่าว

“พวกนั้นมาแล้ว!”

Murphy ตอบ Amelie

Julien กับ Murphy จึงวิ่งออกไปเพื่อจัดการกับเหล่าโจรในการต่อสู้ ส่วน Amelie นั้นยืนอยู่ด้านหลังแล้วเริ่มร่ายเวท

Julien กับ Murphy เข้าไปโจมตีโจรคนที่หนึ่งพร้อมกันจนศัตรูหมดสภาพการต่อสู้ แต่ทั้งคู่ก็ถูกโจรสองคนที่เหลือโจมตีจากด้านหลัง

“O healing power… Healing!!”

Amelie ร่ายเวทรักษาให้กับ Julien เพื่อฟื้นฟู HP ของเขา

“ขอบคุณมากเลย”

Julien กล่าวขอบคุณ Amelie ก่อนจะวิ่งไปโจมตีโจรสองคนที่เหลือด้วยกันกับ Murphy และทั้งสามคนสามารถจัดการกับโจรกลุ่มนี้ได้สำเร็จ

BATTLE END

RESULTS

EXPERIENCE: 6

COIN: 30

ACQUIRED ITEMS: Raspberries x2

“หา จบแล้วเหรอเนี่ย”

Julien กล่าวออกมาอย่างประหลาดใจหลังการต่อสู้จบลง

Julien Amelie และ Murphy จึงออกไล่ล่าเหล่าโจรที่บุกเข้ามาในเมืองกันต่อไป จนกระทั่งทั้งสามคนมาเจอกับหัวหน้ากลุ่มโจร

“พวกนั้นมันมีฝีมือมากกว่าที่่คิดไว้เลยลูกพี่”

โจรคนหนึ่งที่อยู่ด้านหลังกล่าว

“ปล่อยให้เจ้าเด็กพวกนี้มาเหยียบย่ำพวกเราแบบนี้เนี่ยนะ! น่าสมเพช! รอก่อนเถอะว่าฉันออกโรงเองจะเป็นยังไง!”

หัวหน้ากองโจรพูดด้วยน้ำเสียงโมโห

“ฉันจะบอกให้แกรู้เลยนะว่าพวกฉันไม่ใช่เด็ก! พวกเราคือกองกำลังพิทักษ์เมืองอย่างเป็นทางการต่างหาก!”

Julien ตอบโต้กลับไป

“และพวกเราจะไม่ยอมให้พวกนักเลงหัวไม้กับพวกขี้แพ้ไร้น้ำยามาเพ่นพ่านในที่นี่แน่!”

Murphy กล่าวต่อ

“ใช่! พวกนายคงไม่มีแรงสู้ได้ถึงสองสามนาทีด้วยซ้ำ!”

Amelie พูดดูถูกกลุ่มโจร

“ก… แกว่ายังไงนะ?!”

หัวหน้ากลุ่มโจรถึงกับผงะเมื่อได้ยินสาวน้อยตอบกลับใส่

“จัดการเจ้าพวกนั้นกันดีกว่าครับลูกพี่!”

โจรอีกคนกล่าวแล้วเข้ามาจู่โจมทั้งสามคน

BATTLE START

“ตั้งสมาธิให้ดีนะทุกคน!”

Julien พูดขึ้นมา

“พวกเราจะแพ้ให้กับเจ้าพวกนี้ไม่ได้นะ!”

Amelie เตือนเพื่อนๆของเธอ

Julien กับ Murphy จึงวิ่งแยกไปจัดการกับเหล่าลูกกระจ๊อกที่คอยคุ้มกันหัวหน้ากลุ่มโจร ส่วน Amelie นั้นยืนอยู่ด้านหลังเพื่อทำการสนับสนุน

เมื่อทั้งสองจัดการกับพวกลูกกระจ๊อกเรียบร้อยแล้วพวกเขาจึงวิ่งไปหาหัวหน้ากลุ่มโจรเพื่อล้มเขา

“เจ้าพวกนี้มันเก่งกว่าที่คิดไว้หลายเท่าเลยว่ะ”

หัวหน้ากลุ่มโจรพูดขึ้นมาแล้วโจมตี Julien กับ Murphy ที่วิ่งเข้ามาในระยะโจมตีทันทีซึ่งทำให้ทั้งสองคนถูกผลักออกไปเล็กน้อย แต่พวกเขาก็เริ่มโจมตีเมื่อเข้าประชิดตัวหัวหน้ากลุ่มโจรได้

“O healing power… Healing!!”

Amelie ร่ายเวทรักษาให้กับ Murphy เพื่อฟื้นฟู HP ของเขา

“ขอบคุณมาก”

Murphy กล่าวขอบคุณ Amelie ขณะที่เขากำลังโจมตีหัวหน้ากลุ่มโจรด้วยกันกับ Julien

หัวหน้ากลุ่มโจรถูกทั้งสองคนจัดการอย่างไม่ลดละจนเขาหมดสภาพในการต่อสู้

BATTLE END

RESULTS

EXPERIENCE: 7

COIN: 60

ACQUIRED ITEMS: Raspberries, Strawberries

Level ของ Julien เพิ่มขึ้นเป็น Level 2 แล้ว ได้รับ 60 SP, 12 T.SP, 1 TP และ 1 AP

Level ของ Amelie เพิ่มขึ้นเป็น Level 2 แล้ว ได้รับ 60 SP, 12 T.SP, 1 TP และ 1 AP, Amelie ได้เรียนรู้ Cleanse แล้ว

Level ของ Murphy เพิ่มขึ้นเป็น Level 2 แล้ว ได้รับ 60 SP, 12 T.SP, 1 TP และ 1 AP

“หน็อยแน่พวกแก… ครั้งนี้ถึงพวกแกจะชนะ แต่อย่าคิดว่าครั้งหน้าพวกแกจะชนะอีกละกัน! ครั้งนี้ฉันก็แค่ประเมินพวกแกต่ำไปเท่านั้นแหละ!”

“ฝากเอาไว้ก่อนเถอะ!”

หัวหน้ากลุ่มโจรที่ถูกจัดการจนน่วมกล่าวก่อนจะหนีออกจากเมืองไปโดยเหล่าโจรที่เหลือต่างหนีตามหัวหน้าของพวกเขา

“รอก่อนสิครับลูกพี่!!”

เหล่าโจรที่เหลือเรียกหัวหน้าของพวกเขาขณะที่พวกนั้นกำลังหนีออกจากเมืองเมื่อการบุกรุกล้มเหลวและตามหัวหน้าของพวกเขาไป และหลังจากนั้นก็มีชาวบ้านเดินมาหาทั้งสามคนเพื่อมาขอบคุณพวกเขา

“เฮ้อ ขอบคุณมากเลยนะพวกนาย”

ชาวบ้านคนนั้นกล่าว

“พวกเราแค่ทำหน้าที่ของพวกเราเท่านั้นเองครับ”

Julien ตอบเขา

“โถ นายนี่สุภาพจังเลยน้า”

Amelie พูดแซว Julien แต่เขาก็ไม่ค่อยถูกใจกับอะไรแบบนี้เท่าไหร่

ในคืนนั้น ที่บ้านของ Julien

“ฉันชงชามาให้จ้ะ”

แม่ของ Julien นำถาดที่มีชาชงมาอย่างดีอยู่สามถ้วยและคุกกี้จำนวนหนึ่งมาให้ลูกชายและเพื่อนๆของเขา

“ขอบคุณค่ะ”

Amelie กล่าวขอบคุณแม่ของ Julien ก่อนจะรับถาดจากเธอมา

“ทานให้อร่อยนะ”

แม่ของ Julien กล่าว

“เฮอะ เจ้าพวกโจรนั่นไม่เห็นจะเก่งเท่าไหร่เลยหนิ”

Murphy พูดขึ้นมา

“พูดอะไรของนายกันล่ะ นั่นก็แค่เหตุการณ์หวุดหวิดเท่านั้นแหละ และนายก็รู้นี่นา”

Amelie ตอบ Murphy ก่อนจะเห็นว่า Julien กำลังทำหน้าเคร่งเครียดอยู่พักใหญ่

“เป็นอะไรรึเปล่า Julien นายดูเหม่อหน่อยๆนะ”

Amelie ถาม Julien

“อ๋อ ช่วงนี้เขาดูซึมๆน่ะจ้ะ”

แม่ของ Julien ตอบ Amelie

เวลาได้ล่วงเลยผ่านไป Amelie กับ Murphy จึงบอกลา Julien

“งั้นไว้เจอกันนะ”

Murphy กล่าวลา Julien

“อืม”

Julien ตอบเพื่อนของเขาเพียงแค่นั้น

“หวังว่าพรุ่งนี้นายจะรู้สึกดีขึ้นนะ Julien”

Amelie กล่าวก่อนที่ทั้งสองคนจะออกจากบ้าน แต่ก็ไม่ลืมที่จะขอบคุณแม่ของเพื่อนของเธอ

“หนูต้องขอขอบคุณอีกครั้งนะคะคุณผู้หญิง”

Amelie กล่าวขอบคุณแม่ของ Julien

“โอ้ไม่เป็นไรจ้ะ แล้วไว้มาใหม่นะจ๊ะ”

แม่ของ Julien กล่าวก่อนที่ทั้งสองคนจะออกจากบ้านไป

Julien เดินไปยังหน้าต่างนห้องของเขาแล้วมองออกไปข้างนอกพลางพึมพำกับตัวเอง

“พอรู้สึกเบื่อแล้วมันดีแบบนี้เองเหรอเนี่ย”

Julien พูดกับตัวเอง

วันต่อมา…

แม่ของ Julien มาดูว่าลูกชายของเธอตื่นแล้วหรือไม่

“อุ๊ย แม่นึกว่าลูกยังหลับอยู่ซะอีก เมื่อคืนนอนไม่หลับเหรอ”

แม่ของ Julien ถามขึ้นมา

“ไม่ครับ ผมสบายดี”

Julien ตอบออกไป

“จริงเหรอ ลูกทำตัวแปลกๆนะช่วงนี้ แม่ไม่อยากให้ Amelie กับ Murphy เป็นห่วงลูกนะ”

แม่ของเขากล่าว

“โธ่ แม่ไม่ต้องห่วงขนาดนั้นหรอกครับ เดี๋ยวผมจะกลับมานะครับ”

Julien บอกแม่ของเขาก่อนจะออกจากบ้าน

“…………”

Julien นึกถึงอะไรสักอย่างก่อนจะมุ่งหน้าไปยังสำนักใหญ่ของกองกำลังพิทักษ์เมือง และเขาก็เจอกับ Amelie ที่ยืนรออยู่พอดี

“อรุณสวัสดิ์นะ Julien Murphy เข้าไปข้างในก่อนแล้วนะ”

Amelie กล่าวก่อนที่เธอกับเขาจะเข้าไปด้านในสำนักใหญ่

“เฮ้ Julien หัวหน้ากำลังรอนายน่ะ”

Murphy กล่าวเมื่อพบ Julien ก่อนจะพาทั้งสองคนไปพบหัวหน้าของกองกำลังพิทักษ์เมือง

“อ้าว มาแล้วเหรอ Julien”

หัวหน้ากองกำลังกล่าวเมื่อพบกับ Julien

“งั้นก็เข้าเรื่องกันเถอะ”

“เมื่อวานนี้พวกเธอสามคนทำให้พวกเราภาคภูมิใจมากเลย พวกเขาบอกว่าเธอสามคนขับไล่หัวหน้ากลุ่มโจรด้วยกำลังของตัวเองมาน่ะ”

“คนในเมืองอยากให้ฉันมอบสิ่งนี้ให้พวกเธอน่ะ เอาไปสิ”

หัวหน้ากองกำลังกล่าวก่อนจะมอบบางสิ่งให้ทั้งสามคน ซึ่งนั่นก็คือ Raspberries 5 ชิ้นและ Roasted Porkchop 1 ชิ้นนั่นเอง

“อะไรเนี่ย… เฮ้ นี่มันของโปรดของ Julien นี่นา! ทำไมเขาถึงได้ของพิเศษล่ะเนี่ย”

Murphy พูดเมื่อเห็นหัวหน้ากองกำลังมอบอาหารโปรดของ Julien มาให้ด้วย

“ฮ่าๆๆ เท่าที่ฉันรู้มาแฟนคลับของ Julien เป็นคนส่งมานั่นแหละนะ”

สิ่งที่หัวหน้ากองกำลังตอบมาทำให้ Murphy หัวเสียนิดหน่อย

“หึๆๆ ยังไงก็เถอะ พวกเธอพยายามให้ดีที่สุดด้วยละกันนะวันนี้”

หัวหน้ากองกำลังกล่าว

“มันก็ใช่ว่าพวกเราจะเจอเหตุการณ์เหมือนเมื่อวานบ่อยๆนี่นา”

“ถึงพวกเราจะนั่งอยู่เฉยๆเมืองนี้ก็ปลอดภัยอยู่แล้วล่ะ”

Murphy ตอบ

“ไม่ต้องพูดแบบนั้นเลยนะ Murphy!”

“พวกเราไปลาดตระเวนเมืองกันเถอะ”

Amelie กล่าวก่อนจะเดินออกจากสำนักใหญ่โดย Julien และ Murphy นั้นเดินตามหลังเธอไป จากนั้นทั้งสามคนจึงเริ่มออกลาดตระเวนเมืองเช่นเดิม

เวลาผ่านไปหลังทั้งสามคนลาดตระเวนเสร็จ ทันใดนั้นเองก็มีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้น

“พวกนาย หัวหน้ากองกำลังพิทักษ์เมืองต้องการจะพบตัวน่ะ”

ชาวบ้านคนหนึ่งเดินมาหาพวกเขาพร้อมพูดถึงเรื่องนี้

“เข้าใจแล้ว พวกเราจะไปเดี๋ยวนี้ละ”

Julien และเพื่อนๆของเขาจึงมุ่งหน้าไปยังสำนักใหญ่ของกองกำลังทันที ซึ่งหัวหน้ากองกำลังรอพวกเขาอยุู่ที่นั่น

“เรียกพวกเราเหรอครับ”

Julien ถามหัวหน้ากองกำลัง

“Julien เองเหรอ ดีจริงๆที่เธอมา พวกเราเจอปัญหาเข้าให้แล้ว มาดูนี่สิ”

“มีคนส่งจดหมายมาน่ะ”

หัวหน้ากองกำลังกล่าวก่อนจะส่งจดหมายฉบับหนึ่งมาให้ Julien ก่อนที่เขาจะเปิดอ่าน

“ตอนนี้ที่หมู่บ้าน Oakenreach กำลังประสบกับโรคระบาดลึกลับ คนในหมู่บ้านกำลังประสบกับอาการเป็นไข้สูง โปรดส่งความช่วยเหลือมาอย่างเร่งด่วน จากผู้ใหญ่บ้านของหมู่บ้าน Oakenreach”

ทั้งสามคนที่อ่านแล้วก็รู้สึกตกใจก่อนจะปรึกษาว่าต้องทำอย่างไร

“แล้วพวกเราจะทำยังไงล่ะ”

Amelie ถามขึ้นมา

“พวกเราก็ต้องไปช่วยสิ!”

Murphy ตอบ

“สมุนไพรที่เติบโตบนยอดเขา Hinnora น่าจะทำอะไรสักอย่างได้นะ”

Amelie เสนอขึ้นมา

“เดี๋ยวก่อน!”

หลัง Amelie เสนอตัวเลือกขึ้นมาก็มีเสียงของใครดังขึ้นก่อนจะมีชายคนหนึ่งเดินเข้ามา

“พ่อคะ!”

Amelie ประหลาดใจที่พ่อของเธอมาด้วยตัวเอง

“ให้ฉันจัดการเอง”

ชายคนนั้นกล่าว

“Jonathan! นี่เธอจะไปในนามของพวกเราอย่างนั้นเหรอ”

หัวหน้ากองกำลังถาม Jonathan

“ใช่ ฉันคิดว่าพวกเราคงไม่ต้องมากังวลอะไรมากกับโรคระบาดลึกลับนี้หรอกนะ”

Jonathan ตอบออกไป

“อืม ถ้าหมอที่ฝีมือดีที่สุดของ Pearlwood เป็นคนมาอาสาเองละก็พวกเราทุกคนคงสบายใจหายห่วงได้มากเลยล่ะนะ”

หัวหน้ากองกำลังพูดด้วยน้ำเสียงที่ผ่อนคลายลง

“เดี๋ยวสักพักฉันจะกลับมานะ ห้ามไปยังภูเขา Hinnora เด็ดขาดล่ะ มันอันตรายเกินไปสำหรับพวกเธอ”

Jonathan กล่าวก่อนจะออกจากสำนักใหญ่

ในคืนนั้นเอง Murphy เดินออกตรวจตราอยู่หน้าสำนักใหญ่ เมื่อเห็นว่าสิ่งรอบข้างไม่มีความผิดปกติเขาจึงเข้าไปด้านในสำนักใหญ่

“งั้นฉันไปก่อนนะ ราตรีสวัสดิ์”

หัวหน้ากองกำลังกล่าว

“ครับ ถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นพวกเราจะแจ้งให้ทราบนะครับ”

Murphy ตอบก่อนที่หัวหน้ากองกำลังจะเดินออกจากสำนักใหญ่ แต่เมื่อเห็น Julien ยืนมองออกไปนอกหน้าต่างและ Amelie ที่นั่งอยู่เงียบๆ Murphy จึงพยายามทำให้พวกเขาสบายใจขึ้นมา

“ไม่เอาน่าพวกนาย มีความสุขกันหน่อยสิ!”

“Amelie ฉันรู้นะว่าเธอรู้สึกยังไง แต่ Julien ช่วงนี้นายทำตัวแปลกๆไปนะ เกิดอะไรขึ้นรึเปล่า นายบอกพวกเราได้เสมอเลยนะ”

Murphy บอก Julien กับ Amelie

“…………”

Julien ที่ได้ยินเพื่อนของเขากล่าวก็ทำได้เพียงแค่นิ่งเงียบด้วยที่ไม่มีคำพูดใดๆจะตอบเขา

สองวันต่อมา…

Julien ที่กำลังตรวจตราว่าสิ่งของในห้องของเขาเก็บเป็นที่หรือไม่นั้นก็ได้ยินเสียงคนคุยกันอยู่นอกบ้านของเขา

“พ่อยังไม่กลับมาเลย ฉันต้องออกตามหาเขาแล้ว”

“เธอคงไม่ไปหรอกใช่มั้ย เขาบอกว่าถ้าเขาต้องการความช่วยเหลือเขาจะเรียกพวกเราน่ะ”

“แต่… แต่ฉันนั่งอยู่เฉยๆและรอแบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้วนะ!”

Julien จึงเดินออกไปดูว่าใครคุยกันอยู่หน้าบ้านของเขาก็พบว่านั่นคือเพื่อนๆของเขานั่นเอง

“Julien…”

Amelie พูดชื่อของเขาเมื่อได้เห็นหน้า Julien แต่ Murphy ก็ได้เห็นนกพิราบตัวหนึ่งกำลังบินมาทางของพวกเขาแล้วพบว่ามีจดหมายผูกอยู่ที่ขาของมัน เขาจึงเก็บจดหมายมาอ่านก่อนที่ Julien กับ Amelie จะถามเขา

“มันเขียนว่ายังไงบ้าง”

Amelie ถาม Murphy จึงอ่านจดหมายฉบับนั้น

“โรคที่ร้ายกาจได้แพร่กระจายไปทั่วหมู่บ้าน Oakenreach สิ่งที่ฉันสามารถทำได้ก็ไม่สามารถทำประโยชน์อะไรได้เลย และที่เลวร้ายกว่านั้นฉันเกรงว่าฉันเองก็คงติดโรคนั้นด้วยเช่นกัน เพียงการสัมผัสก็สามารถแพร่เชื้อได้แล้ว มันใช้เวลาฟักตัวยู่ประมาณหนึ่งชั่วโมง แต่หลังจากมันเริ่มพัฒนา ผู้ติดเชื้อจะกลายเป็นคริสตัลภายในเวลาสามวัน ตอนนี้หมู่บ้าน Oakenreach นั้นหมดหวังแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นห้ามไปที่นั่นเด็ดขาด จาก Jonathan Merrill”

Amelie ที่ได้ยินอย่างนั้นแล้วไม่รอช้าเธอจึงวิ่งออกจากเมืองเพื่อไปยัง Oakenreach ทันที

“Amelie! เดี๋ยวก่อน!”

Murphy ตะโกนบอก Amelie แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว

“เธอคิดจะไปยัง Oakenreach เองแน่ๆ! พวกเราต้องหยุดเธอเดี๋ยวนี้เลย!”

Murphy กล่าวก่อนที่เขากับ Julien จะวิ่งไล่ตาม Amelie จากด้านหลัง แต่ออกจากเมืองแล้วทั้งสองคนกลับคลาดสายตาจากเพื่อนของพวกเขาแล้ว

“แย่แล้ว พวกเราคลาดสายตาจาก Amelie ล่ะสิ”

Murphy กล่าว

“ยังหรอก ฉันว่าตอนนี้พวกเราคงอาจตามเธอทันอยู่”

“รีบไปกันเถอะ!”

Julien ตอบก่อนที่ทั้งสองคนจะมุ่งหน้าเดินทางไปยังหมู่บ้าน Oakenreach โดยพวกเขาต้องข้ามสะพานที่เชื่อมต่อทั้งสองแดนซึ่งมีแม่น้ำกั้นระหว่างทาง

แต่ขณะที่สองคนกำลังข้ามสะพานนั้นเอง Murphy ก็เริ่มทรุดลงกับพื้น ด้วยความเป็นห่วง Julien จึงเดินมาดูเขา

“เป็นอะไรรึเปล่า Murphy”

Julien ถาม Murphy

“ไม่มีอะไร ฉันไม่เป็นไร”

Murphy ตอบแล้วลุกขึ้นก่อนจะวิ่งข้ามสะพานต่อ Julien มองเขาอยู่พักหนึ่งแล้วจึงวิ่งตามเขาไป

เมื่อทั้งสองข้ามสะพานแล้ววิ่งไปยังหมู่บ้าน Oakenreach พวกเขาก็เจอกับเหล่ามอนสเตอร์สามตัวที่ดูคล้ายกับกระต่ายได้ปรากฏตัว ทั้งสองคนจึงต่อสู้กับพวกมันและได้รับค่าประสบการณ์กับเงินเมื่อกำจัดพวกมันได้สำเร็จ

Level ของ Julien เพิ่มขึ้นเป็น Level 3 แล้ว ได้รับ 60 SP, 12 T.SP, 1 TP และ 1 AP, Julien ได้เรียนรู้ Shockwave Rush แล้ว

Level ของ Murphy เพิ่มขึ้นเป็น Level 3 แล้ว ได้รับ 60 SP, 12 T.SP, 1 TP และ 1 AP

ทั้งสองคนจึงมุ่งหน้าต่อไปยังหมู่บ้าน และเมื่อมาถึงที่ Oakenreach แล้วพวกเขาก็เจอกับ Amelie ที่กำลังวิ่งขึ้นเขาก่อนมุ่งหน้าไปยังบ้านหลังหนึ่งอยู่นั่นเอง

“นั่น Amelie นี่นา! รีบตามไปเร็ว!”

Murphy บอก Julien ก่อนที่ทั้งสองคนจึงวิ่งตาม Amelie ไปยังบ้านหลังหนึ่ง เมื่อเธอเข้าไปในบ้านหลังนั้นทั้งสองคนก็ตามเข้าไปก่อนจะเห็นว่าพ่อของ Amelie อยู่ที่บ้านหลังนั้นด้วย

แต่ในขณะที่ Amelie พยายามจะไปหาพ่อของเธอนั้น เขากลับพูดสิ่งที่ไม่คาดฝันออกมา

“อย่าเข้ามาใกล้ฉันนะ!”

Jonathan ผู้เป็นพ่อกล่าวเสียงดังซึ่งลูกสาวของเขาตกใจอย่างมากก่อนจะเดินถอยออกมา

“ไม่ว่าพวกเธอจะทำอะไร ห้ามแตะตัวฉันเด็ดขาด”

Jonathan เตือน Amelie และแน่นอนเขาเตือน Julien กับ Murphy ด้วย

“พ่อคะ…”

“ฉันจบเห่แล้วล่ะ Amelie”

“และพ่อจะไม่ให้หนูยืนอยู่เคียงข้างพ่อเลยเหรอคะ หนูก็จับมือพ่อไม่ได้เหมือนกันเหรอคะ”

“ทำไมเรื่องแบบนี้ถึงเกิดขึ้นได้ล่ะ… ฮือๆ”

Amelie ทรุดลงก่อนร้องไห้ออกมาหลังรู้ว่าพ่อของเธอติดเชื้อด้วยอีกคน

Jonathan ไร้ซึ่งทางเลือกที่จะช่วยลูกสาวของเขาจึงทำได้เพียงแค่พึ่ง Julien กับ Murphy ที่เป็นเพื่อนของเธอ

“Julien Murphy เธอสองคนช่วยพาลูกสาวของฉันกลับไปที่เมืองหน่อยจะได้รึเปล่า”

Julien กับ Murphy ที่เห็นอาการของ Jonathan ไม่สู้ดีนั้นก็ทำได้เพียงแต่พยักหน้า

“Amelie พวกเราไปกันเถอะ”

Murphy บอก Amelie ซึ่งเธอก็ค่อยๆใช้มือเช็ดน้ำตาออกก่อนจะอกจากบ้านหลังนั้นไปกับ Julien กับ Murphy

“Amelie… ขอให้ลูกปลอดภัยนะ”

เมือง Pearlwood เวลากลางคืน

Amelie ได้ตัดสินใจในระหว่างทางกลับเมืองแล้วว่าเธอจะไปยังภูเขา Hinnora เธอจึงคิดที่จะออกจากเมืองเพียงคนเดียว

“ฉันขอโทษนะ”

“เดี๋ยวก่อนสิ”

เสียงของใครบางคนดังขึ้นก่อนจะเห็นว่าเพื่อนของเธอเดินตามหลังมา

“Murphy เองเหรอ”

“วางแผนจะไปเองคนเดียวเหรอ”

“…………”

“เธอจะไปเก็บสมุนไพรบนยอดเขา Hinnora เองสินะ”

“คงไม่จำเป็นต้องให้อัจฉริยะมาบอกหรอกมั้งว่าเธอคิดออะไรอยู่”

“แต่ฟังนะ เธอจะเข้าไปยุ่งกับปัญหาหนักแบบนั้นไม่ได้นะ โดยเฉพาะไปเองคนเดียวน่ะ!”

“ฉันขอโทษ”

“เอาน่า เลิกทำหน้ามุ่ยได้แล้ว”

“หืม”

“ไม่เป็นไรหรอก ถ้าพวกเราเก็บสมุนไพรนั่นได้พ่อของเธอจะต้องหายดีแน่นอน”

“นั่นสินะ”

“แต่ว่า…”

“นี่มันแย่เหลือเกินเลย ฉันทนเห็นเธอเศร้าแบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว!”

“Murphy?”

“Amelie ฉันอยากให้เธอรู้อะไรสักอย่างน่ะ”

“ฉัน… ฉัน…”

“อึ่ก……”

Murphy เริ่มทรุดลงไปกับพื้น Amelie ที่เห็นจึงกังวลว่าเขาเป็นอะไรไป

“Murphy? Murphy เป็นอะไรรึเปล่า นายไม่เป็นอะไรใช่มั้ย?!”

“อย่าเข้ามาใกล้ฉันนะ!”

Murphy กล่าวซึ่ง Amelie ตกใจเล็กน้อยก่อนถอยออกมา

“ม… ไม่ โทษที ฉันสบายดี ไม่มีอะไรหรอก”

“แต่ว่านาย… แข็งใจไว้นะ ฉันจะไปหาคนมาช่วย!”

Amelie จึงวิ่งออกไปก่อนจะไปยังบ้านของเพื่อนของเธอแล้วเรียกเขา

“Julien! Murphy ทรุดลงไปกับพื้นแล้ว!”

“…………”

Murphy ที่ทรุดลงกับพื้นนั้นบ่นกับตัวเองเบาๆ

“พอมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น เธอพูดอะไรเป็นอย่างแรกกันนะ ‘Julien… Julien…’”

Julien ที่นั่งเงียบๆอยู่ในบ้านได้ยินเสียงเคาะประตูก่อนจะดูว่าเป็นใคร นั่นคือเพื่อนของเขานั่นเอง

“Julien! มากับฉันเร็ว! Murphy ตกอยู่ในอันตรายนะ!”

Julien ที่ได้ยินแบบนั้นก็ประหลาดใจ

“เข้าใจแล้ว ไปกันเถอะ!”

Julien กับ Amelie จึงรีบออกจากบ้านเพื่อไปหา Murphy แต่พอมาเจอเขาแล้วเขาก็ยังคงปกติดีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“นายไม่เป็นอะไรใช่มั้ย?!”

Amelie ถาม Murphy แต่เขาก็สงสัยว่าเธอเป็นอะไรถึงได้ตื่นตระหนก

“หืม เธอหมายความว่าไงน่ะ”

“นาย… แต่… ฉันเพิ่งเห็นนาย…”

Amelie ไม่เชื่อกับสิ่งที่เธอเห็น

“เลิกด่วนสรุปได้แล้วน่า! ฉันแค่เวียนหัวนิดหน่อยเท่านั้นเอง ฉันบอกแล้วว่าไม่มีอะไร”

Murphy ตอบ Amelie ก่อนจะถาม Julien

“Julien นายไม่คิดว่าพวกเราควรไปเก็บสมุนไพรที่ยอดเขา Hinnora จะดีกว่าเหรอ”

“นั่นน่าจะเป็นสิ่งที่รักษาพ่อของ Amelie ได้นะ”

Murphy เสนอขึ้นมา

“โอ๊ะ อืม ใช่”

Julien ตอบ Murphy

“Hinnora อยู่ทางเหนือของ Oakenreach น่ะ พวกเราต้องระวังให้ดีล่ะ”

Julien บอกเพื่อนๆของเขา

“ก็จริงของนาย บนนั้นเป็นถิ่นของพวก Locustworm ซะด้วย”

Murphy กล่าว

“พวกเรารีบไปกันเถอะ”

Julien กล่าวก่อนที่ทั้งสามคนจะออกเดินทางไปยังภูเขา Hinnora

Julien และผองเพื่อนจึงเดินทางกลับไปยัง Oakenreach เพื่อไปยังภูเขา Hinnora ที่อยู่ตอนเหนือของหมู่บ้าน เมื่อมาถึงยังหมู่บ้านแล้วก็ไม่มีชีวิตใดหลงเหลืออยู่อีกเลย ทุกชีวิตกลายเป็นคริสตัลด้วยโรคระบาดอันลึกลับนี้

แต่พวกเขาจะมายืนเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้วไม่ได้ ทั้งสามคนจึงมุ่งหน้าออกจากหมู่บ้าน Oakenreach ไปทางเหนือเพื่อไปเก็บสมุนไพรบนยอดเขา Hinnora

“ถ้าพวกเราเดินต่อไปทางนี้เรื่อยๆก็จะถึงที่ภูเขา Hinnora แล้วล่ะ”

Julien กล่าว

“พวกเรารีบไปกันเถอะ”

Amelie บอก Julien กับ Murphy แล้วทั้งสามคนจึงเดินไปตามทางของถนนนเส้นเดียวเรื่อยๆจนถึงภูเขา Hinnora ที่เป็นจุดหมาย

เมื่อมาถึงภูเขา Hinnora แล้ว Murphy บอกอะไรสักอย่างให้กับเพื่อนๆของเขา

“ระวังตัวด้วยนะ ที่นี่เต็มไปด้วย Locustworm ทั้งนั้นเลยล่ะ”

“อึ๋ย พวกมันจะวางไข่บนตัวของคนที่เข้าใกล้มันมากเกินไปใช่มั้ย”

Amelie พูดทั้งทำหน้าสะอิดสะเอียน

“ถ้าไข่ของพวกมันฟักตัวละก็เรื่องใหญ่แน่”

Julien กล่าว

“พวกเราขึ้นยอดเขากันเถอะ”

Julien พูดแล้วเดินนำหน้าไปโดย Amelie และ Murphy เดินตามหลังเขา ขณะที่เดินทางอยู่นั้นเองก็มี Locustworm ตัวหนึ่งตกลงมาจากสักที่หนึ่งบนเขาก่อนจะมาจู่โจมกลุ่มของ Julien

BATTLE START

“ระวังให้ดีนะทุกคน!”

Julien และ Amelie พูดพร้อมกันก่อนที่เขากับ Murphy จะวิ่งไปโจมตี Locustworm ตัวแรกที่ปรากฏ ส่วน Amelie ยืนอยู่ด้านหลังแล้วเริ่มร่ายเวท

“Shockwave Rush!!”

Julien ใช้ HP ส่วนหนึ่งแล้วแกว่งดาบทำมุม 180 องศาซึ่งสร้างคลื่นกระแทกสีฟ้าบนพื้นตามทางที่เขาใช้ดาบฟันเพื่อโจมตีมอนสเตอร์ ก่อน Murphy เข้ามาสังหารมอนสเตอร์ด้วยการโจมตีปกติสองสามครั้ง

“O healing power… Healing!!”

Amelie ร่ายเวทรักษาให้กับ Julien เพื่อฟื้นฟู HP ของเขา

Julien กับ Murphy วิ่งไปหา Locustworm อีกตัวที่ปรากฏออกมาเพื่อสังหารมอนสเตอร์ที่เหลือ ทั้งคู่รุมโจมตีมอนสเตอร์ตัวนั้นจนมันถูกสังหาร

BATTLE END

RESULTS

EXPERIENCE: 20

COIN: 4

ACQUIRED ITEMS: Nothing

Level ของ Amelie เพิ่มขึ้นเป็น Level 3 แล้ว ได้รับ 60 SP, 12 T.SP, 1 TP และ 1 AP

เมื่อจบการต่อสู้แล้ว Murphy ตรวจสอบสภาพของแต่ละคน

“พวกนายไม่เป็นอะไรใช่มั้ย”

Murphy ถาม Julien และ Amelie

“อืม”

Amelie ตอบเขา

“อย่าลืมปัดไข่ของ Locustworm ออกจากตัวด้วยล่ะ”

Julien กล่าวเตือนเพื่อนๆของเขา

“ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันรู้อยู่แล้วน่า มันคงไม่เป็นปัญหาหรอกถ้ามันไม่ฟักตัวเร็วแบบนี้น่ะ!”

Amelie กล่าวซึ่ง Julien คิดพักหนึ่งก่อนตอบ

“นั่นสินะ”

Julien ตอบแล้วพวกเขาจะมุ่งหน้าเดินขึ้นภูเขาต่อ และในขณะที่กำลังเดินทางพวกเขาก็พบกับพวก Locustworm อีก แต่พวกเขาสามารถกำจัดพวกมันได้อย่างง่ายดายก่อนจะเดินทางต่อ

เมื่อ Julien Amelie และ Murphy เดินทางมาเกินครึ่งทางแล้วก็มีกลุ่มของ Locustworm มาจากด้านหลังก่อนที่ทั้งสามคนจะต่อสู้กับพวกมันและทำการสังหารพวกมอนสเตอร์หลังจากนั้น

แต่ในขณะที่พวกเขาจะเดินทางต่อ อยู่ๆ Murphy ก็ทรุดลงไปกับพื้น

“นายไม่เป็นไรใช่มั้ย”

Amelie ถาม Murphy ด้วยความเป็นห่วง

“อย่าแตะฉันนะ!”

Murphy พูดเสียงดังจน Amelie ตกใจก่อนเดินออกมา

“อะไรเนี่ย ฉันแค่เป็นห่วงนายเท่านั้นเอง นายไม่ต้องตะคอกใส่ฉันแบบนั้นก็ได้”

Amelie โกรธที่ Murphy ตะคอกใส่เธอ

“ไม่ ไม่มีอะไร ไม่ต้องห่วงฉันหรอก”

Murphy ตอบ Amelie ส่วน Julien มองเขาแล้วก็เริ่มรู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับเพื่อนของเขา

“เดี๋ยวนะ นี่นายคงไม่ได้…!”

Julien ไม่เชื่อในสิ่งที่เขานึกไว้ในหัวก่อน Murphy จะสารภาพบางอย่างออกมา

“ฉันว่าฉันต้องติดโรคมาจากตอนที่ฉันแตะนกพิราบสื่อสารตัวนั้นแน่ๆ”

Julien กับ Amelie ไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน แต่ถึงอย่างไร Julien ต้องการที่จะช่วยเพื่อนของเขา

“พวกเราต้องกลับไปที่เมืองให้เร็วเลย”

Julien กล่าว

“ไม่ต้องหรอก ฉันสบายดี ฉันยังไม่เริ่มกลายเป็นคริสตัลหรอกนะ”

Murphy ตอบ Julien แต่ Amelie ยังคงห่วงเพื่อนของเธอไม่หาย

“แต่……”

“ฉันบอกว่าฉันไม่เป็นไร!”

Murphy ยังคงตอบคำเดิมทั้งที่เพื่อนๆของเขากังวลและเป็นห่วงเขามาก

“โทษทีนะ แต่ฉันสบายดีจริงๆ”

“และก็สมุนไพรนั่นสามารถรักษาฉันได้อยู่แล้วใช่มั้ยล่ะ ไปกันโลด!”

Murphy กล่าวก่อนจะเดินนำเพื่อนๆของเขา หลังจากนั้น Julien กับ Amelie ก็เดินตามเขาไปจนถึงยอดเขา Hinnora

จุดเริ่มต้น (2)

จนมาถึงยอดเขา ทั้งสามคนก็เจอดอกไม้สีขาวที่เปล่งประกายอยู่ภายใต้แสงจันทรา นั่นอาจจะเป็น…

“นั่นมันดอกไม้ที่พวกเราต้องการนี่นา…”

Amelie กล่าวเมื่อเห็นดอกไม้ที่เติบโตบนยอดเขา Hinnora

ทัั้งสามคนจึงเดินหน้าเพื่อไปเก็บดอกไม้ แต่เดินไปได้เพียงก้าวเดียวก็มีแสงสว่างสีฟ้าส่องจากพื้นดินแล้วพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า และทันใดนั้นก็มีชายหญิงคู่หนึ่งได้ปรากฏตัวขึ้นมาภายในแสงสว่างนั้น

Julien Amelie และ Murphy คอยระวังคนแปลกหน้าสองคนที่ไม่คุ้นหน้าคุ้นตา แต่ชายผมสีเขียวอ่อนก็ทำหน้าสงสัยในอะไรบางอย่าง

“ฉันนึกว่าจะไม่มีใครอยู่ตรงนี้ซะอีก…”

ชายผมสีเขียวอ่อนกล่าว

“ฉันไม่พบสิ่งมีชีวิตใดๆอยู่ที่นี่เลยนะคะกัปตัน ตอนที่ฉันทำการสแกนพื้นที่นี้…”

หญิงผมสีฟ้าตอบชายชายผมสีเขียวอ่อน

“พวกนายเป็นใคร?! ต้องการอะไรกัน?!”

Julien ถามคนแปลกหน้าทั้งสองคน

“พวกเธอมาที่นี่เพื่อจะมาเอาสมุนไพรพวกนั้นไปจากพวกเรางั้นเหรอ?!”

Amelie ถามต่อจาก Julien

“พวกนายมาจากไหนกัน?!”

Murphy ถามต่อจาก Amelie แต่ชายแปลกหน้าพยายามที่จะเกลี้ยกล่อมทั้งสามคนให้ใจเย็น

“นี่ พวกเธอไม่เห็นจะต้อง…”

“หยุดอยู่ตรงนั้นเลยนะ!”

ยังไม่ทันที่ชายแปลกหน้าจะพูดจบ Amelie ก็บอกชายคนนั้นด้วยน้ำเสียงที่ดัง

“…กลัวไปเลย”

“ไม่ได้ผลเหรอเนี่ย”

ชายคนนั้นกล่าวกับตัวเอง

“นายเป็นใคร?! นายมาจากไหน?! นายแต่งตัวประหลาดมาก! และฉันไม่เชื่อใจนายแน่นอน!”

Amelie พูดด้วยน้ำเสียงที่ทั้งโกรธ สับสนและหวาดกลัว แต่ชายแปลกหน้าจึงตัดสินใจที่จะแนะนำตัว

“คืออย่างที่เธอเห็น ฉันชื่อ Victor S. Barhydt น่ะ”

“ฉันจะอธิบายให้เข้าใจยังไงดีนะ”

“กัปตันคะ ฉันขออนุญาตค่ะ”

ขณะที่ Victor กำลังครุ่นคิด หญิงแปลกหน้าจึงเสนอที่จะจัดการงานนี้แทนเขา

“ฉันชื่อ Mabel Davidson และได้โปรดก่อนที่พวกเธอจะพูดอะไร ฉันอยากให้พวกเธอรู้ว่าพวกเราไม่ใช่ศัตรูของพวกเธอ พวกเรามาที่นี่เพื่อช่วยเหลือพวกเธอนะ”

Mabel แนะนำตัวพร้อมกล่าวจุดประสงค์ของเธอและ Victor

เมื่อ Julien Amelie และ Murphy ได้ยินแบบนั้นจาก Mabel แล้วพวกเขาก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย

“ก่อนที่พวกเธอจะพูดอะไร ฉันอยากให้พวกเธอรู้ว่าพวกเราไม่ใช่ศัตรูของพวกเธอนะ”

Mabel กล่าว

“จริงเหรอ”

Amelie ยังคงไม่เชื่อ Mabel

“ก็แหงแหละพวกนั้นไม่ใช่เพื่อนเรา! ไม่ใช่กับคนแปลกหน้าพวกนี้น่ะ!”

Murphy บอก Amelie แต่ Julien เดินมาบอกอะไรสักอย่างกับ Victor และ Mabel

“พวกเราแค่มาเพื่อเก็บสมุนไพรบนภูเขานี้ก็เท่านั้นเอง”

Julien กล่าวแต่ Mabel คิดอะไรสักอย่างก่อนตอบเขา

“ฉันควรจะบอกพวกเธอว่าสมุนไพรพวกนี้ไม่สามารถหยุดใครจากการกลายเป็นคริสตัลได้หรอก”

สิ่งที่ Mabel พูดทำให้ Julien Amelie และ Murphy ตกใจและประหลาดใจมาก

“ได้ยังไงกัน… พวกนายเป็นใครกัน”

Julien ถามออกมา

“เริ่มสนใจที่จะฟังพวกเรามากขึ้นหรือยังล่ะ”

Mabel ถามกลับ โดย Julien Amelie และ Murphy คิดอยู่สักพักก่อนจะได้คำตอบ

“ได้สิ ว่ามาเลย”

Julien ตอบ Mabel และจากนั้นเธอจึงเริ่มเล่าว่าพวกเขาสองคนมาจากไหน

“ฉันมั่นใจว่าพวกเธอคงไม่เชื่อพวกเราในตอนแรก แต่พวกเรามาจากสถานที่ที่ไกลแสนไกลเพื่อมาช่วยเหลือพวกเธอทุกคน”

“แล้วทำไมพวกเธอถึงไม่มาให้เร็วกว่านี้ล่ะ”

Julien ถาม Mabel

“พวกเราไม่สามารถทำการติดต่อโดยตรงกับอารยธรรมที่อยู่ในช่วงต้นของการพัฒนาได้”

“มันเป็นส่วนหนึ่งของ Underdeveloped Planet Preservation Pact น่ะ”

Mabel ตอบอย่างตรงประเด็น

“ช่วงต้นของการพัฒนาเหรอ”

Julien สงสัย

“พวกเรามาที่นี่จากฟากฟ้าอันไกลโพ้น จากดาวเคราะห์ดวงอื่น พวกเรากำลังทำบางอย่างที่เป็นข้อยกเว้นพิเศษจากกฎเกณฑ์ที่ว่าน่ะ”

Mabel กล่าวซึ่งทำให้ Julien Amelie และ Murphy สงสัยกว่าเดิม

“ฟากฟ้าอันไกลโพ้นเหรอ ดาวเคราะห์ดวงอื่นงั้นเหรอ”

Julien ถามออกมา

“พวกเธอเป็นพระเจ้าอย่างนั้นเหรอ”

Amelie ถามต่อ

“ไม่หรอก พวกเราไม่ใช่พระเจ้าสักหน่อย พวกเราเป็นมนุษย์เหมือนพวกเธอนั่นล่ะนะ”

Mabel ตอบทั้งสองคน Julien และ Amelie มองดูคนนั้นแต่ก็ประหลาดใจขึ้นมานิดหน่อยก่อน Mabel จะอธิบายต่อ

“ดาว Ketis ที่เป็นกำลังต่อต้านพวกเราได้แหกกฎของ Underdeveloped Planet Preservation Pact และทำการขัดขวางโดยตรงกับดาวดวงนี้ แค่นั้นยังไม่พอ พวกนั้นยังยิงอาวุธชีวภาพใส่ดาวของพวกเธอและทำให้เกิดโรคระบาดแพร่กระจายไปทั่วดาวเคราะห์เลย”

“งั้นที่พวกเรากำลังกลายเป็นคริสตัลและก็เป็นเพราะฝีมือพวก Ketis เหรอ”

Julien ถามออกมา

“ถูกต้องแล้วล่ะ”

Mabel ตอบ Julien

“ฉัน… ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย”

Amelie พูดทั้งโกรธเคืองในใจ

“พวกเราถูกส่งมาที่นี่เพื่อตรวจสอบโรคนั้นและพยายามหาการรักษามันอยู่”

Mabel กล่าวก่อนที่ Victor จะกล่าวต่อ

“อย่างที่พวกเธอเห็น พวกเรามาเพื่อช่วยเหลือพวกเธอ อาจจะในทางที่พวกเธอคาดไม่ถึงแหละนะ”

Julien Amelie และ Murphy นึกอยู่สักพักก่อนจะถามต่อ

“ฉันยังไม่เชื่อเรื่องพวกนี้หรอก แต่พวกนายจะช่วยเรื่องยารักษาได้จริงเหรอ”

Amelie ถาม Victor

“ฉันเองก็ไม่เชื่อเหมือนกัน แต่ถ้าพวกนายสามารถช่วยเพื่อนของเราตรงนี้ได้…”

Julien กล่าวถึง Murphy ให้ Victor กับ Mabel รู้

“ถ้าพวกเธอมากับพวกเราและช่วยพวกเราในการสร้างวัคซีนละก็พวกเราสามารถรักษาเขาได้”

Mabel ตอบซึ่งทำให้สามคนสงสัย

“วัค… ซีน…?”

Julien สงสัยว่าวัคซีนคืออะไร

“เอิ่ม ยามหัศจรรย์ประมาณนั้นน่ะ”

Mabel ตอบออกมาสั้นๆ โดย Victor ตรวจสอบทุกคนก่อนจะพูดบางอย่าง

“เอาละ”

“มันมีบางอย่างที่พวกเธอต้องรู้ก่อนจะไปกันต่อ”

“ถ้าพวกเธอตัดสินใจที่จะไปกับพวกเรา พวกเธออาจจะไม่มีโอกาสได้เห็นดาวดวงนี้อีกเลย”

คำพูดของ Victor ทำให้ Julien Amelie และ Murphy ประหลาดใจอย่างมาก

“ทำไมล่ะ”

Julien ถาม Victor

“มันเป็นตามกฎที่บัญญัติไว้ ถ้าพวกเธอพัวพันกับพวกเรามากเกินไป พวกเราก็คงปล่อยให้พวกเธอใช้ชีวิตแบบเดิมไม่ได้”

“นั่นคืออีกส่วนหนึ่งของ Underdeveloped Planet Preservation Pact น่ะ”

Victor อธิบายก่อนจะเสนอทางเลือก

“ตอนนี้ ถ้าพวกเธอต้องการละก็พวกเราอาจจะแยกทางกันตรงนี้และพวกเธอจะทำเป็นว่าเรื่องทั้งหมดนี้ที่เกิดขึ้นเป็นเพียงแค่ฝันร้ายก็ได้”

“มันยังพอมีเวลาอยู่นะ”

ทั้งสามคนเริ่มคิดเมื่อฟังทางเลือกของ Victor แต่ Murphy นั้นกลับเลือกอีกทางหนึ่ง

“ฉันว่าฉันจะไปกับสองคนนี้ สิ่งที่ฉันรอได้ก็มีแค่ชีวิตในฐานะรูปปั้นคริสตัลละนะ”

Murphy เลือกที่จะไปกับ Victor กับ Mabel ซึ่ง Amelie คิดคนละแบบกันเลย

“นายทำแบบนั้นไม่ได้นะ! นายอยากให้ฉันเลือกระหว่างต้องเสียนายไปตลอดกาล หรือเสียพ่อกับทุกๆคนไปตลอดกาลอย่างนั้นเหรอ”

“อย่าให้ฉันทำแบบนั้นนะ Murphy!”

Amelie บอก Murphy ด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ แต่ Julien กลับเลือกเหมือนกันกับเพื่อนของเขา

“Amelie ไปกับ Murphy ด้วยกันเถอะ ฉันขอโทษที่ต้องขัดใจเธอ แต่ถ้าพวกเราอยู่ที่นี่พวกเราก็ทำอะไรไม่ได้หรอกนะ”

“ฉันรู้ว่าการทิ้งทุกคนที่เธอรู้จักไว้ที่ Pearlwood มันลำบาก แต่พวกเรามีงานใหญ่กว่ารออยู่ด้านหน้า พวกเราจะต้องช่วยทุกคนให้ได้!”

Julien บอก Amelie ซึ่งเธอก็มีกำลังใจขึ้นมาก่อนจะเลือกแบบเดียวกันกับ Julien กับ Murphy

“งั้นก็ตกลงตามนี้นะ ไหนๆก็ไหนๆแล้วพวกเราไปกันเถอะ ช่วยหลับตาลงก่อนนะ”

Mabel กล่าวจบ Julien กับ Murphy จึงหลับตา เหลือแค่ Amelie ที่ยังไม่หลับตา

“เอ๊ะ”

Amelie เห็นว่าเริ่มแสงสว่างปรากฏรอบตัวเธอและคนอื่นๆ จากนั้นทุกคนก็ลอยขึ้นมากลางอากาศ

“อ๊าาาาาาาาาาาาาาา…………!!!”

แสงสว่างค่อยเปล่งประกายขึ้นเรื่อยๆแล้วส่งทุกคนบนยอดเขา Hinnora ไปยังสถานที่ลึกลับแทบทันที

เดินทางข้ามเวลา (1)

หลังแสงสว่างที่ล้อมรอบตัวทุกคนได้หายไป พวกเขาทั้งหมดได้ปรากฏตัวอยู่บนสถานที่แห่งหนึ่งที่มีแท่นวาร์ปเรียงราย ซึ่ง Julien Amelie และ Murphy ประหลาดใจมากที่พวกเขาปรากฏตัวอยู่อีกที่หนึ่ง

“นั่นมันอะไรน่ะ?!”

Amelie กล่าวพลางมองไปรอบๆ

“พวกเราอยู่ที่ไหนน่ะ?!”

Julien ถาม Victor กับ Mabel

“นี่คือยานอวกาศของพวกเราน่ะ”

Victor ตอบ Julien โดย Amelie แสดงความคิดเห็นด้วยความตกตะลึง

“พ… พวกนายเป็นพระเจ้าจริงๆด้วย”

“พวกเราไม่ใช่พระเจ้าหรอก พวกเราแค่พัฒนาก้าวไกลไปมากกว่าพวกเธอเท่านั้นเอง สักวันหนึ่งพวกเธอก็สามารถมีของแบบนี้ได้เหมือนกัน”

Mabel อธิบายสั้นๆ

“…………”

Julien ถึงกับพูดไม่ออกก่อน Victor จะบอกกับกลุ่มของเขา

“ถ้างั้นพวกเราพาเขาไปยังห้องพยาบาลกันเถอะ”

Victor กล่าวก่อนจะเดินนำออกจากห้องวาร์ปกับ Mabel โดย Julien Amelie และ Murphy เดินตามหลังพวกเขาไป

เมื่อออกมาแล้วทั้งสามคนก็ต้องถึงกับตะลึงกับภายในยานอวกาศซึ่งมีเทคโนโลยีมากมายพวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต

“พื้น! มันกำลังขยับอยู่!”

Julien พูดด้วยความประหลาดใจเมื่อเห็นสายพานที่กำลังทำงาน

“และประตูด้านหลังนั่นก็เปิดเองด้วย!”

Amelie พูดพลางหันไปมองประตูอัตโนมัติด้านหลัง

“สุดยอด ฉันไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนเลย”

Julien พูดด้วยความประหลาดใจยิ่งกว่าเดิม แต่ Victor กับ Mabel ยิ้มน้อยๆออกมาก่อนจะเดินนำทั้งสามคนเพื่อไปยังอีกฝั่งด้วยสายพานคมนาคมในยานอวกาศ

“ฉันเพิ่งรู้ตัวว่าฉันยังไม่ได้ถามชื่อของพวกเธอเลยแฮะ”

Victor บอก Julien Amelie และ Murphy

“ชื่อของฉันคือ Julien D. Rachel”

Julien บอกชื่อของเขา

“ฉัน Amelie Merrill”

Amelie ตอบ Victor

“Murphy Crowford…”

Murphy กล่าวโดยที่อาการของเขาแย่ลงเรื่อยๆซึ่ง Mabel รู้ได้ทันที

“กัปตันคะ อาการของเขากำลังแย่ลงค่ะ”

Mabel บอก Victor

“ถ้างั้นพวกเราต้องรีบแล้ว”

Victor กล่าว เมื่อมาถึงอีกฝั่งเขาจึงพา Julien Amelie และ Murphy ไปยังห้องพยาบาลกับ Mabel

ในห้องพยาบาลของยานอวกาศ Victor สั่งให้หมอนำตัว Murphy ขึ้นไปยังเครื่องจักรที่ไม่ทราบโดยทันที

“นี่อะไรน่ะ”

Julien ถามขึ้นมาเมื่อเห็นเครื่องจักรนั้น

“ฉันคิดว่านี่น่าจะเป็นสิ่งประหลาดสำหรับพวกเธอสินะ แต่นี่คือวิธีการที่พวกเราใช้สำหรับรักษาคนป่วยน่ะ”

Mabel ตอบ Julien

“ช่วยตรวจอาการของเขาหน่อยนะครับคุณหมอ”

“รับทราบครับ”

Victor บอกหมอคนเดิมก่อนจะเดินมาหา Julien กับ Amelie

“ถ้าจะให้พวกเธอรออยู่ที่นี่ก็ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ งั้นไปสำรวจยานอวกาศสักหน่อยดีมั้ย”

Victor ถาม Julien กับ Amelie แต่ Mabel กลับไม่เห็นด้วยกับกััปตันของเธอ

“กัปตันคะ นั่นเป็นการแหกกฎของ Preservation Pact นะคะ”

“ทำยังไงได้ล่ะนะ สำหรับเรื่องนั้นมันสายไปนิดหน่อยแล้วไม่ใช่เหรอ ฉันจะรออยู่ที่ห้องบังคับการนะ เธอพาพวกเขาดูรอบๆยานหน่อยจะได้รึเปล่า”

Victor บอก Mabel ก่อนจะเดินออกจากห้องพยาบาล

“กัปตันคะ!”

Mabel เรียกกัปตันของเธอ แต่เขาก็เดินออกไปเสียแล้ว

“ให้ตายสิ”

Mabel บ่นกับตัวเองก่อนจะพา Julien กับ Amelie ออกจากห้องพยาบาล จากนั้นเธอจึงพาทั้งสองคนไปยังอีกฝั่งผ่านสายพานคมนาคมในห้องทางเดินเชื่อมต่อ เมื่อมาถึงอีกฝั่งแล้ว Mabel จึงพา Julien กับ Amelie เข้าไปด้านในห้องตรงหน้า

เมื่อเข้ามาแล้ว Mabel จึงอธิบายอะไรเล็กน้อยให้ Julien กับ Amelie ได้รู้

“พวกเธอเห็นวงกลมตรงนั้นบนพื้นใช่มั้ย นั่นคือลิฟต์โดยสารล่ะ”

“ลิฟต์โดยสารเหรอ”

Julien ถามด้วยความสงสัย

“นั่นเป็นวิธีที่พวกเราใช้ขึ้นตามชั้นต่างๆไงล่ะ ลองใช้ดูสิ”

Mabel ตอบ Julien ก่อนที่ทั้งสามคนจะเดินไปยังลิฟต์ของยานอวกาศ

“ชั้น 1 Air Lock เหรอ ลองไปชั้นนั้นดูละกัน”

Julien กดปุ่มทางซ้ายสุดก่อนที่ลิฟต์จะค่อยๆเคลื่อนที่ลงไปยังชั้น 1 ของยานอวกาศ

เมื่อมาถึงแล้ว Mabel จึงอธิบายให้ฟังว่าประตูแห่งเดียวของห้องนี้คือห้องอะไร

“ตรงนั้นคือทางออกของ Pioneer-7 น่ะ”

“ประตูนี้ดูแข็งแรงมากเลยแฮะ”

Julien แสดงความคิดเห็น

“ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว นอกประตูบานนั้นคือทะเลแห่งดวงดาว โลกอันไร้ซึ่งอากาศ”

หลัง Mabel กล่าวจบ Julien กับ Amelie ถึงกับผงะในสิ่งที่ได้ยิน

“ไร้ซึ่งอากาศเหรอ?!”

Amelie ถามด้วยความตกใจ

“นั่นคือสภาพของอวกาศแหละนะ ในหมู่พวกเราจะไม่มีใครรอดอย่างแน่นอนถ้าออกจากประตูนี้”

Mabel ตอบด้วยสีหน้าเรียบๆ แต่ Julien กับ Amelie ถึงกับหน้าซีดเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่พวกเขาไม่ได้อยู่ในยานอวกาศ

“ลองขึ้นไปดูชั้นอื่นดีมั้ย”

Mabel ถาม Julien กับ Amelie ซึ่งทั้งคู่พยักหน้าตอบก่อนที่ทั้งสามคนจะเดินไปยังลิฟต์ จากนั้น Julien จึงกดปุ่มลิฟต์ขึ้นไปยังชั้น 2 ของยานอวกาศ

เมื่อลิฟต์เคลื่อนที่ขึ้นมายังชั้น 2 Julien กับ Amelie จึงเดินดูรอบๆโดยที่ Mabel อธิบายว่าชั้นนี้มีอะไรบ้าง

“ชั้นนี้คือห้องพักผ่อนของเจ้าหน้าที่ในยาน เป็นที่ที่เจ้าหน้าที่ทุกคนสามารถพักผ่อนจากการทำงานได้”

“อย่างนั้นเองเหรอ”

Amelie ตอบ Mabel

“Victor รออยู่ที่ห้องบังคับการสินะ แล้วห้องบังคับการอยู่ที่ชั้นไหนล่ะ”

Julien ถาม Mabel

“ห้องบังคับการที่กัปตันกำลังรออยู่ที่ชั้น 4 น่ะ”

Mabel พูดก่อนจะเดินไปยังลิฟต์ของยานอวกาศ

“หรือก็คือชั้นบนสุดของยานอวกาศลำนี้”

Mabel กล่าวจบ Julien กับ Amelie จึงเดินไปยังลิฟต์ก่อนที่เขาจะกดปุ่มขวาสุด จากนั้นลิฟต์จึงค่อยเคลื่อนที่ขึ้นไปยังชั้นที่เป็นจุดหมายของมัน

เมื่อมาถึงชั้น 4 ของยานแล้ว Mabel จึงเดินนำ Julien กับ Amelie ไปยังห้องบังคับการซึ่งเธอพาทั้งสองคนไปพบ Victor ที่รออยู่ในห้องนั้น

“ได้สำรวจรอบๆยานอวกาศมาหรือยัง”

Victor ถาม Julien กับ Amelie

“สำรวจมาแล้วล่ะ มีแต่สิ่งที่พวกเราไม่เคยเห็นทั้งนั้นเลย”

Amelie ตอบ Victor

“อืม อย่างนั้นเหรอ…”

“ถ้าอย่างนั้นลองไปดูอาการเพื่อนของพวกเธอหน่อยดีมั้ย เดี๋ยวฉันจะตามไปทีหลัง”

Victor กล่าวก่อน Julien กับ Amelie จะพยักหน้า จากนั้น Mabel จึงพาทั้งสองคนออกจากห้องบังคับการแล้วมายังลิฟต์ของยานอวกาศ

“ห้องพยาบาลกับห้องย้ายมวลสารอยู่ที่ชั้น 3 พวกเราไปดูอาการของ Murphy เถอะ”

Mabel กล่าวก่อน Julien จะกดลิฟต์ลงไปยังชั้น 3 และลิฟต์ก็เคลื่อนที่ลงไปยังชั้นที่จุดหมาย

แต่เมื่อ Julien Amelie กับ Mabel ลงมายังชั้น 3 ของยานอวกาศก็กลับมีเสียงเตือนของระบบเซนเซอร์ดังขึ้นมา

“ระวังนะ! ระบบเซนเซอร์ตรวจพบเจอการปรากฏตัวของเอเลี่ยนแล้ว!”

Mabel เตือน Julien กับ Amelie ทั้งสามคนแยกกันหาว่าเอเลี่ยนที่ถูกกล่าวถึงอยู่ที่ไหน และก็มีมอนสเตอร์ตัวหนึ่งร่วงลงมาจากเพดานยานอวกาศก่อนจู่โจม Julien

“อึ่ก!!”

Julien ร้องออกมาก่อนล้มลงไปกับพื้นแล้วลุกขึ้น

“พวก Locustworm นี่!”

Amelie กล่าวเมื่อเห็น Locustworm ปรากฏตัว

“แย่แล้ว! ไข่ของพวกมันต้องติดมาตอนที่พวกเราอยู่บนภูเขา Hinnora แน่ๆ จัดการพวกมันกันเถอะ Amelie!”

Julien กับ Amelie จึงเข้าสู่การต่อสู้กับ Locustworm ที่ปรากฏตัวในยานอวกาศ

BATTLE START

“ระวังตัวด้วยนะ!”

Julien กล่าว

Julien วิ่งออกไปเพื่อโจมตี Locustworm ตัวหน้าอย่างรวดเร็วทันที

“Shockwave Rush!!”

Julien ใช้ HP เล็กน้อยเพื่อใช้ท่าโจมตีของเขาใส่มอนสเตอร์ก่อนจะสังหารด้วยการโจมตีปกติ โดยที่ Amelie เริ่มร่ายเวทของเธอ

Julien วิ่งไปหา Locustworm อีกตัวก่อนจะโจมตีมันอย่างรวดเร็วหลายครั้ง

“O healing power… Healing!!”

Amelie ที่ร่ายเวทเสร็จแล้วจึงใช้มันเพื่อรักษา Julien ที่ใช้ HP ไป ส่วนหนึ่งขณะโจมตี

จากนั้น Julien จึงสังหารมอนสเตอร์ที่เหลือด้วยการโจมตีครั้งสุดท้ายของเขา และการต่อสู้ก้ได้จบลง

BATTLE END

RESULTS

EXPERIENCE: 20

COIN: 4

ACQUIRED ITEMS: Nothing

“พวกเราทำได้แล้ว!”

Amelie กล่าวทั้งกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ

Mabel ที่เห็น Locustworm ค่อยๆหายไปนั้นก็ประหลาดใจก่อนกล่าวออกมา

“มันหายไปแล้ว!”

“หา มันไม่ได้หายไปสักหน่อย”

Amelie ตอบ Mabel ก่อนเดินไปยังร่างของ Locustworm ที่แน่นิ่งไปแล้วชี้มัน

“เห็นมั้ย มันอยู่ตรงนี้ไง”

Mabel รู้สึกประหลาดใจที่ Amelie ยังคงสามารถมองเห็นร่างของ Locustworm ที่แน่นิ่ง

“เธอยังมองเห็นมันอยู่เหรอ ตอนที่เลือดของเธอไปกระทบกับมัน มันก็หายไปแล้ว”

Mabel กล่าวก่อนจะคิดบางอย่าง จากนั้นก็มีเสียงของใครบางคนพูดดังออกมาจากบางอย่าง

“Mabel พา Julien กับ Amelie มายังห้องพยาบาลนะ ฉันจะพบพวกเธอที่นั่น”

เสียงของ Victor ดังขึ้นในห้องโดยที่ Julien กับ Amelie มองหาต้นเสียงว่ามาจากที่ใด

“รับทราบค่ะท่าน”

Mabel ตอบ Victor ก่อนที่เสียงของเขาจะดับไป

“เดี๋ยวนะ เมื่่อกี้เสียงนั่นมาจากไหนน่ะ”

Julien ถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น

“พวกเรามีสิ่งที่เรียกว่าเครื่องมือสื่อสารน่ะ พวกมันสามารถให้พวกเราติดต่อไปมากันได้ถึงแม้จะอยู่ห่างไกลกัน”

Mabel ตอบพร้อมอธิบาย

“ยังไงก็ตาม คุณหมอต้องการพบพวกเราแล้วล่ะ พวกเราไปยังห้องพยาบาลกันเถอะ ฉันจะเรียกคนมาเก็บกวาดความยุ่งเหยิงนี่ให้”

Mabel กล่าว

“เขาได้รับการรักษาหรือยังล่ะ”

Amelie ถาม Mabel เกี่ยวกับ Murphy

“ฉันยังไม่รู้เลย”

Mabel ตอบก่อนจะพา Julien กับ Amelie ไปยังห้องพยาบาลซึ่งเป็นที่ที่ Victor นัดพบพวกเขา

ในห้องพยาบาล Victor กำลังคุยกับหมอเกี่ยวกับเรื่องบางอย่างก่อนที่ทั้งคู่จะเดินมาหา Julien Amelie และ Mabel

“เป็นยังไงบ้าง ตอนนี้เขาเป็นยังไงบ้าง”

Amelie ถาม Victor เกี่ยวกับเพื่อนของเธอ

“อย่าเพิ่งใจร้อนไป คุณหมอเพิ่งจะวินิจฉัยอาการของเขาไป”

Victor ก่อนหมอประจำยานอวกาศ Pioneer-7 จะกระแอมเบาๆ

“อะแฮ่ม”

“หลังจากที่ผมได้ทำการวินิจฉัยแล้วนั้น ผมได้แยกและวิเคราะห์จุลชีพที่เป็นเบื้องหลังโรคนี้แล้วครับ”

“ผมเกรงว่าการรักษาโรคชนิดนี้เป็นสิ่งที่เกินกว่าความสามารถของวิทยาศาสตร์การแพทย์ของดาวโลกครับ”

Julien กับ Amelie ที่ได้ยินแล้วนั้นก็ตกใจมาก แต่ Amelie กลับไม่เชื่อก่อนจะถามหมอประจำยานอวกาศ

“แต่… แต่พวกนายมีอุปกรณ์ที่สุดยอดขนาดนี้อยู่เต็มมือเลยนะ! พวกนายทำอะไรสักอย่าง… ทำอะไรก็ได้เลยไม่ได้เหรอ?!”

“วิทยาศาสตร์การแพทย์ขั้นสูงที่อยู่ปลายนิ้วของผมเป็นตัวบ่งบอกที่ชัดเจนแน่นอนว่านี่เป็นปัญหาที่เป็นไปไม่ได้ที่จะแก้ไขครับคุณผู้หญิง”

Julien กับ Amelie ที่ฟังคำตอบของหมอประจำยานอวกาศก็ได้แต่ก้มหน้าอย่างเงียบๆ

“จุลชีพตัวนี้อยู่ในสภาวะเปลี่ยนแปลงอย่างคงตัว และกลายพันธุ์ด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ”

“ถึงผมจะสามารถสร้างวัคซีนได้ มันก็สามารถสูญเสียประสิทธิภาพเพียงในเวลาอันสั้นได้ครับ”

หมอประจำยานอวกาศอธิบายก่อนคิดบางอย่างแล้วกล่าวออกมา

“อย่างไรก็ตาม มันก็ยังพอมีอยู่วิธีหนึ่งนะครับ”

Julien กับ Amelie ที่ได้ยินถึงวิธีนั้นก็หันมาฟังหมอประจำยานอวกาศทันที

“จากโครงสร้างของจุลชีพที่ผมได้วินิจฉัยไป ผมเชื่อว่ามันคือไวรัสที่มีอยู่ตามธรรมชาติครับ”

“ซึ่งถ้าพวกเราสะกดรอยตามร่างโฮสต์ที่เป็นพาหะนำโรค พวกเราอาจสามารถใช้เลือดของร่างโฮสต์มาสร้างเป็นเซรุ่มภูมิต้านทานได้ครับ”

หมอประจำยานอวกาศอธิบายวิธีการที่เขาคิดขึ้นมา

“แสดงว่ามันต้องได้สินะ! ฉันหมายถึง นั่นจะได้ผลจริงๆใช่มั้ยคะ”

Amelie ถามหมอประจำยานอวกาศ

“ผมเชื่ออย่างนั้นนะครับ”

หมอคนนั้นตอบ Amelie แต่ Julien กลับกังวลขึ้นมา

“แต่เขาจะกลายเป็นคริสตัลภายในสามวันนะครับ นั่นไม่มีเวลามากพอที่สามารถตามหาร่างโฮสต์ได้เลยนะครับ”

Julien กล่าว แต่หมอก็อธิบายบางอย่างต่อ

“น่าประหลาดแท้ที่ว่าโครงสร้างทางโมเลกุลของร่างกายจะยังคงอยู่สมบูรณ์ครบถ้วนถึงแม้กระบวนการการกลายเป็นคริสตัลเสร็จสมบูรณ์หลังจากนั้นนะครับ”

“ถ้าหากพวกเราสามารถจัดหาเซรุ่มนั่นได้ ผู้ป่วยของพวกเราก็สามารถได้รับการรักษาอย่างเต็มที่ครับ”

หมอประจำยานอวกาศอธิบายซึ่ง Julien กับ Amelie ก็ยังคงสงสัย

“นั่นเป็นสิ่งที่พวกเราจัดการแล้วล่ะนะ”

Mabel กล่าว แต่ Victor กลับถอนหายใจก่อนจะบอกบางอย่าง

“มันคงจะไม่ง่ายแบบนั้นน่ะสิ ฉันคิดว่าพวก Ketis คงไม่มีทางบอกง่ายๆแน่ว่าร่างโฮสต์อยู่ที่ไหน”

“ท่านพูดถูกค่ะ ที่สำคัญไปกว่านั้น ฉันเองก็อดสงสัยไม่ได้ ว่าทำไมพวกเขาถึงได้ใช้อาวุธชีวภาพใส่ดาวเคราะห์ Lithone ตั้งแต่แรกกัน”

Mabel กล่าว ซึ่งชื่อนั้นทำเอา Julien กับ Amelie สงสัยอย่างมาก

“Lithone เหรอ”

Julien ถาม Mabel ก่อนที่ Victor จะตอบแทนเจ้าตัว

“นั่นคือชื่อที่พวกเราตั้งให้กับดาวเคราะห์บ้านเกิดของพวกเธอยังไงล่ะ”

“แต่ Mabel พูดถูก ฉันไม่เห็นเลยว่าการที่ Ketis ทำให้ทุกชีวิตบน Lithone กลายเป็นคริสตัลจะได้ประโยชน์อะไร”

Victor เห็นด้วยกับ Mabel ทั้งสองคนครุ่นคิดก่อนที่ Mabel จะนึกอะไรขึ้นได้

“คุณหมอคะ มันมีข้อแตกต่างหลักๆอะไรระหว่างกายวิภาคของชาว Lithone กับเผ่าพันธุ์มนุษย์บนดาวเคราะห์อื่นๆบ้างหรือเปล่าคะ”

Mabel ถามหมอประจำยานอวกาศ

“ผมขอคิดก่อนนะ…”

“โครงสร้างทางอินทรีย์ขั้นพื้นฐาน ระบบกล้ามเนื้อและระบบประสาทมีความคล้ายคลึงกับมนุษย์ค่อนข้างสูง แต่ก็มีความแตกต่างอย่างหนึ่งที่สังเกตได้อย่างเด่นชัดครับ”

หมอประจำยานอวกาศอธิบายก่อนที่ Mabel จะได้คำตอบ

“เลือดของพวกเขาเหรอคะ”

“ถูกต้องครับ โครงสร้างของเลือดของพวกเขามีความแตกต่างไปจากของพวกเราโดยสิ้นเชิงเลยครับ”

“จุดเด่นอยู่ที่เฮโมโกลบิน ในร่างกายของมนุษย์นั้นประกอบไปด้วยธาตุเหล็ก แต่ในร่างกายของชาว Lithone นั้นประกอบไปด้วยธาตุทองคำครับ”

หมอประจำยานอวกาศกล่าว

“มีอะไรค้างคาใจเธอเหรอ Mabel”

Victor ถามขึ้นมา

“นี่เป็นเพียงแค่ความเป็นไปได้เท่านั้น แต่มันอาจจะมีผลประโยชน์บางอย่างในการทำให้ชาว Lithone กลายเป็นคริสตัลอยู่ก็ได้นะคะ”

“นั่นอาจสามารถอธิบายจุดประสงค์เบื้องหลังของการปล่อยอาวุธชีวภาพลงสู่ดาวเคราะห์ของพวกเขาก็ได้ค่ะ”

Mabel กล่าว

“ผลประโยชน์แบบไหนล่ะ”

Victor ถามต่อ

“อาจจะเป็นปัญหาบางอย่างที่ยังไม่ทราบก็ได้ค่ะ”

Mabel ตอบ แต่ Victor กลับสังหรณ์ใจแปลกๆขึ้นมาก่อนจะถาม

“เธอหมายถึงอะไรนะ อาวุธอย่างนั้นเหรอ”

“นั่นก็พอมีความเป็นไปได้ค่ะ ถ้าให้พูดเฉพาะจุดก็คือฉันกำลังพูดถึงบางสิ่งที่ล่องหนได้ หรือก็คือบางสิ่งที่ไม่แม้กระทั่งปรากฏบนการตรวจจับของพวกเราค่ะ”

Mabel ตอบ โดย Amelie ที่ได้ยินแล้วก็โกรธขึ้นมา

“งั้นเจ้าพวกนั้นก็กำลังฆ่าพวกเราเพื่อเอาไปทำอาวุธของพวกมันอย่างนั้นเหรอ”

Amelie ถาม Mabel

“พวกเรายังคงตอบอย่างแน่ชัดไม่ได้หรอกนะ”

Mabel ตอบ

“มันคงอธิบายหลายๆอย่างให้รู้เลยสินะ”

Julien แสดงความคิดเห็น

“ถ้าเป็นอย่างนั้นแสดงว่าพวกนั้นต้องกำลังเคลื่อนย้ายพวกคนที่กลายเป็นคริสตัลจาก Lithone แน่ ไปตรวจสอบโอกาสนั้นกันก่อน ฉันจะรออยู่ที่ห้องบังคับการนะ”

Victor พูดก่อนจะมุ่งหน้าไปยังห้องบังคับการของ Pioneer-7

“คุณหมอช่วยเปิดระบบจำลองเพื่อตรวจสอบว่าการก่อตัวคริสตัลภายในเลือดมีผลสำหรับทางการรุกรานหรือไม่ให้ด้วยนะคะ”

Mabel บอกหมอประจำยานอวกาศ

“จะดีเหรอครับ พวกเรากำลังพูดถึงพันธมิตรนับร้อยนับพันเลยนะครับ”

หมอประจำยานอวกาศกล่าว

“พวกเราไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว พวกเราจะต้องหาทางออกให้ได้”

Mabel กล่าวซึ่งหมอคนนั้นคิดอยู่สักพักก่อนให้คำตอบ

“รับทราบครับ”

Mabel พูดจบเธอกับหมอประจำยานอวกาศจึงออกไปนอกห้องพยาบาล ส่วน Julien และ Amelie นั้นยืนดู Murphy ที่อยู่ด้านในเครื่องฟื้นฟูของยานอวกาศ

“นี่คือสิ่งที่ฉันได้รับจากการบ่นว่าแต่ละวันมันน่าเบื่อแค่ไหนสินะ”

Julien พูดด้วยน้ำเสียงละห้อย

“เฮ้อ พูดอะไรของนายน่ะ นายก็รู้ว่านั่นไม่ใช่ความผิดนายสักหน่อย”

Amelie กล่าว

“อืม ฉันไม่รู้สิ”

Julien ตอบ Amelie

“ฉันหมายถึงดูฉันสิ ถ้าฉันมีพลังมากกว่านี้งั้นฉันก็อาจจะสามารถทำอะไรสักอย่างได้บ้าง”

Amelie พูดออกมาโดยที่ทั้งสองคนมอง Murphy ด้วยสายตาละห้อย และจากนั้นหมอประจำยานอวกาศก็ได้กลับมาเพื่อบอกอะไรบางอย่างให้ทั้งสองรู้

“กัปตันต้องการพบตัวคุณที่ห้องบังคับการน่ะครับ พวกคุณสามารถใช้ลิฟต์เพื่อไปที่นั่นได้เลยนะครับ”

“ขอบคุณครับ”

Julien กล่าวขอบคุณหมอประจำยานอวกาศก่อนที่ทั้งสองคนจะออกจากห้องพยาบาลเพื่อไปห้องบังคับการ

Julien กับ Amelie ใช้ลิฟต์ขึ้นมายังชั้น 4 ของยานเพื่อมาพบ Victor กับ Mabel

“อ้าว มาแล้วเหรอ Mabel มีข่าวมาบอกพวกเธอน่ะ”

Victor กล่าว

“พวกเราได้เทียบจำนวนของคนที่กลายเป็นคริสตัลในตอนนี้กับจำนวนก่อนหน้าที่พวกเราพบ จำนวนคนได้ลดลงไปกว่า 500,000 คนเลย”

“พวกนั้นเอาคนจำนวนขนาดนั้นออกจากดาวเคราะห์โดยที่พวกเราไม่รู้ตัวได้ยังไงกัน”

Mabel พูดให้ Julien กับ Amelie ได้รับรู้

“แสดงว่ามันคือเรื่องจริงสินะ”

Julien พูดออกมา

“พวกเรายังไม่รู้แน่ชัดว่าพวกนั้นจะสร้างอาวุธจริงๆหรือเปล่านี่สิ”

Mabel กล่าว

“มันคงจะยากที่จะจินตนาการเลยว่าร่างพวกนั้นจะถูกใช้ในทางสันติแล้ว ณ จุดนี้น่ะ”

Victor เสริมต่อ

“ขอโทษนะที่มัน เอ่อ ผลออกมาไม่ค่อยดีเท่าไหร่”

Victor กล่าวขอโทษก่อนจะพูดบางอย่างต่อ

“ยังไงก็ตาม พวกเรากำลังจะกลับที่ดาวโลกกันแล้ว”

“ฉันจะไปเจรจากับเหล่าทูตและให้ Ketis ส่งตัวโฮสต์มา”

“ฉันก็ไม่ได้คาดหวังว่าพวกนั้นสนใจที่จะเจรจากับพวกเราอย่างประนีประนอมหรอก”

“ฉันอยากให้พวกเธอทุกคนมากับพวกเราและเข้าร่วมการรายงานครั้งนี้นะ”

Victor บอก Julien กับ Amelie ก่อนที่หมอประจำยานอวกาศจะติดต่อเขาผ่านเครื่องมือสื่อสาร เขาจึงรับสายการติดต่อ

“กัปตันครับ! อาการของ Murphy กำลังแย่ลงแล้วครับ!”

ทุกคนตกใจขึ้นมาก่อนที่ Victor จะตอบกลับ

“ฉันจะไปเดี๋ยวนี้ล่ะ”

เมื่อพูดจบทั้งสี่คนจึงรีบมุ่งหน้าไปยังห้องพยาบาลอย่างรวดเร็วเพื่อดูอาการของ Murphy

“อวัยวะที่สำคัญต่อชีวิตเริ่มเข้าสู่่กระบวนการกลายเป็นคริสตัลแล้วครับ ผมเกรงว่าเขาอยู่ในสภาวะวิกฤติแล้วครับ”

หมอประจำยานอวกาศอธิบายสถานการณ์

“Murphy!”

Julien เรียกชื่อเพื่อนของเขาด้วยเสียงที่แทบจะรู้สึกถึงความสิ้นหวัง แต่ Murphy พยายามที่จะพูดอะไรบางอย่างให้ Victor ได้รับรู้

“กัปตัน ผมมีเรื่องจะร้องขอคุณอยู่น่ะ”

“ว่ามาเลย”

Victor จึงเดินเข้าไปหาเครื่องฟื้นฟูเพื่อฟังว่า Murphy ต้องการร้องขอสิ่งใดจากเขา

“ถ้าผมกำลังจะตาย ผมอยากให้มันเกิดขึ้น ณ ที่บ้านของผม”

“นายไม่ตายหรอก นายแค่จะหลับไปสักพักเท่านั้นเอง”

Victor บอก Murphy

“แต่ถ้าคุณเอาเซรุ่มนั่นมาไม่ได้ล่ะ”

Murphy ถามไถ่ถึงสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด

“…………”

Victor ที่ได้ยินนั้นทำได้เพียงแต่นิ่งเงียบ

“ขอร้องล่ะ”

Victor ที่ได้ยินคำขอเพียงคำเดียวของ Murphy จึงตัดสินใจที่จะตอบรับ

“เข้าใจแล้ว”

“เตรียมเครื่องย้ายมวลสารให้พร้อม”

Victor สั่งหมอประจำยานอวกาศ

“ครับท่าน”

หมอประจำยานอวกาศจึงเดินไปเปิดระบบเครื่องย้ายมวลสารในห้องเคลื่อนย้ายมวลสาร แต่ Amelie เดินมาหา Victor เหมือนต้องการจะบอกอะไรบางอย่าง

“ขอร้องล่ะ ให้พวกเรากลับไปกับ Murphy เถอะ”

Amelie ร้องขอ Victor

“ฉันไม่รู้ว่า…”

Victor ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร แต่ Julien ก็ตอบอีกแรงเพื่อให้ความเชื่อใจ

“พวกเราจะกลับมา พวกเราสัญญา”

“เข้าใจแล้ว งั้นฉันจะให้ Mabel ไปกับพวกเธอด้วยแล้วกัน”

Victor กล่าว

“ขอบคุณมากเลย/ขอบคุณมากๆเลย”

Julien กับ Amelie ขอบคุณ Victor พร้อมกัน

-ในห้องเคลื่อนย้ายมวลสาร-

“ผมอยากให้ Murphy ถูกส่งตัวไปยังเตียงของเขาโดยตรงเลยนะครับคุณหมอ นี่เป็นการเคลื่อนย้ายที่ใช้ความแม่นยำสูง อย่าทำผิดพลาดล่ะ”

Victor บอกหมอประจำยานอวกาศ

“ครับท่าน”

หมอประจำยานอวกาศกล่าวก่อนเปิดระบบเคลื่อนย้ายมวลสาร

“พร้อมรึยัง Mabel”

Victor ถาม Mabel

“ค่ะกัปตัน”

สิ้นเสียงของ Mabel เครื่องย้ายมวลสารก็ถูกเปิดใช้งานก่อนที่ทั้งสี่คนจะถูกส่งไปยังบ้านของ Murphy บนดาว Lithone

-ในบ้านของ Murphy-

“ฟังนะ ฉันมีอะไรจะมอบให้พวกนายก่อนที่ฉันจะจากไป”

Murphy กล่าว

“อ๊ะ อย่าพูดงั้นสิ นายแค่จะหลับไปสักหน่อยเท่านั้นเอง”

Amelie บอก Murphy

“เอากล่องดนตรีที่วางอยู่บนชั้นนั้นแทนฉันหน่อยสิ”

Murphy บอก Julien ก่อนที่เขาจะเดินไปหยิบกล่องดนตรีเพียงกล่องเดียวที่มีในบ้าน

“ฉันขอมอบนั่นให้เธอนะ Amelie”

คำพูดของ Murphy ถึงกับทำให้ Amelie ต้องประหลาดใจอย่างมาก

“แต่นั่นมันเป็นของน้องสาวนายนะ ฉันรับไว้ไม่ได้หรอก”

Amelie ตอบเพื่อนของเธอด้วยน้ำเสียงที่เศร้า

“รับมันไว้เถอะ ขอร้องล่ะ”

Murphy บอก Amelie ก่อนที่เธอจะเปิดกล่องดนตรี จากนั้นเพื่อนของเธอใช้แรงเฮือกสุดท้ายกล่าวบางอย่างที่เป็นวาระสุดท้ายของเขา

“ฉันมอบนั่น… ให้กับ…”

สิ้นเสียงของ Murphy ที่ใช้แรงหยดสุดท้ายพูดความในใจ เขาก็ได้กลายเป็นคริสตัลไปเสียแล้ว

Amelie ทรุดลงกับพื้นก่อนจะร้องไห้ออกมา Mabel ที่ได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับตาก็ทำได้แต่หลบตาเพื่อหลบเลี่ยงวิสัยทัศน์ของตัวเองจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วน Julien เดินไปหาเพื่อนของเขาก่อนพูดสิ่งที่เขาต้องการสัญญา

“ไม่เป็นไรนะ ฉันสาบานเลยว่าพวกเราจะต้องช่วยนายให้ได้”

Julien ได้กล่าวคำสัญญา มือของเขากำแน่นด้วยความโกรธและความเศร้าในใจ Mabel จึงเดินมาบอกทั้งสองคน

“ฉันรู้ว่านี่เจ็บปวดมากแค่ไหน แต่พวกเราต้องไปกันแล้ว เขาต้องการความช่วยเหลือของพวกเธอนะ”

“ได้เลย”

Julien ตอบ Mabel ก่อนที่เครื่องย้ายมวลสารจะทำงานแล้วส่งพวกเขากลับไปยังยาน Pioneer-7

เมื่อมาถึงที่ยาน ทั้งสามคนถูกส่งมายังห้องบังคับการ ซึ่ง Victor กำลังรอพวกเขาอยู่ที่นั่น

“พวกเราจะเริ่มการเดินทางไปยังดาวโลกอีกไม่นานหลังจากนี้ ในยานมีห้องเตรียมไว้ให้พวกเธอแล้ว เชิญพักผ่อนได้ตามอัธยาศัยเลย”

Victor บอก Julien กับ Amelie

“ขอบคุณนะ”

Julien ขอบคุณ Victor

“กำหนดทิศทางสู่เซคเตอร์ Theta จุดที่ 008 ระดับที่ 154 วาร์ปที่ 2”

ผู้คุมหางเสือยานกล่าว

“ดูสิ Amelie มันสวยมากเลยนะ”

Julien บอก Amelie ขณะที่เขามองออกไปนอกยาน ซึ่ง Amelie ก็หันไปดูตาม

“สวยจัง…”

“มันเหมือนกับทะเลแห่งดวงดาวเลย”

Amelie แสดงความคิดเห็นเมื่อได้มองออกนอกยานที่เต็มไปด้วยดวงดาว

“ตอนนี้พวกเราเข้าสู่วงโคจรเพื่อรายงานให้แก่ Pangalactic Federation แล้วล่ะ”

Victor บอกเจ้าหน้าที่ในยาน แต่บางอย่างกลับเกิดขึ้นเมื่อ Julien กับ Amelie เห็นอะไรบางอย่างเข้า

“มีอะไรกำลังพุ่งเข้ามาหาพวกเราน่ะ!”

Julien ตกใจที่เห็นว่ามีบางอย่างกำลังพุ่งมาทางของพวกเขา

“นั่น… นั่นมันอะไรน่ะ?!”

Amelie ที่เห็นก็ตกใจไปตามกัน

“พูดอะไรของพวกเธอน่ะ มันอยู่ที่ไหน”

Mabel ถาม Julien กับ Amelie

หน้าจอของยานกำลังเคลื่อนที่เป้าเล็งทั้งสองไปมาก่อนจะพบวัตถุตรงหน้าที่ค่อยๆปรากฏตัวให้เห็น

“ยานนั่นมันมาจากไหนกันน่ะ มันได้วาร์ปเข้ามาหรืออะไรรึเปล่า”

Victor ถามเจ้าหน้าที่ในยาน

“ผมไม่คิดอย่างนั้นนะครับกัปตัน พวกเราไม่ตรวจพบการแกว่งทางแรงโน้มถ่วงล่วงหน้าเลยครับ”

เจ้าหน้าที่วิทยาศาสตร์คนหนึ่งตอบกลับมา

“ฉันบอกแล้วนี่ว่ามันกำลังมา”

Julien กล่าว

“พวกเธอสองคนเห็นมันเหรอ”

Mabel ถาม Julien กับ Amelie ก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้

“อย่างนี้นี่เอง! มันสร้างมาจากสสารล่องหนเองสินะ!”

Mabel ได้คำตอบของคำถามที่ค้างคาใจซึ่ง Victor ที่ได้ยินก็ประหลาดใจเช่นกัน

“ยานทั้งลำน่ะเหรอ?!”

“กัปตันคะ! ยานอวกาศไม่ทราบที่มาได้ปรากฏตัวเพื่อติดต่อกับพวกเราค่ะ!”

เจ้าหน้าที่ติดต่อสื่อสารคนหนึ่งกล่าว

“เปิดช่องทางสื่อสาร!”

Victor สั่งให้เจ้าหน้าที่ในยานเปิดช่องทางสื่อสารของยาน ซึ่งยานอวกาศลึกลับก็ได้กล่าวข้อความบางอย่าง

“พวกเรามาในฐานะของเอกอัครราชทูตจาก Ketis พวกเราไม่มีความปรารถนาที่จะต่อสู้ใดๆ เปลี่ยน…”

ทุกคนในยานที่ได้ยินถึงข้อความนั้นก็ยิ่งประหลาดใจเข้าไปใหญ่ ซึ่งผิดคาดกับสิ่งที่ Victor คิดไว้อย่างสิ้นเชิง

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!