บนทวีปหนึ่ง ได้มีสัตว์อสูรน้อยใหญ่มากมายหลากหลายชนิด ที่มีความแกร่งกล้าสามารถต่อสู้กับเทพ และเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย โลกแห่งนั้นถูกเรียกอีกชื่อว่า โลกสปิริต เพราะมนุษย์ในโลกนั้น สามารถใช้ วิญญาณสัตว์อสูร เรียกออกมาต่อสู้และฝึกฝนไปพร้อมๆกัน และว่ากันว่า ใครที่ฝึกฝนสปิริตให้ถึงจุดสูงสุดได้ คนนั้นจะแข็งแกร่งไร้เทียมทาน และมีจ้าวของโลกแห่งสปิริตได้
สปิริตก็คือ วิญญาณของสัตว์อสูรที่ตายด้วยการ ถูกสังหารหรือไม่ก็ด้วยอายุไข เหมือนพวกมันตายลง จิตวิญญาณที่อยู่ในร่างนั้นก็ หล่อมรวมกันและเลือกมนุษย์ที่เป็นร่างสถิต เพื่อให้พวกมัน ฝึกฝนไปพร้อมกับมนุษย์ให้แข็งแกร่งขึ้นได้ สัตว์อสูรนั้นมีมาตั้งแต่โลกถือกำหนดเป็นผู้ปกครองโลกตั้งแต่สมัยโบราณ แต่ก็มีเพียงแค่สปิริตเพียง 7ตัว หรือ 7 ตนที่แข็งแกร่งมีพลังมหาศาลแม้แต่เหล่าทวยเทพยังเกรงกลัวพวกมัน
มันคือเจ็ดตัวตนแห่งภัยพิบัติ ที่สามารถล้างบางเหล่าเทพได้ พวกเขาที่เห็นเช่นนั้นก็ต่างหวาดกลัวกับพลังของพวกมัน พวกมันนั้นขึ้นชื่อว่า เป็นสัตว์อสูร ในตำนาน ที่มีอยู่ตั้งแต่สร้างโลกและเป็นตนตัวที่เป็นอนันต์ที่ไม่สามารถล้มหายตายจากได้หรือเรียกอีกอย่าง อมตะ นั้นเอง เมื่อเหล่าเทพเห็นเช่นนั้นก็ได้ลงมาทำสัญญากับพวกมันว่าจะให้พวกมันเป็น สปิริต เพื่อช่วยให้โลกแห่งสปิริตสมดุลกันนั้นเอง และสัตว์อสูรทั้ง 7 ตนที่มีแต่ความเบื่อหน่ายที่วันๆเอาแต่ต่อสู้แย่งชิงกัน นั้นก็ได้ยอมตกลง
แต่ก็มีอยู่ตนหนึ่ง ที่เหล่าเทพยังต้องกลัวเพียงแค่เห็นเงามัน และมันคือ ตนที่แข็งแกร่งที่สุดใน เจ็ดตน มันคือจ้าวแห่งสัตว์อสูรที่แท้จริงที่แม้ว่า จะรุมก็ยังทำได้แค่สู้อย่างสู้สีกับมันเท่านั้น มันเป็นเพียงตนเดี่ยวที่ได้รับการยอมรับจากสัตว์อสูรอีกหกตนว่า มันคือราชาของพวกมัน นั้นก็คือ มังกรที่แข็งแกร่งที่สุด ราชามังกรดารา
มันเป็นเพียงตนเดี่ยวที่มีองค์ประกอบธาตุในร่างกาย เจ็ดชนิด และมันก็ยังถูกเรียกอีกชื่อว่า ภัยพิบัติแห่งการดับสูญ เพราะทุกครั้งที่มันเคลื่อนไหว แผ่นดินจะร้อนเป็นไฟ เมื่อมันขยันปีกจะเกิดวายุที่สามารถทำให้เกิดพายุที่ดับชีวิตคนมากมาย เมื่อมันลืมตาสวรรค์ก็จะสั่นสะเทือน เมื่อมันคำราม พ่นเพลิงแห่งองค์ประกอบธาตุจะเผาโลกจนเป็นขี้เทา
ด้วยพลังที่มีอย่างมหาศาลนั้น มันทำให้มันเบื่อหน่ายถึงที่สุดและมันก็ไม่ยอมก้นหัวให้ใคร มันคือตัวตนแบบอย่างของสัตว์อสูรทั้งหมด มันได้ทำข้อตกลงกับเหล่าเทพไว้ว่า มันจะเลือกคนที่เหมาะสมที่จะเป็นผู้ถือครองของมันเอง และ ราชามังกรดารา ได้ทำอีกข้อตกลงหนึ่งว่า มันจะไม่ยอมฟังทำสั่งใครจนกว่ามันจะเจอคนผู้นั่นล่ะมันจะเป็นเพียงตนเดี่ยว ที่สามารถอยู่นอกเหนือสัญญา ได้ ราชามังกรดารา นั้นชอบความอิสระ เทพที่เกรงกลัวมันก็รู้ว่ามันเป็นเพียงตนเดี่ยวที่จัดการยากที่สุดและมีพลังมากที่สุด พวกทวยเทพเลย ยอมทำตามข้อตกลงนั้น
หลังจากนั้นมา ผู้คนที่มีสปิริตของ ภัยพิบัติทั้งเจ็ด นั้นจะถูกเรียกว่า วีรชน คนที่ได้ครอบครองสปิริตแห่งภัยพิบัติ จะมีพลังแกร่งกล้าและเป็นผู้มีพลังมหาศาลอำนาจยิ่งใหญ่ไม่มีใครเทียบได้และคนเหล่านั้นก็ได้เป็นตำนานของแต่ล่ะยุดสมัย ภัยพิบัติหกตนตามก็สนุกกับการเฝ้ามองคนครอบครองพลังของพวกเขาและได้มองการเติบโตของพวกเขาแต่ล่ะยุดไป มีเพียงแค่ราชามังกรดาราเท่านั้น ที่ยังไม่เคยเลือกผู้ครอบครองสักครั้ง และตำนานวีรชนทั้งหกก็เป็นตำนานเล่าขานสืบต่อกันไป
หลายพันปีต่อมา ป่าแห่งหนึ่ง ท้องฟ้ายามคืนที่มืดมิดและมีดวงดาวเต็มท้องนภา มันเต็มไปด้วยความสวยงามอย่างมาก กลุ่มดาววิบวับเต็มท้องฟ้า ออร่าสีรุ้งปรากฏขึ้น ทันใดนั้นก็มีเสียงนกดังขึ้นกึกก้องทั่วป่า ทันใดนั้นก็มี ฟินิกซ์ที่มีสีสองสี สี หนึ่งเป็นสีแดงมีเปลวเพลิงลุกโชนตลอดเวลาและมีสีฟ้าที่ปลดปล่อยความเย็นตลอดเวลา
มันได้สยายปีกบินกู่ร้องและตัวมันปลดปล่อยสเกล็ดไฟและไอน้ำแข็งออกมา มันได้บินวนล้อมเกาะที่สูงเกาะหนึ่งราวกับว่ามันดีใจกับอะไรสักอย่าง แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงคำรามที่น่าเกรงขามดังขึ้นก่อนบนฟ้าจะมีหลุมมิติปรากฏขึ้น ทันใดนั้นเหงาร่างหนึ่งก็ปรากฏตัวออกมา ฟินิกซ์ตนนั้นที่เห็นก็ได้ร้องออกก่อนปลดปล่อยคลื่นพลังอันทรงพลังออกมา ฟินิกซ์ตนนั้นก็ได้จ้องเงาร่างนั้นเขม็งก่อนมีกรงเล็บสีทองดำปรากฏออกมา ทันใดนั้นร่างนั้นก็ออกมาจาก หลุมดำ
ดวงตาสีแดงสดคู่นั้นจ้องมองฟินิกซ์นั้น มันมีความสูงกว่าร้อยเมตร มีเขี้ยวที่คมกริบ มีเข่าที่โค้งยาว ร่างกายอันทรงเสน่ห์เต็มไปด้วยพลังและปีกที่มหึมาสี่ปีสยายออกมา มันมีหางที่ยาว มีเกล็ดสีทองและดำ มันคือ มังกร เมื่อมันปรากฏตัวออกมา ก็คำรามดังกึกก้อง
{เจ้ามาทำไมที่นี้ ราชามังกรดารา ฟรอสสตาร์ ภัยพิบัติแห่งการดับสูญ }ฟินิกซ์ตัวนั้นได้พูดออกมา
[เจ้าก็นะจะรู้ วอนคาน่า ฟินิกซ์เพลิงเหมันต์ ภัยพิบัติแห่งท้องนภา]ฟรอสสตาร์ กล่าวออกมา ใช่แล้วสองสัตว์อสูรนี้คือ สัตว์อสูรแห่งภัยพิบัติทั้ง 7 ตนตัวในตำนาน ทั้งสองเผชิญกัน ทันใดนั้นฟินิกซ์ไฟเหมันต์นั้นก็ร้องออกมา ออร่าปรากฏออกมา
{เขาต้องมาสืบทอดของข้าไม่ใช่ของเจ้า พวกเราตกลงกันแล้วนิ เจ้าเองก็ไม่เคยมีผู้สืบทอดนิ แล้วทำไมต้องสนใจเด็กคนนี้ด้วย}วอนคาน่ากล่าวออกมา ทันใดนั้นมังกร ฟรอสสตาร์ก็ได้คำรามออกมา ออร่าถูกปลดปล่อย
[เจ้านี้ถามอะไรงี่เง่าจังนะ ข้าเป็นคนชุบเลี้ยงเขามา ดังนั้น เขาต้องเป็นผู้สืบทอดของข้าเท่านั้น]ฟรอสสตาร์ วอนคาน่า ที่ได้ยินก็ยิ่งไม่พอใจใหญ่ เธอกล่าวออกมา
{เจ้ารึ วันๆเอาแต่สอนอะไรแปลกๆให้เขา เจ้าไม่ควรพูดแบบนั้น เพราะข้าเองก็เป็นคนเลี้ยงเขาเหมือนกัน เจ้านั้นแหละถอยไป เราตกลงกันแล้วว่า เจ้าจะยกเขาให้ข้า}วอนคาน่ากล่าวออกมา
[ดูเหมือนว่า เจ้าจะพูดไม่รู้เรื่องนะ ข้าต้องการเขา เพราะในอนาคตอันไกล้เขาจะเป็นตัวแปรสำศัญสำหรับข้า]ฟรอสสตาร์กล่าวออกมา
{ฮึ ข้าไม่ยอม ถ้าเจ้าจะแย่งเด็กคนนี้กับข้าล่ะก็ วันนี้ข้ากับเจ้าจะสู้ให้ตายไปข้างหนึ่ง}วอนคาน่ากล่าวออกมา
[ชั่งกล้าพูด เจ้ากับข้า ก็รู้ๆกันอยู่ว่าใครเสียเปรียบ ใครจะเป็นคนชนะ แต่ว่าข้ามีข้อเสนอใหม่เจ้าอยากฟังมั่ยล่ะ]ฟรอสสตาร์กล่าวออกมา
{ว่ามา ถ้าข้อเสนอไม่ถูกใจข้า เจ้ากับข้าตัดข้ากันจริงๆแน่}วอนคาน่ากล่าวออกมา ฟรอสสตาร์ที่ได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะอย่างน่าเกรงขามก่อนบอกข้อเสนอให้ฟัง วอนคาน่าที่ได้ยินแบบนั้นดวงตาสีทองของเธอก็เบิกกว้าง
{เจ้าจะบ้าหรอ เจ้าคิดว่าเด็กคนนี้แบกรับพลังของพวกเราสองตนพร้อมกันไว้หรอ เจ้าเอาสมองส่วนไหนคิดกัน}วอนคาน่าที่ไม่เห็นด้วยกับฟรอสสตาร์ก็ได้กล่าวแย้งออกมา
[แต่มันไม่มีทางเลือกแล้ว เจ้าและข้าก็ต้องการตัวเด็กนี้เหมือนกัน ดังนั้น ทำไมพวกเราไม่ลองอะไรที่ทำให้โลกใบนี้ทึ่งกันล่ะข้าชอบความบันเทิงแบบนี้ที่สุด ฮ่าๆ]ฟรอสสตาร์กล่าวออกมา วอนคาน่าที่ได้ยินแบบนั้นก็คิดอยู่ครู่หนึ่งก็กล่าวออกมา
{ข้าเองก็อยากรู้เหมือนกันว่า เด็กคนนี้จะพิเศษถึงขนาดไหนกัน ร่างกายของเขาจะต้องพิเศษมากแน่นอน ถ้าพวกเรา ภัยพิบัติทั้งสองอยู่ในร่างกายนี้ เขาจะต้องแข็งแกร่งที่สุดได้แน่นอน}วอนคาน่าเริ่มเห็นด้วยต่อจากนั้น ภัยพิบัติทั้งสองร่างกายก็เปล่งแสงออกมาก่อนที่พวกเขาจะกลายเป็นแสง
.....
ป่าทึบแห่งหนึ่งใจกลางป่าได้มีเกาะแห่งหนึ่งลอยอยู่ มันเป็นเกาะที่มีขนาดเล็กและมีชายคนหนึ่ง นอนอยู่ เรือนผมของเขาเป็นสีขาว ใบหน้าหล่อเหล่า สวมชุดธรรมดาๆ นอนอยู่ ชายคนนั้นก็ลืมตาขึ้นมา ดวงตาสีแดงสดนั้นขยับเล็กน้อยก่อนจะหดเล็กลงเหมือนตกใจอะไรสักอย่าง เขาได้ลุกขึ้นแล้วตบหน้าตัวเอง
“ฉันไม่ได้ฝันไปใช่มั้ยนี้ แล้วที่นี้มันที่ไหนกัน ฉันมาอยู่ที่ไหนกันเนี่ย ทำไมถึงมาอยู่ที่เกาะล้อมรอบไปด้วยป่าที่ดูน่ากลัวขนาดนี้”เขากล่าวออกมา ก่อนจะถอนหลังจนล้มลง เขาที่รู้สึกเจ็บแบบนั้นก็เริ่มคิด ‘นี้ข้าเป็นนักศึกษาที่ทะลุมิติมาที่นี้อย่างนั้นหรอเนี่ย ไม่สิๆ ข้าต้องทบทวนของทรงจำสักหน่อยแล้ว ข้าขื่อ ซูร่า สตาร์ฟรอส เป็นนักศึกษา ปีหนึ่ง เอง ปีนี้ข้า อายุ 19 ปีแล้ว ข้าเป็นนักศึกษาที่ ทั้งหล่อมากไปด้วยความสามารถ ที่สามารถทำให้สาวๆหลายคนหลงไหลได้เลย ที่ข้ามีหลายความสามารถแบบนี้ มันเป็นเพราะพ่อแม่ที่ เป็นพ่อแม่บุญธรรมที่รับข้าไปเลี้ยงดูเขาสอนอะไรแปลกๆให้กับข้า ทั้งวิชาดาบเอ๋ย วิชาแปลกๆอะไรมากมาย พอข้าไม่ทำก็เอาแต่ทุบตีข้า จนพอเขามหาลัยได้ ออกมาจากบ้าน ข้ายังมาดวงซวยอีก ตอนนั้นข้าง่วงนอนมาเลยเผลอหลับ แล้วตื่นมาข้าก็อยู่ที่แบบนี้แล้ว แถมป่านี้ก็ดูน่ากลัวยังไงไม่รู้และเราก็มาอยู่ที่เกาะ ที่อยู่สูงกว่าพื้นดินตั้ง ยี่สิบเมตรอีก แบบนี้เราจะลงไปยังไงนี้’ ซูร่า เริ่มคิดแล้ว
ซูร่าเขาได้ตบแก้มทั้งสองข้าอีกครั้งก่อนสูบลมหายใจเขาลึกๆ เขาได้ลุกขึ้นเดินไปขอบของเกาะ เขาได้กลืนน้ำลายก่อนที่จะก้นลงไปมอง ก็เห็นว่า ด้านล่างนี้มีแม่น้ำอยู่ มันไหลมาร่วมกันใต้ร่างของเกาะนี้ ‘ด้านล่างเป็นน้ำแบบนี้พอรอดได้อยู่ แต่ฉันไม่รู้ว่ามันจะลึกมั้ย ถ้าเตี้ยขึ้น โดดลงไปมีหวังได้ตายแน่ๆ’เขาคิดก็อดไม่ได้ที่จะกลัวมัน ได้คิดอยู่นานแสนนานว่าจะทำยังไงต่อ เขาก็ได้ตัดสินใจแววตาแน่วแน่
“งั้นก็เสี่ยงโชคสักหน่อย จะอยู่หรือตายก็ขึ้นอยู่กับแม่น้ำนี้แล้ว”ทันใดนั้นซูร่า ก็ได้กระโดดลงไปทันที เขานั้นเป็นคนตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วและเขาเองก็ไม่กลัวความตาย เขาถูกสอนอยู่เสมอว่า ถ้ากลัวก็เท่ากับตาย และเขาก็ถูกทรมาณตั้งแต่ยังเด็ก แค่กระโดดลงมามันไม่ยากเย็นนัก ทันใดนั้นซูร่าก็กระโดดลงมา จนน้ำกระจาย เขาได้จมลงลึกก็ต้องลืมขึ้นมา
สิ่งที่เขาเห็นคือ แม่น้ำนี้เป็นน้ำที่ลึกมาก แถมยังใสจนเห็นก้นมันเลยด้วยซ้ำ แต่เขายังไม่ทันชมความงามของมันมากนักก็ได้เริ่มหน้าแดงขึ้น เขาเริ่มที่จะหายใจไม่ออกแล้ว ร่างของเขาเริ่มขยันว่ายขึ้นทันที่ เมื่อหัวของเขาขึ้นมาแล้ว เขาก็ได้หายใจเขาปอด แล้วกล่าวออกมาอย่างอดไม่ได้
“รอดแล้วเรา ฮ่าๆ โลกนี้มันยังไงกันแน่เนี่ย ทะลุมิติมาวันแรกก็ต้องมาเสี่ยงชีวิตแบบนี้แล้ว ข้านี้มันโชคร้ายจริงๆ”เขากล่าวออกมาก่อนมองไปที่ฝั่ง เขาได้เริ่มวายน้ำเข้าฝั่งทันที เมื่อเขาถึงฝั่งแล้วก็นั่งถอนหายใจอยู่พักหนึ่งก่อนถอนเสื้อผ้าบิดมันให้น้ำมันออก
“ให้ตายสิ ทะลุมิติ มันควรจะมีตัวช่วยสิทำไมเราถึงไม่มีมันล่ะเนี่ย แถมเสื้อผ้าตัวนี้ก็ราคาแพงสะด้วย เสื้อสีขาวต้องมาดำ อีกหรอนี้รู้มั้ยว่ามันซักยากแค่ไหนกัน ”ซูร่ากล่าวออกมาอย่างแคบแค้นใจอย่างมาก ก่อนที่เขาจะมองล้อมๆ ก็ต้องเบิกตากว้างในความ อัศจรรย์ของป่าแห่งนี้ ที่มีทั้งเห็ดที่ใหญ่สามเมตรและมีต้นไม้ใหญ่ มีแต่คริสตัล มีแสงที่ออกมาจากต้นไม้ และยังมีสัตว์ที่คล้ายกระต่ายแต่ผิดแปลกที่มันมีเข่าด้วย กำลังอยู่ในดิน
“นี้มันโลกบ้าอะไรเนี่ย ทำไมถึงมีอะไรแปลกตาแปลกใจแบบนี้ได้กันล่ะ”ซูร่าอดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมา เขานั้นไม่เคยอ่านนิยายเลยสักครั้ง เลยไม่รู้ว่าโลกที่เขา คนอื่นโลกก่อนที่เขาจากมาเขาเรียกว่า โลกแฟนตาซี
“ก่อนอื่น เราต้องหาอะไรกินก่อน ไม่งั้นได้หิวตายแน่นอน”ซูร่ากล่าวอย่างนั้นดวงตาของเขาจ้องมองไปที่กระต่ายมีเข่านั้นทันที แววตาของเขาตอนนี้เหมือนกับนักล่าก็มิปาน ‘กระต่ายนั่นคงเนื้ออร่อยแน่นอนเลยสินะ ถึงฉันจะไม่รู้ว่ามันจะกินได้มั้ยแต่ต้องลองกินก่อน แต่ว่าข้าไม่มีอาวุธเลย ทะลุมิติมาตัวป่าว มีดสักเล่มก็ไม่มี หรือว่าเราต้องใช้หินลับให้คมกัน แบบนั้นมันเหมือนกับพวกมนุษย์ยุดหินแล้วนะนั้น แต่มันก็ไม่มีทางเลือกนิ ข้าต้องใช้อาวุธหินจริงๆรึนี้’ซูร่า คิดก่อนเขาจะมองล้อมๆฝั่งว่าจะมีหิน เมือเขาเห็นหินที่ต้องการแล้ว เขาก็เริ่มทุบมันกับหินที่ใหญ่กว่าทันที่ หินนั้นมันก็ค่อยๆเป็นรูปเป็นร่างแล้ว เขาเริ่มหาไม้ที่ยาวสองเมตรมาทันที่ เขาใช้เวลาครึ่งวันในการสร้างหอกจากหินเล่มหนึ่งมา
‘เยี่ยมเลย ดีนะไอ้พ่อบ้านั่นมันสอนวิธีเอาชีวิตรอดและวิธีอยู่บนเกาะล้านให้ฉันตอนยังเด็ก แต่ไม่คิดเลยว่าสิ่งที่พ่อแม่เวรนั้นสอนมาต้องเอามาใช้วันแรกที่ทะลุมิติมายังโลกแห่งนี้นะ ตอนแรกก็คิดว่าสิ่งที่พ่อแม่สอนมาจะไม่ได้ใช้ในโลกนั้นแล้วแค่ไม่คิดเลยว่าจะมาใช้ในโลกนี้นะ พ่อเวรนั้นสอนเสนอว่า ทุกๆอย่างคือประสบการณ์ เราความเก็บเกี่ยวมันไว้ ครั้งนี้ฉันจะได้เกี่ยวกับการล่าแล้ว’ซูร่า ที่คิดได้อย่างนั่นก็ยิ้มอย่างขั่วร้ายทันที
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!