NovelToon NovelToon

ความสุขของซูหลินลี่

ตอนที่ 1 ความดียังไม่หายความควายเข้ามาแทรก

ณ หมู่บ้านตงซานที่อยู่ภายใต้การปกครองของจักพรรดิแคว้นเยี่ย ที่มีดินแดนทางเหนือติดกับแคว้นหมิง และทั้งสองแคว้นก็ยังทำการค้าขาย ส่งออกแลกเปลี่ยนสินค้ากันเรื่อยมา นับว่าทั้งสองแคว้นถือว่าเป็นมิตรกันตลอดมา ซึ่งชาวบ้านที่อาศัยอยู่ติดกับชายแดน ไม่ว่าจะเป็นแคว้นเยี่ยหรือแคว้นหมิงต่างก็ไปมาหาสู่กัน และแลกเปลี่ยนสินค้ากันเรื่อยมา ซึ่งที่นี่มีอากาศที่หนาวมากในฤดูเหมันต์(ฤดูหนาว) แต่พอถึงฤดูคิมหันต์กลับร้อนมากๆเช่นกัน แต่ก็ยังดีหน่อยที่ยามฤดูฝนกลับตกต้องตามฤดูกาล จึงทำให้ต้นไม้ต้นหญ้า ผักป่า พืชพันธุ์ธัญญาหาร หรือแม้กระทั่งดอกไม้ใบหญ้า รวมทั้งเห็ดและสมุนไพรต่างๆนาๆกลับอุดมสมบูรณ์เป็นอย่างมาก 

รวมถึงสัตว์ป่าที่นี่ซึ่งมีมากมายหลายชนิดรวมกันอยู่ที่นี่มากมาย เพราะเหตุนี้จึงทำให้พื้นที่ในเขตหมู่บ้าน ตงซาน ที่มีกันแค่20หลังคาเรือน จึงอาศัยอยู่กันค่อนข้างมีการเป็นอยู่ที่ดี และอยู่กันอย่างมีความสุข มิค่อยจะมีการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันเท่าใดนัก เพราะชาวบ้านที่นี่ส่วนใหญ่มักจะหาของป่าและล่าสัตว์ไปขาย เพื่อแลกข้าวแลกเกลือ หรือแม้แต่น้ำมันน้ำตาลเครื่องนุ่งห่ม หรืออาภรณ์แพรพัน และบางครอบครัวก็ยังมีตำลึงเหลือพอที่จะส่งลูกหลานเข้าไปศึกษาร่ำเรียนที่สำนักศึกษาในเมืองได้อีกด้วย แต่ก็ยังมีแค่ชาวบ้านส่วนน้อยเท่านั้นที่ทำนาทำการเกษตรบ้าง และ มีบ้างบางครอบครัวที่เลี้ยงไก่ไข่เลี้ยงเป็ดวัวไว้เทียมเกวียน และมีบางบ้านที่ปลูกผักกินเอง เหตุใดถึงมีแค่บางครอบครัวเท่านั้น เหตุเพราะพื้นที่ที่นี่มีภูเขาหลายลูกล้อมรอบ จึงทำให้มีที่ดินไว้ใช้สอยในการทำเกษตรน้อยมาก การเพาะปลูกจึงลำบากมากต่อการใช้แรงงานคน เพราะดินน้อยกว่าก้อนหินจึงยากต่อการทำการเกษตรนั่นเอง 

และที่สำคัญพื้นที่แห่งนี้ยังติดกับทะเล แต่ถัดจากภูเขาลูกใหญ่หลังหมู่บ้าน ก็ยังมีหนองน้ำจืดที่มีขนาดกว้างใหญ่พอสมควร ใหญ่พอที่จะทำให้ทุกคนในหมู่บ้านตงซานแห่งนี้มิขาดแคลนน้ำดื่มน้ำใช้ และยังใช้ในการเกษตรบ้าง ส่วนน้ำในหนองน้ำใหญ่นี้สามารถใช้ได้ตลอดทั้งปี จึงทำให้หมู่บ้านแห่งนี้อยู่กันแบบมิค่อยอดอยาก เพราะมีน้ำให้ใช้สอยมีสัตว์ป่าให้บุรุษในหมู่บ้านได้ล่า ส่วนสตรีก็จะขึ้นเขาไปเก็บเห็ดหรือผักป่าและสมุนไพรกันอย่างสนุกสนาน ในยามฤดูที่เห็ดเกิดก็จะเกิดมากเป็นพิเศษ เนื่องจากมีภูเขาหลายลูกนั่นเอง หรือยามผักป่า แม้กระทั่งสมุนไพรก็ยังมีมากมายนานับชนิดมิได้ และยังมีนาข้าวให้ได้เก็บเกี่ยวเพื่อเอาไว้แลกของกินของใช้ที่ตนเองไม่มี แต่ถึงอย่างนั้นก็มิมีผู้ใดในหมู่บ้านตงซานร่ำรวยกัน หรือจะกล่าวว่าไม่มีตำลึงเงินมากมายจนเหลือล้นเสมือนคนในเมือง เพราะของที่เอาไปขายก็พอแค่ได้จุนเจือครอบครัวมิให้อดอยาก โดยเฉพาะข้าวและเกลือ ที่แพงและหายากยิ่ง ที่เหลือก็เก็บไว้เล็กน้อยเผื่อยามลำบากในภายภาคหน้า หรือยามป่วยไข้ อีกทั้งยังเก็บไว้แต่งสะใภ้เข้าบ้าน และยังเก็บไว้เป็นสินเดิมให้กับบุตรสาวที่จะออกเรือนนั้นเอง 

และแน่นอนว่าพวกชาวบ้านในหมู่บ้านตงซานจะทำเช่นนี้ในทุกๆปี พอถึงช่วงฤดูเหมันต์(ฤดูหนาว)ทุกบ้านก็จะกักตุนเสบียงอาหารไว้มากพอสมควร จนเกือบจะมิเหลือตำลึงเงินเลยทีเดียว และปีนี้ก็เช่นกัน เหมันต์ฤดู(ฤดูหนาว)มาเยือนได้สักพักแล้ว ตอนนี้กำลังมีหิมะเกาะอยู่บนยอดหญ้าบ้าง บนต้นไม้บ้างแต่ก็ยังไม่มากเท่าใดนัก แน่นอนว่าอีกมินานก็จะขาวโพลนเต็มภูเขาทุกลูกและบนหลังคาบ้าน ตามทางเดินเล็กๆในหมู่บ้านก็เช่นกัน แทบจะเดินมิได้เหมือนทุกๆปีเลยทีเดียว

เพราะเหตุนี้จึงไม่ค่อยจะมีผู้ใด อยากเดินออกนอกบ้านนอกเรือนในฤดูหนาวของทุกปี จึงจำเป็นต้องยอมควักตำลึงเงินก้อนโต เพื่อนำไปซื้อเสบียงกักตุนไว้ให้ได้มากที่สุด เท่าที่จะหาซื้อมาได้ หรือถ้าบ้านไหนโชคดีล่าสัตว์ตัวใหญ่มาได้นั้น พวกเขาแทบจะมิต้องหาเพิ่มด้วยซ้ำ สัตว์ใหญ่ที่ว่า ก็อย่างเช่นหมูป่าตัวอวบอ้วน หรือแม้กระทั้งกวางตัวใหญ่นั่นเอง

แต่ผิดกับปีนี้ที่เกิดเหตุกราณ์เลวร้ายอย่างที่สุด เท่าที่พวกเขาเคยพบเจอในชีวิตมาก่อน และตอนนี้ที่บ้านหลังหนึ่งซึ่งไม่เล็กไม่ใหญ่มาก กำลังมีเสียงร้องไห้เสียงดังจากน้องชายคนที่สี่ของบ้าน

"ฮือๆๆ ท่านแม่ท่านพ่อพี่ใหญ่ฮือๆๆ พี่รองขอรับๆ พี่รอง"

"ว่าอย่างไรเจ้าสี่พี่รองของเจ้าทำไมหรือ เกิดอันใดขึ้น เหตุใดเจ้าทำหน้าตาเช่นนี้ แล้วเจ้าร้องไห้ด้วยเหตุใด แม่มิสบายใจเลยรีบบอกแม่มาเร็วเข้า"

"ฮือๆๆท่านแม่พี่รองนางไม่พูดกับข้า ข้าถามเท่าใดนางก็มิยอมตอบ ข้าเขย่าตัวนางอย่างไรนางก็มิยอมตื่นขอรับฮือๆๆๆ" 

"เจ้าว่าอย่างไรนะ" 

นาง ซูหลินเย่ว ผู้เป็นมารดาได้แต่เบิกตากว้างตกใจกับคำเอ่ยถึงพี่สาวคนรองจากบุตรชายคนที่สี่ มิต่างจากบิดาอย่าง ซูซางซาน ก็ตกใจมากเช่นกัน แต่เขากลับมิสามารถลุกขึ้นมาได้ เหตุเพราะเขานั้นเป็นไข้ป่า ด้วยตัวเขานั้นขึ้นเขาไปหาผักป่ามาประทังชีวิตตนและลูกเมีย โดยอากาศที่หนาวเหน็บเลยจับไข้มาสองวันแล้ว เขามิได้กินยา เพราะไม่มีตำลึงเงินในบ้านหลงเหลืออยู่แล้ว เสบียงอาหารทีกักตุนไว้มากมานในบ้านก็หมดไปตั้งแต่สามวันก่อน ตำลึงเงิน5ตำลึงทีเขาเก็บไว้ใช้จ่ายยามลำบาก ก็ได้ถูกพวกเลวนั้นเอาไปจนหมด เขาได้แต่สาบแช่งพวกมัน ขอให้พวกมันตายตกไปในระหว่างทาง ที่พวกมันกลับไปบ้านเมืองของพวกมัน เขาคิดด้วยความโกรธแค้นและชิงชังพวกมันเป็นที่สุด และตอนนี้ได้แต่เป็นห่วงบุตรสาวเพียงคนเดียวเป็นอย่างยิ่ง

ย้อนไปเมื่อสามวันก่อน ชาวเมืองแคว้นเยี่ยรวมถึงชาวบ้านในหมู่บ้านตงซานต่างก็แสดงความดีใจ กับศึกที่องค์รัชทายาทเหล่าองค์ชายและทหารกล้า ที่ปราบพวกทหารแค้วนหมิงได้สำเร็จ ชาวเมืองทุกคนต่างดีใจโห่ร้องขึ้นด้วยความภาคภูมิใจกับองค์รัชทายาทและองค์ชาย รวมถึงทหารทุกนาย ในเมืองต่างเลี้ยงฉลองกันยกใหญ่ มิต่างจากหมู่บ้านตงซานที่ฉลองกันภายในครอบครัวอย่างมีความสุขเช่นกัน แต่พวกเขาก็ได้ยินข่าวดีได้ไม่นาน เพราะจู่ๆก็มีเหตุการณ์มิคาดฝันเกิดขึ้นกับหมู่บ้านตงซานของพวกเขา พวกทหารแคว้นหมิงที่หนีตายจากสงคราม ระหว่างแคว้นหมิงกับแคว้นเยี่ยนั้น พวกทหารแคว้นหมิงที่รอดตายนั้น กลับหนีตายมาทางหมู่บ้านตงซานประมาณ150นายเห็นจะได้

พวกมันเห็นว่าหมู่บ้านตงซาน เป็นหมู่บ้านที่ห่างไกล และไม่มีทหารของแค้วนเยี่ยเฝ้าเลยสักนาย พวกมันทั้งได้ใจและดีใจจึงปล้นเอาเสบียงที่ชาวบ้านกักตุนไว้ในช่วงฤดูหนาวไปจนหมด ถ้ามีคนที่ไม่ยินยอมพวกมันก็จะทุบตีจนเลือดตกยางออกอย่างเลือดเย็น จึงทำให้ทุกคนในหมู่บ้านหวาดกลัวไปตามๆกัน ทุกคนเลยยินยอมให้พวกมันเอาทุกอย่างไปจนหมดสิ้น

กระทั่งตำลึงเสื้อผ้ายาสมุนไพรอาหาร และเกวียนของชาวบ้านไปจนหมด ที่หมู่บ้านมีเกวียนเทียมวัวอยู่2หลัง พวกมันก็เอาไปทั้ง2หลัง ชาวบ้านได้แต่สาบแช่งทั้งร้องไห้และยังมีคนที่ร้องโอดโอยอย่างเจ็บปวด และทรมานจากการถูกทุบตี 

จากเหตุการณ์ครานั้นจนถึงวันนี้ ชาวบ้านบางคนบางครอบครัวที่ทนรอความช่วยเหลือจากทางการต่อมิไหว เพราะความหิวจึงได้ขึ้นเขาแม้อากาศที่หนาวเหน็บก็ตามที

แต่พวกเขาก็ยังภาวนา และหวังเพียงให้ผู้ใดสักคนขับรถม้าผ่านมาที่นี่สักคัน หรือคนของทางการจะเป็นผู้ใดก็ได้ มาช่วยพวกเขาที 

ครั้นจะให้พวกเขาเดินเท้าเข้าไปในเมืองเพื่อขอความช่วยเหลือจากทางการ กว่าจะถึงคงได้หนาวตายก่อน เพราะพวกเขามีเสื้อผ้าพอแต่ใส่กันหนาวภายในบ้าน หรือออกไปได้แต่มิไกลมากนัก ถ้าหากให้เดินทางไกลคงทนหนาวมิไหวแน่ อย่างน้อยๆถ้าเดินเท้าก็คงมิต่ำกว่า5-6วันกว่าจะถึงในเมืองได้ และเหตุที่มิมีเสื้อผ้ากันหนาว

เพราะพวกทหารเลวแคว้นหมิงพวกนั้น ปล้นเสื้อกันหนาวผ้าห่มแม้กระทั่งชุดที่ชาวบ้านใส่กันไปจนเกือบหมด 

พวกมันเพีนงอ้างเหตุผลเลวๆว่า กว่าที่พวกมันจะถึงแคว้นหมิงก็คงจะหนาวตายก่อนเช่นกัน 

!!!!!!!!!!!!!!

ตอนที่ 2 มาได้ไงวะ

ที่ทหารแค้วนหมิงปล้นเอาเสบียงของชาวบ้านไปจนหมดนั้น เหตุเพราะพวกมันคิดไว้แล้วว่าระยะทางไปที่แคว้นพวกมันนั้นไกลพอสมควรถึงจะมีชายแดนติดกันก็ตามที แต่ก็ยังมีทะเลอันกว้างใหญ่ไพศาลขวางกั้นอยู่ พวกเขาต้องเดินอ้อมไปอีกหลายวันกว่าจะถึงแค้วนของตน และตลอดการเดินทางก็มิมีหมู่บ้านใดในแถบนั้นเลยสักหลัง พวกมันจึงปล้นเอาทุกอย่างที่ สามารถทำให้พวกมันอยู่รอดได้ โดยที่พวกมันไม่ต้องอดทนต่อความหิวโหยของอาหาร หรืออาจจะหนาวตายกลางคันได้

และนี่จึงเป็นเหตุให้ ดรุณีน้อยนางหนึ่งที่มีอายุเพียง13 ปีหนาวนอนสิ้นใจตายโดยหามีผู้ใดรู้ไม่ เหตุเพราะอดทนต่อความหิวมิไหว เหตุเพราะมีหลายคราที่นางยอมให้น้องชายคนที่5ของบ้าน ได้กินอาหารในส่วนของนางเอง ถึงแม้เจ้าตัวจะหิวมากเท่าใด แต่นางกลับกลัวว่าน้องชายคนเล็กจะหิวมากกว่า นางคิดว่าตนเองพออดทนได้เพราะเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่นางกลับคิดผิด สุดท้ายนางก็ทนมิไหวจนได้สิ้นใจไปโดยที่มิได้ล่ำลาผู้ใดสักคน 

ณ ตอนนี้วิญญาณของนางได้แต่ยืนร้องไห้แทบขาดใจ มองดูครอบครัวที่นางรักสุดหัวใจ และพวกเขาก็คงรักนางสุดหัวใจเช่นกัน นางจึงได้แต่ร้องไห้ด้วยความอาลัยอาวรณ์อย่างเจ็บปวด นางอยากกอดพวกเขาเหลือเกินอยากเอ่ยคำลาสักคำก็ยังดี ตอนนี้ร่างไร้วิญญาณนอนแน่นิ่งในอ้อมกอดของมารดา ที่ร้องไห้น้ำตาแทบเป็นสายเลือด ส่วนวิญญาณของนางก็ร้องไห้และเจ็บปวดใจไม่แพ้กัน ทุกคนในบ้านต่างร้องไห้เสียใจกันทุกคน พี่ใหญ่และน้องๆกอดกันร้องไห้สอึกสะอื้นเสียงดัง พี่ใหญ่นั้นก็ได้ปลอบใจน้องๆ ซึ่งตัวเขาเองแทบเข่าทรุดเจ็บปวดหัวใจเจียนตายเช่นกัน ส่วนซูซางซานหัวหน้าครอบครัว หรือผู้เป็นบิดาไม่แม้แต่จะมีแรงลุกขึ้นไปกอดบุตรสาวที่เขารักปานดวงใจนั้นได้ เขาได้แต่นอนร้องไห้สอึ้นบนฟูกนอนกลางเก่ากลางใหม่ผู้เดียวเงียบๆ นางหลินเย่วผู้เป็นมารดานั้นกอดบุตรสาวไว้แนบอกร้องไห้แทบขาดใจอยู่นั้น บุตรชายคนสุดท้องก็ได้เอ่ยถามขึ้น 

"ท่านแม่พี่ใหญ่พี่สามพี่สี่เป็นอันใดกันขอรับร้องไห้ด้วยเหตุอันใดหรือ" 

น้องน้อยที่ทำหน้ามิเข้าใจที่เห็นทุกคนเอาแต่ร้องไห้เสียงดัง ส่วนวิญญาณของดรุณีน้อยก็ร้องไห้แทบขาดใจมิต่างกันกับพวกเขาเลยแม้แต้น้อย นางยืนมองน้องน้อย ที่ตนยอมสละอาหารอันน้อยนิดให้นั้น แล้วนึกไปถึงถ้าตนมิให้อาหารน้องน้อยในตอนนั้น วันนี้อาจจะเป็นน้องชายคนที่ 5 ของนางที่ตายไปก็ได้ คิดได้อย่างนั้นนางจึงดีใจอย่างน้อยๆคนที่ตายก็เป็นนาง มิใช่น้องชายของนางที่ยังเล็กมาก และอาจจะมีอนาคตไกลกว่านางก็ได้

"ท่านพี่บุตรสาวของเรามิหายใจแล้วเราจะทำอย่างไรดีเจ้าค่ะ ฮือๆๆๆ" 

ผู้เป็นมารดาเอ่ยกับสามีด้วยเสียงสะอึกสะอึ้นและหลังจากนั้นเสียงร้องไห้ก็ได้ดังขึ้นมากกว่าเก่า ดังไปทั่วบริเวณบ้านหลังขนาดกลาง ฮือๆๆๆๆๆ เสียงร้องไห้ปานจะขาดใจด้วยกันทั้งบ้านให้ได้ ด้วยเพราะบ้านหลังนี้มีดรุณีน้อยนางเดียว ที่ทุกคนต่างก็รักและเอ็นดูนางกันทุกคน รวมทั้งน้องน้อยสุดของบ้านด้วย

"อึก โธ่ลูกพ่อเหตุใดเจ้าต้องจากพ่อไปทั้งที่ยังมิได้ร่ำลา โธ่ลี่เออร์ ฮือออๆๆๆๆ อึก" 

ผู้นำครอบครัวเอ่ยคำได้เพียงเท่านั้น ก็ได้แต่ร้องไห้สะอึกสะอื้น เขามิมีแรงแล้วจริงๆ เขารักบุตรทุกคนเท่าเทียมกัน มิว่าจะเป็นบุตรชายหรือบุตรสาว แต่เนื่องจากนางเป็นบุตรีหนึ่งเดียวของบ้าน เขาจึงทั้งรักทั้งหวงและห่วงมากกว่าบุตรชายนั่นเอง 

ส่วนบุตรชายคนโตสุดของบ้าน ได้แต่ยืนกำหมัดแน่นกัดกรามดังกร๊อดกร๊อด เขาเสียใจมากเขาอยากตามไปฆ่าไอ้พวกทหารแคว้นหมิงสาระเลวพวกนั่นให้ตายตก มิบอกก็รู้ได้เหตุที่น้องสาวเขาสิ้นใจคงมีแค่เหตุผลเดียว คือนางกินไม่อิ่มนางอดทนต่อความหิวมิไหว อีกทั้งอาภรณ์ผ้าห่มที่บ้านยังเหลือน้อยนิด จึงทำให้นางสิ้นใจไปโดยที่มิได้ร่ำลาบิดามารดาและพี่ชายอย่างเขา ยังมีน้องๆอีกที่ทุกคนต่างรักใคร่นางมาก เขาโกรธจนตัวสั่นจนควบคุมอารมณ์ตนเองเกือบจะมิอยู่

แต่แล้วจู่จู่ก็มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น ดารุณีน้อยที่ทุกคนเข้าใจว่านางตายไปแล้ว กลับลืมตาขึ้น มาและยังเรียกหาทุกคน ทำเสมือนมิมีเหตุใดเกิดขึ้นกับตน ทุกคนต่างยิ้มออกมาทั้งน้ำตา ร้องไห้ออกมาเสียงดังยิ่งกว่าตอนที่รู้ว่านางสิ้นใจแล้วเสียอีก แต่นางก็ได้ทำตัวให้ทุกคนแปลกประหลาดใจ เหตุเพราะนางทำตัวแปลกๆ และยังมองบางอย่างที่พวกเขามิรู้ได้ว่านางมองสิ่งใดกันแน่ แต่พวกเขาก็มิได้สนใจพฤติกรรมแปลกๆของนาง เพราะดีใจมากกว่าที่นางฟื้นขึ้นมา และคำตอบในใจของทุกคนตอนนี้ คือทั้งดีใจทั้งตกตะลึงทั้งงุนงงแต่ทุกคนต่างก็มีรอยยิ้ม ยิ้มทั้งน้ำตาที่ได้ดรุณีน้อยหนึ่งเดียวในบ้านกลับคืนมา 

ส่วนผู้ที่ลืมตาขึ้นมาคราแรกก่อนหน้า นางมองไปยังเด็กหญิง ที่ลอยตัวไปมาอยู่ก็ทำให้ตกใจเกือบช๊อค แต่เธอยังไม่ได้เอ่ยสิ่งใดออกไป วิญญาณเด็กหญิงนั่นก็สื่อจิตมาถึงเธอซะเเล้ว เธอถึงค่อยเข้าใจบ้างเล็กน้อย (ย้ำนิดหน่อย) เฮ้ออ!!!!! เธอถอนหายใจออกมาเสียงดัง จนทำให้ทุกคนที่ยืนอยู่ตรงหน้านาง ซึ่งมีสตรีวัยกลางคน และมีบุรุษที่หล่อเหลาผู้หนึ่ง ที่ตัวสูงผิวขาวหล่อเหล่ายิ่งนัก และยังมีเด็กชายที่โตมากหน่อย และก็โตเรียงลงมาอีก และยังมีเด็กชายตัวน้อยอีกผู้หนึ่งยืนอยู่ตรงหน้านาง อีกทั้งนางยังเหลือบไปเห็นบุรุษน่าจะวัยกลางคนนอนอยู่บนฟูกเก่าๆ ถึงนางจะเข้าใจบ้างแล้วว่าครอบครัวนี้เป็นครอบครัวของเจ้าของร่างนี้เป็นแน่ แต่นางก็มิเข้าใจอยู่ดีว่า 

แน่นอนว่านางนั้นตายแล้ว แต่เหตุใดถึงได้มาอยู่ในร่างของเด็กหญิงผู้นี้ได้ ทุกคนจ้องมองมาที่นาง พร้อมทั้งส่งรอยยิ้มกว้างมาให้นางกันทุกคน

เฮ้อ!!!!!!! นางถอนหายใจอีกครา ยิ่งคิดยิ่งหัวจะปวดนางจึงตัดสินใจเอ่ยบางอย่างขึ้น

"ท่านแม่ พี่ใหญ่ น้องสาม น้องสี่ น้องห้า ท่านพ่อด้วย ข้าหิวเจ้าค่ะขอน้ำให้ข้าก่อนและขอน้ำต้มผักด้วยเจ้าค่ะ"

สตรีที่พึ่งฟื้นขึ้นมาก็เอ่ยเรื่องกินขึ้นมาก่อนแน่นอนว่านางหิวมากจนไม่มีแรงจะพูดเลยด้วยซ้ำ 

พอพูดจบนางก็หอบหายใจเหนื่อยจนเจียนตายเป็นคราที่สอง เด็กหญิงกินมิอิ่มมาหลายวัน มีหรือที่จะมีเรี่ยวแรงแม้แต่พูดยังเหนื่อยเลย 

"ได้ๆ กงซาน ไปนำน้ำ และน้ำต้มผักมาให้น้องสาวเจ้าเร็วเข้า โถ่ลูกรักของแม่"

ผู้เป็นมารดาเอ่ยบอกกับบุตรชายคนโต ให้รีบนำน้ำต้มผักและน้ำดื่มมาให้บุตรสาวของตนได้ดื่มกิน นางดูก็รู้ว่าบุตรสาวนั้นคงจะหิวและเหนื่อยหอบมาก ดูจากการที่นางเอ่ยจบนางถึงกับตัวอ่อนยวบ ลงบนอ้อมแขนของตน

"พี่รองท่านฟื้นขึ้นมาแล้ว"

หม่าซาน น้องชายคนที่สี่พูดกับพี่สาว พอน้ำกับน้ำต้มผักมาถึงนางก็ดื่มกินอย่างหิวโหย ยกซดจนมิมีเหลือ แน่นอนว่าต้องทำให้ตัวเองรอดจากการหิวโหยก่อน ค่อยคิดอย่างอื่นว่าจะทำอย่างไรต่อไป

"ลี่เออร์ลูกรู้สึกอย่างไรบ้าง เจ้าไม่สบายตรงที่ใดอีกหรือไม่โธ่ลูกพ่อ ขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ส่งนางกลับมา ขอบคุณขอบคุณ"

ซางซานผู้เป็นบิดาเอ่ยถามขึ้น พร้อมทั้งขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่มองมิเห็นด้วยความดีใจ เขาเป็นห่วงบุตรสาวยิ่งกว่าชีวิตของเขาเองด้วยซ้ำ

"ท่านพ่อลูกมิเป็นไรแล้วเจ้าค่ะ"

พอได้ยินนางเอ่ยอย่างนั้นทุกคนต่างโล่งอกไปที ที่บุตรสาว น้องสาว และพี่สาวของพวกเขาฟื้นขึ้นมา แต่พวกเขาหารู้ไม่ว่าคนที่ทุกคนเข้าใจว่าฟื้นขึ้นมานั้นกลับมิใช่ลี่เออร์หรือลี่ลี่ของทุกคนอีกต่อไปแล้ว

*เจ้ภาหรือที่โลก2023เรียกเธอว่าเจ้ภาพาแซ่ปพารวย*

ใช่เธอตายแล้ววิญญาณกลับมาโผล่ที่ยุคจีนโบราณ มาได้ไงเธอก็งงมาก ตอนแรกที่เธอเข้าร่างนี้เธอหลับตาอยู่ แต่ก็ได้ยินเสียงครอบครัวนี้ร้องไห้อย่างหนัก เธอยิ่งงงหนักมากไปอีก แต่ก็ไม่กล้าถามหรือพูดอะไรได้แต่ก็หลับตาฟัง และลำดับเหตุการณ์ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ฟังอยู่นานเธอก็ยังไม่เข้าใจสักทีว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่ เธอตายแล้วมาอยู่นรกหรือสวรรค์อย่างนั้นเหรอ แต่พอมีผู้หญิงมากอดเธอและลูบหน้าลูบตาเธอแถมยังร้องไห้แทบขาดใจ ซ้ำเธอยังเห็นวิญญาณเด็กหญิงที่ส่งยิ้มมาให้ พร้อมทั้งยังสื่อจิตมาถึงเธอด้วยสายตาที่เศร้าและร้องไห้ไปด้วย แม้เธอจะงงเป็นไก่ตาแตกแล้วไงภาษาที่แปลกเธอยังฟังรู้เรื่อง จึงเข้าใจขึ้นมาทันทีว่าเธอนั้นตายไปแล้ว และกลับมาเกิดใหม่ แต่มาแบบวิญญาญสวมรอยเธอเดาเอาอะน่ะ 

เพราะอะไรนะหรือก็เธอถูกไอ้เลวสามตัวฆ่าตายนะสิ 

!!!!!!!!!!!!

ขอบพระคุณทุกท่านที่ให้การติดตาม และเข้ามาอ่านนะคะไรท์ ไรท์ขอขอบพระคุณล่วงหน้ามากๆค่ะ เรื่องนี้ตอนกลางๆเรื่อง ไปจนจบเรื่องสนุกมากค่ะฝากไรท์มือใหม่ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจของ read ทุกท่านด้วยนะคะ

ตอนที่ 3 เจ๊มาแล้ว

ต้องท้าวความก่อนว่า   ภาวิณี หรือเจ้ภา  เจ้าแม่สายกินอัดคลิปจนโด่งดัง ที่มีแฟนคลับมากมาย และยังมีผู้ติดตามหลายล้านคน จากการอัดคลิปกินของเธอ จากที่โด่งดังอัดคลิปกินก็ผันตัวมาจับธุรกิจขายของออนไลน์เกือบทุกอย่างก็ว่าได้ และขายดิบขายดีจนมีลูกน้องเพิ่มขึ้นมาก เพราะต้องรับส่งของและจ้างแอดมินมาคอยตอบคอมเม้นท์ และจัดการเรื่องการจัดส่งทุกอย่าง ช่วงนั้นเธอหยิบจับอะไรก็ดีไปหมด จากที่รับมาขายไป ไปๆมาๆก็หันมาทำแบรนด์เป็นของตัวเอง  

เพราะเธอเห็นแล้วว่าเธอมีแฟนคลับมากมายจากคลิปกิน ที่เธอแทบจะไม่ได้ซื้ออะไรกินด้วยซ้ำ เพราะเวลาเธอจะอัดคลิปแต่ละที ก็มีร้านอาหารหลายร้าน หรือแม้แต่ของใช้หรือพวกครีมหรืออะไรก็ตามแต่ ติดต่อเข้ามาเพื่อให้เธอเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้ ของทุกอย่างในห้องเธอเธอแทบจะไม่ได้ซื้อสักอย่าง เนื่องจากของที่เธอได้ฟรีจากการรีวิวให้เจ้าของร้าน ไม่ว่าจะเป็นของกินของใช้เสื้อผ้า หรือแม้แต่ของแบรนด์ดังๆบางตัวเธอยังได้มาฟรีๆ และนั่นเธอจึงมองเห็นโอกาสดีและโอกาสทอง ที่เธอจะขยายธุรกิจออกไปให้ใหญ่โตยิ่งขึ้น

จากที่มีคนชื่นชอบอยู่แล้ว สินค้าก็เลยขายดีทุกอย่างจาก ฐานะปานกลางค่อนไปทางจน เพราะพื้นเพพ่อแม่ทำไร่ทำนา พอเธอมาทำแบรนด์ของตัวเอง และเปิดบริษัทเล็กๆ เธอยิ่งขายดีกว่าเก่าเป็นร้อยเท่า จึงทำให้ธุรกิจของเธอตอนนั้นปังสุดๆ

และแล้วเธอก็ประสบความสำเร็จกับการขายสินค้าของเธอ ภายในอายุเพียง34ปีเท่านั้น และตอนนี้เธอก็มีอายุล่วงเลยมาถึง45ปีแล้ว แต่เธอกลับไม่ยอมมีลูกไม่ยอมมีผัวซะงั้น แต่เธอกลับชอบแบบนี้ต่างหาก เพราะไม่ต้องมายุ่งยากหัวใจ และไม่ต้องมาคอยปวดหัวกับการซักไซ้ และตอบคำถามของสามี หรือต้องมาดูแลลูกๆให้วุ่นวายจนหัวฟู เพราะเธอชอบเป็นหญิงครองโสด มันอิสระดีเธอจะไปไหนมาไหน ทำอะไรพูดคุยกับใครจีบใคร หรือแม้กระทั่งนอนกับใครก็ไม่ต้องสนใจ ว่าจะมีใครมารับรู้หรือหวงห้ามนั่นเอง ยามเธอมีอารมณ์อย่างว่า เธอก็แค่ซื้อกิน และยังเลี้ยงต้อยไว้ยามที่เธอต้องการอยากปลดปล่อยอีกด้วย

แต่เธอก็เป็นคนใจบุญไม่น้อย เพราะเธอได้ส่งเสียเลี้ยงดูบ้านเด็กกำพร้าตลาดเส้นทางที่เธอประสบผลสำเร็จจากธุรกิจของเธอ และเธอยังกตัญญูส่งเงินให้พ่อกับแม่ที่อยู่ต่างจังหวัดตลอดไม่ได้ขาด จนพ่อกับแม่เธอที่เป็นชาวนา ชาวเกษตรกรฐานะปานกลางค่อนไปทางจน แต่กลายมาเป็นมหาเศรษฐีในหมู่บ้านนั้นเลยก็ว่าได้ เพราะเธอได้ทำบ้าน 2 ชั้น ที่หลังใหญ่มากในเขตอำเภอเลยก็ว่าได้ ซ้ำยังมีรถขับตั้งหลายคันมีที่ทางตั้งหลายแปลงที่เธอไปซื้อไว้ให้ และเรื่องอาหารการกินไม่ต้องห่วง พ่อกับแม่เธอกินอยู่อย่างเศรษฐีดีดีนี่เอง 

จนตอนนี้พ่อแม่ของเธอก็ได้จากไปแล้ว เธอจึงยกสมบัติที่บ้านที่นา และเงินในบัญชีของพ่อแม่ทั้งหมดให้กับน้องชายเพียงคนเดียว ซ้ำเธอยังส่งหลานๆที่เป็นลูกน้องชายเรียนทุกคน 

และเธอเป็นคนค่อนข้างใจดีมีเมตตาชอบทำบุญผ้าป่า ไปถวายวัดที่ห่างไกลตามชนบทตลอด แต่เธอก็ยังมีข้อเสียตรงที่ซื้อผู้ชายกินนิแหละ

และก็เพราะเด็กเลี้ยงต้อยที่บอกกับเธอว่า มันจะเสียวมากๆและมีความสุขถึงขั้นสุด ถ้าพี่ได้ลองสวิงกิ้งดูสักครั้งรับรองว่าพี่จะติดใจ 

แน่นอนเธอชอบเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว หรือบางทีเธออาจเป็นโรคที่เขาเรียกว่าขาดผู้ชายหรือเซกซ์ไม่ได้นั่นเอง 

เธอจึงตอบตกลงอย่างไม่คิดอะไรมาก เพราะเธอเคยเอากับไอ้เด็กเลี้ยงต้อยคนนี้มาเป็นปี จึงค่อนข้างมั่นใจ แถมไอ้เด็กนี่ลีลายังเด็ดดวงถึงใจเลยทีเดียว 

เพราะเหตุนี้เธอจึงทุ่มไม่อั้น แถมไอ้เด็กนี่ยังเด็กอยู่มากอายุแค่23ปีเท่านั้น เธอยิ่งเป็นคนรักเด็ก เพราะแบบนี้ไงถึงได้โดนวางยามอมเมา เซ็นเชคจำนวน30ล้านบาทให้กับพวกมัน แถมเธอยังบอกรหัสคอนโดทุกห้อง รหัสตู้เซฟทุกตู้อีกต่างหาก 

สุดท้ายพวกเลวนั่นก็เอาหมอนอุดจมูกเธอจนตาย ตอนนั้นเธอยังยืนมองพวกเลวนั่นจัดการกับร่างของเธอ พวกเลวนั่นทำให้เธอดูเหมือนนอนหลับแบบสบาย เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซ้ำยังเอายานอนหลับมาวางไว้บนโต๊ะ ให้มองว่าเธอกินยานอนหลับเยอะเกินไป จนช็อคและตายไปในที่สุด 

เธอยืนร้องไห้มองดูร่างตัวเอง และมองดูพวกเลวนั่นจากไปพร้อมรอยยิ้มที่เหี้ยมโหด เจ้าภาได้แต่มองดูพวกมันจากไปพร้อมเชคเงินสด30ล้านบาท ด้วยความเจ็บใจและโกรธแค้น เธออยากแก้แค้นพวกมัน อยากเดินเข้าไปบีบคอพวกมันให้ตาย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ จึงได้แต่มองพวกพวกมันเดินไปไกลจนลับตาด้วยความเจ็บใจ และเจ็บจนจุกเธอนึกในใจว่าเงินก้อนนี้ที่เธอให้พวกมันไป เธอเอาไปถวายวัดส่วนนึงให้บ้านเด็กกำพร้าหลายๆแห่ง อีกทั้งยังให้พนักงานเธอ ให้หลานๆของเธอที่เป็นลูกน้องชายจะไม่ดีกว่าหรือ เธอได้แต่แค้นใจแต่ทำอะไรไม่ได้

ผ่านไปสามวันแล้วที่เธอนั่งเฝ้าศพตัวเอง ที่เริ่มขึ้นอืดและบวมพองขึ้นจากเดิมจนดูไม่ได้ และแล้วก็มีลูกน้องมาตามหาเธอเพราะติดต่อเธอไม่ได้ เพราะเรื่องงานเกือบทุกอย่างต้องรอให้เธอเซนต์อนุมัติก่อน ลูกน้องของเธอมายืนอยู่หน้าประตูพวกเขาเคาะประตูอยู่นานก็ไม่มีใครออกมา พวกเขาตามหาเจ้ภาทั่วทุกคอนโดแล้วแต่ก็ไม่เจอ จึงได้มาที่คอนโดแห่งนี้ พวกเธอลังเลอยู่เหมือนกันว่าจะไปขอกุญแจสำรองมาดีไหม สุดท้ายจึงตัดสินใจขอกุญแจสำรองมาเปิด แน่นอนพวกลูกน้องเป็นห่วงเธอจริงๆ พวกเขารู้ว่าเจ้ภาคนนี้เลี้ยงต้อยไว้หลายคน จึงกลัวว่าพวกนั้นจะมาหลอก สุดท้ายมันก็จริงอย่างที่พวกเธอคิด ไม่ใช่แค่หลอกอย่างเดียว พวกมันกลับฆ่าทิ้งอย่างโหดเหี้ยม 

ลูกน้องได้นำศพของเจ้าภาไปชันสูตรจนได้รู้ว่าเจ้ภาตายเพราะขาดอากาศหายใจ หาใช่ตายเพราะยานอนหลับไม่ 

อีกทั้งกองสืบสวนสอบสวน ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิด จนพบคนเข้าออกห้องเจ้ภา3คน จึงได้เรียกตัวมาสอบปากคำและดูเส้นทางการเงินของพวกมัน แน่นอนเชคเงินสด30ล้านบาท

ที่ถูกถอนจากธนาคารนั้นก็สามารถแจ้งจับพวกมันได้แล้ว เธอยืนเป็นวิญญาณล่องลอยไปมา เห็นทุกอย่างจนเสร็จสิ้น

รวมไปถึงทรัพย์สินของเธอที่มีการแบ่งสรรปันส่วนต่างๆตามพินัยกรรมที่เธอทำไว้นานแล้ว

ซึ่งก็มีน้องชายหลานๆของเธอรวมไปถึงมูลนิธิบ้านเด็กกำพร้า และพนักงานทุกคนตามลำดับปีที่ทำงานกับเธอมา 

ซึ่งเธอได้แบ่งให้ทุกๆคนตามสมควร 

จนหลายคนร้องไห้เสียงดัง พร้อมทั้งรู้สึกระอายใจที่เคยคิดไม่ดีกับเจ้ภา พอรู้ว่าตัวเองก็ได้เงินในส่วนนั้นด้วย จากที่มองว่าเจ้ภาทำตัวน่าอายที่ซื้อผู้ชายกิน พวกเขาจึงได้เปลี่ยนความคิดนั้นทันที เพราะถึงแม้เธอจะซื้อผู้ชายกิน แต่เธอก็ไม่ได้ไปสร้างความเดือดร้อนให้กับใคร

กล่าวคือไม่เอาสามีใครและไม่ใช้ใครฟรีๆ สุดท้ายจึงมีแต่คนสรรเสริญเธอจากที่ด่าเธอว่ามักมากสมควรตายแล้ว!!

ฮึๆๆๆๆๆๆ ตอนนี้เจ้ภาได้แต่นอนยิ้มและหัวเราะให้กับตัวเองในชาติภพ2023 

เพราะตอนนี้ตรงนี้ที่ที่เธอนอนหัวเราะในใจกำลังจะพากันตาย

และเธอกำลังจะตายอีกครั้ง ทำไมน่ะอยู่ดีๆเธอก็ถูกดึงวิญญาณมาที่นี่ มาไม่ทันไรก็จะให้เธอตายอีกแล้วบ้าบออิหลีเด้อสู เจ้ภาหัวจะปวด

ฮ่าๆๆๆๆเธอได้แต่หัวเราะในใจ

แน่นอนว่าเจ้ภาเป็นคนอุบลราชธานีภาษาอิสานจึงมาเต็มๆ แต่ที่เธอแปลกใจภาษาในยุคนี้เธอไม่รู้จักสักตัว แต่กลับฟังรู้เรื่องและยังพูดได้อีกต่างหาก บ้าไปแล้วทำไงดีละทีนี้ ส่อยข่อยแนอิพ่ออิแม่ ฮือๆๆๆ เธอได้แต่คิดในใจ แต่ในขณะที่คิดอยู่นั้นก็มีเสียงมาทำลายความคิดของเธอไป

"น้องเป็นอันใดปวดหัวหรือเหตุใดถึงได้ขมวดคิ้วอยู่ตลอดเช่นนั้น หืม"

พี่ชายคนโตเป็นคนถาม เขาเห็นพฤติกรรมของน้องสาวแปลกๆไป จึงเดินเข้าไปถามและใช้ฝ่ามือแตะบนหน้าผากของนางว่านางเป็นไข้หรือไม่

"ปะ ปวดหัวนิดหน่อยเจ้าค่ะพี่ใหญ่" 

นางรีบตอบแบบตะกุกตะกัก 

"เช่นนั้นเจ้าก็นอนพักก่อนเถิด เจ้ายังดูหน้าซีดๆอยู่เลย รอให้เจ้าดีขึ้นก่อนค่อยออกไปด้านนอกแล้วกัน อีกทั้งตอนนี้หิมะเริ่มจะตกหนักแล้ว แม่กลัวว่าเจ้าจะไม่สบายไปอีก"

เป็นมารดาของเจ้าของร่างเดิมที่เป็นคนเอ่ยขึ้นต่อจากบุตรชายคนโต 

เพราะนางก็สังเกตบุตรสาว และเห็นมิต่างจากที่บุตรชายคนโตเห็นเช่นกัน แต่แล้ว 

!!!!!!!!!!!!!!

ตามมาจ้าความสนุกยังรออยู่เยอะรับรองว่าไม่ผิดหวังแน่ๆยิ่งรีทที่ชอบบท NC 25+ เตรียมตัวเตรียมใจไว้ดีๆนะคะ เรื่องนี้พีคยิ่งกว่าพีคเสียอีกค่ะ รีทคนไหนที่เคยอ่าน ข้าคือจ้าวจินเหมยคนใหม่ที่ไฉไลกว่าเดิม เรื่องนี้แซ่บไม่แพ้กันค่ะ

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!