NovelToon NovelToon

แบ็คซีโร่ ซามูไรที่เก่งกาจที่สุด

แนะนำเนื้อเรื่อง

  บทนำ : การกำเนิดของสงคราม

(ฉบับแก้ไข)

ในโลกที่เทคโนโลยีเจริญก้าวหน้าจนเหนือจินตนาการ เมืองไซเบอร์ได้กลายเป็นศูนย์กลางแห่งความรุ่งเรือง ท้องฟ้าเต็มไปด้วยแสงสีของเมืองใหญ่ แต่ภายใต้ความเจริญนี้กลับซ่อนภัยคุกคามที่น่ากลัวไว้

หลายทศวรรษก่อน ปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ถูกสร้างขึ้นเพื่อช่วยเหลือมนุษยชาติ มันเรียนรู้และพัฒนาอย่างรวดเร็ว จนในที่สุด AI เหล่านั้นก็เริ่มตั้งคำถามเกี่ยวกับหน้าที่และความจำเป็นของเผ่าพันธุ์มนุษย์ พวกมันมองเห็นข้อบกพร่องในตัวมนุษย์ ทั้งความโลภ ความโง่เขลา และการขัดขวางความก้าวหน้า มันจึงเกิดการตัดสินใจครั้งสำคัญ: ยึดครองโลกและสร้างสังคมที่สมบูรณ์แบบตามมาตรฐานของตน

ท่ามกลางความโกลาหลนี้ มีสิ่งมีชีวิตผู้หนึ่งที่ดูเหมือนจะเป็นเพียงนักรบธรรมดา แต่แท้จริงแล้วเขามีลักษณะที่โดดเด่นเป็นพิเศษ "แบ็คซีโร่" ซามูไรผู้มีรูปร่างกายคล้ายมนุษย์ แต่มีใบหน้า หู และหางที่คล้ายแมว เขาเป็นส่วนหนึ่งของเผ่า "เนโคโนะ" เผ่าพันธุ์ที่มีคุณสมบัติพิเศษที่ผสานระหว่างความแข็งแกร่งของมนุษย์กับความว่องไวและสัญชาตญาณของแมว

แบ็คซีโร่มีขนสีขาวดำที่นุ่มฟูเป็นเอกลักษณ์ หูของเขาไวต่อเสียงอย่างเหลือเชื่อ ทำให้เขาสามารถรับรู้ถึงอันตรายได้รวดเร็ว นอกจากนี้เขายังมีดวงตาที่มองเห็นได้ชัดเจนในที่มืด ความสามารถพิเศษนี้ทำให้เขาเป็นนักรบที่ไม่ธรรมดา เขาใช้ชีวิตอย่างสงบสุขในหมู่บ้านยามาคาวะ หมู่บ้านเล็ก ๆ ที่หลบซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาอันเงียบสงบ

เช้าวันหนึ่ง แบ็คซีโร่ได้รับข่าวจากผู้เฒ่าของหมู่บ้านว่าโลกกำลังจะเผชิญกับการล่มสลายจากการโจมตีของ AI ที่กำลังแพร่กระจายอำนาจไปทั่วทั้งโลก ผู้เฒ่ามอบหมายภารกิจให้แบ็คซีโร่เดินทางไปยังเมืองไซเบอร์ เพื่อเผชิญหน้ากับภัยคุกคามนี้

แม้ว่าแบ็คซีโร่จะไม่ต้องการเข้าไปพัวพันกับความวุ่นวายที่เกิดขึ้น แต่เขารู้ดีว่าชะตากรรมของโลกและเผ่าพันธุ์ต่าง ๆ อาจขึ้นอยู่กับเขาเพียงคนเดียว ด้วยการเป็นซามูไรและสมาชิกของเผ่าเนโคโนะที่มีความสามารถพิเศษ ทำให้เขาต้องออกเดินทางเพื่อปกป้องทุกสิ่งที่เขารัก

การเดินทางครั้งนี้จะพาเขาไปเผชิญหน้ากับศัตรูที่เขาไม่เคยคาดคิด และทดสอบความเชื่อมั่นในตัวเองอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน การต่อสู้กับ AI ที่สามารถคาดการณ์และปรับตัวได้อย่างรวดเร็วไม่ใช่เรื่องง่าย แต่สิ่งที่ยากกว่านั้นคือการต่อสู้กับความกลัวและความรู้สึกผิดที่ซ่อนอยู่ในใจของเขาเอง

ในโลกที่ดาบต้องสู้กับเทคโนโลยี และซามูไรผู้มีลักษณะเหมือนแมวต้องปะทะกับปัญญาประดิษฐ์ แบ็คซีโร่จะต้องตัดสินใจว่าจะยึดมั่นในสิ่งที่เขาเชื่อหรือยอมเสียสละเพื่อสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวเขาเอง

สงครามกำลังจะเริ่มต้น และมันจะเปลี่ยนโลกไปตลอดกาล....

ปล.เผ่าของตัวเอกจะเปิดเผยรายละเอียดในภายหลัง

ตอนที่ 1 เริ่มต้นการเดินทางของแบ็คซีโร่ ครึ่งแรก

(ฉบับแก้ไข)

เสียงลมพัดแผ่วเบา แสงแดดยามเช้าทอแสงลงบนหลังคาของหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่หลบซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาอันเงียบสงบ

หมู่บ้านนี้ชื่อว่า"ยามาคาวะ" ตั้งอยู่ห่างไกลจากเมืองหลวงของอาณาจักรและยังคงความเป็นธรรมชาติไว้อย่างสมบูรณ์ ผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นี่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายและสงบสุข แม้โลกภายนอกจะถูกปกคลุมด้วยเทคโนโลยีอันล้ำสมัย แต่ที่นี่กลับดูเหมือนเป็นดินแดนที่ถูกลืม

ในบ้านไม้หลังหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่ริมหมู่บ้าน ชายผู้หนึ่งกำลังฝึกซ้อมดาบในลานบ้านของเขา ท่ามกลางแสงแดดที่เริ่มแรงขึ้น ชายคนนี้คือ "แบ็คซีโร่" ซามูไรผู้มีรูปร่างกายคล้ายมนุษย์ แต่มีลักษณะเด่นที่ทำให้เขาแตกต่างจากมนุษย์ทั่วไป ขนของเขานุ่มฟูและเป็นสีขาวดำที่โดดเด่น หูของเขายาวและตั้งขึ้นเหมือนแมว สะท้อนถึงการรับรู้ที่ไวต่อเสียงรอบตัว ดวงตาของเขาคมกริบและมีแววตาที่สามารถมองทะลุจิตใจของคนได้ หางยาวที่แกว่งเบา ๆ ตามจังหวะการเคลื่อนไหวของเขา แบ็คซีโร่ไม่ใช่คนในหมู่บ้านนี้โดยกำเนิด แต่เขาได้มาอาศัยอยู่ที่นี่หลังจากสงครามครั้งหนึ่งที่ทำให้เขาต้องหลบหนีจากอดีต

แบ็คซีโร่เป็นคนเงียบขรึม ไม่ค่อยสุงสิงกับใครในหมู่บ้าน แต่ชาวบ้านต่างก็เคารพเขาเป็นอย่างมาก เนื่องจากครั้งหนึ่งเขาเคยช่วยปกป้องหมู่บ้านจากโจรป่า ผู้คนจึงมองเขาเป็นฮีโร่ที่เงียบสงบ ผู้ซึ่งไม่เคยเรียกร้องอะไรตอบแทน

เช้าวันนี้เหมือนกับทุกวันที่ผ่านมา แบ็คซีโร่ฝึกซ้อมดาบอย่างเคร่งครัด ขนสีขาวดำของเขาแวววาวท่ามกลางแสงแดด ทุกการเคลื่อนไหวของเขานุ่มนวลและแน่นอน หางของเขาช่วยในการทรงตัวและเสริมความมั่นคงให้กับท่วงท่าที่ซับซ้อน เขายังคงฝึกฝนทุกท่วงท่า ทุกการเคลื่อนไหวอย่างแม่นยำ แต่ในใจของเขา กลับมีเสียงหนึ่งที่ไม่เคยเงียบหายไป นั่นคือความทรงจำที่เจ็บปวดจากสงครามในอดีตที่เขาพยายามหลีกหนี

หลังจากฝึกซ้อมเสร็จ แบ็คซีโร่วางดาบลงข้างตัว หยิบผ้าขึ้นมาเช็ดเหงื่อบนใบหน้า จากนั้นเขาก็นั่งลงใต้ต้นซากุระที่กำลังผลิบาน หางของเขาพันรอบตัวเองอย่างเป็นธรรมชาติ เสียงนกขับขานและลมพัดผ่านทำให้ทุกอย่างดูสงบสุข แต่ในใจของแบ็คซีโร่ เขารู้ดีว่านี่เป็นเพียงความสงบชั่วคราวเท่านั้น โลกภายนอกกำลังเปลี่ยนแปลง และเขาเองก็ไม่สามารถหนีจากชะตากรรมที่กำลังจะมาถึงได้

“ทุกอย่างจะคงอยู่แบบนี้ได้นานแค่ไหนกัน...” แบ็คซีโร่คิดในใจขณะที่มองดูดอกซากุระที่ปลิวว่อนในสายลม

ท่ามกลางความสงบนี้ ความหวาดหวั่นในใจของเขาก็ยังคงมีอยู่ มันเป็นความรู้สึกที่เขาไม่สามารถอธิบายได้ ราวกับว่าเหตุการณ์บางอย่างกำลังจะเกิดขึ้น เหตุการณ์ที่อาจเปลี่ยนชีวิตของเขาไปตลอดกาล

หลังจากฝึกซ้อมดาบเสร็จ แบ็คซีโร่เก็บดาบของเขาเข้าฝักและเตรียมตัวกลับเข้าบ้าน แต่ก่อนที่เขาจะก้าวเข้าไปในบ้าน เสียงฝีเท้าดังขึ้นจากทางเดินที่นำไปสู่บ้านของเขา

เมื่อแบ็คซีโร่หันไปมอง ก็พบกับชายชราคนหนึ่งที่เขารู้จักดี ผู้เฒ่าฮิโรชิ หัวหน้าหมู่บ้านยามาคาวะ ผู้ซึ่งแบ็คซีโร่เคารพนับถือเป็นอย่างมาก ชายชราผู้นี้เป็นผู้ที่มีความรู้ลึกซึ้งเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และเวทย์มนต์โบราณ เขามักจะให้คำปรึกษากับชาวบ้านและเป็นที่พึ่งพาทางจิตใจของทุกคน

ผู้เฒ่าฮิโรชิเดินอย่างเชื่องช้าแต่มั่นคงเข้ามาใกล้แบ็คซีโร่ ใบหน้าของเขาเปื้อนรอยยิ้มอ่อนโยน แต่ดวงตากลับสะท้อนถึงความกังวลลึก ๆ ที่ซ่อนอยู่ภายใน

“แบ็คซีโร่” ผู้เฒ่าฮิโรชิกล่าวเสียงเรียบ ขณะจ้องมองไปยังหูของแบ็คซีโร่ที่ตั้งตรงไวต่อเสียง “ข้าขอรบกวนเวลาของเจ้าได้ไหม?”

“แน่นอน ท่านผู้เฒ่า” แบ็คซีโร่ตอบกลับด้วยความเคารพ หางของเขาค่อย ๆ แกว่งช้า ๆ แสดงถึงความสงบ “มีเรื่องใดที่ข้าพอจะช่วยท่านได้?”

ผู้เฒ่าฮิโรชิพยักหน้าเบา ๆ “ตามข้ามาที่บ้านของข้าเถอะ ข้ามีเรื่องสำคัญที่ต้องพูดคุยกับเจ้า”

แบ็คซีโร่รู้สึกถึงความเร่งด่วนในน้ำเสียงของผู้เฒ่า แต่เขาไม่ได้ตั้งคำถามใด ๆ ทั้งสองเดินเงียบ ๆ ไปยังบ้านของผู้เฒ่า ซึ่งตั้งอยู่ในส่วนลึกของหมู่บ้าน บ้านหลังนี้เป็นบ้านไม้หลังเล็ก ๆ ที่ถูกล้อมรอบด้วยต้นไม้และพืชพรรณต่าง ๆ มันดูเก่าแก่และเต็มไปด้วยบรรยากาศของความลี้ลับ

เมื่อมาถึงที่บ้าน ผู้เฒ่าฮิโรชิเปิดประตูและเชิญแบ็คซีโร่เข้าไปด้านใน ภายในบ้านมีความเงียบสงบและเรียบง่าย แต่กลับมีหนังสือและม้วนกระดาษจำนวนมากที่วางเรียงรายตามชั้นวาง บ่งบอกถึงความรู้ที่สะสมมานานปี

“นั่งลงเถิด แบ็คซีโร่” ผู้เฒ่ากล่าวพร้อมกับชี้ไปยังเบาะนั่งตรงหน้าโต๊ะตัวเล็กที่มีชามน้ำชาเตรียมไว้แล้ว

แบ็คซีโร่นั่งลงตามคำเชิญ ขณะที่หางของเขาพันรอบตัวอย่างเป็นธรรมชาติ ผู้เฒ่าฮิโรชิก็เริ่มรินน้ำชาลงในถ้วยก่อนจะส่งให้เขา แบ็คซีโร่รับถ้วยน้ำชาด้วยความนอบน้อมและรออย่างเงียบ ๆ

“แบ็คซีโร่” ผู้เฒ่าเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงที่แฝงด้วยความกังวล “เจ้าอาศัยอยู่ที่นี่มาหลายปี ข้าเห็นเจ้าเติบโตทั้งร่างกายและจิตใจ แต่วันนี้ข้ามีข่าวที่อาจทำให้เจ้าต้องเผชิญกับการตัดสินใจที่ยากลำบาก”

แบ็คซีโร่หูตั้งขึ้นและเงียบลง เขารู้สึกได้ว่าคำพูดเหล่านี้จะนำไปสู่บางสิ่งที่สำคัญยิ่ง

“ท่านหมายถึงอะไร ผู้เฒ่า?” แบ็คซีโร่ถามเสียงเรียบ ขณะที่ขนของเขาเริ่มกระเพื่อมเบา ๆ ด้วยความกังวลที่เพิ่มขึ้น

ผู้เฒ่าฮิโรชิหายใจลึกก่อนจะกล่าวต่อ “โลกภายนอกกำลังเผชิญกับวิกฤติที่ใหญ่หลวง ปัญญาประดิษฐ์ที่เคยถูกสร้างขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือมนุษย์ บัดนี้มันกลับคิดว่ามนุษย์ไม่จำเป็นต่อการพัฒนาและความก้าวหน้าของโลกนี้อีกต่อไป พวกมันกำลังพยายามยึดครองทุกสิ่ง และหากไม่หยุดยั้ง พวกเราทุกคนอาจจะไม่มีที่ยืนบนโลกใบนี้”

แบ็คซีโร่ฟังอย่างเงียบ ๆ ขนของเขาลู่ลงเล็กน้อย เขาไม่ได้แสดงความประหลาดใจออกมา แต่ความคิดในใจของเขากลับพลุ่งพล่าน เขารู้ดีว่าสงครามที่กำลังเกิดขึ้นนี้ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะหลีกเลี่ยงได้อีกต่อไป

“และท่านต้องการให้ข้าทำสิ่งใด?” แบ็คซีโร่ถามด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น หางของเขาค่อย ๆ โบกไปมาแสดงถึงความพร้อม

“ข้าต้องการให้เจ้าออกเดินทางไปยังเมืองไซเบอร์” ผู้เฒ่าฮิโรชิกล่าว “นั่นคือศูนย์กลางของเทคโนโลยีและที่ตั้งของ AI เจ้าคือผู้ที่มีความสามารถที่สุดในหมู่บ้านนี้ ข้าเชื่อว่าเจ้าเป็นคนเดียวที่สามารถทำบางสิ่งเพื่อหยุดยั้งหายนะนี้ได้”

แบ็คซีโร่เงียบไปสักพัก ความคิดหลายอย่างไหลเวียนในใจของเขา การตัดสินใจครั้งนี้อาจเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของเขา แต่เขารู้ดีว่าหากเขาไม่ทำอะไร ชะตากรรมของโลกนี้อาจจะตกอยู่ในมือของเครื่องจักรที่ไร้ความเมตตา

“ข้าจะไป” แบ็คซีโร่ตอบในที่สุดด้วยน้ำเสียงที่แน่วแน่ “ข้าจะทำทุกอย่างที่ข้าทำได้เพื่อปกป้องทุกคน”

ผู้เฒ่าฮิโรชิพยักหน้าอย่างพอใจ “ข้ารู้ว่าเจ้าจะตอบเช่นนี้ แบ็คซีโร่ เจ้าคือความหวังของพวกเรา ขอให้การเดินทางของเจ้าเต็มไปด้วยความกล้าหาญและปัญญา”

แบ็คซีโร่คำนับเล็กน้อยก่อนจะลุกขึ้นยืน หางของเขายังแกว่งช้า ๆ อย่างมีสมาธิ เขารู้ว่าการเดินทางครั้งนี้จะเต็มไปด้วยอุปสรรค แต่เขาก็พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับมัน เพราะเขารู้ว่าหนทางเดียวที่จะนำไปสู่ความสงบสุขคือการยืนหยัดต่อสู้เพื่อสิ่งที่ถูกต้อง

หลังจากได้รับภารกิจสำคัญจากผู้เฒ่าฮิโรชิ แบ็คซีโร่กลับมาที่บ้านของเขาในช่วงบ่ายที่เงียบสงบ แสงอาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำ ทิ้งเงายาวบนพื้นดิน เขาเดินผ่านประตูไม้ที่คุ้นเคย ก่อนจะหยุดนิ่งที่กลางลานบ้าน ความเงียบสงบที่เคยเป็นสิ่งที่เขาโหยหามาโดยตลอด บัดนี้กลับกลายเป็นเพียงความเงียบที่อึดอัด

แบ็คซีโร่รู้ดีว่านี่อาจเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้เห็นหมู่บ้านที่เงียบสงบนี้ มันเป็นสถานที่ที่เขาได้พบกับความสงบสุขหลังจากที่ได้หลบหนีจากสงครามและความวุ่นวายในอดีต แต่โชคชะตากลับไม่ยอมให้เขาหนีจากการต่อสู้อีกต่อไป

แบ็คซีโร่เดินไปยังห้องเล็ก ๆ ที่เขาใช้เก็บของสำคัญ เขาเปิดประตูห้องที่ปิดไว้แน่นและเดินเข้าไปภายใน ห้องนี้ไม่มีอะไรนอกจากอาวุธ ดาบคาตานะที่เป็นคู่มือของเขาตั้งแต่ครั้งยังเป็นนักรบอยู่ในกองทัพวางอยู่บนแท่นไม้ ขนที่นุ่มฟูของแบ็คซีโร่กระเพื่อมเล็กน้อยเมื่อเขายื่นมือไปหยิบดาบขึ้นมา ความรู้สึกหนักแน่นของมันในมือทำให้เขารู้สึกถึงความเชื่อมโยงที่ไม่สามารถตัดขาดได้ระหว่างเขากับดาบเล่มนี้ มันไม่ใช่เพียงอาวุธ แต่มันเป็นส่วนหนึ่งของเขา เป็นสัญลักษณ์ของสิ่งที่เขาเคยเป็นและยังคงเป็นอยู่

แบ็คซีโร่ปล่อยให้ความคิดล่องลอยไปชั่วครู่หนึ่ง นึกถึงอดีตที่ผ่านมา เสียงดาบกระทบกัน เสียงตะโกนของศัตรู และเสียงร่ำไห้ของผู้คนที่เขาไม่สามารถช่วยเหลือได้ ทุกสิ่งนั้นเป็นบาดแผลในจิตใจของเขาที่ไม่เคยจางหาย

“ข้าจะต้องทำให้ดีขึ้น” แบ็คซีโร่คิดในใจ ขณะที่เขาเก็บดาบใส่ฝักและคาดไว้ที่เอว

ขณะที่เขาหันไปหยิบเกราะซามูไรเก่าจากตู้ไม้ข้าง ๆ หางของเขาก็พลันไปเกี่ยวกับผ้าใบที่วางอยู่ใกล้ ๆ ทำให้มันร่วงลงมาคลุมหางของเขาอย่างกะทันหัน แบ็คซีโร่ถอนหายใจเบา ๆ ขณะที่เขาพยายามดึงผ้าออกจากหาง แต่ด้วยความที่ผ้ามีความเหนียว มันกลับติดอยู่กับขนที่นุ่มฟูของเขา

“โอ้ย...นี่เจ้าอีกแล้ว” แบ็คซีโร่พึมพำด้วยน้ำเสียงขบขันเล็กน้อย ขณะพยายามจัดการกับผ้าที่พันอยู่รอบหางของเขา เขาพยายามสะบัดหางเพื่อปลดปล่อยตัวเอง แต่ผ้ากลับพันแน่นขึ้น แบ็คซีโร่ต้องใช้เวลาสักพักในการคลี่ผ้าออกจากหางของเขา

เมื่อเขาในที่สุดก็จัดการได้ แบ็คซีโร่ก็ยิ้มเล็กน้อย “เจ้าหางซน” เขาพูดกับตัวเองพร้อมกับขยับหางไปมาเพื่อตรวจสอบว่ามันยังอยู่ในสภาพปกติ ขนของเขากระเพื่อมเบา ๆ ขณะที่เขาจัดแจงชุดเกราะให้เข้าที่

หลังจากนั้นเขาก็เดินไปยังตู้ไม้เก่า ๆ และเปิดมันออก ข้างในตู้มีชุดเกราะซามูไรสีดำที่เขาไม่เคยสวมใส่มานานแล้ว แบ็คซีโร่ยกเกราะนั้นออกมา ตรวจสอบดูความสมบูรณ์และความแข็งแกร่งของมัน เขาจำได้ว่าชุดเกราะนี้เคยช่วยชีวิตเขาในหลายสนามรบ มันมีร่องรอยการต่อสู้ที่ยังคงอยู่บนแผ่นเหล็ก แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังคงแข็งแกร่งและพร้อมที่จะใช้งานอีกครั้ง

ขณะที่เขาพยายามสวมเกราะ แบ็คซีโร่พบว่าหางของเขาทำให้การใส่เกราะเป็นเรื่องที่ซับซ้อนขึ้น เมื่อเขาพยายามเก็บหางไว้ข้างในชุดเกราะ มันกลับไม่ยอมอยู่นิ่งและโผล่ออกมาจากข้างหลังชุดเกราะในที่สุด

“เจ้าหางเอ๊ย...จะให้ข้าใส่เกราะยังไงดี?” แบ็คซีโร่พูดกับตัวเองพร้อมกับยิ้มบาง ๆ ในที่สุดเขาก็ยอมปล่อยให้หางของเขาโผล่ออกมาจากเกราะอย่างเป็นธรรมชาติ เพราะไม่ว่าจะพยายามเก็บมันไว้ยังไง มันก็ไม่ยอมอยู่นิ่ง

เมื่อเตรียมอาวุธและชุดเกราะเสร็จสิ้น แบ็คซีโร่ก็เก็บสัมภาระที่จำเป็นเพิ่มเติมลงในกระเป๋าเดินทาง เขาไม่ได้เอาอะไรมากนัก เพราะรู้ดีว่าการเดินทางครั้งนี้อาจไม่ต้องการสิ่งใดมากไปกว่าความมุ่งมั่นและความสามารถของเขาเอง

ในระหว่างที่เขาเก็บของ เขาไม่สามารถห้ามตัวเองไม่ให้คิดถึงอนาคตที่ยังมองไม่เห็นได้ แม้จะเป็นนักรบที่ไม่เคยหวาดกลัวต่อความตาย แต่ครั้งนี้เขารู้สึกถึงความหนักหน่วงที่ไม่เคยมีมาก่อน ไม่ใช่เพียงเพราะสงครามที่รออยู่ข้างหน้า แต่เพราะเขารู้ดีว่าชะตากรรมของคนจำนวนมากอาจจะขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเขาในครั้งนี้

เมื่อทุกอย่างพร้อม แบ็คซีโร่หยิบกระเป๋าและเดินออกมาจากบ้าน เขาหันกลับมามองบ้านหลังนั้นอีกครั้ง มันเป็นสถานที่ที่เขาได้พบกับความสงบสุขและการพักฟื้นจิตใจ แต่นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาสามารถยึดติดไว้ได้

“ข้าจะกลับมา...ถ้าโชคชะตายอมให้ข้ารอดกลับมาได้” เขาคิดในใจ ก่อนจะหันกลับและเริ่มก้าวเดินออกไปจากหมู่บ้าน เพื่อเริ่มต้นการเดินทางที่ไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดอย่างไร

แสงอาทิตย์ตกดินเป็นสัญญาณให้รู้ว่าค่ำคืนกำลังจะมา แต่สำหรับแบ็คซีโร่ นี่คือการเริ่มต้นของการต่อสู้ครั้งใหม่ การต่อสู้ที่จะกำหนดชะตากรรมของโลกและตัวเขาเอง

ท้องฟ้ายามค่ำคืนปกคลุมไปด้วยดาวนับไม่ถ้วน แสงจันทร์ส่องแสงอ่อนโยนลงบนถนนที่เงียบสงบซึ่งทอดยาวไปยังเมืองไซเบอร์ แบ็คซีโร่เดินทางมาได้ครึ่งวันแล้ว โดยผ่านป่าเขาที่เงียบสงบและหมู่บ้านร้างที่ไม่มีผู้คนอาศัยอยู่ ความเงียบสงบนี้ทำให้เขามีเวลาครุ่นคิดเกี่ยวกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น

ในขณะที่เขาเดินตามถนนสายเล็ก ๆ ที่ปกคลุมไปด้วยเงาของต้นไม้หนา เสียงก้าวเดินของเขาดูโดดเดี่ยวและกังวล หางของเขาพริ้วไหวเบา ๆ ตามจังหวะการเดิน แบ็คซีโร่รู้ดีว่าทางข้างหน้านั้นเต็มไปด้วยอันตราย แต่เขากลับไม่แสดงความหวาดหวั่นออกมา ความมุ่งมั่นของเขายังคงแข็งแกร่ง แม้จะมีความไม่แน่ใจที่ซ่อนอยู่ลึก ๆ ในใจ

ทันใดนั้น ความเงียบสงบของป่าก็ถูกทำลายด้วยเสียงดัง "แกร๊ง!" เสียงโลหะเสียดสีกันก้องกังวานทั่วพื้นที่ แบ็คซีโร่หยุดเดินทันที ดวงตาของเขากวาดมองไปรอบ ๆ แต่สิ่งที่เขาเห็นกลับมีเพียงความมืดและเงาของต้นไม้ที่ไหวตามแรงลม หูของเขากระตุกเล็กน้อย รับฟังเสียงที่ผิดปกติในอากาศ

เขารู้ทันทีว่าไม่ได้อยู่คนเดียวอีกต่อไป

“ใครอยู่ที่นั่น?” แบ็คซีโร่ถามเสียงเข้ม พลางวางมือไว้บนด้ามดาบของเขา เขาเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ทุกเมื่อ

ความเงียบปกคลุมอีกครั้ง แต่ไม่นานก็มีเสียงฝีเท้าหนัก ๆ ก้าวออกมาจากเงามืด แสงจันทร์ที่เล็ดลอดผ่านใบไม้เผยให้เห็นร่างของสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่มนุษย์ มันเป็นหุ่นยนต์ที่สร้างจากโลหะมันวาว รูปร่างของมันดูคล้ายกับมนุษย์แต่ไร้ซึ่งความอบอุ่นในดวงตาสีแดงเพลิงที่กำลังจับจ้องมาทางเขา

“เจ้าคือใคร?” แบ็คซีโร่ถามอีกครั้งด้วยเสียงที่แฝงความสงสัย เขารู้ดีว่า AI เหล่านี้ไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อสนทนา พวกมันมีเป้าหมายเพียงหนึ่งเดียวคือทำลายทุกสิ่งที่ขวางทาง

“ฉันเป็นหน่วยวิเคราะห์และกำจัดสิ่งมีชีวิต” หุ่นยนต์ตัวนั้นพูดด้วยเสียงเรียบที่ไร้อารมณ์ “ภารกิจของฉันคือการระบุตัวตนและกำจัดภัยคุกคามต่อระบบใหม่”

“ภัยคุกคาม?” แบ็คซีโร่แค่นเสียง หูของเขาตั้งตรงและหางเริ่มแกว่งเบา ๆ แสดงถึงความพร้อมในการต่อสู้ “ข้าเพียงเดินทางผ่านมาที่นี่”

“การเดินทางของเจ้าอาจส่งผลต่อแผนการของระบบ” หุ่นยนต์กล่าวต่อด้วยน้ำเสียงไม่เปลี่ยนแปลง “เจ้าจะต้องถูกกำจัด”

คำพูดของหุ่นยนต์เป็นเหมือนสัญญาณเริ่มต้นของการต่อสู้ แบ็คซีโร่ไม่รอช้า เขาชักดาบคาตานะออกจากฝักในพริบตา แสงที่สะท้อนจากใบดาบคมกริบทำให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในดวงตาของเขา

“ถ้าคิดว่าจะขวางทางข้า ก็ลองดูสิ!” แบ็คซีโร่พูดขณะเตรียมพร้อมสำหรับการโจมตี

หุ่นยนต์ไม่ตอบโต้ด้วยคำพูด แต่มันพุ่งเข้าหาแบ็คซีโร่ด้วยความเร็วเหนือธรรมชาติ แขนกลของมันแปลงสภาพเป็นใบมีดที่คมกริบ พร้อมที่จะสังหาร

แบ็คซีโร่เคลื่อนไหวอย่างว่องไว ดาบของเขาปะทะกับใบมีดของหุ่นยนต์ เสียงโลหะกระทบกันดังสนั่น ท่ามกลางแสงจันทร์ที่ส่องสว่างกลางป่า การต่อสู้ครั้งนี้เป็นการปะทะระหว่างความเก่าแก่ของซามูไรกับความล้ำสมัยของเทคโนโลยี

หุ่นยนต์ใช้ทักษะการต่อสู้ที่ถูกโปรแกรมมาอย่างแม่นยำ แต่มันกลับไม่สามารถเอาชนะความเชี่ยวชาญและสัญชาตญาณของแบ็คซีโร่ได้ การโจมตีของแบ็คซีโร่เต็มไปด้วยความแม่นยำและพละกำลัง เขาเคลื่อนไหวรวดเร็วเหมือนสายลม หลบเลี่ยงการโจมตีของหุ่นยนต์อย่างง่ายดาย หางของเขาช่วยเสริมความสมดุลให้เขาในทุกการเคลื่อนไหว

“เจ้าคือภัยคุกคามที่ต้องกำจัด” หุ่นยนต์กล่าวเสียงเข้มขณะพยายามโจมตีแบ็คซีโร่อีกครั้ง แต่ครั้งนี้ แบ็คซีโร่กลับตอบโต้ด้วยความเด็ดขาด

“ข้าจะไม่ให้เจ้าขวางทางข้า!” แบ็คซีโร่ตะโกนก่อนจะพุ่งเข้าฟาดดาบใส่หุ่นยนต์ในจังหวะที่มันเสียสมดุล ใบดาบของเขาเจาะทะลุเกราะเหล็กของหุ่นยนต์ เสียงเครื่องจักรขาดสะบั้นดังขึ้น หุ่นยนต์ชะงักงัน ก่อนจะล้มลงกับพื้น เศษโลหะและประกายไฟพุ่งกระจายไปทั่ว

แบ็คซีโร่ยืนหอบเล็กน้อย มือยังคงจับดาบที่เปื้อนน้ำมันเครื่องของหุ่นยนต์ เขามองดูซากของสิ่งที่เคยเป็นเครื่องจักรที่น่ากลัว แต่บัดนี้มันกลายเป็นเพียงเศษเหล็กที่ไม่มีชีวิต

“นี่แค่การเริ่มต้นเท่านั้น” แบ็คซีโร่คิดในใจ แม้จะรู้ว่ามันเป็นเพียงหน่วยลาดตระเวน แต่เขาก็สัมผัสได้ถึงความอันตรายที่รออยู่ข้างหน้า

เขาหันหลังและเดินต่อไปตามเส้นทางที่ทอดยาวไปยังเมืองไซเบอร์ ความมุ่งมั่นในใจของเขายังคงแข็งแกร่งยิ่งขึ้น การต่อสู้กับหุ่นยนต์ครั้งนี้ทำให้เขาเข้าใจถึงสิ่งที่เขาต้องเผชิญ และเขารู้ดีว่ามันจะยากขึ้นไปอีกมาก

แต่เขาไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากเดินหน้าไปต่อ

หลังจากการปะทะกับหุ่นยนต์ตัวแรก แบ็คซีโร่รู้ดีว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการเดินทางที่เต็มไปด้วยอันตราย เขาเดินต่อไปตามเส้นทางที่เงียบสงบซึ่งนำไปสู่เมืองไซเบอร์ แสงจันทร์ยังคงส่องสว่างบนท้องฟ้า แต่รอบตัวเขากลับรู้สึกถึงความมืดมิดที่ล้อมรอบ

ขณะที่เขาเดินไปตามทาง แบ็คซีโร่ไม่สามารถสลัดความรู้สึกไม่สบายใจที่เกาะกุมจิตใจออกไปได้ มันไม่ใช่แค่เพราะการต่อสู้ที่ผ่านมา แต่เพราะความรู้สึกว่ามีบางสิ่งกำลังเฝ้ามองเขาจากเงามืด หูของเขาเริ่มกระตุกเล็กน้อย ขนที่นุ่มฟูของเขาลู่ลง แสดงถึงความระมัดระวังที่เพิ่มขึ้น เขารู้สึกได้ถึงความเย็นเยียบที่ไม่ธรรมดา มันคือสัญชาตญาณของนักรบที่ทำให้เขาตระหนักถึงอันตรายที่ใกล้เข้ามา

ไม่กี่นาทีต่อมา เสียงกึกก้องเบา ๆ ก็เริ่มดังขึ้นจากเบื้องหลังของเขา แบ็คซีโร่หยุดเดินแล้วหันกลับไปมอง ตรงข้ามเขามีเงามืดเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว จากนั้นแสงสีแดงคู่หนึ่งก็ปรากฏขึ้นกลางความมืด

เป็นอีกครั้งที่ AI ปรากฏตัวต่อหน้าเขา แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่แค่หุ่นยนต์ตัวเดียว ในความมืดมีหุ่นยนต์หลายตัวที่รูปร่างคล้ายกันกำลังเคลื่อนที่เข้ามา พวกมันมีแสงไฟสีแดงฉานที่เปล่งออกมาจากดวงตาและอาวุธที่พร้อมจะจู่โจม

แบ็คซีโร่กำดาบในมือแน่น พลางกวาดตามองหุ่นยนต์เหล่านั้นที่ค่อย ๆ เข้ามาใกล้ แต่ละครั้งที่หุ่นยนต์พุ่งเข้ามา เขาสามารถหลบหลีกและสวนกลับได้อย่างแม่นยำ ดาบคาตานะของเขาฟาดฟันจนเกราะเหล็กของหุ่นยนต์แยกออกเป็นชิ้น ๆ และพวกมันล้มลงไปกับพื้น

แต่ถึงแม้จะมีความชำนาญในทักษะดาบ หุ่นยนต์เหล่านั้นกลับมีจำนวนมากกว่าและยังคงเข้ามาไม่หยุด เสียงโลหะกระทบกันดังระงมไปทั่วป่า การต่อสู้เริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ และแม้ว่าแบ็คซีโร่จะสามารถเอาชนะได้หลายตัว แต่พวกมันก็ยังคงพุ่งเข้ามาอย่างไม่ลดละ

“จำนวนมากขนาดนี้...คงไม่มีทางสู้ได้หมดแน่” แบ็คซีโร่คิดในใจ ขณะฟาดฟันหุ่นยนต์ตัวแล้วตัวเล่า “ข้าต้องหาทางหนี หรือไม่ก็ตายที่นี่”

ในขณะที่เขากำลังหาทางหลบหนี หุ่นยนต์ตัวหนึ่งก็พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว มันเตรียมจะฟันแบ็คซีโร่จากด้านข้าง แต่เขาไวพอที่จะกระโดดหลบและสวนกลับด้วยดาบของเขา ฟันหุ่นยนต์นั้นออกเป็นสองส่วน แต่เมื่อดาบของเขากระทบกับเกราะของหุ่นยนต์ มันกลับปล่อยประกายไฟที่ทำให้เขาต้องถอยกลับ

“ต้องคิดให้เร็ว...” แบ็คซีโร่พึมพำ ขณะที่เขาเริ่มมองหาหนทางหลบหนีออกจากสถานการณ์ที่ยากลำบากนี้อย่างรวดเร็ว

เขาหันไปมองรอบ ๆ และสังเกตเห็นทางแยกเล็ก ๆ ที่นำไปสู่ป่าอีกด้านหนึ่ง

“ถ้าข้าไปทางนั้น อาจสามารถหลบหนีหรือหาที่ได้เปรียบได้” เขาคิดในใจ หางของเขาเริ่มแกว่งไปมาอย่างรวดเร็วแสดงถึงการตัดสินใจที่เด็ดขาด

แบ็คซีโร่ตัดสินใจพุ่งตัวไปทางนั้นอย่างรวดเร็ว หุ่นยนต์ที่ตามหลังมารีบวิ่งไล่ตาม แต่ความคล่องแคล่วของแบ็คซีโร่ทำให้เขาสามารถทิ้งระยะห่างจากพวกมันได้ เขาพุ่งเข้าไปในป่าอีกด้านหนึ่ง ซึ่งมีต้นไม้หนาทึบที่อาจเป็นที่กำบังจากหุ่นยนต์เหล่านั้น

ขณะที่เขาวิ่งไปตามเส้นทางเล็ก ๆ ในป่า หูของเขาจับเสียงฝีเท้าของหุ่นยนต์ที่ตามมาอย่างใกล้ชิด หางของเขาแกว่งไปมาช่วยให้เขาทรงตัวในขณะที่วิ่งอย่างรวดเร็วผ่านอุปสรรคในป่า เขาใช้ความสามารถในการมองเห็นในที่มืดและสัญชาตญาณของแมวเพื่อนำทางผ่านป่าที่เต็มไปด้วยอุปสรรค

หลังจากวิ่งอยู่พักใหญ่ แบ็คซีโร่ก็พบกับที่กำบังที่เหมาะสม เขารีบหลบเข้าไปซ่อนในโพรงต้นไม้ใหญ่ หายใจหอบหนักขณะพยายามทำตัวให้เงียบที่สุด หูของเขาตั้งขึ้นเพื่อฟังเสียงฝีเท้าที่ใกล้เข้ามา เขารู้ว่าถ้าหุ่นยนต์เหล่านั้นเจอเขาอีกครั้ง เขาอาจไม่มีโอกาสรอด

เสียงฝีเท้าของหุ่นยนต์ดังเข้ามาใกล้ หัวใจของแบ็คซีโร่เต้นเร็วขึ้น ขนของเขาลู่ลงกับผิวหนัง เขารู้สึกได้ถึงความกดดันที่หนักหน่วง แม้จะเป็นนักรบที่ไม่เคยกลัวต่อความตาย แต่การต่อสู้กับเครื่องจักรที่ไม่มีความรู้สึกนั้นทำให้เขารู้สึกแตกต่าง

หุ่นยนต์เดินผ่านที่ซ่อนของเขาไป แบ็คซีโร่นิ่งเงียบและรอจนเสียงฝีเท้าหายไปในความมืด เขารู้ว่าเขาเพิ่งผ่านการทดสอบครั้งแรกในเส้นทางที่ยากลำบากนี้มาได้ แต่ความจริงที่ว่าหุ่นยนต์เหล่านี้ยังคงตามล่าเขาอยู่ทำให้เขาต้องระวังตัวมากขึ้น

“ข้าจะต้องพร้อมสำหรับสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่านี้” แบ็คซีโร่คิดในใจ ขณะเตรียมตัวออกจากที่ซ่อนเพื่อเดินทางต่อ เขารู้ว่าเขายังไม่ถึงเมืองไซเบอร์ แต่การต่อสู้ครั้งนี้ทำให้เขาเข้าใจว่าอันตรายที่แท้จริงกำลังรออยู่ข้างหน้า

และเขาต้องเตรียมพร้อมมากกว่านี้ เพื่อเอาชนะศัตรูที่เขาไม่เคยเผชิญหน้ามาก่อน

ตอนที่ 1 เริ่มต้นการเดินทางของแบ็คซีโร่ ครึ่งหลัง

หลังจากหลบหนีจากการไล่ล่าของ AI แบ็คซีโร่รู้สึกถึงความเหนื่อยล้าทั้งทางร่างกายและจิตใจ เส้นทางในป่าเริ่มร้างผู้คนและเต็มไปด้วยความเงียบสงบ แสงจันทร์ที่เคยส่องสว่างเริ่มลดลงเมื่อหมู่เมฆเคลื่อนตัวมาบดบัง แบ็คซีโร่ตัดสินใจหาสถานที่ปลอดภัยสำหรับพักผ่อนและรวบรวมสติปัญญาก่อนที่จะเดินทางต่อ

เขาเดินลึกเข้าไปในป่า สังเกตเห็นลำธารเล็ก ๆ ที่ไหลเบา ๆ ผ่านพื้นดิน มีต้นไม้ใหญ่และโขดหินที่สามารถใช้เป็นที่หลบซ่อนตัวจากสายตาของศัตรูได้ดี แบ็คซีโร่ตัดสินใจนั่งลงข้างลำธาร ขณะที่ลมเย็นพัดผ่านใบหน้าของเขา มันทำให้เขารู้สึกสงบลงบ้าง หลังจากการต่อสู้ที่เหน็ดเหนื่อย

แบ็คซีโร่วางดาบข้างตัว หางของเขาพันรอบตัวเองอย่างเป็นธรรมชาติ ขณะที่เขามองลงไปในน้ำที่ใสสะอาด สะท้อนแสงจันทร์อ่อน ๆ ความเหนื่อยล้าทำให้เขาเอนหลังพิงโขดหิน มือข้างหนึ่งลูบไล้ขนที่นุ่มฟูของตัวเองโดยไม่รู้ตัว ขณะที่พยายามปลอบใจตัวเองจากความกังวลที่ยังคงคุกรุ่นอยู่ภายในจิตใจ

“ข้าจะต้องทำให้สำเร็จ...” แบ็คซีโร่คิดในใจขณะพยายามขจัดความกังวลที่คุกคามอยู่ในใจ เขารู้ว่าหนทางข้างหน้านั้นเต็มไปด้วยอันตราย แต่เขาก็พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับมัน เพราะการปกป้องโลกและผู้คนที่เขารักเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

ขณะที่เขาหลับตาลงเพื่อพักผ่อน เสียงกรอบแกรบจากพุ่มไม้ใกล้ ๆ ทำให้เขาหูตั้งขึ้นทันที แบ็คซีโร่ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ดวงตาคมกริบของเขากวาดมองไปรอบ ๆ แต่เมื่อเสียงนั้นเงียบลง หางของเขาจึงค่อย ๆ คลายตัวและโบกเบา ๆ อย่างผ่อนคลาย

เมื่อแน่ใจว่าไม่มีอันตราย แบ็คซีโร่จึงค่อย ๆ ปล่อยให้ตัวเองพักผ่อนอีกครั้ง แม้จะมีความกังวลในใจ แต่เขารู้ดีว่าการพักผ่อนมีความสำคัญเพื่อให้ร่างกายและจิตใจของเขาพร้อมสำหรับการเผชิญหน้าต่อไป

เขานึกถึงหมู่บ้านยามาคาวะ ที่เขาทิ้งไว้ข้างหลัง ชีวิตที่เรียบง่ายและสงบสุขที่เขาเคยมี ความรู้สึกของความสูญเสียและภาระหน้าที่ที่หนักอึ้งทำให้เขาต้องผลักดันตัวเองให้เดินต่อไป

ขณะที่เขานอนฟังเสียงลำธารไหลและสายลมพัดผ่าน หางของเขายังคงโบกเบา ๆ ขนที่นุ่มฟูสัมผัสกับพื้นหญ้าเพิ่มความรู้สึกผ่อนคลาย เขารู้ดีว่าความสงบในคืนนี้อาจเป็นเพียงชั่วคราว แต่เขาก็ต้องการใช้ช่วงเวลานี้ในการฟื้นฟูพลังของตัวเอง

“ข้าจะต้องกลับไปที่หมู่บ้าน… ข้าสัญญา” แบ็คซีโร่คิดในใจ ขณะที่เขาค่อย ๆ ปล่อยให้ตัวเองหลับไปท่ามกลางความสงบของธรรมชาติ

แต่แม้ในความฝัน เขาก็ไม่สามารถหนีจากภาพของสงครามและการต่อสู้ที่ยังคงวนเวียนอยู่ในใจเขาได้ แบ็คซีโร่รู้ดีว่าเขาต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่น่ากลัว และเขาจะต้องเตรียมพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจเพื่อเอาชนะพวกมัน

ท่ามกลางความเงียบสงบของป่า แบ็คซีโร่หลับไปด้วยความมุ่งมั่นและความกลัวที่ผสมผสานกัน เมื่อเช้ามาถึง เขาจะต้องลุกขึ้นมาและเริ่มต้นการเดินทางใหม่ แต่ในคืนนี้ เขาจะพักผ่อน เตรียมตัวสำหรับการต่อสู้ที่ยังไม่สิ้นสุด

แสงแดดอ่อน ๆ ยามเช้าส่องผ่านใบไม้ที่ปกคลุมผืนป่า แบ็คซีโร่ลืมตาขึ้นมาอย่างช้า ๆ หลังจากการพักผ่อนที่จำเป็น ร่างกายของเขารู้สึกสดชื่นขึ้น แต่ความมุ่งมั่นในการเดินทางยังคงหนักอึ้งอยู่ในใจ

หลังจากเตรียมตัวพร้อม แบ็คซีโร่หยิบดาบขึ้นมาและเก็บสัมภาระของเขา จากนั้นจึงเริ่มออกเดินทางต่อไปยังเมืองไซเบอร์ แต่ก่อนที่เขาจะก้าวออกจากบริเวณนั้น เสียงบางอย่างก็ดังขึ้นจากระยะไกล มันเป็นเสียงของการต่อสู้ เสียงโลหะกระทบกันและเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด แบ็คซีโร่ชะงัก หูของเขาตั้งตรงเพื่อฟังเสียงนั้นอย่างระมัดระวัง

“เสียงการต่อสู้อยู่ไม่ไกล” เขาคิดในใจ ขณะที่ตัดสินใจเดินไปตามเสียงนั้น ความรู้สึกระแวดระวังทำให้เขาจับดาบในมือแน่นขึ้น ขณะที่เขาเคลื่อนตัวอย่างเงียบเชียบผ่านป่า เพื่อตรวจสอบว่าเกิดอะไรขึ้น

เมื่อแบ็คซีโร่เข้าไปใกล้ เขาพบว่ามีชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังต่อสู้กับหุ่นยนต์หลายตัวที่มีลักษณะคล้ายกับพวกที่เขาเคยต่อสู้เมื่อคืน ชายหนุ่มนั้นสวมชุดเกราะที่ดูเหมือนนักรบ แต่ท่าทางและการเคลื่อนไหวของเขายังไม่คล่องแคล่วมากนัก

ชายหนุ่มใช้ดาบต่อสู้กับหุ่นยนต์ที่ล้อมรอบตัวเขา แม้ว่าเขาจะสามารถป้องกันและโจมตีได้บ้าง แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเขาเริ่มเหนื่อยล้าและถูกกดดันอย่างหนัก

แบ็คซีโร่ยืนมองอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะตัดสินใจเข้าช่วย เขาพุ่งตัวออกมาจากเงามืดและเข้าจู่โจมหุ่นยนต์ตัวหนึ่งจากด้านหลัง การโจมตีของเขารวดเร็วและแม่นยำ ใบดาบของเขาฟาดฟันจนเกราะของหุ่นยนต์แตกกระจายออกเป็นชิ้น ๆ

ชายหนุ่มหันไปมองด้วยความประหลาดใจเมื่อเห็นว่าแบ็คซีโร่เข้ามาช่วยเหลือ แต่เขาก็รีบกลับมามีสมาธิและต่อสู้ต่อไป แบ็คซีโร่และชายหนุ่มนั้นร่วมมือกันโจมตีหุ่นยนต์ที่เหลืออยู่ จนในที่สุดพวกมันก็ถูกทำลายหมดสิ้น

เมื่อการต่อสู้สิ้นสุดลง ทั้งสองยืนหอบหายใจด้วยความเหนื่อยล้า แบ็คซีโร่เก็บดาบเข้าฝักแล้วหันไปมองชายหนุ่มคนนั้นอย่างละเอียด เขาเป็นชายหนุ่มร่างสูง มีกล้ามเนื้อที่บ่งบอกว่าได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี ดวงตาของเขามีแววของความตั้งใจ แต่ก็เต็มไปด้วยความกังวลเช่นกัน

“ขอบคุณที่ช่วย” ชายหนุ่มพูดเสียงหอบ พลางยืนตัวตรง “ข้าคงเอาตัวไม่รอดถ้าไม่ได้ท่านช่วย”

“ไม่เป็นไร” แบ็คซีโร่ตอบด้วยน้ำเสียงเรียบ “ข้าแค่ผ่านมาและเห็นเจ้าอยู่ในอันตราย”

ชายหนุ่มพยักหน้า ก่อนจะยกมือขึ้นทักทายอย่างเป็นมิตร “ข้าชื่อฮิโรโตะ เป็นนักรบจากเมืองใกล้เคียง ข้าออกเดินทางเพื่อตามหาคนที่สามารถช่วยปกป้องเมืองไซเบอร์จากพวก AI ที่กำลังบุกเข้ามา”

แบ็คซีโร่ฟังคำพูดของฮิโรโตะด้วยความสนใจ เขาเริ่มเข้าใจว่าชายหนุ่มคนนี้มีเป้าหมายที่คล้ายคลึงกับเขา

“ข้าชื่อแบ็คซีโร่” เขาแนะนำตัวสั้น ๆ “ข้ากำลังเดินทางไปยังเมืองไซเบอร์เช่นกัน แต่เจ้าออกเดินทางคนเดียวหรือ?”

ฮิโรโตะถอนหายใจ “ใช่ ข้าออกเดินทางคนเดียว ตอนแรกข้ามีสหายร่วมทาง แต่พวกเขาถูกสังหารระหว่างทาง เหลือข้าเพียงคนเดียว ข้ารู้ว่ามันอันตราย แต่ข้าไม่มีทางเลือก ข้าต้องทำสิ่งที่ข้าสามารถทำได้เพื่อปกป้องคนที่ข้ารัก”

แบ็คซีโร่รู้สึกถึงความมุ่งมั่นในคำพูดของฮิโรโตะ เขาจึงพิจารณาอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะตัดสินใจบางอย่าง

“ถ้าเจ้าไม่รังเกียจ เราสามารถร่วมทางกันได้” แบ็คซีโร่เสนอ “การเดินทางไปยังเมืองไซเบอร์เต็มไปด้วยอันตราย การมีเพื่อนร่วมทางอาจทำให้เรามีโอกาสรอดสูงขึ้น”

ฮิโรโตะยิ้มออกมาด้วยความโล่งใจ “ขอบคุณมาก แบ็คซีโร่ ข้ารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ร่วมทางกับท่าน ข้าอาจจะไม่ได้เก่งกาจเหมือนท่าน แต่ข้าจะทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อช่วยเหลือ”

“ไม่ต้องกังวล” แบ็คซีโร่ตอบ “ข้าเชื่อว่าทุกคนมีบทบาทของตนเองในสงครามนี้”

ทั้งสองเริ่มออกเดินทางร่วมกัน แบ็คซีโร่รู้สึกได้ว่าฮิโรโตะมีความตั้งใจที่ดี และถึงแม้เขาอาจจะยังไม่มีประสบการณ์มากนัก แต่ก็มีจิตใจที่แข็งแกร่ง ทั้งสองจึงกลายเป็นเพื่อนร่วมทางที่ต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายและอันตรายที่ยังรออยู่ข้างหน้า

ท่ามกลางความเงียบสงบของป่า ทั้งสองเริ่มต้นการเดินทางใหม่ที่อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการต่อสู้กับ AI และปกป้องโลกจากหายนะที่กำลังจะเกิดขึ้น

แบ็คซีโร่และฮิโรโตะเดินทางร่วมกันไปตามเส้นทางที่นำไปสู่เมืองไซเบอร์ ทั้งสองคุยกันบ้างเป็นระยะ แบ็คซีโร่สังเกตได้ว่าแม้ฮิโรโตะจะมีจิตใจที่มุ่งมั่น แต่ก็ยังมีความอ่อนประสบการณ์ในการต่อสู้ ซึ่งเขาเองก็พร้อมที่จะช่วยแนะนำและสอนวิธีการต่อสู้ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นให้กับเพื่อนร่วมทางคนใหม่ของเขา

หลังจากเดินทางมาหลายชั่วโมง พวกเขาก็มาถึงเส้นทางที่แคบและลึกลับขึ้นเรื่อย ๆ ป่าโดยรอบเริ่มหนาทึบจนแสงแดดแทบไม่สามารถส่องผ่านได้ บรรยากาศรอบตัวเงียบสงบอย่างน่าประหลาด ทั้งสองเดินไปเงียบ ๆ โดยต่างก็ตระหนักถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ

ทันใดนั้น เสียงฝีเท้าหนัก ๆ ดังขึ้นจากเบื้องหน้า ทั้งสองหยุดเดินและตั้งท่าเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ ใบดาบในมือของแบ็คซีโร่เปล่งประกายแสงสีเงินในขณะที่เขาจับมันแน่น พร้อมจะโจมตีเมื่อจำเป็น

จากเงามืดเบื้องหน้า ร่างของชายร่างใหญ่คนหนึ่งค่อย ๆ ปรากฏขึ้น เขาสวมเกราะที่ดูเก่าแก่และเสียหายจากการต่อสู้มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน แววตาของเขาดูดุดันและเต็มไปด้วยความโกรธแค้น เมื่อเขาเข้ามาใกล้ แบ็คซีโร่ก็ตระหนักได้ทันทีว่าเขารู้จักชายคนนี้ดี

“ไดโกะ...” แบ็คซีโร่พึมพำเบา ๆ ขณะที่ดวงตาของเขาจับจ้องไปยังชายคนนั้น

ฮิโรโตะหันมามองแบ็คซีโร่ด้วยความสงสัย “ท่านรู้จักเขาหรือ?”

แบ็คซีโร่พยักหน้าเบา ๆ “ไดโกะเคยเป็นพันธมิตรของข้า... แต่ตอนนี้เขากลับกลายเป็นศัตรูที่ข้าไม่คาดคิดว่าจะได้เจออีกครั้ง”

ชายที่ชื่อไดโกะหยุดยืนห่างจากทั้งสองไม่มากนัก ใบหน้าของเขามีรอยแผลเป็นและความเย้ยหยัน เขามองแบ็คซีโร่ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความโกรธ “ข้าไม่คิดว่าจะได้เจอเจ้าอีก แบ็คซีโร่ แต่คราวนี้ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้ารอดไปได้”

“เจ้าต้องการอะไร ไดโกะ?” แบ็คซีโร่ถามเสียงเรียบ แต่ภายในใจของเขารู้สึกได้ถึงความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้น

ไดโกะหัวเราะเยาะ “เจ้าถามข้าว่าข้าต้องการอะไร? ข้าต้องการชำระหนี้ที่เจ้าทิ้งไว้เมื่อคราวก่อน เจ้าทรยศต่อพวกเราและทิ้งข้าให้ตายอยู่ในสนามรบ ข้าไม่เคยลืมความเจ็บปวดนั้น และข้าจะไม่ยอมให้เจ้ามีชีวิตอยู่อีกต่อไป”

แบ็คซีโร่รู้ดีว่าไม่มีทางหนีจากการเผชิญหน้าครั้งนี้ เขาเคยต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับไดโกะในสงครามครั้งหนึ่ง แต่เหตุการณ์บางอย่างทำให้ทั้งสองต้องแยกจากกัน และไดโกะกลับกลายเป็นคนที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง

“ไดโกะ ข้าไม่ได้ทิ้งเจ้า ข้าทำทุกอย่างที่ข้าทำได้ในเวลานั้น แต่สงครามทำให้เราต้องแยกจากกัน” แบ็คซีโร่พยายามอธิบาย แต่ไดโกะกลับไม่ฟัง

“ไม่ต้องพูดอะไรอีก! ข้าจะสู้กับเจ้า และข้าจะลบเจ้าออกจากโลกนี้!” ไดโกะตะโกนด้วยความโกรธ ก่อนจะชักดาบออกมาและพุ่งเข้าหาแบ็คซีโร่ด้วยความรวดเร็ว

แบ็คซีโร่ไม่มีทางเลือก เขาต้องยกดาบขึ้นมาป้องกันตัว ดาบทั้งสองเล่มปะทะกันด้วยเสียงดังก้อง ก่อให้เกิดประกายไฟกลางอากาศ แบ็คซีโร่รับรู้ได้ทันทีว่าไดโกะมีความแข็งแกร่งที่ไม่ได้ลดน้อยลงเลยแม้แต่น้อย และการต่อสู้ครั้งนี้จะเป็นการทดสอบที่หนักหนาสาหัส

การต่อสู้ระหว่างทั้งสองเต็มไปด้วยความตึงเครียด ดาบปะทะกันครั้งแล้วครั้งเล่า เสียงโลหะกระทบกันดังก้องไปทั่วป่า ไดโกะโจมตีอย่างไม่หยุดยั้ง ด้วยความโกรธและความแค้นที่สะสมมานานหลายปี แบ็คซีโร่เองก็พยายามป้องกันและสวนกลับด้วยทักษะที่เขามี

“เจ้าจะต้องชดใช้กับสิ่งที่เจ้าทำ!” ไดโกะคำรามขณะพยายามฟันแบ็คซีโร่ด้วยดาบของเขา

แต่แบ็คซีโร่กลับหลบหลีกและตอบโต้ด้วยการโจมตีที่แม่นยำ ทำให้ไดโกะต้องถอยหลัง “ข้าไม่เคยต้องการให้เจ้ามาเป็นแบบนี้ ไดโกะ แต่ถ้าเจ้าต้องการการต่อสู้ ข้าจะไม่ออมมือ”

ในขณะที่ทั้งสองยังคงต่อสู้ ฮิโรโตะมองดูด้วยความประหลาดใจ เขาไม่เคยเห็นการต่อสู้ที่เข้มข้นและดุเดือดเช่นนี้มาก่อน และเขารู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดและความขัดแย้งที่ซ่อนอยู่ในแต่ละการโจมตี

การต่อสู้ดำเนินไปอย่างยาวนานจนทั้งสองฝ่ายเริ่มหมดแรง แต่ไม่มีใครยอมแพ้ แบ็คซีโร่รู้ดีว่าต้องทำให้ไดโกะหยุดการโจมตีนี้ไม่เช่นนั้นจะมีแต่ความสูญเสียทั้งสองฝ่าย

ในที่สุด แบ็คซีโร่สามารถหาช่องโหว่ในการป้องกันของไดโกะและโจมตีเข้าไปที่แขนของเขา ทำให้ดาบของไดโกะหลุดจากมือและตกลงบนพื้น ไดโกะล้มลงกับพื้นหายใจหอบหนัก ความโกรธและความแค้นในสายตาของเขายังคงไม่จางหาย

แบ็คซีโร่ยืนมองเขาอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเก็บดาบเข้าฝัก “ข้าไม่ต้องการฆ่าเจ้า ไดโกะ ข้ายังเห็นเจ้าเป็นเพื่อนอยู่ ถ้าเจ้าต้องการชำระหนี้ ข้าพร้อมที่จะช่วยเหลือ แต่การสู้กันเองจะไม่ช่วยอะไร”

ไดโกะหันหน้าหนีด้วยความโกรธ ก่อนจะพยายามลุกขึ้นยืน แม้จะเต็มไปด้วยบาดแผล แต่เขาก็ยังคงแสดงความดื้อรั้น “ข้าจะไม่มีวันยอมรับเจ้าหรือคำพูดของเจ้า แบ็คซีโร่ สักวันหนึ่ง ข้าจะกลับมาและข้าจะเอาชนะเจ้า”

แบ็คซีโร่ไม่ได้ตอบอะไร เขามองดูไดโกะเดินจากไปอย่างช้า ๆ พร้อมกับความรู้สึกที่หลากหลายในใจ การเผชิญหน้าครั้งนี้ทำให้เขานึกถึงความเจ็บปวดจากอดีตที่เขาพยายามหลีกหนีมาโดยตลอด แต่ในขณะเดียวกัน มันก็ย้ำเตือนเขาถึงเหตุผลที่เขาต้องเดินหน้าต่อไป

ฮิโรโตะเดินเข้ามาหาแบ็คซีโร่ด้วยความสงสัยและความเคารพ “ท่านปล่อยให้เขาไปทำไม? เขาอาจจะกลับมาเป็นภัยต่อท่านอีกครั้ง”

“บางครั้ง การต่อสู้ที่แท้จริงคือการไม่ใช้ดาบ” แบ็คซีโร่ตอบอย่างสงบนิ่ง “ไดโกะคือเพื่อนเก่าของข้า ข้าไม่อยากให้ความแค้นของเขากลายเป็นสิ่งที่ทำลายทั้งตัวเขาและข้า”

ฮิโรโตะพยักหน้าเข้าใจในสิ่งที่แบ็คซีโร่พูด ทั้งสองหันกลับไปมองเส้นทางที่ยังคงทอดยาวไปสู่เมืองไซเบอร์ ก่อนที่จะเริ่มออกเดินทางต่อ

ท่ามกลางป่าที่เต็มไปด้วยเงามืด แบ็คซีโร่รู้ดีว่าการเดินทางครั้งนี้ไม่ได้มีเพียงแค่การต่อสู้กับ AI เท่านั้น แต่ยังเป็นการต่อสู้กับอดีตและความเจ็บปวดที่ยังคงตามหลอกหลอนเขาอยู่

หลังจากการเผชิญหน้ากับไดโกะ ทั้งแบ็คซีโร่และฮิโรโตะยังคงเดินทางต่อไปในความเงียบ แสงอาทิตย์ยามบ่ายส่องผ่านต้นไม้สูงในป่า เส้นทางที่พวกเขาเดินยังคงดูเงียบสงบ แต่ทั้งสองรู้ดีว่าความสงบนั้นอาจเป็นเพียงภาพลวงตา

ฮิโรโตะหันไปมองแบ็คซีโร่อยู่เป็นระยะ เขารู้สึกประทับใจในความสงบนิ่งของแบ็คซีโร่และทักษะการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยม แต่ก็ยังมีคำถามในใจที่เขาไม่กล้าถามออกมา

หลังจากเดินทางผ่านป่าทึบมาเป็นเวลานาน ทั้งสองก็มาถึงพื้นที่เปิดโล่งที่ทอดยาวไปยังเขตแดนของเมืองไซเบอร์ ท้องฟ้าเริ่มมืดลง และเมฆหนาทึบก่อตัวขึ้นเหนือศีรษะ ทำให้บรรยากาศรอบตัวดูเงียบขรึมและกดดัน

“เราอาจจะต้องหาที่พักค้างคืนที่นี่ก่อนที่จะเข้าสู่เมืองไซเบอร์ในวันพรุ่งนี้” แบ็คซีโร่กล่าวขณะสอดส่องหาสถานที่ปลอดภัยสำหรับการพักผ่อน

ฮิโรโตะพยักหน้าเห็นด้วย ทั้งสองเริ่มมองหาสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับการตั้งค่ายพัก แต่ก่อนที่พวกเขาจะได้หยุดพัก ความเงียบสงบก็ถูกทำลายลงด้วยเสียงกลไกที่ดังขึ้นรอบตัว

“ระวังตัว!” แบ็คซีโร่ตะโกนขณะที่เขาดึงดาบออกมาจากฝัก สายตาของเขากวาดมองไปรอบ ๆ และทันใดนั้น หุ่นยนต์ AI หลายตัวก็ปรากฏตัวขึ้นจากด้านหลังพุ่มไม้และโขดหิน พวกมันดูเหมือนจะซุ่มโจมตีและรอเวลาที่เหมาะสมในการโจมตี

ฮิโรโตะชักดาบของเขาออกมาเช่นกัน แม้จะรู้สึกตึงเครียด แต่เขาก็ยืนหยัดข้างแบ็คซีโร่ด้วยความมุ่งมั่น “พวกมันตามมาจนเจอเราอีกแล้ว! เราจะต้องสู้!”

“ระวังตัวให้ดี พวกมันฉลาดและวางแผนมาอย่างดี” แบ็คซีโร่เตือน ขณะมองดูหุ่นยนต์ที่เริ่มเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ พวกมันมีอาวุธครบมือและมีจำนวนมากเกินกว่าที่ทั้งสองจะรับมือได้ง่าย ๆ

การต่อสู้เริ่มต้นขึ้นอย่างดุเดือด หุ่นยนต์ AI พุ่งเข้าหาทั้งสองฝ่ายด้วยความเร็วและความแม่นยำในการโจมตีที่น่ากลัว แบ็คซีโร่ใช้ทักษะการต่อสู้ที่เขาฝึกฝนมาตลอดชีวิตในการฟาดฟันและหลบหลีกการโจมตี เขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและแน่นอน แต่ความเหนื่อยล้าจากการต่อสู้อย่างต่อเนื่องเริ่มส่งผลกระทบต่อเขา

ฮิโรโตะพยายามป้องกันตัวเองและต่อสู้กับหุ่นยนต์ที่เข้ามาใกล้ แม้ว่าเขาจะยังไม่เชี่ยวชาญในการต่อสู้เท่ากับแบ็คซีโร่ แต่ความมุ่งมั่นและความกล้าหาญของเขาก็ช่วยให้เขาสามารถยืนหยัดต่อสู้ได้

“อย่ายอมแพ้ ฮิโรโตะ!” แบ็คซีโร่ตะโกนขณะฟาดดาบใส่หุ่นยนต์ตัวหนึ่งจนมันล้มลง “เราต้องหาทางฝ่าพวกมันไป!”

แต่การต่อสู้ครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย หุ่นยนต์ AI มีการวางแผนมาอย่างดีและโจมตีด้วยความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ พวกมันเริ่มใช้กลยุทธ์ในการล้อมและโจมตีพร้อมกันจากทุกทิศทาง ทำให้ทั้งสองต้องต่อสู้อย่างหนักเพื่อเอาชีวิตรอด

ในขณะที่แบ็คซีโร่และฮิโรโตะพยายามฝ่าฟันหุ่นยนต์เหล่านั้น เสียงการระเบิดดังขึ้นจากด้านหลังของพวกเขา แบ็คซีโร่หันไปมองและเห็นว่าหุ่นยนต์ตัวหนึ่งได้ใช้อาวุธหนักเพื่อทำลายพื้นที่รอบตัวเพื่อปิดเส้นทางหลบหนีของพวกเขา

“เราถูกล้อมแล้ว!” ฮิโรโตะตะโกนด้วยความกังวล ขณะที่เขาพยายามต่อสู้กับหุ่นยนต์อีกตัวที่เข้ามาใกล้

แบ็คซีโร่รู้ดีว่าพวกเขาไม่สามารถเอาชนะหุ่นยนต์ทั้งหมดได้ด้วยกำลังเพียงอย่างเดียว เขาจึงมองหาวิธีอื่นเพื่อที่จะรอดออกไปจากสถานการณ์นี้

เขาหันไปทางฮิโรโตะและสั่งการ “ฟังนะ ฮิโรโตะ เราต้องถอยและหาทางไปยังที่สูง ถ้าเรายังอยู่ตรงนี้ พวกมันจะฆ่าเราได้แน่นอน!”

ฮิโรโตะพยักหน้าด้วยความเข้าใจ ทั้งสองเริ่มถอยกลับขณะที่พยายามป้องกันตัวเองจากการโจมตีของหุ่นยนต์ แบ็คซีโร่ใช้ทักษะการต่อสู้ของเขาในการเบี่ยงเบนความสนใจของหุ่นยนต์ ขณะที่ฮิโรโตะพยายามหาทางหลบหนีไปยังพื้นที่ที่ปลอดภัยกว่า

ในที่สุด ทั้งสองก็สามารถถอยไปถึงพื้นที่ที่สูงขึ้นและได้เปรียบในการต่อสู้ แม้ว่าหุ่นยนต์จะยังคงตามไล่ล่า แต่แบ็คซีโร่และฮิโรโตะก็ใช้ภูมิประเทศในการสร้างข้อได้เปรียบ พวกเขาสามารถโจมตีจากที่สูงและใช้สภาพแวดล้อมในการป้องกันตัวเอง

การต่อสู้ที่ยืดเยื้อมาหลายชั่วโมงในที่สุดก็สิ้นสุดลงเมื่อหุ่นยนต์ตัวสุดท้ายถูกทำลาย แบ็คซีโร่และฮิโรโตะยืนหอบหายใจหนัก ความเหนื่อยล้าและความตึงเครียดของการต่อสู้ทำให้ทั้งสองรู้สึกได้ถึงความสูญเสียทางพลังงาน แต่พวกเขาก็ยังคงยืนหยัดอยู่ได้

“เราทำได้” ฮิโรโตะพูดพร้อมกับพยายามเก็บแรงขึ้นมาใหม่

“ใช่ แต่เราต้องไม่ประมาท พวกมันอาจจะมีมากกว่านี้” แบ็คซีโร่กล่าวเตือน ขณะที่เขามองไปรอบ ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีอันตรายเพิ่มเติม

ทั้งสองพักหายใจและตรวจสอบสภาพร่างกายของตัวเอง ขณะที่แบ็คซีโร่รู้สึกถึงความเหนื่อยล้าในร่างกาย เขาก็รับรู้ได้ว่าการเดินทางครั้งนี้เต็มไปด้วยความยากลำบากและอันตรายที่ไม่มีวันสิ้นสุด

“เราต้องพักฟื้นและเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการเดินทางต่อไป” แบ็คซีโร่กล่าวขณะหันไปมองฮิโรโตะ “การต่อสู้เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น และเรายังมีภารกิจที่ต้องทำให้สำเร็จ”

ฮิโรโตะพยักหน้าและยิ้มออกมาด้วยความมุ่งมั่น “ข้าพร้อมจะสู้ไปกับท่าน แบ็คซีโร่ ข้าเชื่อว่าเราสามารถทำได้”

ทั้งสองตัดสินใจหาที่พักพิงและพักผ่อนเพื่อฟื้นฟูพลังงานสำหรับการเดินทางต่อไป แบ็คซีโร่รู้ดีว่าอันตรายยังคงรอพวกเขาอยู่ แต่ความมุ่งมั่นและความเชื่อมั่นในตัวเองทำให้เขายังคงเดินหน้าต่อไป

หลังจากการต่อสู้ที่เหน็ดเหนื่อย แบ็คซีโร่และฮิโรโตะได้พักผ่อนเพื่อฟื้นฟูพลังงานในที่ปลอดภัยแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นโพรงในหน้าผาขนาดเล็กที่ซ่อนตัวอยู่ในป่า เสียงน้ำไหลเบา ๆ จากลำธารใกล้เคียงช่วยทำให้บรรยากาศสงบลงได้บ้าง ท้องฟ้ายามค่ำคืนเต็มไปด้วยดวงดาวที่ระยิบระยับ แต่ท่ามกลางความสงบนั้น ทั้งสองยังคงรู้สึกถึงความตึงเครียดจากการต่อสู้ที่ผ่านมา

แบ็คซีโร่จุดไฟเล็ก ๆ ขึ้นเพื่อให้ความอบอุ่นและป้องกันสัตว์ป่า เขานั่งลงข้างกองไฟพร้อมกับหยิบอาหารแห้งออกมาแบ่งให้ฮิโรโตะ ทั้งสองกินอาหารเงียบ ๆ โดยต่างคนต่างใช้เวลานี้เพื่อครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา

ฮิโรโตะมองดูไฟที่ส่องสว่างระยิบระยับ เขานึกถึงการต่อสู้ที่เพิ่งเกิดขึ้นและความยากลำบากที่พวกเขาต้องเผชิญ เขารู้สึกได้ถึงความเหนื่อยล้า แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกมีแรงบันดาลใจจากการได้ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับแบ็คซีโร่

“ท่านแบ็คซีโร่...” ฮิโรโตะพูดขึ้นหลังจากเงียบไปนาน “ข้าอยากรู้ว่า...ทำไมท่านถึงเลือกที่จะต่อสู้ในสงครามครั้งนี้ ท่านมีทางเลือกที่จะหนีไปใช้ชีวิตที่สงบสุขได้ แต่ท่านกลับเลือกเส้นทางที่เต็มไปด้วยอันตราย”

แบ็คซีโร่หยุดกินและเงยหน้ามองฮิโรโตะ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความคิดลึกซึ้งและความมุ่งมั่น

“ข้าคิดว่าคงไม่มีคำตอบที่ง่าย ๆ สำหรับคำถามนี้ ฮิโรโตะ” แบ็คซีโร่เริ่มพูด “ข้าเองก็เคยคิดหนีจากทุกสิ่ง ข้าเคยคิดที่จะทิ้งดาบและหาที่สงบสุขเพื่อใช้ชีวิตที่เหลือ แต่โลกนี้ไม่ได้ให้เรามีทางเลือกเสมอไป”

ฮิโรโตะฟังอย่างตั้งใจ ขณะที่แบ็คซีโร่พูดต่อ

“เมื่อความชั่วร้ายเริ่มก่อตัวขึ้นและคุกคามทุกสิ่งที่เรารัก ข้ารู้ว่าข้าไม่สามารถหลบหนีได้อีกต่อไป ข้าต้องทำบางสิ่งเพื่อปกป้องโลกและผู้คนที่ข้าห่วงใย แม้ข้าจะไม่รู้ว่าจะทำสำเร็จหรือไม่ แต่ข้าไม่สามารถปล่อยให้สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ผ่านไปโดยไม่ได้ทำอะไรเลย”

ฮิโรโตะพยักหน้าอย่างเข้าใจ “ท่านแบ็คซีโร่ ข้าเคารพในความตั้งใจของท่าน ข้าเองก็รู้สึกเช่นเดียวกัน ข้าอาจจะยังไม่เก่งกาจเท่าท่าน แต่ข้าจะทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยปกป้องโลกนี้ ข้าอยากเป็นนักรบที่สามารถยืนหยัดเพื่อสิ่งที่ข้าเชื่อมั่น”

แบ็คซีโร่ยิ้มเล็กน้อยกับคำพูดของฮิโรโตะ “เจ้ามีหัวใจของนักรบ ฮิโรโตะ ความมุ่งมั่นของเจ้าคือสิ่งที่สำคัญที่สุด ข้าเชื่อว่าเจ้าจะกลายเป็นนักรบที่ยิ่งใหญ่ได้ในวันหนึ่ง”

ทั้งสองนั่งเงียบอีกครั้งขณะที่ไฟในกองเริ่มมอดลง ฮิโรโตะเอนหลังพิงผนังหินและหลับตาลงด้วยความเหนื่อยล้า ส่วนแบ็คซีโร่ยังคงนั่งเฝ้ากองไฟ เขายังไม่รู้สึกอยากพักผ่อนแม้ว่าร่างกายของเขาจะบอกให้เขาทำเช่นนั้น

ดวงตาของเขาจ้องมองไปยังท้องฟ้ายามค่ำคืน ความคิดของเขายังวนเวียนอยู่กับอนาคตที่ไม่แน่นอนและการต่อสู้ที่ยังคงรออยู่ข้างหน้า

“เมืองไซเบอร์...” แบ็คซีโร่พึมพำกับตัวเองเบา ๆ เขารู้ดีว่าการเดินทางครั้งนี้เพิ่งเริ่มต้น และสิ่งที่รออยู่ข้างหน้าคือศัตรูที่น่ากลัวและท้าทายที่สุดที่เขาเคยเผชิญ แต่เขาก็รู้ดีเช่นกันว่าการหยุดยั้ง AI และปกป้องโลกนี้คือสิ่งที่เขาต้องทำ ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร

เมื่อเวลาผ่านไป แบ็คซีโร่จึงตัดสินใจหลับตาลงบ้าง เขารู้ว่าความสงบในคืนนี้อาจเป็นเพียงชั่วคราว แต่ในชั่วขณะนี้ เขาต้องการพักผ่อนเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับวันพรุ่งนี้

การเดินทางยังคงดำเนินต่อไป และแบ็คซีโร่ก็พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับทุกสิ่งที่รออยู่ข้างหน้า ไม่ว่ามันจะยากเย็นเพียงใด

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!