NovelToon NovelToon

อัษฎางค์

สูญหายหรือตายจาก

...สูญหาย หรือ ตายจาก...

“ขอโทษนะม่าน เราก็ติดต่อซันไม่ได้เหมือนกัน ถ้าได้ยังไงเดี๋ยวจะบอกนะ ตอนนี้เราขอตัวก่อน”

เพื่อนร่วมคลาสเรียนเดียวกันกับ ซัน พูดกับผมเพียงเท่านั้นก่อนที่จะเดินจากไป มันยิ่งทำให้ตอนนี้ผมจมอยู่กับคำถามในหัวที่ไม่สามารถหาคำตอบได้ คำถามที่วกไปวนมาตลอดหลายวันนี้

ซันหายไปไหน

ซัน บุคคลที่ตอนนี้ผมกำลังตามหาอยู่เป็นแฟนของผมเอง ผมติดต่อซันไม่ได้มาตลอดหลายวัน พยายามเดินมาดูแถวคลาสเรียนที่ปกติแฟนตัวเองต้องเข้าเรียนก็ยังไม่เห็น ลองถามเพื่อนร่วมคลาสก็ได้คำตอบว่าไม่มีใครติดต่อซันได้เลยสักคน ลองไปตามสถานที่ที่แฟนตัวดีของเขาชอบไป ก็ไม่เจอร่องรอยสักนิด

“ มึงไม่ลองติดต่อบ้านแฟนมึงล่ะ พ่อแม่ พี่น้องเขาสักคนอะ ”

“ กูไม่มีเบอร์พ่อแม่ พี่น้องเขาอะดิ แล้วกูก็ไม่รู้จักด้วย ไม่รู้จักเลยสักคนนึง ”

“ ห่ะ มึงไม่รู้จักครอบครัวแฟนมึงเลยสักคน? ”

“ เออ ไม่รู้จักสักคน ”

ใช่แล้วครับ ผมไม่รู้จักครอบครัวของซันเลยสักคน ถึงเราจะคบกันมาเกือบจะ1ปีแล้วก็ตาม แต่ผมก็ไม่เคยเจอหรือได้ยินคนรักของตัวเองพูดถึงครอบครัวตนเท่าไหร่ ตัวผมก็ไม่ใช่คนที่เซ้าซี้ด้วย เลยไม่เคยถามถึงเรื่องพวกนี้จากซันเลย นั้นเลยทำให้ผมไม่รู้จักและก็ไม่มีช่องทางติดต่อกับทางครอบครัวของแฟนตัวเองเลยสักนิด

" มึงติดต่อแฟนมึงไม่ได้มากี่วันแล้วนะ "

" วันนี้เข้าวันที่ 4 "

" กูว่าเดี๋ยวกูไปบอกให้ลุงกูช่วยสืบดีกว่าว่ะ แม่งหลายวันแล้วนะ "

" อย่าเลยว่ะ กูเกรงใจ ซันอาจจะไม่ได้เป็นไรก็ได้ "

" แล้วถ้าเป็น? "

อิฐ เพื่อนสนิทคนเดิมของผมยังคงถามต่อ ซึ่งมันเป็นคำถามที่ผมไม่สามารถตอบกลับได้เลย ผมยอมรับว่าผมกลัวว่าซันจะเป็นอะไรไป กลัวว่าซันจะเกิดอุบัติเหตุ หรือล้มป่วยกะทันหัน หรืออาจจะเป็นอะไรที่มันมากไปกว่านั้น ผมกลัวมาก กังวลไปหมด กลัวที่จะเสียเขาไป ใจก็อยากจะไปแจ้งความคนหายให้มันรู้แล้วรู้รอด แต่ก็อย่างที่ผมบอกไปว่าผมติดต่อครอบครัวซันไม่ได้เลย จะไปแจ้งความโดยที่ครอบครัวเขาไม่รับรู้ ไม่รับทราบมันก็ยังไงอยู่ จะขอให้ลุงของไอ้อิฐที่เป็นตำรวจช่วยตามหาก็เกรงใจ อีกอย่างมันก็เป็นคนช่วยผมออกตามหาซันตั้งแต่วันแรกที่ผมติดต่อซันไม่ได้ด้วย แค่นี้ผมก็ไม่รู้จะขอบคุณมันยังไงแล้ว

" ให้กูช่วยเหอะม่าน อย่างน้อยก็ให้กูเกริ่นๆให้ลุงกูฟังไว้ก่อนก็ยังดี "

" กูเกรงใจว่ะ "

" กูเป็นเพื่อนมึงมาตั้งแต่เยี่ยวรดที่นอน จะเกรงใจทำห่าอะไรอีก กูว่าตอนนี้มึงกลับไปรอแฟนมึงแถวหอเขาเถอะ ถ้าคนมันกลับมาก็น่าจะไปหอก่อนที่แรกอะ เดี๋ยวกูอยู่ดูแถวนี้ให้ ส่วนเรื่องลุงเดี๋ยวลองถามแกดูว่ามึงสามารถทำไรได้บ้างเปล่า อะ เอานี้ไปแดกส่ะด้วย "

อิฐพูดขึ้นพร้อมยัดถุงข้าวกล่องใส่มือผมก่อนที่จะยกมือทำท่าทางไล่ผมให้ไปทำตามที่มันบอก ถึงจะเกรงใจมันอยู่มากแต่สุดท้ายผมก็เลือกจะพูดขอบคุณมันก่อนที่จะมุ่งหน้าตรงไปยังสถานที่ที่ผมคุ้นเคย ใช้เวลาเดินทางไม่นานก็พบตึกสูง5ชั้นสีขาวเขียวที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากตัวมหาลัยที่ผมเรียนนัก ผมมาที่นี่บ่อยจนนับครั้งไม่ถ้วน บ่อยจนเพื่อนผมแซวว่าผมจำทางกลับห้องกลับหอตัวเองไม่ได้แล้วมั้ง ซึ่งแน่นอนว่าผมก็ค่อนข้างที่ชอบเวลาพวกมันแซวด้วย ก็ผมมีความสุขนิ การที่ผมมาหาซัน มาเจอซัน มันทำให้ผมมีความสุขอย่างที่ไม่เคยมีมานาน แต่ตอนนี้เจ้าของความสุขคนนั้นได้หายไปแล้ว

ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นด้วยซ้ำ ทำไมซันหายไป แล้วซันหายไปไหน ครั้งสุดท้ายที่เราคุยกันคือคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา วันนั้นผมกลับบ้านที่ต่างจังหวัดเลยไม่ได้อยู่กับเจ้าตัวแสบ พอเช้าวันอาทิตย์ผมทักไปหาก็ไม่อ่าน โทรหาก็ไม่รับสาย ทำเอาผมกระวนกระวายรีบขับรถกลับมาหา ตอนนั้นผมตรงเข้าไปขออนุญาตคนดูแลหอพักให้เปิดประตูห้องของซันทันที  ตอนแรกแกก็ไม่ยอมหรอกครับ บอกว่าแบบนี้มันบุกรุกบ้าง จะแจ้งความจับผมบ้าง แต่ผมก็พยายามอธิบายเหตุผลให้แกฟังไปว่า ติดต่อซันไม่ได้เลย กลัวว่าจะประสบอุบัติเหตุอยู่ภายในห้องแล้วไม่มีคนรู้ แกฟังแล้วก็นิ่งไปสักพักก่อนจะยอมไปไขประตูห้องให้ ภายในห้องของซันนั้นยังคงเหมือนเดิม ข้าวของยังวางอยู่ตำแหน่งเดิม ไม่มีร่องรอยของการรื้อหรือทำลายข้าวของเลยแม้แต่น้อย มีเพียงเจ้าของห้องเท่านั้นที่หายไป  ตอนนั้นผมทำได้แค่ขอร้องคนดูแลหอพักเพื่อจะขอดูกล้องวงจรปิดที่แกติดอยู่ ตอนแรกแกก็ดูจะลังเลว่าจะให้ผมดูดีไหมแต่สุดท้ายแกก็พาผมไปดู และผมก็ได้เห็นซันในภาพของกล้องวงจรปิดจริงๆ ซันเดินออกจากหอพักไปข้างนอกเวลาประมาณ ตี 01:16 นาที และก็ไม่ได้กลับเข้ามาภายในหอพักอีกเลย ซันออกจากหอพักไปหลังจากที่วางสายจากผมได้ไม่ถึง 20 นาทีด้วยซ้ำ แถมตอนคุยกันซันก็ไม่ได้บอกว่าจะออกไปข้างนอกเวลานี้เลยด้วย 

ซันออกไปไหน?

" วันนี้ลุงก็ยังไม่เห็นนะพ่อหนุ่ม " 

เสียงของลุงรปภ.ที่เฝ้าตึกเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นผมเดินเข้ามาบริเวณหอพัก ได้ยินแบบนั้นผมเลยหันไปพยักหน้าพร้อมส่งยิ้มให้แกเป็นการขอบคุณที่บอกความคืบหน้าของซันให้เขาฟัง แม้ว่าคำพูดจะเหมือนเดิมมาตลอดหลายวันนี้ก็ตาม ผมยังคงเดินไปนั่งรอบริเวณโต๊ะม้าหินอ่อนที่ประจำของตัวเองทุกครั้งที่มาคอยเจ้าตัวแสบ มือก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเข้าแอปพลิเคชันที่คุ้นเคย สายตาก็ยังมองข้อความที่เคยส่งหาคนรัก ถึงแม้ว่าระยะเวลา 3-4 วันนี้จะไม่มีการตอบกลับมาเลยก็ตามที และก็เป็นอีกหนึ่งครั้งที่ปลายนิ้วผมเลื่อนไปยังสัญลักษณ์รูปโทรศัพท์พรางออกแรงเล็กน้อยในการสัมผัสมัน ก่อนที่หน้าจอจะแสดงผลเป็นการโทรออก ภายในใจยังคงคาดหวังให้ได้ยินเสียงคนปลายสายสักนิดก็ยังดี แต่ความเป็นจริงมันมักไม่เคยเป็นดั่งใจหวัง ภาพหน้าจอยังคงแสดงถึงการโทรออกและรอคนรับสาย ตัวเลขเวลาการสนทนายังคงไม่ถูกนับ ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม ยังว่างเปล่าเช่นเดิม

" เออจริงสิ นึกขึ้นได้ เมื่อเช้าเห็นไอ้ชัยมันบอกว่าเห็นคนหน้าตาคับคล้ายคับคลาเจ้าซันมายืนอยู่แถวนี้ด้วย "

คำพูดของลุงรปภ. ส่งผลให้เจ้าก้อนเนื้อในอกของผมกระตุกวาบ เร่งจังหวะการเต้นของมันให้มีมากขึ้นมากขึ้น อีกทั้งสองขารีบรุดก้าวเดินไปยังป้อมรปภ. ที่ลุงแกอยู่อย่างไม่ทันตั้งตัว ปากก็พยายามจะถามถึงสิ่งที่ลุงแกได้พูดออกมากเมื่อกี้ 

" เมื่อกี้ลุงพูดว่ายังไงนะ เจอซันหรอ ที่ไหนครับ เมื่อไหร่ครับ แล้วซันเป็นยังไงบ้าง ลุงเห็นไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ล.แล้ว แล้ว แล้ว "

" เฮ้ยๆ ใจเย็นพ่อหนุ่ม ค่อยๆนะ ใจเย็นก่อนๆ "  ลุงแกพูดปลอมพรางแตะไหล่ผมเบาๆ

" แล้วเมื่อกี้ลุงบอกว่าลุงเจอซันใช่ไหม ลุงเจอที่ไหน แล้ว แล้วลุงเจอตั้งแต่เมื่อไหร่ "

" ใจเย็นๆ ฟังก่อนๆ ลุงไม่ได้เจอเอง ไอ้ชัยที่ขายน้ำอยู่หน้าซอย3นู่นที่เจอ " ลุงแกพูด มือก็ยกชี้มุ่งตรงไปทางซอยที่แกพูดถึงก่อนที่จะปรับระดับความดังของเสียงให้น้อยลงจนกลายเป็นระดับกระซิบแทน

" มันบอกว่าเจอคนหน้าตาคล้ายๆเจ้าซันมาเดินไปเดินมาอยู่แถวหอปิ่นซอย3เมื่อคืนนี้ น่าจะสักตี2 กว่าๆ มันบอกว่ามันออกมาซื้อยาให้เมีย แล้วเห็นคนเดินไปเดินมา แต่มันก็ไม่แน่ใจหรอกนะว่าใช่เจ้าซันหรือเปล่า ตรงนั้นก็ไม่ค่อยมีไฟส่องเท่าไหร่ด้วย อีกอย่างมันก็ใช่ว่าจะจำหน้าเจ้าซันได้ที่ไหนล่ะ ลุงว่ามันทึกทักไปเองว่าน่าจะเป็นเจ้าซัน จริงๆอาจจะเป็นเด็กแถวน..นั้ เฮ้ยๆ นั่นเอ็งจะวิ่งไปไหน "

" ขอบคุณนะลุง ขอบคุณครับ "

ขาทั้งสองข้างออกแรงวิ่งสุดกำลัง ปากก็ตะโกนขอบคุณลุงรปภ. ที่บอกเรื่องเกี่ยวกับซันให้ผมรู้ ถึงแม้ว่ามันอาจจะไม่ใช่เรื่องจริง อาจจะเป็นการเข้าใจผิด หรือจะเป็นเรื่องหลอกกันเล่นหรืออะไรก็ได้ แต่ว่ามันคงไม่ผิดใช่ไหมครับที่ผมอยากคาดหวังว่ามันเป็นเรื่องจริง 

ไม่นานนักผมก็มาหยุดยืนอยู่ที่หน้าหอพักสีฟ้าจางๆที่เกือบจะเป็นสีขาว แต่ป้ายหน้าหอแสดงชื่อของหอพักได้อย่างชัดเจน หอพักปิ่นปักษ์ หรือที่คนแถวนี้เรียกกันว่าหอปิ่น จริงๆผมกับซันเคยมาดูห้องพักที่นี่ด้วยกันแล้วครั้งนึงแล้ว เราก็เคยคุยและสัญญากันไว้ว่าจะออกมาอยู่ด้วยกันที่หอนี้หลังจากที่ผมหมดสัญญาหอพักที่พักอยู่ปัจจุบัน ซึ่งความจริงแล้วมันเหลือเวลาอีกแค่สองเดือนเดียวเท่านั้นก็จะหมดสัญญา แต่ตอนนี้ผมกลับรู้สึกผิดที่ไม่ย้ายออกมาอยู่ด้วยกันตั้งแต่ตอนนั้น ผมไม่น่ารอให้หมดสัญญาหอ ถ้าผมย้ายมาอยู่ที่นี่กับเขาตั้งแต่แรก ซันคงไม่หายไป

" พี่ชายๆ ทำไมถึงร้องไห้ล่ะ อ่ะ หนูให้อมยิ้มสะตอเบอยี่นะ ไม่ร้องนะคะ "

เสียงของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเรียกผมออกจากภวังค์ความคิด ผมหันซ้ายทีขวาทีถึงสังเกตุเห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง เธออยู่ในชุดกระโปรงสีฟ้าสดใส คาดเดาจากสายตาผมว่าเธอน่าจะอายุราวๆ 4-5 ขวบ ซึ่งเธอมายืนอยู่ข้างผมตั้งแต่เมื่อไหร่ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ในมือก็ถืออมยิ้มรสสตอเบอร์รี่เอาไว้พร้อมกับทำท่าทางจะยื่นมาให้ผม

" ให้พี่หรอครับ? "  

ผมถามออกไปพร้อมกับยกนิ้วขึ้นชี้เข้าหาตัวเองเพื่อเป็นการย้ำให้แน่ใจว่าน้องผู้หญิงหมายถึงผมหรือใคร ถึงแม้ว่าจะมีแค่ผมยืนอยู่กับน้องแค่สองคนก็เถอะ 

" ไม่ใช่พี่ชายค่ะ พี่ชายไม่ใช่คนที่ร้องไห้นิคะ หนูหมายถึงพี่ชายที่กำลังร้องไห้อยู่ข้างหลังพี่ชายต่างหาก " 

" …… "

" อ่ะ งั้นหนูฝากให้พี่ชายเขาด้วยนะคะ หนูต้องไปแล้ว เดี๋ยวแม่ตีค่ะ "

เด็กผู้หญิงในชุดสีฟ้าสดใสวิ่งลับหายไป ก่อนที่เธอจะไปก็ยัดลูกอมรสสตอเบอร์รี่ที่เธอหมายมั่นจะให้เป็นของปลอบใจเอาไว้กับมือของผม ผมก้มลงมองลูกอมในฝ่ามือตัวเองแล้วมีแต่ความสงสัย ในใจมีแต่คำถาม ซึ่งหนึ่งในคำถามที่มันเด่นชัดมากที่สุดเลยคงจะหนีไม่พ้นคำถามที่ว่า

ผู้ชายที่ร้องไห้อยู่หลังเขาคือใคร?

...\~ คุณเทียนหยด \~...

...comment เป็นกำลังใจและติชมกันได้นะคะ ช่วยเป็นกำลังใจให้เราด้วยนะคะ เราเขียนเรื่องแรกเลย...

...\~ to be continued \~...

ความเชื่อจากคนรู้จัก

...ความเชื่อจากคนรู้จัก...

...WARNING ...

...มีคำบรรยายเกี่ยวกับ ความเชื่อและพิธีกรรม โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน...

ตอนนี้เป็นเวลาเกือบหกโมงเย็นแล้ว ผมยังเดินวนไปวนมาอยู่บริเวณหน้าหอปิ่น ใจก็ยังคงคาดหวังว่าอาจจะเจอซันอยู่แถวนี้บ้าง ทีแรกผมว่าจะเดินไปถามคุณลุงที่ขายน้ำตามที่ลุงรปภ.บอก แต่พอเดินมาแล้วก็พบว่าร้านแกปิดไปแล้ว ทำให้ผมไม่รู้ว่าต้องทำยังไงต่อเลยได้แต่เดินวนไปวนมาอยู่แถวหอปิ่น ซึ่งก็เริ่มมีคนมองผมอยู่บ้างประปราย ผมรู้ครับว่าตัวเองคงเหมือนคนบ้าหรือคนสติไม่ดีที่มาชะเง้อคอมองคนนู้นทีคนนี้ทีเวลาเขาเดินผ่านไปผ่านมา แต่ผมก็ไม่ได้สนใจหรอกครับว่าจะมีคนมองผมอย่างไร ถึงแม้ว่าลึกๆในใจก็มีกังวลอยู่บ้างว่าสายตาหลายคู่ที่มองมาที่ผมนี่เขามองผมหรือมองใครกันแน่ ก็เพราะอยู่ๆดันมีเด็กที่ไหนไม่รู้ว่าพูดแบบนั้นกับผมนี่ครับ มันก็ต้องมีหวั่นๆใจบ้างเป็นธรรมดา แถมอมยิ้มเจ้าปัญหาที่เด็กน้อยนั้นฝากไว้ให้กับผู้ชายร้องไห้อีก ผมไม่รู้จะเอาอย่างไรดีกับอมยิ้มนี่เลยได้แต่ยัดมันลงกระเป๋ากางเกงไปก่อน

" เฮ้ย ไอ้ม่าน มึงมาทำไรที่นี้เนี้ย "

เสียงเรียกบ่งบอกว่ารู้จักผมเอ่ยดังขึ้น นั่นเลยทำให้ผมหันไปตามเสียงอัตโนมัติ ต้นเสียงมาจากชายคนหนึ่งที่กำลังเดินตรงเข้ามาทางที่ผมยืนอยู่ ชายคนนั้นเดินมาพร้อมกับหญิงสาวในชุดนักศึกษา เมื่อผมลองมองดีๆแล้วจึงรู้ว่าเป็น อาร์ เพื่อนร่วมคณะเดียวกันกับผม

" หรือว่ามึงมาเดินตามหาซัน? ยังหาไม่เจออีกหรอว่ะ กูเห็นมึงหามาหลายวันแล้วนะ ตา..ยแล้.. โทษทีๆ กูติดเล่นมากไปหน่อย " 

แรงกระตุกชายเสื้อจากหญิงสาวข้างกายทำให้อาร์หยุดพูดทันที หน้าตาและรอยยิ้มที่ดูเป็นการหยอกล้อเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นสลดลงนิดหน่อย มุมปากก็ยกขึ้นเล็กน้อยเป็นรอยยิ้มแห้งๆ มือไม้ก็ยกขึ้นทำท่าพนมพร้อมกับเอ่ยขอโทษกับคำพูดของตัวเองเมื่อครู่

" เออ กูยังเดินตามหาซันอยู่ " ผมพูดเสียงเรียบ ถึงสีหน้าผมจะไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆออกไปแต่บรรยากาศรอบตัวผมคงน่าจะสื่อว่าผมไม่พอใจกับคำพูดที่มันพูดมาเมื่อกี้

" เอ่อ พี่ม่านคะ หนูขอโทษแทนพี่อาร์ด้วยนะคะ "

หญิงสาวผมยาวหุ่นเจ้าเนื้อที่ยืนอยู่ข้างๆเพื่อนผมพูดขึ้น พร้อมกับยกมือขึ้นพนมก่อนจะก้มศีรษะลงเล็กน้อยเป็นการขอโทษผมแทนคนข้างกาย ผมเดาว่าเธอน่าจะเป็นแฟนสาวของไอ้อาร์มัน จากที่เคยได้ยินมาว่ามันมีแฟนเป็นรุ่นน้องหุ่นนุ่มนิ่ม ถึงผมจะไม่เคยเห็นแฟนมันจริงๆสักครั้ง แต่ก็พอเดาได้ว่าน่าจะเป็นหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า

" ไม่เป็นไรครับ " ผมยังตอบเสียงเรียบเช่นเดิม

" เอ่อ พี่ม่านคะ อาจจะฟังดูแปลกๆนะคะ แต่ที่บ้านหนูเขามีความเชื่อว่าถ้ามีคนหายให้ลองบอก ญะ  ให้ช่วยตามหาค่ะ "  คำพูดของเธอเรียกความสนใจจากผมได้พอสมควร และดูเหมือนเธอก็รู้สึกได้ถึงความสนใจจากผมด้วย ถึงได้เริ่มพูดต่อ

" ถ้าจะอธิบายง่ายๆก็เหมือนการบอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทาง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ให้ช่วยเปิดทางและช่วยนำทางคนหายกลับมาค่ะ แถวบ้านหนูมีพวกป่าไผ่ ป่าอ้อยเยอะค่ะ เลยมีคนหายหรือพวกเด็กๆหายค่อนข้างบ่อย ซึ่งส่วนใหญ่คนแถวนั้นก็จะขอให้ ญะ ช่วยค่ะ "

" แต่ที่นี้ไม่ใช่แถวบ้านหนูนะคะตัวเล็ก คือพี่หมายถึงแถวนี้อาจจะไม่มี ญะ ที่ตัวเล็กพูดถึงค่ะ ความเชื่อที่หนูบอกมันจะใช้กับที่นี้ได้เหมือนกันหรอคะ "  ไอ้อาร์ถามแฟนมันด้วยสีหน้าสงสัย ซึ่งคำถามที่ไอ้อาร์ถามก็เป็นคำถามเดียวกันกับที่ผมกำลังสงสัย

" หนูก็ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ แต่คิดว่าทำได้นะคะ คุณยายหนูบอกว่า ญะ มีอยู่ทุกที่ ขอแค่เราเชื่อ ญะ ก็จะมาช่วยค่ะ " เจ้าหล่อนยังพูดตอบด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่มั่นใจ

" แล้ววิธีการขอให้ ญะ ช่วยนี่ต้องทำยังไงหรอคะตัวเล็ก "

ไอ้อาร์ยังคงถามแฟนมันอยู่ ซึ่งตอนนี้ผมเริ่มไม่แน่ใจว่ามันถามเพราะอยากรู้หรือถามเพราะหลงแฟนตัวเองกันแน่ เหตุเกิดจากท่าทางของมันตอนนี้คือใบหน้าที่ประดับด้วยรอยยิ้มกว้าง มือก็พรางยกขึ้นลูบผมแฟนตัวเองเป็นพักๆอย่างทะนุถนอม การกระทำของมันยิ่งทำให้ผมนึกถึงตอนที่อยู่กับซัน เมื่อก่อนตอนที่เราอยู่ด้วยกันผมก็ชอบมอง ชอบลูบหัว ชอบกอดซันอยู่บ่อยๆ จนคนรอบตัวเบะปากใส่อยู่บ่อยครั้ง ณ เวลานั้นผมไม่ได้รู้สึกรู้ส่าอะไรกับสิ่งที่เพื่อนๆ คนรอบตัวทำหรอกครับ แต่เวลานี้ดันมาเจอคนอื่นทำให้เห็นอยู่ตรงหน้ายิ่งเป็นสิ่งตอกย้ำว่าตอนนี้ผมทั้ง อิจฉา และ โหยหา สิ่งเหล่านี้มากเหลือเกิน

" คุณยายหนูเคยบอกว่า ให้จุดธูป 9 ดอก ปักบริเวณสุดท้ายที่เห็นคนที่หายไปค่ะ แต่ต้องปักตอนเที่ยงคืนเท่านั้นนะคะ ส่วนเหตุผลอันนี้หนูไม่รู้เหมือนกันค่ะ คุณยายไม่ได้บอกไว้ แล้วก็มีคาถาที่ต้องท่องด้วยนะคะ เดี๋ยวหนูขอหาก่อนนะ เคยถ่ายรูปบทสวดที่คุณยายท่องไว้อยู่ค่ะ "

ตอนนี้หญิงสาวผู้เป็นเจ้าของรอยยิ้มหวานของเพื่อนผมกำลังเลื่อนหน้าจอโทรศัพท์ของตัวเองอย่างตั้งอกตั้งใจ โดยมีเพื่อนผมเป็นกำลังใจอยู่ข้างๆ และมีผมยืนมองทั้งสองคนอยู่ เอาตามความจริงผมก็ไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ณ ตอนนี้เท่าไหร่ด้วย ยิ่งความเชื่อที่บอกว่า ญะ จะช่วยพาคนที่หายไปกลับมาด้วย คือผมยอมรับนะครับว่าไม่ค่อยเชื่อเรื่องอะไรแนวนี้มากนัก แต่ผมก็ไม่เคยลบลู่ อีกอย่างตอนนี้ผมก็มืดแปดด้านในการตามหาซันด้วย อะไรที่มันพอจะช่วยหรือสร้างความหวังในการหาซันเจอผมก็พร้อมที่จะลองดูทุกทางเหมือนกัน

" เจอแล้วค่ะ เดี๋ยวหนูจดให้นะคะ " 

หญิงสาวเอ่ยขึ้น มือที่ล้วงเข้าไปในกระเป๋าผ้าใบสีเหลืองที่เพื่อนผมมันสะพายอยู่ ผมเดาว่าเธอน่าจะกำลังหากระดาษกับปากกาเพื่อมาจดบทสวดให้ผม ถึงผมจะไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงไม่ส่งรูปให้ผมโดยตรงเลยก็เถอะ และก็ดูเหมือนจะไม่ได้มีแค่ผมที่สงสัยอยู่คนเดียว

" ตัวเล็กส่งรูปมาให้พี่ก็ได้นะคะ เดี๋ยวพี่ส่งให้ไอ้ม่านเอง ตัวเล็กจะได้ไม่ต้องจดด้วย " 

" ไม่ได้ค่ะ มันเป็นคำภาษาเฉพาะ ส่งไปพี่ม่านก็อ่านไม่ได้อยู่ดี เดี๋ยวหนูเขียนเป็นภาษาไทยที่มันอ่านง่ายให้ดีกว่าค่ะ " 

เธอพูดขึ้นพร้อมกับลงมือเขียนอะไรสักอย่างลงบนกระดาษที่เธอหยิบออกมาได้จากกระเป๋า ซึ่งคำตอบของเธอก็ได้คลายข้อสงสัยของผมเมื่อครู่ลงทันทีเช่นกัน สรุปง่ายๆก็คือบทสวดที่เธอถ่ายมามันเป็นภาษาถิ่น เป็นคำที่อ่านได้เฉพาะกลุ่ม เฉพาะบุคคล คงจะให้อารมณ์คล้ายๆเราเห็นข้อความภาษาอื่นที่ไม่ใช่ภาษาไทย เราก็คงจะอ่านไม่ออกเหมือนกัน แต่ถ้าอยากอ่านได้มันก็ต้องมีคำอ่านออกเสียงภาษาไทยกำกับเอาไว้ด้วย

" เสร็จแล้วค่ะ นี่ค่ะพี่ม่าน อ่านได้ใช่ไหมคะ " เธอยื่นกระดาษมาให้ผมลองอ่านดูเพื่อความแน่ใจว่าผมสามารถอ่านในสิ่งที่เธอเขียนมาได้หรือเปล่า

" ครับ อ่านได้ครับ " 

" อ.อะ เออ ถ.ถ้าไม่มีไรแล้วพวกกูไปก่อนนะเว้ย มีธุระด่วนว่ะ ขอให้เจอซันไวๆนะมึง แล้วกูก็ขอโทษนะเว้ยที่พูดจาไม่ดีไปตอนแรก ถ้ามึงมีไรให้กูช่วยมึงบอกได้เลยนะ หรือถ้ากูเห็นใครที่คล้ายๆซันหรือได้ข่าวซัน กูจะติดต่อหามึงทันทีเลย "

อยู่ๆไอ้อาร์ก็พูดขึ้นพร้อมกับท่าทีที่ดูเหมือนจะเร่งรีบไปไหนสักอย่าง สงสัยมันจะมีธุระด่วนจริงๆอย่างที่มันบอก 

" เออ ขอบคุณมึงมาก "

หลังจากที่ไอ้อาร์และแฟนของมันเดินหายไปได้สักพัก ผมก็เดินวนไปวนมาอยู่แถวหอปิ่นอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจเดินกลับไปนั่งรอที่บริเวณหน้าหอพักของซันเหมือนเดิม มือก็หยิบกระดาษที่แฟนไอ้อาร์ให้มาเปิดอ่านดูอย่างละเอียดอีกที โดยในกระดาษมีบทสวดสั้นๆอยู่หนึ่งบท พร้อมกับเขียนรายละเอียดมาให้อ่านเล็กน้อย ในรายละเอียดที่เธอเขียนมาถ้าสรุปแล้วจากที่ผมอ่านก็คือ ให้ท่องบทสวดที่เขียนมาในกระดาษนี้โดยไม่ต้องท่องบทนะโม 3 จบก่อน เมื่อท่องเสร็จให้ปักธูป 9 ดอก ลงบนพื้นดินบริเวณพื้นที่โล่ง ห้ามปักใต้ต้นไม้หรือใต้อาคาร และให้ปักธูปในเวลาเที่ยงคืนพอดีเท่านั้น หลังปักธูปแล้วให้พูดชื่อ นามสกุลคนที่หายไปทั้งหมด 9 ครั้ง โดยที่มือทั้งสองข้างให้วางแนบไปกับผิวดินบริเวณข้างกับก้านธูปที่ปักลงไป จากนั้นให้พูดประโยคที่ว่า

...' มาเถิดมา กลับมาเถิด แม้นไร้กายา แลเป็นธุลี อย่าได้หลีกหนี ขอจงกลับมา '...

ผมอ่านจบแล้วก็ต้องชั่งใจอยู่พอสมควรเลย ด้วยความที่ไม่รู้ว่าไอ้บทสวดนี่มันสวดถึงอะไร ไหนจะประโยคสุดท้ายที่ดูไม่ค่อยมงคลเท่าไหร่อีก แถมยังจะต้องทำเวลากลางคืนอีก สำหรับผมมันดูแปลกไปเสียหน่อย อีกอย่างคือผมก็ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองหรือเปล่านะครับ ที่วันนี้ผมเจอแต่เรื่องแปลกๆ ไม่ว่าจะเป็นอยู่ๆก็มีข่าวลือว่าเจอซันอยู่แถวหอปิ่น ไหนจะเด็กผู้หญิงที่ให้อมยิ้มมาอีก นี่ยังได้บทสวดแปลกๆจากแฟนเพื่อนมาอีก ทำเอาผมไม่รู้ว่าจะเอายังไงเลยตอนนี้ แวบแรกในความคิดของผมคือกะว่าจะโทรไปถามไอ้อิฐดู แต่ผมว่ามันต้องบอกว่าผมบ้าแน่ๆ พร้อมกับด่าผมที่เชื่อข่าวลือที่ลุงรปภ.พูดแล้ววิ่งหน้าตั้งไปหอปิ่นแบบไม่สนใจอะไรด้วย เรื่องเด็กผู้หญิงที่ให้ลูกอมมันคงบอกว่าผมโดนเด็กแกล้ง ส่วนเรื่องบทสวดจากแฟนไอ้อาร์ ผมเดาว่ามันคงบอกว่าถ้าผมสบายใจก็ลองทำดู พอคิดว่ามันจะบ่นอะไรบ้างแล้วผมเลือกจะไม่โทรไปถามมันดีกว่า ก็อยากที่มันเคยบอกแหละครับว่าผมกับมันเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก แค่มองหน้าก็แถบจะรู้ทุกอย่างแล้ว ทำให้ตอนนี้ผมทำได้แค่มองกระดาษที่ได้มาจากแฟนเพื่อนสลับกับลูกอมเจ้าปัญหาที่ได้มาจากเด็กสาวที่ไหนก็ไม่รู้สลับกันไปสลับกันมา ให้หัวก็มีแต่ความคิดที่มันสับสนไปหมด ทั้งไม่เข้าใจ ทั้งสงสัย ทั้งอยากลอง

ตอนนี้เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ผมเองก็ไม่รู้ และผมก็ไม่รู้ด้วยเหมือนกันว่าตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่ถึงมายืนอยู่ในร้านสะดวกซื้อที่ใกล้ที่สุดจากหอพักของซัน อีกทั้งโซนที่อยู่ตรงหน้าก็ยังเป็นโซนที่ขายของจำพวกธูป เทียน สังฑทานชุดเล็กๆ อีกด้วย มือก็เอื้อมไปหยิบธูปซองเล็กๆซองหนึ่งขึ้นมา กะจากสัมผัสและสายตาแล้วดูจะมีมากกว่า 9 ดอก ยืนชั่งใจอยู่ครู่เดียวผมก็ตัดสินใจเดินไปที่ตำแหน่งเคาน์เตอร์เพื่อทำการชำระเงิน ถึงแม้จะมีความรู้สึกขัดแย้งและไม่แน่ใจอยู่ภายในหัวตลอด แต่ก็ต้องยอมรับแหละครับว่าผมมีความคิดที่จะลองทำตามที่แฟนเพื่อนบอกจริงๆ

เอาว่ะ ลองดู

...:...

...:...

...:...

...:...

...:...

...:...

...:...

...:...

...:...

...:...

...:...

...:...

...:...

...:...

" ตัวเล็กคะ พี่ถามอะไรหน่อยสิ "

" คะ? "

" ญะ ที่ตัวเล็กบอกไอ้ม่านไปนะ สามารถช่วยมันตามหาซันได้จริงๆหรอคะ "

" ไม่รู้เหมือนกันค่ะ แต่ตอนเด็กๆ เห็นคุณยายใช้ตามหาน้องชายหนูนะคะ ผ่านไปไม่นานก็เจอน้องหนูจริงๆค่ะ  "

" เอ๋ เจอจริงๆหรอคะ "

" ใช่ค่ะ แต่ว่าเจอแค่ร่างนะคะ วิญญาณไม่อยู่แล้ว "

...\~ คุณเทียนหยด \~...

...comment เป็นกำลังใจและติชมกันได้นะคะ ช่วยเป็นกำลังใจให้เราด้วยนะคะ...

...\~ to be continued \~...

แสนคุ้นเคย

...แสนคุ้นเคย...

...WARNING...

...มีคำบรรยายเกี่ยวกับ พิธีกรรมและความเชื่อ ตลอดจนบทสวดคาถาอาคม เป็นเรื่องสมมติทั้งสิ้น ผู้แต่งไม่มีเจตนาลบลู่ หรือบิดเบือนใดๆทั้งสิ้น ขอจงโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน...

ตอนนี้เป็นเวลาเกือบ 5 ทุ่ม ผมยังคงนั่งอยู่บริเวณม้าหินอ่อนหน้าหอพักของซันเช่นเดิม มีแวะเวียนเดินไปแถวหอปิ่นบ้างเป็นพักๆ และก็มีเดินสำรวจบริเวณรอบๆหอพักอยู่บ้างเพื่อหาตำแหน่งในการปักธูปที่ซื้อมา ถึงแม้ว่าในใจก็ยังมีความลังเลอยู่ตลอดว่าควรจะลองทำดีหรือไม่ควรทำดี ควรจะเก็บธูปที่ซื้อมาเอาไปไหว้พระขอพรแบบปกติดีกว่าหรือเปล่า หรือควรลองทำตามที่แฟนเพื่อนบอกมาเพื่อความสบายใจไปก่อนดี ว่าก็ว่าเถอะครับผมรู้สึกว่าตอนนี้ผมเหมือนคนป่วยเป็นโรคร้ายสักโรคหนึ่ง แล้วอยู่ๆก็มีคนมาบอกว่าให้ลองต้มใบมะละกอกินดูสิ พร้อมกับหาเหตุผลมาซัพพอร์ตให้มันดูมีน้ำหนักขึ้นอย่างการบอกว่ามันช่วยรักษาให้หายได้นะ ขนาดคนที่รู้จักเขาป่วยเป็นมะเร็งแต่พอกินใบมะระกอต้มแล้วอาการดีขึ้นอะไรทำนองนั้นเลย มันดูเป็นการสร้างความหวัง ดูมีหนทางการหายป่วยได้ ซึ่งพอผู้ป่วยได้ยินแบบนั้นส่วนใหญ่ก็มีความคิดที่จะลองทำตามที่ได้ยินมา แม้ว่าจะมีความชั่งใจอยู่บ้างว่าจะหายจริงหรือเปล่า แต่สุดท้ายก็จบด้วยประโยคที่ว่า ไม่ลองก็ไม่รู้ อยู่ดี ซึ่งตัวผมเองก็คงไม่ต่างกัน

" เอาวะ ลองดูมันคงไม่เสียหายอะไรหรอก "

ผมบอกตัวเองแบบนั้นก่อนที่จะตัดสินใจลุกขึ้นเดินไปบริเวณด้านหลังหอพักของซัน ซึ่งเป็นสถานที่ที่ผมเลือกเอาไว้ว่าจะทำการปักธูป ตอนแรกผมว่าจะหาที่ปักแถวด้านหน้าหอ แต่ก็กังวลว่ามันจะเด่นชัดเกินไปเสียหน่อย ดีไม่ดีอาจจะโดนคุณลุงรปภ.ว่าเอาเสียด้วย เลยเลือกเป็นด้านหลังหอแทน บริเวณด้านหลังที่ติดอยู่กับหอพักเป็นพื้นที่จอดรถสำหรับผู้มาเช่าอาศัยหอ ซึ่งผมเดาว่าน่าจะเป็นที่จอดรถเสริมจากลานจอดรถด้านหน้าหอ ด้วยความที่มีรถเพียงไม่กี่คันเท่านั้นที่จอดอยู่ บริเวณที่จอดจะมีหลังคาที่ต่อเติมออกมาจากตัวหอพักเล็กน้อยเผื่อบังแดดบังฝนให้กับเหล่ายานพาหนะ ถัดออกจากบริเวณที่จอดรถไปนิดหน่อยจะเป็นต้นไม้ที่พอเป็นร่มเงาอยู่สัก 4-5 ต้น ส่วนบริเวณตรงข้ามกับที่จอดรถจะมีพวกหญ้าขึ้นเล็กน้อยก่อนที่จะเป็นรั่วลวดหนามกั้นพื้นที่ก่อสร้าง ผมเดินวนไปวนมาอยู่สักพักหนึ่งก่อนจะหยุดอยู่บริเวณที่คิดว่าห่างจากต้นไม้และบริเวณรถจอดอยู่พอควร เรียกว่าค่อนข้างชิดไปทางพงหญ้ามากกว่าด้วยซ้ำ เลยต้องออกแรงถอนหญ้าบางต้นออกก่อนเพื่อให้บริเวณรอบข้างที่จะปักธูปมันโล่งที่สุดเท่าที่จะทำได้ อีกอย่างคือป้องกันการเกิดอุบัติเหตุอย่างการเกิดไฟไหม้ด้วย

' ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด '

เสียงเตือนพร้อมกับแรงสั่นเล็กๆจากอุปกรณ์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงของผมเป็นสัญญาณเตือนว่าตอนนี้เป็นเวลา 23:45 แล้ว ผมหยิบมันขึ้นมาดูอีกครั้งเพื่อความแน่ใจว่าตอนนี้เป็นเวลา 5 ทุ่ม 45 นาทีจริงหรือเปล่า เมื่อเห็นว่าเวลาที่ขึ้นอยู่ตรงกับเวลาที่ผมตั้งการแจ้งเตือนไว้แล้วก็เลื่อนนิ้วไปกดปุ่มเพื่อให้มันหยุดร้องและสั่นลงทันที เมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้าผมได้ทำการตั้งการแจ้งเตือนไว้กับโทรศัพท์ด้วยกันทั้งหมด 3 รอบ โดยรอบแรกผมให้มันแจ้งเตือนตอน 5 ทุ่ม 45 นาที เพื่อที่จะได้เตรียมตัว ทบทวนวิธีการที่เขียนอยู่ในกระดาษ แล้วก็อ่านบทสวดที่มีอยู่ให้ถูกต้องด้วย รวมถึงการเตรียมอุปกรณ์อย่างธูป 9 ดอกและไฟแช็คที่จะใช้จุดด้วย ส่วนการแจ้งเตือนรอบที่สอง ผมตั้งเอาไว้ตอน 5 ทุ่ม 57 นาที เพื่อเอาไว้เป็นเวลาเริ่มพิธีกรรม เริ่มจุดธุป เริ่มท่องบทสวดอะไรต่างๆ ส่วนครั้งสุดท้ายเป็นเวลาเที่ยงคืนพอดี เอาไว้เป็นสัญญาณว่าควรปักธูปลงดินเวลานี้ 

ผมหยิบกระดาษแผ่นเดิมขึ้นมาดูอีกครั้ง เพื่อเป็นการทบทวนถึงคาถาอะไรสักอย่างที่ต้องท่อง และสิ่งที่ต้องทำหลังจากการท่องบทสวดและปักธูปลงดินไปแล้ว แม้ว่าแสงสว่างที่มีในตอนนี้อาจจะไม่ได้มีมากเท่ากับตอนที่นั่งอยู่ตรงม้าหินอ่อน แต่ก็ยังพอมีแสงหม่นๆจากหลอดไฟบริเวณที่จอดรถส่องให้เห็นถึงข้อความในกระดาษอยู่บ้าง สายตาของผมยังคงจ้องข้อความที่อยู่ในกระดาษเพื่อจดจำรายละเอียดต่างๆให้ได้ครบถ้วนมากที่สุด ถึงแม้ว่าจะอ่านมันมาไม่รู้กี่รอบแล้วก็ตาม แต่ยังไงผมก็ยังอยากจำมันให้ได้แบบทุกบรรทัดอยู่ดี หลังจากที่อ่านซ้ำแล้วไม่รู้กี่รอบ พร้อมกับลองท่องบทสวดในใจดูด้วยว่าสามารถพูดมันได้คล่องมากน้อยแค่ไหน อีกทั้งผมก็ไม่ลืมที่เตรียมธูปทั้ง 9 ดอก พร้อมกับล้วงมือไปหยิบไฟแช็คในกระเป๋าเสื้อที่พกติดตัวตลอดออกมาเตรียมไว้  ผมไม่ได้สูบบุหรี่หรอกนะครับถึงแม้ว่าจะมีไฟแช็คติดตัวตลอดก็เถอะ ที่ผมพกเพราะเจ้าตัวแสบของผมชอบต่างหาก ถึงผมจะไม่รู้ที่มาว่าทำไมซันถึงชอบไฟแช็คก็ตาม ซันชอบไฟแช็คมากจนมีไม่รู้กี่สิบอันในห้อง ตอนแรกผมนึกว่าซันสูบบุหรี่เลยมีไฟแช็ค แต่พอถามออกไปเจ้าตัวแสบดันหัวเราะออกมาตัวโยก กว่าจะให้เหตุผลได้ก็เล่นพักหายใจหอบไปนานสองนานเลย ซันบอกผมว่าเขาไม่ได้สูบบุหรี่ ไม่ได้สะสมไฟแช็คด้วย แต่ที่เขาชอบคือเสียงเวลาจุดไฟแช็ค ผมก็ไม่รู้หรอกครับว่าไอ้เสียง แชด แชด เวลาจุดมันน่าชื่นชอบตรงไหน แต่ถ้าเจ้าตัวแสบชอบผมก็ไม่ได้รู้สึกขัดอะไรด้วย นั้นเลยเป็นจุดเริ่มต้นให้ผมพกไฟแช็คติดตัว นอกจากนี้ซันยังเคยบอกว่าเวลาได้ยินเสียงจุดไฟแช็คแล้วมันทำให้เขารู้สึกดีใจด้วย ถึงผมจะไม่เข้าใจก็เถอะว่าดีใจเรื่องอะไร

' ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ติ๊.. '

เสียงเตือนพร้อมกับแรงสั่นเล็กๆดังขึ้นอีกครั้ง เป็นสัญญาณว่าเวลาตอนนี้คือ 23:57 แล้ว ผมเลื่อนมือไปกดหยุดการเตือนลงทันที ก่อนจะเปลี่ยนมือไปหยิบธูปทั้ง 9 ดอกที่เตรียมไว้พร้อมกับไฟแช็คขึ้นมาจุด บรรยากาศรอบตัวต่างพากันเงียบเสียงไป ผมไม่รู้ว่าเพราะมันเป็นเวลาที่ดึกมากแล้วหรือว่าผมไม่สนใจสิ่งรอบข้างกันแน่เลยทำให้ผมรู้สึกว่าบรรยากาศมันค่อนข้างเงียบสงัด 

' แชด แชด '

เปลวไฟถูกจุดขึ้นพร้อมกับปลายธูปบางดอกที่เริ่มมีประกายสีแดงเล็กๆ ไม่นานนักธูปทั้ง 9 ดอกก็มีเริ่มปลายสีแดงสดประดับ เป็นสัญญาณแห่งการเริ่มพิธีกรรม แม้ว่าในใจจะกังวลและยังมีความไม่แน่ใจอยู่บ้าง แต่สุดท้ายแล้วก็จบด้วยประโยคเดิมๆคือ

ถ้าเขาไม่ลองทำดู แล้วเขาจะรู้ได้อย่างไรว่ามันจะได้ผลหรือไม่ได้ผล  

ผมจัดแจงเปลี่ยนท่านั่งจากตอนแรกที่นั่งชัดเข่า ก้นจ้ำเบ้าเพราะเหนื่อยจากการก้มๆเงยๆตอนถอนหญ้าเป็นท่าคุกเข่าปลายเท้าตั้ง ตัวตรง ทิ้งน้ำหนักนั่งลงบนส้นเท้าในมือทั้งสองข้างยกขึ้นพนมประกบคู่โดยมีธูปทั้ง 9 ดอกอยู่ระหว่างมือ ก่อนจะเปล่งเสียงกล่าวคาถาที่อยู่ในกระดาษ อย่างชัดเจนที่ละคำที่ละคำ

..." โอมัน ญะ ปัญละ หะวะ สัจมัย ระ นันหะ มะลา ...

...สิหัญ ปะ นะ อัตตะ ญัญสะ วะ รามะ สะ อัฐติ "...

' ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด '

เพียงไม่กี่วินาทีหลังจากเอ่ยคำสุดท้ายของคาถาเสร็จ เสียงร้องตื่นจากโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง เป็นการบอกว่าได้เวลาที่เขาจะต้องปักธูป

' ฉึบ '

ณ ตอนนี้ผมไม่อาจละมือจากที่ทำอยู่ได้ ทำให้ยังมีเสียงเตือนจากโทรศัพท์ดังอยู่เป็นระลอก ถึงแม้จะมีเสียงรบกวนจากอุปกรณ์ที่อยู่ในกระเป๋า หรือจะเป็นควันของธูปที่ตอนนี้เริ่มมีปริมาณที่มากขึ้น ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคสำหรับผมเท่าไหร่นัก ผมออกแรงกดเพียงเล็กน้อยทำให้ก้านธูปทะลุผ่านผิวดินและถูกปักลงอย่างง่ายดาย เมื่อเห็นว่าธูปทั้ง 9 ดอกตั้งตรงและมั่นคงเรียบร้อยแล้ว มือสองข้างของผมก็ขยับเลื่อนออกไปเล็กน้อยก่อนจะวางแนบลงกับผิวดินบริเวณข้างๆ กับก้านธูปที่ปักเมื่อครู่ ผมหรี่ตาลงเล็กน้อยเพื่อหวังหลบเลี่ยงควันธูปที่กำลังลอยฟุ้งกระจายอยู่ในตอนนี้ ก่อนที่ปากจะขยับเอ่ยสิ่งที่ต้องพูดถัดไปเพื่อให้พิธีกรรมทั้งหมดเสร็จสิ้น

..." อัษฎางค์ ชีวภิวัฒน์...

...อัษฎางค์ ชีวภิวัฒน์ ...

...อัษฎางค์ ชีวภิวัฒน์ ...

...อัษฎางค์ ชีวภิวัฒน์ ...

...อัษฎางค์ ชีวภิวัฒน์...

...อัษฎางค์ ชีวภิวัฒน์...

...อัษฎางค์ ชีวภิวัฒน์...

...อัษฎางค์ ชีวภิวัฒน์...

...อัษฎางค์ ชีวภิวัฒน์ "...

..." มาเถิดมา กลับมาเถิด แม้นไร้กายา แลเป็นธุลี อย่าได้หลีกหนี ขอจงกลับมา "...

เมื่อสิ้นสุดคำสุดท้ายที่ต้องพูด ผมค่อยๆเลื่อนมือออกห่างจากธูปที่ปักอยู่เล็กน้อยก่อนที่จะยันตัวเองลุกขึ้นยืนมือก็ล้วงไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อกดหยุดเสียงการแจ้งเตือนที่ดังมาตลอดตั้งแต่เริ่มปักธูป ทำให้บรรยากาศตอนนี้เงียบสงัด ไร้เสียงใดๆเช่นเดิม

ใช่ครับ

ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แสงไฟสีหม่นจากบริเวณที่จอดรถยังคงส่องแสงมาเช่นเดิม ไม่ได้มีการกระพริบ หรือดับลงแบบในหนังสยองขวัญใดๆ ทุกอย่างไม่ได้ต่างไปจากก่อนผมทำพิธีเลยสักนิด ผมมองซ้ายมองขวาเพื่อสังเกตรอบข้างว่ามีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมหรือไม่ แต่เมื่อตรวจดูแล้วก็พบว่าทุกอย่างยังคงปกติเหมือนเดิม ไม่มีอะไรที่ต่างไปสักนิด เมื่อเห็นแบบนั้นผมเลยก้มลงมองธูปที่ตัวเองปักอีกครั้ง ในใจยังคงนึกถึงใบหน้าของคนรักที่หายไป พร้อมกับคาดหวังว่าให้สิ่งที่ตัวเองทำลงไปนั้นจะได้ผลสักนิด

ผมมองธูปที่กำลังไหม้อย่างช้าๆอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจหันหลังเพื่อจะเดินกลับไปยังม้าหินอ่อนด้านหน้า ขาสองข้างก้าวเดินออกไปอย่างไม่เร่งรีบ ทุกครั้งที่ก้าวเดินจะมีเพียงเสียงฝีเท้าของตัวเองเท่านั้น ทุกอย่างเงียบสงัด ไร้เสียงใดๆทั้งสิ้น ผมเดินกลับมาจนเห็นบริเวณป้อมรปภ. ที่ตอนนี้มีเพียงแสงไฟเปิดอยู่แต่กลับไม่เห็นคนเฝ้า ผมไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไรที่ไม่เห็นลุงรปภ.ในเวลานี้ เพราะบางทีแกก็แอบหลับตอนดึกๆแบบนี้อยู่บ่อยครั้ง เลยไม่ได้เป็นที่น่าสงสัยอะไรสำหรับผมนัก ผมยังคงเดินมุ่งตรงไปยังบริเวณเดิมที่เคยนั่ง

' กึก '

ขาทั้งสองข้างที่กำลังก้าวเดินหยุดชะงักลง พร้อมกับสายตาที่หยุดมองไปยังบริเวณม้านั่งประจำของตน ภาพที่เขาเห็นคือบุคคลคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่บริเวณม้าหินอ่อนที่ตนเองเคยนั่งประจำ แม้ความสว่างของหลอดไฟจะไม่ได้ส่องมาถึงบริเวณที่นั่งมากนัก แต่มันเพียงพอที่จะเห็นว่าคนที่นั่งอยู่มีหน้าตาเช่นใด และแน่นอนว่าสำหรับตัวเขาแล้วแล้วมันก็มากพอที่จะรู้ว่าคนคนนั้นเป็นใคร 

คนที่ผมตามหามาตลอดหลายวัน

คนที่ผมคิดถึงและโหยหา

คนที่ทำให้ผมยอมทำพิธีกรรมแปลกๆเพื่อให้ได้พบกับเขา

คนที่ผมคุ้นเคยมากที่สุด

" ซัน "

...\~ คุณเทียนหยด \~...

...กดหัวใจ หรือ comment ให้กำลังใจและติชมกันได้นะคะ จะได้มีแรงเขียนตอนต่อไปค่าาาา...

...\~ to be continued \~...

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!