NovelToon NovelToon

พลิกชะตาวิวาห์สวง

บทนำ

โบราณกล่าวไว้ว่า " หากมีความพยายาม ไม่ว่าจะทำอาชีพอะไรก็ย่อมประสบความสำเร็จได้ "

หากเป็นเมื่อก่อน อาจเป็นเพียงคำพูดเตือนใจเท่านั้น เเต่บัดนี้ทุกคนต่างรู้ดีว่า ประโยคนี้เป็นความจริง

มีคำเล่าลือเกี่ยวกับ " หอจอหงวน " มาตั้งเเต่ราชวงศ์ก่อน กล่าวกันว่านักบวชผู้สูงส่งกลุ่มหนึ่ง เป็นผู้ก่อตั้งขึ้น พวกเขามีความรู้ ความสามารถทั้งด้านดาราศาสตร์ , ภูมิศาสตร์ , เกษตรกรรม , เเละ คหกรรม ซึ่งสามารถกล่าวได้ว่า พวกเขาเชี่ยวชาญในทุกศาสตร์

มีคนกล่าวไว้ว่าบุคคลเหล่านี้ก็เเค่พวกชอบคุยโวโอ้อวด เเต่กลับมีคนจำนวนมากรู้ว่าการที่บุคคลเหล่านี้กล้าที่จะขนานนามตนเองว่าเป็นอันดับ 1 ในอาชีพของตนนั้นไม่ใช่คำพูดลอยๆ

จากการที่มีคนท้าทายและมีคำเล่าลือออกมามากมาย ชื่อเสียงของ " หอจอหงวน " จึงยิ่งโด่งดังมากขึ้นจนกระทั่งวันหนึ่ง หอเจ้าหงวน ได้ทำป้ายทองคำขึ้นและนำไปแขวนไว้ที่กำแพงวัง บนป้ายท้องคำมีรายชื่อจองหงวนที่ทุกคนต่างรู้จักดีและยังไม่เป็นที่รู้จัก

แต่เกือบ 10 ปีมานี้ใต้ทองคำของหอจอหงวนแทบจะไม่เคยเปลี่ยนข้อมูลใหม่เลยจนกระทั่งวันหนึ่งดวงอาทิตย์ขึ้นโผล่พ้นขอบฟ้า ขณะที่ลูกจ้างคนหนึ่งของร้านค้าแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้กำแพงวังที่สุดกำลังอ้าปากหาว พลางเปิดประตูร้านเขามองไปยังป้ายทองคำของหอจอหงวนด้วยความเคยชินท่านใดนั้นเขาก็เบิกตามอง

" หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า ... วันนี้ทำไม่มี 9 เเล้วล่ะ " ลูกจ้างคนนี้รู้ดีว่าป้ายของหัวจอหงวนนี้ไม่ใช่ใครจะมาเขียนเติมมั่วๆได้ คนที่มาเขียนก่อกวนแบบนี้เมื่อครั้งก่อนวันต่อมาถูกจับถอดเสื้อผ้าและแขวนตากลมไว้ที่กำแพงโน่น!

" เถ้าเเก่ เถ้าเเก่ เกิดเรื่องใหญ่เเล้วขอรับ ... "

การเพิ่มป้ายชื่อทองคำของหอจอหงวนอีกครั้งเป็นเรื่องใหญ่เพียงใด แค่ไม่ถึงชั่วยามข่าวนี้ก็แพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวง ผู้คนทั่วทุกสารทิศต่างจากสืบให้รู้แน่ชัดว่าชื่อใหม่บนป้ายนั่นเป็นใครมาจากไหนกันแน่

แต่ หอจอหงวน มีชื่อเสียงในเรื่องความลึกลับ เว้นเสียแต่บรรดาจอหงวนเหล่านี้จะยอมปรากฏตัวออกมาเองมิเช่นนั้นจะหาตัวพบได้อย่างไร

ไม่ขอพูดถึงความอยากรู้อยากเห็นแล้วกันคาดเดาของคนทั่วไป แต่การกลับมาอยู่ในความสนใจของคนทั่วไปอีกครั้งหลังจากเงียบหายไปเป็นเวลากว่า 10 ปี ของหอจอหงวนได้กลายเป็นหัวข้อสนทนาที่ทุกคนพูดถึงยังไม่หยุดหย่อน

ตอนที่ 1

วันที่ 7 เดือน 5 เป็นวันมงคลที่เหมาะกับการจัดงานมงคลสมรส หากเดินอยู่ตามท้องถนนในเมืองหลวง จะได้ยินเสียงปี่เสียงกลองดังมาจากทั่วทุกสารทิศ ตามมาด้วยเสียงประทับราวกับว่าทั้งเมืองเต็มไปด้วยบรรยากาศของการเฉลิมฉลอง

แต่ทว่าที่นี่ไม่รู้สึกถึงบรรยากาศเฉลิมฉลองนั้น กลับมีความตึงเครียดราวกับกำลังจะชักดาบเข้าหํ้าหั่นกัน

หญิงสาวคนหนึ่ง ใช้ผ้าผืนบางปิดบังใบหน้าครึ่งหนึ่ง ยืนอยู่หน้าห้องเล็กๆที่มีธรณีประตูกั้นกลาง ภายในห้องมีสาวน้อยคนหนึ่งยืนอยู่ ดูแล้วอายุไม่น่าจะเกิน 14 หรือ 15 ปี กำลังจ้องมองนางอย่างระมัดระวัง

ม่อเซียงเหล่ยไม่ได้ใส่ใจกับ ท่าทางระมัดระวังตัวที่เเสดงออกอย่าเห็นได้ชัดของสาวน้อยเท่าไหร่นัก เพียงปรายตามองนาง พร้อมพูดว่า " หยุนเอ๋อร์ ข้ามีเรื่องอยากจะคุยกับพี่ฝาน "

จั่วซูหยุนเชิดหน้าเล็กน้อย สายตาแสดงความดูแคลน " มาหาพี่ข้าทำไมตอนนี้พี่ข้าเป็นถึง ทั่นฮัวหลาง แล้ว ไม่ใช่นังแมว นังหมาก็จะมาขอพบได้ "

การที่จั่วซูหยุนใช้ชื่อ นังเเมว นังหมา มาเปรียบเปรยตัวนาง ถึงแม้ในใจของ ม่อเซียงเหล่ย ฉันไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดอะไร แต่ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเบาๆ

หลายปีมานี้นางคอยช่วยเหลือหาเสื้อผ้าอาหารให้กับพี่น้องคู่นี้ไม่ได้ขาด แต่กลับไม่รับคำสี่คำนี้เป็นสิ่งตอบแทน เมื่อลองคิดดู... รู้สึกไม่คุ้มค่าสักนิด แต่ถึงแม้จะรู้สึกไม่พอใจก็ยังคงต้องพูดธุระให้เสร็จสิ้น อย่างน้อยคำมั่นสัญญาที่เคยให้ไว้ มันต้องดูให้ได้ว่าจะเป็นไปตามที่เคยตกลงกันไว้หรือไม่

" ถ้ามาหาพี่ฝานก็ต้องมีธุระสิ " ม่อเซียงเหล่ย ยังมีสีหน้าเรียบเฉย เพราะว่าดูเหมือนสีหน้าที่เรียบเฉยของนางจะยั่วจั่วซูหยินให้โกรธยิ่งกว่าเดิม นางสบถ ออกมาว่า " ข้ารู้ว่าเจ้าอยากจะพูดอะไร ถ้าคุณอยากให้พี่ของข้ายอมทิ้งอนาคตที่สดใสและการแต่งงาน เพื่อเห็นแก่เงินทองเล็กน้อยที่เจ้าเคยให้พวกเราในระยะไม่กี่ปีมานี้ แล้วมาแต่งงานกับสาวแก่อย่างเจ้า !! "

" ความคิดอ่านของเจ้าข้าล้มมานานแล้ว ข้าขอเตือนเจ้าไว้ก่อนนะ ตรงที่เจ้าตามแม่ข้ากลับมาแม่ค้าไม่เพียงให้เจ้ากินใช้ แต่ยังให้เจ้าได้ยืนยันฝีมือถึงแม้หลายปีมานี้เจ้าจะเคยช่วยเหลือพวกเราก็จริงแต่ก็ถือเป็นการตอบแทนบุญคุณที่แม่ข้าเคยมีต่อเจ้าเท่านั้น เจ้าอย่าคิดว่าตัวเองมีบุญคุณแล้ว จะมาเรียกร้องให้ข้ากับท่านพี่ทำตามใจเจ้าได้ "

จั่วซูหยุนคิดว่าตัวเองพูดได้อย่างเด็ดเดี่ยว เเละ องอาจผ่าเผย ใบหน้าบึ้งตึง พยายามเเสดงสีหน้าเรียบดฉยเหมือนม่อเซียงเหล่ย ด้วยค่ะรู้ไหมว่านางเลียนแบบได้เพียงสีหน้าทว่ากับเลียนแบบอารมณ์ไม่ได้ สีหน้าที่แสดงออกมาจึงตรงกันข้าม ดูแล้วกลับหน้าขัน

ไม่ได้ยินคำว่าทำตามใจเจ้าจากปากของจั่วซูหยุน ม่อเซียงเหล่ยก็รู้สึกขบขัน เพราะคนที่พูดประโยคนี้ได้น่าจะเป็นนางถึงจะถูก จั่วซูหยุนนั้นเอาความมั่นใจมาจากไหนถึงพูดประโยคนี้ออกมาได้อย่างเต็มปากเต็มคำ ครั้นม่อเซียงเหล่ย เหม่อลอยไปครู่หนึ่ง จั่วซูหยุน กลับคิดว่าคำพูดของตนเองทำให้หนาวว่ะหวั่นจึงรู้สึกภูมิใจในตัวเองขึ้นมา

ม่อเซียงเหล่ย ยืนอยู่หน้าประตู เริ่มรู้สึกว่ามีสายตาของเพื่อนบ้านจับจ้อง บางคนก็สงสาร บางคนก็ยิ้มเยาะ ทำให้รู้สึกอึดอัด หน้าขยับตัวเพิ่มพรางสายตาจำนวนมากที่สอดส่งมา จากนั้นก็มองเห็นชายเสื้อในห้องผ่านตาไปอย่างรวดเร็วจึงอดยิ้มไม่ได้

ที่แท้ไม่ใช่พี่ฝากไม่อยู่เพียงแต่ตัวจะต้องเผชิญหน้ากับนาง ดังนั้นจึงให้สาวน้อยมาสกัดไว้ที่ประตู หลายปีมานี้คิดว่าเขาร่ำเรียนมามาก น่าจะมีความเปลี่ยนแปลงบ้างคิดไม่ถึงเลยว่า...ยังคงเป็นผู้ชายที่ขาดที่พบเจอปัญหาก็คอยตลกอยู่ข้างหลังผู้หญิงเช่นเดิม

ตอนแรกนายังคิดว่าการที่ จั่วซูหยุน มายืนขวางหน้าประตูไว้มันเป็นความคิดของตัวเอง แต่เมื่อถึงตอนนี้นางคิดว่าน่าจะเป็นเพราะผู้ชายที่ควรจะออกมาพูดกับนางให้รู้เรื่องเป็นผู้บงการ เป็นการยืมปากสาวน้อยให้พูดในสิ่งที่ตัวเขาเองไม่กล้าพูด

ตอนที่ 2

ม่อเซียงเหล่ย นางเป็นช่างปักเสื้อแต่ละเดือนหาเงินมาด้วยความยากลำบากเพื่อส่งเสียให้เขาเรียนหนังสือ แล้วยังต้องเลี้ยงดูจั่วซูหยุนจนเติบใหญ่ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเมื่อเขาได้ดิบได้ดี นางยังไม่ทันได้เอ่ยถึงเรื่องการหมั้นหมายที่ทั้งสองคนเคยสัญญากันไว้ด้วยซ้ำ กลับได้ยินคำว่า ' จะไม่มีวันทำตามใจเจ้า ่ เสียก่อน

หลายปีมานี้...นางช่างไร้เดียงสาซะจริง! นางคิดว่าเมื่อตนเองได้ปฏิบัติตามคำสั่งเสียของอาจารย์แล้ว คนที่เคยให้คำมั่นสัญญาต่อหน้าอาจารย์ก็จะปฏิบัติคำมั่นสัญญาด้วยความซื่อสัตย์เช่นเดียวกัน

แต่ช่างเถอะ ! ในเมื่อเขาดูแคลนนาง หลายปีมานี้..ก็คิดเสียว่าเป็นการตอบแทนบุญคุณอาจารย์ก็แล้วกัน ! เพียงเท่าเดิมที่น่าคิดจะมอบของขวัญชิ้นใหญ่ชิ้นสุดท้ายให้พวกเขา 2 พี่น้อง ก็คงไม่จำเป็นต้องให้แล้ว

เมื่อคิดได้และได้เห็นธาตุแท้ของอีกฝ่ายแล้ว ม่อเซียงเหล่ย ก็ไม่อยากพูดถึงเรื่องการหมั้นหมายอีก นางเป็นคนทำใจได้และไม่ใช่คนที่จะยอมกระโดดลงไปในขุมนรกด้วยตัวเอง " เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ช่างเถอะ แต่การถอนหมั้นนั้นไม่ใช่แค่พูดจากันก็จะสิ้นสุด หยกรูปนกยวนยางคู่ที่อาจารย์ให้พวกเราแลกกันครึ่ง คืนให้ข้าถึงจะถูกไม่เช่นนั้นหากข้านำหนังสือตกลงมั่นหมายออกมาให้ทุกคนดู คำพูดเพียงไม่กี่ประโยคของเจ้าเพียงคนเดียวคงแก้ตัวไม่ได้แน่ " นางหยิบกระดาษที่เริ่มเหลืองออกมาจากอกเสื้อพร้อมพูดเสียงเรียบ

สิ่งอื่นนางไม่เอาก็ได้เงินทอง ที่ประเคนให้พวกเขามาหลายปีนี้ก็คิดเสียว่าเลี้ยงสุนัขก็แล้วกัน เเต่หยกรูปนกยวนยางคู่นั้นจะต้องเอาคืนมาให้ได้ เมื่อจั่วซูหยุนเห็นหนังสือตกลงหมั้นหมายในมือของ ม่อเซียงเหล่ย ก็โกรธแค้นจนอยาก จะจุดไฟเผากระดาษไปนั้นให้มอดไหม้!

หยกรูปนกยูงยางคู่นั้นนางหมายตาไว้นานแล้ว กล่าวได้ว่าของที่มีค่าที่สุดของครอบครัวสกุลจั่วก็คือหยกรูปโยนยางคู่ 2 ชิ้นนี้นางวางแผนไว้นานแล้ว ว่าหลังจากไล่สาวแก่ไม่มียางอายคนนี้ออกไปแล้วก็จะขอหยกรูปนกยวนยางคู่ จากพี่ชายถึงไม่ได้ใช้เองแต่เอาไว้วันหน้าหาตัวเองแต่งงานจะได้ใช้มันเป็นสินส่วนตัวก็ดูสมเกียรติดี

เเต่คิดไม่ถึงว่า ม่อเซียงเหล่ย จะกล้าขู่นาง! เมื่อคิดเช่นนี้ ชั่วขณะหนึ่ง จั่วซูหยุนรู้สึกว่าความคิดที่ตัวเองจะไม่คืนของให้อีกฝ่ายนั้นมีเหตุผลมากกว่า กำลังจะเอ่ยปากให้นางคือหนังสือตกลงมั่นหมายแต่โดยดี ส่วนของนั้นอย่าหวังว่าจะได้คืน ม่อเซียงเหล่ยกลับดูเหมือนรู้ว่านางอยากจะพูดว่าอะไรจึงสกัดความคิดฟุ้งซ่านของนางก่อน " ยื่นหมู ยื่นแมว หากคิดจะแย่งชิงข้าจะส่งหนังสือตกลงหมั้นหมายไปที่ศาลให้ใต้เท้าเป็นผู้ตัดสิน เพียงแต่เมื่อถึงตอนนั้นไม่รู้ว่าจะเป็นอุปสรรค ในการแต่งงานใหม่ของท่านพี่เจ้าหรือไม่ " น้ำเสียงของนางราบเรียบอ่อนโยน แต่พูดได้หนักแน่นทรงพลัง ทำให้จั่วซูหยุนไม่มีโอกาสที่จะโต้แย้งแม้แต่น้อย

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!