NovelToon NovelToon

Honkai Impact 3rd แด่เธอผู้ถูก(แสงสว่าง)กลืนกิน

ฉันแพ้แล้ว

ณ ตรอกซอยแห่งหนึง

ได้มีเด็กสาวผู้หนึ่งนั่งพิงกำแพงเหมือนคนไม่มีแรง ร่างกายของเด็กสาวเต็มไปด้วยบาดแผลและรอยฟกช้ำที่เหมือนดั่งถูกทำร้ายและทุบตีมา ตัวของเธอนั้นนั้นมีชื่อว่า เคียน่า

 

เคียน่าเธอเป็นเด็กสาวคนนึงที่รักในความยุติธรรมและมีความฝันว่าอยากจะทำให้โลกไปนี้เต็มไปด้วยความยุติธรรม มันเป็นความฝันของเธอตั้งแต่เด็กแล้ว แม้ว่าจะเจออุปสรรคหรือคำพูดจากผู้คนที่ต่อว่าคิดว่าเธอเป็นตัวปัญหาบอกให้เธอยอมแพ้หรือคนแบบเธอไม่มีทางทำได้หรอก

แต่เธอไม่ยอมแพ้เพราะเรื่องแค่นี้หรอกนะ เธอจะสู้ สู้ต่อไป สักวันพระเจ้าจะตอบแทนเธอแน่นอน

"เหนื่อยจังนะ" เด็กสาวผมสีเงินร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลกล่าวออกมาด้วยไปหน้าและน้ำเสียงที่อ่อนล้าเต็มทีดวงตาของเด็กสาวนั้นไร้ประกายหากผู้คนมองลงไปก็จะเห็นเพียงความมืดมิดไม่มีประกายแสงใดๆ

หัวใจของเด็กสาวอ่อนล้าเต็มที

'ฉันทำมาทั้งหมดเพื่ออะไรนะ ทำไมฉันถึงพยายามเพื่อมันขนาดนี้กัน'

เด็กสาวเกิดข้อสงสัยต่อเป้าหมายของตน เธอทำทุกอย่างมาเพื่ออะไรกัน ทำไมเธอถึงพยายามเพื่อมันขนาดนี้ เธอไม่สนว่าผู้คนจะทำร้ายหรือต่อว่าเธอมากแค่ไหน เธอไม่สนใจเธอไม่ตอบโต้ด้วยซ้ำ เธอคิดว่าคนที่แข็งแกร่งไม่ควรทำร้ายผู้ที่อ่อนแอ เธอพยายามปกป้องทุกคน แต่สิ่งที่เธอได้รับกับเป็นสายตาที่เย็นชา มองว่าเธอเป็นเพียงปีศาจเป็นคนเลวสมควรที่จะตายไปจากโลกนี้ เธอเดินไปที่ไหนก็เจอแต่ผู้คนที่ด่าและสาปแช่งเธอ ปาข้าวของปาก้อนหินใส่เธอ เธอช่วยเด็กจากการถูกรถชนก็ถูกมองว่าเธอลักพาตัว

ต่อให้เธอพยายามแก้ตัวหรืออธิบายมากแค่ไหน ทุกคนก็ไม่เคยเชื่อเธอเลย ไม่เคยเลย ไม่เคยเลยที่จะมีใครเชื่อเธอ เพียงเพราะข่าวลือที่ไม่มีหลักฐาน ขอให้พยายามแก้ต่างเท่าไหร่ก็ไม่มีใครเชื่อ แม้แต่คนในครอบครัวของเธอก็ไม่เชื่อเธอเลย

"55555" เคียน่าหัวเราะออกมาด้วยน้ำเสียงที่เฉยชาในน้ำเสียงที่เฉยชานั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกสมเพชตัวเอง เธอเสยผมที่ปิดบังใบหน้าของตนเองขึ้นด้วยมือขวา มองไปบนท้องฟ้าที่มืด ไม่มีดวงดาวให้เห็นสักดวงมีเพียงแสงของดวงจันทร์ที่สาดส่องลงมาเพื่อไม่ให้โลกใบนี้มืดมิด

ตอนนี้คนอื่นๆหรือแม้แต่ครอบครัวของเธอเองก็คงนั่งทานข้าวพูดคุยเรื่องราวต่างๆและได้ยิ้มออกมาด้วยความสุขอยู่สินะ 

'ความยุติธรรมคืออะไรกันนะ มันมีสิ่งนั้นบนโลกนี้จริงๆหรอ ฉันควรทำยังไงต่อไปดี' เด็กสาวเกิดคำถามในใจ แรกเริ่มเดิมทีเธอก็เป็นเพียงเด็กสาวผู้หนึ่งที่ได้อ่านและหลงใหลในความยุติธรรม ที่พวกฮีโร่ในหนังหรือทีวีชอบพูดกันพวกเขาพยายามปกป้องทุกคนและรอยยิ้มของผู้คนด้วยชีวิตของพวกเขา เธอหลงใหลสิ่งที่เรียกว่าความยุติธรรมตั้งแต่8 ขวบ เธอชอบมัน เธออยากจะทำให้ทุกคนมีความสุข 

เคียน่าเลยพยายามฝึกทุกอย่าง ทั้งศิลปะการต่อสู้ หาความรู้ การทำอาหาร แม้ตอนเธอป่วยเธอก็ไม่หยุดที่จะฝึก เธอไม่เคยท้อเลยแม้ผู้คนจะมองมาที่เธอเหมือนกับคนโง่ จะฝึกไปทำไม ฝึกไปก็ไม่ได้อะไร เธอมันก็แค่คนไร้ค่า ทำอะไรไม่ได้หรอก ต่อให้จะพยายามเท่าไหร่ก็เปล่าประโยชน์ ยัยขยะ เป็นได้แค่เศษสวะ ตายๆไปยังดีซะกว่า ไม่มีใครต้องการเธอหรอก คำพูดดูถูกเหยียดหยามต่างๆนานาจากผู้คนมากมายที่มองมาที่ตัวเธอดั่งขยะไร้ค่า แต่เธอก็ไม่ได้ใส่ใจ แม้จะเหนื่อยกายและใจมากแค่ไหนเธอก็ต้องสู้ต่อเพื่อความฝันของเธอ เพื่อที่จะปกป้องผู้คนและรอยยิ้มของทุกคนเธอจะยอมแพ้ไม่ได้

แต่ยิ่งเธอพยายามเท่าไหร่ สิ่งที่เธอได้ตอบแทนกลับมา กลับเป็นการทุบตีใส่ร้ายทำกับเธอมันสิ่งไร้ค่าเป็นขยะข้างทาง ไม่สิขยะข้างทางคงดีกว่าเธอชะอีกมั้งขอขยะข้างทางยังมีคนเก็บไปทิ้งแต่เธอไม่แม้แต่จะมีคนเหลียวแล ไม่มีเลยสักคนแม้แต่ครอบครัวของเธอเองก็ไม่ต่างกันกับคนพวกมันเลย เธอคาดหวังมากไปหรือเปล่านะ เธอโดนทำร้ายโดนขับไล่ไสส่ง ทำเหมือนกับเธอไม่ใช่คน เพียงเพราะเธอไม่มีพลังอะไรเลย เธอสู้มาตลอด 10 ปีเธอทำเพื่อทุกคนพยายามสู้เพื่อพวกเขาเพื่อหวังว่าสักวันพวกเขาจะปฏิบัติกับเธอเหมือนเธอเป็นมนุษย์และมองเธอด้วยสายตาที่อ่อนโยนบ้าง อยากได้รับคำขอบคุณที่จริงใจ และสิ่งที่เธออยากได้รับมากที่สุดคือความอบอุ่นจากครอบครัวแม้สักครั้งก็ยังดี

แต่มันก็คงเป็นเพียงความหวังลมๆแล้งๆ ที่ทำได้แค่ฝันมันไม่มีทางเป็นจริง เธอเหนื่อยเหลือเกิน

เคียน่าสู้ต่อไปไม่ไหวแล้ว เธอแพ้แล้วล่ะเธอไม่อยากคาดหวังอะไรอีกแล้ว มันเจ็บ มันเจ็บที่ต้องผิดหวังซ้ำๆซากๆ มันเจ็บปวดเหลือเกิน ทุกครั้งที่ได้รับการปฏิบัติไม่ดีจากผู้คนบนโลกเธอไม่ได้เสียใจเท่าครอบครัวของเธอที่ปฏิบัติกับเธอไม่ต่างจากคนพวกนั้น เชื่อข่าวลือ เชื่อคนอื่นมากกว่าเธอที่เป็นครอบครัวที่มีสายเลือดร่วมกัน เธอเจ็บปวด เธอรู้สึกเหมือนหัวใจเธอแหลกสลายทุกๆครั้งที่โดนครอบครัวปฏิบัติกับเธอเหมือนคนพวกนั้น 

เธอทำได้เพียงแค่หวัง ว่าสักวันทุกคนจะยิ้มให้เธอและเลิกปฏิบัติกับเธอเหมือนไม่ใช่มนุษย์ ครอบครัวรักเธอยิ้มแล้วมองเธออย่างอ่อนโยน

เธอหวังแบบนั้นมา 10 ปีแล้วล่ะ ทุกครั้งที่โดนทำร้ายโดนพูดจาแย่ๆใส่ เธอมักจะหลอกตัวเองเสมอว่าสักวันพวกเขาจะเลิกทำแบบนั้นและพวกเขาจะปฏิบัติกับเธออย่างดีแน่นอน 

แต่ตอนนี้เธอไม่อยากหวังอะไรอีกแล้ว มันเหนื่อยเหลือเกินเหนื่อยที่ต้องผิดหวังกับเรื่องเดิมๆเธอไม่โกรธพวกเขาที่ทำแบบนั้นกับเธอทุกอย่างมันเป็นเพราะเธอเอง เพราะเธอไม่มีพลัง เพราะเธอเป็นขยะไร้ค่า คนแบบเธอไม่มีใครต้องการหรอก

เคียน่ามองไปที่แขนข้างซ้ายของตนที่ไม่มีอยู่เพราะมันถูกตัดไปตั้งแต่ 8 ขวบ โดยคนที่เธอไม่รู้จักด้วยซ้ำ 

"5555555" เคียน่าหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง ก่อนที่เธอจะค่อยๆหยิบมีดขึ้นมา

'ขอโทษนะ โลกใบนี้มันไม่ใช่ที่สำหรับคนแบบฉันจริงๆ ฉันไม่เหมาะกับโลกใบนี้ ฉันไม่สมควรที่จะเกิดมาด้วยซ้ำ อ่าาา แบบนี้มันดีสำหรับฉันแล้วก็ทุกคนแล้วล่ะ ถ้าฉันหายไปพวกเขาคงจะมีความสุขมากๆแน่เลย นี่คงเป็นสิ่งสุดท้ายที่ฉันทำให้พวกเขาได้ ขอให้ทุกคนบนโลกนี้มีความสุขนะ ลาก่อนโลกที่แสนสดใส ตัวฉันไม่ไหวแล้วล่ะ ทุกคนไม่ต้องการฉัน อยากได้อ้อมกอดจากพ่อกับแม่สักครั้งจังเลยนะก่อนตาย' 

"ลาก่อนนะ"

ฉึก!

เคียน่าแทงเข้าไปที่หัวใจของตนอย่างแรง

"อึก!" เคียน่ากัดฟันทนรับความเจ็บปวดของการถูกมีดแทงลงไป มันเจ็บ แต่ก็ไม่เท่ากับความเจ็บของหัวใจเธอที่มันรู้สึกเหมือนจะแตกสลายจากความผิดหวัง

ความรู้สึกของมีดที่ค่อยๆทิ่มแทงลงไปถึงหัวใจเธอรู้สึกเจ็บปวดมากจนเธออธิบายไม่ถูกรู้สึกแค่ว่ามันทรมาน 

ทรมานจากความเจ็บปวดที่บาดแผล ทรมานกับความรู้สึกที่เลือดค่อยๆไหลออกมาจากร่างกาย มันทรมานเหมือนกับเธอจะตายเป็นร้อยๆรอบ ความรู้สึกของการทำได้เพียงเฝ้ารอความตายมันโดดเดี่ยวและอ้างว้าง จนเธอรู้สึกกลัวไปหมด  1 วินาทีสำหรับเธอเหมือนผ่านไป 100 ปี เปลือกตาเริ่มหนักขึ้น ร่างกายเริ่มรู้สึกหนาวเย็นหูเริ่มอื้อ หัวใจค่อยๆเต้นช้าลงเรื่อยๆ

'หนาวจัง' ของเหลวสีแดงเริ่มไหลออกมาจากร่างกายของเธอเยอะขึ้นเรื่อยๆยิ่งเวลาผ่านไปกลิ่นคาวจากเลือดก็เริ่มคละคลุ้มรอบๆ

'ทำไมเปลือกตามันหนักจัง งั้นขอพักผ่อนสักหน่อยแล้วกัน' เคียน่าหลับตาลง และเด็กสาวก็ได้จากโลกนี้ไปตลอดกาลอย่างไม่มีวันหวนคืน

ตึก ตึก ตึก

อยู่ๆก็ได้มีผู้หญิงคนหนึงปรากฏขึ้นเธอเดินเข้ามาใกล้ร่างกายที่ไร้วิญญาณของเคียน่า เธอมองร่างเคียน่าสักพัก

"หือ นี่ข้ามาไม่ทันหรือ" หญิงสาวพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา ใบหน้าของเธอไม่แสดงอารมณ์ใดๆเลยราวกับว่าเธอไร้ความรู้สึก

เธอก้มลงไปอุ้มร่างกายที่ไร้ลมหายใจของเคียน่าขึ้นมาอย่างทะนุถนอมเรากลับเป็นของที่แตกสลายได้ง่ายๆเพียงแค่สัมผัสก่อนที่เธอจะ

ความฝันของเด็กน้อย

คฤหาสน์ตระกูลคาสลาน่า

ในห้องนั่งเล่นได้มีผู้คนกลุ่มหนึ่งทั้งหมดนั่งโซฟาสายตามองไปที่ทีวี

ก่อนที่จะมีผู้หญิงวัยกลางคนหนึ่งอายุ 42 แต่ หน้าตาของเธอยังเหมือนอายุ 20 กว่าๆ เธอมีชื่อว่าเชชิเรีย

เชชิเรีย:"วันนี้จะมีละครออกใหม่ละ" เธอพูดออกมาด้วยใบหน้าที่ตื่นเต้น

ชิกฟริด:"หรอ"

เชชิเรีย:"ใช่ๆ น่าสนใจมากเลย"

เบียงก้า:"เเม่คะ แล้วเคียน่าอยู่ไหน"

เชชิเรีย:"จะถามหามันทำไม คงไปเที่ยวเล่นนั่นแหละ" เชชิเรียกล่าวออกมา ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหงุดหงิด

คาเรน:"แต่ยังไงเคียน่าก็เป็นลูกแม่นะ"

เชชิเรีย:"ยัยเด็กนั่นไม่ใช่ลูกฉัน เด็กที่เอาแต่สร้างเรื่อง ทำให้ครอบครัวเรามีปัญหาอยู่เรื่อย"

คาเรน:"แต่--"

เชชิเรีย:"หยุดพูดเรื่องยัยสัตว์ประหลาดนั้นได้แล้ว แม่จะดูหนัง" เชชิเรียตวาดใส่คาเรนเสียงดังลั่น

คาเรนที่ได้ยินอย่างนั้นก็เงียบลงเธอก้มหน้าไม่กล้าสบตาเชชิเรีย เชชิเรียมองคาเรนสักพักก่อนจะยิ้มได้ใบหน้าที่พึงพอใจก่อนที่จะหันไปดูทีวีอีกครั้ง

ในทีวีปรากฏช่องข่าวช่องนึ่งที่นักข่าวกำลังกล่าวจบรายงานข่าวก่อนที่หน้าจอทีวีจะดับไป

เชชิเรีย:"หือ ทีวีเสียหรือเปล่า มาเสียอะไรตอนนี้เนี่ย" เชชิเรียอารมณ์เสียก่อนจะหันไปพูดกับลูกชายคนโต

เชชิเรีย:"เควินไปซ่อมให้แม่หน่อย"

เควิน:"แม่ผมซ่อมไม่เป็น"

เชชิเรีย:"จะทำไม่เป็นได้ยังไง แม่ส่งเรียนลูกสูง เรียนจบมาได้อะไร ซ่อมทีวียังทำไม่ได้"

เควิน:"แม่แต่ผมจบเอกบริหาร" เควินที่ได้ยินแม่พูดแบบนั้นอยากจะร้องตะโกนออกมาดังๆ

เชชิเรีย:"แต่---"

ก่อนที่เชชิเรียจะพูดคำต่อไป หน้าจอทีวีก็สว่างขึ้น 

เควิน:"นั่นไงครับแม่ ทีวีติดแล้ว" 

เชชิเรีย:"จริงด้วย แต่เข้าฉากหนังแล้วกรอเนี่ย" 

ในในทีวีปรากฏภาพของผู้หญิงคนนึงร่างกายของเธอลอยอยู่บนอากาศ ตัวของเธอกำลังอุ้มผู้หญิงอีกคนหนึ่งอยู่ ซึ่งผู้หญิงที่ถูกอุ้มนั้นเป็นคนคุ้นเคยของทุกคนในห้องอย่างดีโดยเฉพาะกับเชชิเรียที่เป็นคนคลอดเธอมากับตัว

ชีริน:"หือ เธอว่าผู้หญิงที่ถูกอุ้มคนนั้นคุ้นๆไหม" ชีรีนหันไปถามคาเรนที่นั่งอยู่ข้างๆเธอ

คาเรน:"หือ ใช่ นั้นเคียน่านิเธอไปทำอะไรที่นั้น" คาเรนที่ได้ยินอย่างนั้นก็เพ่งสายตามองดู ก่อนที่จะหันไปตอบชีริน

ทุกคนในห้องที่ได้ยินแบบนั้นก็ลองเพ่งสายตามองดู

เชชิเรีย:"ยัยเด็กนี้สงสัยคงไปก่อเรื่องอีกแล้ว ฉันไม่น่าคลอดยัยเด็กนี้ออกมาเลย" เธออารมณ์เสียที่เห็นเคียน่าในทีวีก่อนที่เธอจะจับรีโมทขึ้นมาเพื่อเปลี่ยนช่อง แต่พอเธอกดเปลี่ยนช่องเท่าไหร่ก็ปรากฏเป็นภาพเดิมๆ ทำให้เธอยิ่งหงุดหงิดมากขึ้น แต่ก่อนที่เชชิเรียจะหงุดหงิดไปมากกว่านั้นผู้หญิงที่อุ้มตัวของเคียน่า...ไม่สิตอนนี้คงเป็นกำลังอุ้มร่างที่ไร้วิญญาณของเคียน่า หญิงสาวปริศนาพูดขึ้น

ณ คอนโดแห่งหนึ่ง

ได้มีหญิงสาวคนนึงนอนอยู่บนเตียงกำลังเล่นเกมในมือถืออยู่ก่อนที่ภาพหน้าจอของเธอจะดับไป เธอมีผมสีฟ้า(ไม่รู้จะอธิบายผมของไรเดน เมย์ยังไงดี)เธอมีชื่อว่าไรเดน เมย์

เมย์:"หือ มาเสียอะไรตอนที่ฉันกำลังลงแรงค์อยู่เนี่ย!" เมย์พูดออกมาน้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความหงุดหงิดก่อนที่ภาพหน้าจอที่จะไปของเธอจะปรากฏภาพของหญิงสาวผู้หนึ่งที่กำลังอุ้มเด็กสาวผมสีเงินอยู่ ชึ่งเธอเป็นคนที่เมย์คนเคยเป็นอย่างดีเพราะว่าเธอนั้นคอยเฝ้ามองชีวิตของเคียน่ามาตลอด และก็เคยเป็นคนที่เคียน่าไว้ใจและรักมากที่สุด

เมย์:"หือ เคียน่าหรอถ้าดียังไงให้คนอื่นอุ้ม สงสัยฉันต้องจัดการชะหน่อยแล้ว" บรรยากาศที่เธอปล่อยออกมาเต็มไปด้วยรังสีแห่งการฆ่าฟันดวงตาของเธอเหมือนหมาป่าที่พร้อมจะฆ่าเหยื่อผู้น่าสงสาร ก่อนที่หญิงสาวปริศนาจะพูดออกมาว่า

"สวัสดีพวกเจ้าทุกคนที่กำลังดูอยู่ วันนี้ตัวของข้าจะพาพวกเจ้าไปชมเรื่องราวของเด็กสาวในอ้อมกอดของข้ากัน" หญิงสาวปริศนา เธอกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่งพาให้คนฟังหนาวสั่น

.

.

เชชิเรีย:"ข้าเจ้าหรอสงสัยจะเป็นคนบ้า"

.

.

"ข้าขอบอกพวกเจ้าไว้ตรงนี้เลยว่า พวกเจ้าทุกคนมันช่างน่าขยะแขยง ข้ารู้สึกรังเกียจตัวเองเหลือเกินที่ข้าต้องมาเหยียบโลกใบนี้ หากไม่ใช่เพราะเธอที่อยู่ในอ้อมแขนของข้าละก็ ข้าคงทำลายโลกใบนี้เป็นนานแล้ว" หญิงปริศนาพูดด้วยไปหน้าและน้ำเสียงที่รีบนิ่งแต่ในข้างในของดวงตาของเธอกลับมีไฟลุกโชนเต็มไปด้วยความโกรธเกี้ยวอยู่ ดวงตาของหญิงสาวปริศนาเปลี่ยนเป็นสีแดงชั่วคู่ก่อนที่จะเปลี่ยนกลับมาเป็นสีดำเหมือนเดิม โดยไม่มีใครสังเกตเห็นเลยสักคนเดียว

.

.

เชชิเรีย:"สุดท้ายก็แค่คนบ้าคนนึง" ดวงตาของเชซิเรียเต็มไปด้วยความเย้ยหยันและดูถูกเหยียดหยามต่อหญิงสาวปริศนา

คาเรน:"ทำไมเคียน่าไม่ขยับตัวเลย" คาเรนที่สังเกตตัวของเคียน่ามาตั้งแต่ต้นก็รู้สึกผิดสังเกตเป็นอย่างมากเพราะเคียน่าไม่ขยับตัวเลย

เควิน:"เป็นหว่าน้องหรอ" ถามคาเรน

คาเรน:"ไม่ยัยขยะตัวปัญหานั่นไม่ใช่น้องฉัน"

เควิน:"อือ"

.

.

.

"เอาล่ะ ข้าไม่อยากเสียเวลามาพูดกับพวกมนุษย์เช่นพวกเจ้ามากนัก มารับชมความทรงจำของนางในอ้อนแขนข้ากันดีกว่า เอาล่ะสู่จุดเริ่มต้นของเด็กสาวที่อยากเป็นผู้ผดุงความยุติธรรม" หญิงสาวปริศนาพูดออกมาก่อนที่ในหน้าจอจะเปลี่ยนไปเป็นภาพของเด็กวัย 8 ขวบที่กำลังนั่งจ้องทีวีอยู่

ในทีวีนั้นเป็นภาพเรื่องราวของฮีโร่ที่กำลังช่วยเหลือผู้คน เด็กน้อยที่มองเข้าไปในจอปรากฏความหลงไหลและความตื่นเต้นในแววตาของเด็กน้อย หลังจากดูจบเด็กน้อยก็ชูมือขึ้นพร้อมพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเต็มไปด้วยความตื่นเต้นว่า

"ตัดสินใจแล้ว หนูจะเป็นแบบพวกเขาให้ได้เลย รอยยิ้มของทุกคนหนูจะปกป้องเอง" เด็กน้อยตั้งมั่นในใจอย่างแน่วแน่ ด้วยใบหน้าที่แสนจะจริงจัง

.

.

.

ประเทศไหนสักประเทศนึง

"อะไรเนี่ย เด็กคนนี้เป็นใครกันน่ารักชะมัดเลย" หญิงวัยกลางคนมองภาพในหน้าจอมือถือ แววตาของเธอเต็มไปด้วยความเอ็นดูต่อเด็กน้อย 

ที่ไหนสักที่

"อะไรเนี่ย ที่แท้ก็เป็นวัยเด็กของยัยขยะเองหรอ อยากเป็นฮีโร่อยากปกป้องรอยยิ้มของคนอื่น เหอะ ก็แค่ความฝันลมๆแล้งๆแม้แต่ตัวเองยังปกป้องไม่ได้เลย" เด็กสาวผมสีควันบุหรี่นั่งมองหน้าจอมือถือของตน คำพูดเต็มไปด้วยความเย้ยหยันดูถูกเหยียดหยาม เธอมีชื่อว่าโบรเนียเธอเป็นเพื่อนสมัยเด็กของเคียน่าพี่สนิทกันมากเห็นหน้ากันมาตั้งแต่เกิด

แต่หลังจากตรวจพบว่าเคียน่านั้นไร้พลังโบรเนียก็ตีตัวออกห่างและยังเป็นหนึ่งในคนที่เยาะเย้ยและทำร้ายเคียน่าอีกด้วย

"พี่โบรเนียก็อย่าพูดแบบนั้นสิคะ" เด็กสาวผมสีม่วงพูดขึ้นมาเธอมีชื่อว่าเชเล่ซึ่งเป็นเพื่อนสมัยเด็กอีกคนของเคียน่า

"หรือไม่จริงล่ะ ยัยนั้นก็เป็นขยะจริงๆนี่นา ยังมีความฝันอยากเป็นฮีโร่อีกทั้งที่ตัวเองก็ไม่มีพลังอะไรแท้ๆ" 

"ก็จริงของพี่โบรเนีย" เชเล่กาวอย่างเห็นด้วยเล็กน้อย​​​​

โบรเนียที่ได้ยินคนรักของตนพูดแบบนั้นก็ยิ้มออกมาทางนำมือไปลูบหัวเชเล่อย่างอ่อนโยน เชเล่พี่โดนลูบหัวก็มีไปหน้าเคลิ้มหัวของเธอโยกไปตามมือของโบรเนีย

.

.

.

"แม่คะๆ หนูอยากเป็นฮีโร่เหมือนพวกเขา"เด็กน้อยเขย่าแขนแม่ของตนไปมา ชี้ไปที่ภาพโปสเตอร์ฮีโร่ด้วยแววตาที่ตื่นเต้นเป็นประกายมองแม่ของตนอย่างมีความหวัง

"อย่ามากวนเคียน่าลูกเป็นฮีโร่ไม่ได้หรอก ลูกไม่มีพลัง" เชชิเรียพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบทำให้ความหวังของเด็กน้อยพังทลายดวงตาของเด็กน้อยเศร้าหมองลง เด็กน้อยเลิกเขย่าตัวมารดาของตนเดินคอตกขึ้นห้องของตนไป

ห้องของเคียน่า

"หนูไม่ยอมแพ้หรอก หนูจะเป็นฮีโร่และปกป้องรอยยิ้มของทุกคนให้ได้เลย" เด็กน้อยชูมือขึ้น ฉีกยิ้มกว้างพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่จริงจังเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น

ช่วยเด็กจากแก๊งลักพาตัว

ที่ไหนสักที่(ใช้บ่อยหน่อยนะไม่รู้ไปที่ไหนดี)

"หือ ที่แท้ก็ไม่มีพลังเองหรอเนี่ย แล้วฝันอยากเป็นฮีโร่ไม่มีทางเป็นไปได้หรอก" ชายวัยกลางคนพูด

ต่างประเทศสักประเทศแหละ

"ก็แค่คนไม่มีพลังเองอยากเป็นฮีโร่ เป็นขยะดีกว่ามั้งน่าจะง่ายกว่าฮ่าๆๆๆๆ" ชายผมหงอก(แต่อายุ 20) พูดออกมาด้วยน้ำเสียงดูถูก เขาหัวเราะออกมาด้วยความรู้สึกสะใจที่ได้กดหัวคนอื่นให้ต่ำกว่าตนเอง

ประเทศสักประเทศหนึ่ง

"เด็กคนนี้น่าสงสารจังว่าไหมคะที่รัก" ​​​​หญิงวัยกลางคนกล่าวถามสามีของตนที่นั่งดูทีวีอยู่ข้างๆ

"ใช่ครับที่รัก" สามีของหญิงสาวตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนเขายิ้มออกมาลูบหัวภรรยาของตนเบาๆ เขารู้สึกว่ายิ่งอยู่กับภรรยาของตนนานมากเท่าไหร่เธอก็ยิ่งน่ารัก

'ภรรยาใครเนี่ยน่ารักจังอ๋อ ก็ภรรยาของผมเองนี่หว่า ฮิๆ รู้จักเป็นห่วงคนอื่นด้วยแล้วตอนทำหน้าเป็นห่วงเธอน่ารักมาก ผมตายตาหลับแล้ว' ชายวัยกลางคนคิดในใจ ระหว่างที่คิดเขายิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มที่เปี่ยมสุขเหมือนตายไปก็ไม่เสียดายอะไรแล้ว เขาอยากจะกระอักเลือดออกมากับความน่ารักของภรรยาของเขาเหลือเกิน ภรรยาของเขาจะน่ารักเกินไปแล้ว

ตระกูลคาสลาน่า

"เคียน่า" คาเรนพึมพำออกมาเบาๆเพราะไม่อยากให้ใครได้ยินใบหน้าก้มต่ำลงดวงตาของเธอวูบไหวเล็กน้อย

เบียงก้าจ้องมองเรื่องราวของเคียน่าตัวน้อยไปเรื่อยๆ เธอไม่อาจละสายตาได้แม้แต่วินาทีเดียวแต่พอเห็นแม่พูดกับเคียน่าตัวน้อยแบบนั้นก็เกิดความรู้สึกบางอย่างในใจของเธอ

.

.

หลังจากที่เด็กน้อยตั้งใจว่าจะปกป้องผู้คนและรอยยิ้มของพวกเขาเด็กน้อยก็ออกกำลังกายเพราะเด็กน้อยรู้ว่าตอนนี้ยังอ่อนแออยู่และตัวของเด็กน้อยเองยังไม่มีพลังอีก เด็กน้อยจึงตั้งใจฝึกฝนร่างกายแต่ด้วยร่างกายที่ยังเด็กแถมยังไม่เคยออกกำลังกายนอกจากวิ่งเล่นเลย ทำให้การวิดพื้นทำได้เพียง 5 ครั้งก่อนแขนจะไม่มีแรงล้มลงไปแต่เด็กน้อยก็ไม่ยอมแพ้เธอนอนพักอยู่ตรงนั้นสักพักให้หายเหนื่อยก่อนจะลุกขึ้นมาออกกำลังกายอีกครั้งตามเป้าหมายที่ตั้งไว้วันนี้

(เป้าหมายที่ตั้งไว้เคียน่าน้อย

วิดพื้น 10 ครั้ง

สควอท 10 ครั้ง

วิ่ง 1 กิโลเมตร

ซิทอัพ 10 ครั้ง)

หลังจากที่ทำตามเป้าหมายได้แล้วเด็กน้อยก็หลับไปด้วยความเหนื่อยล้า แม้จะหลับไม่สบายเท่าไหร่เพราะร่างกายเต็มไปด้วยเหงื่อก็ตามเด็กน้อยตื่นขึ้นมาด้วยอาการปวดเนื้อปวดตัวไปหมดแต่เด็กน้อยก็ยังไม่ยอมแพ้ยังทำการออกกำลังกายต่อไปพอเริ่มชินแล้วก็เพิ่มการออกกำลังกายขึ้นไปอีก

หลายเดือนผ่านไป

"แม่คะ หนูขอออกไปข้างนอกนะค่าาา" เด็กน้อยขออนุญาตแม่ของตนที่นั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะ แต่เมื่อเห็นว่าแม่ของตนไม่ได้หันมาตอบหรือสนใจอะไรตัวเองเลย เคียน่าน้อยก็เดินออกจากบ้านไปได้ใบหน้าที่ซึมเล็กน้อยแต่ก็ยิ้มออกมาในเวลาไม่นาน

ตกเย็น

เด็กน้อยเดินไปเรื่อยๆระหว่างที่เดินก็ได้ยินพวกผู้ใหญ่คุยกัน

"นี่ๆเธอเคยได้ยินไหมว่าช่วงนี้มีการลักพาตัวเด็กละ"ป้าข้างบ้านใครสักคน

"เคยสิ เห็นว่าพวกลาดตระเวนพบศพเด็กที่เคยถูกลักพาตัวไปด้วยนะ" ป้าข้างบ้านใครสักคน2 ตอบ

"จริงหรอแล้ว จับตัวคนร้ายได้หรือยัง" ป้าข้างบ้านใครสักคน

"เห็นว่ายังจับตัวไม่ได้แหละ" ป้าข้างบ้านใครสักคน 2

"อยากให้จับตัวได้เร็วๆจัง สังคมเดี๋ยวนี้น่ากลัวเนอะ" ป้าข้างบ้านใครสักคน

"ใช่ๆ"

'สงสารเด็กพวกนั้นที่ถูกลักพาตัวจัง'

เด็กน้อยเดินเล่นจนเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ก็ไม่รู้ รู้ตัวอีกทีก็เย็นแล้วเด็กน้อยเลยตั้งใจจะเดินกลับบ้านแต่ระหว่างทางเจอคนใส่ชุดดำกลุ่มนึง ที่หนึ่งในนั้นกำลังอุ้มเด็กคนนึงที่อายุน่าจะ 6 ขวบ ผมสีฟ้า

เด็กน้อยรีบวิ่งเข้าไปแอบที่ซอกซอยใกล้ๆ ทำให้เด็กน้อยได้ยินบทสนทนาของคนชุดดำกลุ่มนั้น

"เฮ้ พวกแกจับมาได้หรือเปล่า"คนชุดดำ 1

"ฮ่าๆๆ ระดับข้าไม่มีพลาดอยู่แล้ว" คนชุดดำ 2

"แล้วแกล่ะ" คนสุดดำ 1 เอ่ยถามคนชุดดำ 3

"ก็ต้องได้อยู่แล้วสิครับฮ่าๆๆเด็กพวกนั้นจับง่ายจะตาย" คนชุดดำ 3 ตอบกลับไป

"เออดี เด็กพวกนี้เป็นตัวทดลองชั้นดี นายสั่งว่าจับมาให้ได้เยอะที่สุด ถ้าจับไม่ได้พวกแกคงรู้สินะว่าพวกแกจะเป็นยังไง" ชายชุดดำ 1 พูดกับกับชายชุดดำ 2 และ 3 ที่น้ำเสียงตอนท้ายที่พูดของเขากดต่ำจนทำให้ชายชุดดำทั้งสองที่ฟังกลัวและหนาวสั่นไปถึงหัวใจ

'พวกเขาเป็นแก๊งลักพาตัวเด็กงั้นหรอ' เด็กน้อยที่ได้ยินอย่างนั้นก็เบิกตากว้างรีบเอามือนุ่มๆปิดริมฝีปากน้อยๆของเธอ เด็กน้อยอยากจะช่วยเด็กสาวที่ถูกลักพาตัวจริงๆ เคียน่าน้อยคิดในใจว่าถ้าไปบอกผู้ใหญ่พวกเขาก็จะไม่เชื่อเพราะเป็นคำพูดของเด็กอย่างแน่นอน แถมแถวนี้ไม่มีคนเลยถ้าเธอวิ่งไปเรียกคนให้ช่วยพวกคนไม่ดีพวกนั้นจะต้องไปไกลแล้วอย่างแน่นอน พอคิดได้อย่างนั้นเคียน่าน้อยก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดี เด็กน้อยอยากไปช่วยเด็กคนนั้นมากแต่เด็กน้อยรู้ดีว่าตนสู้คนชุดดำพวกนั้นไม่ไหว

เด็กน้อยรอโอกาสที่จะไปช่วยเด็กคนนั้นด้วยความหวังที่ริบหรี่แต่ดูเหมือนว่าสวรรค์จะเปิดโอกาสให้เด็กน้อย

"หัวหน้าครับ เหมือนว่ารถจะมีปัญหาครับ" ชายชุดดำ 2 เอยกับชายชุดดำ 1

"พวกแกชอบไม่เป็นเหรอ"

"ผมช่อมไม่เป็นครับ" ชายชุดดำ 2 กับ 3 พูดพร้อมกัน

"เห้อ พวกเอ็งตามข้ามา" ชายชุดดำ 1 เอยด้วยความเหนื่อยหน่ายใจเล็กน้อย

"แล้วเด็กนี่จะให้ทำไงครับ" ชายชุดดำ 3

"ว่างๆมันไว้ตรงนั้นแหละ แถวนี้ไม่มีใครหรอก" สายชุดดำ 1 เอยยังไม่ใส่ใจ

"ครับ" 

ชายชุดดำทั้ง 3 เดินไปที่หน้ารถ

เคียน่าน้อยที่เห็นอย่างนั้นก็ค่อยๆย่องเข้าไปอุ้มเด็กคนนั้นที่อยู่แถวๆหลังรถตู้พอดี และด้วยความโชคดีหรืออะไรก็ไม่รู้ด้วยกระโปรงหน้ารถที่เปิดอยู่ทำให้ชายชุดดำทั้ง 3 ไม่เห็นตัวเด็กน้อยเลย เด็กน้อยรีบอุ้มเด็กสาวผมฟ้าขึ้นมาอย่างเบามือแล้วรีบออกไปให้เร็วที่สุดแต่ก่อนที่จะพ้นทางนั้นเด็กน้อยเผลอเหยียบกิ่งไม้

แกร๊ก! (ไม่รู้ทำเสียงถูกหรือเปล่า)

"เสียงอะไรน่ะ" ชายชุดดำ 1 

ด้วยเสียงเงียบกิ่งไม้ทำให้ชายชุดดำทั้ง 3 รีบวิ่งออกมาดูก่อนที่จะเห็นเคียน่าน้อยอุ้มเด็กที่พวกตนลักพาตัวมาอยู่ พวกเขาเห็นอย่างนั้นจึงรีบวิ่งตามเคียน่าน้อยทันที

เด็กน้อยที่ยืนอย่างนั้นก็รีบสับขาวิ่งอย่างรวดเร็วแต่ด้วยขาที่สั้นทำให้กลุ่มใส่ชุดดำค่อยๆวิ่งใกล้เข้ามาเรื่อยๆ 

เด็กน้อยรีบคิดหาทางออกอย่างรวดเร็วก่อนที่จะคิดออกว่าหลังจากเลี้ยวซ้ายจะมีซอยเล็กๆอยู่ข้างหน้า เด็กน้อยรีบวิ่งสุดแรงเพื่อที่จะไปให้ถึงตรงนั้น

หลังจากที่วิ่งมาถึงที่หมายที่ตัวของเด็กน้อยตั้งเป้าแล้วเด็กน้อยก็รีบวิ่งเข้าไปแอบข้างๆถังขยะในซอยด้วยความเหนื่อยหอบ แต่ด้วยความโชคดีหรือโชดร้ายของตัวเคียน่าน้อยก็ไม่รู้ ทำให้เด็กผมฟ้าที่เคียน่าน้อยอุ้มมาด้วยตื่นขึ้นมาพอดีและทำท่าเหมือนจะกรีดร้องออกมาเคียน่าน้อยจึงรีบปิดปากเด็กคนนั้นไว้เพราะเธอกลัวว่าแก๊งลักพาตัวพวกนั้นจะจับตัวเธอได้

เคียน่าน้อยเหนื่อยหอบหัวใจของเธอเต้นเร็ว และมันยิ่งเต้นเร็วขึ้นไปอีกเมื่อมีเสียงวิ่งของคนกลุ่มหนึ่งดังขึ้น

"หายไปไหนแล้วว่ะเนี่ย" ชายชุดดำ 1 พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่อารมณ์เสียเป็นอย่างมาก

"หัวหน้าครับดูเหมือนจะไม่ชอยเล็กๆอยู่ตรงนี้" ชายชุดดำ 2 ที่สังเกตเห็นซอยก็หันไปพูดกับหัวหน้าของตน

"ดี เข้าไปหามัน ถ้าเจอแล้วฆ่าอีเด็กนั่นซะ"

เคียน่าที่ได้ยินเสียงพูดก็ยิ่งหัวใจเต้นแรงขึ้น

ชายชุดดำ 2 ที่ได้ยินหัวหน้าของตนพูดอย่างนั้นก็เดินเข้าไปในซอย เคียน่าน้อยที่ได้ยินเสียงเดินใกล้เข้ามาเรื่อยๆเกิดความกลัวมากขึ้นในใจของเด็กน้อย

ใส่ชุดดำ 2 ค่อยๆเดินเข้าไปในซอย สายตาเหลือกไปเห็นถังขยะ ตัวของเขาค่อยๆเดินเข้าไปใกล้ถังขยะมากขึ้นเรื่อยๆเพื่อที่จะดูว่ามีคนที่ตามหาไหม 

เคียน่าน้อยที่รู้สึกได้ถึงเสียงเดินที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ตัวของเคียน่าเกร๊งมากขึ้น หัวใจเต้นแรงเหงื่อเริ่มไหลออกมา

ชายชุดดำ 2 เดินเข้าไปใกล้ถังขยะจนห่างจากตัวเขาแค่ 2 ก้าว และ 1 ก้าว ตัวของชายชุดดำ 2 ค่อยๆยื่นมือเข้าไปจับถังขยะก่อนที่เขาจะ

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!