NovelToon NovelToon

คลื่นรักร้ายเกินต้าน.

บทนำ

 แสงแดดยามเย็นสาดกระทบลงมายังชายหาดที่เงียบสงบ เสียงคลื่นซัดฝั่งดังก้องไปทั่ว บนเวทีที่ประดับประดาด้วยดอกไม้สีขาว เจ้าบ่าวและเจ้าสาวยืนเคียงข้างกัน ดวงตาของพวกเขาจ้องมองกันด้วยความรัก ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข

"ผมดีใจนะที่คุณยอมแต่งงานกับผม"

คลื่น เจ้าบ่าวของงานจับมือว่าที่ภรรยาสาวสวยตรงหน้าขึ้นมาด้วยสายตาที่ตั้งใจและอบอุ่น

"ฉันก็ดีใจ..ที่มีนายในวันนี้"

มะลิ สาวสวยเจ้าของชุดเดรสสีขาวสะอาดชายผ้าพริ้วปลิวไปตามลม นัยน์ตาคู่สวยจดจ่ออยู่กับคนตรงหน้าพร้อมกับรอยยิ้มที่มีความสุข

"เชิญบ่าวสาวตรงหน้าเลยครับ" พิธีกรหนุ่มกล่าวเชิญให้ทั้งสองเดินไปยังด้านหน้าบาทหลวง 

สายตาทั้งสองที่ประสานกันด้วยความรักเต็มไปด้วยความสุขสดใสจนอยากหยุดเวลาเอาไว้ตรงนั้น มือหนาจับมือเล็กเอาไว้แน่น นัยน์ตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก

"ท่านสุภาพบุรุษสุภาพสตรีที่รัก เรามารวมตัวกันที่นี่ในวันอันศักดิ์สิทธิ์นี้ เพื่อเป็นสักขีพยานในพิธีศักดิ์สิทธิ์ของการแต่งงานระหว่างคุณคลื่น และคุณมะลิ"

คู่บ่าวสาวจับมือกันไว้แน่น สายตาทั้งคู่จับจ้องไปที่บาทหลวงอย่างตั้งใจ 

"ก่อนอื่น ข้าพเจ้าขอต้อนรับทุกท่านที่มาในวันนี้ ข้าพเจ้ารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในพิธีสำคัญนี้" 

"การแต่งงานเป็นพันธะอันศักดิ์สิทธิ์ระหว่างชายหญิงสองคน เพื่อใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันด้วยความรัก ความเมตตา และความเคารพ"

บรรยากาศที่แสนอบอุ่น สายลมพัดผ่าน แสงแดดอ่อนๆ พระอาทิตย์กำลังลาลับขอบทะเล ท้องฟ้าสว่างแปรเปลี่ยนเป็นสีครามสวยงามสลับกันไป

"คุณคลื่น คุณพร้อมหรือยังที่จะรับคุณมะลิ เป็นภรรยาของคุณ และสัญญาว่าจะรักและดูแลเธอทั้งในยามสุขและยามทุกข์ จนกว่าชีวิตจะหาไม่?"

"รับครับ"

คำตอบรับพร้อมรอยยิ้มที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข นัยน์ตาสีน้ำเงินยามมองคนตัวเล็กตรงหน้ามันช่างอ่อนโยนเกินบรรยายเสียจริง

"คุณมะลิ คุณพร้อมหรือยังที่จะรับคุณคลื่น เป็นสามีของคุณ และสัญญาว่าจะรักและดูแลเขาทั้งในยามสุขและยามทุกข์ จนกว่าชีวิตจะหาไม่?"

"ระ.."

ปัง!

เสียงปืนดังขึ้นฟ้า 1 นัดทำผู้คนแตกกระจายออกเป็นจุดๆ รวมไปถึงคลื่นที่รีบดึงมะลิเข้าไปกอดแน่น 

"ธีระ!" 

"ไงครับคุณคลื่น มีความสุขมากเลยสินะครับเนี่ย"

ผู้ชายถือปืนเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะเก็บปืนเข้าซอง เขาคนนี้คือ ธีระ เศรษฐวิระโชติ หนึ่งในหุ้นส่วนของ Diamond Group 

ธีระ เศรษฐวิระโชติ นักธุรกิจดาวรุ่งที่กำลังจะมีชื่อคัดเลือกตำแหน่งประธานบริษัทไดม่อนในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า แต่กลับต้องถูกตัดรายชื่อออกจากหุ้นทันทีเพราะมีส่วนร่วมการค้ายาเสพติดข้ามประเทศ 

ไดม่อน หรือ Diamond Group บริษัทส่งออกและผลิตเครื่องเพชรจากตระกูลยักษ์ใหญ่อย่าง ไทสัน ที่ทุกๆ 7 ปีจะมีการเปลี่ยนตำแหน่งผู้บริหารเพื่อพัฒนาบริษัทต่อไปโดยจะมีการคัดเลือกจากหุ้นส่วนทั้งหมดที่มีผลงานและความเหมาะสมที่ทางประธานใหญ่ของไทสันเป็นคนตัดสินเอง

ไทสัน ตระกูลมาเฟียอันดับต้น ที่มีอิทธิพลมากที่สุดในเมืองซัลลิแวน หากแต่ไม่ได้รับสิทธิ์อำนาจสูงสุดเพียงเพราะเคยแพ้ให้กับเทวะบดินทร์ฝั่งอริที่แข่งขันกันมานาน

"มึงมาทำไม!"

"ทำไมพูดแบบนั้นล่ะ ลืมกันไปแล้วหรือยังไงครับ! งั้นผมเตือนสติคุณให้นะ"

ธีระกวักมือเรียกลูกน้องให้ถือของบางอย่างมาให้

"จะทำอะไร!"

"มึงลืมไปแล้วเหรอว่ามึงหลอกใช้ให้กูไปส่งนี่!" ธีระยกห่อบางอย่างออกมาให้ดู 

นั่นคือห่อยาเสพติดที่ผิดกฎหมาย หากใครที่มีครอบครองหรือลอบขายจะต้องถูกดำเนินคดีทั้งหมด 

 "หึ มึงทำของมึงเอง เกี่ยวอะไรกับกู!"

"ก็เพราะมึงไม่ใช่เหรอที่หลอกให้กูติดรถคันนั้นไป กูถึงพลอยโดนไปด้วย!"

"มึงโง่ไปกับมันเอง อย่าเหมารวมสิ"

"ก็เพราะมึงไง!  เพราะมึงหลอกสลับรถกับกู กูถึงต้องมารับกรรมแทนมึง!"

"มึงมันโลภมาก แต่เสียดายที่โง่ไปหน่อย เลยโดนพวกนั้นหลอกเอาง่ายๆ!"

"เพราะว่ามึงแย่งทุกอย่างจากกูไปไม่ใช่หรือไงกูถึงต้องทำแบบนั้น!!"

"หึ มึงมันไอ้ขี้แพ้!"

"เพราะมึงแย่งทุกอย่างไปจากกู พอกูหมดหนทาง มึงก็หลอกใช้กู จนกูต้องเสียทุกอย่าง เพราะมึงคนเดียว!"

ธีระพุ่งตัวเข้าต่อยคลื่นจนเซก่อนจะเริ่มสลับกันต่อยไปมาแบบที่ทั้งคู่ไม่มีใครยอมใคร 

"หยุดนะครับคุณธีระ!" เสียงบอดี้การ์ดร่างสูงวิ่งเข้ามารั้งฉุดแย่งทั้งสองให้หลุดออกจากกัน

"ซิกส์! เอาตัวมันออกไป!" คลื่นสั่ง

"มึงจะเฉดหัวกูง่ายๆแบบนี้อะเหรอไอ้คลื่น!"

ธีระดิ้นไปมาจนหลุดออกจากการควบคุมของซิกส์

"ตายเหอะมึง!"

"คลื่น!"

ปังๆๆ!!

เสียงปืนดังสนั่นติดต่อกันถึงสามนัดจนร่างบางที่เข้ามาขวางกระสุนทรุดตัวลงในอ้อมกอดของคลื่นทันที

เจ้าสาวในชุดเดรสสีขาวสะอาดถูกของเหลวสีแดงไหลอาบจนผ้าขาวแปดเปื้อนไปด้วยสีแดงสด

"ลิ!!! ทะ..ทะทำไมล่ะ!" 

คลื่นที่ทรุดตัวไปพร้อมกับร่างบาง ในใจเขาตอนนี้มันแทบสลายราวคนเสียสติ ความเจ็บจนชาไปทั้งหัวใจ เสียงกรีดร้องราวคนจะขาดใจตายไปพร้อมกับร่างบางตรงนั้น 

มือเรียวที่เปื้อนเลือดค่อย ๆ เลื่อนสัมผัสใบหน้าของคลื่นช้า ๆ นัยน์ตาระเรื่ออาบรดไปด้วยน้ำตา ความเจ็บปวดจนชาไม่สามารถพูดหรือเอ่ยสิ่งใดออกมาได้ เธอทำได้เพียงส่งสายตาอ้อนวอนราวกับคนแพ้ ก่อนที่ทุกอย่างจะดับมืดลง

ทำไมนะ ทำไมวันของเราทั้งสองคนถึงกลายเป็นวันที่เราต้องจากกันไปตลอดกาลแบบนี้ 

"ลิ!!!!" 

คลื่นตะโกนเรียกมะลิที่นิ่งไป หยดน้ำตาไหลทะลักพร้อมกับแขนแกร่งที่ดึงกอดรัดร่างบางที่แน่นิ่งเอาไว้กับตัวแน่น ความรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบพังทลาย เขากำลังสูญเสียคนที่รักไป

ทำไมถึงทิ้งผมแบบนี้ล่ะ

"เพราะมึง!" 

ร่างสูงลุกขึ้นหยิบท่อนเหล็กที่ตั้งประดับอยู่ขึ้นมากำแน่น ขายาวก้าวเดินตรงไปยังธีระที่กำลังตกใจจนต้องรีบสาวเท้าถอยหนีตามสันชาตญาณด้วยความเร็ว 

"อย่าเข้ามานะเว้ย!"

ตุบ!

"อ๊ากกก!!!"

บทที่ 1 'รักแรกพบ'

ซัลลิแวน

"คุณหนูกลับมาแล้ว"

"ป้าดา~" 

ฉันอ้าแขนวิ่งเข้าไปโอบกอดแม่บ้านคนสนิทที่ไม่เจอกันนานแรมปีเนื่องจากฉันเรียนอยู่ที่ไทย

ฉันชื่อ ใบไผ่ ลูกสาวเพียงคนเดียวของตระกูล เศรษฐวิระโชติ

ถ้าถามว่าทำไมไม่เรียนที่เมืองนี้ฉันคงจะตอบว่าเพราะพ่อแม่ของฉันแยกทางกันน่ะสิ แต่แยกทางกันด้วยดีนะ คุณแม่ให้ฉันไปอยู่กับท่านที่ไทย พอช่วงไหนปิดเทอมถึงจะได้มาเยี่ยมคุณพ่อ 

และตอนนี้ฉันก็ถึงช่วงฝึกงานพอดี เลยถือโอกาสมาฝึกงานที่นี่ซะเลย จะได้หายคิดถึงคุณพ่อ

ซัลลิแวนเป็นเมืองที่แยกการปกครองออกมาจากประเทศหนึ่ง ที่นี่ถูกดูแลโดยคนเฉพาะกลุ่มแบ่งเป็นเขตออกไปอย่างที่เขาล่ำลือกันเลยว่า ซัลลิแวนคือแดนมาเฟีย 

แต่นี่อาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่คุณพ่อให้ฉันไปเรียนที่อื่น

"ทำไมถึงดื้อจังเลยห้ะยัยตัวดี"

เสียงคุณพ่อเดินออกมาทัก

"แหม ก็คนมันคิดถึงคุณพ่อนี่คะ คิดถึงฝีมือทำขนมของป้าดาด้วย"

"คุณหนูนี่ปากหวานตลอดเลยนะ อยากทานอะไรบอกป้ามาได้เลยนะคะ"

"เข้าขากันดีจริงๆนะ"

"ทำไมล่ะคะ หนูพูดความจริงนี่"

"แล้วนี่หาที่ฝึกงานได้หรือยัง ไปฝึกที่ทำงานพ่อมั้ย"

"ไม่ค่ะ หนูสมัครเอาไว้แล้ว ผ่านแล้วด้วย"

"ที่ไหน?"

"ไม่บอกหรอกค่ะ เดี๋ยวคุณพ่อจะห้ามนั่นนี่อีก ปล่อยหนูลองทำอะไรเองดูบ้างนะคะ"

"เรานี่มันดื้อจริงๆ" 

คุณพ่อไม่ว่าเปล่าแต่ยังเข้ามายีหัวฉันเบาๆอย่างคนมันเขี้ยว 

"ป้าดายังไปขายขนมอยู่มั้ยคะ"

"ขายสิคะ ขายตอนเช้าๆค่ะ"

"ที่ไหนคะ"

"ที่ตลาดเช้าค่ะ ตอนนี้ที่ตลาดเขาปรับปรุงใหม่ สะอาดแล้วก็น่าเดินด้วยนะคะ"

"ดีเลยค่ะ งั้นพรุ่งนี้เช้าหนูจะไปขายขนมกับป้าดาด้วย"

"จะตื่นเหรอเราน่ะ"

"แหมคุณพ่อคะ! เห็นหนูตื่นสายตลอดเลยหรือไงเนี่ย"

"ก็สายจริงๆนี่"

"คุณพ่อ~"

"ฮ่าๆ"

ฉันชอบบรรยากาศเวลาอยู่บ้านแบบนี้จัง ถึงคุณพ่อกับคุณแม่จะแยกทางกัน แต่ฉันก็สามารถไปมาหาสู่ท่านทั้งสองได้ตลอด แถมป้าดายังดูแลฉันดีมากๆเลยด้วย  

ติ้ดๆ 

เสียงนาฬิกาปลุกดังเร่งเร้าให้ฉันรีบลุกขึ้นมางัวเงียขยี้ตาสู้กับแสงแดดยามเช้า 

ดีนะเมื่อคืนนอนเร็ว แต่เดี๋ยวนะ นี่มัน 8 โมงแล้วนี่!!!

"ไปหรือยังคะ!" ฉันรีบอาบน้ำก่อนจะวิ่งพรวดลงมายังด้านล่างที่มีคุณพ่อกำลังนั่งอยู่

"ตื่นสาย เขาไปตลาดกันหมดแล้ว"

"แล้วทำไมไม่มีใครบอกหนูเลยล่ะคะ!"

ฉันโวยวายใส่คุณพ่อที่กำลังนั่งจิบกาแฟดูมือถืออย่างสบายใจ 

สุดท้ายฉันก็ต้องนั่งแท็กซี่ออกมาเพราะฉันขับรถเองไม่เป็นแถมคุณพ่อยังไม่ยอมมาส่งอีกด้วย

ว่าแต่ป้าดา..ขายอยู่ตรงไหนนะ

ฉันเดินมองหาไปตามตลาดที่มีแผงขายสินค้าวางเรียงรายผู้คนมากมายที่ต่างเดินซื้อขายของกันครึกครื้น

นั่นไง!

"ป้าดา!!" 

"คุณหนู! มาได้ไงคะเนี่ย"

"นั่งแท็กซี่มาค่ะ"

"โธ่ ทำไมไม่พักผ่อนล่ะคะ เพิ่งกลับมาเอง"

"ไม่ได้ค่ะ เดี๋ยวหลังจากนี้หนูจะมาช่วยป้าดาขายขนมทุกวันเลย"

"น่ารักแถมยังใจดีอีก คุณหนูของใครคะเนี่ย" ป้าดาหันมาหยิกแก้มฉัน

"เอาขนมต้ม 3 กล่องครับ"

เสียงผู้ชายคนหนึ่งพูดทำให้ทั้งฉันและป้าดาหันไปต้อนรับ แต่เขาตรงหน้าทำฉันนิ่งไปเป็นพักเพราะใบหน้าหล่อที่ดูดีแถมยังน่าดึงดูด

ผิวสีแทนที่ไม่ได้คล้ำแต่กลับดูดีมาก นัยน์ตาสีน้ำทะเลของเขาดูน่ามองเหมือนกำลังถูกดึงดูดให้จมดิ่งไปทันทีที่สบตากับเขา จมูกโด่งเป็นสันรับรูปหน้ากับสันกรามที่ดูดีไปแทบทุกอนู

ร่างสูงโปร่งของเขาไม่ได้ดูผอมจนน่าเกลียดแต่กลับดูสุขภาพดีเหมือนคนเข้าฟิตเนสทุกวัน 

นี่คนจริงๆใช่มั้ยเนี่ย ดูดีชะมัด

"คุณนั่นเอง ซื้อไปฝากใครเหรอคะเห็นมาอุดหนุนป้าทุกวันเลย" ป้าดาถามราวคุ้นเคย

"ผมกินเองครับ ไม่ได้ฝากใคร"

"ชอบทานขนมต้มเหรอคะ"

"ครับ"

"ขอบคุณนะคะ" ป้าดายื่นขนมให้ก่อนที่เขาจะรับแล้วเดินจากไป

หัวใจที่เต้นตุบตับสัมผัสได้ถึงความรู้สึกชอบและหลงไหลเขาตั้งแต่แรกเห็น ถ้านี่คือการตกหลุมรัก เขาก็คงเป็นรักแรกพบของฉันเลยล่ะ

"ตายแล้ว!"

"อะไรคะ?"

"ลืมทอนเงินให้เขาเลยน่ะสิ มัวแต่ชวนคุย"

"เขายังออกไปไม่ไกลหรอกมั้งคะ ให้หนูเอาไปคืนให้มั้ยคะ"

"เอาสิคะๆ" 

ฉันถือเงินเดินตามเขาออกมาโดยที่ฉันเองก็จำไม่ได้เท่าไหร่ว่าเขาไปทางไหน

เส้นทางที่ฉันเดินออกมาเริ่มเข้าสู่ช่วงท้ายตลาดที่เป็นลานจอดรถ บรรยากาศตรงนี่เงียบกว่าทางด้านในแถมยังดูน่ากลัวยังไงชอบกล

"เหมือนเห็นเขามาทางนี้นะ..หรือจะกลับไปแล้ว"

ฉันเดินมองไปรอบๆก่อนจะถอดใจเตรียมหันหลังกลับ แต่ทว่าฉันกลับถูกใครบางคนจ่อมีดเข้ามาที่คอน่ะสิ

"อ้ะ!"

"ตามฉันมาทำไม!"

"จะ..จะใจเย็นๆนะคะ นะ..นะหนูแค่เอาเงินทอนมาให้คุณค่ะ" ฉันแบมือที่กำลังสั่นเหมือนเจ้าเข้าเพราะความกลัว

ปลายมีดแหลมที่จ่อถูกพับเก็บกลับเข้าไปก่อนที่เขาจะผลักฉันให้ถอยออกมา

"..."

คนตรงหน้าดูนิ่งไปทันทีที่สบตากับฉัน นัยน์ตาระเรื่อสีน้ำทะเลของเขาเหมือนกำลังจะมีหยดน้ำใสๆไหลออกมา

"คุณเป็นอะไรหรือเปล่าคะ"

"กลับไปได้แล้ว แล้ววันหลังอย่าเดินตามใครแบบนี้อีกถ้ายังไม่อยากตายก่อนแก่"

ปากร้ายเวอร์!!

"นี่เงินทอนคุณค่ะ" ฉันยื่นให้แต่พอเห็นเขานิ่งฉันเลยดึงมือเขาขึ้นมาวางเงินลงบนมือหนา

"เดี๋ยว!"  เขาเรียกฉันที่กำลังจะเดินกลับ

"มีอะไรคะ"

"เธออยู่ที่ไหน"

"หมายถึงอะไรคะ?"

"เพิ่งย้ายมาที่นี่หรือเปล่า"

คนตัวสูงถามแต่สายตาของเขากลับเอาแต่จ้องมองไปทางด้านหลังของฉัน

"อ่า ก็ประมาณนั้นมั้งคะ"

"เดี๋ยวฉันเดินไปส่ง"

"ไม่เป็นไรค่ะ แค่นี้เอง หนูเดินกลับเองได้"

"มานี่!" เขาคว้ามือฉันเดินออกจากลานจอดรถ

เจ้าของร่างสูงเดินนำฉันไปเป็นจังหวะเดียวกับที่ฉันลอบมองแผ่นหลังกว้างของเขา

คนบ้าอะไรดูดีชะมัด แถมยังใจดีอีกด้วย ถึงจะปากร้ายไปหน่อยก็เถอะ 

"อ้าว ทำไมถึงกลับมาด้วยกันล่ะคะ" ป้าดาถาม

"ป้าบอกลูกสาวด้วยนะครับว่าที่นี่ไม่เหมือนที่อื่น อย่าไปเดินที่เปลี่ยวคนเดียวแบบนั้น"

"ห้ะ?" ป้าดาหันมามองฉันสีหน้าสงสัย

"ขอตัวก่อนครับ" พูดจบเขาก็เดินจากไป

"นี่คุณหนูไปไหนมาคะ"

"หนูแค่เดินตามไปแถวที่จอดรถเองนะคะ มันก็ไม่ได้มีอะไรนี่"

"คุณหนู!! ที่นี่ไม่เหมือนที่ไทยนะคะ ลานจอดรถแถวนี้เป็นอะไรที่น่ากลัวมากค่ะ"

"น่ากลัว?"

มีอะไรที่ฉันไม่รู้งั้นเหรอ?

"ซัลลิแวนแดนมาเฟียไม่ใช่แค่ชื่อที่คนเรียกกันเล่นๆหรอกนะคะ แต่ตามในเมืองนี้ทั้งหมดล้วนมีแต่มาเฟียค่ะ รวมไปถึงโจรที่หลบซ่อนอยู่ตามชนบท หรือตามซอกตึกทั้งหลาย คุณหนูต้องระวังตัวนะคะ!"

"ที่นี่น่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอคะ"

"ค่ะ น่ากลัวมาก คุณหนูห้ามไปที่เปลี่ยวๆอีกนะคะ"

"โอเคค่ะ หนูจะไม่ไปไหนมาไหนคนเดียวในที่เปลี่ยวอีก"

"ดีมากค่ะ แล้วนี่คุณหนูเข้าฝึกงานเมื่อไหร่คะ"

"อาทิตย์หน้าค่ะ"

อาทิตย์ต่อมา

เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก ในที่สุดวันที่ฉันต้องฝึกงานก็ได้มาถึง 

ฉันเรียนการออกแบบมา และที่ฉันเลือกมาฝึกงานก็คือบริษัทไดม่อน ที่ชึ้นชื่อเรื่องอัญมณีมากๆ แถมยังมีเหมืองเป็นของตัวเองอีกด้วย 

"สวัสดีค่ะ ที่ติดต่อฝึกงานไว้น่ะค่ะ" 

"สักครู่นะคะ" พนักงานสาวกล่าวก่อนจะคีย์อะไรบางอย่างลงในคอมพิวเตอร์ "เดี๋ยวนั่งรอก่อนนะคะ อีก 5 นาทีจะมีผู้จัดการแผนกลงมารับค่ะ"

"ขอบคุณนะคะ" 

ฉันเดินมานั่งตรงโซนร้านกาแฟที่ตั้งอยู่ด้านในบริษัท ที่นี่ทั้งใหญ่โตแล้วก็ดูอลังการมาก สมแล้วที่มีขื่อเสียงโด่งดังระดับโลก

"สวัสดีครับ เราที่จะมาฝึกงานใช่มั้ย"

"อ้อ สวัสดีค่ะ ใช่ค่ะ"

"ผมชื่อ เจษ นะครับ เป็นผู้จัดการ ผมอ่านประวัติที่ส่งมาแล้วนะ เดี๋ยวเราไปดูงานคร่าวๆกัน"

"ค่ะ ได้ค่ะ"

ฉันรีบเดินตามเขาเข้าไปด้านในลิฟท์ก่อนที่เราทั้งสองจะขึ้นมายังด้านบนสุดของตึก

"โซนนี่จะเป็นโซนของฝ่ายบริหาร ผมจะพาคุณไปเจอกับ Ceo ของที่นี่ จะได้ทำความรู้จักกัน"

"ซีอีโอที่นี่น่ากลัวมั้ยคะ" ฉันกระซิบถาม

"ก็..นิดหน่อยครับ ทำไม เรากลัวเหรอ"

"ก็..นิดนึงค่ะ" ฉันยิ้มเจือนๆให้เขา

"ไม่ต้องห่วงงานเราอยู่แผนกออกแบบ ไม่ได้ยุ่งกับฝ่ายบริหารเท่าไหร่หรอก อีกอย่างคุณคลื่นเขาก็ไม่ได้เข้ามาบ่อย"

"คุณคลื่น?" ฉันทวนสิ่งที่ได้ยิน

"อืม Ceo ของที่นี่ชื่อคุณคลื่น หรือคุณเป็นเอก ทิวากรสกุลเดช จำเอาไว้นะเผื่อจะใช้ตอนทำรายงาน"

"ขอบคุณนะคะ"

"คุณคลื่นอยู่มั้ยครับ"

"อยู่ค่ะ ต้องการพบเรื่องอะไรคะ" เลขาหน้าห้องถาม

"มีน้องมาฝึกงานใหม่ครับ"

"สักครู่นะคะ" สาวสวยเดินเข้าไปภายในห้องก่อนจะกลับออกมาอย่างรวดเร็ว "เชิญด้านในเลยค่ะ"

หลังจากประตูถูกเปิดออกภายในห้องกว้างที่เรียงรายไปด้วยหนังสือด้านหลังเป็นโต๊ะทำงานขนาดใหญ่โดยมีเจ้าของห้องกำลังนั่งดูเอกสารอยู่

"สวัสดีครับคุณคลื่น ผมพาเด็กฝึกงานมาแนะนำครับ"

ทันทีที่คุณเจษพูดจบเจ้าของร่างบนเก้าอี้ก็ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมา มือเรียวเลื่อนถอดแว่นสี่เหลี่ยมออกจากใบหน้าก่อนที่นัยน์ตาสีน้ำทะเลจะจับจ้องมาที่ฉัน

นั่น..เขานี่!

บทที่ 2 'CEO'

นั่น..เขานี่

"สวัสดีครับคุณคลื่น นี่น้องสรัลนุช เด็กที่ขอมาฝึกงานที่นี่เป็นเวลา 3 เดือนครับ" 

"อืม"

"สวัสดีค่ะ"

ฉันยกมือไหว้เขาที่ดูจะไม่ค่อยสนใจอะไรสักเท่าไหร่

"คุณไปทำงานคุณเลย เดี๋ยวผมจัดการเอง" 

"ครับ"

คุณเจษหันมายิ้มให้ฉันเล็กน้อยก่อนจะเดินออกจากห้องไปทิ้งให้ฉันยืนงงว่าต้องทำอะไรต่อ

"นั่งลงสิ"

"ขอบคุณค่ะ" 

"ทำไมถึงอยากมาฝึกงานที่นี่"

"เพราะที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องเครื่องประดับแล้วก็ยังมีเหมืองอัญมณีเป็นของตัวเองด้วยค่ะ หนูชอบเครื่องประดับมากๆ ถ้าได้ลองเข้าใกล้เรื่องพวกนี้ หนูก็คงจะได้รู้อะไรอีกเยอะเลยค่ะ"

"หึ แล้วรู้มั้ยว่าที่นี่ไม่เคยรับเด็กฝึกงาน"

"หะ..ห้ะ?"

ฉันหน้าเหวอไปเล็กน้อยกับสิ่งที่เขาพูดออกมาเพราะตอนแรกที่สมัครมามีการยืนยันทางอีเมลแล้วว่าสามารถมาฝึกงานที่นี่ได้ แต่ไหงเขากลับพูดแบบนั้นออกมาล่ะ

"แต่เธอแค่เป็นคนแรก"

"ดีจังเลยค่ะ ได้เป็นคนแรกด้วย" ฉันยิ้มแป้นออกมาทันที

"เปลี่ยนสีหน้าไวเหมือนกันนี่"

"ก็คุณพูดเหมือนจะไม่รับหนูงั้นแหละ ใครได้ยินแบบนั้นก็ต้องใจเสียกันทั้งนั้น หนูอุตส่าห์ตั้งใจมาที่นี่ ถ้าโดนปฏิเสธตอนนี้มีหวังได้เรียนซ้ำกับรุ่นน้องแน่"

"งั้นก็ตั้งใจฝึกงานล่ะ เพราะถ้าเธอก่อเรื่องฉันไม่เอาเธอไว้แน่!"

"ทำไมถึงดุจังเลยล่ะคะ หนูแค่มาฝึกงานนะ แรกๆก็ต้องเรียนรู้ก่อนสิคะ"

"ไม่ได้ดุ แต่ถ้าแค่นี้รับไม่ได้ก็รีบทำเรื่องย้ายไปฝึกที่อื่นเถอะ เพราะเธอยังต้องเจออะไรอีกเยอะ"

เสียงเรียบแต่เย็นชาของเขาทำฉันแทบจะพูดไม่ออก สีหน้าเขาตอนนี้ดูน่ากลัวชะมัด

หลังจากที่ฉันโดนเขาสัมภาษณ์ไปหลายๆอย่างจนในที่สุดฉันก็ได้ลงมาประจำตำแหน่งของตัวเองสักที

"โต๊ะทำงานเราอยู่ตรงนี้นะ มีอะไรก็ไปถามพี่ได้" คุณเจษพูด

"ขอบคุณค่ะ"

"อันนี้รายละเอียดงานคร่าวๆ ลองอ่านไปก่อน วันนี้วันแรกยังไม่ต้องเครียดอะไรมาก"

"ขอบคุณนะคะ แล้วที่นี่มีกฎอะไรที่ห้ามทำเลยมั้ยคะ"

"ก็มีนะส่วนใหญ่จะประชุมบ่อยเพราะที่นี่จะมีงานเปิดตัวคอลแลคชันใหม่เป็นช่วงๆ แทบจะทุก 3-6 เดือน ส่วนมากก็คือห้ามขาดประชุม ห้ามสาย งานต้องเรียบร้อย ตามพื้นฐานเลย"

"แล้วคุณคลื่นเขา..มีแฟนมั้ยคะ"

"หึ ทำไม สนใจเหรอ?"

"ปะ..ปะเปล่าค่ะ ก็แค่สงสัยว่าคนที่ดูเข้าถึงยากแบบนั้นเขามีแฟนมั้ยน่ะค่ะ"

"ไม่มีหรอก รายนั้นเขาเข้าถึงยาก ตั้งแต่พี่มาทำงานที่นี่ยังไม่มีใครแตะตัวเขาได้สักคนเลย"

"แสดงว่าเขาน่ากลัวมากใช่มั้ยคะ"

"ใช่ แถมยังเข้มงวดมาก อะไรเล็กน้อยไม่ได้เลย แต่เพราะแบบนั้นแหละ บริษัทถึงได้เติบโตขึ้นเรื่อยๆ เพราะคุณคลื่นจริงจังกับงานมาก"

พอได้พูดคุยกับพี่เจษฉันเลยพอมองออกว่าพี่แกเป็นสาวสองแถมยังขาเมาส์สุดๆ งานนี้ฉันเลยไม่ค่อยซีเรียสเท่าไหร่

"จริงสิ มีคนขอมาฝึกงานที่นี่ด้วยนะ เหมือนจะมาที่เดียวกับเธอเลย" พี่เจษพูด

"จริงเหรอคะ แต่เท่าที่หนูสมัครมาไม่มีใครมานะคะนอกจากหนู"

"รายชื่อตามมาทีหลังน่ะ เป็นผู้ชาย นี่นัดเข้ามาตอนเย็นเราจะอยู่รอเจอด้วยมั้ยล่ะ"

"ได้นะคะ หนูไม่รีบกลับค่ะ"

"งั้นพี่ไปทำงานล่ะ"

"ค่ะ"

ฉันนั่งอ่านเอกสารมาเกือบครึ่งค่อนวัน หลักๆเนื้อหาจะเกี่ยวข้องกับบริษัททั้งหมดตั้งแต่การก่อตั้งรวมไปถึงจุดประสงค์ของบริษัทที่จัดตั้งขึ้นมา

นั่งอ่านมาตั้งนานพอง่วงมากๆ เลยต้องเดินลงมาหาอะไรดื่มที่ร้านกาแฟ 

"เอาคาปูชิโน่เย็นเพิ่มหวานค่ะ"

"ได้ค่ะ สักครู่นะคะ"

ฉันเดินถือแก้วกาแฟของตัวเองเลี่ยงออกมาบริเวณโต๊ะมุมของห้อง ที่นี่ดีตรงที่เราสามารถนั่งทำงานที่ไหนก็ได้ในบริษัท ยกเว้นตอนประชุม

นั่นคุณคลื่นนี่

สายตาของฉันที่ล็อกเป้าหมายเตรียมมุ่งหน้าเดินเข้าไปทักทายเขา 

"มากินกาแฟเหมือนกันเหรอคะ" 

"อืม"

"ขอนั่งด้วยได้มั้ยคะ"

เจ้าของใบหน้าหล่อไม่ได้ตอบเพียงแต่ก้มหน้ามองจอโน้ตบุ๊กตรงหน้าของตัวเองอย่างใจจดใจจ่อ

"พอดีหนูสงสัยเรื่องงานนิดหน่อยน่ะค่ะ ไม่ทราบว่าคุณคลื่นพอจะว่างตอบมั้ยคะ"

"ว่ามา" สายตายังคงจับจ้องกับจอโน้ตบุ๊ก

"ที่นี่จัดอีเวนต์บ่อยแค่ไหนคะ"

"สามเดือนครั้ง"

"แล้วใครจะเป็นคนเซ็นเอกสารฝึกงานให้หนูเหรอคะ"

"ทำไม?" คิ้วเข้มเลิกขึ้นมามองฉัน

"ก็จะได้เอาใจถูกไงคะ"

"ไม่จำเป็น ที่นี่ยึดตามผลงาน ไม่ต้องประจบ"

"ผลงานมีให้แน่นอนค่ะ แต่ประจบก็อีกเรื่อง"

"ทำให้เห็นก่อนเถอะแล้วค่อยพูด"

"นี่คุณไม่เชื่อหนูเหรอคะ"

"จะเชื่ออะไรก็ต้องมีหลักฐานก่อน จริงมั้ย?"

"จริงค่ะ งั้นเดี๋ยวหนูจะทำให้คุณเห็นเองว่าหนูมีดีแค่ไหน"

ฉันกอดอกยกยิ้มอย่างเชื่อมั่นในตัวเองจนเขาที่มองอยู่เผลอกระตุกยิ้มมุมปากออกมา

"ยิ้มแล้ว!"

"อะไร!"

"เมื่อกี้คุณยิ้มใช่มั้ยคะ เป็นบุญตาจังเลย"

"ไปทำงานเธอได้แล้ว"

"ก็ทำอยู่นี่ไงคะ"

"ทำอะไร"

"ทำงานค่ะ พี่เจษบอกว่าที่นี่ทำงานตรงไหนก็ได้ขอแค่อยู่ในเขตของบริษัท"

"หมอนั่นสอนเธอแบบนั้นเหรอ"

"ค่ะ"

"งั้นฟังใหม่" คุณคลื่นพับจอโน้ตบุ๊กลงก่อนจะจ้องตาฉันนิ่ง "กลับไปทำงานของเธอที่โต๊ะซะ ก่อนที่ฉันจะเขียนรายงานลงบนหน้ากระดาษฝึกงานของเธอ"

คนบ้าอะไรดุชะมัด! อุตส่าห์คุยดีด้วยแท้ๆ แต่ไม่เป็นไรแบบนี้แหละผู้นำครอบครัวที่ดี! 

พอใกล้เวลาเลิกงานก็เป็นเวลาที่พี่เจษนัดเด็กฝึกงานอีกคนเอาไว้ ฉันที่อยากรู้เลยต้องรอดูว่าคนๆนั้นจะเป็นใคร 

ดืดดด (เสียงโทรศัพท์)

"ค่ะคุณพ่อ"

[จะกลับเลยหรือเปล่าพ่อจะให้คนไปรับ]

"ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวหนูนั่งแท็กซี่กลับเองค่ะ"

[มันอันตรายนะกลับเองได้จริงๆเหรอ]

"คุณพ่อคะ หนูโตแล้วนะ กลับเองได้ค่ะ ไม่ต้องห่วง"

[ถ้ามีอะไรรีบโทรมาล่ะ พ่อเป็นห่วง]

"ค่าา รู้แล้วค่ะ"

อ้ะ! นั่นมันคุณคลื่นนี่! 

ฉันยืนมองเขาที่กำลังยืนคุยกับผู้ชายคนหนึ่งอยู่ตรงลานจอดรถหน้าบริษัทท่าทางดูจริงจังเอามากๆ 

"คุยอะไรกันนะ"

"ไผ่!"

"ไทป์! นายเองเหรอ!" 

ฉันที่หันไปตามเสียงเรียกก็เจอเข้ากับเพื่อนสนิทคนคุ้นเคยที่เราเรียนด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก 

ไทป์ เป็นคนที่เก่งมากๆ แถมยังนิสัยดีมากอีกด้วย ปกติหมอนั่นอยู่ไทยเพราะเกิดและโตที่นั่น แต่แปลกที่เขาเลือกมาฝึกงานที่นี่

"ตกใจใช่มั้ยล่ะ"

"ทำไมมาที่นี่ล่ะ ไหนบอกจะฝึกที่ไทยไง"

"ก็ฉันกลัวเธอเหงา ฉันเลยแอบสมัครตามเธอมาด้วย"

"แล้วนี่พักอยู่ที่ไหน อยู่กับใคร"

"ฉันอยู่คอนโดน่ะ"

"นายไปอยู่กับฉันก่อนมั้ย อยู่คอนโดคนเดียวอันตรายนะ"

"ไม่ต้องห่วง ฉันเป็นผู้ชายนะแถมยังเป็นแชมป์มวยไทยด้วย"

"รู้แล้วน่า แต่ที่นี่ไม่เหมือนที่ไทยนะ"

"ฉันพอรู้มาบ้างแล้วล่ะ ไม่เป็นไรหรอก"

"แล้วนี่รายงานตัวกับพี่เจษแล้วเหรอ"

"เรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็มาทำงานพร้อมเธอได้แล้ว"

"ดีเลย แบบนี้ฉันก็ไม่เหงาแล้ว"

"แล้วนี่กลับยังไง ฉันไปส่งมั้ย"

"ไม่ต้อง เดี๋ยวฉันนั่งแท็กซี่กลับเอง"

"ไหนบอกอันตราย ให้ฉันไปส่งเถอะ เด็กน้อยแบบเธอต้องระวังตัวรู้มั้ย"

"รู้แล้วน่า"

"รู้แล้วก็ไป" 

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!