NovelToon NovelToon

อุ่นไอในไร่รัก

ตอนที่ 1

ณ เชียงใหม่ (ไร่ธารคีรี)

“สวัสดีค่ะ ดิฉันมาสมัครงานตำแหน่งสัตวแพทย์ที่ทางไร่ประกาศรับสมัครไปนะคะ ดิฉันได้ส่งใบสมัครมาแล้วนะคะ ชื่อนางสาวเขมิกา ตันเจริญค่ะ” เขมิกากล่าว

“สวัสดีค่ะ คุณเขมิกา ตันเจริญ นะคะ ที่ทางเราโทรติดต่อไปให้มาสัมภาษณ์วันนี้ใช่ไหมคะ” พนักงานกล่าว พร้อมกับส่งยิ้มไปให้ด้วยท่าทีเป็นมิตร

“ใช่ค่ะ ไม่ทราบว่าเริ่มสัมภาษณ์กันเลยไหมคะ” เขมิกาถามด้วยความตื่นเต้นเพราะเป็นงานแรกตั้งแต่เธอเรียนจบมา เธอสนใจทำงานที่ไร่นี้เพราะรุ่นพี่ที่จบไปแล้วแนะนำเธอมาว่าที่นี้ต้องการสัตวแพทย์ที่มีความทุ่มเทกับการทำงาน พร้อมกับเงินเดือนที่เหมาะสม

“คุณเขมิกานั่งรอสักครู่นะคะ พ่อเลี้ยงกับผู้ช่วยกำลังเข้ามาค่ะ พอดีมีปัญหาที่ไร่ค่ะ น่าจะเข้ามาประมาณ 10 โมง ถ้ายังงัยคุณเขมิกาไปนั่งรอที่คาเฟ่ข้างๆ สำนักงานก่อนได้นะคะ”

“ได้ค่ะ ถ้าอย่างงั้น ไม่ทราบขอไปดูรอบๆ ไร่ใกล้ๆ นี้หน่อยได้ไหมคะ ตอนนี้พึ่ง 8 โมงเองอะคะ” เขมิกาหันมาถามพนักงาน

“อ้อได้ค่ะ รบกวนอย่าพึ่งไปไหนไกลนะคะ หากพ่อเลี้ยงมาก่อนเดี๋ยวจะโทรเรียกได้ค่ะ”

“ได้ค่ะ ถ้าอย่างงั้นถ้าพ่อเลี้ยงใกล้มาถึงโทรมาได้เลยนะคะ”

เขมิกาเดินออกไปจากสำนักงานมุ่งตรงไปที่คาเฟ่ด้วยท่าทียิ้มแย้มแจ่มใส ใบหน้าที่มักจะยิ้มอยู่ตลอดเวลาของเธอทำให้พนักงานรวมทั้งลูกค้าที่มาใช้บริการหันมองเธอเป็นตาเดียว ด้วยความที่เธอมีผิวที่ขาว ขนาดตัวที่สมส่วนกับความสูงเกือบ 170 ซม. ท่าทีที่ดูทะมัดทะแมง แต่ที่ทำให้ดึงดูดผู้คนก็น่าจะเป็นรอยยิ้มที่ดูสดใสอยู่ตลอดเวลานั้นเอง

“สวัสดีค่ะ อเมริกาโนแก้วนึงค่ะ” เขมิกาสั่งพนักงานในคาเฟ่ด้วยท่าทีเป็นมิตร ตอนนี้ร่างกายของเธอต้องการกาแฟเป็นอย่างมาก เพราะด้วยความตื่นเต้นเรื่องสัมภาษณ์งาน เมื่อคืนเธอจึงนอนไม่ค่อยหลับ

“ได้ค่ะ ไม่ทราบรับอะไรเพิ่มอีกไหมคะ”

“ไม่ค่ะ ขอไปนั่งรอด้านนอกนะคะ บรรยากาศในไร่ดีมากเลยค่ะ”

“ค่ะ เดี๋ยวจะให้พนักงานไปเสิร์ฟให้นะคะ” พนักงานกล่าวด้วยท่าทียิ้มแย้ม

โห บรรยากาศดีสุดๆ ไปเลย ถ้าเธอได้ทำงานที่นี้คงมีความสุขน่าดู ขอนั่งดูบรรยากาศดีดีก่อนแล้วกัน ในไร่ถ้าเธอได้ทำงานที่นี้จริงๆ คงได้ไปเดินดูจนหนำใจแน่ๆ เขมมิกาแอบคิดในใจ

“กาแฟได้แล้วค่ะ” พนักงานกล่าว

“ขอบคุณมากค่ะ” เธอนั่งดูบรรยากาศของร้านคาเฟ่ที่อยู่ท่ามกลางไร่ส้ม ฟาร์มเลี้ยงสัตว์ ทิวเขาและแม่น้ำที่อยู่ไกลออกไปด้วยความเพลิดเพลิน จนกระทั่งใกล้เวลาสัมภาษณ์งานที่ได้นัดเอาไว้เธอจึงเดินออกจากคาเฟ่ไป

“คุณเขมิกามาแล้วใช่ไหมคะ พ่อเลี้ยงกับผู้ช่วยมาถึงแล้วค่ะ ถ้าพร้อมแล้วเชิญเข้าไปห้องสัมภาษณ์ด้านในได้เลยค่ะ” พนังงานกล่าว

“ค่ะ” เขมิกาเดินเข้าไปด้านในด้วยความตื่นเต้น

“หายใจเข้าลึกๆ เขมิกา เธอทำได้อยู่แล้ว ไม่ต้องตื่นเต้น เธอเก่งอยู่แล้ว สู้ๆ นะเขมิกา” เธอให้กำลังใจตัวเองก่อนจะเปิดประตูเข้าไป

ตอนที่ 2

ณ ห้องสัมภาษณ์

“ก๊อก ก๊อก ขออนุญาตค่ะ” เธอเปิดประตู

ในห้องมีกรรมการนั่งอยู่ 2 คน คือเจ้าของไร่และผู้ช่วยของเขา เธอเข้าไปก็หันไปสบตากับเจ้าของไร่ทันที ใบหน้าเฉยชาดูเหมือนอารมณ์ค่อยดี กำลังพูดคุยกับผู้ช่วยด้วยท่าทีเคร่งเครียด แต่เมื่อทั้งสองคนหันหน้ามาเห็นเธอก็หยุดพูดคุยทันที ผู้ช่วยหันมายิ้มให้เธอ

“เชิญนั่งครับ ถ้าหายตื่นเต้นแล้วแนะนำตัวได้เลยครับ” ผู้ช่วยกล่าว

“สวัสดีค่ะ ดิฉันนางสาวเขมิกา ตันเจริญ ค่ะ เรียนจบจากคณะสัตวแพทย์ เกียรตินิยมอันดับหนึ่งค่ะ ดิฉันมีความตั้งใจที่จะทำงานด้วยความสามารถที่มี เป็นคนสู้งานค่ะ งานหนักแค่ไหนก็สู้ไหวค่ะ” เขมิกากล่าว

“แหม เป็นต้องจริงจังขนาดนั้นก็ได้ครับ เรามาคุยกันแบบสบายๆ เถอะครับ ถึงยังไงก็เป็นรุ่นน้องของเพื่อนพวกเราอยู่แล้วครับ เพื่อนพี่เค้าฝากให้ดูแลน้องดีๆ นะครับ พี่ชื่อชนินทร์นะครับ เรียกสั้นๆ ว่า พี่นินก็ได้ครับ ส่วนนี้เจ้าของไร่ คุณคิมหันต์ครับ ในไร่เค้าเรียกพ่อเลี้ยงครับ ส่วนน้อง ชื่อน้องเขมใช่ไหมครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ” ชนินทร์กล่าวด้วยท่าทางอารมณ์ดี

“สวัสดีค่ะพ่อเลี้ยง สวัสดีค่ะพี่นิน อ่า พอดีพี่เก้าแนะนำให้เขมมาสมัครงานที่นี้ดูค่ะ แต่ไม่ได้บอกว่าพี่เป็นเพื่อนสนิทกันค่ะ” เขมิกาตอบกลับไป

“ถ้าแนะนำตัวกันเสร็จแล้วก็เริ่มสัมภาษณ์ได้แล้ว เดี๋ยวต้องไปทำธุระต่อกันอีก จะได้ไม่เสียเวลา” พ่อเลี้ยงพึ่งกล่าวครั้งแรกตั้งแต่เขมิกาเดินเข้ามาในห้องสัมภาษณ์

“ไม่ต้องเกร็งครับ คุยสบายๆ พ่อเลี้ยงเค้าเป็นคนจริงจังกับชีวิตนะครับ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ถ้ายังไงเรามาเริ่มสัมภาษณ์งานกันเลยนะครับ”

เวลาผ่านไปเกือบ 2 ชั่วโมง

“โอเคครับ ทางไร่ยินดีต้อนรับน้องเขมเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในไร่นะครับ ถ้าน้องเขมพร้อมเริ่มงานเลยเดี๋ยวจะให้พนักงานนำทางไปดูที่พักพนักงานครับ วันนี้วันเสาร์ที่ไร่ค่อนข้างยุ่งนะ น้องเขมก็ย้ายเข้ามาพรุ่งนี้ได้เลย แล้วสามารถเริ่มงานวันจันทร์ได้เลยนะครับ” ชนินทร์กล่าว

“เขมพร้อมเริ่มงานได้เลยค่ะ เดี๋ยวจะย้ายของเข้ามาวันอาทิตย์นะคะ ขอบคุณพ่อเลี้ยงกับพี่นินมากๆ เลยค่ะ ที่รับเขมเข้าทำงาน เขมจะทำให้เต็มที่นะคะ”

“ยินดีต้อนรับสู่ไร่ธารคีรี หวังว่าเธอจะสู้งานอย่างที่พูดไปนะ ตั้งใจทำงานให้ดี อย่าให้รุ่นพี่ที่เค้าฝากฝังเธอมาเค้าผิดหวังละ” พ่อเลี้ยงกล่าว

“ขอบคุณพ่อเลี้ยงค่ะ เขมจะไม่ทำให้ผิดหวังเลยค่ะ” เขมิกากล่าวไปด้วยความเกร็ง ตั้งแต่นั่งในห้องสัมภาษณ์พ่อเลี้ยงเอาแต่จ้องเธอ แทบจะถามเธอนับคำได้

“โอเคครับน้องเขม ไว้เจอกันวันจันทร์ครับ ยินดีต้อนรับสู่ไร่ธารคีรีนะครับ มีปัญหาอะไรคุยกับพี่ได้เลยนะ คิดซะว่าพี่เป็นพี่ชายเราก็ได้ ไม่ต้องเครียดตามพ่อเลี้ยงหรอก คนนี้เค้าจริงจังกับทุกเรื่องนะ” ชนินทร์กล่าวด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

“ขอบคุณมากค่ะ” เขมิกายกมือไว้ทั้งสองคนด้วยความมีมารยาท

คล้อยหลังเขมมิกาไป

“เป็นไงรุ่นน้องที่ไอเก้ามันฝากมา พอได้ไหมพ่อเลี้ยง” ชนินทร์เอ่ยถามพ่อเลี้ยงของไร่

“จากที่สัมภาษณ์ไปก็ดูพอใช้ได้นะ ท่าทางก็ดูทะมัดทะแมงเหมาะกับไร่เราอยู่ เดี๋ยวได้ทำงานสักเดือนคงรู้เองแหละว่าไหวไหม มึง ไอนิน เรื่องที่คุยค้างไว้ก็มาคุยต่อว่าจะจัดการยังไงได้บ้าง จะได้สรุปให้เสร็จในวันนี้เลย กูจะได้พักสักที ไม่ได้นอนตั้งแต่เมื่อคืนเนี่ย มาๆๆ คุยต่อ” พ่อเลี้ยงกล่าวด้วยท่าทีจริงจังอีกครั้ง

“ได้ครับพ่อเลี้ยง” ชนินทร์กล่าว

ตอนที่ 3

“ฮัลโหลค่ะแม่ เขมได้งานทำเรียบร้อยแล้วค่ะ แม่ไม่ต้องเป็นห่วง แม่ดูแลสุขภาพด้วยนะคะ ถ้าหนูว่างจากการทำงานหนูจะไปหาแล้ว เดี๋ยวหนูจะโทรหาแม่ทุกวันเลยค่ะ” เขมิกาโทรหาแม่เธอด้วยความตื่นเต้นที่ได้งานแล้วหลังจากเรียนจบมา

“ได้งานแล้วหรอลูก โอ แม่ดีใจด้วยนะ ขอให้หนูประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน ขยันทำงานนะคะลูกสาว ว่างๆ ค่อยมาหาแม่ก็ได้ค่ะ” แม่เธอกล่าวด้วยความดีใจ เธอมีลูกแค่หนึ่งคนค่อยเลี้ยงดูให้ความรักมาตลอดทั้งชีวิตของเธอ เธอเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ต้องใช้ความอดทนกว่าจะผ่านความยากลำบากมาได้ เธออดทนเพราะลูกสาวเพียงคนเดียวของเธอเป็นเด็กดีไม่เคยทำให้เธอผิดหวัง ทั้งเรื่องการเรียนและการใช้ชีวิต

“ค่ะแม่ หนูจะตั้งใจทำงานนะคะ ไว้เดี๋ยวหนูโทรหาแม่ใหม่ค่ะ ต้องเก็บของย้ายเข้าไปพักอยู่ในไร่ค่ะแม่ เพื่อให้ง่ายต่อการทำงานค่ะ หนูคิดถึงแม่มากๆ นะคะ ขอบคุณที่เลี้ยงดูหนูมาเป็นอย่างดีนะคะ จุ๊บๆๆ เขมรักแม่มากๆ นะคะ” เขมิกากล่าว

“แม่ก็รักหนูมากๆ นะคะ บ๊าย บาย  ลูกรัก”

วันจันทร์ ณ ไร่ธารคีรี

“สวัสดีค่ะหมอเขมใช่ไหม พี่ชื่อเอมอรเป็นสัตวแพทย์ประจำอยู่ที่นี้ค่ะ เรียกพี่อรเฉยๆ ก็ได้นะจ๊า เดี๋ยววันนี้เราจะเริ่มงานกันเลยนะ พอดีช่วงนี้มีสัตว์ป่าหลงเข้ามาในไร่ บางครั้งอาจจะมีเคสฉุกเฉินที่ต้องเข้าไปรักษาหรือผ่าตัดนอกสถานที่บ้าง ขอให้หมอเขมเตรียมตัวไว้ตลอดเวลานะคะ เพราะไร่เรามีอาหารอุดมสมบูรณ์อาจจะมีสัตว์ป่าบางชนิดหลงเข้ามาได้จ๊า พี่ทำงานอยู่ที่นี้ได้หลายปีแล้วถ้าหมอเขมมีปัญหาอะไรถามพี่อรได้เลยนะจ๊า” เอมอรกล่าวอธิบายเขมิกาเรื่องขอบเขตการทำงานในไร่แห่งนี้ ช่วงนี้หน้าที่หลักๆ ของเธอคือดูแลฟาร์มวัวภายในไร่เหตุเพราะมีโรคระบาดเข้ามาทำให้สัตวแพทย์ ผู้ช่วยสัตวแพทย์และสัตวบาลประจำฟาร์มค่อนข้างมีงานรัดตัว จึงได้หาคนมาแบ่งเบาภาระไม่ให้หนักเกินไป จึงได้หมอเขมเข้ามาทำงานในไร่นี้

“ได้ค่ะ พี่หมออรแนะนำเขมได้ตามสบายเลยค่ะ” เขมิกากล่าวด้วยความกระตือรือร้น

เขมิกาทำงานอยู่ที่นี้ได้ร่วมหนึ่งอาทิตย์แล้ว เธอตื่นนอนค่อนข้างเช้าเพราะทุกๆ เช้าเธอจะออกไปวิ่งออกกำลังกายเพื่อให้ร่างกายเตรียมพร้อมกับการทำงานอยู่เสมอ ถึงเธอจะเป็นผู้หญิงก็อย่าให้ใครมาว่าได้ว่าร่างกายอ่อนแอไม่เหมาะกับการทำงานในฟาร์ม งานที่เธอได้รับมอบหมายภายในฟาร์มมีความยากง่ายสลับกันไป เธอมีหน้าที่ในการรักษาโรคและอุบัติเหตุที่เกิดในสัตว์ประจำฟาร์มนี้ เพราะการทำงานที่เป็นระบบของฟาร์ม ทำให้เธอรู้สึกทึ่งกับความสามารถของพ่อเลี้ยงเป็นอย่างมาก เธอมักจะเห็นพ่อเลี้ยงเข้ามาที่ฟาร์มทุกเช้า และเมื่อตรวจความเรียบร้อยเสร็จก็จะไปตรวจความเรียบร้อยที่ไร่ส้มและรีสอร์ตต่อ

เช้าวันนี้เป็นวันหยุดของเธอ เขมิกาจึงก็วิ่งออกกำลังกายเป็นปกติ

“ตุ๊บ โอ๊ยย แง๊ๆๆๆๆๆ เจ็บจังเลย งื๊อๆๆๆ”

“เลี้ยงใครร้องนะ” เขมิกาหันซ้ายหันขวามองหาต้นเสียงที่กำลังร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด เธอหันไปเห็นเด็กผู้หญิงตัวขาวแต่งตัวน่ารักกำลังนั่งกุมหัวเข่าที่มีเลือดไหลและร้องไห้งอแงอยู่

“หนูคะ เจ็บมากไหม โอ้ๆ ไม่ร้องนะ ไหนขอพี่ดูหน่อยว่าเลือดไหลเยอะไหม ไหนเอามือออกจากหัวเข่าหน่อยค่ะ พ่อกับแม่หนูละคะ” เขมิกาพยายามหาพ่อแม่ของเด็ก เพื่อที่จะได้มาโอ้เด็กน้อยที่กำลังร้องไห้อยู่

“ฮื้อ ฮื้อ เจ็บจังเลยค่ะ หนูจะตายไหมคะ เลือดไหลเยอะมากๆ เลย ฮื้อ ฮื้อ” เด็กน้อยรู้สึกเสียใจที่วิ่งหกล้มจนได้แผล

“ไม่ตายหรอกค่ะ แค่ทำแผลก็หายแล้วค่ะ ไหนพ่อกับแม่หนูละคะ พี่จะได้บอกท่านให้พาหนูไปทำแผล หรือหนูมาพักที่รีสอร์ตค่ะ จำได้ไหมว่าห้องพักอยู่ที่ไหนหึ” เขมิกาปลอมเด็กน้อยให้หายร้องได้

“หนูไม่ทำแผลได้ไหม หนูกลัวเจ็บ น้ำสีฟ้าๆ ที่ต้องใส่ที่แผลมันแสบมากเลยค่ะ” เด็กน้อยกล่าวด้วยความกลับ

“ไม่เจ็บหรอกค่ะ มาค่ะ พี่จะพาไปทำแผล มาพี่จะอุ้มนะ หนูกอดคอพี่ไว้ละ อึ๊บ ไปกันค่ะ” เขมิกาตัดสินใจพาเด็กน้อยไปที่แผนกต้อนรับของรีสอร์ต เผื่อที่จะได้ให้พนักงานประกาศตามหาผู้ปกครองของเด็กน้อยพร้อมกันไปด้วยในระหว่างที่ทำแผล

“อุ๊ย คุณหนู ไปทำอะไรมาค่ะ ทำไมให้หมอเขมอุ้มมาอย่างนั้นละค่ะ” พี่ฝน พนักงานต้อนรับรองด้วยความตกใจ พร้อมกับวิ่งเข้าไปหาด้วยความรวดเร็ว

“พี่ฝนรู้จักเด็กน้อยคนนี้ด้วยหรอค่ะ พอดีเขมไปวิ่งแล้วเห็นน้องเค้าหกล้มค่ะ แต่ไม่เห็นพ่อกับแม่น้องเค้าเลยพามาให้พี่ฝนตามหาให้หน่อยอะค่ะ และจะได้ทำแผลไปด้วยเลยระหว่างที่รอ” เขมิกากล่าวกับพี่ฝน พนักงานต้อนรับ

“ฮื้อๆๆ พี่ฝนค่ะ หนูเจ็บมากเลย หนูไม่อยากทำแผลค่ะ พี่ฝนโทรเรียกปะป๊าให้หนูหน่อยได้ไหมคะ บอกปะป๊าว่าหนูแค่อยากกินไอติมเลยหนีออกมาไม่ได้บอกนมไว้ค่ะ ฮื้อๆๆ” เด็กน้อยร้องไห้ด้วยความเจ็บ

“ได้ค่ะ เดี๋ยวพี่ฝนโทรหาปะป๊าให้นะคะ หมอเขมค่ะ พอดีพนักงานพึ่งเปลี่ยนกะไป รบกวนหมอเขมทำแผลให้คุณหนูหน่อยได้ไหมคะ” พี่ฝนกล่าวด้วยความเกรงใจแล้วรับวิ่งไปหยิงกล่องปฐมพยาบาลมาให้ด้วยความรวดเร็ว แล้วเดินไปที่เคาน์เตอร์โทรศัพท์หาปะป๊าของเด็กน้อยด้วยความร้อนใจ

“ได้ค่ะพี่ฝน ไม่มีปัญหาค่ะเดี๋ยวเขมทำแผลให้เองค่ะ มาค่ะเด็กน้อยเดี๋ยวพี่จะทำแผลให้นะคะ”

เด็กน้อยมองเขมิกาด้วยดวงตาที่แดงก่ำเพราะผ่านได้ร้องไห้มา

“หนูไม่อยากทำ ให้ปะป๊ามาก่อนค่อยทำได้ไหมคะ หนูเจ็บค่ะ น้ำสีฟ้าๆ ใส่แผลแล้วมันแสบมากๆ เลยค่ะ” เด็กน้อยร้องไห้ออกมาอีกครั้งเมื่อนึกถึงความแสบตอนทำแผลเมื่อครั้งก่อน

“ไม่เจ็บค่ะ อันนี้เป็นน้ำสีใสๆ รับรองไม่แสบแน่นอน เดี๋ยวพี่จะทำเบาๆ นะคะ พี่ทำแผลเก่งๆ มากเลยนะ ไหนหนูชื่ออะไรคะ บอกพี่มาหน่อยค่ะ ถ้าให้พี่ทำแผลพี่จะพาไปทานไอติมที่หนูอยากกทานด้วยน๊า” เขมิกาพยายามหลอกล้อให้เด็กน้อยทำแผล

“หนูชื่อธาราค่ะ ไม่แสบจริงๆ ใช่ไหมคะ” เด็กน้อยยังคงหวาดระแวง

“ไม่เจ็บค่ะ เป็นไงค่ะ ไม่แสบเลยใช่ไหม” เขมิกาเอาน้ำเกลือล้างแผลให้เด็กน้อยด้วยความเบามือ เธอล้างแผลแล้วทายาด้วยความรวดเร็วเพราะกลัวเด็กน้อยจะร้องไห้ออกมาอีกครั้ง เรื่องทำแผลเธอมีความสามารถไม่เป็นสองรองใคร เพราะด้วยอาชีพของเธอที่ต้องผ่าตัดและทำแผลอยู่เป็นประจำ จึงทำแผลให้เด็กน้อยเสร็จด้วยความรวดเร็ว

“อึ๊บ เสร็จแล้วค่ะ เป็นไงคะ ไม่เจ็บเลยใช่ไหม” เขมิกาเอ่ยถามเด็กน้อย

“โอ๊ะ เสร็จแล้วหรอคะ เร็วจัง ทำไมไม่เหมือนปะป๊าเลยทำช้ามากหนูเจ็บทุกทีเลยค่ะ อุ๊ย ปลาสเตอร์ลายสวยจัง” เด็กน้อยมองปลาสเตอร์ลายสวยที่ติดอยู่ที่แผลจะทำให้ลืมความเจ็บไป

“หมอเขมคะ ปะป๊าคุณหนูกำลังจะออกมารับค่ะ อ่า พอดีคุณหนูยังไม่ได้ทานข้าวเลยค่ะรบกวนหมอเขมพาคุณหนูไปทานที่คาเฟ่รอปะป๊าน้องมารับได้ไหมคะ พอดีพี่อยู่ที่เคาน์เตอร์คนเดียวค่ะวันนี้” พี่ฝนกล่าวบอกเขมิกาด้วยความเกรงใจที่ต้องรบกวนหมอสาว

“หนูอยากทานไอติมด้วยค่ะพี่ฝน” เด็กน้อยกล่าวด้วยความตื่นเต้นที่จะได้ไปคาเฟ่ที่เป็นเป้าหมายของวันนี้เพื่อทานไปติม จนลืมเจ็บแผลไปซะสนิท

“ได้ค่ะพี่ฝน เขมว่างพอดีค่ะวันนี้วันหยุด เดี๋ยวเขมไปทานข้าวพร้อมน้องธาราไปด้วยเลยค่ะ จะได้ไม่เสียเวลา บอกปะป๊าน้องมารับที่คาเฟ่ได้เลยนะคะ” เขมิกากล่าวออกไปเพื่อให้พี่ฝนสบายใจ เพราะเธอว่าจะไปในเมืองเพื่อซื้อของส่งไปฝากแม่เพราะวันนี้เป็นวันหยุดพอดี

“ไปค่ะเด็กน้อยเราไปทำให้ท้องเราอิ่มจะได้มีแรงสู้กับแผลกันค่ะ” เขมิกาเข้าไปอุ้มเด็กน้อยที่ยังเดินไม่ได้เนื่องจากแผลที่หัวเข่า เด็กน้อยมีท่าทีที่ดีขึ้นเมื่อได้ยินพี่สาวคนสวยพูดเรื่องของกินที่ตัวเองอยากกินจนทำให้ล้มจนเป็นแผล

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!