1. บทที่ 1
ในคฤหาสน์หลังใหญ่ตระกูลหลี่ ปี 1960 ‘s ภายในห้องรับแขกของบ้าน หญิงสาวท้องแก่ใกล้คลอดลูกคนที่สาม กำลังนอนเอนกายอยู่บนเก้าอี้โยกตรงริมหน้าต่างบานใหญ่
เปิดรับลมที่พัดมาจากสวนสวย ปลูกดอกไม่หายากหลากหลายสายพรรณ พัดพากลิ่นหอมผ่านผ้าม่าน โปร่งบางที่เปิดรับลม พาให้มันปลิวไหวน้อยๆอย่างน่ามอง
พอให้หญิงสาวท้องโตทว่า ร่างกายยังบอบบางอวบอิ่มดูสุขภาพดี นอนหลับกลางวันได้อย่างเป็นสุข
ถัดมาจากหน้าต่างที่เธอนอนอยู่ไม่มากนัก มีเด็กชายสองคนวัยเก้าขวบ นั่งทำการบ้านในช่วงวันหยุด เฝ้ามารดาที่ท้องแก่ใกล้คลอดเต็มที
ทั้งสองนั่งอ่านหนังสือเรียน ทำการบ้านพูดคุยกันเงียบๆอย่างรู้ความ ไม่รบกวนมารดาที่อยู่ใกล้ๆ ตามคำสั่งของคุณพ่อที่ได้กำชับไว้ ตั้งแต่เช้าก่อนออกไปทำงาน
คฤหาสน์หลังนี้มีสมาชิกอยู่หกคน ไม่รวมแม่บ้านและคนสวน คนขับรถของบ้าน ส่วนคุณปู่คุณย่าออกไปทำธุระข้างนอกตั้งแต่เช้า กำลังจะกลับมาอีกไม่นานนี้
แม่บ้านสี่คนของบ้าน ต่างแบ่งหน้าที่กันทำงานไม่ไกลจากห้องที่นายหญิงน้อยของบ้าน นอนไม่ไกลกันนัก เผื่อเกิดเหตุฉุกเฉินไม่คาดคิดขึ้น คนขับรถที่บ้านมีสองคน
หนึ่งคนไปกับท่านจอมพลและนายหญิงใหญ่ อีกคนอยู่ที่บ้านและคนสวนหนึ่งคน ในบ้านหลังเล็กข้างคฤหาสน์หลังใหญ่ภายในรั้วเดียวกัน ยังมีคุณหมอ ที่นายหญิงใหญ่จ้างมาดูแลลูกสะใภ้เป็นพิเศษอีกหนึ่งคน
ซ่งผู่เย่วที่ทุกคนกำลังเป็นห่วงอยู่ตอนนี้ กำลังนอนหลับลึก
ภายในความฝัน เธอฝันเห็นว่าตัวเธอเอง นอนอยู่บนเก้าอี้โยกในสวนคฤหาสน์ตระกูลหลี่
แต่รอบๆ ข้างเธอ จากที่เป็นภูเขาน้ำตกจำลองในสวนธรรมดาๆ กลายเป็นชั้นน้ำตกสูง เหมือนน้ำตกในป่าลึก สีน้ำเป็นสีเขียวมรกต แสงแดดที่ส่องลงมายังผิวน้ำ เกิดประกายระยิบระยับดูสวยเป็นพิเศษ
ข้างใต้ผิวน้ำ มีปลาหลี่สีสวย แหวกว่ายอยู่ในบึงบ่อกว้าง พื้นทางเดินที่ปูด้วยหินธรรมดา กลายเป็นแผ่นหยกสีเขียวสว่างเรืองแสง ทอดยาวออกไปไกลสุดสายตา
ดอกไม้ที่จากเดิมก็สวยอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ในความฝันของเธอ พวกมันชูช่อผลิบาน ราวกับรอต้อนรับบางสิ่งบางอย่าง ราวกับมีชีวิตอย่างร่าเริง
สวนสวยในคฤหาสน์ตระกูลหลี่ ตอนนี้กลายเป็นทุ่งดอกไม้ และภูเขาน้ำตกในป่าลึกไปสะแล้ว
แต่ในความรู้สึกของซ่งผู่เยว่ เธอไม่ได้รู้สึกกลัวเลยสักนิด
เธอจะกลัวได้อย่างไร สิ่งที่เห็นตรงหน้ามันช่างวิเศษขนาดนี้ มีสัตว์เล็กสัตว์น้อยน่ารักเต็มไปหมดเลย เสียงนกร้องอยู่รอบๆตัว ราวกับขับขานบทเพลงไพเราะให้เธอได้ฟังอย่างเพลิดเพลิน
ในความฝันเธอ เธอไม่ได้ลุกไปไหน ยังคงนอนเอนกายอยู่บนเก้าอี้โยกตัวเดิม
มองดูทิวทัศน์รอบตัว ฟังเสียงนกร้องอย่างสบายใจ ราวกับว่านี่คือของขวัญสุดพิเศษของเธอ
เธอเงยหน้ามองท้องฟ้าสว่างสดไสข้างหน้า เห็นจุดสีขาวเรืองรอง ลอยเข้ามาหาเธอ พอจุดนั้นเข้ามาใกล้ระยะสายตา
เธอถึงได้เห็นเป็นท่านผู้เฒ่าเคราขาวในชุดโบราณสีขาวสว่าง
เหินกายลงมา เหยียบลงพื้นหินหยกทางเดินข้างหน้าอุ้มห่อผ้าตรงเข้ามาหาเธอ เธอจึงลุกขึ้นยืนอย่างบังคับตัวเองไม่ได้และรับห่อผ้านั้นมา
จึงได้เห็นว่าเป็นเด็กทารกผิวขาว ตัวอ้วนจำม่ำน่ารัก ส่งยิ้มโชว์เหงือกแดงดวงตากลมโตราวลูกองุ่นหยีลง พาให้คนยิ้มตามด้วยความเอ็นดูเด็กน้อยอารมณ์ดีในอ้อมกอดเธอ
ซ่งผู่เย่วเงยหน้ามองชายชราเคราขาวตรงหน้า ที่มาถึงก็ไม่กล่าวอะไรซักคำ มาถึงก็ยัดห่อผ้าเด็กทารกให้อุ้มเสียอย่างนั้นอย่างมีคำถาม
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ขอโทษที ที่ไม่ได้กล่าวอะไรก็ยื่นเจ้าเด็กน้อยนี่ให้อุ้ม นี่น่ะเป็นลูกสาวที่จะมาเกิดของเจ้า จงรับไว้และดูแลให้ดี เจ้าเด็กนี่น่ะเกิดมาพร้อมโชควาสนาที่มากมายนัก”
พอพูดจบก็ไม่รอให้ซ่งผู่เยว่ได้ตอบรับหรือว่าพูดอะไร เขาก็เหินกายขึ้นฟ้าหายวับไปทันที ราวกับจะไปส่งเด็กคนต่อไปไม่ทันซะอย่างนั้น
ซ่งผู่เยว่ก็ไม่ได้สนใจอะไรแล้วตอนนี้ ตั้งแต่ได้ยินว่านี่คือลูกสาวที่จะมาเกิดของเธอ จึงก้มลงส่งยิ้มหวานทักทายเจ้าก้อนกลมตัวน้อยเสียงหวาน
“ ว่ายังไงคะเจ้าตัวน้อยของแม่ อยู่กับแม่นะคะ แม่จะรักและดูแลหนูให้ดีที่สุด เท่าที่แม่คนหนึ่งจะทำได้เลย ยังมีคุณพ่อ คุณปู่คุณย่า คุณตาคุณยาย หนูยังมีพี่ชายอีกสองคนด้วยนะเด็กดี”
เธอพูดพร้อมกับหมุนตัวกลับมา นั่งที่เก้าอี้โยกตัวเดิมพร้อมกับเจ้าตัวน้อยในอ้อมแขน ที่ราวกับฟังคุณแม่ของเธอพูดรู้เรื่อง ส่งเสียงอ้อแอ้ตอบรับ พร้อมยิ้มหวานส่งให้
ซ่งผู่เย่วไม่รู้ว่าในความฝัน เวลาผ่านไปยาวนานเท่าไรแล้ว ที่ใช้เวลาหยอกล้อเล่นกับลูกสาวตัวน้อยของเธอ มารู้สึกตัวตื่นตอนที่เธอเจ็บหน่วงท้อง
เธอลืมตาตื่นขึ้นมามองรอบข้าง พร้อมขยับตัวหันมาทางโต๊ะหนังสือของลูกชาย ที่มักจะมานั่งทำการบ้านเฝ้าเธอ พอเห็นลูกชายทั้งสองยังนั้งอยู่ที่เดิมเธอจึงข่มความปวดลงแล้วส่งเสียงบอกลูกชาย
“ เสี่ยวฮุ่ย ลูกไปบอกป้าฉางให้เตรียมห้องคลอดให้พร้อมที ส่วนเสี่ยวเจิน ลูกไปตามคุณหมอเสิ่นลู่จิวที่บ้านเล็กแม่จะคลอดน้องแล้ว”
พอเด็กชายทั้งสองได้ยินเสียงคุณแม่แล้ว จึงหันขวับมามองพร้อมกัน และตาโตกับสิ่งที่ได้ยิน ทั้งสองต่างออกตัววิ่งไปทำตามที่คุณแม่บอกทันที
ต่างตื่นตระหนกกลัวคุณแม่เป็นอะไร เพราะตอนที่ทั้งสองหันไปมอง เห็นสีหน้าไม่ดีเลย
พอรีบร้อนบอกคนในบ้านเสร็จ หลี่เฟยฮุ้ยจึงต่อสายหาคุณพ่อที่ทำงานทันที ส่วนหลี่เฟยเจินรีบกลับไปอยู่กับคุณแม่แล้ว
“คุณพ่อ คุณแม่เจ็บท้องจะคลอดน้องแล้วครับรีบมานะครับสีหน้าคุณแม่ไม่มีเลย”
ทางด้านหลี่เฟยหรง หลังวางสายจากลูกชายคนโต เขารีบร้อนกลับบ้านทันที หวังจะกลับมาทันก่อนที่ภรรยาจะคลอด
ประจวบเหมาะกับที่ท่านจอมพลและนายหญิงใหญ่กลับมาถึงบ้าน ทันได้ยินเสียงวุ่นวายในบ้าน ทั้งสองจึงได้รีบร้อนเข้าบ้านไปด้วยความเป็นห่วงลูกสะใภ้
พอจางเลี่ยงเหลียง คุณนายใหญ่เข้ามาในห้องรับแขก เห็นซ่งผู่เย่วนอนอยู่บนเก้าอี้โยกริมหน้าต่าง มีสีหน้าเจ็บปวดจึงรีบเดินเข้าไปหาทันที
ในบ้านไม่มีผู้ชายตัวใหญ่พอจะอุ้มสะใภ้ของเธอเข้าห้องคลอดได้เลย มีแต่แม่บ้านหญิงวัยกลางคน คนขับรถกับคนสวนก็ไม่กล้าเข้ามา
เพราะเห็นว่านายหญิงน้อยของบ้านจะคลอดแล้ว คุณหมอเสิ่นลู่จิ่วตอนนี้กำลังตรวจครรภ์และชีพจรอยู่
“คุณหมอเสิ่น เยว่เอ๋อร์พร้อมคลอดหรือยังคะ”
... เธอถามเมื่อเห็นคุณหมอตรวจครรภ์และจับชีพจรเสร็จ...
“ ต้องรอน้ำคร่ำแตกก่อนและรอช่องคลอดเปิดด้วยค่ะ แต่อีกไม่นานหรอกค่ะตอนนี้นายหญิงน้อยมีอาการเจ็บท้องถี่ๆแล้วละค่ะ เธอเจ็บมากเลยไม่กล้าขยับแรงด้วย "
จางเลี่ยงเหลียงเห็นว่าตอนนี้น้ำคร่ำยังไม่แตก จึงรีบหันมาบอกท่านจอมพลที่เดินตามมาพร้อมกันด้วยความร้อนใจ
“คุณคะรีบอุ้มเย่วเอ๋อร์ไปห้องทำคลอดเถอะค่ะยังทันน้ำคร่ำไม่แตก”
คนเก่าคนแก่เชื่อว่าห้ามผู้ชายถูกน้ำคร่ำหรือเลือดจากผู้หญิงที่คลอดบุตร เนื่องจากจะติดความอัปมงคลและโชคร้าย
เพราะเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้สกปรก แต่หล่อนไหนเลยจะยังคิดทำตามความเชื่อเหล่านี้อยู่อีก หากลูกสะใภ้เธอเป็นอะไรไปสิ่งเหล่านี้จะมีความหมายอะไร
หลี่เฟยเทียนรีบเข้ามาอุ้มลูกสะใภ้เข้าไปวางบนเตียงในห้องทำคลอดที่เตรียมไว้ ซึ่งอยู่ไม่ไกลกับห้องรับแขกเลยเพื่อความความสะดวก ตอนซ่งผู้เย่วพร้อมคลอด
คุณหมอเสิ่นลู่จิ่วรีบตามเข้าไปในห้องคลอดทันทีพร้อมแม่บ้าน เข้าไปเป็นผู้ช่วยให้เธอตอนทำคลอดด้วย ที่ผ่านมาเคยเตรียมพร้อมหลายๆอย่างไว้แล้ว ทุกอย่างจึงพร้อมทำคลอดทันที
คุณปู่คุณย่าของเด็กแฝดรั้งเด็กชายทั้งคู่ไม่ให้ตามเข้าไปในห้อง ให้เฝ้ารอน้องคลอดอยู่หน้าห้องด้วยกันก่อนจะปิดประตูทันที
ด้านหลี่เฟยหรงตอนนี้มาถึงบ้านแล้วด้วยความรวดเร็ว เนื่องจากคฤหาสน์ของตระกูลไม่ได้อยู่ไกลจากที่ทำงานของเขา บวกกับขับรถมาด้วยความเร็วเพราะในยุคนี้รถยนต์มีไม่มากนัก
“คุณแม่เย่วเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้างครับ เห็นเสี่ยวฮุ้ยบอกสีหน้าเย่วเอ๋อร์ไม่ค่อยดีเลย”
มาถึงหลี่เฟยหรงก็รีบส่งเสียงถามคุณย่าจางมาแต่ไกลด้วยความร้อนใจ
เด็กน้อยทั้งสองพอเห็นคุณพ่อมาถึงก็เข้ามาจับมือคนละข้างรีบลากคุณพ่อเข้ามาหาคุณย่าจางทันที
“เย่วเอ๋อร์ยังไม่คลอด แต่คุณหมอเสิ่นบอกอีกไม่นานแล้วละ รอมดลูกเริ่มขยายให้มากกว่านี้ก่อน ลูกใจเย็นๆ หน่อย”
คุณย่าจางพูดพลางลูบๆ ตบๆ หลังลูกชายคนเดียวของหล่อนให้ใจเย็นลง เมื่อเห็นเขาเหงื่อออกหน้าผากตามกรอบหน้าของเขา
หลี่เฟยหรงจึงพยายามใจเย็นลงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และเช็ดเหงื่อออกทั้งหมด เด็กชายทั้งสองก็พลอยสูดลมหายใจตามคุณพ่อไปด้วย
พอใจเย็นลงแล้วจึงมาหันมานั่งตรงโต๊ะหน้าห้องคลอด ไม่เดินไปเดินมาอีกแล้ว และพยายามใจเย็นลงให้ได้มากที่สุด
พอคุณย่าจางปลอบใจลูกชายหลายชายแล้ว เธอจึงหันมาหาท่านจอมพล ตั้งแต่พากันออกมาจากห้องคลอดก็เงียบมาตลอด จนเธอต้องหันมามองด้วยความสงสัย
หล่อนจึงเห็นว่าสามีเธอยืนทำหน้านิ่งเคร่งขรึม แต่หากสังเกตดีๆ จะเห็นว่าแววตาไหวระริกด้วยความตื่นเต้น หากแต่พอได้ยินเสียงลูกสะใภ้เบ่งคลอด ก็ยิ่งทำหน้าเคร่งเข้าไปไหญ่
ด้วยความเป็นห่วงลูกสะใภ้และหลานที่กำลังจะเกิดมา หล่อนหันกลับมามองทางฝั่งลูกชายก็เห็นเขาทำสีหน้าเดียวกันก็ยิ่งนึกขำ
พลางส่ายหน้าด้วยความระอาในความเหมือนกันทั้งพ่อทั้งลูก ด้วยเข้าใจว่าอยากจะได้เห็นหน้าหลานสาวที่หล่อนกับสามีฝันเห็นตั้งแต่เมื่อคืนเหมือนๆ กัน
จึงพูดคุยกันก่อนออกไปทำธุระวันทั้งวันก็เตรียมตั้งชื่อเอาไว้แล้วเรียบร้อย ใครเลยจะรู้ว่าฝันเมื่อคืนเช้ามาสายๆ หน่อยที่หล่อนกับสามีไม่อยู่บ้าน กลับมากลับจะได้เจอหน้าหลานสาวแล้วช่างน่ายินดีนัก
เสียงในห้องคลอดยังดังอย่างต่อเนื่องท่ามกลางความร้อนใจและเอาใจช่วยของทุกคนหน้าห้องคลอด
จนใช้เวลาเกือบสองชั่วโมงจึงได้มีเสียงร้องของเด็กทารกร้องดังออกมาจากในห้อง
“ อุแว๊ อุแว๊ อุแว๊ อุแว๊ ……….”
“เสียงน้องครับพ่อ น้องออกมาแล้วครับ”
เด็กชายทั้งสองคนของบ้านพูดออกมา พร้อมกับกระโดดกอดกันด้วยความดีใจ
นี่นับว่าคลอดไวมาก ปกติต้องรออีกหลายชั่วโมงเลยทีเดียว หลานสาวของพวกหล่อนเป็นเด็กดีจริงๆ
ป้าฉางที่เข้าไปเป็นผู้ช่วยของคุณหมอเสิ่น อุ่มคุณหนูน้อยออกมา พร้อมใบหน้ายิ้มแย้มด้วยความยินดีที่ทั้งนายหญิงน้อยและคุณหนูน้อยปลอดภัย
" เป็นคุณหนูน้อยค่ะนายหญิงใหญ่ นายหญิงน้อยปลอดภัยดีค่ะ"
ป้าฉางพูดด้วยความยินดี พร้อมยื่นห่อผ้าคุณหนูน้อยของเธอให้นายหญิงใหญ่อุ้ม
\*\*\*\*\*\*\*\*\*\*\*\*\*\*\*\*\*\*\*\*\*\*\*\*\*\*\*\*\*\*\*
คุณย่าจางยื่นมือไปรับหลานสาวตัวน้อยในห่อผ้าจากป้าฉาง เมื่อได้ยินว่าลูกสะใภ้ปลอดภัยดีแล้วก็หมดห่วง ไม่สนใจอะไรอีกนอกจากหลานสาวตัวน้อยของเธอ
ส่วนลูกชายหลายชายนั้นแม้จะอยากเข้าไปดูสะใภ้ของเธอก็ยังเข้าไม่ได้ เพราะในห้องยังจัดการไม่เรียบร้อยดีนัก ทุกคนจึงได้เข้ามาห้อมล้อมคุณย่าจางขอดูสมาชิกใหม่ของบ้านอย่างตื่นเต้น
"ดีๆ ดีจริงๆ ทั้งสองปลอดภัยก็ดีแล้วหย่าเออร์ของย่าไหนให้ย่าดูหน้าหน่อยสิลูก"
คุณย่าจางพูดออกมาด้วยความสุขที่ปริ่มล้นออกมาผ่านน้ำเสียงของเธอ หลานสาวตัวน้อยของเธอมีผิวขาวอมชมพูหน้าตาหลังจากทำความสะอาดหลังคลอดแล้วดูน่ารักน่าเอ็นดูมาก
สมกับที่มีพ่อแม่หน้าตาดีเป็นที่หมายปองของวงสังคมในเมืองหลวงจริงๆ ดวงตากลมโตราวลูกองุ่นพราวระยับของหลานสาวจ้องมองเธออย่างสนใจ
ริมฝีปากจิ้มลิ้มสีชมพูน้อยๆ นั้นยิ้มกว้างโชว์เหงือกสีแดงให้เธอ รอยยิ้มนี้ใบหน้านี้เหมือนกับในความฝันเมื่อคืนของเธอเลย
“ท่านจอมพล คุณดูหน้ายัยหนูสิว่าเหมือนในความฝันที่คุณเห็นเมื่อคืนรึเปล่า”
คุณย่าจางถามสามีด้วยตื่นเต้น พลางขยับตัวไปไกล้ๆ เพื่อจะเห็นกันได้ชัดขึ้น เด็กทารกห่อด้วยผ้าแพรสีน้ำนมที่ถูกอุ้มอยู่ตอนนี้ใครเลยจะรู้ว่าเนื้อในจริงๆ แล้ว
หาใช่จิตวิญญาณของทารกพึ่งคลอดไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยจริงๆกัน เธอเป็นหญิงสาวกำลังจะเข้ามหาลัยใช้ชีวิตในช่วงนั้นอย่างสุดสนุกสนาน ให้สมกับได้มีอิสระออกมาอยู่คนเดียวในเพนเฮ้าส์หรู
ที่เป็นธุรกิจของที่บ้านเพื่อลองเติบโตเองบ้าง ไม่ต้องคอยอยู่ในสายตาของพ่อแม่หรือเหล่าญาติๆ สนิททั้งหลายอีก ที่คอยดูแลราวไข่มุกล้ำค่า
เธอเป็นหลานสาวลูกสาวคนเล็กสุดของตระกูลหรือจะเรียกว่าลูกหลงก็ได้ เพราะแม่มีเธอตอนอายุมากแล้วทุกคนจึงรักเธอมาก เธอจึงไม่เคยออกมาใช้ชีวิตเองเลย
แต่สุดท้ายเป็นยังไงล่ะ เพราะความเอาแต่ใจนี่แหละเธอจึงตามเพื่อนใหม่ที่พึ่งรู้จัก ตอนไปรายงานตัวเข้ามหาลัย พากันเข้าคลับแห่งหนึ่งกลางกรุง เพราะความอยากรู้อยากเห็นทั้งที่อายุยังไม่ถึงแท้ๆ
เลยโดนลูกหลงจากการมีเรื่องกันของผู้ชายโต๊ะข้างๆ ลูกกระสุนปืนที่ไม่รู้ว่าพวกมันแอบเอาเข้ามากันได้ยังไง โดนเข้ากลางหน้าผากเธอแม่นราวจับวาง
สุดท้ายเธอจึงได้มาเกิดใหม่ในโลกเสมือนโลกใบเดิมของเธอ เพียงแต่ต่างยุคกันเท่านั้น ดีที่ชีวิตเก่าไม่เคยทำบาปทำกรรมหรือเคยทำร้ายใคร เพียงแค่มีนิสัยเอาแต่ใจบ้างนิดหน่อยตามประสาลูกรักหลานรักของคนทั้งตระกูล
ตลอดชีวิตจึงมีแต่ผลบุญที่ทำมา เพราะการไปงานการกุศลหรือการบริจากสิ่งของ บริจากเงินที่เธอติดตามญาติๆ ผู้หญิง และไปกับคุณแม่ของเธอทุกครั้งที่มีงานบุญแบบนี้เธอจะไม่พลาดต้องเข้าร่วมทุกครั้ง
อีกทั้งคุณแม่เธอชอบทำบุญมาก มีครั้งหนึ่งที่เคยร่วมทำบุณใหญ่ด้วยกัน ตอนที่เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ของประเทศ เธอกับคุณแม่จึงร่วมกันช่วยเหลือคนประสบภัยครั้งใหญ่ตอนนั้นด้วย นั่นจึงน่าจะเป็นบุญใหญ่ที่สุดที่เธอทำเลยก็ว่าได้
พอตายขึ้นมาจริงๆ เธอจึงได้เจอกับท่านเซียนหรือท่านเทพเธอก็ไม่แน่ใจนัก ที่คอยดูแลเหล่าทารกน้อยทั้งหลายที่มีไม่ถึงสิบคนในห้องโถงใหญ่ ที่พอมองออกไปทางหน้าต่างบานใหญ่ๆนั่นก็เห็นแต่ปุยเมฆมากมายลอยไปมาเต็มไปหมด
ในโถงใหญ่ที่เธอเห็นตกแต่งอย่างหรูหรามีแจกันสวยๆ และเคื่องปั้นที่เธอเรียกชื่อไม่ถูก ตกแต่งจัดวางไว้อย่างน่ามองพร้อมดอกไม้ที่เธอไม่รู้จักถูกจัดช่ออย่างสวยงาม
เธอไม่รู้ว่าอยู่ที่นั่นนานแค่ไหน ที่ผ่านมาก็เห็นท่านผู้เฒ่าเคราขาวชุดขาวทั้งร่างผู้นั้น คอยดูแผ่นหยกบางๆเรืองแสงสว่าง ที่มักจะแวบมาอยู่ในมือเมื่อเขาต้องการดูอะไรบางอย่างตลอด พอดูเสร็จก็จะอุ้มทารกน้อยเหินกายหายออกไปจากห้องโถงใหญ่นี่ตลอด
จนมาถึงคิวเธอถูกอุ้มออกไปบ้าง ถึงได้รู้ว่าผู้เฒ่าท่านนี้ทำหน้าที่ส่งทารกน้อยเข้าสู่อ้อมอกเหล่าแม่ๆ ก่อนถึงเวลาคลอดเหมือนกับที่เธอเจอคุณแม่คนใหม่ของเธอในความฝันของคุณแม่นั่นเอง
ท่านผู้เฒ่ายังบอกก่อนจะพาเธอไปส่งให้คุณแม่อีกว่าเพราะมีผลบุญที่เคยทำมา จึงจะส่งให้ไปเกิดกับครอบครัวที่ดีเหมือนชาติที่แล้วของเธอที่ทุกคนต่างรักเอ็นดูเธอ การเกิดใหม่ครั้งนี้จงทำดีสะสมผลบุญต่อไป เพื่อเป็นผลดีต่อเธอเอง
จนตอนนี้ได้มาอยู่ในอ้อมกอดคุณย่าแม้ดวงตาของเด็กทารกจะยังมองอะไรไม่ชัดนัก เธอก็ยังอยากสร้างความประทับใจ ในครั้งแรกที่พบหน้ากันให้กับทุกคนในครอบครัวเพราะเชื่อว่ามันสำคัญ
เธอจึงยิ้มกว้างโชว์เหงือกแดงๆ และดวงตากลมโตให้หยีลงส่งให้คุณปู่ที่ก้มลงมามองเธอใกล้ๆ จนคนแก่ที่ปกติจะทำหน้าเคร่งตลอดเวลา เพราะหน้าที่การงาน ตอนนี้ผ่อนคลายสีหน้าลง ส่งยิ้มตอบหลานสาวก่อนจะพูดด้วยเสียงอ่อนออกมาเบาๆเพราะกลัวหลานน้อยตกใจอย่างที่ไม่เคยทำ
“แอ๊ แอ๊..…” ทารกน้อยกำหมัดเล็กๆโบกแขนให้คุณปู่เมื่อเห็นคุณปู่มองมา
“โอ้! หน้าเหมือนกับในความฝันผมเลยเลี่ยงเหลียง หลานสาวตัวน้อยของปู่ช่างน่ารักนัก ยิ้มหวานให้ปู่ด้วย”
"ฮ่า ฮ่า ฮ่า นางฟ้าตัวน้อยของย่าเป็นเด็กอารมณ์ดีจริงเลย" คุณย่าจางหัวเราะเอ็นดูหลานสาวอย่างชอบใจ
“คุณย่า ให้ผมดูน้องด้วยสิครับน้องต้องสวยมากแน่ๆ เพราะคุณแม่ของพวกผมสวยมาก”
หลี่เฟยเจินแฝดคนน้องพูดขึ้น เมื่อเห็นคุณปู่กับคุณย่าไม่นั่งลงให้พวกเขาพี่น้องได้เจอหน้ากันสักที
“คุณย่านั่งก่อนเถอะครับยืนนานๆ ไม่ดีนักหรอกครับ”
หลี่เฟยฮุ้ยแฝดคนพี่พูดขึ้นอย่างมีชั้นเชิงเพื่อจะได้ดูหน้าน้องสาวโดยไม่ขัดจังหวะคนแก่เห่อหลานสาว
หลี่เฟยหรงที่โดนแย่งลูกสาวได้แต่ยืนมองลูกชายทั้งสองทักท้วงคนแก่ทั้งสองของบ้านอยู่เงียบๆ พอเห็นว่าคุณย่าจางนั่งลงพร้อมกับปู่หลี่แล้วเขาจึงได้ถือโอกาสนี้เดินไปข้างหลังเก้าอี้
ที่ทั้งสองนั่งเพื่อดูหน้าลูกสาวโดยไม่ต้องพูดอะไรให้ขัดใจคุณย่าจางตอนกำลังเห่อหลานให้โดนมองแรงใส่เหมือนลูกแฝดคนเล็กอีก
คุณพ่อลูกสามกับลูกชายคนโตของเขาช่างเจ้าเลห์เหมือนกันจริงๆ เสี่ยวเจินผู้ซื่อตรงได้แต่ยืนทำตาปริบๆ เมื่อโดนคุณย่าจางมองค้อนใส่ เสี่ยวเจินได้แต่คิดในใจว่าตนทำผิดอะไรเขาแค่อยากดูน้องสาวเท่านั้นเอง
“แอ๊ แอ๊….”
ทารกน้อยที่ทุกคนต่างแย่งกันอย่างเงียบๆ นั้น ตอนนี้โปรยยิ้มหวานพร้อมโบกแขนน้อยๆ ทักทายพี่ชายฝาแฝดทั้งสองเพื่อส่งความน่ารัก ครั้งแรกที่พบหน้ากันนี้ให้สลักลงในใจของพวกเขา
“ว้าว น้องสาวน่ารักมากครับคุณพ่อ”
เด็กชายทั้งสองพูดออกมาพร้อมกันเมื่อเห็นน้องน้อยยิ้มหวานส่งให้พวกเขา เสี่ยวฮุ้ยมองพ่อของเขาพลางส่งยิ้มกว้างให้ทว่าแววตาฉายแววโอ้อวดส่งให้พ่อของเขา
แต่มีหรือที่หลี่เฟยหรงจะมองไม่ออกว่าเจ้าลูกชายของเขาคิดอะไรอยู่ จึงได้แต่เข่นเขี้ยวในใจ
“ฮึ…”
หลี่เฟยหรงไม่สนใจมารยาทที่เป็นแบบอย่างที่ดีให้ลูกชายอะไรอีกแล้ว เข้าเดินอ้อมมาข้างหน้าแทรกกลางเจ้าลูกชายตัวดีทั้งสองและอุ้มเอาลูกสาวตัวน้อยของเขามาอุ้มเองมันซะเลย
“แอ๊!……”
ทารกน้อยร้องตกใจเมื่อโดนเปลี่ยนคนอุ้มไม่ทันได้ตั้งตัวเพราะมัวแต่โบกแขนน้อยๆ ให้พี่ชาย แต่พอเห็นว่านี่คือคนที่น่าจะเป็นคุณพ่อของเธอเอง
จึงชูกำปั้นน้อยๆโบกแขนโชว์ยิ้มหวานๆให้คุณพ่อหวังให้เขารักเอ็นดูเธอมากๆ เหมือนพ่อคนเก่าของเธอ
เธอไม่ได้มีความเสียดายชีวิตเก่ามากนักเพราะที่ผ่านมาเธอได้รับความรักและได้มอบความรักดูแลพวกท่านอย่างดีมาตลอด
และไม่เคยทำให้ผิดหวังเลยสักครั้งเป็นลูกที่ดีและหลานสาวที่ดีสมกับความรักที่พวกเขามอบให้เธอ
จะมีก็แต่เรื่องที่แอบไปคลับนี่แหละ ที่เธอเสียใจและรู้สึกผิดที่ต้องทำให้ทุกคนเสียใจกับการจากไปของเธอ
แต่ถึงเธอจะจากมาแล้วพ่อแม่เธอก็ยังมีพี่ชายเธออีกสามคนอยู่พวกเขาต้องดูแลพวกท่านได้ดีมากแน่ๆ
“ลูกสาวหนูน่ารักมากเลยครับ ยิ้มหวานเชียวดีใจที่ได้เจอพ่อหรือครับ ฮื้ม”
หลี่เฟยหรงพูดกับลูกสาวเสียงอ่อนเสียงหวานผิดกับเวลาพูดกับลูกชายไปคนละระดับเสียงเลยทีเดียว
ก็นะนี่ลูกสาวที่น่ารักของเขาจะมาพูดเสียงเข้มๆ อย่างที่พูดกับลูกชายได้ยังไงหากลูกสาวไม่รัก เขาต้องปวดใจจนตายแน่นอน
เขาได้แต่คิดในใจเข้าข้างตัวเองทำเป็นไม่รับรู้สายตาพ่อแม่ของเขาที่จ้องเขม่นใส่เขาที่มาแย่งหลานไป
ลูกชายทั้งสองของเขาได้แต่คิดว่าพ่อของเขาเป็นอะไรน้ำเสียงแปลกนักหรือพ่อเจ็บคอถ้าพ่อไม่สบายแล้วน้องสาวจะติดไข้ไปด้วยรึเปล่า
คุณแม่เคยบอกพวกเขาว่าหากไม่สบายให้เว้นระยะห่างกันก่อนเดี๋ยวจะติดไข้กันได้ เด็กชายทั้งสองคิดเป็นห่วงน้องสาวด้วยความกังวล
“ในห้องเรียบร้อยแล้วนะคะคุณซ่งผู่เย่วปลอดภัยดีค่ะดูแลบำรุงร่างกายคุณแม่หลังคลอดได้ตามปกติได้เลยค่ะ”
คุณหมอเสิ่นลู่จิวออกมาจากห้องคลอดพร้อมบรรดาแม่บ้านที่เข้าไปเป็นผู้ช่วยของเธอ และบอกเมนูอาหารบำรุงร่างกายและเรียกน้ำนมสำหรับคุณแม่พึ่งคลอด
คุณย่าจางรับฟังและจดจำไว้อย่างดีถึงเมนูและรายการบำรุงร่างกายต่างๆ สุดท้ายจ่ายค่ารักษาให้คุณหมอเรียบร้อยแล้วจึงสั่งให้ป้าฉางหัวหน้าแม่บ้านทำเมนูเรียกน้ำนมเตรียมไว้ให้ลูกสะใภ้คนโปรดของเธอ
ก่อนจะตามลูกชายหลายชายเข้าไปในห้องเพื่อดูอาการซ่งผู่เย่ว ส่วนสามีผู้เงียบขรึมของเธอน่ะหรือก็ยืนแนบชิดติดข้างกายเธออยู่นี่ไม่ได้ไปไหน
ลูกชายเธอติดภรรยาจนทะเลาะกับหลานชายเธอบ่อยๆ เรื่องแย่งแม่ของพวกเขายังไง สามีเธอก็เคยทะเลาะกับลูกชายเธออย่างนั้น ผู้ชายบ้านนี้เหมือนกันมากจนเธอยังสงสัยว่าจะเหมือนกันได้ยังไงขนาดนี้
“แอ๊ะ …..”
ซ่งผู่เย่วนอนพิงหัวเตียงอุ้มลูกสาวของเธอ หยอกล้อเล่นกับเจ้าตัวน้อยอารมณ์ดี แถมแรงดีไม่มีตกทั้งที่พึ่งคลอดแท้ๆ ท่ากำหมัดน้อยๆโบกแขนยิ้มหวานกลายเป็นท่าไม้ตายของเด็กน้อยทารกไปซะแล้ว
พอคุณปู่คุณย่าของเด็กๆ เข้ามาในห้องก็เห็นหลานสาวเธอยังคงร่าเริงดีดแขนดีดขาเล่นกับแม่และพี่ชายอย่างอารมณ์ดี
ลูกสะใภ้เธอไม่ได้เป็นอะไร พอเธอโลงใจเรื่องลูกสะใภ้แล้ว จึงนึกขึ้นมาได้ว่ายังไม่ได้บอกเรื่องการตั้งชื่อของหลานสาวที่เธอและสามีตั้งไว้ให้แล้วกับลูกชายลูกสะใภ้เลย จึงเอ่ยออกมาตัดหน้าลูกชายก่อนที่เขาจะทันได้พูดอะไร
“อาหรง เย่วเออร์ พ่อกับแม่ตั้งชื่อให้หลานสาวแล้วนะ”
คุณย่าจางพูดออกมาแทบจะทันทีที่นึกขึ้นได้ ไม่ให้ลูกชายได้ทันตั้งตัว เขาได้แต่มองพ่อและแม่ของเขาอย่างช่วยไม่ได้ลูกชายฝาแฝดของเขาที่เป็นหลานคนแรกของตระกูลน่ะเขายังพอเข้าใจได้
แต่นี่ลูกสาวตัวน้อยของเขาอีกเล่า ตอนแรกเขาก็หวังว่าท้องนี้อยากได้เป็นลูกสาวอยู่แล้วและตั้งใจจะเป็นคนตั้งชื่อเองคุณแม่ของเขาไม่ปราณีเขาเลยจริงๆ
หลี่เฟยหรงได้แต่คร่ำครวญในใจไม่กล้าพูดอะไรออกมาเพราะคุณแม่ของเขาดุมากแม้คำพูดไม่รุนแรงอะไร แต่แต่ละประโยคที่พูดออกมานั้นอาจทำให้เขารู้สึกผิดและรู้สึกว่าเขาอกตัญญูจนไม่มีหน้าไปมองใครได้อีก
“ครับ คุณพ่อกับคุณแม่ตั้งชื่อให้ลูกสาวผมต้องดีมากๆเลยครับ”
ท่านจอมพลหลี่หลืบมองหน้าลูกชายคนเดียวของเขาด้วยหางตาและดูถูกเขาในใจเมื่อเห็นสีหน้าไม่เต็มใจและคำพูดเสแสร้งว่ายินยอมแบบไม่จริงใจสุดขั้วของเขา
คุณนายใหญ่ของบ้านไม่ได้สนใจการส่งสายตามองกันของสองพ่อลูกนัก จึงเอ่ยชื่อหลานสาวที่เธอและสามีตั้งใจตั้งออกมา โดยไม่ได้มีความหมายของโชคลาภวาสนาเงินทองแต่อย่างใด
สิ่งเหล่านี้ตระกูลเธอมีมันจนมากเกินพอแล้วด้วยซ้ำ หวังเพียงแค่หลานสาวที่รักจะเติบโตมาอย่างสวยงามและมีความสุขที่สุดเพียงเท่านั้น
“ดี ถ้างั้นให้หลานสาวตัวน้อยชื่อว่าเฟยหย่า หลี่เฟยหย่า หลานย่าจะได้เติบโตมาอย่างสง่างามเพรียบพร้อมสมกับเกิดมาเป็นคนในตระกูลหลี่ เป็นนางฟ้าตัวน้อยแสนสวยของบ้านเรา”
เมื่อหลี่เฟยหรงและซ่งผู่เย่วได้ยินชื่อของลูกสาว ก็ยอมรับชื่อยนี้ด้วยความยินดีไม่ได้แย้งขึ้นมาแต่อย่างใด ชื่อนี้ความหมายดีมากเช่นกัน
เฟยหย่า โบยบินอย่างสง่างาม อย่างนั้นหรอพ่อกับแม่เลือกชื่อได้ถูกใจเขาจริงๆ ลูกสาวเขาจะได้เติบโตขึ้นมาอย่างสง่างาม เหมือนอย่างที่คุณแม่พูดจริงๆ
“แอ๊! อ้า อ้า….”
แม่หนูน้อยเมื่อได้ยินชื่อที่คุณย่าจางตั้งให้ก็ดีดแขนดีดขาไปมาอย่างคึกคัก ด้วยความยินดีส่งเสียงร้องตอบรับคุณย่าเสียงดังอย่างชอบใจ
นี่มันชื่อเดิมของเธอเลยเชียวนะ เมื่อมีชื่อเหมือนกับชื่อในชีวิตเก่ามันทำให้เธอได้เก็บความทรงจำที่ดีมากๆ ของชาติที่แล้วเอาไว้ผ่านชื่อนี้ได้โดยไม่ลืมไปตามกาลเวลาเมื่อเธอเติบโตขึ้น
ด้วยไม่แน่ใจว่าความทรงจำชาติที่แล้วมันจะอยู่กับเธอไปอีกนานเท่าไร คงมีแต่ชื่อนี้นี่แหละที่จะยังคงอยู่กับเธอ ยิ่งคิดเธอก็ยิ่งอบอุ่นหัวใจ คุณปู่หลี่กับคุณย่าจางดีที่สุดเลย!
“น้องต้องชอบชื่อที่คุณปู่คุณย่าตั้งให้มากแน่เลยครับน้องดูดีใจใหญ่เลย น้องเล็กน่ารักมาก!”
เสี่ยวเจินเด็กชายผู้ซื่อตรงของบ้านพูดชมน้องน้อยของเขาเสียงดังอย่างมันเขี้ยวเมื่อเห็นแขนขาน้อยๆ สีขาวอมชมพูเป็นปล้องๆ ขยับไปมาเขาอยากจะลองกัดดูจริงๆ มันดูน่ารักมาก!
หากเฟยหย่าได้ยินที่พี่ชายคนรองของเธอคิดอยากลองกัดแขนขาน้อยๆนี่แล้วละก็เธอคงไม่กล้าเอาออกมาโชว์สร้างความน่ารักอีกแน่นอน
เสี่ยวฮุ้ยพี่ชายคนโตตอนนี้นั่งเงียบเอามือปิดปากดวงตาพราวระยับจ้องมองแขนขาน้อยๆ ของน้องสาวขยับไปมาอยู่อย่างห้ามใจตัวเอง
เขารู้สึกไม่ต่างจากน้องชายเลย น้องสาวน่ารักมากอยากลองกัดสักคำจริงๆ เพียงแค่เขาไม่ได้พูดออกมาแสดงออกชัดอย่างน้องชายเท่านั้นแต่ก็นะนี่ขนาดอาการยังออกไม่ชัด?
เหล่าคนโตเห็นเด็กชายของบ้านอาการเริ่มหนักก็ได้แต่ยิ้มเอ็นดูในความน่ารักของพวกเขา
“แอ๊…ฮ้าวว…”
เมื่อทุกคนเห็นว่าหลี่เฟยหย่าอ้าปากหาวง่วงนอนอย่างไม่ร้องให้งอแงแล้ว ก็รู้ว่านี่ควรปล่อยให้ทารกพึ่งคลอดกินนมนอนได้แล้ว
ทุกคนจึงได้พากันออกจากห้องปล่อยให้ทั้งสองพักผ่อนก่อน แม้เด็กชายทั้งสองจะอยากอยู่ในห้องกับแม่และน้องสาว แต่ก็โดนคุณปู่ลากออกมาจากห้องด้วยกัน ก่อนจะตามหลังทุกคนไปหลี่เฟยหรงยังก้มลงจุ๊บปากภรรยารักของเขาสองสามจุ๊บก่อนไปอีกด้วย
“……..”
หลี่เฟยหย่าที่ยังเป็นทารกตัวน้อยทำอะไรไม่ได้จึงมองพ่อตาแป๊วไม่มีหลบแต่อย่างใดก่อนทำปากจู๊ บู้บู้ ใส่พ่อที่เห็นเธอเป็นทารกน้อยพึ่งคลอด จะทำอะไรไม่มีเกรงใจกันเลย
คุณแม่ซ่งยกมือขึ้นฟาดต้นแขนสามีเธอแรงๆดังเพี๊ยะหน้าแดงก่ำด้วยความเขิน หลี่เฟยหรงยกยิ้มมุมปากหัวเราะ ฮึ ฮึ ในลำคออย่างชอบใจ
ก่อนจะก้มลงจุ๊บหน้าฝากเจ้าตัวน้อยที่ทำปากจู๊ไม่ชอบใจ ชาติก่อนเธอยังไม่เคยมีแฟนเลยนะจะมีจุ๊บน่ารักๆ แบบนี้ได้ยังไง
“จุ๊บ… พ่อไปก่อนจะครับเดียวคุณพ่อเข้ามาหาใหม่นะครับหย่าเอ๋อร์”
ซ่งผู่เย่วมองสามีเธอพูดเสียงหวานกับลูกสาวเธอเสียงเล็กเสียงน้อยที่พึ่งเคยเห็นอย่างขำๆ ก่อนเธอจะดันๆ ไหล่ไล่สามีเธอให้ออกจากห้องไปสะทีเธอจะให้นมลูก หลี่เฟยหรงจึงออกจากห้องไปอย่างไม่เต็มใจ
เมื่อสามีไปแล้วเธอจึงเปิดสาบเสื้อออกให้นมลูกสาวตอนนี้เธอคัดหน้าอกมากด้วยเพราะตั้งแต่ทุกคนรู้ว่าเธอตั้งท้องจึงได้รับการบำรุงมาอย่างดีบวกกับเธอดูแลตัวเองอย่างดีมาตลอดด้วย
เฟยหย่ามองหน้าอกอวบอิ่มของคุณแม่คนใหม่ของเธอก่อนจะอ้าปากงับมันและดูดน้ำนมกินด้วยความหิวอย่างไม่ลังเล ตอนนี้เธอไม่ได้คิดอะไรให้ยุ่งยากเกินกำลังของทารกน้อยเกิดมาชั่วโมงกว่าๆ ให้มากความอีก
เด็กๆ นี่อ่อนแอจริงๆ สมกับที่ต้องได้รับการดูแลจากผู้ใหญ่ด้วยความใกล้ชิดแล้ว ตอนนี้เธอทำอะไรไม่ได้นอกจากพยายามกินให้มากและนอนให้เยอะๆ เธอจะได้โตขึ้นมาอย่างมีคุณภาพ
เธออยากแข็งแรงเร็วๆ จังตอนนี้กระดูกเธออ่อนแอมาก ส่วนคอของเธอตอนนี้เธอก็กลัวมันหักจริงๆ ทารกน้อยคอยังไม่แข็งได้แต่คิดไปดูดนมไปเพลินๆ ในอ้อมกอดของคุณแม่เธออบอุ่นและนุ่มนิ่มมากกินนมจนใกล้อิ่มตาปรือจนหลับไป
ซ่งผู่เย่วที่นอนมองลูกสาวตัวน้อยของเธอกินนมอยู่ ยิ้มให้กับความน่ารักของลูกสาว ที่ยามกินนมก็กลอกตากลมโตราวลูกกวางน้อยนั่นไปมาราวกับคิดอะไรไปเพลินๆ อย่างรู้ความก็นึกตลก
พอเห็นว่าลูกกินนมอิ่มแล้วเธอถึงได้อุ้มทารกน้อย ประคองต้นคอน้อยๆ พาดบ่าตบก้นลูบหลังให้เรอออกมา ค่อยอุ้มมานอนเบอะน้อยข้างๆ เธอ
เมื่อหลี่เฟยหลงออกมาจากห้อง และตามทุกคนไปนั่งรอป้าฉางตั้งโต๊ะที่ห้องอาหารเพื่อจัดการเมื้อกลางวันให้เรียบร้อย
เขาจะได้กลับไปทำงานต่อ ที่เขาลาบ่อยๆ ไม่ได้เพราะก่อนหน้านี้ เขาพยายามเร่งทำผลงานและรับทำภารกิจเสี่ยงเพื่อต้องการเลื่อนตำแหน่ง
จากพลเอกเป็นพลเอกพิเศษที่เขาต้องรีบขนาดนี้เป็นเพราะว่าเขาโดนบีบบังคับให้รับภารกิจเสี่ยงตายบ่อยๆจากผู้นำตำแหน่งสูงที่อยู่คนละฝ่ายกับพ่อเขา
ซึ่งพ่อเขาที่อยู่ยศสูงที่สุดแล้วตอนนี้ก็ยังไม่สามารถช่วยได้มากนักเพราะอีกฝั่งมีอยู่หลายคน จึงออกหน้ามากไม่ได้เดี๋ยวจะพลอยพากันล้มทั้งหมด
พวกคนตระกูลหลิวที่คอยตามขัดแข้งขัดขาคนตระกูลหลี่มาตลอดนั้นเมื่อสมัยก่อนไม่สามารถทำอะไรคนตระกูลหลี่ได้มากนัก แต่ตอนนี้มันต่างออกไป
เพราะความอยากเอาชนะของคนตระกูลนี้ มีมากจนน่าแปลกใจและน่าเอือมระอา พยายามผูกความสัมพันธุ์ส่งลูกหลานในตระกูลไปแต่งงานกับคนมีอำนาจเพื่อแตกหน่อลูกหลานออกไป
นี่จึงเป็นเหตุผลที่คุณพ่อเขาออกหน้ามากไม่ได้เพราะอีกฝ่ายมีจำนวนมากกว่า แม้ตำแหน่งหลายคนอาจไม่สูงมากนักแต่ก็เหมือนมดที่คอยไต่ไปมา ให้น่ารำคาญสร้างเรื่องเล็กเรื่องน้อยคอยจับผิดใส่ความกันได้ตลอด
เมื่อโดนบีบให้รับงานแบบนี้บ่อยๆเข้า ไม่สู้ถือโอกาสนี้เร่งรับภารกิจให้ได้มากที่สุด โดยไม่แย้งอะไรมันทั้งสิ้นเพื่อขอเลื่อนตำแหน่งแบบเงียบๆ
ให้หลุดพ้นจากการเป็นรองเพราะยศตำ่กว่า ไม่ต้องรอรับภารกิจ ทำตามคำสั่งใครที่เข้ามาแซกแซงสั่งงานเหมือนสั่งให้เขาเอาชีวิตไปทิ้งได้อีกนอกจากพ่อของเขาแล้ว เพราะเมื่อได้เลื่อนตำแหน่งผู้บังคับบัญชาของเขาก็คือท่านจอมพลสูงสุดหลี่เฟยเทียนบิดาเขานั่นเอง
พลเอกพิเศษนี้ถือว่าเป็นยศที่สูงมากสำหรับคนหนุ่มแบบเขา แต่จะทำไงได้ล่ะก็อีกฝ่ายยื่นเนื้อใส่ปากให้เขาเอง จึงทำให้เขาเลื่อนตำแหน่งขึ้นมาเรื่อยๆ
ทั้งที่โยนภารกิจที่อันตรายที่สุดเสี่ยงตายที่สุดใสหัวเขา หวังให้ตายในภารกิจ เพื่อให้ตระกูลหลี่ที่ได้เป็นทหารตำแหน่งยศสูงกันมาในทุกรุ่นไม่มีทายาทสืบตระกูลอีก
เพื่อจะได้ไม่มีคนมาคอยแย่งตำแหน่งงาน แย่งความมีหน้ามีตาในวงสังคม รับผลประโยชน์จากผู้คนที่เข้าหาไปจนหมด
เมื่อทุกคนรับเมื้อกลางวันกันเรียบร้อยแล้วก็แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเอง คุณย่าจางให้ป้าฉือเอาอาหารเข้าไปในห้องให้ลูกสะใภ้เธอเรียบร้อยแล้ว
ก่อนออกไปทำงานหลี่เฟยหรงยังเข้าไปร่ำลาภรรยาและลูกสาวตัวน้อยของเขาด้วยจุ๊บน่ารักๆคนละที พอใจแล้วก็เดินยิ้มออกมาอย่างเป็นสุข
ผ่านหน้าห้องรับแขกที่ลูกชายหน้าเหม็นของเขา นั่งอ่านหนังสืออยู่อย่างเชื่อฟัง ไม่เล่นกันเสียงดังเอะอะเหมือนเด็กเล็กทั่วๆไป ก็ได้แต่ส่ายหัว
คิดในใจว่าถึงเจ้าสองคนนี้จะเป็นเด็กดีเชื่อฟัง แต่ออกจะฉลาดรู้ความแถมรู้ทันเขามากเกินไปหน่อย ไม่น่ารักน่าชื่นใจเหมือนลูกสาวเขาเลยสักนิด
คุณปู่หลี่อยู่ในห้องทำงานบนชั้นสองของบ้านกับคุณย่าจาง ตอนนี้กำลังต่อสายโทรหาเพื่อนสนิทของเขาซ่งหวังเหว่ยหรือพ่อตาของลูกชายเขานั่นเอง เพื่อบอกข่าวดีของสองครอบครัวถึงสมาชิกคนใหม่ที่พึ่งเกิดมา
"ซ่งเหว่ย ลูกสะใภ้ฉันคลอดหลานสาวออกมาแล้วนะแกจะกลับปักกิ่งเมื่อไร"
คุณปู่หลี่ไม่รอให้ปลายสายได้เอ่ยทักทายก่อนเลยด้วยซ้ำเขาแจ้งข่าวดีให้สหายฟังในทันที
ด้วยอยากให้ครอบครัวเพื่อนเขากลับมาปักกิ่งสักที ครอบครัวซ่งแต่เดิมก็อยู่ที่นี่มาตลอด เพราะเป็นตระกูลใหญ่มีหน้ามีตาเหมือนกัน เป็นทหารยศจอมพลสูงสุดทั้งคู่รุ่นเหนือหัวเขาขึ้นไปอีก ก็รู้จักสนิทสนมกันมาทุกรุ่น
ที่ซ่งหวังเหว่ยไปอยู่ทางใต้ทั้งที่ยศสูงขนาดนี้แล้วนั่นเป็นเพราะต้องการลดการสร้างปัญหาเล็กบ้างใหญ่บ้างของคนตระกูลหลิวที่ขยันโยนใส่หัวฝ่ายพวกเขาและคนที่เข้ามาผูกมิตรที่ดีด้วย
ยิ่งพวกเขารวมตัวกันพวกมันยิ่งสร้างเรื่องใหญ่ เข้ามาแทรกแซงภารกิจ เพื่อไม่ให้ทำภารกิจสำเร็จจนมีคนในทีมเสียชีวิตไปหลายคน
พวกเขาจึงต้องมาวางแผนเร่งสร้างผลงานให้กับลูกชายของพวกเขา และตาเฒ่าซ่งจึงเสนอให้ซ่งหลี่เจี๋ยย้ายลงใต้ไปทำผลงานที่นั่นแทนหลี่เฟยหรง
เพราะเป็นห่วงลูกสาวและหลานชายทั้งสองถ้าต้องให้ลูกเขยไป เขาและเพื่อนจึงแยกกันเพราะเหตุผลนี้
" ฮ่า ฮ่า ฮ่า หลานน้อยคลอดแล้วอย่างนั้นหรอตาแก่หลี่วันนี้มีแต่เรื่องดีๆทั้งนั้นเลย ฉันจะบอกแกเมื่อกลางวันมีจดหมายมาส่งให้เจ้าหลี่เจี๋ย ในนั้นเป็นใบตอบรับการเลื่อนขั้นที่ได้รับการอนุมัติแล้วด้วยนะ"
คุณตาซ่งของหลานบอกกล่าวกับสหายด้วยความดีใจจนปริ่มล้น เขาต้องดีใจอยู่แล้วมาอยู่ที่นี่ตั้งสามปีเต็มๆไม่ได้เห็นหน้าหลานเลย เมื่อมีเรื่องน่ายินดีสองเรื่องพร้อมกันขนาดนี้จะเก็บไว้อย่างไรไหว
คุณย่าซ่งที่นั่งอยู่ใกล้ๆสามี ได้ยินสิ่งที่ซ่งหวังเหว่ยพูดออกมาทั้งหมดแล้ว ก็ยิ้มออกมาด้วยความยินดี
พลางคิดว่าวันนี้มีแต่เรื่องดีๆอย่างที่เขาว่าไว้จริงๆ ตั้งแต่หลานสาวคลอดออกมาก็มีเรื่องน่ายินดีนี้เกิดขึ้นกับครอบครัวในทันทีเลย
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!