NovelToon NovelToon

การกลับมาของเทพปีศาจทะลายสวรรค์

การย้อนกลับของเทพปีศาจทะลายสวรรค์ เฟิ่งหลาน ชี

ในดินแดนแห่งหนึ่ง

มีชายผู้หนึ่งยืนอยู่ท่ามกลางกองชากศพของเหล่าเทพอมตะและเทพปีศาจมากมาย ด้วยร่างกายที่บาดเจ็บสาหัส ใช่แลัวชายผู้นั้นคือ เฟิ่ง หลานชี(พระเอก)

และกำลังต่อสู้กับเทพอมตะอีก3คนอยู่ นั้นเอง

ระบบ:ได้แจ้งเตือนชายผู้นั้นว่า การย้อนเวลา(ศาสตราวุธโบราณ)พร้อมใช้งานแล้วโฮสต์โปรดเตียมพร้อมในอีก5นาที

เฟิ่ง หลานชี ได้ต่อสู้กับเทพอมตะทั้ง3จนอาวุธของตัวเอกพังทะลายทำให้ เฟิ่ง หลานชี กระอักเลือดออกมา ต่อมาเทพอมตะผู้หนึ่งได้กล่าวว่า

ลู่เฉิน(เทพอมตะแห่งความว่างเปล่า):ได้กล่าวว่า เจ้าได้ฆ่าผู้คนไปนับไม่ถ้วนวันนี้พวกข้าทั้ง3 จะสังหารเจ้าแทนสวรรค์เอง

เฟิ่ง หลานชี(พระเอก):ได้หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง ฮะฮ่าฮ่าฮ่าๆๆๆๆๆ

ไป๋เสี่ยวเฉิน(เทพอมตะแห่งการทำลายล้าง):คิดในใจว่า นี้มันคนบ้าชัดๆ เจ้าปีศาจนี้ขนาดจะตายยังจะหัวเราะได้อีก!!!

หลังจากนั้น เฟิ่งหลาน ชี ได้ใช้ ’ก้าววย่างไร้เงา’ เคลื่อนที่ไปหา ลู่เฉินและใช้กรงเล็บ ปีศาจ ใส่กลางหลังลู่เฉิน ลู่เฉินตั้งตัวไม่ทันกลับการโจมตีนั้นได้ใช้แขนข้างซ้ายของตัวเอกรับไว้และ

โจมตีสวนกลับไปด้วย ฝ่ามือเทพสวรรค์ โต้กลับไปใส่เฟิ่ง หลานชี จนทำให้เฟิ่งหลานชีกระเด็นไปไกล

ลู่เฉิน:ตะโกนสั่งออกมาว่า พวกเจ้าทั้ง2 โจมตีสุดกำลังฆ่าไอ้ปีศาจตัวนี้ไปพร้อมกับข้า

และด้วยการโจมตีของเทพอมตะทั้ง3นั้นเอง เฟิ่งหลาน ชี ก็ได้ใช้สมบัติวิเศษเกาะเพลิงทมิฬ กันไว้แต่ก็ไร้ผลจนทำให้ตอนนี้ เฟิ่งหลาน ชี อยู่ในสถานะกึ่งตาย แต่กระนั้นโชคยังเข้าข้างเขาอยู่

ระบบ:การย้อนเวลาพร้อมใช้งานแล้ว

และเฟิ่งหลาน ชี ได้คิดทบทวนว่า โอกาศสำเร็จในการย้อนเวลา(ศาสตราวุธโบราณ)ในครั้งนี้มีเพียง19% เพียงเท่านั้น แต่เฟิ่งหลาน ชี นั้นไม่มีความกลัวแม้แต่อย่างใดเพราะเขานั้นรู้ดีว่า ถ้าไม่เสี่ยงกับสิ่งนี้เขาก็ต้องตายด้วยน้ำมือของเทพอมตะทั้ง3 อยู่ดี เพราะเหตุนั้นเขาจึงไม่ลังเลที่จะ เปิดใช้งานการย้อนเวลา(ศาสตราวุธโบราณ)

เฟิ่งหลาน ชี:ยิ้มและหัวเราะออกมาอีกครั้ง ฮะๆฮ่าๆๆๆๆๆๆ

เขาหัวเราะออกมาเพราะว่าเขานั้นไม่มีสิ่งที่จะเสียแล้ว และการย้อนเวลาครั้งนี้คือความหวังเดียวของเขาตอนนี้เขาสั่งการให้ระบบใช้การย้อนเวลา(ศาสตราวุธโบราณ)

หลังจากนั้นร่างกายของเขาก็ระเบิดออกมาทำให้เทพอมตะทั้ง3 บาดเจ็บสาหัสไปด้วย

ตัดภาพมาหลังจากนั้น(การย้อนเวลา)

เฟิ่งหลาน ชี ตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองนั้นกลับมายังตระกูล เฟิ่งในตอนที่ทะลุมิติมาครั้งแรก(เมื่อ2,000ปีก่อน)

เฟิ่งหลาน ชี:หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ฮ่าาๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ข้าทำสำเร็จ การเสี่ยงโชคชองข้าในครั้งนี้สำเร็จ

ต่อจากนัแต่้นเขาก็สงบสติอารมณ์ของตัวเองลงแต่เขากลับพบว่าระบบนั้นไม่ได้ย้อนกลับมาตามเขา ต่อจากนั้น

ระบบ:ตรวจพบผู้ทะลุมิติจะทำการผสานเข้ากับระบบ(ระบบใหม่ ชื่อว่า ระบบเทพนิรันดร์) เปิดใช้งาน

เหตุการณ์ นี้ทำให้ เฟิ่งหลาน ชี ได้รู้ว่าเขาย้อนเวลากลับมาเพียงแค่คนเดียวระบบไม่ได้ย้อนกลับมาด้วย และเหตุการณ์นี้ทำให้เขาได้รู้ว่าเขาสามารถใช้งานระบบนี้ยังไงบ้าน(ในชีวิตก่อนของเขานั้นกว่าจะสามารถใช้ระบบเป็น ผ่านไปตั้ง700ปีแล้วเขาก็ได้คิดย้อนกลับไปว่าเขานั้นสูญเสียโอกาศในการแย่งชิงโชควาสนามาหลายสิ่ง) ตอนที่เขานั้นทะลุมิติมาครั้งแรกนั้นทำให้จิตวิญญาณเสียหายอย่างหนักทำให้เขา สูญเสียความทรงจำใน ชาติที่1(ก่อนที่เขาจะทะลุมิติมา) ต่อมาอีก700ปีเขาได้รับรางวัลจากระบบเป็น หญ้าเก้าวิญญาณ ทำให้สามารถรักษาจิตวิญญาณของเขาได้(และสามารถฟื้นฟูความทรงจำในชาติที่1ได้)

ต่อมาเขาได้เปิดระบบดูว่าตอนนี้สภาพร่างกายของเขาเป็นยังไงบ้าง ระบบได้สรุปออกมาว่า

ชื่อ : เฟิ่งหลาน ชี

อายุ : 16 ปี

เพศ : ชาย

ตะบะ : สร้างรากฐานขั้นที่ 6

แต้มคงเหลือ : 0

(มาทราบ ระดับพลังในเรื่อง โลกมนุษย์)

1.สร้างรากฐาน 1-9

2.ลมปราณแรกเริ่ม 1-9

3.รวบรวมลมปราณ 1-9

4.ลมปราณแท้จริง 1-9

5.ก่อเกิด 1-9

6.จักรรพรรดิ 1-9

7.ราชันย์จักรพรรดิ 1-9

8.เทพ 1-12 ที่เหลือไม่ทราบในอนาคตเดียวรู้เอง

(ซึ่งในชาติที่แล้วเฟิ่งหลาน ชี อยู่ระดับ เทพ ขั้นสูงสุด)

ต่อมาเฟิ่งหลาน ชี ได้ตระหนักว่าพรสวรรค์ของตัวเองนั้นต่ำต้อยยิ่งนัก อยู่เพียงระดับ8

(มาทราบเกี่ยวกับระดับ พรสวรรค์ ของเรื่องนี้กัน)

ระดับ 9-7 ทั่วไป

ระดับ 6-4 มีพรสวรรค์

ระดับ 3-1 อัจฉริยะ

4.พรสวรรค์สายเลือด กายศักดิ์สิทธิ์ (ในอนาคตค่อยมาบอกรายละเอียด)

ต่อมาระบบแจ้งเตือนว่า ระบบจะมอบแพ็คเกจมือใหม่ให้ *1 ยาอายุวัฒนะยกระดับพรสวรรค์ขั้น1ระดับ *2 [เคล็ดวิชา ก้าวพริบตา] *3 เมล็ดพันธุ์ปีศาจต้นกำเนิด *4 หินวิญญาณ +100 ก้อน

เฟิ่งหลาน ชี กดยอมรับเพราะว่าตัวเองนั้นต้องการ สิ่งที่ สามารถยกระดับพรสวรรค์ของตัวเองได้ในตอนนี้พอดี และต้องรีบยกระดับฐานการฝึกตนของตัวเองให้สูงกว่านี้ให้เร็วที่สุดเพราะว่าอีก 11 วัน

จะถึงงานประลองในตระกูลแล้ว ซึ่งในชาติที่แล้วเขานั้นพ่ายแพ้ให้กับคนคนหนึ่งที่เรียกได้ว่ามีพรสวรรค์คนหนึ่งเลย เขา ชื่อว่า เฟิ่ง ชิ่ว พรสวรรค์ของเขานั้นอยู่ถึงระดับ4

และในงานประลองนั้นเขาถูกทำลายฐานการฝึกตนโดย เฟิ่ง ชิ่ว (ในตอนนี้เขานั้นได้กินยาอายุวัฒนะยกระดับพรสวรรค์ของตนให้อยู่ระดับ 7 ซึ่งดีขึ้นมานิดหนี่ง)

ต่อมาเขาได้ทบทวนความทรงจำหาเคล็ดวิชาที่เหมาะกับตัวเองมากที่สุดในขณะนี้เขาจึงเลือกวิชา ฝ่ามือทะลายภูผา มา ใช้ในการประลองตระกลูที่จะจัดขึ้นในอีก 11 วันนี้ (ซึ่งผู้ที่ชนะจะได้รับสิทธิในการเลือกของจากคลังสมบัติตระกลูได้1อย่าง)เขานั้นต้องการอาวุธระดับ4 ในคลังนั้น (อาวุธมี ระดับ ปฐพี สวรรค์ เซียน อมตะ มิติเร็นลับ(อาวุธที่อยู่เหนือแดนอมตะ)

ไม่กี่ชัวยามต่อมา

มีคนรับใช้ผู้หนึ่งวิ่งเข้ามาบอกว่า นายน้อยขอรับ ท่านผู้นำตระกลูเรียกหาท่าน

เฟิ่งหลาน ชี:กล่าวว่า ได้อีกเดียวข้าจะตามไป

ตัดภาพมาที่ห้องผู้นำตระกูล(ปู่พระเอก)

เฟิ่ง จิ่วเฉิง:บอกกับ เฟิ่งหลาน ชี ว่าการประลองตระกลูครั้งนี้เจ้าไม่ต้องเข้าร่วมก็ได้

เฟิ่งหลาน ชี :กล่าวออกมาว่า ไม่ข้าจะเข้าร่วม

เฟิ่ง จิ่วเฉิง:กล่าวต่อว่า งั้นก็ได้ เจ้าเอานี้ไป

เฟิ่งหลาน ชี :นี้มัน…..

หลังจากออกมาจากห้องนั้นและกลับไปยงห้องของตัวเอง

เอาสิ่งนั้นออกมาดู มันคือยาอายุวัฒนะยกระดับพรสวรรค์ เขาไม่รอช้ารีบกินมันเข้าไปตอนนี้พรสวรรค์ของเขาขึ้นมาเป็นระดับ6 และต่อมาเฟิ่งหลาน ชี ได้ใช้หินวิญญาณในการฝึกฝนจน บรรลุระดับ7

ต่อมาเขาได้ไปยังภูเขาลูกหนึ่ง จากความทรงจำของเขาในอีก1ปีจะมีผู้ที่ได้รับโชควาสนาได้รับสืบทอดมรดกของ ระดับจักรพรรดิขั้นสูงสุดทำให้คนผู้นั้นก้าวเข้าสู่ระดับ ก่อเกิดขั้นที่1 ได้ภายใน2ปี

เขาใช้ความทรงจำจากอนาคตของเขาในการแย่งชิงโชควาสนา

ตัดภาพมาในถ้ำแห่งหนึ่งในภูเขาลูกนั้น

เฟิ่งหลาน ชีได้เดินเข้ามาเรื่อยๆ จนพบกับทางแยก5เส้นทาง(ในความทรงจำของเขาคนที่ได้รับมรดกเดินไปในเส้นทางที่2 ) เฟิ่งหลาน ชี ไม่รอช้าเลือกเดินไปในเส้นทางที่2ในทันที

จนมาพบกับโครงกระดูกร่างหนึ่ง เขาสังเกตดูดีๆรู้สึกว่ามีกับดักอยู่เลยหยิบก้อนหินข้างๆเขาขึ้นมาแล้วโยนไปข้างหน้า และตู้มม!!!! เสียงระเบิดดังขึ้น

และเขาเดินเข้าไปเจอกับจิตเทวะ ที่หลงเหลืออยู่ของระดับจักรพรรดิผู้นั้น และจิตเทวะได้กล่าวว่า : เจ้าต้องการจะเป็นผู้สืบทอดของข้าหรือไม่ (เฟิ่งหลาน ชี ตอบว่า ไม่ ข้าไม่ต้องการเป็นผู้สืบทอดของท่าน)

ต่อมา เฟิ่งหลาน ชี ได้ใช้เคล็ดวิชา กลืนกินสวรรค์กลืนกินจิตเทวะของระดับจักรพรรดิขั้นสูงสุดเข้าไปและเริ่มบ่มเพาะ…….5วันต่อมา

เฟิ่งหลาน ชี ได้เข้าสู่ระดับลมปราณแรกเริ่มขั้นที่ 1 ต่อมาเขาเดินเข้าไปหาโครงกระดูกร่างนั้นและดึงแหวนมิติออกมา และหยดเลือดตัวเองลงบนแหวนทำให้เขานั้นได้รับสมบัติที่แม้แต่ตระกูลของเขา

ก็ไม่สามารถหามาได้ ต่อมาเขาไม่ได้นำสมบัติไปให้ตระกูลแต่อย่างใด แต่กลับใช้เคล็ดวิชาปกปิดลมหายใจ(สามารถปกปิดฐานการบ่มเพาะได้ด้วย) ใส่เสื้อคลุม+ปลอมเสียง

และเอาสมบัติบางส่วนไปขายเพื่อแลกหิววิญญาณ ไปชื้อพวกของที่จำเป็นต่อการฝึกวิชาของเขาในอนาคตเช่น วิชาควบคุมโลหิตที่สามารถควบคุมเลือดตัวเองหรือศัตรูได้ ซึ่งเคล็ดวิชานี้สามารถฝึกโดนการใช้เลือดของสิ่งใดก็ได้ ไม่ว่าจะเป็น สัตว์อสูร ปีศาจ หรือมนุษย์

(อ่าาาา คิดไม่ออกล่ะพอแค่นี้ล่ะกัน รู้สึกว่าแต่งออกมาได้มั่วสุดๆไปเลย)

2.การต่อสู้ครั้งแรกหลังจากย้อนเวลากลับมา

หลังจากนั้นเฟิ่งหลาน ชี ก็กลับไปยังภูเขาและหาสัตว์อสูรเพื่อที่จะใช้ฝึกวิชา

หลังจากนั้นเฟิ่งหลาน ชี ก็ได้ยินเสียงการต่อสู้

และเขาก็รีบไปดูในเวลาต่อมาเขามาถึงที่ ที่มีการต่อสู้แล้วเขาก็เห็นเด็กสาวผู้หนึ่งกำลังต่อสู้กับสัตว์อสูรระดับ3อยู่

(สัตว์อสูรมี 10 ระดับในโลกมนุษย์)

ระดับ 1 ไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง(ยกเว้นพวกที่มีสายเลือดของสัตว์เทพ)

ระดับ 2 มีความคิดเป็นของตัวเองแต่ก็ไม่ได้ฉลาด

ระดับ 3 มีความคิดเป็นของตัวเองสามารถใช้เล่ห์เหลี่ยมเหมือนมนุษย์ได้

ระดับ 4 มีความคิดเป็นของตัวเองและสามารถปลุกสายเลือดของตัวเองได้ 1ใน 10 ส่วน

ระดับ 5 มีความคิดเป็นของตัวเองและสามารถปลุกสายเลือดของตัวเองได้ 3ใน 10 ส่วน

ระดับ 6 มีความคิดเป็นของตัวเองและสามารถปลุกสายเลือดของตัวเองได้ 6ใน 10 ส่วน

ระดับ 7 มีความคิดเป็นของตัวเองและสามารถปลุกสายเลือดของตัวเองได้ 10 ส่วน

ระดับ 8 มีความคิดเป็นของตัวเอง ฝ่าทัณฑ์สวรรค์ กลายเป็นสัตว์ ศักดิ์สิทธิ์ระดับต่ำ

ระดับ 9 สัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์ระดับกลาง

ระดับ 10 สัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์ระดับสูง

(สูกกว่านี้คือสัตว์อสูรระดับเทพ)

[กลับมาที่เนื้อเรื่อง]

แต่กระนั้นเฟิ่งหลาน ชี ก็ไม่ได้เข้าไปช่วยแต่อย่างใดเขากลับนั่งลงบนต้นไม้และรอเก็บผลประโยชน์ในตอนที่มีใครชักคนโดนฆ่า และเขาค่อยลงไปฆ่าอีกคนในตอนที่การต่อสู้นั้นจบลงแล้ว

แต่ทว่ากลับมีชายหนุ่มผู้หนึ่งกระโจนเข้าไปช่วยหญิงสาวผู้นั้น หลังจากที่ชายผู้นั้นกระโจนเข้าไปช่วยหญิงสาวผู้นั้น ชายหนุ่มผู้นั้นใช้เคล็ดวิชา หมัดทะลายสวรรค์ใส่สัตว์อสูรตนนั้นจนทำให้สัตว์อสูรตนนั้นบาดเจ็บสาหัสและวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว

ตัดมาที่เฟิ่งหลาน ชี ที่นั่งมองดูอยู่

เขาคิดในใจ(จากประสบการณ์ใน 2 ชีวิตของข้ารู้ได้เลยว่าเจ้าหมอนั้นคือบุตรแห่งสวรรค์)

หลังจากนั้นเขาก็ตามสัตว์อสูรระดับ3 ตัวนั้นไปแล้วเขาก็ทำการฆ่าสัตวือสูรตัวนั้นและเอาแก่นสัตว์อสูรออกมาไม่เพียงเท่านั้นเขายังใช้เลือดของสัตว์อสูรตนนั้นในการฝึกเคล็ดวิชาอีกด้วย

ต่อมาเขาสามารถใช้เคล็ดวิชาควบคุมโลหิตระดับ 1 ได้

วิชาควบคุมโลหิตนั้นคือวิชาที่ดีที่สุดในขั้นจักรพรรดิ

ระดับ 1 สามารถความคุมเลือดที่อยู่นอกร่างกลายได้แต่สามารถใช้เป็นแค่ก้อนเลือดในการโจมตีเท่านั้น

ระดับ 2 แสามารถควบคุมเลือดจากนอกร่างกายและเปลี่ยนให้เป็นดาบหรือมีดได้

ระดับ 3 สามารถควบคุมเลือดได้ทั้งภายในและภายนอก เปลี่ยนเป็นอาวุธชนิดใดก็ได้

ระดับที่ 4 ยังเป็นปริศนาอยู่ล

หลังจากนั้นเขาก็เดินกลับไปยังตระกูลและฝึกฝนให้ตัวเองเลื่อนระดับให้เร็วที่สุด เพื่อให้ตัวเองได้แก้แค้นเฟิ่ง ชิ่ว และ เอาสมบัติระดับ4 มาครอบครองได้

(ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว)

6วันต่อมา

เขาได้ทะลวงเข้าสู่ ปราณแรกเริ่มขั้นที่2ได้สำเร็จ และ เขาก็เตรียมพร้อมกับการประลองตระกูลแล้ว

เฟิ่งหลาน ชี:(คิดในใจ)พูดได้เลยว่าตอนนี้ข้านั้นแข็งแกร่งที่สุดในรุ่นแล้วแต่ข้าก็ยังประมาทไม่ได้เพราะอาจจะมีตัวแปรสำคัญที่เกิดขึ้นมาอีกก็เป็นได้

หลังจากนั้นรุ่นเยาว์ของตระกูลและเหล่าผู้อวุโสก็ได้มารวมตัวกันในการแข่งขันนี้

ต่อมามีคนเดินเข้ามาหา เฟิ่งหลาน ชี ใช่แล้วเขาคือ เฟิ่ง ชิ่ว เขามาพูดดูถูกว่าเฟิ่งหลาน ชี นั้นมีพรสวรรค์แค่ระดับ8 ยังจะกล้ามาเข้าร่วมงานประลองอีกงันรึ

แต่เฟิ่ง ชิ่ว ไม่รู้เลยว่าตอนนี้นั้นเฟิ่งหลาน ชี มีพรสวรรค์ระดับ6แล้วแถมยังสามารถทะลวงเข้าสู่ระดับปราณแรกเริ่มได้ก่อนคนอื่นๆอีก

เฟิ่งหลาน ชี:มองเฟิ่ง จิ่ว ด้วยสายตาเย็นชาและคิดว่าเจ้านี้นั้นช่างไร้เดียงสาเสียจริงถ้าไม่ใช่เพราะมีผู้อวุโสและผู้ที่อยู่ระดับก่อเกิดมากมายมาอยู่ที่นี้ป่านนี้เจ้าได้ตายไปนานแล้ว

ต่อมาผู้ควบคุมการประลองได้กล่าวว่าคู่แรก เฟิ่งหลาน ชี กับ เฟิ่ง หยาง ขึ้นมาบนเวทีได้ ต่อมาทั้งสอเริ่มการประลอง

เฟิ่งหลานชี:ใช้กระบวนท่าหมัดทะลายภูผา ใส่ทีเดียวเฟิ่ง หยาง ปลิวใส่กำแพงและกระอักเลือดออกมาพร้อมกับกระดูกหักและสลบไป

ผู้คุมการประลอง:ผู้ชนะคือ เฟิ่งหลาน ชี

ต่อมาก็ประลองกันปกติ(ลืมบอกตอนนี้พระเอกใช้ระบบทำให้คนอื่นเห็นเขาอยู่เพียงระดับสร้างรากฐานขั้นที่ 8 )

ต่อมาถึงคู่ของ เฟิ่งหลาน ชี และเฟิ่ว ชิ่ว (เฟิ่งชิ่วอยู่ระดับลมปราณแรกเริ่มขั้นที่1)

ผู้คุมการประลอง: เฟิ่ง ชิ่ว และ เฟิ่งหลาน ชี ขึ้นมาบนเวที

และทั้งสองคนก็ขั้นมาบนเวทีแล้ว เฟิ่งชิ่ว หัวเราะเยอะเย้ยบอกให้ เฟิ่งหลานชี ยอมแพ้ไปซะ

แต่เฟิ่งหลานชีกลับทำสีหน้าเย็นชาและทำเหมือนไม่ได้ยินอะไรต่อมาผู้คุมการประลองบอกว่า เริ่มการประลองตัดสินผู้ชนะได้

และต่อจากนั้นเฟิ่งหลานชีได้ใช้ก้าวพริบตาไปด้านหน้าของเฟิ่วชิ่วอยย่งรวดเร็วและใช้กรงเล็บปีศาจในการโจมตีไปที่จุดตันเถียนของเฟิ่งชิ่วทำให้ฐานการบ่มเพาะของเขาถูกทำลาย

แค่นั้นยังไม่พอเขาใช้หมัดทะลายภูผาใส่เฟิ่งชิ่วอีกครั้งทำให้เส้นลมปราณของเฟิ่งชิ่วขายสะบั่นและกระดูกหักปริวไปโดนกำแพงการทดสอบ

เฟิ่งหลาน ชี:(คิดในใจ)ในชาติที่แล้วเจ้าทำลายฐานการบ่มเพาะของข้าในชาตินี้ข้าทำลายฐานการบ่มเพาะของเจ้าและเส้นลมปราณของเจ้าเท่านี้ข้าก็แก้แค้นได้สำเร็จแล้วแต่ทว่าเท่านี้มันยังไม่พอหรอกข้านั้นจะทำให้เจ้าทุกข์ทรมาณมากกว่านี้อีก100เท่า

ต่อมาผู้ควบคุมการประลองได้เอ่ยขึ้นมาว่า ผ…ผู้ชนะคือเฟิ่งหลาน ชี

ผู้อวุโสคนหนึ่งกระโดดลงมายังสนามประลองแชะมาดูอาการชองเฟิ่งชิ่วและลุกขึ้นมาพร้อมกับใบหน้าที่แสดงถึงความโกรธเกรี่ยวใช่แล้วผู้อวุโสผู้นี้คือพ่อของเฟิ่งชิ่ว เฟิ่งจิ่ว นั้นเอง

ต่อจากนั้น ผู้อวุโสเฟิ่งจิ่ว มอง เฟิ่งหลาน ชี ด้วยสายตาโกรธเกรี่ยวและต้องการแก้แค้นแต่ทว่ากลับมีแรงกดดันจากผู้นำตระกูล(ปู่พระเอก อยู่ระดับจักรพรรดิ)

และด้วยแรงกดดันนั้นทำให้เฟิ่งจิ่วไม่กล้าทำอะไร และอุ้มเฟิ่งจิ่วกลับไปรักษาที่ศูนย์การแพทย์ในตระกูล

ต่อมาพระเอกได้เข้าไปเลือดของในคลังสมบัติของตระกูลและเขารีบมองหาดาบที่หักครึ่งหนึ่งและแล้วเขาก็หาดาบเล่มนั้นเจอและเลือกดาบเล่มนั้นเป็นรางวัล

ต่อมาพระเอกรู้ว่าดาบเล่มนี้ที่จริงแล้วอยู่ถึงระดับสวรรค์แต่ได้รับความเสียหายอย่างหนักจึงต้องหาชิ้นส่วนดาบมาให้ครบ ชึ่ง

(พระเอกรู้อยู่แล้วว่าเศษดาบนั่นอยู่ที่ใดบ้าง)เลยรีบทำพันธวิญญาณกับอาวุธชิ้นนี้(อาวุธระดับสวรรค์ทุกชิ้นมีจิตวิญญาณเป็นของตัวเอง)

แต่ว่าดาบเล่มนี้ได้รับความเสียหายหนักเกินไปจนจิตวิญญาณดาบไม่สามารถปรากฏตัวออกมาได้

ด้วยเหตุนี้พระเอกจึงต้องเพิ่มความแข็งแกร่งของตนอย่างรวดเร็วและรวบรวมชิ้นส่วนดาบที่เหลืออยู่และนำมาซ่อมแซม(อาวุธระดับสวรรค์คืออาวุธระดับสูงสุดของแดนมนุษย์)

และด้วยมรดกที่พระเอกได้รับและทรัพย์ยากรที่ได้รับจากตระกูล

เขาเริ่มการบ่มเพาะอย่างรวดเร็วและตั้งใจจะทะลวงให้ถึงปราณแรกเริ่มระดับ6ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้(เพราะในอีก1เดือนจะมีมรดกของระดับจักรพรรดิปรากฏขึ้นใน ป่าร้อยอสูร

ซึ่งในชาติที่แล้วพระเอกไม่ได้ไปแย่งชิงเพราะอาการบาดเจ็บจากการโดนทำลายจุดตันเถียด

3สัปดาห์ต่อมา

ประเอกได้ทะลวงเข้าสู่ระดับลมปราณแรกเริ่มระดับ6ได้สำเร็จและตอนนี้ระบบได้ทำการแจ้งเตือนว่า

ระบบ:ภารกิจ จงไปเข้าร่วมการแย่งชิงโชควาสนาในอีก1สัปดาห์ และ ได้รับการยอมรับให้เป็นผู้สืบทอดของเทพอมตะแห่งการเวลา

เฟิ่งหลาน ชี: ห๊ะ เทพอมตะแห่งกาลเวลา พระเอกได้ตกใจและคิดย้อนกลับไปว่าในชาติที่แล้วนั้นมีข่าวลือว่าไม่มีใครสามารถรับมรดกได้เนื่องจากจิตวิญญารไม่แข็งแกร่งพอและความสามารถไม่เพียงพอ

ในเวลานี้ถ้าพระเอกได้ศาสตร์แห่งกาลเวลามาเมื่อเขาบรรลุถึงระดับสูง เข้าก็สามารถย้อนเวลากลับมาได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุดเลยไม่ใช่รึ

(เขาคิดกลับไปถึงระบบเดิมของเขาระบบเดิมของเขานั้นสามารถย้อนเวลาได้เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น)แต่ถ้าเขาได้รับมรดกของเทพอมตะแห่งกาลเวลานี้ เขาก็สามารถหาศาสตร์แห่งมิติได้

(ศาสตร์แห่งกาลเวลาและศาสตร์มิติ สามารถหลอมรวมกันได้(######อยากรู้ล่ะสิว่าหลอมรงมเป้นอะไร ไม่บอกหรอกรอ่านเอาในอนาคต)

เมื่อเป็นเซ่นนั้นเขาจึงต้องเตรียมตัวเขาปลอมตัวไปที่ศาลาโอสถของตระกูลไป๋ และชื่อยารักษาจำนวนมากมาไว้ก่อนจะไปที่นั้นตอมาเขาได้ไปที่ร้านขายยันต์และชื้อยันป้องกันจำนวนมาก(ถ้าเข้าไปชิงโชคความปลอดภัยของเขาคือที่สุด) และกลับมาที่ห้องของเขา ต่อมาเขาถามระบบว่าตอนนี้สถานะของเขาเป็นเซ่นไร

ชื่อ : เฟิ่งหลาน ชี

อายุ : 16 ปี่

เพศ : ชาย

ตะบะ : ลมปราณแรกเริ่มขั้นที่ 6

แต้มคงเหลือ : 2450 แต้ม

เปิดใช้งานฟังชั่นระบบ

ฟังชั่นระบบร้านค้า ฟังชั่นระบบสุ่มกาชา ฟังชั่นระบบช่องเก็บของ(สามารถใส่อะไรก็ได้และของที่ใส่เข้าไปจะถูกหยุดเลาไว้)

เฟิ่งหลาน ชี:หืม ระบบร้านค้า ไหนข้าขอดูหน่อยชิ (คิดในใจ) ตอนนี้ถ้าข้าจะไปชิงโชควาสนาข้าต้องปลอมตัว ระบบเปิดฟังชั่นร้านค้าและค้นหาหารปลอมตัวเอาอันที่แต้มในตอนนี้ชื้อได้และมีประโยชน์ที่สุดและทำการชื้ออัติโนมัติ

ระบบ:รับทราบ

ระบบ:ผลการค้นหาเสร็จสิ้น

1* การเปลี่ยนร่างเป็นสตรีและ+ค่าเสน่ห์ 10000% ทำการชื้อเสร็จสิ้น

เฟิ่งหลาน ชี:ห๊ะๆๆ???

(ค้างอ่ะดิ สารภาพมาซะว่าค้าง😆😆😆)

3.การช่วงชิงมรดกของเทพอมตะแห่งการเวลา

เฟิ่งหลานชีตกใจพักหนึ่งเพราะว่าในชาติที่แล้วนั้นเขาไม่เคยเปลี่ยนเป็นสตรีแต่เขาก็สงบลงด้วยความคิดที่ว่ารูปลักษณ์ภายนอกนั้นไม่ใช่สิ่งที่สำคัญแต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความแข็งแกร่ง

เฟิ่งหลานชีเดินออกมาจากห้องและตรงไปยังหลังหุบเขาและบอกระบบว่าเปิดใช้งานสกิลแปลงกาย(การเปลี่ยนร่างเป็นสตรี)

ระบบ:รับทราบ

มีแสงสีขาวพันรอบๆตัวเฟิ่งหลานชีและเมื่อแสงสีขาวหายไปทำให้พบสตีที่มีใบหน้าที่งดงามเป็นอย่างยิ่ง เส้นผมจากสีดำเปลี่ยนเป็นสีขาวดวงตาเปลี่ยนจากสีดำเป็นสีแดง (ขนาดคนเขียนยังตกใจอ่ะสวยมาก)

และต่อจากนั้นเฟิ่งหลานชีก็คิดได้ว่าเขานั้นไม่รู้ทางไปที่มรดกของเทพอมตะแห่งกาลเวลลาเลยด้วยซ้ำ แต่ในเวลานั้นเองระบบได้แจ้งเตือนขึ้นมาว่า

ระบบ:การนำทางพร้อมใช้งานแล้ว

เฟิ่งหลานชี:ยิ้ม และพูดว่า หึ แม้แต่ระบบการนำทางก็ยังมีให้ มรดกนี้น่าจะสำคัญน่าดู

3วันต่อมา

เฟิ่งหลานชี(ร่างผู้หญิง)ได้มาถึงที่มรดกแล้วแต่กลับมีคนทั้ง2ยืนอยู่ด้านหน้าของเขา คนผู้นั้นคือผู้ที่ช่วยเด็กสาวผู้และเด็กสาวผู้นั้น

ทั้ง2คนหันหน้ามาทางเฟิ่งหลานชี

เย่เฉินหยวน:หน้าแดงเมื่อมองไปยังสตรีผมสีขาวและดวงตาสีแดงผู้นั้น

ไป๋หนิงเอ๋อ:มองหน้าเฟิ่งหลานชีแล้ว ตะลึง

ทั้ง2คิดในใจว่า(มีคนที่งดงามขนาดนี้อยู่ในโลกด้วยงั้นรึ)

ทันใดนั้นเฟิ่งหลานชีก็รู้ได้ในทันทีว่าทั้ง2คนนั้นกำลังคิดอะไรอยู่

เฟิ่งหลานชี(ร่างผู้หญิง):พวกเจ้าก็ได้รับแผนที่มรดกของเทพอมตะด้วยงั้นรึ(โกหกว่าได้รับแผนที่)

ไป๋หนิงเอ๋อ:ช..ใช่

เย่เฉินหยวน:ช…ใช่

เฟิ่งหลานชี(ร่างผู้หญิง):คิดในใจ หึ เป็นอย่างที่เดาไว้ไม่มีผิดงั้นข้าบอกชื่อปลอมไปก็แล้วกัน

เย่เฉินหยวน:แม่นางก็ได้รับงั้นสินะ ข้าชื่อว่า เย่เฉินหยวนขอทราบชื่อแม่นางหน่อยได้รึไม่

เฟิ่งหลานชี(ร่างผู้หญิง):ข้าชื่อว่า เจียงเฟยเหยา

ไป๋หนิงเอ๋อ:ข้าชื่อว่าไป๋หนิงเอ๋อ

จากนั้นทั้ง3คนก็เดินเข้าไปในถ้ำแต่ทว่าพอเดินเข้าไปแล้วเฟิ่งหลานชีรู้ได้ในทันทีว่าเวลานั้นไหลช้าลงมากๆ จนกระทั้งเวลานั้นหลุดยก

เฟิ่งหลานชี(ร่างผู้หญิง):พูดในใจ ระบบ!มีสิ่งที่ทำให้กาลเวลาไหลปกติมั้ย

ระบบ:ผลการค้นหาเสร็จสิน *1 เคล็ดวิชากาลเวลาที่ไม่สมบูรณ์ 1000แต้ม(ระบบค้นหาจะทำการค้นหาสิ่งที่ตรงกับคำค้นหาของโฮสต์มากที่สุด 1 ชิ้น

เฟิ่งหลานชี(ร่างผู้หญิง):ชื้อเลย!

ระบบ:รับทราบ

ต่อมาเขาได้ใช้แต้มอีก200แต้มในการเรียนเคล็ดวิชานี้(แต้มของเขาเหลือเพียง230แต้ม)ต่อมากาลเวลาของเขาก้ไหลปกติและรีบเดินไปเรื่อยๆได้รับการทดสอบมากมายเช่นการดสอบจิตวิญญาณ

การทดสอบความแข็งแกร่ง การทดสอบความรอบรู้ ต่อมาเขาได้มาถึงห้องโถงสุดท้ายและมีแหวนมิติ เคล็ดวิชาการเวลา3เล่ม(3เคล็ดวิชาที่สมบูรณ์แบบ) ไข่ของสัตว์โบราณ

และเมื่อเห็นเช่นนั้นเฟิ่งหลานชีก็หยีบทุกอย่างขึ้นมาและรีบวิ่งออกไปพอมาถึงปากทางเข้าถ้ำแล้วทั้ง2คนยังถูกหยุดเวลาอยู่เขาเลยขโมยแหวนมิติและอาวุธของทั้ง2คนและฆ่าทั้ง2คนนั้นทิ้งและหนีไปจากถ้ำนั้น

2วันถัดมา ในถ้ำแห่งหนึ่ง

ระบบ:ยินดีด้วยโฮสต์ได้ทำภาระกิจได้สำเร็จ

รางวัล *1 เคล็ดวิชาดาบนิรันดร์ *2 กายศักดิ์สิทธิ(แห่งมิติความว่างเปล่าและกาลเวลา)หรือกายเทพศักดิ์สิทธิ์ระดับที่ 1 กายศักดิ์สิทธิ์นี้อยู่ระดับสูงสุดในหมู่กายศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด

*3 ดาบเหมันต์นิรันดร์(ระดับอมตะ) *4 ยาแห่งการตรัสรู้(ไม่มีผลข้างเคียง) +10 เม็ด

เฟิ่งหลานชี(ร่างผู้ชาย):ฮะฮ่าๆๆๆๆๆ

ต่อจากนั้นเขาก็ได้กายศักดิ์สิทธิ์มาครอบครอง และ นั่งฝึกเคล็ดวิชาทั้ง3พร้อมกับใช้ยาตรัสรู้

3เดือนต่อมา

เฟิ่งหลานชีฝึกเคล็ดวิชาและทะลวงระดับสำเร็จ ระบบ ตรวจสอบข้อมูลของข้าในตอนนี้

ระบบ: รับทราบ

ชื่อ : เฟิ่งหลานชี

อายุ : 17 ปี

เพศ : ชาย(หญิง)

ตะบะ : รวบรวมลมปราณขั้น 9

แต้มคงเหลือ : 10230 แต้ม

ต่อมา

ข้าอยู่ระดับรวบรวมลมปราณขั้นสูงสุดแล้ว และ ข้ายังมีกายศักดิ์สิทธิ์และดาบระดับ อมตะ ตอนนี้เหลือ แค่ เพิ่มระดับของเคล็ดวิชาของ วิชา กลืนกินสวรรค์ และ ควบคุมโลหิต

ข้าต้องใช้มนุษย์ ไม่ก็ สัตว์อสูร ในการเพิ่มเคล็ดวิชาทั้ง2 ข้าต้องหาที่ที่มี มนุษย์และอสูรเยอะ

ทันใดนั้นเขาก็คิดขึ้นมาได้ว่าเมืองแห่งการค้า เมืองวิญญาณนั้นมีทั้งมนุษย์ ปีศาจ และอสูร

และเขาก็รีบไปที่เมืองวิญญาณทันที

1เดือนต่อมา

ในที่สุดข้าก็มาถึงเมืองวิญญาณแล้ว(รวมๆแล้วมีสิ่งมีชีวิตอยู่2,549,321ชีวิต)

และเขาก็เตรียมค่ายกลที่สามารถผนึกฐานการบ่มเพาะของเหล่าสิ่งมีชีวิตในเมือง ค่ายกลนี้ต่อให้อยู่ระดับราชันย์จักรพรรดิก็ไม่อาจหนีออกไปได้แต่ต้องแลกกับอายุไขของคนที่ใช้ค่ายกลถึง250ปี(ยกเว้นผู้ใช้ค่ายกล ผู้ใช้ค่ายกลจะยังใช้การบ่มเพาะได้)

ซึ่งผู้ที่อยู่ระดับรวบรวมลมปราณนั้นมีอายุแค่300ปีเท่านั้น แต่เฟิ่งหลานชีมีเคล็ดวิชากาลเวลาอยู่เขาหยุดเวลาของตัวเองไว้และใช้ค่ายกลในทันที

ค่ายกลครอบคลุมทั้งเมืองและเฟิ่งหลานชีเดินเข้าไปและบินขึ้นไปข้างบนและเริ่มไล่ฆ่า มนุษย์ ปีศาจและอสูรที่อยู่ในเมืองทั้งหมดในวันนั้นเมืองวิญญาณกลายเป็นทะเลยเลือด

และพอเขาสังหารสิ่งมีชีวิตทั้งหมดแล้วเขาก็ใช้เลือดและวิญญาณของสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ฝึกเคล็ดวิชาจนสำเร็จ เคล็ดวิชากลืนกินสวรรค์ระดับ 6 / ควบคุมเลือดระดับ5 ระดับการบ่มเพาะยกขึ้นเป็นระดับก่อเกิดขั้นที่ 6

และแล้วการสังหารในครั้งนี้ก็แพร่กระจายไปทั่วแดนมนุษย์

หลังจากสังหารหมู่และฝคกวิเฟิ่งชาเสร็จสิ้น เฟิ่งหลานชีก็ได้บินออกไปที่หลังตระกูเฟิ่ง และเข้าไปยังห้องของตัวเอง ต่อมาเข้าก็ใช้ชีวิตแบบปกติและเตรียมตัวไปแย่งชิงสมบัติสวรรค์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีก 1 ปี

1ปีต่อมา

เขาได้ทะลวงเข้าสู่ระดับจักรพรรดิขั้นที่ 1

และเขาก็คิดขึ้นได้ว่ามีไข่สัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์อยู่เลยลองเอาออกมาแต่มันกลับฟักออกมาพอดี สิ่งที่ออกมาคือ กิเลนตัวสีขาว เฟิ่งหลานชีมองด้วยสายตาที่ดีตกใจและเขานั้นก็เอาสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ไปใช้ในการหลอมรวมเข้ากับเมล็ดพันธุ์ปีศาจต้นกำเนิดจนกลายเป็น มังกรปีศาจที่แท้จริง(ร่างเด็ก)

และเมื่อเขาหลอมรวมสำเร็จเขาก็เตรียมตัวไปเอาสมบัติสวรรค์ที่เกิดขึ้นในใจกลางแดนศักดิ์สิทธิ์หงเฉิง และเมื่อสมบัติสวรรค์เกิดขึ้นก็มีแสงสีทองพุ้งขึ้นไปเหนือก้อนเมฆ

3ชั่วโมงต่อมา

เขาและมังกรปีศาจได้มาถึงจุดที่มีแสงพุ้งขึ้นมาแล้ว

แต่กลับมีสำนักและนิกายมากมายมาถึงก่อนเสียแล้ว (มีระดับ จักรพรรดิ ราชันย์จักรพรรดิ และระดับครึ่งก้าวสู่ระดับเทพ) ไม่เพียงเท่านั้นยังมีระดับก่อเกิดมากมาย

เฟิ่งหลานชี:ระบบ ใช้การแปลงกาย(เปลี่ยนเป็นสตรี)

เฟิ่งหลานชี(ร่างผู้หญิง):หึ เท่านี้เมื่อข้าเข้าไปแย่งชิงสมบัติสวรรค์(ไข่มุกสวรรค์)

และเมื่อแสงสีทองหายไปก็ปารกฏไข่มุกแห่งสวรรค์ขั้นมา 1 ใน 10 สมบัติ แห่งสวรรค์และโลก

ต่อมาเหล่านิกายเซียนและนิกายปีศาจก็ต่อสู้แย่งชิงสมบัติกัน

เฟิ่งหลานชี(ร่างผู้หญิง):หึหึหึ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ข้าก็สามารถใช้พวกเจ้าฝึกเคล็ดวิชาของข้าได้ ไม่เพียงเท่านั้นข้าสามารถเข้าไปเอาไข่มุกสวรรค์ได้ตอนที่พวกนั้นเผลอ และยังสามารถใช้ในการเพิ่มฐานการบ่มเพาะได้อีกด้วย

เฟิ่งหลานชี(ร่างผู้หญิง):ฮะฮาฮ่าๆๆๆๆๆๆ นี้มันยิงปืนนัดเดียวได้นก3ตัว โชคของข้าเนี่ยในชาตินี้ช่างดียิ่งนัก ฮะฮ่าๆๆๆๆๆๆ(หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง) (ใช้การปกปิดตกตัวอยู่เลยไม่มีใครรู้ได้ ถ้าไม่ใช่ระดับเทพ)

ต่อมาเขาก็รอให้พวกนิกายนั้นสู้กัน ทั้งการฆ่ากันเองในนิกายทั้งการฆ่านิกายอื่นเพียงเพื่อแย่งชิงสมบัติสวรรค์(ไข่มุกสวรรค์)

แต่พวกเขาทุกคนหารู้ไม่ว่าคนที่จะได้ไข่มุกสวรรค์นั้นไม่ใช่นิกายเซียน หรือ นิกายปีศาจแต่อย่างใดแต่กลับเป็นบุคคลที่3ที่ได้รับผลประโยชน์ ก็คือ เฟิ่งหลานชี

การที่พวกเขาต่อสู้กันจนตายกันนับไม่ถ้วนนั่นเฟิ่งหลานชีคือผู้ที่ได้รับผลประโยชน์มากที่สุดด

เฟิ่งหลานชี(ร่างผู้หญิง):ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆครั้งนี้โชคหล่นทับข้าชัดๆเลยนี้หน่าา

และการต่อสู้ของนิกายเซียนและปีศาจยังดำเนินต่อไปอย่างยาวนาน

ต่อตอนหน้าาา

(ค้างใช่มั้ยล่ะ แนะๆๆๆ ค้างจริงๆแหละ แต่ก็ไม่ได้ค้างขนาดนั้นเพราะมีเฉลยแล้วว่าพระเอกนั้นสามารถแย่งชิงไขมุกสวรรค์ได้)😆😆😆

การแต่งนิยายเรื่องนี้คือคิดอะไรได้เขียนลงหมด5555

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!