...บทที่ 0 ดอกพุดซ้อน...
[วันศุกร์ที่ 5 มิถุนายน ปี 2552]
"เป็นไงบ้างจ๊ะแม่ ดีขึ้นมั้ย"
"ดีขึ้นแล้วพ่อ คงเเพราะได้ออกมาสูดอากาศหายใจข้างนอกบ้าง"
เสียงพูดคุยของสองสามีภรรยา ทั้งคู่นั้งอยู่บนเสื่อข้างต้นพุดซ้อนที่กำลังดอกเบ่งบานอยู่เต็มต้น สีเขียวสลับขาวนวลมองแล้วสบายตา ท้องของภรรยานั้นป่องนู้นโค้งขึ้นมาแต่เธอไม่ได้อวบอ้วนแต่อย่างไร แต่ภายในท้องนั้นกำลังมีอีกชีวิตหนึ่่งเติบโตขึ้นอย่างช้าๆ เธอกำลังตั้งครรภ์อยู่นั้นเอง
"นี่พ่อเราตั้งชื่อลูกว่าอะไรดีล่ะ"
"พ่อว่า... ชื่อ พุด ดีมั้ย แม่ชอบกลิ่นมันนี่แล้วลูกก็น่าจะชอบด้วยดิ้นใหญ่เลย"
เทียน ผู้ซึ่งเป็นสามีกล่าวขึ้นพร้อมๆ กับลูบไปที่ท้องของแก้วผู้เป็นภรรยาของตน
ตกค่ำคืนนั้นขณะที่ทั้งคู่กำลังนอนอยู่บนเตียงภายในห้องนอน แก้วสะดุ่งตื่นขึ้นพร้อมอาการเจ็บท้องอย่างหนัก ตามมาด้วยเทียนที่ตื่นขึ้นมาเพราะเสียงร้องของภรรยา เทียนไม่รอรีบพยุงแก้วลุกขึ้นจากเตียงอย่างรีบร้อน และรีบตรงไปที่รถยนต์สีเงินป้ายทะเบียน ชฬ 1313 กรุงเพทมหานคร ของเขา เทียนจัดท่านั่งในภรรยาของเขาอย่างเป็นระเบียบ ปรับเบาะเอียงลงในแก้วสบายตัวที่สุดและไม่ลืมที่จะคาดเข็มขัดนิรภัย จากนั้นเทียนรีบเข้านั่งที่ฝั่งคนขับและขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว ในใจเขาคิดเพียงต้องพาภรรยาไปส่งให้ถึงโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด โชคดีที่ทุกอย่างปลอยภัย พวกเขามาถึงโรงพยาบาลทัน แม้ว่าระหว่างทางน้ำคล่ำจะไหลออกมาก็ตาม แต่ก็ทำให้ทั้งคู่ตกใจอยู่ไม่น้อยดีที่ทั้งคู่ต่างก็เรียกสติให้กันและกันได้อย่างดี
ตอนนี้ทุกคนในห้องคลอดต่างพยายามทำหน้าที่ของตัวเองอย่างสุดกำลัง เสียงหมอและพยายาบาลช่วยกันส่งเสียงเป็นกำลังใจให้แก้วในการเบ่งคลอด เนื่องจากแก้วไม่อยากจะผ่าคลอดจึงต้องทำการคลอดธรรมชาติ เป็นเพราะแก้วอยากจะสัมผัสความรู้สึกที่มีความสุขจากการเห็นหน้าลูกหลังจากที่ผ่านความเจ็บปวดมา "ออกแรงอีกนิดคะ หัวออกมาแล้ว" คุณหมอทำคลอดพูดขึ้น และหลังจากนั้นไม่นานเสียงร้องเจื้อยแจ้วก็ดังขึ้น ทุกอย่างผ่านไปด้วยดีลูกของทั้งคู่แข็งแรงดี ด้านแก้วสลบไปเนื้องจากออกแรงมากจนเกินไป
"คุณพ่อตั้งชื่อน้องรึยังคะ"
"พุด พุดครับ เด็กชาย อินทวา ภารักษ์ ครับ"
"ค่ะ เดี๋ยวหมอให้คุณแม่พักฟื้นตัวสักคืน สองคืนนะคะ ส่วนเด็กหมอจะพาน้องไปตรวจโรคก่อนแล้วจะพาน้องไปหานะคะ"
"ครับ ฝากด้วยครับ"
หลังจากที่แก้วมาพักฟื้นที่ห้องรักษาตัว ไม่นานพยาบาลก็พาลูกของทั้งสองมาพร้อมกับแจ้งว่าน้องสุขภาพดีไร้เรื่องกังวลใจ แก้วจึงได้ให้นมลูกเป็นครั้งแรก ขณะนั้นในเวลาเดียวกันที่โซฟาเทียนก็ผล็อยหลับไป แก้วหันไปมองและยิ้มให้เทียน ก่อนที่เทียนนั้นจะค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาตอนที่แก้วให้นมเสร็จพอดี
"ลูกมาตั้งแต่ตอนไหนแม่ ทำไม่ปลุกพ่อล่ะ"
"ลูกมาสักพักแล้ว แล้วแม่ก็เห็นพ่อ หลับอยู่น่ะ คงจะเหนื่อยแม่ไม่อยากปลุก"
"แม่นั่นแหละเหนื่อยกว่าพ่อตั้งเยอะ"
แก้วยิ้มออกมา แล้วค่อยๆ ประคองลูกในอ้อมแขนไปในเทียน เขารีบโอบรับอย่างรู้ว่าต้องทำอะไรโดยที่ไม่ต้องมีคำพูดคุยเลย เขาก้มลงจูบไปที่หน้าผากของลูกน้อยในโอมแขนของเขาอย่างทะนุถนอน ภายในห้องพักเต็มไปด้วยบรรยากาศของความรักเต็มไปหมด ความอบอุ่นหัวใจพุ่งพร่านในใจของทั้งสามคนอย่างบอกไม่ถูก
[วันจันทร์ที่ 8 มิถุนายน ปี 2552]
ในที่สุดก็ถึงวันที่พวกเขาจะได้ออกจากโรงพยาบาลเพื่อกลับไปอยู่ที่บ้านของพวกเขา เพื่อนสร้างความทรงจำอันแสนสุขด้วยกันสามคนพ่อ แม่ ลูก
...ข่าวด่วน...
..."ตอนนี้พบกับข่าวด่วนคะ สำหรับใครที่จะออกจากบ้านตอนนี้ขอให้หลีกเลี่ยงเส้นทางบริเวณถนนพระราม 2 ไปก่อนนะคะ เนื้องจากเกิดเหตุรถยนต์ป้ายทะเบียน ชฬ 1313 กรุงเทพมหานคร ชนประสานงานกับรถบรรทุก จนทำให้คนบนรถยนต์เสียชีวิตคาที่ ซึ่งตอนนี้ทางด้านเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆ ก็กำลังตรวจสอบและเคลียร์เส้นทางอยู่นะคะ ยังไงก็ขอแสดงความเสียใจแกครอบครัวผู้เสียชีวิตด้วยนะคะ"...
...*********************************************...
...ตัวอย่าง บทถัดไป...
...//"แกเป็นใคร" "ทำอะไรอยู่ลูก" "พุดเห็นหมา พุดเลยไปไล่มัน"//...
...//"เอ็งทำหน้าทำตาดีๆ" "อีพิกุล อีหน้าด้าน"//...
สวัสดีทุกคนนะ สำหรับตอนนี้ก็ถือเป็นการเรียกน้ำย่อยเนอะ ฝากติดตามนิยายเรื่องนี้ด้วยนะทุกๆ คน ส่วนบทที่ 1 ทุกคนก็อดทนรอหน่อยนะ อีกไม่นานนี้แหละ เราเลือกวันไว้เเล้ว เราก็ตื่นเต้นอยากรีบลงแล้วเหมือนกัน อดทนหน่อยนะ
...🌟🌟 นิยายเรื่องนี้อยู่ภายใต้นามปากกา k.n. star light เนื้อเรื่องทั้งหมดจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องที่แต่งภายใต้นามปากกา k.n.star light 🌟🌟...
^^^ติดตามเพื่อรับข่าวสาร^^^
^^^ig : iamnine.krp^^^
^^^x : @iamninekrp^^^
^^^threads : iamnine.krp^^^
^^^public : 2023/10/27^^^
...บทที่ 1 ต่างจิต ต่างเวลา...
[วันอังคารที่ 4 มิถุนายน ปี 2567]
ในยามเช้าที่แสนสดใส ภายในสวนดอกไม้เล็กๆ ของบ้านหลังหนึ่ง ภายในสวนเต็ไปด้วยต้นไม้มากมายที่กำลังออกดอก โดยเฉพาะด้วยพุดซ้อนที่ขวนวลที่กำลังส่งกลิ่นหอมอบอวลอยู่รอบๆ บริเวณนั้น บนใบและดอกเต็มไปด้วยน้ำค้างที่เกาะอยู่ทำให้แสงเกิดการสะท้อนกับหยดน้ำเป็นแสงแวววาว ที่ใกล้ๆ นั้นมีเด็กหนุ่มในชุดนักเรียนแบบไทย ผมสีน้ำตาลเข้มเกือบดำแต่ด้วยแสงแดดที่ส่องลงมาทำให้ผมสีอ่อนลง ปากสีชมพูเล็กอ่อน ดวงตาสีน้ำตาลเข้ม ผิวตัวขาวเนียนเท่ากันเสมอทั้งตัว มือเล็กของเขาเอื่อมจับดอกพุดซ้อนแล้วยื่นหน้าเข้าไปดมโดยไม่เด็ดออกมาจากต้น "หอมจัง" เด็กหนุ่มพูดออกมาหลังจากสูดหายใจเอากลิ่นดอกไม้เข้าไปจนเรียกได้ว่าหายใจอย่างเต็มปอด
"พุด!! รถโรงเรียนมาแล้วลูก"
"ฮ่ะ! ครับกำลังไปครับ"
เด็กหนุ่มหรือ 'พุด' หลังจากที่ตอบรับเสียงของแม่แล้ว เท้าของเขารีบเร่งก้าวออกไปอย่างรวดเร็ว เขาวิ่งขึ้นบันไดปรับระดับที่ไม่ได้มีคั่น(บันได)มากจนทำให้เหนื่อย เขาวิ่งตรงดิ่งผ่านทางเดินกว้างในบ้านไปจนถึงหน้าบ้าน แม่ของพุดยืนรออยู่พร้อมกับเสื้อฮู้ดดี้กันหนาวสีขาวตัวใหญ่ และกระเป๋าสะพายขนาดไม่ใหญ่มาก พุดรีบคว้าของทั้งหมดจากมือของแม่ และไม่ลืมที่จะหยุดสวัสดีคุณแม่ของตัวเอง ก่อนที่จะรีบสับเท้าอย่างเร็วไปที่รถโรงเรียนที่จอดรออยู่
"อ่าาาาา ถึงแล้วดีนะที่ทัน" พุดพูดออกมาหลังจากที่มาถึงรถโรงเรียนที่ด้านในคล้ายคลึงกับรถสองแถว
"อุ๊ย เอ่ออ มองกันใหญ่เลย รอไม่เนอะ" พุดพูดกับทุกคนที่รออยู่บนรถด้วยสีหน้ายิ้มเเย้ม
แต่สีหน้าของทุกคนที่ส่งกลับมาคือใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตึงเครียด จนมันทำให้พุดหน้าถอดสี ไหล่ตกเดินขึ้นมานั่งบนรถ แต่ผ่านไปเพียงครู่เดียวทุกคนบนรถก็หัวเรอะออกมาพร้อมๆ กัน ทำให้นั่นแหละรู้ทันทีว่าตัวเองถูกพี่ๆ บนรถแกล้ง ด้วยความที่พุดเด็กที่สุดบนรถทำให้เป็นที่รักของพี่ๆ ทุกคน และยังทำให้พี่ๆ ชอบแกล้งหยอกพุดเล่นอยู่เสมอแต่ดีที่การแกล้งนั้นไม่ได้รุนแรงจนทำให้เกิดการตึงเครียดจนเกิด และสุดท้ายในทุกๆ ครั้งเรื่องก็จะจนลงด้วยการที่พี่ๆ ต้องง้อพุดที่งอภวังค์พี่ๆ ด้วยการซื้อของกขนมและของกินมาให้
"งื้อออ" พี่ผู้ชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่ข้างๆ พุดทำเสียงและใช่มือจับแก้มของพุดแล้วบีบถูอย่างเบามือและบอก
"เดี๋ยวพี่ซื้อช็อกโกแลตให้นะคร้าบบบ"
"เจ็ดสิบห้า" พุดพูดออกมาด้วยน้ำเสียงงอลๆ
"ฮ่ะ"
"พุดเอาช็อกโกแลตเจ็ดสิบห้าเปอร์เซ็นต์นะครับ"
"รับทราบครับ" พี่คนนั้นตอบออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความตั้งใจ
"จีบกันอีกแล้วสองคนนั้น" พี่อีกคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกล่าวขึ้นมา
"ไม่ใช่หรอกครับ" พุดตอบ
"แล้วถ้าใช่ล่ะ" พี่ที่นั่งข้างพุดพูดขึ้น แล้วใช่มือช้อนคางของพุดเชิดขึ้น แล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ ก่อนที่รถจะสั่นเพราะตกหลุม
ทั้งคู่ยิ้มเขินให้กันอยู่สักพักหนึ่งก่อนที่ต่างคนต่างจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา และใช้ทำสิ่งต่างๆ ตามที่แต่ละคนเคยทำมาก่อนในวันอื่นๆ ขณะที่อยู่บนรถโรงเรียนพุดก็ยังคงถูกพี่คนนั้้นทั้งจีบ แซวและทำให้เขินอยู่เรื่อยๆ ด้วยความที่อยู่บนรถขันเดียวกันมาตั้งแต่พุดขึ้นมัธยมปีที่ 1 ทำให้พุดเขินและชอบใจลีล่าท่าทางการรุกจีบของพี่เขาอย่างรุนแรง
เวลาผ่านไปไม่นานทั้งหมดก็มาถึงที่โรงเรียน พุดก้าวเท้าลงจากรถอย่างระมัดระว้งแต่ด้วยความซุ่มซ่ามของพุดก็ทำให้เขาสสะดุดขาของตัวเองจนเกือบล้มลงแต่ยังดีที่พี่ที่นั่งข้างพุดคว้าตัวเขาไว้ได้ทัน "ระวังตัวหน่อยสิ อย่าให้ผิวนิ่มๆ ต้องมีแผลนะ" คำพูดนั้นทำให้หน้าของพุดเริ่มแดงขึ้นมาทีละนิด "ขอบคุณครับ" พุดตอบกลับแล้วรีบทรงตัวบนพื้น ก่อนที่จะรีบเร่งฝีเท้าเพื่อเดินเข้าโรงเรียนไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่พุดเข้าโรงเรียนไปแล้ว เขารีบสวมเสื้อที่ถือมาด้วยแล้วรีบเดินไปที่สวนป่าของโรงเรียนเป็นที่ ที่มีต้นไม้ยืนต้นปลูกไว้จนสามารถบังแสงแดดไว้ได้ และมีที่นั่งถูกวางจัดไว้อยู่เต็มบริเวณ นั่นแหละเดินเข้าไปในสวนโดยที่ต้องผ่านต้นปีบคู่ต้นใหญ่ที่กำลังออกดอกสีขาวย้อยอยู่เต็มต้น พุดเดินไปก็เงยหน้ามองไปด้วยและก็ด้วยจังหวะที่พอดีกันดอกปีบที่อยู่บนหัวของพุดก็ร่วงโรยหล่นลงจากต้นมากระทบที่หัวก่อนที่จะลงมาอยู่ที่มือของพุดพอดี เขายกมือขึ้นมาเพื่อดมดอกไม้ที่อยู่ในมือกลิ่นมันหอมจนเหมือนตกอยู่ในภวังค์
"ย่ะ!!"
"เฮ้ยย!!!" พุดอุทานตกใจออกมา
"ไอ้กันต์ ตกใจนะเว้ย ทำงี้ได้ไงอ่าาาาา" พุดบ่นกันต์เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเขา
"ขอโทษษษ ไปๆ" กันต์พูด
กันต์เดินกอดคอพุด และเดินไปที่โต๊ะม้าหินแบบกลมทั้งคู่นั่งตรงข้ามกัน พุดเริ่มหยิบแท็บแล็ตในกระเป๋าออกมาเพื่อเริ่มทำอะไรบางอย่าง อย่างตั้งใจ
เวลาล่วงเลยผ่านไปจนถึงช่วงบ่ายๆ ที่นักเรียนระดับชั้นต่างๆ เริ่มเลิกเรียนกันหมดแล้วซึ่งรวมไปถึงพุดด้วย พุดและกันต์ต่างตรงไปที่สวนป่าที่เดิม ที่เป็นที่ประจำของทั้งคู่ นั่งอยู่ได้สักพักก็มีใครบางคนมานั่งอยู่ข้างๆ พุด "พี่ต้า" พี่บนรถคนเดิมมานั่งและปิดปากและกล่าวออกมาว่า
"พุด เราก็โดนพี่จีบๆ มาหลายปีแล้วนะ เป็นแฟนกันนะครับ"
"ได้ครับ"
พุดตอบรับไปอย่างไม่ลังเลพร้อมทำหน้าระรื่นยิ้มจนแก้มปริแก้มบาน สีแดงระรื่อชัดขึ้นตั้งแต่หูอีกข้างพาดผ่านหูอีกข้าง พุดหันซ้ายหันขวาด้วยความเขินอายอยู่สักพักก่อนที่ ต้าจะจับไหลของพุดจนทำให้เขาต้องหยุดหมุนตัวไปมา "เขินมากเลยหรอครับ" ต้าถามพุดพร้อมทำหน้าทำตาเจ้าเล่ห์เจ้าเสน่ห์ในแบบที่ชอบทำกับพุดอยู่ตลอด "พุดเป็นคนมีจิตใจนะ ก็ต้องเขินเป็นสิครับ" พุดตอบอย่างเขินอายอีกครั้ง
เขาก้มหน้าลงด้วยความเขินอายอีกครั้ง แต่ในครั้งนี้ต้าได้ใช้มือใหญ่หนาของเขาจับไปที่คางของพุด นิ้วโป้งของเขาลูบไปที่ริมฝีปากนุ่มนิ่มของพุด หน้าของทั้งสองคนขยับเข้าหากันมากขึ้นก่อนที่ "อ่ะ..อืมม มีเพื่อนนั่งอยู่ตรงนี้นะพุด" กันต์กระแอมเสียงขัดขึ้นมาก่อนที่ทั้งคู่จะเลยเถิดไปกว่านี้ ครั้งนี่ทำให้ทั้งคู่ต่างก็เเสดงอาการว่าเขินกันเองอย่างเห็นได้ชัด ต้าใช้มือหนากุมมือเล็กของพุดไว้จนแน่น
"พุดไม่ได้ฝันอยู่ ใช่มั้ย" พุดหันหน้าไปถามต้า
"ใช่คร้าบบ" ต้าตอบและใช่มืออีกข้างมาบีบจมูกของพุดพร้อมกับส่ายไปมา
"กริ๊งงง ขณะนี้ถึงเวลาเลิกเรียนแล้วประตูโรงเรียนทุกประตูของเราได้เปิดแล้ว ขอให้นักเรียนทุกคนกลับบ้านภายในหกโมงเย็นด้วยนะครับ กริ๊งงง" เสียงประกาศจากสภานักเรียนดังขึ้นเพื่อเป็นสัญญาณแจ้งนักเรียนทุกคนว่าถึงเวลากลับบ้านแล้ว
"เออออ ไปก่อนนะพุด" กันต์พูดแล้วรีบลุกออกไปอย่างเร็วจนพุดไม่ทันจะไปกล่าวลา
"เอ่ออ งั้นเราสองคนก็กลับกันเถอะนะครับ" พุดหันมาพูดกับต้า
"เอาสิ" ต้าตอบ
จบประโยคทั้งคู่เดินจับมือกันไปเรื่อยๆ จนถึงรถโรงเรียนของทั้งคู่ แล้วก็ไม่วายจะโดนพี่ๆ บนรถแซวทักจนทำให้พุดเขินไปตลอดทางกลับบ้าน
จนมาถึงบ้าน "เดี๋ยวคืนนี้พี่โทรหานะ" ต้าพูดตามหลังพุด พุดหันไปตอบด้วยการพยักหน้าแล้วยิ้ม เป็นสิ่งแทนคำว่าตกลงได้เป็นอย่างดี
พุดเดินยิ้มมีความสุขเข้ามาในบ้าน "แม่พุดกลับมาแล้ว เข้าห้องก่อนนะ" พุดไม่ลืมที่ทักทายแม่ของตัวเองก่อนที่จะรีบวิ่งขึ้นไปที่ชั้นสองของบ้านแล้วตรงดิ่งไปที่ห้องของตัวเอง แล้วรีบตรงไปที่ระเบียงที่ได้วิวหลังบ้านทั้งหมดซึ่งเป็นสวนดอกไม้ที่พ่อของพุดทำไว้ตั้งแต่ก่อนที่พุดจะเกิดซะอีก พุดยิ้มอยู่กับตัวเองไม่หยุด "ก๊อก ก๊อก" เสียงเคาะประตูทำให้พุดตกใจขึ้นมานิดหน่อย ก่อนที่จะรีบวิ่งไปเปิดประตู "อ้าวป้าดวงเดือนสวัสดีครับ" พุดกล่าวขึ้นหลังจากเปิดประตู
"ลงไปกินข้าวเถอะค่ะ คุณแก้วเตรียมไว้พร้อมแล้ว" ป้าดวงเดือนแม่บ้านประจำที่ค่อยช่วยคุณแม่ของพุดทำงานบ้านอีกแรง ขึ้นมาตามพุดที่ห้องเพื่อไปทานข้าวเย็น
"เอ่อออ บอกแม่ว่า พุดขออาบน้ำก่อนแล้วจะตามลงไปนะ" พุดตอบกลับ
"ได้ค่ะ คุณพุด"
"ขอบคุณคร้าบบบป้าดวงเดือน"
ว่าจบประตูห้องก็ถูกปิดลงก่อนที่พุดจะรีบหยิบผ้าขนหนูผืนใหญ่แล้วรีบวิ่งเข้าห้องน้ำไปอย่างเร็ว อีกทางด้านหนึ่ง ป้าดวงเดือนก็เดินลงมาที่โต๊ะไม้ทานอาหารทรงกลมสองชั้นที่ชั้นบนขยับหมุนได้ที่อยู่หน้าห้องครัว
"อ้าวดวงเดือน พุดละคะ" แก้วแม่ของพุดเอ่ยถามป้าดวงเดือนที่เดินลงมาคนเดียว
"คุณพุด แกขออาบน้ำก่อนค่ะ"
"อ๋ออ งั้นช่วยชั้นปิดกับข้าวไว้ก่อนเถอะรอเจ้าพุดก่อนแล้วกัน"
"ค่ะ"
เวลาผ่านไปสักพักใหญ่ พุดที่อยู่ในชุดนอนแขนยาวขายาวสีขาวรีบร้อนเดินลงมาที่โต๊ะทานอาหารของบ้าน โดยที่มีคุณแม่กับป้าดวงเดือนนั่งพูดคุยกันรออยู่ที่โต๊ะ "ขอโทษครับที่พุดให้รอ" พุดพูดออกไปด้วยความรู้สึกเกรงใจ "ไม่เป็นไรมากินเถอะ" คุณแม่ของพุดตอบแล้วกวักมือเรียกพุดให้มานั่งที่ ที่ประจำของเขา ทั้งหมดช่วยกันแกะพลาสติกแรปออกจากอาหารที่อยู่เต็มโต๊ะ บรรยากาศบนโต๊ะอาหารอบอวลไปด้วยความสุข
หลังจากทานข้าวและจัดการเรื่องต่างๆ เสร็จแล้ว พุดมานั่งพักผ่อนอยู่ที่โซฟาหน้าโทรทัศน์
"เป็นไงบ้างลูก" แก้วเดินมาและถามไถ่ลูกของตัวเอง
"อะไรเป็นไงครับ"
"ก็เรื่องที่โรงเรียนนั่นแหละลูก เป็นไงบ้าง"
"อืออ ก็ไม่มีอะไรมากนะแม่ ปกติดี"
"ดีแล้วแหละ" แก้วตอบแล้วลูบหัวของพุด
"ตื๊ดดด ตื๊ดดด" เสียงสั่นของโทรศัพท์ของพุดดังขึ้น พุดที่เหลือบไปเห็นรีบคว้าโทรศัพท์ขึ้นมา
"พุดไปนอนก่อนนะแม่ ฝันดีครับ" พุดพูดจบแล้วรีบวิ่งตรงไปที่ห้องของตัวเองระหว่างทางก็ได้เจอกับป้าดวงเดือน "ป้าดวงเดือนฝันดีครับ" พุดรีบวิ่งเข้าไปในห้องของตัวเองและตรงไปที่เตียงจากนั้นกดรับสาย
"ขอโทษที่รับสายช้านะครับพี่ต้า" พุดพูดออกมาเพื่อสื่อสารกับคนที่ถือสายอยู่ด้วยตอนนี้
พุดคุยไปยิ้มไป ตอนนี้เขามีความรู้สึกอย่างเดียวคือความสุขที่มันเต็มเปี่ยมล้นใจ ในวินาทีนั้นในใจของพุดมีแต่ความรูัสึกที่ดี พุดไม่คิดเรื่องอื่นใดนอกจากเรื่องของต้า
พุดคุยกับต้านานดึกดื่นจนเผลอหลับไปก่อนที่จะสะดุ้งตื่นขึ้นมาช่วงกลางดึก พุดลุกขึ้นมาขยี้ตัวเองและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูแล้วพบว่าสายถูกตัดไปเนื่องจากแบตเตอรี่ได้หมดไปแล้ว เขาจึงลุกขึ้นไปชาร์จโทรศัพท์ที่โต๊ะทำงาน ก่อนที่จะเหลือบไปเห็นว่าตัวเองไม่ได้ปิดประตูระเบียงจนลมจากข้างนอกพัดเข้ามาจนที่ให้พุดรู้สึกหนาวขึ้นมาทันที เขาจึงตรงไปที่ระเบียงเพื่อที่จะปิดประตูที่เป็นกระจกบานเลื่อนสูงเกินหัวไปมาก
"พุด เจ้าดอกพุดซ้อน" เสียงเย็นๆฟังดูไร้ชีวิตชีวาดังขึ้นข้างหูของพุดจนทำให้เขาสะดุ้งโหยง พุดหันซ้ายหันขวาอย่างลุกลี้ลุกลน เขาหันมาสำรวจทั่วทั้งห้อง ก่อนที่จะหันหน้าออกไปที่สวนดอกไม้และได้พบกับเงาตะคุ้มตะคุ้มคล้ายเงาผู้ชาย "แกเป็นใคร" พุดตะโกนออกไปเพราะกลัวที่จะเป็นขโมยที่บุกเข้ามาจึงตั้งใจเพื่อในเงานั้นตกใจและให้รู้ตัวว่ามีคนเห็นซึ่งมันอาจจะหนี้ไปก่อนที่จะขโมยของอะไรไปก่อน แต่เงาดำนั้นก็ยังคงนิ่งเฉยอยู่จนทำให้พุดเริ่มหัวเสียเขาไม่รอช้ารีบคว้าไฟฉายและวิ่งออกไปจากห้องและตรงไปที่ประตูหลังบ้าน พุดปลดกลอนประตูอย่าเร่งรีบแล้วผลักประตูออกไปอย่างเเรงพร้อมๆ กับเปิดไฟฉาย เขาวิ่งหน้าตั้งไปที่ ที่คิดว่าเห็นเงาเมื่อครู่นี้ ก่อนที่เขาจะพบกับความว่างเปล่า
"เป็นใครนะ มายืนทำอะไรตรงนี้" พุดบ่นออกมาหลังจากที่ไม่เห็นใครเลย เขาหันไปมองตรงที่นั่น ที่ ที่คิดว่าเงานั้นยืนอยู่ "ต้นประยงค์" พุดพูดชื่อต้นไม้ที่อยู่ใกล้ๆกับเงานั้น และค่อยๆเดินเข้าไปใกล้ๆ เพื่อสำรวจหาความผิดปกติแสงไฟที่ฉายออกมาจากไฟฉาย ส่องไปจนเห็นทรงกลมสีเหลืองทองเล็กๆ เป็นช่อ "ออกดอกแล้วสินะ หรือมันจะมาขโมยดอกไม้หรอ มาขอกันดีๆ ก็ได้นิ" พุดคิดและบ่นอยู่กับตัวเองด้วยเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นทำให้พุดงุนงงและสับสนเป็นอย่างมาก พุดยืนคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่สักพักก่อนที่จะเดินกลับเข้าไปในบ้านและปิดประตูลงกลอนอย่างมิดชิด
"ทำอะไรลูก พุด" เสียงนางแก้วถามขึ้นมา
"อ๋ออ พุดเห็น.." พุดชุกคิดบางอย่างขึ้นมาได้ "พุดเห็นหมาใครไม่รู้มันเข้ามาในสวน พุดกลัวว่ามันจะขุดดินใส่ดอกไม้ พุดเลยลงไปไล่มันครับ"
"ตะโกนจากบนห้องก็ได้ จะลงมาทำไม ดึกดื่นมันอันตราย" นางแก้วลูบหัวลูกของตนด้วยความเป็นห่วง
"พุดลองแล้วมันไม่ไป พุดเลยคิดว่าลงมาไล่ดีกว่าครับ"
"ถ้าพ่ออยู่คงจะออกไปไล่เอง ลูกจะได้ไม่ต้องออกไปเสี่ยง"
"แมมม่ ถึงพ่อยังอยู่พุดก็ออกไปอยู่ดีนั่นแหละครับ"
"อือๆ หมดเรื่องแล้วก็ไปนอนไป พรุ่งนี้ต้องตื่นมาตักบาตรวันเกิดนะ"
"คร้าบบบบ พุดไปนอนล่ะ"
นางแก้วมองตามหลังของพุดก่อนที่จะเดินไปที่ผนังด้านหนึ่งของบ้านที่ แขวนรูปเอาไว้ ซึ่งมีรูปขาวดำรูปหนึ่งที่เด่นสะดุดตาที่สุด นางแก้วมองขึ้นไปและยิ้มแย้มอย่างมีความสุข
"พ่อ จะถึงวันเกิดลูกเราแล้วนะ ถ้าพ่ออยู่คงได้เห็น แต่ก็ขอให้พ่อปกป้องคุ้มครองลูกด้วยแล้วกันนะพ่อ" นางแก้วพูดคุยกับรูปของสามีตนเองที่เสียไปตั้งแต่ช่วงที่พุดเกิด ก่อนที่นางจะเดินเข้าห้องนอนที่อยู่ชั้นแรกตรงข้ามกับผนังติดรูปนั้น
นางแก้วนอนไปได้ไม่นานก็ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาเนื้องจากเสียงเคาะประตูห้อง แก้วจึงได้ลุกขึ้นไปเปิดประตูห้องของตน แต่ก็ต้องตกใจเพราะคนที่อยู่หน้าห้องนั้นคือใครก็ตามที่นางแก้วนั้นไม่รู้จัก ชายหนุ่มตัวสูงโปร่งหุ่นบึกบึน ผิวพรรณขาวแต่เหมือนจะหมองเพราะเหมือนคนโดนแดด ใส่ชุดสูทสีขาว เนกไทสีชมพูอ่อน
"คุณเป็นใคร" นางแก้วถามออกมาเสียงหลง
"ผมมาขอลูกชายคุณแม่ไปอยู่กับผมนะครับ" ชายหนุ่มคนนั้นพูดจบแล้วก้มโค้งไหว้นางแก้ว ก่อนที่จะเดินจากไป
นางแก้วจะเป็นลมล้มพับลงไปกับพื้น มือเกาะกรอบประตูแน่น ก่อนที่นางแก้วจะสะดุ้งตื่นขึ้นมาบนเตียงในห้องนอนของตัวเอง เธอได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจและพยายามที่จะไม่คิดอะไรมากและข่มตาหลับลง ใจหนึ่งก็อยากจะไปดูลูกอีกใจหนึ่งก็ไม่อยากรบกวนลูก เธอจึงเลือกที่จะหลับต่อไปโดยทิ้งข้อสงสัยนี้ไว้ในใจ
[วันอาทิตย์ที่ 4 มิถุนายน ปี 2510]
"เอาๆ พวกเอ็ง รีบเร่งทำกับข้าวกันเข้า งานข้างบนเขาจะเสร็จกันแล้ว แขกจะได้ลงมากินของมันจะได้พร้อม" เสียงหญิงมีที่ฟังดูมีอายุคนหนึ่งประมาณวัยกลางคนพูดสั่งคนในครัวที่อยู่ใต้ทุนบ้านที่เป็นบ้านไม้ที่ดูโบราณตามยุคสมัย
"แม่แย้ม แม่แย้ม" เสียงเรียกจากผู้หญิงอีกคนที่อายุอานามดูพอๆ กัน
"ว่ายังไงแม่ปีบ" นางแย้มตอบกลับ
"จะนับสินสอดแล้วนะ"
"อ้าวหรอ งั้นชั้นไปตอนนี้แหละจ๊ะ" นางแย้มตอบแล้วรีบร้อนวิ่งขึ้นไปบนบ้าน ข้างในเต็มไปด้วยผู้คนที่ต่างแต่งตัวด้วยชุดสีสดมงคลสีต่างๆ หลากตา
"มาได้แล้วนะนางแย้ม ปล่อยชาวบ้านรอ" เสียงชายมีอายุที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวยาวทักนางแย้ม
"ชั้นก็ต้องไปดูกับข้าวกับปลา แล้วเอ็งไม่นับเองเลยล่ะ พ่อขจร"
"มันก็ต้องนับกันทั้งพ่อทั้้งแม่สิ่ว่ะเอ็งนี่ก็"
"เออ"
จบบทสนทนาทั้งสองคนนั่งสินสอดกันอย่างตั้งใจ อยู่สักพักหนึ่งก่อนที่จะมีเสียงชายหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้นมา "ครบตามที่ฉันบอกไว้มั้ยจ๊ะ พ่อ แม่" นางแย้มและนายขจร หันมาพยักหน้าให้ชายหนุ่มที่ถาม
"เอาล่ะ สินสอดนี่ก็ครบถ้วนตามที่พ่อยงค์บอกแม่ไว้ ว่าจะเอามาสู่ขอลูกสาวคนเดียวของแม่ แต่ยังไงซะ สินสอดพวกนี้แม่ให้พวกเอ็งเอาไปไว้ใช้นั่นแหละ" นางแย้มพูดขึ้นมาเสียงเพื่อเป็นการประกาศให้ชาวบ้านได้รับรู้ด้วย แล้วหันไปพยักหน้าและส่งยิ้มอ่อนๆ ให้กับแม่ปีบ มารดาของลูกเขยนางแย้ม
ทุกเรื่องผ่านไปอย่าราบรื่น จนตอนนี้ทั้งคู่ก็ต่างต้องสวมแหวนหมั้นให้กันและกันแล้ว แหวนทองหัวเพชรเม็ดโตถูกสวมบทนิ้วมือของเจ้าสาว และแหวนทองฝังมุกถูกสวมลงให้กับฝ่ายเจ้าบ่าว ในช่วงนี้นั่นแหละที่บรรยากาศต่างๆ ภายในบ้านเริ่มเปลี่ยนจากสุขใจเป็นทุกข์ใจ ก่อนที่นางแย้มจะรีบตัดบรรยากาศด้วยกันกล่าวเสียงดังเชิญให้ชาวบ้านทุกคนที่มางานลงไปทานอะไรกันข้างล่างบ้าน ก่อนที่นางแย้มจะดึงตัวลูกสาวของตนออกมาเพื่อพูดคุยเป็นการส่วนตัว
"นางพิกุล เอ็งก็ทำหน้าทำตาดีๆ หน่อยสิ" นางแย้มพูด
"แม่ก็รู้ว่าชั้น ไม่เคยคิดจะแต่งงานหรือมีผัวตอนนี้" พิกุลผู้หญิงสาวสวยตอบกลับแม่ของตนอย่างเศร้าโศกและใส่อารมณ์
"แล้วพ่อยงค์ เขาไม่ดียังไง แกถึงจะไม่เอาเขามาเป็นผัว"
"เขาดีจ๊ะแม่ แต่ชั้นไม่ได้ชอบเขาเลย" จบเสียงของพิกุล นางแย้มตบลงไปที่ไหลของพิกุลแต่ไม่ได้แรงจนสร้างความเจ็บปวด
"เอ็งทำหน้าทำตาให้ดีเถอะ พรุ่งนี้ก็แต่งแล้ว"
"แต่ตอนนี้ชั้นจะกลับบ้านจ๊ะแม่" พูดจบพิกุลเดินออกไปจากบ้านความกิริยาสำรวมเรียบร้อย
"อ้าวพิกุลไปไหนล่ะ แม่แย้ม" นางปีบแม่ของยงค์ซึ่งเป็นเจ้าบ่าวของงาน
"อ๋อ เออ นางพิกุลมันปวดหัวนิดหน่อยน่ะ มันเลยจะไปพักน่ะ พรุ่งนี้จะได้ไม่ป่วยไข้เอา" นางแย้มตอบออกไปด้วยหน้าถอดสี เสียงสั่นๆ และเต็มไปด้วยความกังวล ก่อนที่นางจะรีบเดินตามพิกุลออกไป ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ยงค์เดินมาหาแม่ของตน
"พิกุลดูไม่ชอบชั้นเลยนะแม่"
นางปีบไม่ได้ตอบอะไรกลับ ทำเพียงพยักหน้าแล้วใช้มือลูบไหลลูกของตนอย่างเป็นห่วง
"พิกุล พิกุลเอ็งรอแม่ก่อน" นางแย้มตะโกนเรียกพิกุลที่กำลังก้าวเดินอย่างรวดเร็ว
"เอ็งเป็นอะไรพิกุล"
"ก็แม่บังคับชั้นแต่งงานกับเขาคนนั้น ชั้นไม่ได้รักชอบเขาด้วยซ้ำ" เสียงนุ่มนิ่มใสเพราะของพิกุล โต้ตอบนางแย้มผู้เป็นแม่ของตน
"แล้วจะให้แม่ทำยังไง พ่อเอ็งกับพ่อของพ่อยงค์ สัญญากันเอาไว้นานแล้ว เอ็งจะให้พ่อเอ็งผิดคำสัญญากับเพื่อนที่ตายไม่แล้วหรอ" นางกล่าวถึงคำสัญญาของผู้เป็นพ่อ
"แล้วแม่ไม่สนจิตใจชั้นเลยหรอ"
"ถ้าแม่ไม่สน แม่คงไม่ให้เอ็งแต่งกับพ่อยงค์หรอก เขาน่ะเป็นคนดี"
"ให้ดีแค่ไหน ชั้นก็ทนรักเขาไม่ได้หรอกจ้ะแม่" พูดจบพิกุลรีบเร่งฝีเท้าเพื่อตรงไปที่บ้านของตนซึ่งอยู่ห่างจากบ้านที่จัดงานอยู่สิบกว่าหลังได้ ปล่อยให้นางแย้มได้แต่มองลูกของตนเองอย่างอาลัย
"ไม่!!! อีพิกุล อีหน้าด้าน ตอแหลนักนะมึง" เสียงโวยวายของหญิงสาวคนหนึ่งตะโกนออกมาเสียงดังจากบ้านที่ดูเหมือนจะเป็นร้านขายของประจำหมู่บ้าน
"โอ๋ ดาวเรืองใครทำให้น้องสาวพี่เป็นแบบนี้" ชายหนุ่มร่างบึกบึนพูดขึ้น
"ก็อีพิกุล ที่พี่หลงมันนักหนาไง!!" ดาวเรืองตะโกนใส่พี่ชายของตนเองด้วยความโกรธ
"แล้วไงว่ะ มึงน่ะอยู่เฉยๆ ไว้เลยนะ เอ็งมันก็พลานไปทั่ว เพราะงี้ไง ไอ้ยงค์มันเลยไม่เอามึงทำเมีย" พี่ชายของดาวเรืองว่าเสร็จแล้วเดินออกไปจากบ้าน
"พี่ชาติ ไอ้พี่ชาติ โถ่เว้ยอีพิกุลมันก็ไม่เอาพี่ทำผัวเหมือนกันนั้นแหละ" ดาวเรืองตะโกนตามหลังชาติ แล้วหันมาสะบัดสะเบี่ยงตัวด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว
...*********************************************...
...ตัวอย่าง บทถัดไป...
...//"ทำไมไม่อยากให้คุณหนูไปโรงเรียนวันนี้ล่ะคะ" "เมื่อคืนชั้นฝันไม่ดี เกี่ยวกับตาพุดน่ะ"//...
...🌟🌟 นิยายเรื่องนี้อยู่ภายใต้นามปากกา k.n. star light เนื้อเรื่องทั้งหมดจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องที่แต่งภายใต้นามปากกา k.n.star light 🌟🌟...
^^^ติดตามเพื่อรับข่าวสาร^^^
^^^ig : iamnine.krp^^^
^^^x : @iamninekrp^^^
^^^threads : iamnine.krp^^^
^^^public : 2023/11/16^^^
...บทที่ 2 วันสำคัญต่างยุค...
[วันอังคารที่ 4 มิถุนายน ปี 2567]
"เป็นใครนะ มายืนทำอะไรตรงนี้" พุดบ่นออกมาหลังจากที่ไม่เห็นใครเลย เขาหันไปมองตรงที่นั่น ที่ ที่คิดว่าเงานั้นยืนอยู่ "ต้นประยงค์" พุดพูดชื่อต้นไม้ที่อยู่ใกล้ๆ กับเงานั้น และค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้ๆ เพื่อสำรวจหาความผิดปกติแสงไฟที่ฉายออกมาจากไฟฉาย ส่องไปจนเห็นทรงกลมสีเหลืองทองเล็กๆ เป็นช่อ "ออกดอกแล้วสินะ หรือมันจะมาขโมยดอกไม้หรอ มาขอกันดีๆ ก็ได้นิ" พุดคิดและบ่นอยู่กับตัวเองด้วยเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นทำให้พุดงุนงงและสับสนเป็นอย่างมาก พุดยืนคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่สักพักก่อนที่จะเดินกลับเข้าไปในบ้านและปิดประตูลงกลอนอย่างมิดชิด
"ทำอะไรลูก พุด" เสียงนางแก้วถามขึ้นมา
"อ๋ออ พุดเห็น.." พุดชุกคิดบางอย่างขึ้นมาได้ "พุดเห็นหมาใครไม่รู้มันเข้ามาในสวน พุดกลัวว่ามันจะขุดดินใส่ดอกไม้ พุดเลยลงไปไล่มันครับ"
"ตะโกนจากบนห้องก็ได้ จะลงมาทำไม ดึกดื่นมันอันตราย" นางแก้วลูบหัวลูกของตนด้วยความเป็นห่วง
"พุดลองแล้วมันไม่ไป พุดเลยคิดว่าลงมาไล่ดีกว่าครับ"
"ถ้าพ่ออยู่คงจะออกไปไล่เอง ลูกจะได้ไม่ต้องออกไปเสี่ยง"
"แมมม่ ถึงพ่อยังอยู่พุดก็ออกไปอยู่ดีนั่นแหละครับ"
"อือๆ หมดเรื่องแล้วก็ไปนอนไป พรุ่งนี้ต้องตื่นมาตักบาตรวันเกิดนะ"
"คร้าบบบบ พุดไปนอนล่ะ"
พูดจบพุดก็รีบเดินขึ้นไปบนห้องของตัวเองโดยที่เขาไม่ลืมที่จะหันมาที่แม่ของตนเพื่อนจะกล่าวคำฝันดีอีกสักรอบ แต่ก็ต้องหยุดเสียงเอาไว้ก่อนเพราะเห็นแม่ของตนกำลังมองรูปพ่อที่เสียไปตั้งแต่ช่วงที่เขาเกิด เพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์ พุดจึงเพียงแค่ยิ้มอ่อนๆ ก่อนที่จะรีบเดินขึ้นไปห้องของตัวเองไป แต่ก็ไม่วายพุดยังคงเก็บเอาเรื่องเงานั้นมานอนคิดวกไปวนมาอยู่กับตัวเองอยู่นานสองนาน จนเขาเผลอหลับไปโดนที่ยังคงลืมปิดประตูระเบียงตามที่ตั้งใจไว้ตั้งแต่แรก
"พุด ดอกพุดซ้อน น้องพุด"
พุดสะดุ้งตื่นขึ้นมาอย่างแรงเพราะรู้สึกว่าเสียงเมื่อสักครู่ฟังดูใกล้หูอย่างไม่น่าเชื่อ พุดที่ตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นรีบหันขว้างโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อดูเวลา และเห็นว่าเป็นเวลา 04:23 น. ของวันถัดมาแล้ว แต่เขาก็ไม่มีความคิดที่จะนอนต่อ เนื่องด้วยเสียงเมื่อครู่ยังทำให้เขาตกใจอยู่
[วันพุธที่ 5 มิถุนายน ปี 2567]
พุดที่ตื่นขึ้นมาแล้วลุกออกจากเตียงไปพร้อมๆ กับโทรศัพท์มือถือ และตรงไปที่ระเบียง "สุดท้ายก็ไม่ได้ปิด" พุดบ่นพึมพำกับตัวเองที่สุดท้ายตัวเขาก็ลืมปิดระเบียงตามที่ตั้งใจไว้ตอนแรก พุดนั่งลงที่เก้าอี้ขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กซึ่งเหมาะกับกับวางไว้ที่ระเบียงห้อง และนั่งมองการแจ้งที่หลั่งไหลเข้ามาตลอดทั้งคืน ก่อนที่จะปิดแล้ววางโทรศัพท์ลงที่เก้าอี้ที่เขานั่งพร้อมๆ กับลุกยืนขึ้นมองไปที่สวนดอกไม้ที่ ที่เขาพบเจอกับเงาดำเมื่อคืนนี้เขายังทำได้แค่คุ่นคิดเรื่องนั้นอยู่ตลอด ก่อนที่เขาจะหยิบมือถือขึ้นและเข้าไปพิมพ์แชตข้อความแล้วส่งให้ต้า
/อรุณสวัสดิ์ครับพี่ต้า วันนี้พุดตื่นเร็วมากเลยอ่ะ/-พุด
หลังจากส่งข้อความไปแล้ว พุดคิดและยิ้มอยู่กับตัวเองก่อนที่จะนั่งลงเปิดเพลงจากแอปเพลงในมือถือ เขาฟังดื่มด่ำอารมณ์และบรรยากาศโดยรอบจนถึงในตอนที่แสงจากทางทิศตะวันออกกำลังเริ่มส่องแสง ดวงอาทิตย์ค่อยๆ เลื่อนตัวลอยสูงขึ้นมาจากขอบเส้นขอบฟ้า แสงส่องกระทบไปที่เมฆจนกลายเป็นสีส้มแดงกับเหลืองทอง ไล่สีกันคล้ายกับดอกหางนกยูงฝรั่ง มองดูแล้วเหมือนฝนจะตกลงมาในยามเย็นอย่างแน่นอน แสงสว่างค่อยๆ สาดส่องเข้ามาจนทำให้แสงสว่างทำให้เห็นรายละเอียดของสิ่งต่างๆ โดยรอบ ต้นไม้ ใบไม้ ดอกไม้ เริ่มพากันสะท้อนสีของแสงต่างๆ ส่งเข้ามาในสายตาของพุด ทำให้เห็นสีสันที่สดสวยของพวกมันชัดเจนขึ้นพุดที่เห็นว่าบริเวณโดยรอบเริ่มสว่างแล้ว จึงรีบเดินเข้ามาในห้องเพื่อเตรียมตัวที่จะไปโรงเรียนเหมือนอย่างทุกวัน
หลังจากที่ทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว พุดเดินหอบกระเป๋านักเรียนและเสื้อกันหนาวตัวโตลงมาจากห้องของตัวเอง "มากินข้าวลูก" เสียงนางแก้วเรียกพุดที่กำลังเดินลงบันไดมาที่ชั้นล่างของบ้าน "ครับ" พุดตอบกลับไป ก่อนที่จะรีบวางของทั้งหมดลงที่โซฟา แล้วรีบเร่งไปที่โต๊ะทานข้าวที่ตอนนี้มีอาหารเช้าทั้งแบบไทยและเทศวางอยู่เต็มโต๊ะ พุดรีบนั่งลงแล้วหยิบปาท่องโก๋มากัดอย่างรีบร้อนตามด้วยนมโกโก้อุ่นๆ หอมๆ ของโปรดของพุด
"นี่ คุณหนูทานข้าวต้มปลาทับทิมนะคะ" ป้าดวงเดือนมาพร้อมกับข้าวต้มในมือ
"แต่"
"พุด! กินเข้าไปลูก"
"ครับ"
พุดรีบตักข้าวต้มในถ้วยเข้าปากไปอย่างรวดเร็วจนหมด ก่อนที่เขาจะจะจิบน้ำหลังอาหารตามเข้าไปแล้วจึงเดินออกไปยังสวนดอกไม้ที่ตนรักแสนรัก และไม่ลืมที่จะเดินไปมองที่บริเวณต้นประยงค์ซึ่งเป็นจุดที่ทำให้เกิดเหตุการณ์เมื่อคืนขึ้นมา พุดมองอยู่ได้สักพักใหญ่เขาพินิจพิจารณาทุกอย่างที่ตนได้พบเห็นและได้ยินแต่คิดยังไงก็คิดไม่ออก พุดทำหน้างุนงงอย่างรุนแรงออกมาอย่างเห็นได้ชัดการเข้าสวนมาให้ครั้งนี้ทำให้เข้ารู้สึกว่าตัวเองได้รับเรื่องเครียดมากกว่าที่จะเป็นการมาคลายเครียดเหมือนทุกครั้ง
"พุดรถมาแล้ว" นางแก้วตะโกนเรียกพุด
"ไปแล้วครับ" พุดตอบกลับไป ก่อนที่จะรีบวิ่งไปหน้าบ้านแล้วรับกระเป๋าและเสื้อกันหนาวในมือแม่ของตนแล้วรีบวิ่งไปที่รถ แต่ก่อนนั้น
"วันนี้หยุดสักวันมั้ยลูก" นางแก้วถามพุดด้วยหน้าถอดสี
"ไม่ดีกว่าครับ พุดอยากไปโรงเรียน" พูดจบพุดรีบวิ่งไปที่รถโรงเรียนอย่างเร็ว
"พุด" นางแก้วตะโกนตาม
นางแก้วมองตามรถโรงเรียนของลูกตนเองที่กำลังขับไปจนสุดสายตาพร้อมกับสีหน้าที่ดูกังวลอยู่ตลอด อาการของนางแก้วจัดเจนจนทำให้นางดวงเดือนที่ยืนอยู่ข้างๆ สังเกตเห็นได้จึงกล่าวถาม
"ทำไมไม่อยากให้คุณหนูไปโรงเรียนวันนี้ล่ะคะ"
"เมื่อคืนชั้นฝันไม่ดี เกี่ยวกับตาพุดน่ะ"
"ไม่เป็นไรหรอก ฝันร้ายจะกลายเป็นดี อาจจะดีกับตัวคุยพุดก็ได้นะคะ" นางดวงเดือนพูดจบแล้วเดินเข้าบ้านไปทำหน้าที่ของตัวเองที่ได้ทำมาตลอด
ส่วนนางแก้วก็ยังคงนำเอาความฝันนั้นมาเป็นความทุกข์ใจแล้วแสดงมันออกมาที่หน้าอย่างชัดเจน
ด้านพุดที่อยู่บนรถโรงเรียนตอนนี้ เขาไม่พบกับต้าคนที่เป็นแฟนของพุดและเป็นคนที่พุดแทบจะให้ทั้งหัวใจและความรู้สึกไปหมด คงด้วยนิสัยส่วนตัวที่ชอบเทใจให้คนที่รักไปหมดจนไม่เผื่อใจ แต่ตอนนี้ในหัวของพุดเต็มไปด้วยความคิดฟุ้งซ่านที่สับสนตบตีกันอยู่อย่างรุนแรงเพราะตอนนี้บนรถไร้ซึ่งเงาของต้า แต่กลับเต็มไปด้วยเสียงซุบซิบของคนบนรถที่พูดถึงความสัมพันธ์ของพุดและต้า จนต้องทำให้พุดที่คิดมากอยู่แล้วต้องรีบหาวิธีหลบเลี่ยงที่จะรับเอาเสียงเหล่านั้นเช้ามาภายในหูของตัวเองโดยเร็วที่สุดและทางเดียวที่เขาพอจะทำได้ในตอนนี้คือรีบใส่หูฟังเพื่อปิดกั้นเสียงเหล่านั้นพุดเปิดเพลงแล้วปรับระดับเสียงจนแทบสุดหลอด พุดนั่งฟังเพลงที่ชอบวนไปอยู่หลายรอบจนพุดหลุดไปอยู่ในโลกของตัวเองจนไม่รู้ตัวว่าตอนนี้รถกำลังอยู่ส่วนไหนบนโลก ถึงแม้ว่าจะเป็นเส้นทางที่ผ่านทุกวันแต่มันก็ไม่สร้างความรู้สึกคุ้นเคยให้กับพุดเลย
ขณะนั้นพุดที่เล่นมือถืออยู่ก็ได้รับข้อความจากกันต์เพื่อนที่สนิทที่สุดของเขา 'วันนี้ข้ามถนนมาฝั่งตรงข้ามหน่อยนะจ๊ะไปซื้อของอะไรหน่อย' พุดรีบตอบกลับไป 'อืม ได้' พุดปิดโทรศัพท์คว่ำลงแล้วเริ่มหลับตาลงไปเพื่อที่จะได้ไม่สนใจรอบๆ ข้าง
พุดหลับตาสนิทแต่ไม่ได้หลับลงจนเรียกสติตัวเองไม่ได้ เขาลืมตาขึ้นในช่วงที่ใกล้ถึงโรงเรียนพอดี พุดเริ่มจัดระเบียบของที่จะถือไว้ในมืออย่างที่ทำตลอดๆ จนรถได้ขับมาถึงจุดจอดประจำทุกคนบนรถรวมถึงพุดค่อยๆ ทยอยลงจากรถโรงเรียนจนหมด ส่วนพุดนั้นรีบเร่งเดินไปหน้าโรงเรียนซึ่งมีทางม้าลายที่ใช่ข้ามฟากถนนอยู่เป็นประจำทุกเย็น พุดเดินมาหยุดยืนรอข้ามถนนพร้อมกับเสียงเพลงที่ดังก้องกังวานอยู่ในหูของเขา ก่อนที่ไม่นานเขาจะมองเห็นว่านักเรียนทหารหรือรด. ของโรงเรียนได้โบกกันรถเพื่อให้คนข้ามได้แล้ว พุดจึงเริ่มก้าวไปเพื่อนไปรอข้ามอีกรอบที่เกาะกลาง แต่ไม่ว่าจะเป็นความผิดพลาดของใครก็ตาม พุดก้าวเท้าลงจากเกาะกลางถนนเพราะเห็นว่ายังมีนักเรียนทหารกั้นทางอยู่
"ระวัง" เสียงเย็นก้องขึ้นในหูของพุด เป็นสิ่งที่ทำให้เขาได้สติและรีบหันไปมองทางด้านซ้ายมือของตัวเอง พร้อมกับได้เห็นรถยนต์กำลังขับพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วเกินกว่าที่จะเบรกทันไม่ให้ชนพุดได้ แต่ก็ยังดีที่พุดรีบกลับขึ้นบนเกาะกลางถนนได้ทัน โชคดีที่เรื่องทั้งหมดอยู่ในสายตาของกันต์ที่มารออยู่ฝั่งตรงข้ามพอดี 'ไม่ต้องข้ามมาแล้ว เดี๋ยวไปหา' พุดเงยหน้ากลับไปมองเพื่อนที่ทำหน้าตาตื่นตนก
เมื่อถึงตอนที่นักเรียนทหารกั้นรถกันต์รีบวิ่งมาที่ ที่พุดยื่นอยู่พร้อมด้วยสีหน้าเป็นห่วงที่ดูเป็นห่วงสุดๆ "เป็นไงบ้าง นี่เค้ก happy birthday นะ" กันต์พูดและยื่นกล่องเค้กในมือให้พุดก่อนที่จะจับมือพุดแล้วลากจูงเพื่อข้ามถนน
"นี่ กันต์" กันต์หันมาตามเสียงที่พุดถามหลังจากข้ามถนนมาแล้ว
"มีอะไรมั้ย"
"ไม่มีแล้ว" พุดพูด พยักหน้า แล้วเริ่มเดินต่อไปเพื่อเข้าโรงเรียน
[วันอาทิตย์ที่ 4 มิถุนายน ปี 2510]
"ให้ดีแค่ไหน ชั้นก็ทนรักเขาไม่ได้หรอกจ้ะแม่" พูดจบพิกุลรีบเร่งฝีเท้าเพื่อตรงไปที่บ้านของตนซึ่งอยู่ห่างจากบ้านที่จัดงานอยู่สิบกว่าหลังได้ ปล่อยให้นางแย้มได้แต่มองลูกของตนเองอย่างอาลัย
พิกุลค่อยก้าวเดินไปตามทางดินลูกรังที่ริมขอบข้างทางมีต้นหญ้าขึ้นประปราย ด้านขวาเป็นบ้านสลับกับต้นไม้สูง ด้านซ้ายเป็นทุ่งนาทอดยาวไปจนสุดมองดูสบายตา ซึ่งขัดกับอารมณ์ความรู้สึกของพิกุลในตอนนี้เป็นอย่างมาก ในที่สุดพิกุลก็เดินจนมาถึงบ้านของตัวเองเธอเดินมาจนถึงประตูก่อนที่จะถอดรองเท้าส้นสูงที่ครีมที่เปื้อนฝุ่นดินตามทาง เธอเดินตรงเข้าไปในห้องของตัวเองก่อนที่จะปิดล็อกกลอนประตู ทิ้งตัวลงกองกับพื้นพร้อมพรั่งพรูน้ำตาออกมาอย่างทุกข์ระทมจากการที่ต้องแต่งงานกับคนที่ไม่ได้แม้แต่จะรัก ถึงพิกุลจะเป็นสาวโสดไม่มีคนรักอื่น แต่เธอก็ไม่เคยปฏิเสธใจตัวเองให้รักกับคนพ่อแม่ต้องการได้
เธอจมปรักอยู่กับความรู้สึกนี้อย่างยาวนาน จนแสงของท้องฟ้าเรื่องเปลี่ยนสีไปตามเวลาที่เธอเอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้องไม่ออกไปไหน
ที่บ้านของประยงค์ในตอนนี้ เสียงพูดคุยดังไปทั่วทั้งบ้าน ด้วยเพราะชาวบ้านต่างมาช่วยกันตะเตรียมแต่งของประยงค์และพิกุลที่จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ ยิ่งเฉพาะในครัวที่ยุ่งเป็นพิเศษต่างพากันเตรียมของที่พอเตรียมได้เพื่อใช้ในวันพรุ่งนี้
"นี่! แย้มลูกเธอไปไหนแล้ว ไม่มาอยู่ที่งานหรอ" เสียงชาวบ้านคนหนึ่งถามนางแย้มแม่ของพิกุลขึ้นด้วยความสงสัย
"อยู่บ้านนน พรุ่งนี้จะเป็นเจ้าสาวก็ต้องเตรียมตัวพักผ่อนจะได้สวยใส"
"อ๋ออ เอ่ออคือฉันได้ยินมานะ ว่านังหนูพิกุลน่ะไม่อยากแต่งกับพ่อประยงค์หรอ" ชาวบ้านคนเดิมถามขึ้นพร้อมกับเสียงของคนอื่นๆ ที่คุยกันด้วยความอยากรู้
"โอ๊ยยย มันก็คงเป็นพวกปากหอยปากปู ชอบเสือกเรื่องชาวบ้านนั่นแหละ พวกเธอก็ระวังนะฟังเรื่องเน่าๆ มา หูจะเน่าเป็นหนองจนไม่มีหูให้ฟังเรื่องชาวบ้านนะ" นางแย้มพูดเหน็บแนมเหล่าชาวบ้านในครัวก่อนส่งยิ้มให้แล้วเดินขึ้นบ้านไป ในขณะที่ชาวบ้านยังคงนินทาเรื่องนี้กันต่อไป
"แม่แย้มเป็นอะไรทำหน้าเสียแบบนั้น" เสียงเย็นๆ นิ่งๆ ของนางปีบแม่ของประยงค์เอ่ยถามขึ้น
"ไม่มีอะไรหรอก"
นางแย้มไม่ได้พูดอะไรต่ออีก จึงทำให้นางปีบก็ไม่ได้มีคำถามอะไรกลับไปอีก
"ฉันขอกลับไปดูลูกหน่อยแล้วกันนะ" พูดจบนางแย้มรีบเดินลงมาจากบ้านและสวมรองเท้าจากนั้นซอยฝีเท้าอย่างเร็วเพื่อนกลับไปที่บ้านของตน
"พิกุล พิกุลลูก" นางแย้มที่มาจนถึงบ้านจึงออกเสียงเรียกลูกสาวของตน ก่อนจะเดินไปที่หน้าห้องของลูกตัวเองและเรียกพิกุลพรางสลับกับเคาะประตูไปด้วย
"กินข้าวเย็นรึยังลูก"
"ชั้นไม่หิวหรอกจ้ะ" เสียงพิกุลตะโกนตอบออกมาจากห้อง "ชั้นอยากนอน แม่อย่าพึ่งมายุ่งกับชั้นเถอะนะจ๊ะ"
"ได้พักผ่อนไปนะ"
[วันจันทร์ที่ 5 มิถุนายน ปี 2510]
ตั้งแต่เช้ามืดที่ทุกคนต่างเตรียมตัวสำหรับงานมงคลที่จะเกิดขึ้นให้วันนี้ รวมถึงพิกุลด้วยแม้ว่าจะตัองใช้เวลานานกว่าปกติกว่าจะแต่งหน้าที่มีน้ำตาไหลลงมาถูกเครื่องสำอางอยู่เรื่อยๆ แต่สุดท้ายช่างแต่งหน้าก็ทำออกมาจนเสร็จด้วยหน้าตาที่ดีอยู่แล้ว จึงทำให้ช่างไม่ต้องแต่อะไรมากมายก็จะให้พิกุลนั้นสวยขึ้นมาได้อีกมาก ชุดแต่งงานไทยประยุกต์สีโอลด์โรสอ่อนๆ ช่างเข้ากับพิกุลได้เป็นอย่างดี ทรงผมมวยเกล้าสูงที่ทำให้เธอดูเรียบร้อยมากขึ้น
แต่ทุกอย่างดีไปหมดหากพิกุลนั้นมีความสุข ตอนนี้ในใจของเธอเต็มไปด้วยความรู้สึกทุกข์ ทรมาน อย่างถึงที่สุด ถึงแม้บางคนอาจมองแค่ว่า 'เดี๋ยวมันก็ผ่านไป' 'แต่งไปเดี๋ยวก็รักกัน'แต่นั่นไม่ใช่สำหรับพิกุลสำหรับคนที่ยังอยากมีชีวิตอิสระจะความสัมพันธ์ต่างๆ
ภายนอกความรู้สึกของเธอ เสียงดนตรีครื้นเครงดังลั่นสนั่นไปทั่วขบวนสู่ของเจ้าสาวได้ใกล้มาถึงบ้านของพิกุลเรื่อยๆ
"พิกุลทำหน้าดีๆ หน่อยลูก" นางแย้มพูดและยื่นทิชชูให้พิกุลเพื่อนซับน้ำตา พิกุลได้แต่ทำตามเพราะไม่อยากให้แม่ของตนต้องขายหน้า
พิธีการต่างๆ ดำเนินไปด้วยความสุขของคนรอบข้าง ทุกอย่างลุล่วงไปด้วยดีพร้อมๆกับความคิดบางอย่างที่ผุดขึ้นมาให้หัวของพิกุลทีละนิดๆ เธอรู้ดีว่าสิ่งที่เธอคิดไม่ใช่เรื่องที่ดีที่ควร แต่เธอก็รู้ว่ามันเป็นวิธีเดียวที่จะช่วยเธอจากความทุกข์ทรมานนี้ได้
งานต่างๆ ดำเนินมาจนถึงจุดสุดท้ายการเข้าหอของบ่าวสาว ทุกคนจึงได้ย้ายกันมาอยู่ที่เรือนหอของทั้งคู่ซึ่งไกลออกมาจากบ้านของพ่อแม่ทั้งคู่อยู่พอสมควร หลังจากจบพิธีการทุกอย่างแล้วเเขกส่วนใหญ่ก็ทยอยกลับกันไปเรื่อยๆ เหลืออยู่แค่ไม่กี่คนซึ่งก็ไปรวมกันอยู่ที่บ้านของนางปีบเพื่อให้บ่าวสาวได้อยู่ด้วยกันตามลำพัง
"เอ่อ คือชั้นจะเปลี่ยนชุดน่ะ ช่วยออกไปก่อนได้มั้ย ชั้นไม่ชินน่ะ" พิกุลพูดขึ้นเพื่อให้ประยงค์ออกไปจากห้อง
"ได้ ได้" ประยงค์พูดพร้อมๆ กับก้าวออกมาจากห้อง ก่อนที่จะถูกพิกุลปิดประตูอัดหน้าเต็มๆ แต่เขาก็ไม่ได้มีอาการไม่พอใจแต่อย่างไร
"เธอดีเกินไปประยงค์" พิกุลพูดกับตัวเอง
"อ้าวออกมาทำไมว่ะ" เพื่อนที่มาร่วมงานแต่งของประยงค์ถามขึ้น
"ไม่มีอะไร แล้วมึงขึ้นมามีอะไร"
"ชวนไปกินเบียร์บ้านอีกหลังอ่ะ ไปมั้ย"
"เอ่อออ"
"ไม่เป็นไรเข้าใจเเล้วเพื่อน"
ภายในห้องของบ้านไม้ที่ด้านบนเพดานเต็มได้ด้วยคานพิกุลเรื่องที่จะจัดดึงโต๊ะเก้าอี้ตัวสูงมาวางไว้กลางห้อง แล้วจึงเริ่มฉีกเสื้อผ้าของตนในตู้ที่มีอยู่ที่ละนิด จนสามารถต่อเป็นเชือกผ้าได้ พิกุลขึ้นยื่นบนเก้าอี้ด้วยความสั่นเทาก่อนจะโยนผ้าขึ้นไปเพื่อผูกเข้ากับคานจนเป็นปมบ่วงห้อยลงมาเหนือคอของเธอเล็ก น้ำตาอาบชุ่มไปทั้งแก้ม ตาของพิกุลแดงขึ้นเพราะร้องไห้อย่างเห็นได้ชัดสองมือจับกำไปที่เชือกก่อนจะวางคอลงไป และถีบเก้าอี้ให้ล้มลงเสียงดัง ตัวของเธอลอยสูงอยู่เหนือพื้นสีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความทรมานจากแรงรัด ลิ้นเริ่มทะลักออกมาอย่างน่าสยดสยอง
"เสียงอะไรวะ" เพื่อนของประยงค์พูดขึ้นเพราะได้ยินเสียงดังออกมาจากห้อง
ทั้งคู่มั่นใจว่าไม่ได้หูฝาดจนเริ่มดันประตูอย่างแรง
"ถอดออก!!" ประยงค์พูดขึ้นมาเสียงดัง ก่อนจะถีบเข้าไปที่ประตูอย่างแรงประมาณสองสามครั้ง จนทำให้ประตูเปิดออก
ก่อนจะพบกับพิกุลที่ตัวห้อยอยู่กับเชือกผ้าเหนือพื้น ประยงค์พยายามยกตัวพิกุลให้สูงขึ้น ก่อนที่เพื่อนจะพยายามแก้มัดเชือกจนสำเร็จ
"พิกุล! พิกุล!!"
"เดี๋ยวกูไปตามผู้ใหญ่มา" เพื่อนประยงค์ก้าวออกไปด้วยความตกใจก่อนที่จะต้องหยุดฝึเท้าลงเพราะเสียงตะโกนของพิกุลที่ดังขึ้นบนบ้าน เขาวิ่งขึ้นกลับไปดูว่าทุกอย่างเป็นยังไง
"พิกุลยังปลอดภัยว่ะมึง" ประยงค์พูดออกมาด้วยหน้าตาที่ทั้งตกใจทั้งสงสัย
"ทำไม ทำหน้าแบบนั้นว่ะ"
"เปล่า มึงกลับไปกินเบียร์เถอะ กูต้องอยู่ดูพิกุล"
"อยู่ได้นะมึง" เสียงเป็นห่วงดังออกมาจากปากของเพื่อนประยงค์
"เออได้"
"ได้" พูดจบเขาเดินออกมาจากบ้านปล่อยให้ประยงค์อยู่กับพิกุลเพียงสองคน
ประยงค์ยังคงทำหน้าสงสัยอยู่ก่อนที่จะอุ้มพิกุลขึ้นไปนอนบนเตียง "เมื่อกี้มัน เสียงใคร"
[?????]
จนในที่สุดฉันก็ตื่นขึ้นอีกครั้งในที่ ที่มืดมิด ราวกับฉันกำลังจมอยู่ในน้ำทะเล ฉันลอยค้างนิ่งอยู่ในความมืดก่อนที่ฉันจะเริ่มขยับตัวเพื่อมองไปรอบๆ ฉันได้พบกับใครคนหนึ่งที่กำลังขยับเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ก่อนที่ฉันจะเริ่มตกลงอย่างรวดเร็วจนในที่สุดฉันก็ได้เจอกับพื้นสีฟ้าเข้มสวยงามแต่ฉันก็ยังคงทะลุต่อไปเรื่อยๆ พร้อมกับร่างเปือยเปล่าหลังจากสัมผัสกับพื้นสีเมื่อครู่ และในที่สุดฉันก็เริ่มที่จะพยายามเข้าใจมัน ฉันหลับตาลงแล้วร่วงหล่นไปพร้อมๆ กับสิ่งที่เกิดขึ้น
...*********************************************...
...ตัวอย่าง บทถัดไป...
...//"วันนี้วันเกิดผมน่ะ แต่ถ้าพี่ไม่ว่างตอนพักเที่ยง เปลี่ยนเป็นตอนเย็นได้มั้ย" "พุดเป็นไรว่ะ" "ไม่ ไม่มี"//...
...🌟🌟 นิยายเรื่องนี้อยู่ภายใต้นามปากกา k.n. star light เนื้อเรื่องทั้งหมดจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องที่แต่งภายใต้นามปากกา k.n.star light 🌟🌟...
^^^ติดตามเพื่อรับข่าวสาร^^^
^^^ig : iamnine.krp^^^
^^^x : @iamninekrp^^^
^^^threads : iamnine.krp^^^
^^^public : 2024/03/07 ^^^
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!